วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พัฒนาความสามารถเป็นเลิศในการค้นหาแนวคิดธุรกิจใหม่

ทำการบ้านมาให้เรียบร้อย แล้วคุณจะลดโอกาสที่ธุรกิจขนาดเล็กของคุณจะล้มเหลวให้น้อยลงได้

**
การเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง
**

การค้นคว้าวิจัยนี้เปรียบเสมือนการมอบหมาย การบ้านให้กับผู้ที่กำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจ เพียงแต่ว่าคะแนนที่ได้ในตอนท้ายคือการหมายถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของ ธุรกิจของคุณ

งานที่มอบหมายคือโครงการวิจัยโครงการหนึ่ง ซึ่งคุณจะต้องวิจัยถึงความเป็นไปได้ของแผนธุรกิจของคุณ ผมกำลังจะแนะนำให้คุณทราบถึงวิธีทำการวิจัยค้นคว้าให้เพียงพอก่อนที่จะเริ่ม ต้นธุรกิจ

นักธุรกิจจำนวนมากต่างยังคงถกเถียงกันว่า คำว่า "เพียงพอ" นั้นมีความหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร ผมจึงขอเสนอรายการตรวจสอบขององค์ประกอบบางส่วนสำหรับใช้วัดว่าโครงการวิจัย ค้นคว้าธุรกิจนั้นมีการวิจัยอย่างเพียงพอแล้วหรือไม่

การวิจัยตลาด

ฟัง ดูแล้วน่าประหลาดใจ แต่มีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนมากที่เริ่มธุรกิจโดยไม่เข้าใจตลาดที่เขา กำลังวางแผนให้บริการอยู่ สิ่งที่มีความสำคัญมากก็คือ คุณต้องทราบถึงขนาดของศักยภาพของตลาด ซึ่งมีผลให้คุณสามารถทราบประเภทการตอบรับที่ลูกค้าจะให้แก่สินค้าหรือบริการ ของคุณ

ข้อมูล ด้านประชากรศาสตร์ การพยายามขายสินค้าโดยที่คุณไม่ทราบว่าผู้ซื้อมีเงินในกระเป๋าของเขาหรือไม่ ย่อมเป็นหนทางสู่ความล้มเหลวอย่างแน่นอน คุณควรทราบข้อมูลต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังตลาดของคุณ ซึ่งรวมถึงระดับรายได้ ช่วงอายุ การขยายหรือการหดตัวของตลาดกลุ่มเป้าหมายของคุณ สำหรับแหล่งข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ประกอบด้วยหน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงาน ภาษีต่างๆ และในระดับท้องถิ่น ข้อมูลรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง (เป็นข้อมูลที่ล้ำค่าหากคุณต้องการข้อมูลด้านอายุของกลุ่มเป้าหมายทางการ ตลาดของคุณ)

ความเห็นของลูกค้า องค์ประกอบของการวิจัยตลาด ที่มีความสำคัญพอกันก็คือ การรับความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวของลูกค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าคาดหวังหรือลูกค้าเดิม ให้ถามว่าเขาเทิดทูนคุณค่าสิ่งใด อาจจะเป็นเรื่องราคาต่ำ การบริการลูกค้า หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งของสินค้าหรือบริการ หากคุณกำลังคิดจัดทำธุรกิจใหม่หรือปรับปรุงสินค้าที่มีอยู่เดิม ให้ถามลูกค้าว่าบริษัทคุณจะสามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างไรบ้าง Peter Meyer ซึ่งเป็นผู้เขียนเรื่อง "Creating and Dominating New Markets" กล่าวว่า "การวิจัยที่มีประสิทธิภาพสามารถระบุปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขได้ "ให้ทำการสัมภาษณ์ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ หากไม่ใช่ลูกค้าให้ถามว่าทำไมจึงไม่ซื้อ มีสินค้าใดบ้างที่สามารถขายพวกเขาได้ หรือมีปัญหาใดที่ต้องแก้ไขเพื่อให้ได้เป้าหมายดังกล่าว"

คู่ แข่ง องค์ประกอบที่สามของการวิจัยตลาดคือ รู้ว่าใครคือคู่แข่งของคุณ และสิ่งที่แน่นอนคือ คุณต้องแข่งกับคนอื่น อย่าทึกทักเอาว่า คุณเป็นคนเดียวในประเภทธุรกิจที่ทำอยู่ การวิจัยในสถานที่จริงจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง สังเกตรูปแบบการซื้อของลูกค้า ดูกระแสการเคลื่อนที่ขึ้นลงทั้งในเรื่องจำนวนลูกค้าและประเภทสินค้าที่ซื้อ และหากเป็นร้านค้าปลีก ไม่ต้องอายในการเข้าไปซื้อของด้วยตัวคุณเอง ตัวเลือกการวิจัยอื่นๆ ประกอบด้วยการเข้าชมเว็บไซต์ของคู่แข่ง หรือหากบริษัทคู่แข่งเป็นบริษัทมหาชน ให้ขอเอกสารทุกชนิดเท่าที่บริษัทมหาชนต้องจัดบริการให้ ท้ายที่สุด แม้ว่าเรามักจะมองหาจุดบกพร่องของคู่แข่งอยู่เสมอ เราก็ควรมองหาข้อดีของเขาด้วย David Gumpert ซี่งเป็นผู้เขียนเรื่อง "How to Really Start Your Own Business" กล่าวว่า "ศึกษาว่าพวกเขาสามารถทำเงินได้อย่างไร อย่าดูแต่เพียงว่าพวกเขาทำอะไรพลาดบ้าง ให้ดูว่าพวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างไรด้วย"

การ ตั้งราคา

องค์ประกอบรองลงมาของการวิจัยตลาดคือการทำการบ้านเรื่อง จำนวนเงินที่คุณจะเก็บจากลูกค้า โดยปกติ การทราบถึงราคาท้องตลาดในขณะนั้นซึ่งทำให้ธุรกิจอยู่ได้จะเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ การตั้งราคาค่าบริการต่างๆ ของคู่แข่ง ตลอดจนข้อมูลจากสมาคมการค้าและสมาคมวิชาชีพต่างๆ จะมีประโยชน์อย่างมาก Meyer แนะนำว่าต้องให้ความสนใจทุกองค์ประกอบที่มีส่วนในการกำหนดราคาหรือค่าบริการ ในขั้นสุดท้าย "การกำหนดราคาเป็นเครื่องมือทางการตลาดมากกว่าจะเป็นวิธีการรับค่าใช้จ่ายใน การผลิตสินค้ากลับคืน ผู้คนจะยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับสินค้าหรือโซลูชันที่มีคุณค่า ดังนั้น จึงควรวิจัยคุณค่าทั้งหมดของสินค้าของคุณ"

ที่ตั้ง

ใช่ คาถาที่ว่า "ที่ตั้ง ที่ตั้ง ที่ตั้ง" ยังคงความขลังอยู่ และยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นหากเป็นธุรกิจขายปลีก ให้ถามหาการวิเคราะห์เส้นทางเดินเท้าจากเจ้าของที่ของคุณ เช่นเดียวกัน การเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำ ตรวจสอบเส้นทางเดิน ที่จอดรถ และธุรกิจข้างเคียงที่อาจมีผลในการส่งเสริมหรือขัดขวางการไหลของลูกค้าของ คุณ และอย่ามองข้ามความสำคัญของที่ตั้งแม้ว่าคุณจะไม่ได้ขายเพชรพลอยหรือเสื้อ ผ้า เพราะที่ตั้งที่มีความสะดวกและมีชื่อเสียงก็จะมีความเหมาะสมกับบริษัทที่ ปรึกษาเปิดใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ให้ตรวจสอบข้อมูลและแนวโน้มการซื้อที่มีอยู่ของผู้ที่อาศัยอยู่ใน บริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย

วิจัยค่าใช้จ่าย

การทราบจำนวน เงินที่ไหลออกจากธุรกิจของคุณในรูปของค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการคำนวณ จำนวนเงินที่คุณต้องนำเข้ามาเพื่อให้ธุรกิจของคุณยืนอยู่ได้ คุณควรวิจัยต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยรวมทุกๆ รายการตั้งแต่เงินเดือนจนถึงค่าเช่า และอย่างน้อยในช่วงหนึ่งปีหรือสองปีแรก ให้เฉลี่ยค่าใช้จ่ายที่ได้นี้เพิ่มขึ้นครั้งละ 3 เดือน Gumpert กล่าวเสริมว่า ในการประมาณการค่าใช้จ่ายควรประมาณการให้เพิ่มมากขึ้น "สิ่งของอาจมีราคามากกว่าที่คุณคิดก็ได้ เช่นเดียวกับการใช้เวลามากกว่าที่ประมาณการไว้ในการขายลูกค้ารายแรกได้"

จุด ที่เพียงพออยู่ตรงไหน

แม้ว่าการวิจัยจะต้องดำเนินการจนถึงระดับที่ เพียงพอเพื่อการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ แต่อาจถึงจุดๆ หนึ่งที่ความเพียงพอกลายเป็นเรื่องที่มากเกินไป อย่าทำวิจัยจนมีข้อมูลจำนวนมากถึงขนาดที่ทำให้การตัดสินใจกลายเป็นภาระ เสมือนกับเข็นครกขึ้นภูเขา ลองดูว่าข้อมูลที่ได้จากการวิจัยเป็นข้อมูลที่เป็นจริงเพียงไร เช่น เมื่อรายได้คุณเข้าเป้า หรือข้อมูลการเดินเท้าของลูกค้าตรงกับที่ประมาณการไว้ แสดงว่างานวิจัยของคุณตรงตามความเป็นจริง และ Meyer ยังกล่าวว่า ให้สังเกตข้อมูลที่เกิดขึ้นซ้ำๆ "หากคุณตั้งคำถาม และได้คำตอบเหมือนกันทุกๆ ครั้ง คุณรู้แล้วว่าคุณมาถูกทาง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น