วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

นิกายในศาสนาพุทธ

สำหรับประเทศไทยมีผู้นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทประมาณ 94% ของประชากรทั้งหมด [2]
นิกายเถรวาทได้รับการนับถือคู่กับนิกายอาจริยวาท (มหายาน)
พุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทยยังได้แบ่งเป็นนิกายย่อยอีก 2 นิกาย คือ มหานิกาย และ ธรรมยุตินิกาย

1. ความเป็นมาของนิกายเถรวาท
การแพร่กระจายของพุทธศาสนาเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์เข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 3 เดือน พระสาวกผู้ได้เคยสดับสั่งสอนของพระองค์จำนวน 500 รูป ก็ประชุมทำสังคายนาครั้งแรก ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา ใกล้เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ใช้เวลาสอบทานอยู่ 7 เดือน จึงประมวลคำสอนของพระพุทธเจ้าได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นับเป็นบ่อเกิดของคัมภีร์พระไตรปิฎก คำสอนที่ลงมติกันไว้ในครั้งปฐมสังคายนาและได้นับถือกันสืบมา เรียกว่า เถรวาท แปลว่า คำสอนที่วางไว้เป็นหลักการโดยพระเถระ คำว่า เถระ ในที่นี้ หมายถึงพระเถระผู้ประชุมทำสังคายนาครั้งแรก และพระพุทธศาสนาซึ่งถือตามหลักที่ได้สังคายนาครั้งแรกดังกล่าว เรียกว่า นิกายเถรวาท อันหมายถึง คณะสงฆ์กลุ่มที่ยึดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งถ้อยคำ และเนื้อความที่ท่านสังคายนาไว้โดยเคร่งครัด ตลอดจนรักษาแม้แต่ตัวภาษาดั้งเดิมคือภาษาบาลี[3]

2. นิกายย่อย
นิกายเถรวาท ยังมีนิกายที่แบ่งย่อยออกไปอีกจากเดิม มีความแตกต่างกันบ้างตามท้องถิ่นนั้นๆ โดยนิกายย่อยของเถรวาทมีอยู่ ได้แก่
* ประเทศบังกลาเทศ:
o สังฆราชนิกาย (Sangharaj Nikaya)
o มหาสธาภีรนิกาย (Mahasthabir Nikaya)
* ประเทศพม่า :
o สุธรรมมานิกาย (Thudhamma Nikaya)
o ชเวจินนิกาย (Shwekyin Nikaya)
o ทวาระนิกาย (Dvara Nikaya)
* ประเทศศรีลังกา:
o สยามนิกาย (Siam Nikaya)
+ มัลวัตตะ (Malwaththa)
+ อัสกิริยา (Asgiriya)
+ วาทุลวิลา (Waturawila) หรือ มหาวิหารวามสีกาสยาโมวนาวาสนิกาย (Mahavihara Vamshika Shyamopali Vanavasa Nikaya)
o อมรปุระนิกาย (Amarapura Nikaya)
+ ธรรมรักษิต (Dharmarakshitha)
+ คันดุโบดา (Kanduboda) หรือนิกายชเวจิน (Swejin Nikaya)
+ ตโปวนา (Tapovana) หรือกัลยาณวามสา (Kalyanavamsa)
o มรันมานิกาย
+ กัลดุวา (Galduwa) หรือกัลยาณโยคศรามายะ สัมสตายะ(Kalyana Yogashramaya Samsthava)
+ เดวดูวา (Delduwa)
* ประเทศไทย และประเทศกัมพูชา
o มหานิกาย
o ธรรมยุติกนิกาย
* ประเทศจีน
o สำนักวัดสวนดอก หรือฝ่ายสวน
o สำนักวัดป่าแดง หรือฝ่ายป่า
o นิกายปายจอง
o นิกายกึงโยน
o นิกายโตเล
o นิกายชุติ หรือนิกายโจติ

3. อ้างอิง
1. The World Factbook: Sri Lanka. CIA World Factbook. สืบค้นวันที่ 2008-10-26.
2. The World Factbook: Thailand. CIA World Factbook. สืบค้นวันที่ 2008-10-26
3. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ปัญจสติกขันธกะ (เรื่องพระมหากัสสปเถระ สังคายนาปรารภคำของพระสุภัททวุฑฒบรรพชิต). พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[1]>. เข้าถึงเมื่อ 9-6-52
* พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

4. แหล่งข้อมูลอื่น
* พุทธศาสนาสอนอะไร

กาลามสูตร พิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน


เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียก ว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

มงคลชีวิต 38 ประการ หนทางแห่งความสุขและความเจริญรุ่งเรือง

เหตุแห่งความสุข และความเจริญก้าวหน้าของชีวิต เป็นพระสูตรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ให้เป็นข้อควรประพฤติปฏิบัติ

มงคลหมู่ที่ ๑ ฝึกตนให้เป็นคนดี
มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล
มงคลที่ ๒ คบบัณฑิต
มงคลที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชา


มงคลหมู่ที่ ๒ สร้างความพร้อมในการฝึกตนเอง
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
มงคลที่ ๕ มีบุญวาสนามาก่อน
มงคลที่ ๖ ตั้งตนชอบ

มงคลหมู่ที่ ๓ ฝึกตนให้เป็นคนมีประโยชน์
มงคลที่ ๗ เป็นพหูสูต
มงคลที่ ๘ มีศิลปะ
มงคลที่ ๙ มีวินัย
มงคลที่ ๑๐ มีวาจาสุภาษิต


มงคลหมู่ที่ ๔ บำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว
มงคลที่ ๑๑ บำรุงบิดามารดา
มงคลที่ ๑๒ เลี้ยงดูบุตร
มงคลที่ ๑๓ สงเคราะห์ภรรยา - สามี
มงคลที่ ๑๔ ทำงานไม่คั่งค้าง


มงคลหมู่ที่ ๕ บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม
มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ
มงคลที่ ๑๘ ทำงานไม่มีโทษ


มงคลหมู่ที่ ๖ ปรับเตรียมสภาพใจให้พร้อม
มงคลที่ ๑๙ งดเว้นบาป
มงคลที่ ๒๐ สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
มงคลที่ ๒๑ ไม่ประมาทในธรรม


มงคลหมู่ที่ ๗ การแสวงหาธรรมะเบื้องต้นใส่ตัว
มงคลที่ ๒๒ มีความเคารพ
มงคลที่ ๒๓ มีความถ่อมตน
มงคลที่ ๒๔ มีความสันโดษ
มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู
มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตามกาล


มงคลหมู่ที่ ๘ การแสวงหาธรรมะเบื้องสูงใส่ตัวให้เต็มที่
มงคลที่ ๒๗ มีความอดทน
มงคลที่ ๒๘ เป็นคนว่าง่าย
มงคลที่ ๒๙ เห็นสมณะ
มงคลที่ ๓๐ สนทนาธรรมตามกาล


มงคลหมู่ที่ ๙ การฝึกภาคปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสให้สิ้นไป
มงคลที่ ๓๑ บำเพ็ญตบะ
มงคลที่ ๓๒ ประพฤติพรหมจรรย์
มงคลที่ ๓๓ เห็นอริยสัจจ์
มงคลที่ ๓๔ ทำนิพพานให้แจ้ง


มงคลหมู่ที่ ๑๐ ผลจากการปฏิบัติจนหมดกิเลส
มงคลที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
มงคลที่ ๓๖ จิตไม่โศก
มงคลที่ ๓๗ จิตปราศจากธุลี
มงคลที่ ๓๘ จิตเกษม

สรุปพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

สรุปพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

http://84000.org/tipitaka/dic/

สรุปพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

สรุปพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

http://84000.org/tipitaka/dic/


ผู้บริหารปูแดงฯได้ประกันตัว ยันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่-ทนายวอนรัฐสาง ก.ม.ธุรกิจขายตรง

ผู้บริหารปูแดงฯได้ประกันตัว ยันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่-ทนายวอนรัฐสาง ก.ม.ธุรกิจขายตรง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มกราคม 2553 18:55 น.

นายสมปอง แซ่ตั้ง ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัทเบสท์ 59 จำกัด เจ้าของผลิตภัณท์ตราปูแดง ไคโตซาน กล่าวภายหลัง ได้รับการประกันตัวจากพนักงานสอบสวน หลังเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมพวกอีก 2 คน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ในวันนี้ได้นำหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ตามที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นจำหน่ายผลิตภัณท์ในลักษณะขายตรง ซึ่งแผนดังกล่าวบริษัทขายตรงทั่วโลกได้นำมาใช้กันทั่วไป หากบริษัทของตนมีความผิด ดีเอสไอจะต้องไปจับกุมอีกว่า 100 บริษัทที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

นายสมปองยังกล่าวถึง กรณีที่กรมวิชาการเกษตรตรวจไม่พบสารเคมีที่เป็นปุ๋ยว่า บริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณท์ที่เป็นสารปรับปรุงดิน ไม่มีสารเคมี จึงไม่ใช่ปุ๋ย ซึ่งเกษตรกรซื้อไปใช้แล้วได้ผล ทำให้มียอดจำหน่ายและเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 100 ล้านบาท เมื่อถูกดีเอสไอดำเนินคดี ทำให้ทุกอย่างพังพินาศหมด ซึ่งตนจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนด้วย อย่างไรก็ตาม จะไม่ฟ้องร้องกลับเจ้าหน้าที่ เพราะไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม และนับจากนี้จากไม่มีการจำหน่ายผลิตภัณท์ในลักษณะขายตรงอีก จนกว่าจะได้รับอนุญาติอีกครั้ง แต่จะเปิดบริษัทขายปลีกเท่านั้นไปก่อน

ด้านนายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ทนายความของผู้ต้องหา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาปรับปรุงกฎหมายที่ควบคุมดูแลบริษัทขายตรง โดยทำให้เกิดความชัดเจนว่าแผนการตลาดใดทำได้หรือไม่ได้ หรือเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เพราะวันนี้มีความคาบเกี่ยวกันอยู่ โดยขอให้นำกรณีบริษัทเบสท์ 59 หรือปูแดง ไคโตซาน เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะร่วมกับดีเอสไอ ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่เกิดความเข้าใจผิดในการแจ้งแผนดำเนินธุรกิจ โดยเคยไปยื่นเรื่องของแก้ไขที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่กลับถูกดีเอสไอเข้าจับกุมเสียก่อน

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000011561

เรื่องคนสร้างท่อ แนวคิดที่ให้เงินทำงานแทนคน






ถ้าเลือกได้คุณจะเลือกอะไรให้กับชีวิตตัวเอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านหนึ่งตั้งติดกับภูเขา ที่มีลำธารไหลตลอดเวลา อยู่วันหนึ่งคนในหมู่บ้านนี้เกิดขี้เกียจตักน้ำจากลำธารมาใช้เอง จึงได้มาประชุมกันว่า เราควรจะหาคนมาตักน้ำให้เราใช้ โดยจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนดีกว่า คนในหมู่บ้านจึงได้คัดเลือกผู้ที่ผ่านการประมูล ในการนำน้ำมาให้ชาวบ้านใช้ 2 คน ชื่อ บิล และ เอ็ด (เหตุผลที่มีผู้ผ่านการประมูลมา 2 คนเพราะ ชาวบ้านอยากใช้น้ำคุณภาพดี และราคาไม่สูงเกินไปเพราะจะได้มีการแข่งขันกันเองเป็นการควบคุม คุณภาพอีกทาง)

ทั้ง 2 คนดีใจมาก เพราะนั่นหมายถึงรายได้ระยะยาว ทั้ง 2 จึงตั้งใจที่จะทำการส่งน้ำ และทำงานของเขาเองให้ดีที่สุด แต่!!!! การเริ่มต้นของคนทั้ง 2 ไม่เหมือนกัน

**เอ็ดรีบหาถังน้ำ ขันน้ำ รถเข็นน้ำ และสิ่งอื่นๆๆที่จำเป็นในการขนน้ำ ทุกเช้าเอ็ด จะตื่นก่อนชาวบ้านเพื่อตักน้ำให้เต็มตุ่มก่อนที่ชาวบ้านจะตื่นขึ้นมา เอ็ดมีความสุขมากเพราะเค้าได้เงินคนเดียวเต็มๆๆ พวกชาวบ้านและเอ็ดแปลกใจมากที่ บิลหายตัวไปหลังจากการประมูลได้สิ้นสุดลง!!!!

**เวลาผ่านไป 5-6 เดือน บิลกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้งหนึ่งเค้ากลับมากับทีมงาน เพื่อที่จะมาสร้างท่อส่งน้ำจากลำธารไปยังหมู่บ้านต่างๆๆ ซึ่งใช้เวลาไม่นานเท่าใดนัก ทุกอย่างเรียบร้อย บิลประกาศทันทีว่า น้ำของเค้าสามารถจ่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในขณะที่น้ำของเอ็ดจ่ายได้เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น และน้ำของบิลสะอาดกว่าของเอ็ดและถูกกว่าของเอ็ดอีกด้วย (ทุกคนหันมาใช้น้ำจากบิลเกือบหมด)

**เอ็ด เดือดร้อนมากเพราะรายได้เขาลดลง เอ็ดจึงแก้ปัญหาโดยเพิ่มกำลังการผลิตและจ้างลูกชายส่งน้ำวันเสาร์-อาทิตย์อีกรายได้เพิ่มนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่พอเมื่อถึงเวลา ลูกชายโตพอที่จะได้รับการศึกษาต่อ เอ็ดจึงบอกลูกชายว่าให้ ตั้งใจเรียน เรียนให้เก่งแล้วกลับมาพ่อจะจ้างเจ้าขนน้ำอีก (ไม่ต้องกลัวอดตายแต่คงจะทำงานตายมั้ง) แต่ลูกชายของเอ็ดไม่กลับมาและไม่สนใจกิจการส่งน้ำของพ่อเลย(น่าสงสารจัง)

**บิลอยู่เฉยๆๆน้ำก็ไหลตามท่อให้คนในหมู่บ้านใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เงินก็ไหลเข้าบัญชีของเขาตลอดเวลา และเขามีความคิดว่าถ้าหมู่บ้านนี้ต้องการน้ำแล้วหมู่บ้านอื่นก็คงต้องการเหมือนกันเขาจึงได้เพิ่มการสร้างท่อเพื่อ
บริการลูกค้าให้มากขึ้น นั่นหมายถึงเงินรายได้มากขึ้นด้วยพร้อมกับเวลาที่มากขึ้นในการอยู่กับลูกเมียด้วย

**ถ้าคุณเลือกได้ คุณอยากเป็นคนตักน้ำเหมือน เอ็ด หรือเป็นคนสร้างท่อเหมือน บิล (เราเปรียบคนตักน้ำเหมือนคนทำงานประจำทุกเช้าเราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานให้คนอื่นรวย เมื่อเราเกิดปัญหาเรื่องการเงิน
ก็รับ job มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้เพิ่มนิดหน่อย หรือออกจากงานเพื่อรับตำแหน่งใหม่ที่สูงกว่าแต่ได้เงินเพิ่มขึ้นเดือนละไม่กี่พัน นั่นไม่ไช่วิธีการแก้ปัญหาเลยไช่ไหมค่ะ ส่วน บิลนั่นคือตัวอย่างของคนที่ค้นหาระบบและให้ระบบทำงานแทน โดยเป็นเจ้าของท่อและเจ้าของกิจการ )

ถ้าคุณท้อต้องถามตัวเองเสมอว่า อนาคตคุณอยากเป็นคน ตักน้ำ หรือคนสร้างท่อ


ขอขอบคุณหนังสือ
Network 21

8 ขั้นตอนสู่ อิสรภาพทางการเงิน

8 ขั้นตอนจากโรเบิร์ต คิโยซากิที่จะช่วยเพิ่มทักษะด้านการเงินของคุณและนำคุณไปสู่อิสระภาพทางการเงินในที่สุด

1. ควบคุมสติให้ดี ชีวิตของคุณทุกวันนี้เป็นผลมาจากความคิดของคุณทั้งสิ้น วิธีง่าย ๆ คืออย่าพูดโดยไม่คิดให้ดีก่อน ความคิดเชิงบวกจะนำมา ซึ่งผลในเชิงบวกเช่นกัน และอย่าพูดว่าคุณทำไม่ได้ เพราะที่จริงแล้ว...คุณทำได้ พ่อจนของผมมักพูดเสมอว่า "พ่อไม่มีปัญญาซื้อมัน" ขณะที่พ่อรวยแทนที่จะพูดเช่นนั้น กลับสอนให้ผิดคิดแทนว่า "ทำอย่างไรจึงจะซื้อได้" คำว่า "ไม่" จะเป็นการปิดหัวสมองคุณ ขณะที่คำว่า "ทำอย่างไร" จะเปิดความคิดคุณให้โลดแล่นออกมา

2.เรียนรู้เกมกระแสเงินสด เป็นการเรียนรู้ที่สนุก และเพิ่มทักษะทางการเงินของคุณ ยิ่งเล่นมากเท่าไหร่ก็มีโอกาสรวยมากเท่านั้น เกมจะเปลี่ยนวิธีที่คุณคิด โดยจะสอนให้คุณใช้เงินทำงานแทนคุณ แทนที่จะทำงานเพื่อเงิน หลายครั้งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นโอกาสดี ๆ ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา การเล่นเกมจะช่วยให้สมองคุณโลดแล่นได้ดียิ่งขึ้น วิธีการคิดของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

3. สอนผู้อื่นเล่นเกมกระแสเงินสด การสอนผู้อื่นจะยิ่งทำให้คุณเรียนรู้เกมนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น ให้ซะแล้วคุณจะได้กลับมา นี่เป็นกฎของการพึ่งพาซึ่งกันและกัน สัญญากับตัวเองไว้เลยว่าจะสอนคนอื่นเล่นเกมกระแสเงินสด โดยสอนตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นและคอยดูผลการพัฒนาตัวคุณเอง โดยสามารถเริ่มสอนได้ทั้งจากที่โรงเรียน สโมสร ชั้นเรียนและกลุ่มคน

4. มองดูเพื่อนรอบตัวคุณ ให้มองดูเพื่อนรอบตัวคุณแล้วตอบผมมาว่าเพื่อน ๆ คุณคือใครกันบ้าง แล้วผมจะบอกว่าต่อไปคุณจะเป็นอย่างไร ใครคือคน 6 คนที่คุณใช้เวลาอยู่ร่วมด้วยมากที่สุด? ให้จดชื่อแต่ละคนขึ้นมาแล้วระบุว่าพวกเขาอยู่ฝั่งไหนในกระแสเงินสด 4 ด้านที่พ่อรวยสอน (ฝั่งซ้าย : E = ลูกจ้าง, S = คนทำธุรกิจส่วนตัว ฝั่งขวา : B = เจ้าของธุรกิจ (เจ้าของระบบ), I = นักลงทุน)หากพวกเขาเป็นลูกจ้างให้ถามว่าพวกเขาอยากเป็นลูกจ้างตลอดไปหรือไม่? แล้วอนาคตเขามีเป้าหมายอะไร? พวกเขาอยากให้เงินทำงานแทนเขาเหมือนคุณหรือไม่? คุณรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับคน ๆ หนึ่งได้ไม่ยากโดยดูจากเพื่อนที่เขาคบอยู่ เช่นเดียวกับหุ้นส่วนและคู่ชีวิต เป็นเรื่องสำคัญในการเติบโตและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

5. มีการจดบันทึกที่แม่นยำ เพื่อการประสบความสำเร็จ อย่างน้อยควรมีนักบัญชีไว้บ้าง ในการขยายทีมงานของคุณนั้น ควรมีนักบัญชีและทนายความรวมอยู่ด้วย หากมีการจดบันทึกที่ดีแล้วโอกาสที่จะรวยก็มีมากขึ้น

6. เข้าใจถึงระดับแต่ละชั้นของสินทรัพย์ คนรวยส่วนใหญ่เข้าใจถึงการได้รายได้จากสินทรัพย์ทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ธุรกิจ, อสังหาริมทรัพย์และตราสารหนี้ ธุรกิจเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุด คนรวยทุกคนล้วนมีธุรกิจของตัวเอง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ช่วยให้คุณได้เปรียบด้านภาษี และนายธนาคารส่วนใหญ่ยินดีปล่อยเงินให้กู้ยืมสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ Tax code (แปลไม่ออก)เป็นสิ่งยั่วยวนใจ สำหรับธุรกิจและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้เป็นสิ่งที่ได้มาง่ายสุดแต่มีความเสี่ยงสูงสุด แผนที่ดีควรเป็นแผนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 3 ระดับ คนรวยที่สุดมีการลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 3 ระดับ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จน้อยสุดจะโฟกัสการลงทุนไปที่สินทรัพย์ระดับเดียว ยังไงซะ 2 หรือ 3 ก็ดีกว่า 1

7. ค้นหาความเร้าใจของคุณและสนุกไปกับมัน คุณคิดว่าคุณเก่งด้านไหน? อะไรที่ทำให้คุณเร้าใจ? คุณมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหากคุณรู้ว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร ค้นหาสิ่งที่คุณชอบมากสุด และดูว่าสิ่งที่คุณชอบหรือถนัดจะช่วยเสริมอิสรภาพทางการเงินของคุณได้แค่ไหน สำคัญสุดคือ - สนุกไปกับมัน

8. อย่าเหนื่อยที่จะเรียนรู้ โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือ คุณต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ควรเรียนรู้ทั้งตัวคุณเอง และทีมงานของคุณ อ่านหนังสือ เข้าร่วมสัมมนาและพบปะผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือใครก็ตาม ที่คุณสามารถเรียนรู้จากเขาได้ตลอดชีวิต

จาก Forward Mail

36 ข้อคิดของพ่อ พระบรมราโชวาท

๑. ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ
๒. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก “ปัญญา” และ “ความกล้าหาญ”
๓. “เพื่อนใหม่” คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน “เพื่อนเก่า” “มิตร” คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
๔. อ่านหนังสือ ธรรมะ ปีละเล่ม
๕. ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
๖. พูดคำว่า “ขอบคุณ” ให้มากๆ
๗. รักษา “ความลับ” ให้เป็น
๘. ประเมินคุณค่าของการให้ “อภัย” ให้สูง
๙. ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
๑๐. ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง
๑๑. หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
๑๒. เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนักคิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
๑๓. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์
๑๔. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
๑๕. อย่าหยิ่งหากจะกลว่าวว่า “ขอโทษ”
๑๖. อย่าอายหากจะบอกใครว่า “ไม่รู้”
๑๗. ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
๑๘. เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป
๑๙. การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
๒๐. คนไม่รักเงิน คือคนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
๒๑. ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
๒๒. ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
๒๓. จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน
๒๔. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
๒๕. เหรียญเดียวมี 2 หน้า ความสำเร็จ กับ ล้มเหลว
๒๖. อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
๒๗. ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
๒๘. อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)
๒๙. ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้
๓๐. ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆ ไปก็ผิดหมด
๓๑. ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
๓๒. จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
๓๓. ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ต้องปีน “บันไดสูง”
๓๔. มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
๓๕. หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม
๓๖. ระเบียบวินัย คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)

คำคม 1

จัดการกับความผิดของผู้อื่นอย่างนุ่มนวล เช่นเดียวกับที่ท่านได้จัดการกับความผิดของตนเอง
โดย : สุภาษิตจีน

ทบทวนอดีต ศึกษาปัจจุบัน เพื่ออนาคต
โดย : ปรัชญาการทำงานของ ดร.เทียม โชควัฒนา

อนาคตเป็นของผู้ที่เชื่อในความฝัน
โดย : เอลินอร์ รูสเวลท์

ถ้าท่านให้ปลาแก่เขา ท่านเลี้ยงเขาวันเดียว แต่ถ้าสอนให้เขาหาปลา ทานเลี้ยงเขาตลอดชีวิต
โดย : นิรนาม

เมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว เราควรจะอดทนรอผล
โดย : เจ.ลับบอค

ถ้าไม่สนุกกับสิ่งที่ทำ น้อยคนจะประสบความสำเร็จได้
โดย : นิรนาม

ปลุกต้นไม้ใหญ่ อย่าลืมเก็บไว้กินแต่เพียงผู้เดียว
โดย : ปรัชญาการทำงานของ ดร.เทียม โชควัฒนา

เคล็ดลับความเป็นอัจฉริยะคือมีจิตใจที่เยาว์วัยเสมอจวบจนวัยชรา นั่นหมายความว่าอย่าขาดความกระตือรือร้น
โดย : อัลอัส ฮักซ์ลีย์

การทุ่มเทอย่างเต็มที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะบรรลุจุดสูงสุดในทุกสิ่ง
โดย : ทอม ฟลอรีส

ผู้ที่ไม่ยึดถือสิ่งต่างๆว่าเป็นของตน ย่อมไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใดและไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกสูญเสีย
โดย : พระพุทธเจ้า

ปัญญาคือการรู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ทักษะคือการรู้ว่าจะทำอย่างไร และสิ่งที่ดีคือการลงมือทำ
โดย : เดวิด สตาร์ จอร์แดน

เที่ยงธรรมและเยือกเย็น คือหลักสำคัญในการปกครองคน
โดย : ปรัชญาการทำงานของดร.เทียม โชควัฒนา

ถ้าจำเป็นต้องทำ อย่ากลัวที่จะก้าวยาวๆ เพราะท่านไม่สามารถก้าวข้ามเหวลึกได้ด้วยการก้าวเล็กๆเพียงสองก้าว
โดย : เดวิด ลอยด์ จอร์จ

ความผิดพลาดมักเกิดจากสองสาเหตุ คือคิดแต่ไม่เคยทำ กับทำแต่ไม่เคยคิด
โดย : จอห์น ชาร์ลส์ ซาลัค

การที่เป็นมิตรกับตนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเป็นมิตรกับตนเองไม่ได้ก็ไม่สามารถเป็นมิตรกับผู้อื่นได้เช่นกัน
โดย : เอลินอร์ รูสเวลท์

การหาเงินทางเน็ต ที่นิยมทำกันในปัจจุบัน

การหาเงินทางเน็ต ที่นิยมทำกันในปัจจุบัน
พวกเซียนทั้งหลายเขาหาเงินกันแบบนี้ครับ

วิธีที่ 1. สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โปรโมตให้ดัง (อย่างที่พวกเรารู้กัน) เมื่อดังแล้วเงินก็มาเอง โดยที่นั่ง ๆ นอน ๆ ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่แน่นอน ช่วงแรกจะเหนื่อยมากถึงมากที่สุดกว่าเว็บจะดัง ก็มีรายได้จากโฆษณาเดือนระดับหลักหมื่นบาทวิธีนี้มีเทคนิคที่สามารถสร้าง traffic (คนเข้าเว็บ) ให้เว็บดังได้ มีคนเข้าอย่างน้อยระดับ 1,000 คนถึงหลายพันคนต่อวัน ภายใน 2 เดือน เทคนิคนี้พวกเซียนเขารู้กัน

วิธีที่ 2. ทำเว็บไซต์ e-commerce สามารถทำได้ทั้งระดับประเทศและระดับสากล ระดับประเทศทำให้สำเร็จง่ายมาก ใช้เวลาทำเดือนสองเดือนก็สร้างยอดขายอัตโนมัติทุกเดือนได้เลยเ(พราะมีการแข่งขันน้อยมาก) จนถึงใช้เวลาทำนานเป็นปีถ้าต้องเปิดตลาดใหม่เพื่อแนะนำสินค้าบริการอันใหม่ให้รู้จักกันทั่วถึง ระดับสากลจะทำยากกว่าแต่ตลาดจะใหญ่มาก รายได้จะมหาศาลรายได้ระดับประเทศก็จะหลายหมื่นถึงหลายแสน ที่ผมเห็นคนไทยทำโดยทั่วไป ส่วนรายได้ระดับสากลระดับห้าแสนถึงหลายสิบล้านต่อเดือน เวลาทำตอนแรกจะต้องเหนื่อยมาก ก่อนที่จะสบายตอนหลังเมื่อระบบการตลาดมันเดินด้วยตัวของมันเอง case study ระดับประเทศเช่น เว็บขายถุงยาง, เว็บชุดชั้นในวาบหวิว ฯลฯ case study ระดับสากลเช่น thaigem, เว็บขายอุปกรณ์มวยไทย ฯลฯ

วิธีที่ 3. ทำอีเบย์หรือ auction อันนี้มีตัวอย่างความสำเร็จมากมายของคนไทย เป็น power seller กันแยะ ข้อมูลไปดูที่ http://thaiebay.siambiz.com รายได้ระดับ 40,000 - หลายแสน อาจถึงระดับล้าน(บางคน)ช่วงต้นก็ต้องลำบากมากๆๆๆ เหมือนเคยเพราะต้องทดลองตลาดที่ขายได้จนเจอ(เสีย cost ไปไม่น้อย) ก่อนที่จะสบาย คือเมื่อจับตลาดสินค้าได้แล้ว ก็เป็นแหล่งทองที่สามารถขุดได้เรื่อย ๆ ไปอีกนาน

วิธีที่ 4. พวกทำ affiliate program ทั้งด้วยเว็บไซต์และ google adwords รายได้ตรงนี้มีตั้งแต่ระดับ 1,000 ดอลล่าร์ ถึง หลายแสนดอลล่าร์(พวกโครตเซียน ส่วนมากจะเป็นฝรั่ง)affiliate program คือ การหารายได้โดยการที่คุณไปตกลงกับเจ้าของสินค้าว่าจะแนะนำช่วงหนึ่ง ๆ (แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทเขา)ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าผ่านเว็บของคุณ คุณก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นตามที่ตกลงไว้ตัวอย่างสินค้าที่คุณสามารถเลือกโปรโมตได้มีตั้งแต่สากยันเรือรบ เป็นสินค้าบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายเท่าที่คุณจะนึกออก เช่น ebay, dell, morgan ลูกค้าให้ โดยการทำ
link ไปยังเว็บของเขา ลูกค้าจะถูก track ด้วย cookie เป็นระยะเวลา stanley ฯลฯรายละเอียดต่าง ๆ มีมากมาย มีคนสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้กันหลายแสนคนทั่วโลก มีระบบการทำและให้คำแนะนำกันมากมาย และแน่นอนทำไม่ง่ายอีกเช่นเคย จะว่าไปถึงขั้นให้สำเร็จยากเลยล่ะ แต่ถ้าทำสำเร็จเมื่อไร รายได้ที่ได้จะ automatic อย่างมากมายทันทีแม้คุณจะนั่งกินนอนกินทั้งปีก็ตาม

วิธีที่ 5. รายได้จาก google adsense google adsense คือการเข้าร่วมการโฆษณาของกูเกิ้ลในเว็บไซต์ของคุณ โดยที่คุณยอมเสียพื้นที่โฆษณาของคุณให้กูเกิ้ลลง คุณจะได้รายได้เมื่อมีคนคลิก (ทำได้เฉพาะเว็บภาษาอังกฤษ) โดย google จะเป็นคนจ่ายให้คุณวิธีนี้มีคนนับล้านคนหารายได้เสริมจากทางนี้ พวกเซียน ๆ (ที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ๆ แต่เป็นคนทั่วไปแบบเรานี่ล่ะ)มีรายได้สบาย ๆ จากทางนี้ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ถึงหลายหมื่นดอลล่าร์ กันหลายคนวิธีการสร้างเว็บเป็นภาษาอังกฤษเหมือนจะยุ่งยาก แต่มันก็มีเทคนิคการสร้างเช่นกัน ให้เสร็จภายในระยะเวลาไม่นาน โดยมีเนื้อหานับร้อย ๆ หน้า หรือจะไปซื้อจาก ebay ก็มีขายเยอะแยะแต่ที่ยากคือการโปรโมตให้คนเข้ามาเยอะ ๆ แต่พวกเซียน ๆ ก็มีสารพัดเทคนิคทำสำเร็จภายในไม่กี่เดือน แต่ก็เหมือนเดิม ต้องเหนื่อยมาก ๆ ค่อนข้างยากในตอนแรก

วิธีที่ 6 : รายได้จาก domain seller จะมีพวกเซียนที่ทำการจดโดเมนสวย ๆ มาขายต่อในราคาแพง พวกนี้เก่งจริง ๆ แล้วมีประสบการณ์ในการรู้มูลค่าของชื่อได้ดี และรู้ระบบการตลาดในการขายที่เยี่ยมยอด ที่ผมเห็นหลายรายจดโดเมนมา $10 ขายต่อไปในราคา $100 – หลายพันดอลล่าร์ บางชื่อระดับหมื่นดอลล่าร์ (อย่างเว็บ Thailand.com ซื้อมาในราคาร้อยล้านบาท) คนที่ทำกันจริงจังมีโดเมนอยู่ในมือนับหลายร้อยชื่อเลยทีเดียว แต่ต้องมีประสบการณ์ไม่งั้นก็อาจเจ๊งได้ง่าย ๆ เช่นกันเพราะต้นทุนเยอะ

วิธีที่ 7. รายได้จาก parking domain พวกนี้จะไปจดโดเมนดัง ๆ ที่หมดอายุแล้วเจ้าของไม่ต่อ แล้วเอาไป parking คือฝาก dns ไว้ที่ sedo.com เวลามีคนเข้าเว็บมาก็จะเจอหน้า parking ที่มีโฆษณา แล้วก็ได้รายได้เป็น pay per click พวกเซียน ๆ จะมีเป็นร้อยโดเมนเลยทีเดียว สร้างรายได้ให้เขาระดับนับหมื่นดอลล่าร์ต่อเดือนสบาย ๆ โดยวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรและแน่นอนมันก็ไม่ง่ายอีกเช่นกัน แม้แต่ละวันจะมีโดเมนที่หมดอายุนับหมื่นชื่อทุกวัน แต่ก็มีคนพวกนี้ที่มีเครื่องมือชั้นยอดคอยจ้องฉกเว็บชิ้นปลามันไปกินมากมาย

วิธีที่ 8. รายได้จากการขาย ebook หรือ software (ส่วนมากจะเป็น ebook) พวกนี้จะเขียน ebook ขึ้นมาเล่มนึง แล้วก็ไปเช่าเว็บโฮส เขียน selling killer ads เป็นโฆษณาแบบ sale letter ที่อ่านแล้ว โอ้โห มันยอดมาก สุดยอดอะไรเช่นนี้ ทำให้อยากซื้อมาก ๆ แล้วก็สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแล้ว download สินค้าได้ทันทีเลยวิธีนี้สำคัญที่ sale letter ads page กับการโปรโมต ถ้าโปรโมต traffic อย่างถูกวิธี พวกเซียน ๆ อีกเช่นเคย ทำมาจนเซียน อยากหาเงินเมื่อไรก็ได้ เพราะเขาบรรลุวิธีการตลาดหมดแล้ว สามารถโปรโมตอีบุ๊คธรรมดาทั่ว ๆ ไปให้มียอดขายได้ไม่ตำกว่า300-1000 sale download ราคาต่อเล่มประมาณ $30-$100 มีรายได้ต่อเดือนประมาณ $9,000 ถึง 100,000 ดอลล่าร์ เลยทีเดียวความ

จริงยังมีวิธีอื่น ๆ อีกครับ แต่เอาแค่นี้ก็พอละ เพราะทั้งหมดนี้เป็นตัวหลัก ๆ ในการหารายได้ทางเน็ตแล้ว คนที่คิดหารายได้ทางเน็ต หันมาทำอะไรแบบจริงจัง ได้ความรู้ มีสาระดีกว่าเนอะ

******* แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จงจำไว้เหอะครับว่า มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ หรอกครับ ล้วนต้องลงมือลงแรง ลงสมอง-ความรู้ ด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ หวังได้เงินมาง่าย ๆ ก็จะมีรายได้แบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ เท่านั้นล่ะครับ

********บอกได้เลยว่าที่พวกเซียนทำกันได้ ก็เพราะ “ทรัพย์สินทางปัญญา” ล้วน ๆ ที่มีมูลค่ามหาศาลมากจนนับไม่ได้ แล้วทรัพย์สินอันนี้มันไม่ได้มาง่าย ๆ แน่นอนครับ ถ้าไม่ขยันแบบสุด ๆ ชอบแบบบ้าคลั่ง แล้วก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ความจริงถ้ามีคุณสมบัติพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาหารายได้ทางเน็ตหรอก ทำอะไรมันก็สำเร็จทั้งนั้นหละจบจ้า

จาก Pantip .com

"ปูแดง" สตูลแจ้งความเอาผิด DSI และ สคบ.

แดงสตูลแจ้งความเอาผิดDSI-สคบ.
26 มค. 2553 14:52 น.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ม.ค.53 สมาชิกและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ปูแดง ไคโตซาน กว่า 30 คน นำโดยนาย จรัส ง๊ะสมัน และนาย นิธิ หวันสู สมาชิกปูแดงฯพื้นที่อ.ละงู ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อร.ต.อ. ทัศพล สุวรรณบูลย์ ร้อยเวรสภ.ละงู จ.สตูล ให้ดำเนินคดีกับ ส.ค.บ และดี.เอส.ไอ ที่สั่งปิดบริษัทเบส 59 ที่จำหน่ายสินค้าปูแดง ไคโตซาน ซึ่งการปิดบริษัทดังกล่าว ส่งผลต่อเกษตรกรผู้ใช้สินค้าและสมาชิก เนื่องจากไม่มีสินค้าใช้
นายนิธิ หวันสู อายุ 39 ปี ตัวแทนสมาชิกปุ๋ยปูแดงฯ กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรทั้งผู้ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ต่างได้รับความเดือดร้อน โดยที่จ.สตูลเรามีสมาชิกกว่า 1 , 000 คนและมีลูกค้าที่ประทับใจในตัวสินค้าซึ่งเป็นสินค้าที่สกัดจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์เพิ่มผลผลิตพืชและสัตว์โตเร็ว ไม่มีสารพิษต่อคนและสัตว์ ใช้กับพืชและสัตว์ทุกชนิด พวกเราชาวสวนยางและสวนปาล์มรวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์เดือดร้อนมาก เพราะใช้สินค้าแล้วไม่ได้ใช้ต่อเนื่อง เราใช้สินค้านี้น้ำยางได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพขึ้น รวมทั้งเราเองก็ปลอดภัยจากสารพิษ หน่วยงานรัฐทำเช่นนี้ไม่รับผิดชอบ อยากให้ลงมาสัมผัสกับเกษตรกรว่า เขาเสียประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่นั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ ให้ลงมาสัมผัสของจริงบ้าง
ขณะที่นาย จรัส ง๊ะสมัน อายุ 54 ปี สมาชิกปูแดง จ.สตูล กล่าวว่า การเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้เพราะการสั่งปิดบริษัทดังกล่าวทำให้เกษตรกรและตัวแทนผู้ขายตรงได้รับความเดือดร้อน โดยขณะนี้สมาชิกทุกพื้นที่ทุกจังหวัดได้เข้าแจ้งความกันทุกจังหวัดซึ่งทั่วประเทศก็มีหลายหมื่นคน โดยให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายทั้งอาญา และแพ่งด้วยเพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ที่มาแจ้งความลงชื่อและลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานต่อไป

3 ผู้บริหาร “ปูแดง ไคโตซาน” มอบตัวสู้คดีแชร์ลูกโซ่ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายสมปอง แซ่ตั้ง ประธานกรรมการ บริษัทเบสท์ 59 จำกัด

3 ผู้บริหาร “ปูแดง ไคโตซาน” พร้อมทนาย เข้ามอบตัวสู้คดีแชร์ลูกโซ่ปูแดง ดีเอสไอจับทำประวัติ-พิมพ์ลายนิ้วมือ แจ้งข้อกล่าวหา ก่อนวางเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว 2 ข้อ ห้ามปลุกม็อบ-เคลื่อนย้ายเอกสาร โฆษกดีเอสไอมั่นใจหลักฐานน่าเชื่อถือกระทำความผิดจริง รับยังมีผู้เสียหายหลายคนยังไม่รู้ว่าถูกหลอก

วันนี้ ( 26 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ และโฆษกดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อบริษัท เบสท์ 59 จำกัด ผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อปูแดงไคโตซาน ซึ่งถูกจับกุมตรวจค้น ฐานกระทำการเข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและมีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ว่า นอกจากนายเนตินันท์ ประดิษฐ์ชัย ที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ ในวันนี้ (26 ม.ค.)ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 3 คน คือ นายสมปอง แซ่ตั้ง ประธานกรรมการบริษัท, นายธนาพัทน์ กิจใบ และนายวิชาญ จำปาขาว พร้อมทนายได้เดินทางเข้ามามอบตัวเพื่อขอต่อสู้คดีด้วยตัวเอง ซึ่งสำนักคดีอาญาได้ดำเนินการตามขั้นตอนคือทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมทั้งบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเข้าข่ายเห็นการกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.343 และ ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ม.4, 5, 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.83

พ.ต.อ.ณรัชต์ ยืนยันว่าที่ผ่านมาการดำเนินการตรวจค้นจับกุมของ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ เป็นไปตามพยานหลักฐานซึ่งเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาได้ โดยเฉพาะกรณีดังกล่าวเมื่อเทียบเคียงกับคดีแชร์ลูกโซ่ที่เคยดำเนินคดีพบว่ามีลักษณะเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า มี 2 เงื่อนไขคือห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเคลื่อนย้ายเอกสารหลักฐาน และห้ามอยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นยุยงให้สมาชิกเครือข่ายรวมตัวกันเคลื่อนไหว หากผิดเงื่อนไขสามารถถอนการให้ประกันตัวชั่วคราวได้ (ดีเอสไอจะกลัวทำไม ถ้าประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนจะออกมาเรียกร้องหาความเป้นธรรม ตากฏกหมายอยู่แล้ว หรือท่านใช้กฏหมายและอำนาจได้เพียงฝ่ายเดียว?)

พ.ต.อ.ณรัชต์ ย้ำว่า ด้วยการประสานความร่วมมือในการจับกุมถึง 4 หน่วยงานคือดีเอสไอ, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), กลุ่มงานป้องปราบการเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และกรมวิชาการเกษตร ทำให้การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถึงการกระทำความผิด แม้ขณะนี้ยอมรับว่ายังมีผู้เสียหายหลายคนยังไม่ตระหนักว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย เพราะถือว่าสายโซ่ของขบวนการยังไม่ขาด สมาชิกบางส่วนยังได้เงินปันผลปกติด้วยการเอาเงินจากสมาชิกรายใหม่ไปจ่ายให้รายเก่า แต่เมื่อใดที่สายโซ่ขาดเพราะเมื่อนั้นผู้เสียหายก็จะรู้ตัว พร้อมชี้แจงข้อแตกต่างระหว่างการขายตรงกับแชร์ลูกโซ่ว่า โดยหลักการขายตรงจะเน้นการขายตัวผลิตภัณฑ์ รายได้หลักหรือผลประโยชน์ตอบแทนต้องมาจากการกระจายสินค้าไปสู้ผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งการขายตรงสามารถขยายองค์กรด้วยการหาสมาชิกเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงได้ แต่ต้องไม่กำหนดให้ได้รับผลตอบแทนเป็นรายได้หลักจากการแนะนำผู้จำหน่าย หรือตัวแทนขายตรงเข้าร่วมเป็นเครือข่าย (ทุกบริษัทขายตรงก็มีแผนการตลาดที่ประกาศให้สมาชิกทราบถึงผลตอบแทนอยู่แล้ว)