วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

VDO แผนการตลาดและรายได้ปูแดงไคโตซาน

VDO แผนการตลาดและรายได้ปูแดงไคโตซาน

VDO แนะนำบริษัทปูแดงไคโตซาน

VDO แนะนำบริษัทปูแดงไคโตซาน

เหยื่อเว็บแชร์ลูกโซ่ แอบขายตรง

เหยื่อเว็บขายตรง

ท่ามกลางภาวะวิกฤติแบบนี้ ผมอยากจะ "เตือนสติ" เพื่อนพ้องน้องพี่วงการขายตรงหน่อยครับ หากทำอะไร "ผลีผลาม" ด้วยอารมณ์หงุดหงิดโดยไม่จำเป็น อาจพลาดท่าเสียทีคู่แข่งเอาได้ง่ายๆ

ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้บริษัทขายตรงไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างก็ตกอยู่ในสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก นั่นคือ สมาชิกถูก "เว็บมันนี่เกมส์" ดูดไปต่อหน้าต่อตา จนไม่เป็นอันทำมาหากิน ลงเงินแล้วก็นอนรอ 2-3 เดือน ฝันหวานกับรายได้ที่แก๊งมันนี่เกมส์หลอกล่อ

โดยเฉพาะภาคใต้ เดี๋ยวนี้คนขายตรงเขาไม่อยากขายสินค้ากันแล้ว เขาเอาเงินไปเล่น "มันนี่เกมส์" กันดีกว่า เพราะทำงาย ส่วนจะได้เงินจริงหรือไม่ก็ต้องรออีกเป็นเดือน

เพราะผู้นำรัฐบาลที่ไม่เอาถ่าน แถมทหารก็เก่งแต่ทำสงครามปากตามสื่อ แต่ไม่มีปัญญาไปทำอะไรผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ได้

ชาวบ้านไม่มีที่พึ่ง จึงประชดชีวิตหันไปเล่นการพนัน เล่นมันนี่เกมส์มันเสียเลย อย่างที่มาเลเซีย "เว็บมันนี่เกมส์" ก็ระบาดหนัก รัฐบาลของเขามีการประชุมกันหลายรอบ เพื่อหาทางกำจัดเว็บระยำเหล่านี้
มีการตั้งทีมกวาดล้างครั้งใหญ่ เพราะเว็บขายตรงมันนี่เกมส์มันสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านของมาเลเซียเป็นจำนวนมาก

เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงกระทรวงไอทีของมาเลเซียเขาสั่งปิดเว็บ "เฮงฮวย" เหล่านี้เกือบหมดเกลี้ยง แก๊งปั่นเงินจากมาเลเซียก็เลยถือโอกาสนี้เข้ามาระบาดในเมืองไทย โดยอาศัยกลุ่มแม่ทีมซึ่งเป็นคนไทยที่พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง รวมหัวกันปั่นกระแส "หลอกชาวบ้าน" ว่าให้เอาเงินมาลงเท่านั้นเท่านี้ ไม่ต้องเอาสินค้าไปขาย ทำแบบนี้สบายกว่าแค่รอ 2-3 เดือน ผลกำไรก็จะงอกเงยขึ้นมหาศาล

คนไทยก็รู้ๆ อยู่แล้ว หลอกง่ายยิ่งกว่าอะไรดี ยิ่งบอกว่าสบายๆ ขี้คร้านจะไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย ลงทุนอะไรก็หืดจับ ก็เลยถือโอกาสนี้เล่นการพนันและมันนี่เกมส์มันเสียเลย
โดยเฉพาะกระทรวงไอซีทีของไทย มันน่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "กระทรวงทีใครทีมัน" ปัญหาใหญ่ที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้กลับไม่ทำ

ดันทะลึ่งไป "ไล่ล่า" ตามปิดเว็บไซต์ที่เชียร์ "อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร" ผมว่า ผู้ใหญ่ในกระทรวงนี้สงสัยจะปัญญาทึบ หรือไม่ก็หน่อมแน้มสุดๆ

กลับเห็นเรื่องไร้สาระเป็นเรื่องสำคัญกว่าความเดือดร้อนของประชาชน

ล่าสุดผมได้ข้าวว่า บริษัท ซันไชน์เอ็มไพร์ฯ http://www.sunshinempire.com/ นี่ก็บอกว่ามาจากสิงคโปร์ เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ที่ตึกเชน ชั้น 35 ถ.อโศก
งานนี้มีการระดมคนจากจังหวัดต่างๆ มาสร้างกระแสคึกคัก ที่สำคัญมีการ "ปล่อยข่าว" ว่า หัวหอกคนสำคัญซึ่งเป็นคนไทย เป็นแม่ทีมใหญ่จากค่ายโสมเกาหลีระดับ "ธเนตร วงษา" ออกมาเดินเกมรบเอง โดยร่วมมือกับนายทุนของสิงคโปร์

สายรายงานมาว่า บริษัท ซันไชน์ฯ ที่ว่านี้ ไม่มีสินค้าอะไรขาย ใบอนุญาตสคบ.ก็ยังไม่มี แต่เป็นการเปิดเว็บไซต์ระดมเงิน ตาม "แฟชั่นปั่นเงิน" รูปแบบใหม่

แม่ทีมจากบริษัทขายตรงกว่า 10 คน จาก 10 บริษัท โทรมาคร่ำครวญกับผมเหมือนกันเด๊ะเลยว่า เขากำลังเดือดร้อนหนัก เนื่องจากถูกแก๊งแชร์ลูกโซ่ที่อาศัยเว็บไม่ว่าจะเป็น www.colonyinvest.com เว็บนี้พวกแม่ทีมบอกว่า ไม่ต้องลงชื่อจริงก็ได้ เว็บนี้กำหนดการลงทุนคือ

ลงทุน 3,800 บาท 100 วันรับเงินปันผล 8,500 บาท

ลงทุน 19,000 บาท 100 วันรับเงินปันผล 47,600 บาท

ลงทุน 38,00 บาท 100 วันรับเงินปันผล 102,000 บาท

ลงทุน 380,000 บาท 100 วันรับเงินปันผล 1,020,000 บาท

นี่ยังไม่นับรวมโบนัสที่จะได้รับอีกมากมาย เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมยังมีเคยเห็นการลงทุนอะไรมันจะมีกำไรมากมายขนาดนี้ นี่แสดงว่า ไอ้พวก "ปั่นเงิน" ที่ว่านี้ คงรวยกันทั้งโคตร ถึงได้เอาเงินมาแจกจ่ายคนทั่วโลก

ถามหน่อยเถอะพี่น้องถ้าไอ้คนพวกนี้มันรวยและใจบุญจริงๆ มันหลอกให้พวกท่านโอนเงินไปให้มันก่อนทำไม ทำไมไม่ขอเพียง "เลขที่บัญชีธนาคาร" ของท่านแล้วโอนเงินมาให้ท่านใช้เล่นฟรีๆ
หรืออย่างบริษัท อีซี่ฯ พี่น้องชาวใต้ก็แจ้งมาเกือบ 10 คนว่า บริษัทนี้ให้ลงเงินไว้เฉยๆ ไม่ต้องหาสมาชิกก็ได้ สินค้าไม่ต้องเอาก็ไม่เป็นไร บริษัทยินดีรับฝากขายให้ แค่ลงหุ้นละ 2,160 บาท ภายใน 3 วัน บริษัทฯ ก็จะคืนให้ 70% เมื่อครบ 60 วัน บริษัทก็จะจ่ายให้อีกหุ้นละ 500 บาท/เดือน หรือครบ 120 วันก็จะจ่ายให้หุ้นละ 1,500 บาท/เดือน

ลงเงินแล้วให้รอรับประโยชน์ได้เลยไม่ต้องทำอะไร หรือถ้าใครแนะนำคนมาลงเงินด้วยก็จะได้ "ค่าหัว" อีกหัวละ 100-200 บาท

บริษัทที่ว่านี้ถ้าจะพูดกันแล้ว น่าจะเข้าข่ายในลักษณะใช้ขายตรงบังหน้า ขุดหลุมพรางในการระดมเงินแบบง่ายๆ ส่วนจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ สคบ.น่าจะให้คำตอบได้ดีกว่าผม สำหรับผมน่ะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

นี่คือ หนังตัวอย่างส่วนหนึ่งซึ่งคนขายตรงกำลังประสบชะตากรรมอย่างหนักอยู่ในขณะนี้
พวกแม่ทีมเขาก็เลยโทรมาถามผมว่า "เมื่อมันเป็นอย่างนี้ จะให้พวกเขาแก้เกมอย่างไรถึงจะไม่ให้ลูกทีม หรือสมาชิกหลงผิดไหลออกไปเล่นแชร์ลูกโซ่กันหมด"

ยอมรับว่า มาเจอแบบนี้ผมก็ "ใบ้" รับประทานเหมือนกัน แต่ภายใต้ความดำมืดก็ใช่ว่าจะไม่มีแสงสว่างให้มองเห็นเอาเสียเลย

อย่างว่าแหละ เวลานี้ภาครัฐเราก็คงจะไปหวังพึ่งพาอะไรมากไม่ได้ เพราะลำพังรัฐบาลเองก็แทบจะเอาตัวรอด ยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ยิ่งแล้วใหญ่ มักจะไม่ทันเกมพวก "แก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง" มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ไอ้ที่ทำเป็น "ฮึ่มๆ" น่ะ ส่วนใหญ่จะเก่งแค่ "ข่มขู่" ผู้บริสุทธิ์เท่านั้นแหละ ส่วนพวก "โจร" ของจริงเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีน้ำยาที่จะเล่นงานอะไรใครได้ เพราะพวกโจรขายตรงมันไม่ได้ไปนอน "กกเมียน้อย" ให้ตำรวจไปตามจับง่ายๆ ในโรงแรมม่านรูด

ปัญหาสังคมที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เพราะภาครัฐไปเล่นงานพวกพ่อค้าวาณิชย์ ไม่ใช่เล่นงานแก๊งโจรตัวจริง มันก็เลยเหิมเกริมออกมาเปิดกัน "เยาะเย้ยสคบ." เต็มบ้านเต็มเมือง

ในเบื้องต้นผมไม่รู้จะช่วยเหลือพี่น้องได้อย่างไร ก็คงได้แต่ "ประกาศเตือน" ให้รู้กันถ้วนหน้าว่า อย่าเป็นคนใจง่ายเข้าข่ายฝันหวานลมๆ แล้งๆ ยิ่งเป็นเรื่องเงินเรื่องทองไม่มีทางที่ท่านจะได้มันมาง่ายๆ ทุกอย่างท่านต้องออกแรง และทำงานกันจนเหงื่อไหลไคลย้อยนั่นแหละถึงจะได้มันมา

อย่าไปมองว่า "พวกแก๊งต้มตุ๋นมันโง่" กว่าท่าน ถ้ามันโง่จริงก็คงไม่หลอกให้พวกท่าน ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือหลอกญาติพี่น้องให้ "โอนเงิน" ไปให้พวกมันก่อนหรอก

เมื่อมาถึงตรงนี้มองออกหรือยังล่ะว่า ท่านถูกมัน "หลอก" ตั้งแต่ท่านตกเป็นทาสของความ "โลภ"

ครอบงำนั่นแหล่ะ ที่สำคัญ พวกท่านจะเชื่อถือมันได้อย่างไรว่าอีก 1-2 เดือน หรือ 100 วัน มันจะโอนเงินทั้งต้น และดอกอันงดงามคืนมาให้ท่าน มันเป็นใครบ้านอยู่ที่ไหนท่านก็ยังไม่รู้ และไม่เคยเห็นหน้ามันด้วยซ้ำไป

ที่สำคัญ พวกเว็บไซต์ "ต้มตุ๋น" เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ท่านยังอ่านไม่ออกเลย แล้วท่านเชื่อได้อย่างไรว่าคนที่แนะนำท่านให้ไปลงทุนนั้นมันไม่หลอกท่านให้ตกเป็น "เหยื่อ" ยุคนี้แม้แต่พี่น้องกันยังไว้ใจกันไม่ได้ แล้วท่านไปเทวดามาจากไหนทีคนพวกนี้จะต้มตุ๋นไม่ได้

โจรพวกนี้แม้มันจะห้อย "จตุคามรามเทพ" องค์ใหญ่แค่ไหนมันก็ไม่กลัวบาป

เท่าที่ผมได้คุยกับคนที่เคยเอาเงินไปลงทุนใน "เว็บ" เหล่านี้ เขาก็ออกมายอมรับว่า มีแต่ตัวเลขโชว์ให้ดูเท่านั้นว่า มีรายได้เท่านั้นเท่านี้ แล้วก็หลอกให้เอาเงินไปลงเพิ่มมากขึ้น สร้างฝันให้เราเห็นแค่ตัวเลขเป็นดอลลาร์

ที่แน่ๆ เงินที่โชว์ในเว็บน่ะมันเบิกถอนไม่ได้ เป็นเพียงตัวเลขมหาศาล จริงอยู่แม้จะมีคนบอกว่า ได้รับเงินจากการลงทุนมาแล้วเป็นแสนเป็นล้าน นั่นมันหลอกให้ท่าน "โอนเงินเข้าเว็บ" และเข้าบัญชีส่วนตัว ที่พวกแม่ทีมคนไทยมันสร้าง "กลลวง" เอาไว้ ในที่สุดมันก็ปิดเว็บหนี ไป "เปิดเว็บใหม่" ใช้ชื่อใหม่หลอกคนอื่นอีกต่อไป

เมื่อรู้อย่างนี้ยังจะพากัน "หลงเชื่อ" และงมงายอยู่อีก สมแล้วที่ "แก๊งตุ้มตุ๋น" มันคุยกันในห้องน้ำรร.เจ้าพระยาปาร์ค ผมได้ยินมากับหูเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา พวกมันคุยกันว่า...

"ชาวบ้านพวกนี้มันโง่จริงๆ!!"

ฝากถึง "คุณรัศมี วิศทเวทย์" เลขาฯสคบ.นิดนึง ช่วงนี้มีเจ้าของบริษัทขายตรงเกือบ 10 บริษัท เขามาปรับทุกข์กับผมอย่างน่าสงสารว่า ยื่นขอใบอนุญาตไป 3-4 เดือนแล้ว ไปชี้แจงครบถ้วนกระบวนความก็แล้ว เอกสารที่ต้องการก็ให้ครบทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่อนุมัติใบอนุญาตให้อีก
พูดก็พูดเถอะ "เจ๊หมี" อันไหนพอผ่อนคลายได้ก็ผ่อนกันไปเถอะ เปิดโอกาสให้เขาได้ทำมาหากินบ้าง อย่าไปปิดทางเขาจนไม่มีทางไป บริษัทเถื่อนที่เปิดกันมากมายส่วนหนึ่งก็มาจากตรงนี้แหละ
ช่วยคนให้มีช่องทางทำมาหากินเพียง 1 คน ได้กุศลมากกว่าไปจัดฉากสร้างข่าวจับผู้กระทำความผิดถึง 10 รายเลยทีเดียว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์

เว็บมั่นนี่เกมเขมือบเงิน100วัน33ล.

เว็บมั่นนี่เกมเขมือบเงิน100วัน33ล.2สมาคมส่งซิกส์กระทุ้งรัฐ

หลุมพรางสูญเงินแล้วหลายราย คาดความเสียหายหากคำนวณเป็นตัวเลข เงินจากหยาดเหงื่อคนไทยไหลออกตปท.ไม่ต่ำกว่า 33 ล้านบาท ในรอบ 100 วัน “สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย” ออกโรงแถลงข่าวแฉละเอียดยิบ ชี้หากปล่อยต่อไป กระทบภาพรวมวงการขายตรงแน่ เตรียมรวบรวมข้อมูลส่งต่อ ICT จัดการ ด้าน “สมาคมการขายตรงไทย”ไม่นิ่งเฉยเช่นกันเผย หากได้รับข้อมูลพร้อมส่งต่อ “สคบ.” ทันที แนะคนไทยอย่าโลภให้ยึดหลักจริยะธรรมไว้ “ประพันธ์ คูณมี” ประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สนช. รับลูกพร้อมนำทุกปัญหาสู่กระบวนการแก้ไขระดับประเทศ
จากกรณี “เส้นทางนักขาย” เคยนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเว็บไซต์ระดมเงินเข้าข่ายมันนี่เกมส์ ไปในฉบับที่ 111 ประจำวันที่ 1 – 15 กรกฎาคม 2550 ขณะนี้ได้มีกระแสการเกิดเว็บไซต์ระดมเงินในลักษณะคล้ายกันขึ้นอีกนับร้อยเว็บไซต์ ทำให้นักธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบการหลายค่าย ต่างออกมาแสดงความวิตกกังวล เนื่องจากเกรงว่าอาจจะก่อความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจขายตรงและ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในวงกว้างได้เหมือน เช่น กรณีของแชร์แม่ช้อย หรือแชร์ชาร์เตอร์ในอดีต เพียงแต่ครั้งนี้ เป็นมั่นนี่เกมส์เวอร์ชั่นที่อาศัยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตไร้สายมาระดมเงินและระคม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย ได้จัดงานแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ “มหันตภัย...E-มั่นนี่เกมส์.....ข้ามชาติ” โดยมีนางสาวศิริพร ธรรมภักดี นายกสมาคมฯ และ นายนาคาญ์ ทวีชาวัฒน์ เลขาธิการสมาคมฯ เป็นร่วมผู้แถลง
โดยนายประพันธ์ คูณมี ประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่วมเป็นประธานเปิดงาน โดยได้เปิดเผยว่า มหันตภัยธุรกิจ “มันนี่เกม” หรือ “เชร์ลูกโซ่” ในรูปแบบใหม่คือความพยายามที่จะหลอกลวงต้มตุ๋น โดยใช้กลยุทธ์และวิธีการที่ทันสมัยยิ่งขึ้นของกลุ่มต่างชาติ อาศัยเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์ชักชวนคนไทยที่สนใจในโอกาสใหม่ๆ ให้ร่วมลงทุนในวิธีการที่ผิดเพี้ยน ให้นำเงินมาร่วมลงทุนในลักษณะ “เงินต่อเงิน” ช่วงแรกๆหลายคนที่ร่วมลงทุน ยังคงได้รับเงินปันผลตามที่สัญญาไว้ แต่ในอนาคตไม่มีใครรับรองได้ว่าจะเกิดปัญหาร้ายแรงเหมือนกับแชร์ลูกโซ่ที่เคยเกิดขึ้นมาหรือไม่
วันนี้ในฐานะที่ตนเป็นผู้ดูแลงานด้านคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและร่วมใจ หากสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำปัญหาต่างๆเข้าสู่กระบวนการแก้ไขระดับประเทศต่อไป
นางสาวศิริพร ธรรมภักดี นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเพียง 1 – 2เดือนที่ผ่านมา เหยื่อบางรายโดยหลอกสูญเงินไปหลายแสนบาท ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้ส่วนมากจะอ้างอิงว่ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เสียหายมีทั้งกลุ่มคนในวงการขายตรงและกระจายออกไปนอกกลุ่มในจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จุดนี้หากผู้ประกอบการมีองค์กรที่ไม่เข้มแข็ง สินค้าไม่ชัดเจน แม่ทีมจะถูกชักจูงโดยง่าย ซึ่งผลที่หวั่นว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คือมีเว็บไซต์ของไทยทำเลียนแบบ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมคือเงินตราไหลออกนอกประเทศ และส่งผลกระทบต่อภาพรวมและยอดขายของขายตรงไทยทั้งประเทศ
สำหรับมูลค่าความเสียหายขณะนี้คงไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ แต่หากลองคำนวณคร่าวๆแล้ว การลงทุนขั้นต่ำ คือ 100 USD หรือประมาณ 3,300 บาท ในรอบ 100 วัน โดยปัจจุบันมีนักขายและประชาชนที่หลงติดกับไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย จะคิดเป็นมูลค่าเงินตราที่ไหลออกนอกประเทศประมาณ 33 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ยังไม่ร่วมถึงการเพิ่มเงินลงทุนอีกในครั้งต่อไป ที่มากขึ้นเรื่อยๆ สูงสุดได้ถึง 1,000 USD
ด้านนายนาคาญ์ ทวีชาวัฒน์ เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย เปิดเผยว่า “ขณะนี้รายชื่อเว็บไซต์ที่มีอยู่ในมือ มีประมาณ 10 แห่ง แต่หากถามว่าในปัจจุบันมีเว็บไซต์ประเภทนี้แล้วกี่แห่ง บอกได้เลยว่ามีมากกว่าร้อยแห่ง แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ ผู้ที่เข้าร่วมบางรายรู้ทั้งรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังกล้ากับคนที่ไปชักชวนว่า “รีบไปลงเดี๋ยวมันปิด” หากนักขายตรงคิดแบบนี้หมด แล้วเลิกทำธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องแล้วไปมุ่งหากำไรจากการปั่นเงินตรงนี้ บางคนไปหากู้เงินมาลงทุน ต่อไปจะกลายเป็นคนนอกมองภาพธุรกิจขายตรงไม่ดีในที่สุด”
ทั้งนี้นายนาคาญ์กล่าวว่า ตนได้ติดตามหลายเว็บไซต์ พบว่าหลังจากที่มีผู้ลงทุนไปในระดับหนึ่ง เว็บไซต์ดังกล่าวจะปิดตัวลงหรือกลายเป็นเว็บที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อเว็บเหล่านั้นปิดตัวลง ผู้ลงทุนก็ไม่สามารถเรียกร้องเงินลงทุนที่สูญเสียไปแล้วกลับมาได้อีก
“ทางสมาคมเราเตรียมจะส่งข้อมูลไปให้ ICT ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อจัดการต่อไป แต่ทั้งนี้หากพลเมืองดีหรือนักขายท่านใด สงสัยหรืออยากแจ้งข่าวเกี่ยวกับเว็บประเภทนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่สมาคมฯผ่านอีเมล์ tdia.th@gmail.com ได้ ส่วนนโยบายของสมาคมต่อจากนี้ คือแจ้งข่าวสารไปยังบริษัทสมาชิกในสมาคมหรือบริษัทขายตรงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่วมระวังภัยและช่วยกันแจ้งเบาะแสเข้ามา”
พญ.นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า พอจะทราบข่าวคราวเกี่ยวกับเว็บไซต์ระดมเงินมาเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ทางสมาคมก็ไม่ได้ละเลยอะไร หากได้รับข้อมูลจากที่บริษัทสมาชิกหรือผู้หวังดีส่งมาให้ ก็จะมีผู้ประสานงานของทางสมาคมเองรวบรวมแล้วส่งต่อให้หน่วยงานอย่าง สคบ.อย่างไม่รีรอเช่นกัน
ทางด้านนายสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นูไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด กรรมการฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ สมาคมการขายตรงไทย เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า
“จริงๆภาพรวมของธุรกิจในเมืองไทย จริงๆค่อนข้างจะแข่งขันพอสมควรนะครับ แข่งขันกันไม่ใช่กับใครหรอก เพราะ MLM ต่างคนต่างมีจุดเด่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันจะเลื่อมกันไม่เท่าไหร่ แต่ปัจจุบันมันนี่เกมจากประเทศมาเลเซียเยอะจริงๆ เพราะเค้าหนีกฎหมายดุของมาเลเซียมาเข้าไทย คือ 1.ไม่ให้จ่ายโบนัสเป็นรายอาทิตย์ หรือรายวัน 2. ไม่ให้เก็บเป็นคูปอง 3.ไม่ให้ลงรหัสที่เดียวเยอะๆ เพราะฉะนั้นเค้าก็หนีเข้ามาเมืองไทย เมืองไทยไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดรองรับ มันนี่เกมในอินเทอร์เน็ตยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ เยอะมากจนทำให้จริยธรรมของคนไทยหายไป จริงๆพวกนี้ไม่ใช่ขายตรง อย่าไปปนกัน พวกเค้าไปเป็นมันนี่เกม ต้องอาศัยสื่อในการแฉพวกเค้า”

ที่มา นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 5 ฉบับที่ 112

อย.เชือด'ขายตรงฯ'โฆษณาเว่อร์เกินจริง

อย.เชือด'วินเนอร์ฯ'โฆษณา'Adoxy'เว่อร์เกินจริง

หยดน้ำมหาประลัย Adoxy ถูก อย.สั่งเชือดแล้ว หลังโฆษณารักษาได้สารพัดโรคโอเว่อร์เกินความเป็นจริง พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ผ้าอนามัยยี่ห้อ 'Anion' ของบริษัทจดทะเบียนธุรกิจ MLM ชื่อ 'Love Moon' ทางเว็บไซต์นี่ก็โฆษณาเกินจริง อย.เตรียมออกกฎเหล็กเล่นงานบริษัทขายตรงขายสินค้าลวงโลก แม้จะอ้างว่าสมาชิกไปทำกันเองก็ไม่ยกเว้น ส่วน "ดีเอสไอ." ประกบติดเก็บข้อมูลลึกค่าย "อ." ย่านศรีนครินทร์ ขายข้าวสารอาหารแห้ง และบริษัท "ว." ขายตรงย่านรัชดาฯ บริษัท "ซ." เว็บไซต์ย่านถนนอโศก และก๋วยเตี๋ยวแฟรนไชส์ 2-3 ราย ที่ส่อไปในทางระดมเงิน หากมีผู้เสียหายพร้อมเล่นงานเหมือนกรีน แพลนเนทฯ

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดแถลงข่าว เกี่ยวกับการดำเนินคดีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตราเอโดซี (Adoxy) ซึ่งผลิตโดยบริษัท สยามไบโอเทค และอุตสาหกรรมเภสัช จำกัด ว่า อย.ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดว่า มีการโฆษณาขายตรงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตราเอโดซี อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงว่ารักษาโรคร้ายเรื้อรังให้หายขาดได้ เช่น โรคเบาหวาน มะเร็งและความดันโลหิตสูง เป็นต้น จำหน่ายราคาสมาชิก 950 บาทราคาขายปลีก 1,250 บาท ขนาดบรรจุ 15 มิลลิกรัม ตรวจสอบแล้วพบว่ามีสารอาหารตามปกติ "แต่ไม่สามารถรักษาโรคได้" อย่างที่กล่าวอ้าง

แฉจะจะส่วนผสม Adoxy
ไม่มีสารรักษาโรคเรื้อรังได้


"จากการตรวจสอบพบว่า มีส่วนประกอบของจมูกข้าวสาลี ผงโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ผงมะละกอ สารสกัดจากแครอท สารสกัดจากงาดำ สารสกัดจากผักชี ผงผักโขม และจากถั่วขาว ซึ่งเป็นสารอาหารที่รับประทานได้จากอาหารปกติ แต่ไม่สามารถรักษาโรคเรื้อรังได้ตามคำโฆษณา แม้เบื้องต้นจะไม่พบสารอาหารที่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย แต่ อย.กำลังส่งไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการว่ามีสารอื่นที่เป็นอันตรายต่อร่างกายปนเปื้อนหรือไม่ หากพบ อย.จะดำเนินการต่อไป" นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว

อย.ไล่เชือด "วินเนอร์ฯ"
กวาดล้างนักขายทั่วประเทศ


นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้น อย.ดำเนินการตามกฎหมายกับ "บริษัท วินเนอร์ ไวน์ เวิลด์ จำกัด" ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 41 มีโทษตามมาตรา 71 ปรับไม่เกิน 5 พันบาท และข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณอาหารอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ตามมาตรา 40 มีโทษตามมาตรา 70 ต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 สำหรับในส่วนภูมิภาคจะดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันกับผู้แทนขายตรงผลิตภัณฑ์นี้ด้วย

เตรียมออกกฎเหล็กเล่นงาน
มัดนักขาย-บริษัทที่ซัดกันไปมา


แหล่งข่าวจาก อย.เปิดเผยกับ "ตลาดวิเคราะห์" ว่า ทาง อย.ได้มีการตรวจสอบบริษัทฯ ผู้ประกอบการขายตรงในปัจจุบันพบว่า ส่วนใหญ่ไม่พบหลักฐานเอกสารโฆษณาที่เผยแพร่ในท้องตลาด และผู้ประกอบการมักจะให้ข้อมูลว่าเป็นการจัดทำของสมาชิกอิสระขายตรงเอง โดยบริษัทไม่ได้เป็นผู้จัดทำ เรื่องนี้เป็นปัญหาในการดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา รวมทั้งไม่สามารถระงับ ป้องปรามปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีผลในทางปฏิบัติ

"กองควบคุมอาหารเห็นว่า ควรแก้ไขปัญหาดังกล่าวเชิงระบบ เพื่อให้การดำเนินการของสำนักงาน อย.สามารถคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเป็นธรรม โดยใช้หลายมาตรการ ได้แก่ การยกเลิกเลขสารบบอาหาร การสั่งระงับการจำหน่ายอาหาร กับบริษัทผู้ประกอบการตามมาตรา 42 (2) หรืออาจมีการแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้ดำเนินการกับบริษัทผู้ประกอบการได้ทุกกรณี แม้จะอ้างว่าตัวแทนจำหน่ายอิสระเป็นผู้ดำเนินการเสนอขายสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินความเป็นจริงก็ตาม เบื้องต้นคือ อาจดำเนินการด้านกฎหมายทั้งขบวนการ ให้ผู้ประกอบการหาหลักฐานไป แก้ต่างเอาเองภายหลังว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง" แหล่งข่าวกล่าว

ดีเอสไอ.จ่อคิวเชือดค่ายมันนี่เกมส์
รอผู้เสียหายมัดจับแบบ "GPN"


ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ.รายหนึ่งว่า บริษัทขายตรงหลายบริษัท ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการระดมเงินอยู่มาก แม้กฎหมายขายตรงจะเอาผิดไม่ได้ แต่ก็มีกฎหมายฉ้อโกงฉบับอื่นที่สามารถเข้าไปดำเนินการจัดการได้ อย่างกรณีของบริษัท อ. ย่านถนนศรีนครินทร์, บริษัท ว. ย่านรัชดาฯ ซอยเกิน 17, บริษัท ซ. ย่านถนนอโศก รวมถึงก๋วยเตี๋ยวแฟรนไชส์ ย่านถนนเกษตรตัดใหม่ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาให้เข้าไปสอดส่องดูพฤติกรรม ทาง ดีเอสไอ.ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บรวบรวมข้อมูลไว้แล้วจำนวนหนึ่ง

"ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเข้าข่ายระดมเงินหรือไม่ ผิด พรบ.แชร์ลูกโซ่หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายและมีผู้เสียหายเกิดขึ้นเหมือนลักษณะบริษัท กรีน แพลนเนทฯ ซึ่งมีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เราก็จะยื่นเรื่องเสนอให้ สคบ.เพิกถอนใบอนุญาตบริษัทนั้นๆ ออกจากระบบขายตรง หลังจากนั้นก็จะเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป"

ฉะนั้น จึงขอแจ้งข่าวสารถ้าประชาชนได้รับความเสียหายไม่ว่าจะถูกบริษัทไหนส่อพฤติกรรมหลอกลวง ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ.ได้ทุกเมื่อ แต่ถ้ายังไม่มีผู้เสียหายเกิดขึ้น ทางเราก็คงจะยังไม่ดำเนินการอะไร เพียงแต่เก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นไว้เท่านั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน

ผ้าอนามัย 'Anion' ขายMLM
อย.เตือนนี่ก็โฆษณาเกินจริง


นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา อย. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการโฆษณาแผ่นอนามัย และ ผ้าอนามัยยี่ห้อ 'Anion' ของบริษัทจดทะเบียนธุรกิจเอ็มแอลเอ็มชื่อ 'Love Moon' ทางเว็บไซต์ http://www.lovemoonforhealth.com และ http://www.thailovemoon.com/webmaster.php

โดยมีการอวดอ้างว่าผ้าอนามัยดังกล่าวสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ลดการติดเชื้อยับยั้งและลดการอักเสบในช่องคลอดที่เกิดจากการติดเชื้อจุลินทรีย์และไวรัส สามารถขับของเสียที่สะสมในช่องคลอดเพิ่มระบบไหลเวียนเลือด จึงช่วยลดอาการปวดประจำเดือนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก

นอกจากนี้ มีการแถมแผ่นตรวจสุขภาพภายในที่เพียงแค่นำสำลีที่สอดในช่องคลอดแล้วป้ายลงบนแผ่นตรวจและสังเกตสีต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็สามารถบอกได้ว่าสุขภาพภายในเป็นอย่างไร ซึ่งการอวดอ้างสรรพคุณดังกล่าวทำให้ผ้าอนามัยดังกล่าวจัดเป็นเครื่องมือแพทย์

นพ.นิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีโรงงานผลิตอยู่ในมณฑลเสินเจิ้น ประเทศจีน โดย บริษัท ไวนาไลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีการแจ้งกับ อย. เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 ว่าเป็นเครื่องสำอางควบคุม ซึ่ง อย.อนุญาตในการนำเข้าเท่านั้น ไม่ได้อนุมัติรับรองคุณภาพมาตรฐานดังที่กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกับทางบริษัทฯ เกี่ยวกับโฆษณาดังกล่าวบริษัทฯ อ้างว่า ข้อความโฆษณานั้นบริษัทฯ ไม่ได้เป็นผู้จัดทำหรือว่าจ้างให้บุคคล-อื่นเป็นผู้จัดทำ และไม่ได้เป็นผู้ลงโฆษณาแต่อย่างใด
"อย.จึงได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และประสานกับกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในการสืบสวนหาผู้จัดทำเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อการโฆษณาที่อวดอ้างเกินจริงนี้ และหากพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าสงสัยว่าจะหลอกลวงสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือโทรสายด่วน อย.1556" นพ.นิพนธ์กล่าว

ซึ่งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว แต่ก็ได้ปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว

ที่มา http://www.taladvikrao.com/212/21203.html

เช็คบิลแพทย์-พยาบาล ขายตรงเว่อร์

เช็คบิลแพทย์-พยาบาลเว่อร์

เมื่อสัปดาห์ก่อน "ประกายหิน" มีโอกาสพูดคุยกับกรรมการแพทยสภาท่านหนึ่งเกี่ยวกับบรรดาหมอๆ และพยาบาลที่เข้าไปหากินอยู่ในแวดวงขายตรง

เพราะกลุ่มแพทย์ดังกล่าว ได้พากันอาศัยระบบขายตรงหากินอย่างผิดจรรยาบรรณ โดยอาศัยคราบของแพทย์-พยาบาล ซึ่งมีต้นทุนและความน่าเชื่อถือทางสังคมสูง ใช้เป็นกลไกในการ "หลอกลวง" ผู้บริโภคที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

คนพวกนี้จะเข้าไปพัวพันในรูปแบบสมาชิกพิเศษของบริษัทขายตรงที่ขายสินค้าประเภทเสริมอาหาร ด้วยการขึ้นพูดโมติเวทว่าสินค้าดีอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่รู้สึกกระดากปาก

ชาวบ้านตาสีตาสาจะไปรู้อะไร ขนาดพวกหมอ และพยาบาลยังออกมาการันตีสินค้าอาหารเสริมว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ราคาเท่าไหร่เขาก็ซื้อ ยิ่งในระบบขายตรงมีแผนการตลาดว่า สามารถสร้างความร่ำรวยได้เป็กอบเป็นกำ ขนาดหมอยังทำแล้วชาวบ้านใครบ้างล่ะจะไม่เชื่อถือ

ประชาชนก็เลยกลายเป็น "เหยื่อ" อันโอชะของคนพวกนี้

ขณะนี้ทางสถาบันแพทย์และองค์กรพยาบาลกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลของพวก "นอกรีต" เหล่านี้ เพื่อขึ้น "บัญชีดำ" ดีไม่ดีอาจถอดออกจากการเป็นหมอรักษาโรค ถีบส่งให้ไปอยู่กับกลุ่ม "หมอผี" ไปโน่นเลย

กลายเป็นว่าเวลานี้ วงการขายตรงบ้านเรา "นักต้มตุ๋น" ตัวฉกาจไม่ใช่คนในแวดวงขายตรงมืออาชีพอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นพวกที่มีการศึกษาสูงๆ มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่น่าเชื่อถือ

เจ้าของบริษัทขายตรงที่มีความเชี่ยวชาญด้าน "ปั่นเงิน" ยอมจ้างพวกหมอ "นอกคอก" บางคนที่ว่านี้ไปเป็นวิทยากรเดือนละ 100,000-150,000 บาท บรรยายเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น บางรายที่พูดเก่งเป็นต่อยหอย ค่าตัวพุ่งพรวดกว่าเดือนละ 200,000 บาท

นี่ยังไม่นับรวมกับรายได้ที่เกิดจากสายงาน ที่บริษัทสร้างให้อีกส่วนหนึ่ง

ขณะที่พยาบาลหากรายใดถูกชูให้เป็นวิทยากร พูดเรื่องสรรพคุณของสินค้า ด้วยการยืนยันว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะมีรายได้อีกเดือนละ 30,000-50,000 บาท

บริษัทขายตรงจอมลวงโลกส่วนใหญ่จะขายสินค้าจำพวกอาหารเสริมประเภทพิสดารพันลึก สรรพคุณวิเศษยิ่งกว่า "ยาเทวดา" เสียอีก เพราะสามารถรักษาได้สารพัดโรค
"
ประกายหิน" มีโอกาสคุยกับพยาบาลคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งย้ายไปอยู่ค่ายขายตรงใหม่แห่งหนึ่ง เพราะค่ายเก่าถูกทางการเล่นงาน คุณเธอยอมเปิดเผยความจริงอย่างเต็มใจเพื่อให้เป็นความรู้กับประชาชนว่า

ผลตอบแทนจากตรงนี้นับว่าไม่เลวเลยที่เดียว เพราะปกติอาชีพพยาบาลเดือนหนึ่งก็มีรายได้ประมาณกว่า 10,000 บาท พอเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกบริษัทขายตรงที่ขายอาหารเสริมได้ระยะหนึ่ง ทำให้เกิดช่องทางใหม่ นั่นคือ เป็นวิทยากรพูดให้สมาชิกใหม่ฟัง

ทีแรกบริษัทที่ว่านี้ก็จ่ายค่าขึ้นเวทีครั้งละ 1,000-2,500 บาท ตามระยะที่เดินทางไปพูดว่าใกล้ไกลแค่ไหน
เมื่อพูดบ่อยๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไปแล้ว ทางบริษัทก็เลยจ้างให้กินเงินเดือนประจำเดือนละ 30,000 บาท ถือเป็นรายได้ที่เพิ่มจากการสร้างสายงาน

บริษัทนี้จะมีแพทย์และพยาบาลเพื่อสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นพูดเกี่ยวกับเรื่องสรรพคุณของสินค้า เพื่อการันตีให้สมาชิกใหม่เกิดความเชื่อถือประมาณ 5-6 คน ที่แน่ๆ ได้ข่าวว่า หมอบางคนมีรายได้จากการพูดสรรพคุณสินค้าเพียงอย่างเดียวเดือนละหลายแสนบาท

ถามว่าบริษัทคุ้มไหมกับเงินที่ต้องมาจ่ายให้กับนักพูดซึ่งเป็นแพทย์และพยาบาล จากการสังเกต ชาวบ้านที่ถูกระดมมาจากต่างจังหวัดครั้งละ 300-400 คน มีไม่ต่ำกว่า 70 % ที่ยอมควักเงินสมัครเป็นสมาชิก และซื้อสินค้าเดี๋ยวนั้น

บางคนก็ซื้อทีละ 3-4 ขวด เป็นเงินนับหมื่นบาทก็มี เพราะแม่ทีมที่พูดเรื่องแผนการตลาด พูดเรื่องรายได้จะพากันตอกย้ำว่า หากลงเงินจำนวนเท่านี้ก็จะมีรายได้เท่านั้น ลงทุนมากได้มาก ชาวบ้านซึ่งอยู่ในอารมณ์เชื่ออยู่แล้ว ก็ยอมเสียเงินโดยไม่ลังเลใจ

"ยอมรับว่าพี่อยู่บริษัทนี้มากว่า 6 เดือน รู้สึกว่าการกระทำของตนเองมันผิดยังไงบอกไม่ถูก ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ได้เงินมาก็โอเค พอทำแบบนี้นานๆ เข้า รู้สึกว่าเราชักจะถลำลึกเข้าไปทุกที บอกตรงๆ ว่าพี่กลัวบาปมากๆ เวลานี้ พี่ก็เลยย้ายมาอยู่ค่ายใหม่นี่แหละ เพราะอยากทำในสิ่งที่มันถูกต้องจะดีกว่า"
นี่แค่หนังตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่พยาบาลผู้กลับใจยอมระบายความในใจให้ "ประกายหิน" ฟัง

ส่วนคนที่เรียนจบแพทย์มาส่วนใหญ่จะไม่กลัวเรื่องไสยศาสตร์ หรือบาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะ "พวกหมอ" บางคนที่หากินอยู่ในแวดวงขายตรง คนพวกนี้รับจ้างเป็นนักพรีเซ้นต์สินค้าอาหารเสริมให้กับบริษัทขายตรงปั่นเงินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งดังกล่าวแบบถอนตัวไม่ขึ้น

แถมยังเดินลอยห้าลอยตาทำวีซีดี พรีเซ้นต์สรรพคุณอาหารเสริมให้กับบริษัทขายตรง "ลวงโลก" อย่างไร้จิตสำนึกและจรรยาบรรณ ตายไปคนพวกนี้ก็ต้อง "ตกนรก" สถานเดียว

เมื่อเรื่องมันอย่างนี้ "ประกายหิน" ก็ต้องขอกราบวิงวอน "แพทยสภา" เร่งหามาตรการเพื่อ "เล่นงาน" หมอพวกนี้ให้หมดไปจากสังคมไทยในเร็ววัน

เพราะพวก "บดซบ" เหล่านี้มันอาศัยเสื้อกราว ชุดขาว และคำว่า "นพ." นำหน้าไว้หากิน ด้วยการ "ต้มตุ๋น" หลอกลวงประชาชนแบบไม่มียางอาย

มันชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าหมอผี "เณรแอ" จอมขมังเวทย์ย่างเด็กทำน้ำมันพรายเสียอีก!!

ที่มา http://www.taladvikrao.com/212/212lapchapor.html

เรื่องน่าเศร้าของ "ผู้บริโภค"

เรื่องน่าเศร้าของ "ผู้บริโภค"

ขยายธุรกิจเครือข่ายด้วย Vdo Marketing

ขยายธุรกิจเครือข่ายด้วย Vdo Marketing

สร้างวิดีโอแบบ MLM มืออาชีพ

สร้างวิดีโอแบบ MLM มืออาชีพ

วิธีใช้ปูแดงกับพืชเศรษฐกิจ

วิธีใช้ปูแดงกับพืชเศรษฐกิจ คลิกที่นี่

ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จปูแดง

ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จปูแดง คลิกที่นี่

ประสบการณ์จากผู้ใช้ปูแดง

ประสบการณ์จากผู้ใช้ปูแดง คลิกที่นี่

นิตยสารปูแดง ไตรมาศแรกปี52

นิตยสารปูแดง ไตรมาศแรกปี52 คลิกที่นี่

ใบรับรองคุณภาพปูแดงไคโตซาน

ใบรับรองคุณภาพปูแดงไคโตซาน คลิกที่นี่

ในวันที่เงินเดือนออก คนรวย เอาเงินไปทำอะไร

ในวันที่เงินเดือนออก คนรวย เอาเงินไปทำอะไร

ในวันที่เงินเดือนออก คนชั้นกลาง เอาเงินไปทำอะไร

ในวันที่เงินเดือนออก คนชั้นกลาง เอาเงินไปทำอะไร

ในวันที่เงินเดือนออก คนจน เอาเงินไปทำอะไร

ในวันที่เงินเดือนออก คนจน เอาเงินไปทำอะไร

ทักษะ 4 ประการที่คุณควรพัฒนา

ในการที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจ MLM นั้น มีทักษะ 4 ประการที่คุณควรจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้ชำนาญ นั่นคือ

1. ทักษะในการ “หา” ผู้มุ่งหวัง และ “สื่อสาร” กับผู้มุ่งหวังของคุณ

2. ทักษะในการ “เชื้อเชิญ” ให้ผู้มุ่งหวังของคุณศึกษา และพิจารณาโอกาสทางธุรกิจที่คุณหยิบยื่นให้

3. ทักษะในการ “เรียนรู้” วิธีที่จะนำเสนอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของคุณต่อผู้มุ่งหวัง

4. ทักษะในการ “ฝึกสอน” ดาวน์ไลน์ของคุณให้มีทักษะเช่นเดียวกับคุณ

ทักษะเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล๊อคพันธนาการ และมุ่งไปสู่ความมีอิสรภาพทางการเงินและเวลาของคุณ ด้วยการทำธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจ MLM ครับ

อย่าท้อถอย



คุณเคยผิดพลาด ล้มเหลว ขาดทุนจากการทำธุรกิจไหมครับ ตราบใดที่ความล้มเหลวนั้น สอนอะไรคุณบางอย่าง นั่นก็เกินพอแล้วครับ ตราบเท่าที่คุณยังมีลมหายใจ ผมขอให้วีดีโอนี้เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า คนเราล้มแล้วก็ลุกได้ เพียงคุณต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ว่าคุณจะสู้ แล้วคุณก็เรียนรู้ และ “ลงมือปฏิบัติ” ผมเชื่อว่าทุกคนมีวันของตัวเองครับ และสักวันหนึ่ง จะต้องเป็นวันของคุณ

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

จะว่าไปแล้ว การทำธุรกิจออนไลน์ MLM นั้น ก็ไม่พ้นการหาผู้มุ่งหวัง ที่ท้ายสุดแล้ว คุณเปลี่ยนผู้มุ่งหวังคนนั้นมาเป็นดาวน์ไลน์ของคุณ ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อคุณหาผู้มุ่งหวังมาได้ซักคนหนึ่ง เมื่อมีการติดต่อกัน “คุณพูดอะไรกับเขา” ครับ??

ความประทับใจในการพบกันครั้งแรกนั้น มีครั้งเดียว คุณจึงควรต้องรู้ว่า คุณจะพูดอะไร และ พูดอย่างไร คุณคงไม่อยากสูญเสียผู้มุ่งหวังที่หายากไปใช่ไหมครับ

ดังนั้น เรามาเรียนรู้วิธี “การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” กันดีกว่าครับ

ถ้าเราจะให้นิยามของการทำการตลาด ก็คงไม่พ้น “การทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นที่รู้จัก และ ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการนั้น” ดังนั้น แทนที่เราจะไปมุ่งอยู่กับการหาผู้มุ่งหวังมาให้ได้มากๆ นั้น ผมว่าคุณควรมุ่งพัฒนาทักษะในการสื่อสารของคุณดีกว่า เพราะการสื่อสารที่ดี ทีมีประสิทธิภาพ จะทำให้คุณสามารถ “สมัคร” คนได้จริงๆ การที่คุณจะพูดอะไรออกไป พูดออกไปอย่างไร (กับผู้มุ่งหวัง) มันมีความสำคัญมาก ยิ่งทำด้วยความมั่นใจเท่าไหร่ การสื่อสารก็ยิ่งมีประสิทธิภาพเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณเป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ก็แน่นอนว่าคุณจะ “สอนงาน” ให้ดาวน์ไลน์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน นั่นก็ยิ่งทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างทวีคูณ … จริงไหมครับ

ผมค้นพบว่า มีคุณลักษณะที่สำคัญ 10 ประการ ของการสื่อสารที่มีคุณภาพ และคุณควรใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ นั่นคือ

1. จงพุ่งความสนใจไปที่ผู้มุ่งหวังของคุณ – ในระหว่างบทสนทนา คุณควรทำตัวเป็นนักฟังที่ดี ผมไม่ได้หมายความว่าคุณเอาแต่ฟังไม่ต้องพูด แต่ผมหมายถึงว่า ให้คุณพยายามป้อนคำถามปลายเปิดให้เขาพูดออกมา และเมื่อคุณฟัง คุณต้องจับทุกประเด็น ตั้งแต่คำพูด เนื้อเรื่อง น้ำเสียง ที่ผู้มุ่งหวังของคุณพูดออกมา เพื่อที่คุณจะเรียนรู้ว่า “เขามองหาสิ่งใด” “เขาคาดหวังอะไร” “เขาประสบปัญหาอะไรอยู่หรือไม่” ยิ่งทำให้ผู้มุ่งหวังของคุณได้พูดมากเท่าใด คุณก็ยิ่งได้ข้อมูลจากเขามากเท่านั้น ไม่ใช่ว่าคุณสักแต่จะพูดเรื่องของตัวเองโดยไม่ฟังเขาเลย

2. อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นมาดึงความสนใจของคุณ – อย่างที่กล่าวข้างต้น คุณต้องฟังมากๆ และเรียนรู้ที่มาที่ไปของผู้มุ่งหวัง และหาจุดที่จะให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังของคุณ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องมีสมาธิ ไม่ใช่มีโทรศัพท์อีกเครื่องดังขึ้น (ทำให้คุณพะวง) อยู่ท่ามกลางผู้คนจ๊อกแจ๊กจอแจ ลองนึกง่ายๆ ว่า ถ้าคุณกำลังทำข้อสอบ คุณต้องการสภาพแวดล้อมอย่างไร

3. มีความจริงใจ และแสดงออกทางสีหน้าด้วยความเป็นมิตร – ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าคุณตั้งใจรับฟังปัญหา หรือความต้องการของเขา และคุณมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือ นอกจากนั้น การทำตัวให้รู้สึกเป็นมิตร เป็นคนคบได้ สำคัญอย่างยิ่ง และการสื่อสารแบบตัวต่อตัว คุณจะสามารถใช้สีหน้าท่าทางเพื่อสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

4. พูดแทรกในปริมาณที่พอดี – อย่างที่กล่าวข้างต้น คุณควรพยายามชวนคุยในลักษณะที่ให้ผู้มุ่งหวังได้พูดมากกว่าคุณ (เพื่อคุณจะได้รับข่าวสารจากเขา) แต่คุณก็ควรแทรกถาม หรือพูดเสริมบ้าง เพื่อควบคุมทิศทางของบทสนทนาให้อยู่ในกรอบ และนำไปสู่จุดที่คุณต้องการ การแทรกถามหรือพูดเสริมนี้ ต้องทำในปริมาณที่พอเหมาะ

5. สื่อสารอย่างสบายๆ – อย่าซีเรียส กดดัน และก็อย่าทำตัว “จอมปลอม” คุณต้องการความไว้ใจอย่างมากในการพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะในครั้งแรก

6. นิ่งๆ – บางคน เวลาคุยกับคน ชอบทำตัวยุกยิก แกะโน่นเกานี่ ล้วงหยิบของในกระเป๋า ยกมือเสยผมบ่อยๆ นอกจากจะทำให้ผู้มุ่งหวังไม่ไว้ใจคุณแล้ว ยังไปทำลายสมาธิของเขาอีกด้วย การสื่อสารก็ไม่มีประสิทธิภาพ

7. พูดความจริง – อันนี้คงไม่ต้องขยายความนะครับ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ ถ้าคุณโกหก สักวันหนึ่งคนก็ต้องรู้ แล้วคุณจะทำธุรกิจอยู่ได้ไม่นานครับ

8. มีความรู้ในสิ่งที่คุณพูด – นั่นคือเกี่ยวกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และโอกาสที่คุณหยิบยื่นให้กับผู้มุ่งหวัง

9. ดูด้วยว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้ในระดับใด – แล้วคุณก็ควรสื่อสารกับเขาในระดับเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังพูดกับคนที่ชาวบ้านๆ หน่อย คุณก็ไม่ควรพูดศัพท์แสงอะไรที่คนฟังไม่เข้าใจ ระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหา ต้องสัมพันธ์กับผู้ฟัง

10. มีทัศนคติที่ดีต่อผู้มุ่งหวัง – คุณต้องตั้งอยู่ในทัศนคติที่ว่า ”คุณอยากช่วยเขา” เพราะคนเราจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง (เช่น สมัครเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณ) มีอยู่เพียง 2 เหตุเท่านั้น คือ 1) ต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์อะไรบางอย่าง หรือ 2) ได้ขยับเข้าใกล้ความสำเร็จหรือสิ่งที่เขามุ่งหวังไปอีกขั้นหนึ่ง — ดังนั้น คุณเพียงตั้งมั่นอยู่ในจุดที่ว่า คุณอยากช่วยเขา แล้วที่เหลือ การสื่อสารของคุณจะออกมาอย่างจริงใจตามนั้นเอง

ผมอยากแนะนำให้หนึ่งในเป้าหมายของคุณคือ “การพัฒนาทักษะในการสื่อสาร” เพราะผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ความสำเร็จของคนเรา ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารครับ