วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

18 วิธีสร้างสุขในชีวิตเมือง Make a city life happier

18 วิธีสร้างสุขในชีวิตเมือง Make a city life happier (Twenty-four seven)
"ติ๊งต่อง ๆ...รับความสุขเพิ่มไหมคะ"

คงจะดีไม่น้อย ถ้าร้านสะดวกซื้อมี "ความสุข" อัดกระป๋อง หรือแช่แข็งไว้รอจำหน่ายให้คุณได้เลือกซื้อกันอย่างง่ายดาย แต่โลกความจริงไม่เป็นเช่นนั้น...

ใคร ๆ ต่างก็มองหาความสุขกัน เพราะปัจจุบันหันไปทางไหน ก็เจอแต่คนมีความเครียดและความทุกข์กันมากมาย อาจเพราะผลพวงของพิษเศรษฐกิจและปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้า บางทีความสุขอาจไม่ใช่อะไรที่ไกลตัวง่าย ๆ แค่เพียงหลับตา และหยุดอยู่กับตัวเองสักพัก

แต่กับชีวิตเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าและสิ่งอำนวยความ สะดวกต่าง ๆ พัฒนาขึ้นทุกวัน หนทางของการสร้างความสุขก็อาจมีให้เลือกได้มากขึ้น 24-7 วันนี้ ขอพาคุณมาสร้างสุขด้วย 18 วิธีเหล่านี้ แม้ในชีวิตเมืองที่รีบเร่ง แต่โลกทั้งใบของคุณจะหยุดหมุนกับความสุขที่เติมเต็มมา แม้จะเพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

1.ออนไลน์-สายแห่งความสุข
ณ วันนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากจะกล่าวว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม จนแทรกซึมเข้าสู่กิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลกไปแล้ว สำหรับการผ่อนคลายสร้างความสุขโดยการใช้อินเทอร์เน็ต คุณสามารถเลือกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม อ่านบทความที่น่าสนใจ แชทกับเพื่อนฝูง หรือจะ Make Friendsกับเพื่อนต่างชาติก็ได้ รวมถึงการเข้าไปทิ้งข้อความให้เพื่อนใน hi5 เพียงแค่นี้โลกส่วนตัวในชีวิตเมืองของคุณ แม้จะเงียบในบางครั้งแต่ก็จะไม่พบกับความเหงา

2.ปลูก ต้นไม้คลายเครียด
ต้นไม้นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังช่วยสร้างความสุขให้กับคุณได้ เพราะต้นไม้สามารถทำให้คนรู้สึกสบายใจขึ้น นักบำบัดแห่งโรงพยาบาลเพื่อการฟื้นฟูในสหรัฐอเมริกา ค้นพบว่า การให้ผู้ป่วยได้สัมผัสกับธรรมชาติอยู่เสมอ จะทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ เพราะต้นไม้มีผลต่อสภาพจิตใจในส่วนลึกของมนุษย์ การใช้เวลาไปกับการปลูกต้นไม้ จะทำให้จิตใจเพลิดเพลินได้อย่างไม่รู้ตัว คุณสามารถปลูกต้นไม้ที่บ้านก็ได้ หรือผู้ที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ก็สามารถสร้างสวนในกล่อง หรือพื้นที่ว่างเล็ก ๆ ในห้องก็ได้

3.หนังสือ สร้างกำลังใจ
เสกสรรความสุขง่าย ๆ ก่อนเข้านอนด้วยการอ่านหนังสือ ยิ่งเป็นแนวสร้างกำลังใจยิ่งดี เพราะช่วงเวลาเข้านอน ร่างกายต้องการผ่อนคลายที่สุด และต้องการหลับฝันดี จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรมีความคิดเป็นบวก เพราะนอกจากร่างกายถึงเวลาผ่อนคลายแล้ว จิตสำนึกก็ถึงเวลาต้องพักด้วยเช่นกัน จิตใต้สำนึกที่ได้รับข้อมูลดี ๆ ก่อนนอนจึงมีประโยชน์สูง เพราะมันจะจดจำเนื้อหาได้แม่นยำ และเก็บไว้ได้นาน และทำให้เราซึมซับความดีงามนั้นให้งอกงามในตัวเรา เราจะกลายเป็นคนที่มีความสุขได้อย่างง่าย ๆ

4.สำราญ กับงานอดิเรก
การแสวงหาความสุขเติมเต็มให้กับชีวิตนั้นนับเป็นเรื่องปกติ โดยที่แต่ละคน ต่างก็อาจมีงานอดิเรกที่เพิ่มพูนความสุขทางใจต่างกันออกไป คุณควรหาอะไรที่ชอบทำในเวลาว่าง เพราะการได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ย่อมเกิดความสุขเพลิดเพลินหนำซ้ำยังทำให้ไม่มีเวลาว่างพอ ที่จะให้คุณได้คิดกังวลเรื่องต่าง ๆ เป็นการฝึกการใช้เวลาว่างนั้น ๆ ให้มีสมาธิ จิตที่มีสมาธิก็เป็นจิตที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวง่าย และคุณก็ยังได้ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ จากงานของคุณเองอีกด้วย

5.Chill Out @ Lifestyle Mall
คนเมืองจำนวนมากถวิลหาความเป็นธรรมชาติ เพื่อเสพความสุขจากสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น แต่ก็ไม่อยากทิ้งความสะดวกสบาย Lifestyle Mall รูปแบบของศูนย์การค้าที่เน้นความเป็นส่วนตัว และผสมผสานความร่มรื่นของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน จึงกลายเป็นสถานที่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่คุณจะสามารถแวะเข้าไปเติมสีสันให้ชีวิตด้วยการช้อปปิ้ง หรือนั่งแฮ็งเอาต์กับเพื่อน ๆ ก็ได้

6.พัก ผ่อนกายใจกับโลกส่วนตัว
เวลาคุณภาพที่ดีที่สุดคือ การให้เวลากับตัวเองด้วยกิจกรรมดี ๆ มากมาย ทั้งการดูแลร่างกายและหัวใจ ที่คุณสามารถไปทำคนเดียวได้อย่างสบาย เช่น การเข้าสปาการนวด หรือจะไปดูหนังในโรงภาพยนตร์หรือนั่งดู DVD อยู่ที่บ้านก็ได้ความเป็นส่วนตัวไปอีกแบบ รวมถึงการฟังเพลงสบาย ๆ อย่างเลือกเพลงแจ๊ซ หรือเพลงคลาสสิกก็ดีเพราะคลื่นสมองเราจะทำงานได้สงบดีขึ้น

7.ออกกำลังกายให้สดชื่น
สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีอิทธิพลต่อกันและกัน คนที่มีสุขภาพกายดีย่อมส่งผลให้มีจิตใจร่าเริงเข้มแข็ง นักจิตวิทยาบอกไว้ว่า การที่เราได้ออกกำลังกายให้สารเอนดอร์ฟินหลั่ง จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ลองหันมาออกกำลังกายกันบ้างไม่ว่าจะวิ่งจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิกอยู่บ้านเปิดเพลงมันส์ ๆ เต้นออกแรงให้เต็มที่ หรือแค่ลองเปลี่ยนจากขึ้นลิฟต์ ไปเป็นการเดินขึ้นบันไดก็ได้เหงื่อดีไม่หยอก

8.สัตว์ เลี้ยง-เพื่อนรู้ใจ
สำหรับคนขี้เหงา ลองเลี้ยงสัตว์ดู สุนัขแมว หรืออะไรก็แล้วแต่ นี่เป็นการสร้างความสุขอย่างหนึ่ง เพราะนักจิตวิทยาค้นพบว่าผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง และมอบความรักให้พวกมัน เป็นกลุ่มที่มีความสุขกว่าผู้ที่ไม่เลี้ยงสัตว์เลย และอีกอย่างสัตว์เลี้ยงที่บ้านก็เก็บความลับเก่งด้วย ดังนั้นถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรแต่ไม่อยากให้ใครรู้ คุณก็สามารถเล่าให้มันฟังได้

9.Night Life กับแก๊งก๊วน
ค่ำคืนของกรุงเทพฯ ไม่เคยหยุดนิ่งและหลับใหล และพร้อมเป็นเวลาที่จะให้คุณได้ออกไปแฮ็งเอาต์ให้มันส์สุดๆ กันเสียทีสำหรับปาร์ตี้แสนสนุกกับเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นก๊วนเดิมที่คุณห่างหายไปเสียนาน หรือก๊วนใหม่ที่รอคอยการมาเยือนของคุณ ณ ผับ บาร์ ร้านอาหารเคล้าเสียงดนตรีตามสไตล์ที่คุณชื่นชอบ แค่นี้เวลาแห่งความสุขสุดเหวี่ยงของชีวิตคุณก็กลับมาอีกครั้ง

10.หา สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ
ในแต่ละวันแน่นอนว่าแต่ละชีวิตย่อมต้องเผชิญทั้งความสุขและทุกข์ เราจึงควรหาที่ยึดเหนี่ยวใจหรือผ่อนคลายจากปัญหาที่รุมเร้า อาจจะเป็นการเข้าวัดฟังธรรม นั่งสมาธิ เพื่อใจจิตใจสงบและมีความสุขขึ้น หรือหาเพื่อนสนิทที่สามารถจะระบายทุกข์ ปรึกษาขอความคิดเห็น และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยได้

11.สาน สัมพันธ์ครอบครัว
รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ ลองหันมาใส่ใจสมาชิกในครอบครัวบ้าง นอกเหนือเวลางานแล้วคุณน่าจะหาเวลาทำกิจกรรมกับคุณพ่อคุณแม่ พี่น้อง และหลาน ๆ บ้าง โดยอาจพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปปิกนิกในสวนสาธารณะ พาหลาน ๆ ไปเที่ยวเล่นในสวนสนุก หรือจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวทานกับหมู่ญาติ ๆ ในบ้านหลังใหญ่ของคุณก็ได้

12.หา สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต
การได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างการเรียนทำอาหาร หรือว่าจะลองเข้าคลาสเรียนเต้นดูก็ได้ สิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อนพอได้ลองทำดู จะเกิดความตื่นเต้น ท้าทายและพอทำได้เราก็จะแฮปปี้กับมัน นอกจากนั้นลองออกไปตามห้างฯ เพื่อติดตามและอัพเดทเทคโนโลยีเครื่องเล่นไฮเทคต่างๆ ดู ก็จะให้ชีวิตคุณอินเทรนด์และดูมีอะไรใหม่ ๆ ขึ้นเยอะ

13.ชื่นชมศิลปะ
สำหรับคนรักงานอาร์ต หรืออยากเพิ่มรอยหยักในสมองด้วยการเสพงานศิลป์ เดี๋ยวนี้ในห้างสรรพสินค้าหรือแกลเลอรี่ต่าง ๆ ก็มีงานนิทรรศการน่าดูมากมาย ลองหาโอกาสไปเดินเล่นดู จะเป็นงานอาร์ต งานภาพถ่ายหรือว่างานเพลงพวกออร์เคสตร้า งานเต้นบัลเล่ย์ละครเวที สิ่งที่น่าสนใจเหล่านี้ ทำให้เราเห็นถึงความสามารถของคนทำและแรงบันดาลใจ ที่น่านำมาเป็นต้นแบบในการทำฝันให้กับตัวเอง

14.การ มีความรัก
ขั้นแรกอย่างการตกหลุมรัก จะทำให้สารเคมีในร่างกายที่เรียกว่าสารฟีนิลเอธิลามีน ซึ่งเป็นยาตัวหนึ่งในกลุ่มของแอมเฟตามีนหลั่งออกมา และทำให้ฮอร์โมนอะดรีนาลินหลั่งมาอีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย เช่น ใจเต้นแรง หน้าแดง ความรักขั้นสองเป็นทั้งความรัก เป็นทั้งมิตรภาพ และความห่วงใย ความรักในระยะนี้จะมีสารเคมีอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่าเอนดอร์ฟิน เป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา สารตัวนี้ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค และรักษาโรคได้

15.ปล่อย วางสิ่งผูกรัดตัว
เข้าใจว่าคุณเป็นคนทุ่มเทและตั้งใจทำงาน แต่ลองให้เวลากับตัวเองบ้าง ลดความบ้างาน บ้าเงิน บ้าอำนาจ บ้าเกียรติยศชื่อเสียงลงบ้าง อย่ามัวติดยึดกับเรื่องเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณไม่รู้สึกเครียดกับการต้องคอยกดดันตัวเองให้ทำงานหนัก และแข่งขันกับคนรอบข้าง การปล่อยวางและพูดคุยกับตัวเองบ้างก็คงดีไม่น้อยลองแบ่งเวลาวันละ 1 ชั่วโมง ล้างจิตใต้สำนึกที่ไม่ดีออกไปให้หมด เราก็จะรู้สึกว่าชีวิตโล่งและเบามากขึ้น

16.มอง ตัวเองในแง่ดี
คุณเป็นแบบนี้ไหม พอนึกถึงตัวเองทีไรก็มองแต่ด้านลบของตัวเอง ทำไมเราอ้วนจัง ทำไมเราหุ่นไม่ดี ทำไมเราไม่เก่งเหมือนคนอื่น จริง ๆ แล้วเพื่อนหรือว่าคนที่แคร์เรา เขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าของเราที่ตรงนั้นเสมอ ลองนึกถึงสิ่งที่เพื่อน ๆ บอกดูว่าเขารักเราเพราะอะไร มันจะทำให้รู้สึกดีกับตัวเองและมีความสุขมากขึ้น

17.กลิ่น หอมบำบัดหรือ Aromatherapy
กลิ่นเหล่านี้ได้มาด้วยการสกัดจากพืชพันธุ์ธรรมชาติหลายชนิด ทั้งสมุนไพรดอกไม้ ผลไม้ เป็นต้น การใช้กลิ่นหอมบำบัดจะช่วยฟื้นคืนความสุขคุณได้เป็นอย่างดี คุณอาจลงแช่ในอ่างอาบน้ำผสมสบู่หอม ๆ ตามด้วยโลชั่นกลิ่นผลไม้ หรือจะหาแฮนด์โลชั่นมาทามือในขณะที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศก็ได้ กลิ่นหอมๆจะช่วยให้การทำงานของคุณรู้สึกผ่อนคลายได้มาก

18.เสกสรร ปันสุขให้ผู้อื่น
ความสุขที่ยิ่งใหญ่มักเกิดจากการให้ เพียงแค่คุณใส่ใจกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่พบเห็นอยู่ทั่วไปบ้าง แล้วการให้จะทำให้คุณอิ่มใจมากมาย แรกเริ่มคุณอาจแค่เก็บของที่ไม่ใช้แล้ว เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ไปบริจาคให้ผู้เดือดร้อน หรือสมัครเป็นอาสาสมัครทำงานบริการชุมชน ช่วยเหลือสังคมหรือผู้ตกทุกข์ได้ยากที่อยู่รอบตัว จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมายและมีความสุขยิ่งขึ้น

ความสุข เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ที่สามารถแสวงหาได้ บางทีอยู่ที่ไหนไม่ไกล อาจลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ง่ายดายแค่มือคว้า อย่างที่อับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีอเมริกันเคยกล่าวไว้ "คนส่วนใหญ่มีความสุขได้เท่ากับที่พวกเขาตัดสินใจให้ตัวเองมีความสุข"

อาหารมงคลกินแล้วมีโชค

เรามาดู่วา แต่ละประเทศมีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างไรกันบ้าง

องุ่น แห่งความโชคดีของชาวสเปน
ประเทศสเปนทำไร่องุ่นมากที่สุดในโลก และได้ผลผลิตจำนวนมาก ชาวสเปนจึงกินองุ่น 12 ผลไปพร้อมกับเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนในวันสิ้นปี เพื่อต้อนรับความโชคดีตลอด 12 เดือนข้างหน้า

เน เธอร์แลนด์ โดนัทแห่งความบริบูรณ์
ชาวดัตช์เชื่อว่า การกินโดนัทซึ่งมีลักษณะกลมแบบวงแหวน จะทำให้โชคดี และมีชีวิตครบถ้วนบริบูรณ์เหมือนรูปร่างของอาหาร

กรีซ St. Basil’s cake แห่งความสุข
ในวันปีใหม่ ชาวกรีกจะทำเค้กสอดใส้เหรียญเงินชิ้นใหญ่ (St.Basil’s cake) กินในครอบครัวเพื่อรำลึกถึงนักบุญบาซิล ผู้มีความเมตตาต่อคนยากจน ซึ่งถึงแก่กรรมในวันที่ 1 มกราคม เชื่อกันว่าสมาชิกคนใดที่พบเหรียญเงินในชิ้นเค้กนั้นจะโชคดีตลอดปี

โซ บะญี่ปุ่น อายุยืนหมื่นปี
คนญี่ปุ่นนิยมกินบะหมี่ไม่ตัดเส้นที่ชื่อ “โทชิโคชิ โซบะ” ต้อนรับปีใหม่ เพราะเชื่อว่า จะทำให้อายุยืนยาวเหมือนเส้นบะหมี่

จีน กินปลากินไก่ ให้ความมั่งคั่ง
ชาวจีนนิยมกินปลาในเทศกาลปีใหม่ เพราะเสียงของคำนี้ในภาษาจีนพ้องกับคำว่า “เหลือเฟือ” จึงเชื่อว่าจะทำให้มีเหลือกินเหลือใช้ตลอดทั้งปี และการกินไก่ทั้งตัวโดยไม่ตัดส่วนใดออก ก็จะทำให้ชีวิตครบถ้วนสมบูรณ์และมั่งคั่งอีกด้วย

อิตาลี ความมั่งมีในถั่วเลนทิล
ชาวอิตาลีกินถั่วเลนทิลในวันแรกของปีเพราะถั่วเลนทิลมีรูปร่างคล้ายเหรียญ เงิน จึงเป็นสิ่งนำความมั่งคั่งร่ำรวยมาให้

อเมริกา ถั่วตาดำกับความร่ำรวย
ถั่วตาดำ (Black eyed pea) เป็นอาหารนำโชคของชาวอเมริกัน เพราะเมื่อปรุงสุกแล้ว จะมีสีและลักษณะคล้ายเหรียญเงิน แสดงถึงความร่ำรวย

6 วิธี มีมนุษยสัมพันธ์ (Lisa)

การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานนั้นฝึกฝนได้ค่ะ ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรก็เริ่มต้นด้วยข้อ 1 แล้วค่อย ๆ ทำอีก 5 ข้อที่เหลือสิคะ

1. จริงใจ ความจริงใจของเรา ต่อเพื่อนร่วมงาน เหมือนพลังงานคลื่นพิเศษที่คนอื่น ๆ สัมผัสได้ เขารู้หรอกค่ะว่าเราจริงใจหรือเสแสร้ง ถ้าเราไม่จริงใจเขาก็จะไม่ไว้วางใจในการสร้างสัมพันธ์อันดีกับตัว เรา

2. ไร้ริษยา มัวเป็นคนขี้อิจฉา อยู่ใกล้ใครเราก็ไม่เป็นสุข เพราะเขารู้ว่าเราต้องหาทางแข่งดีแข่งเด่นกับเขา ไม่เชือดเฉือนด้วยวาจา ก็จะคอยหาโอกาสปัดแข้งปัดขา แล้วอย่างนี้เขาจะมาคบกับเราอย่างสนิทใจล่ะ

3. อย่าป่วนจิต เป็นมาตามเจ้าปัญหาเรื่องมากจุกจิก ใครที่ต้องร่วมงานกับคุณต้องกุมขมับตาม ๆ กัน เขาคงไม่อยากสูงสิงด้วยแน่ ๆ สู้ไปสมาคมกับคนที่ทำงานง่าย ๆ สบาย ๆ ดีกว่ากันตั้งเยอะ

4. คิดมีน้ำใจ ถ้าเห็นใครเหน็ด เหนื่อยควรให้ความช่วยเหลือ ได้ทั้งออกแรงงานและออกแรงสมองช่วยคิดสลับกันไปตามโอกาสเหมาะ ๆ

5. ไม่นินทาชาวบ้าน ยิ่งชวนเพื่อสุม หัวนินทาคนอื่น จะยิ่งสร้างความเกลียดชังกันให้เกิดขึ้นระหว่างเพื่อร่วมงาน คุยถึงคนอื่นดี ๆ เข้าเถิด แล้วจิตใจจะแจ่มใสไปเองค่ะ

6. อ่อนหวาน และอ่อนโยน ต่อให้เราเป็นคนเก่งกาจที่สุดในบริษัท แต่แข็งกระด้าง พูดจาไม่เข้าหูคน นึกถึงแต่ตัวเอง มนุษย์ที่ไหนก็ไม่อยากเข้ามาสานสัมพันธ์ด้วยค่ะ ทุกคนต้องการความอ่อนหวานสักนิดก็ชื่นใจ

ลองใช้หลักสร้างมนุษยสัมพันธ์ 6 วิธีนี้ ไม่ต้องใช้แมวนางกวักก็มีคนไหลมาเทมาเพื่อคบหากับคุณเองละค่ะ