วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข

บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน ในแต่ละวันให้ นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการ……..

  1. ตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
  2. ให้ นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และ
  3. ต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า…..

  1. ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย
  2. ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคต และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต

บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด คือ…..

  1. การ อยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม
  2. จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น
  3. คุณต้อง เลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก


บันไดขั้นที่ 4

  1. จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว
  2. มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง ( Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้

บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ

  1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
  2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน
  3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
  4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ

ทางออก"สคบ.-ปูแดง" (จิระพงค์ เต็มเปี่ยม)

ทางออก"สคบ.-ปูแดง" (จิระพงค์ เต็มเปี่ยม)

"สองมาตราฐาน" ที่มาแรงและเป็นข่าวในขณะนี้คือ กรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ขายตรง กับบริษัทบริษัท เบสท์ 59 จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพ ตราปูแดง โดยเหตุผลว่า มีการขายสินค้าเกินกว่าที่ได้รับอนญาตอีกทั้งเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่

ในขณะที่ฝ่าย"ปูแดง" ยืนยันว่าเขาทำถูกต้อง เป็นธุรกิจคนไทยร้อยเปอร์เซ็น เปิดบริษัทมา8ปี ทางสคบ.ควรทำตัวเป็นพี่เลี้ยง มีอะไรสงสัยก็ต้องแนะนำ หรือตักเตือน ไม่ใช่เตะก้านคอประหารลูกเดียว และตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า สคบ.สองมาตราฐานเลือกปฎิบัติ เล่นงานแต่บริษัทขายตรงคนไทย แต่บริษัทขายตรงต่างประเทศกลับเพิกเฉย ทั้งยังตั้งข้อสังเกตุว่า บิ๊กสคบ.บางคนไปทัวร์นอกกับบริษัทขายตรงต่างประเทศ มีอะไรกันหรือเปล่า???

จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่มีการตั้งสคบ. ปรากฎการหนนี้เป็นครั้งแรก ที่ สคบ.ได้รับ"หรีดดำ" เพราะปกติ สคบ.ไปตรวจพิสูจน์งานที่ไหน เหยื่อวิ่งกันป่าราบ แต่ไม่ใช่"ปูแดง"ทั้งยังเหวี่ยงก้ามหนีบ สคบ.จนไข้ขึ้น

กรณีข้อสงสัยเหล่านี้เป็นเรื่องน่าศึกษา โดยเฉพาะในเรื่องการทำลายธุรกิจคนไทย ซึ่งอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พานิชย์ กำกับดูแลกรมทรัพยสินทางปัญญาคงรู้ซึ้งดี

คือเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มนักธุรกิจไทย ที่ประกอบอาชีพรับพิมพ์ผ้าลาย ไปร้องให้รัฐมนตรีอลงกรณ์ช่วย เรื่องก็คือว่า มีคน ไปว่าจ้างโรงงานเหล่านั้นนับสิบราย ให้พิมพ์ผ้าลายเพื่อส่งไปขายแถวแอฟริกา แล้วจากนั้นย้อนไปดำเนินคดีกับบริษัทรับพิมพ์ผ้าลายเหล่านั้นในข้อหาละเมิด ลิขสิทธิ์ลายผ้า เมื่อถูกดำเนินคดีแน่นอนว่าต้องปิดโรงงาน เจ้งลูกเดียว

ธุรกิจพิมพ์ผ้าลาย ก็ต้องหันไปใช้บริการแถวเวียดนาม มาเลเซีย ผลประโยชน์จึงไปตกแก่ต่างชาติว รัฐมนตรีอลงกรณ์รู้ทัน จึงเข้าไปแก้ไขปัญหาช่วยชีวิตธุรกิจไทยเอาไว้

กรณีที่เกิดขึ้นกับ"ปูแดง"ผมไม่เชื่อว่า สคบ.จะยอมเป็นขี้ข้าต่างชาติ ทำร้ายธุรกิจคนไทย แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะเมื่อเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว พอมีการทักท้วง ก็แย้มว่า ยังอุทรณ์คำสั่งได้ แต่ปัญหาคือว่าธุรกิจเอกชนเสียหายไปแล้ว ใครจะรับผิดชอบ

และผมไม่เชื่อว่างานนี้ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแลสคบ.และพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลดีเอสไอ 2 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จะแทงข้างหลัง ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะก่อนที่ดีเอสไอ จะเข้าไปตรวจค้น"ปูแดง" 2วัน รมว.อุตสาหกรรม ยังไปเปิดงาน เกี่ยวกับด้านการเกษตรของ"ปูแดง"ที่เมืองทองธานี ชื่นชมในการทำธุรกิจของ"ปูแดง"

อีกทั้งในสำนักงานใหญ่"ปูแดง"ก็ติดรูปนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มอบรางวัลการประกอบธุรกิจดีเด่นขนาดใหญ่เท่าฝาบ้าน

เรื่องนี้มาไกลเกินกว่าที่ สคบ.จะยุติปัญหาเอง เพราะตกเป็นคู่กรณีด้วย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย น่าจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ เอาข้อมูลหลักฐานแต่ละฝ่ายมากางดู!! เมื่อทั้งสองฝ่ายปักหลักสู้ ผมเชื่อว่า"ได้-เสีย"แน่นอน


ที่มา .หนังสือพิมพ์แนวหน้า http://www.naewna.com/news.asp?ID=196291

ร้องเรียนเรื่องปูแดงต่อรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Tel:081-7553333
ท่านยินดีช่วยเหลือเราเต็มที่ครับ
ผู้แจ้งข่าว อ๊อดปูแดง 087-0306827

“ปูแดง” บุกโรงพักทุ่งสองห้อง ร้องดีเอสไอ-สคบ.ตรวจค้นไม่เป็นธรรม







คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สมาชิก ปูแดง กว่า 100 คน เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์หลังได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่ดีเอสไอ และสคบ.เข้าตรวจค้นบริษัท

เครือข่าย “ปูแดง” ขึ้นโรงพักทุ่งสองห้อง ร้องถูกดีเอสไอและสคบ.ตรวจค้นไม่เป็นธรรม อ้างถูกกลั่นแกล้ง ทำให้เดือดร้อน เบื้องต้น พงส.รับแจ้งความไว้ ด้านอธิบดีดีเอสไอยันทำตามกฎหมาย ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 4 ราย เผยการทำธุรกิจมุ่งหาสมาชิก เข้าข่าย “แชร์ลูกโซ่” หากปล่อยไว้ความเสียหายลุกลามใหญ่โต!
วันนี้ (24 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มสมาชิกปูแดงกว่า 100 คนได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.อนุชา พรหมอารักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทุ่งสองห้อง ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังถูกดีเอสไอ และ สคบ.เข้าค้นบริษัท เบสท์ 59 จำกัด หรือปูแดง ไคโตซาน พร้อมทั้งสั่งระงับสินค้าทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถนำสินค้ามาขายได้

นายสาธิต แดงจันทร์ อายุ 36 ปี ตัวแทนกลุ่มสมาชิกผู้ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า วันนี้ที่พวกตนต้องเดินทางเข้าร้องทุกข์เนื่องจากภายหลังดีเอสไอ และ สคบ.เข้าตรวจค้นบริษัทเบสท์ 59 จำกัด เมื่อวันที่ 19 ม.ค.53 และตั้งข้อหาร้ายแรง พร้อมทั้งระงับสินค้ารวมถึงให้หยุดกิจการ ทำให้สมาชิกขาดรายได้ไม่สามารถนำสินค้าออกไปจำหน่ายได้ ทำให้ประชาชนและเกษตรกรผู้รับสินค้าก็ได้รับความเดือดร้อน

นายสาธิตกล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อว่าทางบริษัทต้องถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะสินค้าที่ของปูแดงที่ส่งออกจำหน่ายนั้นก็ขายได้เป็นอย่างดีมีสมาชิกมาก รวมถึงสินค้าที่ได้มาตรฐาน ไม่เคยเอาเปรียบประชาชน และสินค้ามีราคาถูกว่าสินค้าอื่นตามท้องตลาด นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกและเกษตรกรทั่วประเทศเดินทางเข้าแจ้งความตามภูมิลำเนาบ้างบางส่วนแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากนี้ทางผู้เสียหายจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป

ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวยืนยันว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ดีเอสไอดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้น เนื่องจากดีเอสไอสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า พฤติการณ์ของบริษัทดังกล่าวเข้าข่ายความผิดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือลักษณะแชร์ลูกโซ่ (แปลว่าขายตรงไบนารี่ทุกบริษัทมันก็แชร์นะสิ?) เป็นแชร์ซึ่งจะเน้นระดมสมาชิกให้ได้จำนวนมาก เพื่อนำเงินของสมาชิกใหม่มาจ่ายให้กับสมาชิกเก่า ในที่สุดธุรกิจก็จะล้มและไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับสมาชิกใหม่ได้ (บริษัทมีกำไรอยู่แล้วถึงไม่มีสมาชิกเพิ่ม เพราะสมาชิกเก่ายอดขายเขาก็มีกำไรจากการขายอยู่แล้ว การหาสมาชิกเพิ่มนั้นเป็นระบบมาตราฐานของขายตรงทั่วไปอยู่แล้ว ถามหน่อยขายตรงที่ไหนไม่ขยายฐานสมาชิกล่ะ?) อีกทั้งตรวจสอบแล้วพบว่ายอดตัวเลขการสั่งซื้อ 1 ล้านกว่ารหัส แต่มีสมาชิกจริงเพียง 10,000 กว่าคน (แค่จำนวนสมาชิกก็ได้ข้อมูลผิดแล้ว)

ดังนั้นหากปล่อยไว้นานกว่านี้ก็จะทำให้ความเสียหายลุกลามใหญ่โต ดีเอสไอและสคบ.จึงได้ขอหมายค้นเพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 ราย และจับกุมได้แล้ว 1 ราย ขั้นตอนขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน จากนั้นจะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป (ถาม...ใครเสียหายหรอ? )