วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

สเปนค้นพบสารธรรมชาติ"ทีเอ-65" ยืดเวลาความเป็นหนุ่มสาว

สเปนค้นพบสารธรรมชาติ"ทีเอ-65" ยืดเวลาความเป็นหนุ่มสาว






คณะนักวิจัยศูนย์เซียร์รา ไซเอินซ์ ทีเอ ไซเอินซ์ ของบริษัทเจอรอน คอร์เปอเรชั่น ฟิสิโอเอจ และศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งชาติของสเปน เปิดเผยการค้นพบสารธรรมชาติ รหัส "ทีเอ-65" ก้าวแรกสู่การสรรหาวิธียืดเวลาความเป็นหนุ่มเป็นสาว

สารทีเอ-65 ถือเป็นการค้นพบสารธรรมชาติชนิดแรกที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สามารถกระตุ้นให้เอนไซม์เทโลเมอร์เรสทำงานได้ โดยเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่สร้างสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ ส่วนปลายซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของดีเอ็นเอ เรียกว่า "เทโลเมียร์" โดยบริเวณดังกล่าวทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนของดีเอ็นเอส่วนสำคัญที่อยู่ก่อนถึงปลายสาย ซึ่งส่วนของเทโลเมียร์จะสั้นลงเรื่อยๆ ขณะผ่านกระบวนการถอดรหัส (ทรานสคริปชั่น) และแปลรหัสพันธุกรรม (ทรานสเลชั่น) ในขั้นตอนการแบ่งเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เทโลเมียร์นั้นเป็นส่วนที่มีผลต่อการกำหนดอายุขัยของมนุษย์ เนื่องจากเซลล์ที่มีเทโลเมียร์ยาวจะสามารถแบ่งตัวได้อย่างต่อเนื่องและถาวร ส่งผลให้มนุษย์มีสภาพกึ่ง "อมตะ" คือ แทบไม่แก่ลงเลย

จากการศึกษาเชิงระบาดวิทยา พบว่า มนุษย์ที่มีเทโลเมียร์สั้นลงนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดแดงตีบ เบาหวาน อัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง โดยสารทีเอ-65 จะช่วยกระตุ้นให้เอนไซม์ดังกล่าวสร้างเทโลเมียร์ขึ้นทดแทน ซึ่งยังผลให้ภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพเนื่องจากร่างกายสามารถผลิตเม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับโรคเรื้อรังได้อย่างถาวร อันจะมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ก่อโรคเอดส์ ซึ่งโจมตีภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยการทำให้เม็ดเลือดขาวแก่ตาย

อย่างไรก็ตาม ทีเอ-65 ยังมีฤทธิ์กระตุ้นที่อ่อนเกินกว่าจะรักษาความแก่ชราได้อย่างสิ้นเชิง แต่จะสามารถยืดอายุขัยได้ราว 5-20 ปี และทำให้แลดูหนุ่มสาวขึ้น โดยสารดังกล่าวจะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นและผลิตออกมาให้ผู้บริโภคในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ก็อาจมีปัญหาน่าวิตกตามมาเรื่องประชากรมนุษย์ล้นโลก

เทคนิคการสลายโรคแนวใหม่ ด้วยเหรียญหลวงปู่ปราบมาร ::: DMC Dhamma Media Channel

เทคนิคการสลายโรคแนวใหม่ ด้วยเหรียญหลวงปู่ปราบมาร ::: DMC Dhamma Media Channel

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

9 บทเรียนทองของสตีฟ จอบส์

9 บทเรียนทองของสตีฟ จอบส์

9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน

1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม”

นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้

2. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “จงเป็นคนที่มีคุณภาพสูง คนบางคนไม่เคยชินกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดหวังความเป็นเลิศ”

ไม่มีหนทางลัดสู่ความเป็นเลิศ คุณจะต้องตั้งใจและให้ความสำคัญ ใช้ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทำให้มากกว่าคนอื่น มีมาตรฐานสูงกว่า และใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ความเป็นเลิศไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องลงมือทำทันที แล้วคุณจะประหลาดใจในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต

3. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “วิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม คือ คุณต้องรักในสิ่งที่ทำ ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่รักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อยๆ อย่าด่วนสรุป เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจ คุณจะรู้ได้เอง เมื่อเจอสิ่งที่รัก”

จงทำในสิ่งที่รัก มองหาอาชีพการงานที่ทำให้คุณมีจุดประสงค์ ทิศทาง และความพึงพอใจในชีวิต เมื่อคุณมีเป้าหมายและพยายามไปให้ถึง มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมาย ทิศทาง และความพอใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แต่ยังจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค

4. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “คุณก็รู้ว่า อาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง เราสวมใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นผลิต เราพูดภาษาที่คนอื่นพัฒนาขึ้น เราใช้คณิตศาสตร์ที่คนอื่นค่อยๆปรับปรุงมาเรื่อยๆ ผมหมายถึงว่า เราเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คงเป็นความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มอย่างยิ่งที่เราสามารถสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ”

จงใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม พยายามทำให้เกิดความแตกต่างบนโลกใบนี้และมีส่วนร่วมให้เกิดสิ่งที่ดีงามยิ่งขึ้น คุณจะพบว่า มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นยาแก้ความเบื่อหน่ายที่ได้ผลดีอีกด้วย ลองมองไปรอบๆตัว แล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งต่างๆให้คุณทำอยู่เสมอ และจงพูดคุยกับผู้อื่นถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ แต่อย่าพร่ำสอน หรือคิดว่าตัวเองถูกต้อง หรือหลงตัวเอง เพราะจะทำให้คนอื่นไม่อยากคุยด้วย ขณะเดียวกัน คุณต้องไม่กลัวที่จะทำตนเป็นตัวอย่าง และใช้โอกาสที่มี บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ

5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “มีคำพูดในพุทธศาสนาว่า จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า

มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ

6. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เราคิดว่า โดยทั่วไปแล้ว คุณดูโทรทัศน์เพื่อพักสมอง และคุณใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการให้สมองทำงาน”

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจำนวนมากที่ยืนยันหนักแน่นว่า การดูทีวีส่งผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก แม้จะรู้ว่า มันทำให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ดังนั้น จงปิดทีวีซะ เพื่อถนอมเซลล์สมอง แต่ต้องระวัง เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นการพักสมองได้เช่นกัน ลองเปลี่ยนมาเล่นเกมที่พัฒนาสติปัญญาดีกว่า

7. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ผมสูญเงินไป 250 ล้านดอลลาร์ภายใน 1 ปี มันทำให้ผมรู้จักตนเองดีขึ้น”

อย่ามองว่า การทำผิดกับความผิดเป็นเรื่องเท่าเทียมกัน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดเลยนั้น ไม่มีหรอก มีแต่คนที่ประสบความสำเร็จ เคยทำผิดพลาดและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อทำให้ถูกต้องในครั้งต่อไป พวกเขามองความผิดพลาดเป็นเครื่องเตือนสติ มากกว่าความสิ้นหวัง การไม่เคยทำผิดเลย แสดงว่า คนนั้นไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

8. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด เราเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วก็ได้ทำสิ่งผิดพลาดเช่นกัน ไม่งั้นแล้ว เราจะเกิดมาทำไม”

คุณรู้หรือไม่ว่า มีเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในชีวิต และรู้หรือไม่ว่า เรื่องสำคัญเหล่านั้นจะถูกฝุ่นจับ เมื่อคุณใช้เวลามัวแต่นั่งคิดมากกว่าลงมือทำ เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้กับชีวิตของเราเอง ของขวัญที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็น ของขวัญชิ้นนี้ แท้จริงแล้ว มันคือเป้าหมายของเรานั่นเอง และคุณตั้งเป้าหมายของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ครู พ่อแม่ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจเลือกเป้าหมายให้คุณได้ คุณต้องหาจุดมุ่งหมายด้วยตัวคุณเอง

9. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เวลาของคุณมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น อย่าติดอยู่ในหลักความเชื่อ ซึ่งทำให้คุณใช้ชีวิตตามผลความคิดของผู้อื่น อย่ายอมให้เสียงความคิดของคนอื่น มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และทีสำคัญที่สุด คือ คุณต้องมีความกล้า ที่จะทำตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ เพราะมันรู้ดีว่า จริงๆแล้ว คุณต้องการเป็นอะไร เรื่องอื่นๆกลายเป็นเรื่องรองไปโดยสิ้นเชิง”

คุณเบื่อหรือเปล่าต่อการใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย ก็มันเป็นชีวิตของคุณเอง คุณมีสิทธิใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตัวเองฝึกความคิดริเริ่มในบรรยากาศที่ปราศจากความกลัวและแรงกดดัน จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็นเจ้านายตัวเอง

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 118 กันยายน 2553 โดย บุญสิตา)

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

เทคโนโลยี 3G คืออะไร : อาหารสมอง

เทคโนโลยี 3G คืออะไร : อาหารสมอง

การตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็นบิดา ( DNA paternity testing ) : อาหารสมอง

การตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็นบิดา ( DNA paternity testing ) : อาหารสมอง

6 วิธี สร้างกำลังใจให้ลูกน้องที่กำลังหมดไฟ

JOBBKK6 วิธี สร้างกำลังใจให้ลูกน้องที่กำลังหมดไฟ

5 เคล็ดลับการทำงานสู่ความสำเร็จ

5 เคล็ดลับการทำงานสู่ความสำเร็จ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

การให้อภัย ::: DMC Dhamma Media Channel

การให้อภัย ::: DMC Dhamma Media Channel

ช่องว่างระหว่างวัย “Generation gap” ::: DMC Dhamma Media Channel

ช่องว่างระหว่างวัย “Generation gap” ::: DMC Dhamma Media Channel

ฆราวาสธรรม4-ธรรมของผู้ครองเรือน ::: DMC Dhamma Media Channel

ฆราวาสธรรม4-ธรรมของผู้ครองเรือน ::: DMC Dhamma Media Channel

พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุิ อยู่ที่ใดบ้าง - DMC Forum

พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุิ อยู่ที่ใดบ้าง - DMC Forum

คิดในทางบวก - DMC Forum

คิดในทางบวก - DMC Forum

บุญกฐิน รวย 24 น. เปิดปั๊ม LPG ::: DMC Dhamma Media Channel

บุญกฐิน รวย 24 น. เปิดปั๊ม LPG ::: DMC Dhamma Media Channel

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ชีวิตของมนุษย์-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ชีวิตของมนุษย์-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ภาวนา..ทางมาแห่งคุณสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

ภาวนา..ทางมาแห่งคุณสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

ภัยของวัฏสงสาร-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ภัยของวัฏสงสาร-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

การทำสมาธิภาวนาเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย ::: DMC Dhamma Media Channel

การทำสมาธิภาวนาเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย ::: DMC Dhamma Media Channel

กายมนุษย์ทำกรรมดีได้มากที่สุด-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

กายมนุษย์ทำกรรมดีได้มากที่สุด-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

ออกแบบชีวิตด้วยภาวนา ::: DMC Dhamma Media Channel

ออกแบบชีวิตด้วยภาวนา ::: DMC Dhamma Media Channel

พบความสุขที่แท้จริงด้วยสมาธิ ::: DMC Dhamma Media Channel

พบความสุขที่แท้จริงด้วยสมาธิ ::: DMC Dhamma Media Channel

การกำจัดกิเลสด้วยบุญ ::: DMC Dhamma Media Channel

การกำจัดกิเลสด้วยบุญ ::: DMC Dhamma Media Channel

เราคือ..ผู้ออกแบบชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

เราคือ..ผู้ออกแบบชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

การส่งผลของกรรมใกล้ตาย-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

การส่งผลของกรรมใกล้ตาย-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

การทำหน้าที่กัลยาณมิตร

เมล็ดพันธ์แห่งกัลยาณมิตร

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

วันเสาร์ที่ ๑๓ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

--------------------------------------------

ในการสร้างบารมี เราต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทะลุเป้า เราก็ต้องทำให้ได้ ถ้าตามลำพังเรามีกำลังไม่พอ เราก็ใช้ดวงปัญญาและกำลังใจไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ไปเชิญชวนผู้มีบุญ ซึ่งเป็นเจ้าของบุญ กำลังรอคอยเราอยู่เยอะแยะในทุกสถาน พอเจอหน้า ถ้าเป็นคน แล้วก็ให้ชวนทำบุญเลย ซึ่งก็จะมีบางคนชวนปุ๊บก็ทำปั๊บ บางคนขอคิดดูก่อน บางคนก็มีปฏิกิริยา ให้เราเพิ่มขันติบารมี อย่างนี้มี แต่สิ่งที่เราได้หว่านเมล็ดพืชแห่งกัลยาณมิตรก็จะไปเจริญเติบโตในดวงใจเขา รอวันที่งอกเงยมาเป็นต้น สักวันหนึ่งก็จะต้องมีใบ มีดอก มีผล แล้วเขาจะกลับมาระลึกนึกถึงเรา ที่ไปทำหน้าที่เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรจ้ะ


การทำหน้าที่กัลยาณมิตร

หลักสำคัญที่สุดของการทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือการปฏิบัติธรรม


ปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมบุญกุศลไว้ในตัวมาก ๆ แล้วตัวเราจะมีพลังใจที่เข้มแข็ง เบิกบาน มีความสุข กระแสแห่งความสุขใจของเราจากการประพฤติปฏิบัติธรรม จะแผ่ขยายออกไปรอบตัว เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ

บุคคลใดก็ตามที่เข้าใกล้เรา เขาจะมีความรู้สึกเย็นใจ สุขใจ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคนเดินฝ่าเปลวแดดร้อนแรงมา แล้วเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่ ได้นั่งพักใต้ร่มไม้นั้น ย่อมมีความเย็นกาย เย็นใจฉะนั้น

และการที่พวกเราออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น ไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพก็ดี อย่าคิดว่าเราทำหน้าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในการพบปะหมู่ญาติเพื่อนร่วมโลกของเรา ที่จะเชิญชวนให้เขามาสร้างบุญร่วมกับเรา อย่าลืมว่าหลวงพ่อไปกับลูก ๆ ด้วย ให้ระลึกเสมอว่า เราทุก ๆ คนอยู่ในศูนย์กลางธรรมกายของหลวงพ่อ และคุณยายท่านเสมอ ให้ตรึกใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทุกครั้งที่ออกไปทำหน้าที่ ณ ตำแหน่งตรงนี้เราจะเปิดใจพบกับหลวงพ่อ ถ้าเราทำได้อย่างนี้การทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเราก็จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์

(พระราชภาวนาวิสุทธิ์)

3 สิงหาคม 2528

ใช้ ยาอะไรอยู่? ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ " Ya & You " ได้แล้ว !

ใช้ ยาอะไรอยู่? ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ " Ya & You " ได้แล้ว !

www.yaandyou.net

ใช้ ยาอะไรกันอยู่ ตรวจสอบข้อมูลยา และวิธีใช้ที่ถูกต้องผ่านเว็บไซต์ Ya & You ได้แล้ว

เปิดใช้งานแล้วเว็บไซต์ "Ya&You" ให้ผู้ป่วยตรวจสอบ

ยาในมือ เพื่อการใช้ยาที่ถูกต้อง-ลดผลข้างเคียงจากยา

โดยสามารถสืบค้นได้ทั้งชื่อยาสามัญ และการค้า รวมถึงวิธีใช้

ผลข้างเคียง ระบุมีข้อมูลยาในไทยแล้ว 17,000 เลขทะเบียนยา

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา

(มูลนิธิ วพย.) แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ " ยา กับ คุณ"

( Ya & You ) www.yaandyou.net ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 51 หลังจากได้ลงนามความร่วมมือไปก่อนหน้านี้ โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีเป็นประธานในงาน

ผศ.ภญ.ดร.ภูรี อนันตโชติ กรรมการมูลนิธิเพื่อการวิจัย และพัฒนาระบบยา กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ภายในงานแถลงข่าวว่า พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้นมา เนื่องจากไม่มีเว็บไซต์ข้อมูลยาที่เป็นภาษาไทย หรือมีก็เป็นข้อมูลที่น้อยมาก ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับยาเป็นภาษาอังกฤษมีค่อนข้างมาก ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่การกินยาต้องอยู่กับเราอีกนาน จึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเ กี่ยวกับยา

" หลักๆ คือได้ยามาแล้วต้องรู้อะไรบ้าง ต้องกินอย่างไร ถ้ามียาอยู่ในมือแล้วจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม และข้อมูลจากเว็บไซต์จะช่วยเตรียมพร้อมก่อนไปพบแพทย์ว่าต้องถามอะไรกับแพทย์ บ้าง เพราะเรามีช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้คุยกับแพทย์จึงต้องใช้ช่วงเวลานั้นให้เต็มที่ ทั้งนี้มีงานวิจัยของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ในสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้งานถึง 30% จากค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคทั้งหมด" ผศ.ภญ.ดร.ภูรีกล่าว

ทั้งนี้ในความร่วมมือทางมูลนิธิ วพย.เป็นฝ่ายเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยา ส่วนทางเนคเทคเป็นฝ่ายพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที โดยข้อมูลภายในเว็บไซต์ระบุเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา ชื่อยาสามัญ ชื่อยาทางการค้า วิธีการใช้ โดยเป็นยาที่มีใช้เฉพาะในเมืองไทย และส่วนใหญ่เป็นยาเม็ด ส่วนยาสามัญประจำบ้าน อย่างยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดงนั้นไม่ได้ระบุไว้

ผศ.ภญ.ดร.ภูรี ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีข้อมูลชื่อสามัญของยาเดี่ยว 600 รายชื่อแล้ว นับเป็น 60-70% ของยาทั้งหมด และหากรวมรูปแบบยาประเภทยาน้ำ ยาเม็ดนั้นมีทั้งหมด 900 รายชื่อ ทั้งนี้เป็นข้อมูลยาทั้งหมด 17,000 เลขทะเบียนยา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อมูลยาทั้งหมด 30,000 เลขทะเบียนยา

" อนาคตจะเพิ่มเติมในส่วนของรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สืบค้นกรณีไม่ทราบชื่อยาแต่มีตัวอย่างยาด้วย รวมถึงการเพิ่มข้อมูลในส่วนของยาหยอด ทายาและยาน้ำ ส่วนยาฉีดมองว่า เป็นเรื่องของโรงพยาบาลจึงไม่ใส่ข้อมูลในส่วนนี้ ยกเว้น ข้อมูลเกี่ยวกับอินซูลิน ยาฉีดรักษาไตและยาฉีดรักษามะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยทราบว่าใช้ยาแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร " ผศ.ภญ.ดร.ภูรี กล่าวและย้ำว่าวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ก็เพื่อให้ผู้ใช้ยาสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับยาที่ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยสืบค้นวิธีรักษาด้วยตัวเอง

ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยคลังอนุพันธุ์ความรู้ เนคเทค กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากปัญหาที่ ผู้ป่วยได้ยามาแล้วใช้ไม่ถูกต้อง และเห็นว่าเป็นประโยชน์ตรงๆ และเป็นเรื่องพื้นๆ ซึ่งโดยปกติข้อมูลยาภาษาอังกฤษมีเยอะมากแต่ไม่มีข้อมูลที่เป็นภาษาไทย ทางเนคเทคก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีสำหรับสืบค้นข้อมูลได้ตามต้องการ โดยใช้โอเพ่นซอร์ส ( Open Source) สำหรับสร้างเว็บไซต์

ทั้งนี้เนคเทคและมูลนิธิ วพย.มีความร่วมมือกันตั้งแต่ต้นปีก่อนที่จะลงนามความร่วมมือในการพัฒนา เว็บไซต์นี้ขึ้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงพัฒนามาถึงขั้นใช้งานได้จริง และ ดร.จุฬารัตน์ยังระบุด้วยว่า เนคเทคยังมีความร่วมมือในการพัฒนาเว็บไซต์ฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ e-museum ที่ร่วมมือกับสภากาชาดไทยพัฒนาพิพิธภัณฑ์เสมือน e-Health ที่รวมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีนำข้อมูลจากโครงการไซส์-ไทยแลนด์ ( Size-Thailand) ซึ่งรวบรวมข้อมูลรูปร่างกับข้อมูลทางด้านการแพทย์ เป็นต้น

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)

มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์
(เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)

ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :

1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!

2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์

3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม

4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน

5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ

7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1

8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์

9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่ สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์

10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน

11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :

ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง

มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

กรรมให้ผลตามลำดับ-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

กรรมให้ผลตามลำดับ-วงจรชีวิต ::: DMC Dhamma Media Channel

อานิสงส์การบวช กับ สามัญญผล ::: DMC Dhamma Media Channel

อานิสงส์การบวช กับ สามัญญผล ::: DMC Dhamma Media Channel

บุญไม่มีขายอยากได้ต้องทำเอง ::: DMC Dhamma Media Channel

บุญไม่มีขายอยากได้ต้องทำเอง ::: DMC Dhamma Media Channel

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

Facebook กับโรคหลงตัวเอง

Facebook กับโรคหลงตัวเอง

11 เหตุผลที่เฟสบุคคุณถูกระงับ

11 เหตุผลที่เฟสบุคคุณถูกระงับ

เคยล้มแต่ไม่เคยเลิก[Never Give Up] : อาหารสมอง

เคยล้มแต่ไม่เคยเลิก[Never Give Up] : อาหารสมอง

10 อาชีพที่ไม่มีวันจน.... : อาหารสมอง

10 อาชีพที่ไม่มีวันจน.... : อาหารสมอง

มารู้จัก 'ศัพท์แชท' วัยรุ่นอเมริกันกันเถอะ! : อาหารสมอง

มารู้จัก 'ศัพท์แชท' วัยรุ่นอเมริกันกันเถอะ! : อาหารสมอง

รูปงาม – หมวดรูปสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

รูปงาม – หมวดรูปสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

อายุยืน สุขภาพดี – หมวดรูปสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

อายุยืน สุขภาพดี – หมวดรูปสมบัติ ::: DMC Dhamma Media Channel

ทาน-ทางมาแห่งทรัพย์สมบัติ ความหมายของทาน ::: DMC Dhamma Media Channel

ทาน-ทางมาแห่งทรัพย์สมบัติ ความหมายของทาน ::: DMC Dhamma Media Channel

Jesse Livermore นักเก็งกำไรบันลือโลก - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

Jesse Livermore นักเก็งกำไรบันลือโลก - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

อาหาร Fast Food จากต่างประเทศอันตราย บริโภคแล้วเป็นมะเร็ง

อาหาร Fast Food จากต่างประเทศอันตราย บริโภคแล้วเป็นมะเร็ง
Fast Food จากต่างประเทศ มีไขมันทรานส์ (Trans Fat) เป็นจำนวนมาก
ไขมันทรานส์ จะเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดเลว และ ลดระดับของโคเลสเตอรอลชนิดดีให้ลดลง
ไขมันทรานส์ เป็น ไขมันที่ทำให้ ผนังเส้นเลือดจะสะบักสะบอม เต็มไปด้วยคราบไขอุดตัน
Big Mac แฮมเบอเกอร์ มีไขมันทรานส์ 1.5 กรัม
เฟรนช์ฟราย (french fries) ขนาดใหญ่ 170 กรัม มีไขมันทรานส์ 8 กรัม
ไขมันทรานส์ มีใน "อาหารสำเร็จรูป จากต่างประเทศ" และ "Fast Food จากต่างประเทศ"
Fast Food จากต่างประเทศ บริโภคแล้วเป็นมะเร็ง

(1.) แฮมเบอร์เกอร์ จัดเป็นอาหารประเภทที่ “มีความเสี่ยงสูง” เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ “เนื้อ” มาใช้ปรุงทำให้มี “แบคทีเรีย” เกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้ “สารเคมีสีแดง” มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ “สารปรุงรส”(MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ โดย “MSG” เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย
มีสารอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

(2.) ฮอทด็อก

เป็นอีก “เมนูอันตราย” เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ และ “ฮอทด็อก” ทั้ง หมดยังใส่ “สารไนไตรท์” เพื่อช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม โดย “สารไนไตรท์” เป็นสารที่ทำให้เกิด “โรคมะเร็ง” ในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมองและมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ “ถุงหลอด” ที่ใช้บรรจุฮอทด็อก ก็ทำจาก “คอลลาเจนสังเคราะห์” ที่เป็นสารก่อให้เกิด “โรคมะเร็ง” ได้สูง มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำ ไปปิ้งย่าง มันจะทำให้มี “สารพิษร้ายแรง” ที่เรียกว่า “อะคริลิไมด์” (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง และ “ทำลายประสาท” นอกจากนี้
ไส้กรอก และ หมูแฮม ยังทำให้คนที่บริโภค เข้าไป เกิดโรคอ้วนด้วย

(3.) เฟร้นช์ฟราย- มันฝรั่งทอด เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง” โดยการทอด “เฟร้นช์ฟราย” ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี “สารอะคริลิไมด์” ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
ออกมา นอกจากนี้ “น้ำมัน” ที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ “ออกซิไดซ์” ในมันฝรั่งยังมี “ดรรชนีกลีซิมิค”(Glycemic) อยู่สูงมาก…..นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็ว มาก

(4.) พิซซ่า
“พิซซ่า” ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ “ตัดแต่งพันธุกรรม” 5 ชนิด คือ…..1.”เนยแท้”(cheese) เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย…..2.”แป้ง” ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโม เลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่…..3.”ซอสมะเขือเทศ” ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง “ยาฆ่าแมลง” ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน…..4.”แป้งสาลี” ชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม…..5. มี “น้ำมันฝ้าย” ประกอบอยู่ โดยฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ในฝ้ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสาร พิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณะสุข ต่างไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภค ได้หรือไม่ มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็น “น้ำมันไฮโดรจีเนต” และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ “ผิวหน้าแป้งพิซซ่า” ที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจมี “สารอะคริลิไมด์” เกิดขึ้นด้วย ขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า “เพ็พเปอโรนิ” หรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก “ไนไตรท์” สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน

(5.) ชิ้นไก่ทอด-เนื้อนุ่มไร้กระดูก
เป็นเมนู ที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลัง งาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส “MSG” ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ “นัคเก็ตชิคเก้น” บางอันจะมี “สารอะลูมิเนียม” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย

(6.) โดนัท
โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุ มูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลง เป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดี และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

(7.) ไอศกรีม
มีไขมันอยู่สูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรอล ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

(8.) น้ำอัดลม
สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน “น้ำอัดลม” คือ “กรดกำมะถัน”(Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ และ “น้ำโซดา” ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวของน้ำอัดลมจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูก จนทำให้เกิด “โรคกระดูกพรุน”
นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมี “น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน” อยู่ 12 ช้อนชา ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Diet soda ที่ใช้ “น้ำตาลเทียมสังเคราะห์”(Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก ขณะที่ “สี” ที่ใช้เติมในน้ำอัดลม ยังเป็น “สารก่อมะเร็ง” ด้วย

ขอเชิญร่วมฟังเสวนาสเต็มเซลล์ รักษาทุกโรคได้จริงหรือ ?

ขอเชิญร่วมฟังเสวนาสเต็มเซลล์ รักษาทุกโรคได้จริงหรือ ?

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

การบำรุงรักษารถยนต์ด้วยตนเอง

การบำรุงรักษารถยนต์ด้วยตนเอง
1. น้ำหล่อเย็น ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ Full อยู่เสมอ โดยตรวจเช็คในขณะที่ดับเครื่อง และเครื่องเย็น ถ้าระดับน้ำลดลงเป็นปริมาณมากก็อาจจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาหาสาเหตุ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ (อย่าลืมเติมน้ำก่อนนำรถไป)

2. ระดับน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง
- เพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน
- ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า
- เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม
- ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L " แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
- ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป

3. ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ให้อยู่ในตำแหน่งUPPER/LEVEL และไม่ควรเติมเกินกว่าระดับ UPPER/LEVEL เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำยาอิเลคโทรไลท์ซึ่งเป็นสารละลายกรดซัลฟูริค จะเจือจางทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงนอกจากนี้ น้ำยาอิเลคโทรไลท์อาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอ และไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ได้

ข้อควรระวัง
- ปิดฝาเติมน้ำกลั่นให้แน่น
- ขั้วแบตเตอรี่ที่ขั้วบวกและลบขันแน่น
- แบตเตอรี่ยึดแน่นกับฐานที่ตั้ง

4. ระดับน้ำมันเบรก ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรคมีคำว่า MAX และ MIN ระดับน้ำมันเบรคควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ สาเหตุที่เป็นไปได้ ที่มีผลทำให้ปริมาณน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงมี 2 ข้อ คือ
- มีการรั่วของน้ำมันเบรคออกจากระบบเบรค
- การสึกหรอของผ้าเบรค ซึ่งระดับน้ำมันเบรคจะลดลงน้อยและช้ามาก ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรค
ถ้าพบว่าระดับน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงรวดเร็ว ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คสาเหตุ

5. ระดับน้ำมันคลัทช์ ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN ระดับน้ำมันคลัชท์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับน้ำมันคลัทช์ในกระปุกลดลงต่ำลง ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุ

6. ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ AUTO ออกเช็คน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเกียร์อยู่ที่ขีด F พอดี แสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์ปกติ

7. ตรวจเช็คระดับน้ำมัน POWER ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุกน้ำมันPOWER จะติดอยู่กับฝากระปุกน้ำมัน POWER ที่ก้านวัดจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน ถ้าวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน COLD ถ้าวัดตอนเครื่องร้อนให้ดูด้าน HOT ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมันPOWER จะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ MAX กับ MIN อยู่ด้วยระดับน้ำมัน POWER ควรอยู่ระดับ MAX เสมอ ถ้าดูตอนเครื่องยนต์เย็นให้ดูด้าน COLD และถ้าดูตอนเครื่องยนต์ร้อนให้ดูด้าน HOT

8. ตรวจเช็คสภาพของสายพาน โดยวิธีการมองดูที่สายพาน ถ้าพบรอยแตกเกิดขึ้นควรทำการเปลี่ยนแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะใช้รถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็ควรตรวจดูความตึงของสายพานด้วย โดยการใช้นิ้วกดลงบนสายพานตรงกลางระหว่างมู่เล่สองข้างถ้าสามารถกดลงได้เล็กน้อย ประมาณ 10 มม. ก็น่าจะพอใช้ได้ ( ถ้าไม่แน่ใจควรให้ช่างตรวจสอบเพราะการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ผู้ตรวจต้องมีความชำนาญพอสมควร )

9. ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่อง โดยวิธีการมองดูรอบๆภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่ สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีหรือไม่ มีหนูขึ้นมากัดหรือไม่ มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือไม่ เป็นต้น

10. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณต่างๆ เปิดไฟทั้งหมดดูว่าทำงานตามปกติหรือไม่ มีหลอดไหนไม่ติดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปลี่ยนให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค

11. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ก็อาจมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งเนื่องมาจากสาเหตุเหล่านี้
- ผิวสัมผัสส่วนปลายมีการสึกหรอ จากการทำงานปกติของใบปัด
- มีสิ่งสกปรก และหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจกทำให้ยางปัดน้ำฝนสึกหรอ
- เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนานๆ ยางใบปัดน้ำฝนจะแข็งตัว การยืดหยุ่นจะลดลงและความบกพร่องในการปัดจะเกิดขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี รวมทั้งอาจเกิดจากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่นเต้น หรืออาการอื่นๆ ถ้าพบอาการเหล่านี้ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่

12. ตรวจเช็คยาง ควรเช็คแรงดันลมยางอยู่เสมอๆ โดยใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด และควรเช็คขณะที่รถยังไม่ได้ใช้งาน( ยางยังไม่ร้อน ) ถ้าลมยางอ่อนผิดปกติควรนำไปตรวจสอบว่า มีตะปูตำหรือไม่ ดูสภาพยางด้วยตาดูที่ผิวยางมีรอยแตกเล็กๆ หรือไม่ ดูการสึกหรอของดอกยาง กล่าวคือ ดอกยางสึกมากไปหรือยัง หรือมีการสึกหรอผิดปกติ เช่น ลึกเฉพาะตรงกลางหน้ายาง ( เติมลมมากเกินไป ) สึกเฉพาะขอบยางทั้ง 2 ข้าง( ลมยางอ่อนเกินไป ) หรือสึกด้านใดด้านหนึ่ง ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้ ควรปรึกษาช่าง เพราะควรจะมีการตรวจเช็คช่วงล่าง และศูนย์ล้อ เอาเล็บมือกดดูที่เนื้อยางว่า นิ่ม หรือ แข็ง ถ้ายางหมดสภาพ เนื้อยางจะกดไม่ลงจะแข็งมาก

เข้าถึงลูกค้าอย่างไรให้รวดเร็ว

SMEThailand Club

ให้ลูกค้าหาพวก

SMEThailand Club

ประโยชน์ของงบกระแสเงินสด

SMEThailand Club

พนักงานที่องค์กรต้องการ

SMEThailand Club

กลยุทธ์การจับลูกค้าให้อยู่หมัด

SMEs - Manager Online - กลยุทธ์การจับลูกค้าให้อยู่หมัด

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

วิตามินรวมวันละเม็ดมีคุณค่ามากกว่าที่คุณคิด

วิตามินรวมวันละเม็ดมีคุณค่ามากกว่าที่คุณคิด

ลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วนอย่างไรให้ปลอดภัย

ลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วนอย่างไรให้ปลอดภัย

มารู้จัก DHA ในการบำรุงสมองของเด็ก

มารู้จัก DHA ในการบำรุงสมองของเด็ก

เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงด้วยแคลเซียมตั้งแต่วันนี้ดีแน่

เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงด้วยแคลเซียมตั้งแต่วันนี้ดีแน่

คลอโรฟิลล์ฟีเวอร์ แล้วคุณหล่ะ รู้จักคลอโรฟิลล์แล้วหรือยังค่ะ !

คลอโรฟิลล์ฟีเวอร์ แล้วคุณหล่ะ รู้จักคลอโรฟิลล์แล้วหรือยังค่ะ !

นิยาม Notebook แต่ละยี่ห้อ » BookBlog

นิยาม Notebook แต่ละยี่ห้อ » BookBlog

ข้อดี ข้อเสีย โน๊ตบุ๊ค notebook แต่ละยี่ห้อ -

ข้อดี ข้อเสีย โน๊ตบุ๊ค notebook แต่ละยี่ห้อ -

ระวัง! “สแปม”จะมาเยือนคุณโดยไม่รู้ตัว

CyberBiz - Manager Online - ระวัง! “สแปม”จะมาเยือนคุณโดยไม่รู้ตัว