วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Stem Cell ( เซลล์ต้นกำเนิดจากพืช )กุญแจสู่ผิวที่อ่อนเยาว์

กุญแจสู่ผิวที่อ่อนเยาว์

Plant Stem Cell ( เซลล์ต้นกำเนิดจากพืช ) หรือ Plant Placenta ( รกพืช )

ปัจจุบันงานวิจัย ได้ก้าวกระโดดจากรกแกะ รกคนไปยังรกพืชกันแล้ว เนื่องจากสารสกัดจากรกคน มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ อีกทั้งมีปัญหาทางด้านจริยธรรม จึงเป็นที่ห้ามใช้จากกองเครื่องสำอางค์ในประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย
ส่วนรกแกะ ยังคงอนุมัติให้ใช้ได้ เพราะการควบคุมคุณภาพจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ยังปลอดภัย กระนั้นก็ดีปัจจุบันมีการเกรงว่า ฮอร์โมน Estrogen ที่ติดมาจากรกสัตว์ อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้า เมื่อใช้ต่อเนื่อง การหันเหมายังรกพืช จึงมากขึ้น งานวิจัยใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากรกพืช และ Stem Cell จากพืช จึงปล่อยเข้าสู่ตลาดเป็นนวัตกรรมใหม่

รกพืช คือส่วนของหน่ออ่อน ซึ่งมีเซลล์ต้นกำเนิด ( Stem Cell ) อยู่ มีควมสามารถแยกตัวแล้วเจริญเติบโตเป็นเซลล์ใหม่
ดังนั้น คำว่ารกพืช และสเต็มเซลล์พืช ( เซลล์ต้นกำเนิดจาก พืช ) จึงมักจะใช้ปะปนกัน อันหมายถึงเซลล์ต้นกำเนิดนั่นเอง
อะไร คือเซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ ( Stem Cell ) เป็นที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้


1.มีความสามารถในการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่
2.สามารถเพิ่มหรือสร้างเซลล์ที่ผิดแยกแตกต่างออกไป


เซลล์ ต้นกำเนิด ( Stem Cell ) ของคนมี 2 ชนิด ชนิดแรกมาจากตัวอ่อน ( Embryonic Stem Cell ) อีกชนิดมาจากผู้ใหญ่ ( Adult Stem Cell ) ชนิดหลัง นักวิทยาศาสตร์เริ่มหันมาสนใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านจริยธรรม
เซลล์ต้นกำเนิดจากพืช ( Plant Stem Cell ) พืชมีสเต็มเซลล์อาศัยอยู่ในส่วนของเนื้อเยื่อหน่ออ่อนหรือรากอ่อน ซึ่งจะเจริญเติบโตแบ่งเซลล์ไปเป็นส่วนของต้นไม้ทั้งต้น


เซลล์ต้นกำเนิด ( Stem Cell ) ของคนมี 2 ชนิด ชนิดแรกมาจากตัวอ่อน ( Embryonic Stem Cell ) อีกชนิดมาจากผู้ใหญ่ ( Adult Stem Cell ) ชนิดหลัง นักวิทยาศาสตร์เริ่มหันมาสนใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านจริยธรรม
เซลล์ต้นกำเนิดจากพืช ( Plant Stem Cell ) พืชมีสเต็มเซลล์อาศัยอยู่ในส่วนของเนื้อเยื่อหน่ออ่อนหรือรากอ่อน ซึ่งจะเจริญเติบโตแบ่งเซลล์ไปเป็นส่วนของต้นไม้ทั้งต้น
การนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของต้นไม้มาใช้แพร่พันธุ์ของเซลล์ต้น กำเนิดพืช อาจใช้แพร่พันธุ์ต้นไม้ทั้งต้น หรือเฉพาะเซลล์เนื้อเยื่อบางส่วน การปฎิบัติการที่สามารถผลิตพืชได้โดยไม่ขึ้นกับฤดูกาลและสิ่งแวดล้อม
นักวิจัยได้นำเทคนิคดังกล่าวไปเพาะเนื้อเยื่อของแอปเปิ้ล (apple) พันธุ์คัดเลือกพิเศษ ชื่อ Uttwiler Spatlauber ซึ่งนำไปเพาะปลูกในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
จากนั้นนาเพาะเนื้อเยื่อ ผ่านขบวนการหมักโดยใช้ชีวภาพสกัดจนได้ผลิตภัณฑ์นำมาใช้ชะลอความแก่ บนผิวหน้า และเส้นผม โดยสารสกัดนี้ใช้ความดันสูงในการสกัด แล้วผ่านกระบวนการหุ้มด้วย Liposome ได้สารที่เรียกว่า PhytoCellTec Malus Domestica จากงานวิจัยพบว่า

1. สามารถทำให้เซลล์มนุษย์มีการแบ่งตัว และเติบโตได้ 80%
2. ทำ ให้เซลล์ทนทานต่อรังสี UV อายุของเซลล์ยาวขึ้น (ดูได้จากเซลล์ที่ผ่านการทดลองด้วยแสง UV นำไปเพาะเลี้ยงจะรอดแค่ 50% แต่ถ้าใช้สารสกัดช่วยให้รอดเกือบหมด)
3. มีประสิทธิภาพเปนสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันการทำลายเซลล์ จาก Hydrogen Peroxide ในการทดลองได้
4. ชะลอการแก่ของเซลล์จากต่อมบนเส้นผมได้ ดังนั้นจึงสามารถชะลอผมร่วง ทำให้อายของเซลล์ผมยืนยาวขึ้น
5. ถ้านำสารสกัดทำเป็นครีม โดยทาวันละ 2 ครั้ง ตามรอยตีนกา พบว่าสามารถทำให้ร่องตื้นขึ้น 8% ภายใน 2 สัปดาห์ หรือ 15% ภายใน 4 สัปดาห์

ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ มักจะรวมรกพืชหรือสเต็มเซลล์ กับสารสกัดอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องสำอางค์ให้ได้สูงสุด ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ที่นำรกพืชมาเพาะเนื้อเยื่อให้ได้สเต็มเซลล์ มาช่วยสร้างเซลล์ผิวเพิ่มเติมพร้อมทั้งใส่สารสกัดต่างๆ ที่ช่วยด้านผิวหน้า รวมเข้าด้วย เช่น Botox จากพืช ทำให้ผู้ใช้มีการปรับผิวทำให้หน้าใส ดูอ่อนเยาว์ทันที ผู้ผลิตรายแรกของประเทศไทย ได้แก่ บริษัท Fresh up beauty
สารสกัดที่คนเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด ได้แก่

* Palmitoyl pentapeptide – 3 ที่เรียกว่า Botox จากพืช เพื่อ
1. กระตุ้นการสร้าง Collagen
2. ซ่อมแซมเซลล์ผิว
3. ลดรอยย่น ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น
4. ลดจุด ด่าง ดำ
* มีการเพิ่ม Hyalusonic มาเป็นส่วนประกอบใน Plant Stem Cell เพื่อ
1. ช่วยอุ้มน้ำ เพื่อความชุ่มชื่น ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนัก
2. ทำให้ผิวเรีบตึง ลดรอยลึก และร่องของผิว
3. เป็นสารเริ่มต้นในการสร้าง Collagen
4. ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
* มีการเพิ่ม Glycine Soja ( Soy Bean ) Seed Extract เพื่อ
1. เพื่อการสร้าง Collagen
2. ลดริ้วรอยที่เป็นร่องลึก
3. ทำให้ผิวตึงกระชับ
* มีการเพิ่ม Vitamin C เพื่อ
* ลดการสร้างเซลล์เม็ดสี ช่วยทำให้ใบหน้ากระจ่างใสขึ้น
* ทำให้ผิวตึงกระชับ
* ช่วยลดการอักเสบของสิว

โปรโมท เวปไซต์ แบบ Online

โปรโมท เวปไซต์ แบบ Online

สำหรับ คนที่มีเว็บไซต์หรือบล็อก และคนที่กำลังรอเว็บไซต์จาก uVme Thailand อยู่ เมิ่อมีเว็บไซต์หรือบล็อกของตนเองแล้ว จะต้องทำอะไรอย่างไรบ้างเพื่อให้เว็บไซต์หรือบล็อกของตนเองเป็นที่รู้จัก?

1. โดยการเข้าไป Submit URL หรือ Add Url ในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Sanook.com, Thaiwebhunter เป็นต้น

2. ด้วยการเข้าไปลงโฆษณาในเว็บไซต์ดังๆ เช่น Sanook.com , Pantip.com , Thai2hand.com เป็นต้น ซึ่งการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยวิธีนี้มีทั้งแบบซื้อแบอร์เนอร์ และเป็นแบบเท็กซ์ลิ้งค์ ซึ่งให้ผลตอบกลับมาค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนค่าโฆษณามีตั้งแต่ฟรี(ในระยะแรก) แต่ก็ควรเปรียบเทียบราคาโฆษณากับ Rating ของเว็บไซต์นั้นๆ ว่ามีราคาที่สมเหตุสมผลหรือเปล่า ก่อนลงโฆษณา แนะนำว่าลงโฆษณาที่ นิภา ก็ได้ผลดีมากครับ คลิกดูรายละเอียดที่นี่

3. โดยการเข้าไปโพสท์หรือลงประกาศในเว็บบอร์ดต่างๆของหลายๆเว็บไซต์ที่มีบอร์ด สำหรับประกาศซื้อขายหรือลงโฆษณา ซึ่งเป็นบริการฟรี แต่การโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะจำกัดวันโฆษณาจากเจ้าของเว็บไซต์ ที่อนุญาตให้ลงโฆษณา เช่น 7 วัน 15 วัน หรือ 30 วันเป็นต้นหลังจากนั้นข้อมูลที่เราโฆษณาเว็บไซต์ก็จะถูกลบทิ้งไป ซึ่งต้องหมั่นโพสท์เรื่อยๆหลังจากสิ้นสุดวันโฆษณา

4.โดยการแลกลิ้งค์กับพันธมิตร โดยเฉพาะเว็บไซต์หรือบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรา จะช่วยให้มีคนมาเยี่ยมชมในระดับหนึ่งได้

5. การโปรโมทเว็บไซต์ผ่าน Search Engine การโปรโมทประเภทนี้จะให้ผลตรงจุดมากที่สุด ผู้คนในโลกออนไลน์ในปัจจุบันนิยมค้นหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งรวมทั้งสินค้าและบริการต่างๆผ่านเครื่องมือค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้ บริการการค้นหาข้อมูลอย่าง Google , Yahoo , MSN และเว็บไซต์พันธุ์ไทยอย่าง Sanook.com ในแต่ละวันแต่ละชั่วโมงแต่ละนาทีผู้คนจากทั่วประเทศจากทั่วโลกที่ออนไลน์ อยู่จะนิยมค้นหาข้อมูลผ่านทางเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า Sarch Engine ซึ่ง Google Adword ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ดีที่สุดที่แพร่หลายและได้ผลดีเช่นเดียวกัน


TIPS สำหรับการโปรโมทแบบออนไลน์

1. ตอบกลับสแปมเมลล์ คุณได้รับเมลล์ที่น่ารำคาญพวกนี้เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวคุณครับ ตอบกลับโดยพิมพ์แค่ "เราได้รับข้อมูลของคุณแล้ว ขอบคุณมากครับ/ค่ะ" แล้วลงขื่อคุณและ URLของคุณ

2.ทำลายเซ็น และโพสลิงก์ URL ของคุณลงท้าย ไม่ว่าคุณจะ ส่งเมลล์ ตอบเมลล์ หรือ Forward Mail

3. นอกจากการตั้งกระทู้ใหม่แล้ว การตอบและแสดงความคิดเห็นไว้ในกระทู้ที่มีผู้ชมมากๆ ก็ทำให้ได้จำนวนสมาชิกไม่น้อยเช่นกัน มี 2 วิธีคือ...

3.1 โฆษณากันตรงๆเลย (อย่าลืมโพสต์ลิงก์ URL ของคุณด้วย)

3.2 ตอบหรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับเจ้าของกระทู้ (อย่าลืมโพสต์ลิงก์ URL ของคุณด้วย )

4. อย่าลืมตั้งกระทู้ในบอร์ดเกมส์ เป็นสมาชิกบอร์ดให้มากที่สุด ตั้งกระทู้และตอบความคิดเห็นในบอร์ดต่างๆนั้น (อย่าลืมโพสต์ลิงก์ URL ของคุณด้วย)การ Submit URL หรือ Add URL(อธิบายเพิ่มเติมจากข้อที่ 1)เรามาเพิ่มเว็บไซต์และบล็อกของคุณ ไว้ใน Directory ของ Website และ Search Engine ทั่วไป ให้ได้มากที่สุดกันครับ
จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย.. ถ้าเรามีเว็บไซต์หรือบล็อกแล้ว แต่ไม่ได้โปรโมท ก็คงไม่มีใครรู้จักเราอย่างแน่นอน การทำ Submit URL บางทีเรียกว่า Add URL หรือ URL Submittion ก็คือการเพิ่มชื่อเว็บไซต์หรือบล็อกของเราเข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งจะทำให้เรามีชื่ออยู่ใน Web Directory หรือสารบัญเว็บในที่ต่างๆ นั่นเองครับ ยิ่งทำ URL Submittion มากเท่าไร โอกาสในการค้นหาเจอเว็บไซต์หรือบล็อกของเราก็มากขึ้นเท่านั้น
รวมทั้งการ ค้นหาใน Search Engine ต่างๆ เช่น Google ,Yahoo, MSN ด้วยครับ !แนะนำว่าให้ทำ URL Submittion ทั้งไทยและต่างประเทศ ในลิงค์ 2 ลิงค์ด้านล่างนี้ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวม URL Submittion จาก Website ชั้นนำเอาไว้มากมายครับ ขั้นตอนง่ายๆครับลองทำดูสัก 2-3 ครั้งก็จะเข้าใจเองครับ เพราะทุก Website จะมีลักษณะคล้ายกันอย่าลืมนะครับเพิ่มเว็บไซต์หรือบล็อก uVme ของคุณ ไว้กับเว็บไซต์ต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะ Search Engine ทั้งหลาย เช่น Google, Yahoo ,MSN ,ASK,AOL Search ดังๆพวกนี้สำคัญมากครับ!

รวม Search Engine กว่า 350 เว็บ

http://seo-promote.blogspot.com/

โปรโมทเว็บไซต์ผ่าน Bcoms http://www.bcoms.net/promoteweb/index.asp

โปรโมทเว็บไซต์ผ่าน ThaiNN http://www.thainn.com/directory/submit_url.php

โปรโมท Search Engine 20 เว็บไซต์ในที่เดียว (เว็บต่างประเทศ)http://freewebsubmission.com/

รวมสุดยอดเครื่องมือที่เกี่ยวกับการโปรโมทเว็บไซต์ / บล็อกไว้มากมาย
http://www.wanakorn.com/links_cat.php?ltid=32

เป็น วิธีการโปรโมตเว็บไซต์อย่างง่ายครับ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆครับ ไม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญมากนัก แต่ว่าต้องอาศัยความขยัน เวลา ความตั้งใจจริงและการลงมือทำครับ ในช่วงแรกๆ ของการโปรโมทคุณอาจต้องทำการโปรโมทกันหนักหน่อยครับ เพื่อให้ติดผลในการค้นหาและเป็นที่รู้จัก ทั้งการ Submit URL และการโพสต์ตามเว็บบอร์ดต่างๆ หรือหน้าลงประกาศต่างๆ อย่างเช่น ในอาทิตย์แรกเราทำการ Submit URL ได้ 100 เว็บไซต์ ในเดือนต่อมาเราทำการ Submit URL ได้เพิ่มอีกเป็น 300 เว็บไซต์หรือมากกว่านั้น แน่นอนเลยครับว่าภายใน 1-2 เดือนผ่านไป จะต้องมีคนรู้จักเว็บหรือบล็อคเราเพิ่มมากขึ้นแน่นอนการSubmit URL ทำเพียงครั้งเดียวต่อเว็บไซต์ก็จริง แต่อย่าลืมนะครับว่าในแต่ละวันมีเว็บไซต์ที่เกิดใหม่มากมาย ควรให้เวลาดูแล Rating ค่าความนิยมของเว็บตัวเอง และทำการ Submit URL กับเว็บไซต์ไดเรคทอรี่ใหม่ๆอยู่เสมอๆครับสมาชิกอย่าลืมทำการแนะนำทางตรงและ การโพสต์ด้วยนะครับ เพราะการโพสต์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรทติ้งของเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณโด่ง ดังและเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นครับ!


โปรโมทเว็บไซต์ผ่านเสิร์ชเอนจิ้น ( Search Engine )

(อธิบายเพิ่มเติมจากข้อ 5)
การ โปรโมทเว็บไซต์ในปัจจุบันที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดก็คือ โปรโมทเว็บไซต์ผ่านเสิร์ชเอนจิ้น ( Search Engine ) นั่นเองในการโปรโมทเว็บไซต์ผ่านเสิร์ชเอนจิ้น เป็นเครื่องมือค้นหาชนิดนี้ผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง มีความรู้และความเข้าใจในการทำเสิร์ชเอนจิ้น เพื่อให้เว็บไซต์ค้นหายอมรับ และนำข้อมูลของเว็บไซต์ของเราเข้าไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของเว็บไซต์ค้นหา เหล่านั้น หรือที่เรียกกันว่า การอินเด็กซ์ข้อมูลนั่นเอง ( Index ) ทำอย่างไรถึงจะให้เว็บไซต์ค้นหาใหญ่ๆทั้งหลายอย่าง Google , Yahoo , Msn เข้ามาเก็บข้อมูลของเว็บไซต์เราหรือมา Index เว็บไซต์ของเรานั่นเอง การโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีการทำเสิร์ชเอนจิ้นนี้ ถ้าเจ้าของเว็บไซต์มีความรู้เกี่ยวกับการทำเสิร์ชเอนจิ้นก็จะเป็นการประหยัด งบประมาณจำนวนมากในแต่ละปี เพราะการทำเสิร์ชเอนจิ้นต้องทำอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับการอัพเด ทเว็บไซต์เป็นประจำนั่นเอง แต่ถ้าเจ้าของเว็บไซต์ไม่มีความรู้ในการทำเสิร์ชเอนจิ้นแล้วก็ต้องจ้างมือ อาชีพทำให้ ซึ่งการทำเสิร์ชเอนจิ้นครั้งหนึ่งมีราคาค่อนข้างแพง ซึ่งทั่วๆไปจะอยู่ประมาณ 20,000 - 60,000 บาท ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อมูลและอัตราการแข่งขัน การโปรโมทเว็บไซต์ผ่านเครื่องมือค้นหาหรือเสิร์ชเอนจิ้นเป็นการโปรโม ทเว็บไซต์ที่ดีที่สุดจากทุกๆวิธี เหตุเพราะทุกคนบนโลกนี้จากทุกๆมุมโลกสามารถเห็นหรือเข้าเว็บไซต์ของท่านได้ ทันทีจากลิ้งค์ที่ถูก Index ไว้ในฐานข้อมูลของเว็บไซต์ค้นหา นั่นคือโอกาสที่ทุกคนบนโลกใบนี้จะเห็นเว็บไซต์ของท่านสูงมากๆ ( ถ้าทำเสิร์ชเอนจิ้นให้ข้อมูลของเว็บไซต์อยู่ในอันดับแรกๆของเว็บไซต์ค้นหา ) ซึ่งการโปรโมทเว็บไซต์ด้วยเสิร์ชเอนจิ้นจะไปได้กว้างและไกลแบบไร้ขอบเขต มากกว่าทุกๆวิธีที่กล่าวมา จะเห็นว่าการโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีนี้ได้ผลและตรงจุดมากที่สุด รวดเร็วมากที่สุดจึงเป็นที่นิยมของเจ้าของเว็บไซต์ทั่วโลกที่ต้องทำ เสิร์ชเอนจิ้น

การโปรโมทเว็บไซต์ผ่าน Search Engine / เสิร์ชเอ็นจิ้นมี 2 แบบ ดังนี้

1. โปรโมทเว็บไซต์ด้วยการทำเสิร์ชเอนจิ้นแบบวิธีธรรมชาติ (Natural search Engine) คือการอัพเดทเพิ่มข้อมูลเนื้อหาที่ลงในเว็บไซต์หรือบล็อกบ่อยๆ (ไซต์ดังๆอัพเดทข้อมูลทุกวันครับ) ก็จะช่วยให้เว็บไซต์หรือบล็อกของเราติดอันดับต้นๆได้เช่นเดียวกัน

2. โปรโมทเว็บไซต์ด้วยการสร้างแคมเปญโฆษณาขึ้นมา เป็นวิธีการโปรโมทเว็บไซต์ทางลัดและรวดเร็วที่สุด เรียกว่า Google Adword เพื่อนๆสามารถศึกษาวิธีโฆษณากับ Adword ได้โดย Search คำนี้ จะพบว่ามีเว็บไซต์และบล็อกมากมาย ที่อธิบายเรื่องต่างๆเกี่ยวกับ Adwordเป็นภาษาไทยไว้มากมายครับ สมัคร Adword ฟรี คลิกที่แบนเนอร์บนโฮมเพจได้เลยครับ
เทคนิควิธีต่างๆที่แนะนำไปแล้ว เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ๆไม่มีเทคนิคซับซ้อน ที่จริงแล้วยังมีเทคนิควิธีเกี่ยวกับการโปรโมทเว็บไซต์ กลยุทธิ์ทางการตลาดออนไลน์อีกมาก ให้เพื่อนๆได้ศึกษาและทดลองทำไปเรื่อยๆ เพื่อความก้าวหน้าสู่อาชีพ Affiliate Marketer ของคุณครับ
Link ความรู้เพิ่มเติมที่อยากแนะนำ

ธุรกิจออนไลน์-ออฟไลน์ ทำงานอย่างไร มาดูกัน

ธุรกิจออนไลน์-ออฟไลน์ ทำงานอย่างไร มาดูกัน

สอนการทำงาน
1. ศึกษาข้อ มูลในเวบไซต์ทุกข้อโดยละเอียด และให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จนมั่นใจว่าคุณสามารถที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้ผู้อื่นฟังอย่างเข้าใจ ได้ โดยเฉพาะ
1.1 แผนการตลาด
1.2 สินค้า (คุณต้องเป็นผู้ใช้สินค้าอย่างน้อย 2-3 ชิ้น และศึกษาข้อมูลของสินค้าที่คุณใช้อย่างละเอียด จนสามารถอธิบายจุดเด่นของสินค้านั้นได้)
1.3 รายละเอียดของบริษัทฯ

2. ขบวนการสร้างรายชื่อ
2.1 คนรู้จัก จดรายชื่อของผู้ที่คุณรู้จักให้มากที่สุด เช่น ญาติ เพื่อน (สมัยเรียน, ที่ทำงานเก่า-ปัจจุบัน,ข้างบ้าน) แฟน ฯลฯแนะ นำให้คนที่คุณรู้จักเข้าชมเวบไซต์ของคุณ แล้วแจ้งรหัสL..... (หรือ User Name ของคุณ) และให้เค้ากรอกข้อมูลส่วนตัวใน Menu เริ่มต้นทำธุรกิจ
2.2 คนไม่รู้จัก

การทำงานมี 2 แบบ คือ Online หรือ Offline( รวมทั้งRecruit-ขยายธุรกิจ/Retail ขายสินค้า)

Online ทำอย่างไร
1. Post topic โพสท์กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ โดย เข้า Google หรือ Googkai
และพิมพ์ “ ตั้งกระทุ้ใหม่ “ จะพบ 500 กว่าเว็บ คลิก!
หรือ พิมพ์ ”โฆษณาฟรี “ เตรียมข้อความที่จะโพสท์เพื่อให้ดึงดูดคนเข้ามาดู เพื่อให้ได้รายชื่อ หรือให้คนเข้าเว็บให้มากที่สุด เพื่อเราจะได้โทรตอบข้อซักถามและปิดการขายหรือปิดขึ้นศูนย์ธุรกิจ
2.ส่ง Direct Mail หรือส่งE-mail โดยตรงให้เพื่อนให้คนรู้จักเข้าเยี่ยมชมให้มากที่สุด
ที่สำคัญไม่คิดแทนเค้าหรือไม่ตัดสินใจแทนเค้าว่าเค้าไม่ชอบ ว่าเค้าไม่ทำ ว่าเค้าไม่สะดวก
เรามีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ออกไปอย่างสม่ำเสมอ
3. หรือลงโฆษณา Banner หรือ Textlink ตามเว็บที่มีคนสนใจเข้าและมีคุณภาพ และ
หรือตามงบประมาณที่พอจ่ายได้
4. ส่ง SMS ทาง Internet ที่ถูกที่สุดหรือที่ใช้ฟรี .....(สอบถามเพิ่มถ้าต้องการ )
5. Chat MSN

Offline
มีเครื่องมือ 9 อย่างให้เลือก
1.Direct Talk การพูดคุยโดยตรงแนะนำคนรู้จักของคนรู้จัดบอกต่อ
2.ใบปลิว แจกครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 ใบ
3.Hot Pocket (ติดครั้งละไม่ต่ำกว่า 50ซอง )ซองพลาสติกขนาดเท่าซองบัตรโทรศัพท์ใส่ใบปลิวติดกระดาษกาวด้านหลังไปติดตาม ตู้ ATM หรือหลังห้องน้ำ( หญิงไปติดหญิง-ชายไปติดชาย)
4.Pull Tab กระดาษริ้ว ๆ เพื่อให้ผู้สนใจดึงเบอร์และชื่อเราไปได้โดยไม่ต้องจด
5.Fax โดยมีข้อความส่งFax (ส่งวันละ20 ใบ)ใช้ pin card เพื่อประหยัดการส่งfax ครั้งละ1บาท
6.Survey แบบสอบถาม
7.โฆษณาทางหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ
8.ไปรษณียบัตร
9.ออกบูธแสดงสินค้าหรือขยายธุรกิจ
ถ้า ไม่มีเงินลงทุนเบื้องต้นและต้องการมีรายได้จริงจัง ให้รีบศึกษาและทำงานอย่างจริงจังเรามีวิธีการทำงานที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สูง เมื่อคุณมีรายชื่อและให้ที่ปรึกษาช่วยโทรให้ได้เลยในระยะแรก คนรู้จัก.คนใกล้ตัวจะทำให้ธุรกิจเกิดได้เร็ว

การประชาสัมพันธ์และการโฆษณา

การประชาสัมพันธ์และการโฆษณา

การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) มีการให้ความหมายต่างไว้ดังนี้

การประชาสัมพันธ์ เป็นการใช้ความพยายามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อให้สามารถสร้าง และรักษาค่านิยม (Goodwill) เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างองค์กรกับชุมชน

การประชาสัมพันธ์ เป็นการจัดการขององค์การเพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีกับผู้รับข่าวสารกลุ่ม ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดเห็น (Opinion) ทัศนคติ (Attitude) และค่านิยม (Value) หรือเป็นการติดต่อสื่อสารกับชุมชนทั้งภายในภายนอกเพื่อสร้างภาพพจน์ของ องค์กรกับสาธารณชน

การประชา สัมพันธ์ เป็นความพยายามที่ได้วางแผนอย่างต่อเนื่องที่จะสร้างและรักษาไว้ซึ่งความ ปรารถนาดีและความเข้าใจกันระหว่างองค์การและสาธารณชนที่เกี่ยวข้อง

การประชาสัมพันธ์เป็นหน้าที่ในการบริหารที่ช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ องค์การ กำหนดปรัชญาและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในองค์การ เนื่องจากนักประชาสัมพันธ์จะต้องสื่อสารกันทั้งในกลุ่มภายในองค์การและภาย นอกองค์การเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจะก่อให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างเป้าหมายขององค์การ และความคาดหวังของสังคม

อาจกล่าวได้ว่า การประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากหน่วยงาน หรือจากผู้บริหารไปยังกลุ่มชนที่เกี่ยวข้องโดยการใช้สื่อต่างๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีของหน่วยงานให้กลุ่มชนเป้าหมายยอมรับต่อไป

ลักษณะที่สำคัญของการประชาสัมพันธ์

1. มี “สถาบัน” หมายถึง องค์การ หน่วยงาน สมาคม มูลนิธิ รัฐบาล ทบวง กรม อำเภอ เทศบาล โรงเรียน บริษัท ห้างร้าน ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีความมุ่งหมาย วัตถุประสงค์ระบุไว้แน่นอน

2. มีการวางแผน ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ นั่นก็คือ การประชาสัมพันธ์มิใช่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญแต่จะต้องมีการตั้งใจ ตั้งวัตถุประสงค์ นโยบาย เป้าหมาย และวางแผนในการดำเนินการ

3. มีการสื่อสัมพันธ์แบบทางคู่ หรือยุคลวิธี (Two – way Process) การประชาสัมพันธ์มิใช่แค่เพียงเผยแพร่ประกาศ มุ่งเรียกร้องความสนใจ หรือสื่อสารไปยังประชาชนฝ่ายเดียวเท่านั้น จะต้องสังเกตรับฟังปฏิกิริยา หรือความต้องการของประชาชน เพื่อให้สามารถปฏิบัติ หรือแก้ไขได้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

4. มีการจูงใจ และโน้มน้าวที่ความ รู้สึก การที่จะเกิดความเชื่อถือ หรือให้ความร่วมมือสนับสนุนนั้นจะต้องอาศัยวิธีการจูงใจ การชี้แจงในเรื่องต่างๆ เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความสนใจของประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันกับสถาบันในการดำเนินการ

5. มีการสัมพันธ์กับกลุ่มชน การประชาสัมพันธ์มีลักษณะของการสื่อสัมพันธ์กับมวลชน คือเป็นกลุ่มเป็นหมู่มากกว่าเป็นรายบุคคล และการใช้สื่อก็เป็นสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หน้าหนังสือพิมพ์ ฯลฯ

6. เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน การดำเนินการประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ (On – going Process) เป็นงานที่เกี่ยวกับบุคคล เหตุการณ์ และการบริการ ซึ่งจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และไม่มีที่สิ้นสุด ต้องคอยตรวจกระแสประชามติ ทัศนคติ และเหตุการณ์อื่นที่ดำเนินไปว่าราบรื่นดีหรือไม่ เพื่อที่จะแก้ไขเหตุการณ์ได้ทันท่วงที หรือหากไม่มีเหตุการณ์ใด ก็มิใช่จะอยู่เฉย ต้องดำเนินการเผยแพร่สร้างสมชื่อเสียง เกียรติคุณ ความเชื่อถือ ศรัทธา เลื่อมใส ของหน่วยงานต่อไปอีกเป็นประจำ ไม่ให้ขาดตอน

7. มีประชามติเป็นบรรทัดฐาน ในการดำเนินการประชาสัมพันธ์นั้นจะต้องมีสถาบัน กลุ่มประชาชนต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดทัศนคติ พฤติกรรม ความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากกระแสประชามติที่ออกมาจากคนส่วนใหญ่มักจะถูกต้อง และเหมาะสมตามสมควร ฉะนั้น กระแสประชามติ จึงนับว่าเป็นความต้องการของประชาชนที่หน่วยงานจะต้องใช้เป็นส่วนประกอบ สำคัญในการพิจารณาดำเนินการ

ความหมายของการโฆษณา

“ การโฆษณา” (advertising) เป็นการเสนอข่าวสารการขาย หรือแจ้งข่าวสารให้บุคคลที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทราบเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือแนวความคิด โดยเจ้าของหรือผู้อุปถัมภ์เปิดเผยตนเอง มีการจ่ายเงินเพื่อการใช้สื่อ และเป็นการเสนอข้อมูลที่มิใช่เป็นการส่งบุคคลเข้าไปติดต่อโดยตรง

หน้าที่ของการโฆษณา จุดมุ่งหมายหลักของการโฆษณา ก็คือ การขายสินค้า แต่จุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นฉับพลันก็คือ การติดต่อสื่อสาร (Immediate purpose is to communicate) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แอบแฝงด้วย หน้าที่ที่สำคัญของการโฆษณามีหลายประการ คือ

1. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ (Creating Awareness) ต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ว่าขณะนี้สินค้ามีวางจำหน่ายแล้วในตลาด

2. เพื่อสร้างสรรค์ภาพพจน์ที่ดี (Creating a Favorable Image) สินค้าในตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อ ผู้โฆษณาจึงใช้ความพยายามที่จะสร้างสรรค์งานโฆษณาให้มีความแปลกใหม่ และของผู้บริโภคมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ในสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคมีภาพลักษณ์ที่ดี พึงพอใจในคุณสมบัติของสินค้าตน

3. เพื่อชักจูงใจกลุ่มเป้าหมาย หน้าที่ของโฆษณาจะต้องหาจุดเด่น หรือจุดขายของสินค้า และพยายามให้ผู้บริโภคยอมรับว่าจุดดีเด่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต่อการบริโภค

4. เพื่อกระตุ้นแหล่งที่จะนำสินค้าไปจำหน่าย (Outlets) เช่น ร้านค้าขายปลีก ร้านค้าส่ง เป็นหน่วยงานย่อยลงมาที่จะทำให้สินค้าไปสู่มือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ถ้าหากแหล่งขายปฏิเสธการรับสินค้าไปจำหน่ายก็เท่ากับเป็นการปิดตลาดสำหรับ สินค้านั้นๆ

5. เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า สินค้าที่ทำงานโฆษณาดี จะทำให้เกิดภาพพจน์ที่ดีแก่สินค้าด้วย ผู้บริโภคจะมีความเข้าใจในคุณภาพ ตัดสินใจซื้อด้วยความภูมิใจในตรายี่ห้อ ของสินค้านั้นๆ

6. เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่บริษัทผู้ผลิต การโฆษณานั้นสามารถทำได้ทั้งโฆษณาสินค้า และโฆษณาเพื่อสังคมซึ่งเป็นการโฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่บริษัท โดยการโฆษณาแสดงความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม ความห่วงใยเอื้ออาทรต่อสังคมที่บริษัทมีต่อประเทศชาติ ประชาชน เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การช่วยกันรักษากฎจราจร

7. ให้ความเพลิดเพลินสนุกสนาน
เพราะชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมปัจจุบันเคร่งเครียด ต้องรับร้อนแข่งขันกันตลอดทั้งวัน เมื่อกลับถึงบ้านถ้าพบการโฆษณาที่ให้ความสนุกสนาน ชวนให้เกิดอารมณ์ขันจะทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินคลายเครียดได้

********************************

ผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร และจะสปอนเซอร์อย่างไรให้ไม่ถูกปฏิเสธ

ผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร และจะสปอนเซอร์อย่างไรให้ไม่ถูกปฏิเสธ

ถ้าคุณ สามารถทำให้การสปอนเซอร์ของคุณทุกครั้งนั้นปิดสมัครได้เสมอ ผมคงไม่ต้องพูดถึงหัวข้อของเราในวันนี้ หรือไม่ต้องทำคอร์สนี้ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำแต่ความจริงแล้วก็คือ การสปอนเซอร์ของคุณโดยส่วนใหญ่ถูกผู้มุ่งหวังปฏิเสธ หรือ เบี้ยวนัดไปเลย


ถ้า คุณอยากทำให้การทำธุรกิจของคุณเจ็บปวดน้อยลง ไม่ต้องถูกเบี้ยวนัดหรือถูกปฏิเสธซ้ำซาก คุณก็ควรที่จะทำความเข้าใจในเรื่องนี้เสียก่อน..ความจริงแล้วมัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า คุณพรีเซนต์ได้ดีขนาดไหนหรอก แต่คุณควรจะเข้าใจก่อนว่าผู้มุ่งหวังของคุณคือใครก่อนที่คุณจะขายอะไรให้กับใคร


คุณเคยเห็นคนที่พยายามที่จะขายน้ำแข็งให้กับชาวเอสกิโมไหม?ไม่เคย
คุณเคยเห็นคนที่พยายามที่จะขายเนื้อย่างชั้นดีให้กับคนที่กินเจไหม?ไม่เคยเพราะถ้าหากมีคนที่ทำอย่างนั้นจริง เขาคงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายในการปิดการขายนี้ให้ได้

ถ้าหากคุณต้องการทดสอบเรื่องนี้นั้นผมอยากให้คุณลองเอาเนื้อไปขายให้กับคนที่กินเจดูผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะคุณรู้ว่าเขาไม่ใช่ตลาดเป้าหมายของคุณ และคุณไม่มีทางที่จะเปลืองพลังงานของคุณไปเพื่อทำอะไรแบบนั้น

และสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการตลาดเครือข่ายของเราอย่างไรได้บ้างคำตอบนั้นถูกซ้อนอยู่ในประโยคนี้ครับ

"อย่าพยายามโน้มน้าวใครให้เชื่อว่าเขากำลังต้องการในสิ่งที่คุณกำลังขายแต่ให้ขายในสิ่งที่เขากำลังต้องการมันอยู่แล้ว"

วิธีการที่ดีที่สุดนั่นก็คือ การเลือกขายให้กับคนที่ต้องการมันอยู่แล้ว

หากคุณต้องการจะเปลืองพลังงานให้น้อยที่สุดในการทำธุรกิจ MLM ของคุณ คุณก็ควรจะสปอนเซอร์เฉพาะคนที่ต้องการทำธุรกิจ MLM อยู่แล้วแล้วคนที่ต้องโอกาสทางธุรกิจอยู่แล้วคือใคร

ถ้า คุณตอบมาว่า คือ คนข้างบ้าน หรือ คือ ญาติมิตร เพื่อนสนิท เพื่อนที่เรียนตอนมัธยม หรือคนทุกคนที่ห่างตัวเราไป 1 ฟุตล่ะก้อ คุณเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้วแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่นั้นอาจเป็นเหมือนกับการขายเนื้อให้กับคนที่กิน เจตลอดชีวิต

สิ่งที่ Old MLM School สอนพวกเรามา ด้วยคำพูดที่ว่า
"คนทุกคนคือ ผู้มุ่งหวังของเรา"
"คนที่อยู่ห่าง 1 ฟุตคือผู้มุ่งหวังของเรา"
"อย่าไปคิดแทนเขา"
"ทุกๆคนต้องการโอกาสนี้"

นั่น ไม่ต่างจากการที่คุณนำเนื้อโกเบชั้นดีจากญี่ปุ่นไปขายให้กับคนที่กินเจแถว ศาลเจ้า โดยการบอกเขาว่าเนื้อนี้กินแล้วมีประโยชน์มาก ร่างกายได้โปรตีนครบถ้วน ดีกว่าการกินถั่วเป็นไหนๆเหตุผลที่คุณคิดนั้นฟังดูดีครับ แต่จะไม่มีคนที่กินเจแถวศาลเจ้าซื้อเนื้อโกเบชั้นดีจากคุณแน่นอน

ถ้า หากคุณต้องการที่จะขายเนื้อโกเบชั้นดีจานนี้ให้ได้ ทำไมคุณไม่ลองเดินต่อไปอีกสัก 100 เมตรซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตราคารอาหารญี่ปุ่นดูล่ะ พวกเขารักที่จะกินอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว พวกเขามาที่นี่ก็เพราะว่าต้องการจะกินอาหารญี่ปุ่นชั้นดี พวกเขาต้องการลิ้มรสเนื้อโกเบที่แสนนุ่มของคุณ

คุณเห็นไหมว่าคุณ แค่บอกคนที่เข้ามาในภัตราคารเพียงเล็กน้อย เขาก็ถือเงินอยู่ในมือเตรียมที่จะเนื้อจานนี้มาจากคุณแล้ว แต่ขณะที่คุณไม่สามารถทำให้คนแถวศาลเจ้าสนใจเนื้อโกเบชั้นดีจานนี้ได้เลยแม้ ว่าคุณจะพูดถึงมันได้น่าสนใจเพียงใดก็ตาม

วิธีการที่จะทำให้คุณไม่ถูกใครปฏิเสธนั่นก็คือ"อย่าพยายามโน้มน้าวใครให้เชื่อว่าเขากำลังต้องการในสิ่งที่คุณกำลังขายแต่ให้ขายในสิ่งที่เขากำลังต้องการมันอยู่แล้ว"

นี่ คือ วิธีการที่ตรงที่สุดที่คุณจะดึงความสนใจจากผู้มุ่งหวังมาได้ และผมเองก็ไม่ใช่นักการตลาดเพียงคนเดียวที่เข้าใจในคอนเซ็ปท์นี้ ความจริงแล้วคุณสามารถพบเห็นวิธีการนี้ได้ทั่วไปในหลากหลายธุรกิจยกเว้น ธุรกิจ MLMเพื่อให้คุณได้เห็นภาพและเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น ผมจึงขอยกตัวอย่างของวิธีการนี้ซึ่งได้ถูกใช้ในธุรกิจจริงๆเรื่องราวนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเอง

มี วันหนึ่งที่เพื่อนของผมชวนผมไปเที่ยว RCA ความจริงแล้วผมไม่ได้ต้องการที่จะไปเที่ยวมากนัก แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ วิธีการในการทำการตลาดจากต่างอุตสาหกรรมต่างหาก ดังนั้นผมจึงได้รับปากเพื่อนของผมไปในเรื่องนี้

ขณะที่ผมเดิน ผ่านการตรวจบัตรจากการ์ดเพื่อที่จะเข้าไปในผลับแห่งหนึ่งในย่าน RCA นั้น ทันทีที่ผมเดินต่อมาได้แค่ 2 ก้าว ผมก็พบสาวสวยพนักงานของบริษัทขายเหล้ายี่ห้อหนึ่ง ชวนให้ไปเล่นเกมและแจกเหล้าแบบใหม่ของบริษัทให้กับผู้ที่ร่วมเล่นเกมแบบฟรีๆ

บูธแห่งนี้สามารถทำให้คนทุกคนที่เดินผ่านมาหลังจากถูกตรวจบัตร แล้วร่วมเล่นเกมด้วยได้ทั้งหมด กติกาของการเล่นเกมนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่กรอกชื่อและที่อยู่พร้อมเบอร์ โทรศัพท์ติดต่อให้กับพนักงานสาว จากนั้นในใบรายละเอียดที่คุณส่งมาจะซ้อนสัญลักษณ์บางอย่างไว้ พนักงานจะใช้เหรียญบาทขูดออกและบอกว่าคุณจะได้เหล้าขวดนี้ไปฟรีๆหรือไม่

ความคิดที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนั้นก็คือ เขาฉลาดจริงๆ คนที่กำลังเดินเข้าไป RCA เขาเดินเข้าไปทำอะไรกันไปกินเหล้า

สิ่งที่พนักงานทำคืออะไร : เอาเหล้าไปให้คนที่จะกินเหล้าอยู่แล้วกินมัน คือ ความคิดของเขาที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะมากินเหล้า พนักงานพวกนี้เพียงแค่ทำให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการ ถึงพนักงานสาวไม่เอาเหล้าไปให้เขากิน เขาก็ต้องซื้อกินเองอยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่ได้รับคำปฏิเสธจากการให้เหล้าไปฟรีๆแบบนี้แน่นอน

ในขณะที่ผมเห็นเพื่อนของผมกำลังร่วมเล่นเกมกันอยู่นั้น ผมยังคิดต่อไปในเรื่องประเด็นการเก็บลิสต์รายชื่อพนักงาน ได้เก็บลิสต์รายชื่อของใครไว้กัน: คนที่กินเหล้า , คนเที่ยวกลางคืนนั่นเอง เก็บมาจากคนที่กำลังจะเดินเข้าไปใน RCA เลย คงไม่ผิดตัวแน่ๆเขาฉลาดขนาดนี้บริษัทขายอะไรกัน เหล้าไง ผมให้คำตอบนี้กับตัวเอง

ใน ขณะที่ผมมองเห็นเพื่อนกำลังหัวเราะสนุก เพราะว่าได้เหล้ามาฟรีๆอยู่นั้น สมองของผมเองยังคิดไอเดียของบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาได้อีกว่า บริษัทยังสามารถทำกำไรกับลิสต์รายชื่อที่ได้มาเหล่านี้อีกชั้นหนึ่ง โดยการให้ร้านเหล้าที่กำลังจะเปิดใหม่มาลงโฆษณาผ่านทางบริษัทแห่งนี้ซึ่ง เก็บรายชื่อนักท่องราตรีไว้ทั้งหมดแล้ว จากนั้นก็เก็บค่าโฆษณาด้วยราคาหลักหมื่นถึงแสนจากร้านเหล้าพวกนี้ได้


คุณ เห็นไหมว่าวิธีการที่บริษัทเหล่านี้ทำไม่ได้ต่างจากที่เราถูกสอนมาจากเครือ ข่ายมากนัก การออกไปชวนคน ลิสต์รายชื่อ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เขาเข้าใจว่าใครคือผู้มุ่งหวังที่แท้จริง ใครคือคนที่ควรออกไปชวน และไม่ขายเนื้อให้กับคนที่กินมังสวิรัติ อีกทั้งเก็บรายชื่อไว้เพื่อรอการติดตามได้อีก เพื่อที่ผู้มุ่งหวังเหล่านี้จะกลับมาเป็นลูกค้าในที่สุด

เป็นไง ครับ นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันในธุรกิจจริงแต่มันไม่เคยที่จะถูกสอน เลยในธุรกิจเครือข่าย คุณเห็นไหมว่าพวกเขาฉลาดกว่าที่คุณถูกสอนมาจาก Old MLM School มากแค่ไหน ตอนนี้คุณเข้าใจรึยังครับว่าผู้มุ่งหวังที่แท้จริงคือใคร และทำอย่างไรไม่ให้ถูกปฏิเสธ

การที่คุณไปชวนปู่บ็อบข้างบ้านหรือ ว่า คุณแฟร็งนักปั่นจักรยานทีมชาติหรืออะไรประมาณนั้นคือการที่คุณละเลยกฏเกณฑ์ ข้อนี้ ซึ่งคือสิ่งที่มืออาชีพและนักการตลาดในธุรกิจจริงๆทำ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากผลที่ได้รับนั้นจะไม่ดีอย่างที่คุณต้องการ

สำหรับ วิธีการทำให้คนเหล่านี้โทรมาหานั้นง่ายมากครับ แค่ส่ง E-mail ไปบอกว่ามีร้านเหล้าเปิดใหม่ มีคูปองเปิดเหล้าฟรี สามารถโทรมาขอได้ ด่วน มีจำนวนจำกัดรับรองครับว่าโทรมานับ 100 สาย ภายใน 1 วัน

เห็นไหมครับว่าไม่ใช่เรื่องยาก และคุณก็เห็นวิธีการนี้อยู่ทั่วไป แค่มันไม่เคยถูกสอนโดยบริษัทของคุณ

ดึงดูดผู้สนใจอย่างถูกวิธี

ดึงดูดผู้สนใจอย่างถูกวิธี
ปัจจุบันการเชิญชวนผู้สนใจธุรกิจ MLM ถูกมองว่าเป็นการหลอกลวงให้ทำการ สมัครสมาชิก โดยการจัดประชุมสัมนาตามสถานที่ต่างๆ เมื่อผู้สนใจเข้ามาประชุมแล้ว จะถูกพูดหว่านล้้อม ให้ทำการสมัครสมาชิก ณ. เวลานัน

ซึ่งก่อนที่จะเข้าประสุมสัมนาที่จัดขึ้น ผู้สนใจได้รับ ข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับบริษัท บ้างเล็กน้อย บางท่านอาจยังไม่เข้าใจในระบบ MLM มากเท่าที่ควร เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น บรรดาแม่ทีมทั้งหลาย ต่างมาล้อมราวว่าเราเป็นพระเจ้า "สมัครทีเถอะ" ซึ่งถ้ามองกลับกัน ในมุมมองของ ผู้สนใจเข้ามาร่วมธุรกิจ ก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น ให้เวลาศึกษาหน่อยไม่ได้หรือ จึงไม่ผิดที่ MLM ถูกมองว่าเป็นการเชิญชวนมาถูกหลอกลวง

เมื่อผู้สนใจ สมัครสมาชิกแล้ว สิ่งหนึ่งที่แม่ทีมบอก คือ "หาลูกทีม" แล้วก็จะได้ยินคำนี้ตลอดการทำงาน เลวร้ายหน่อยก็ไม่บอกวิธีการทำงาน ดีหน่อยก็บอกขึ้นตอนการทำงาน ว่า "เรา" ทำงานกันยังไง จากนั้น ทุกๆ วัน ก็จะมีเสียงโทรศัพท์ ถามว่า "วันนี้เป็นยังไงบ้าง มีคนสนใจไหม ไม่มีก็พยายามต่อไปนะ" เรื่อยๆ ทุกๆ วัน

2 ขั้นตอน ในการดึงดูดผู้สมัครอย่างถูกวิธี ไม่มีหลอกลวง

นำเสนอข้อมูลเบื้องต้น ดึงดูดผู้สนใจ อย่างถูกวิธี และเข้าใจธุรกิจ..ข้อมูลบริษัทอย่างละเอียด รายละเอียดการสมัคร รายละเอียดสินค้า มีจุดขายยังไง..ข้อดี - ข้อเสีย ของบริษัท อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ดีหมดทุกอย่าง

โอกาสทางธุรกิจ ณ. ขณะนั้น มีช่องทางการทำโฆษณาอย่างไรบ้าง..ขั้นตอนการทำธุรกิจ เมื่อทำการสมัครไปแล้ว จะทำงานยังไง อย่างละเอียด..ระบบ Support มีอะไรบ้าง ในการเริ่มต้นธุรกิจ

เมื่อ นำเสนอแล้ว ผู้สนใจธุรกิจ จะทำการตัดสินใจ ให้เราเครพในการตัดสินใจ ของผู้สนใจ หากผู้สนใจธุรกิจ ปฎิเสธ ก็ไม่ต้องไปเสนออีก ในเมื่อเราเสนอทุกอย่างไปแล้ว หากผู้ร่วมธุรกิจ มองเห็นภาพ แล้วสนใจธุรกิจสิ่งที่ต้องทำต่อไป คือการทำความรู้จัก เพื่อนำเสนอสิ่งที่ผู้ร่วมธุรกิจยังไม่เข้าใจ พร้อมสอบถามเบื่องต้น

การสอบถามเบื่องต้น แก่ผู้สนใจธุรกิจ..คุณเข้าใจระบบการทำงานของเราแค่ไหน ครบถ้วนหรือยัง..เมื่อ มีผู้สนใจ มาติดต่อกับคุณ เรามั่นใจได้ไหม ว่ารายละเอียดต่างๆ ทั้ง คำพูด การสนทนา ที่นำเสนอนั้น เป็นไปอย่างถูกต้องครบถ้วน ไม่เกินจริง และไม่ทำให้เกิดความสับสนต่อผู้สนใจ ไม่ติดตามผู้สนใจ จนทำใหเกิดความลำบากใจ แก่ผู้สนใจธุรกิจ สุดท้าย คุณต้องเครพการตัดสินใจของผู้สนใจ

คุณต้องเข้าใจ ว่า คุณมีหน้าที่ให้ข้อมูลแต่ผู้สนใจ แก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น..คุณมีความตั้งใจแค่ไหน เพราะธุรกิจนี้ ไม่ได้ง่าย อย่างที่คุณคิด..ผู้นำเสนอข้อมูลแก่คุณ ได้นำเสนอสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้หลอกลวงคุณใช่ไหม..ทุกๆ อย่าง ภาพรวมธุรกิจ รวมทั้งการทำงาน แผนรายได้ คุณเข้าใจแน่ชัดแล้วใช่ไหม..คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เมื่อไร

คุณ จะเห็นภาพการทำงานจริงๆ ที่สามารถดึงดูดผู้สนใจได้ โดยไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง ทุกอย่างที่กล่าวมา โดยไม่ต้องติดตาม หรือโทรติดต่อ ผู้สนใจ อย่างใกล้ชิดทุกๆวัน..ผู้สนใจธุรกิจก็จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อใช้ในการตัดสินใจ..ว่าเหมาะสมกับผู้สนใจมากแค่ไหน..เป็นไปได้มากไหมในธุรกิจนี้

สุด ท้ายแล้ว เค้าก็จะทำการสมัครกับคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องไปติดตาม ไม่ต้องชวนมาเข้าประชุม ระบบทุกอย่างมีข้อมูลใหเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมอย่างเดียว ก็คือ "ข้อมูลที่ถูกต้อง"ถ้าผู้สนใจ เกิดความไม่เข้าใจ หรือ ไม่อะไรติดขัด เราก็เข้าไปให้ข้อมูลได้ทุกสถานะการ ดังนั้นการทำธุรกิจMLM อย่างนี้ ไม่ได้เป็นการหลอกลวง อย่างแน่นอน เพราะเราเครพการตัดสินใจของผู้ร่วมธุรกิจ มากกว่าที่จะไปติดตามผู้สนใจ จนเกินไป ทำให้้เกิดความไม่พอใจของผู้สนใจธุรกิจ เพียงเพราะอยากที่จะให้มีผู้สมัครมากๆ จนทำให้ภาพลักษณ์การทำธุรกิจ ถูกมองผิดไป

การทำ MLM ระบบ Online

การทำ MLM ระบบ Online

ก็ คือการทำ MLM หรือการ Sponser ผู้ที่มองเห็นแนวทางการทำธุรกิจ MLM ผ่านทาง Internetเพื่อนๆคงถามแล้ว ผ่านอะไรละทาง Internet นะ ? ในปัจจุบันผู้คนใช้ Google Search หาข้อมูลที่ตัวเองอยากจะรู้ ซึ่งคนไทย 90% ใช้ Google Search กันทั้งนั้น เด็กบ้านนอกๆ ยังรู้จักเลย แล้วใครหนอจะไม่รู้จักพี่ Google เชยตายเลย! แล้วจะทำยังไงละ ? สังเกตุดูนะครับว่าเวลาที่เรา Search ดูแล้วผลการค้นหาจะออกมา 2 ฝั่งครับ


ทาง ซ้าย คือโฆษณาที่ Google เก็บข้อมูลแล้วมาประมวลผลเป็นคำตอบสำหรับคำค้นหา การที่เราจะนำโฆษณามาแสดงในส่วนนี้ได้นั้น ถ้าจะให้เขียนมันก็จะยาวเอาไว้ไปเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆซะทีเดียวไป เลยจะดีกว่าครับ ตอนนี้้คร่าวๆก่อนว่ามันคืออะไร ก็คือต้องทำ "SEO" หรือ Search Engine Optimize ครับ การปรับแต่ง website ให้เป็นที่โปรดปราณของ Google ซึ่งต้องใช้เวลานาน ถึงนานมาก ถึงจะได้ผลครับ ซึ่งข้อดีก็คือ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการทำโฆษณาครับ


ทางขวา เป็นบริการของ Google สำหรับผู้ที่ต้องการให้โฆษณาแสดงตามผลการค้นหาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เรียกว่า Google Adwords ครับ ซึ่งส่วนนี้จะต้องเสียค่าโฆษณาให้กับ Googleหลายๆ คนคงคิดว่าโฆษณาระดับ Google ต้องเก็บค่าโฆษณาแพงแน่เลย แต่ไม่ใช่ครับ ค่าโฆษณาGoogle ถูกเอามากๆ โดย Google จะเก็บค่าโฆษณาแบบ PPC ( Pay Per Click ) ก็คือ จ่ายเมื่อมีคน Click โฆษณาของเราเท่านั้นครับไม่มีคนคลิ๊กเราก็ไม่ต้องจ่ายเงินซักบาทครับ

แล้วเราจะโฆษณาทางไหนละ ?
ทำ ได้ทั้ง 2 ทางครับ อยู่ที่สถานะการ แต่ส่วนมากจะทำผ่าน Google Adwords ก็คือทางด้านขวานั้นเองครับซึงเมื่อมีผู้ค้นหาก็จะเห็นโฆษณาแล้วก็มีโอกา สคลิ๊กโฆษณาเราได้ เมื่อคลิ๊กเข้าไปก็จะอ่านข้อมูลข่าวสสารของ Website เราครับ ถ้าสนใจเค้าก็จะติดต่อกับเรา แล้วตัดสินใจที่จะสมัครครับ ง่ายไหมครับ ^_^

แล้ว Website เราจะเอามาจากไหนละ ?
ทางบริษัท ที่คุณทำ ถ้าเป็นบริษัทที่ทำการตลาดทางนี้ จะมี Website ที่สร้างขึ้นสำหรับคุณโดยเฉพาะครับ รายละเอียดใน Website ก็จะประมาณ "แผนการตลาด" "สร้างรายได้ยังไง" "เกี่ยวกับบริษัท" ให้คนที่ Click เข้ามาอ่านครับ ถ้าเกิดเค้าสนใจก็จะมี ตารางให้กรอก ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ E-mail เมื่อกรอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลก็จะถูกส่งมาที่เรา แล้วเราก็จะโทรหาผู้ที่สนใจ เพื่อทำความรู้จักกันครับ

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าใครสนใจบ้าง ?
ทางบริษัท ก็จะให้ Account มา 1 อันครับ สำหรับ Login เข้าไปดูข้อมูลของคนที่กรอกรายละเอียดลงไปครับ ก็จะมี ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร Email จากนั้นเราก็ทำการติดต่อ เมื่อเค้าสมัครก็ให้สมัครผ่าน Website ของเรา เราก็จะได้รับผลประโยชน์ครับ

เป็นอันจบ (คงจะเข้าใจนะครับ)

เทคนิคการทำ SEO เบื้องต้นที่ควรรู้ (reloaded)

เทคนิคการทำ SEO เบื้องต้นที่ควรรู้ (reloaded)

การ ทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด

ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <.div> และ <.span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ

เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ

1. ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา index ข้อมูลอันดับแรก ๆ

2. ใช้ tag Heading (พวก ต่าง ๆ) ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป

3. ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร


4. ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้ เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป

5. ใช้ Sitemap โดยการสร้าง Sitemap นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง ๆ พวก Drupal, Wordpress, XOOP, Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
6. ทำ URL Friendly หรือ Rewrite URL การทำ URL Friendly นั้นช่วยให้ Search Engine เข้าใจ URL ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น

5 วิธีการง่ายๆ เพิ่มโอกาสเว็บไซต์ติด Search Engine

5 วิธีการง่ายๆ เพิ่มโอกาสเว็บไซต์ติด Search Engine
1. ในหน้าเว็บไซต์ สินค้าของคุณ ควรจะมี ชื่อสินค้า ยี่ห้อ รุ่น อยู่ในหน้าเว็บไซต์ของคุณอย่างชัดเจน และถูกตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งที่คุณจะใส่ได้แก่ ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ (Title Page)

2. ในหน้าๆ นั้น ควรจะมี ชื่อสินค้า ยี่ห้อ รุ่น ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง เช่น Nokia 5800 ก็ควรมีการเขียนคำๆ นี้ลงไปในหน้าสินค้าของคุณซ้ำกันหลายๆ ครั้ง เพื่อทำให้ระบบ Search Engine เข้าใจว่า หน้านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ Nokia 5800 เพราะหน้านี้มีคำๆ นี้ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง (โอกาสที่จะติดอยู่ในอันดับแรกๆ ก็จะเริ่มมีแล้ว)

3. หน้าเว็บไซต์สินค้าของคุณ "ไม่ควรมีข้อมูลสินค้าเพียงไม่กี่ประโยค และก็ราคาเท่านั้น" เพราะจะทำให้ระบบค้นหาข้อมูลหรือ Search Engine คิดว่าข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณน้อยเกินไป ซึ่งนั้นหมายถึงโอกาสที่จะไปติดอันดับต้นๆ ก็น้อยตามลงไปด้วย ซึ่งในทางที่ถูกต้องคุณควรจะให้รายละเอียดข้อมูลของสินค้ามากและครบถ้วนมาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการให้ข้อมูลที่มากเพียงพอ เช่น ข้อมูลสเป็กรายละเอียดสินค้าที่ครบถ้วน (ภายในเนื้อหาที่ใส่ลงไป ก็อย่าลืมทรอดแทรก ยี่ห้อ สินค้า และรุ่นลงไปด้วย) นอกจากจะทำให้คนที่เข้าซื้อสินค้าของคุณ อ่านและเข้าใจในตัวสินค้าแล้ว ยังช่วยทำให้เพิ่มโอกาสในการทำให้ Search Engin ค้นหาเว็บไซต์คุณเจอได้เช่นกัน

4. ควรมีชื่อพื้นที่ที่คุณต้องการขาย หากคุณต้องการเน้นขายคนในพื้นที่เดียวกับคุณเช่น ขายคนในจังหวัด ภาค หรืออำเภอ การใส่ข้อมูลที่เป็นพื้นที่ลงไปในเว็บไซต์ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราติดอยู่ ในอันดับต้น ๆ หาคนค้นหาผ่าน ชื่อจังหวัดลงไป พร้อมสินค้า

5. พยายามแลกลิงค์ หรือทำลิงค์มาจากเว็บไซต์อื่นๆ เยอะ มาหาที่เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งหามีเยอะ และยิ่งมีลิงค์จากเว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จัก และโด่งดังอยู่แล้ว นั้นหมายถึง เว็บไซต์ของคุณก็จะมีโอกาส ติดใน Search Engine ได้เร็วมากขึ้น หรือจะเข้าไปที่ หรือจะเข้าไปเพิ่มเว็บไซต์ของเราตรงๆ เช่นของ Google.com สามารถเพิ่มเว็บไซต์เข้าไปได้ที่ www.google.com/addurl ได้เลย นี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะทำ Search Engine รู้จักเว็บเราได้เร็วมากขึ้น

ทั้ง 5 วิธีนี้ เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เองง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคการพัฒนาเว็บไซต์อะไรมากมาย เพียงแต่อาศัยการ เขียนและการวางข้อมูลลงไปในหน้าเว็บไซต์ที่มีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วมันจะมีเทคนิคและวิธีการเชิงลึกมากกว่านี้เยอะ ซึ่งต้องบอกว่า ความรู้เหล่านี้ เป็นเรื่องที่คนทำเว็บไซต์และคนค้าขายออนไลน์ควรศึกษา และติดตามอยู่ตลอดเวลา เพราะนั้นหมายถึง โอกาสการเพิ่มยอดขาย และเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ได้ไม่ยาก และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ แต่ยังไงก็ขอให้ลองทำดูนะครับ เพราะมันไม่ยากเลยครับ

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

เมื่อ หลายวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปฟังการการบรรยายของบริษัทที่ทำธุรกิจการตลาดเครือข่ายบริษัท หนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทจากต่างประเทศและเข้ามาเปิดดำเนินการได้เพียงประมาณ 1 ปีเท่านั้น และแผนการตลาดแนวใหม่ที่น่าสนใจ ผู้บรรยายก็เป็นผู้แทนจำหน่ายระดับสูงท่านหนึ่ง สิ่งที่บรรยายก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ทำงานด้านการตลาดเครือ ข่าย ผมจึงขอนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งสำหรับท่านที่สนใจและอาจจะนำไปเป็น ส่วนหนึ่งในแนวทางการทำงานได้

สำหรับผู้ที่สนใจหรือกำลังที่จะเข้า สู่วงการการตลาดเครือข่ายนั้น คงจะต้องทำความเข้าใจซะตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับว่า การทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเหมือนกับการที่คุณได้ทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ ไม่ใช่เหมือนการเปิดแผงขายสินค้าเล็ก ๆ ดังนั้นถ้าคุณได้ฟังใครพูดว่า “เพียงคุณทำงานวันละ 2-3 ชม. แนะนำคนมาสมัครเดือนละ 2-3 คน ซื้อสินค้าเดือนละ 3-4 พันบาท เพียงไม่กี่เดือนคุณก็จะรวยแล้วก็จะมีอิสระทั้งด้านเวลาและอิสระทางด้านการ เงิน” มันไม่ง่ายอย่างที่ว่าหรอกครับ แต่ก็ไม่ต้องตกใจหรือเสียขวัญจนเลิกล้มความตั้งใจนะครับ มันจะเป็นจริงได้ถ้าคุณมีความตั้งใจที่แน่วแน่และเตรียมตัวเตรียมใจในการทำ งานหนักในช่วงแรก ๆ การตลาดเครือข่ายไม่ใช่เครือง ATM ที่จะสามารถกดเงินด่วนได้ทันใจ

การเตรียมพร้อมเตรียมตัวเตรียมใจก็ เหมือนกับการที่คุณจะออกไปเพื่อแข่งกีฬา หรือทำสงครามเพื่อให้ได้ชัยชนะมาซึ่งก็เหมือนกับเป้าหมายในการพิชิตตำแหน่ง หรือรายได้จากธุรกิจนั่นเอง สิ่งที่คุณต้องพยายามสร้างให้เกิดขึ้นมี 4 ข้อใหญ่ ๆ ดังนี้

1. ฝันใหญ่ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญข้อหนึ่งของนักการตลาดเครือข่าย คนเราเกิดมาก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ไม่ว่าจะฝันเล็กฝันใหญ่ก็ต้องตายเหมือนกัน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการแข่งขันโอลิมปิค ทุกท่านคงไม่พลาดการลุ้นเหรียญทองของน้องอร วีรสตรีไทยเหรียญทองคนแรกของไทย เป็นเพราะเธอมีความฝันที่ยิ่งใหญ่กล้าที่จะเรียกน้ำหนัก กล้าที่จะออกไปสู้กับตัวเองต่อสายตาของคนทั้งโลกและหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ และในที่สุดเธอก็ทำได้ เห็นมั๊ยครับว่าเธอฝันใหญ่ขนาดไหน ข้อดีของการฝันใหญ่อีกประการหนึ่งก็คือ ถ้าคุณมีความฝันที่ใหญ่มาก และคุณทำได้เล็กกว่าที่ฝัน ก็ไม่เสียหายมากนัก แต่ถ้าไม่ฝันเลยก็ไม่ได้อะไรเลยใช่มั๊ยครับ

2. สมาธิและความแน่วแน่ อันนี้ก็สำคัญอีกเหมือนกันครับ ต้องมีความมุ่งมั่นมองไปข้างหน้า เปรียบกับม้าแข่ง ก่อนแข่งก็จะต้องมีการป้องด้านข้างของตาม้าเพื่อให้ม้ามองไปแต่เพียงข้าง หน้าเท่านั้นจะได้ไม่เสียสมาธิ ถ้าเปรียบกับกีฬาก็คงต้องยกตัวอย่างของภราดร นักกีฬาขวัญใจชาวไทยที่ระยะหลังอันดับโลกกำลังร่วงลงเรื่อย ๆ ผลการแข่งขันก็แพ้มากขึ้น ดูเหมือนกับว่าภราดรกำลังเสียสมาธิไป เวลาเล่นส่วนมากก็จะตีเสียเองมากขึ้น นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของภราดรในตอนนี้ก็คือ ตัวเอง ต้องมีสมาธิและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะตัวเองให้ได้ซะก่อน แต่ในขณะที่แทมมารีน นักเทนนิสหญิงของไทยกลับมีผลงานที่ดีขึ้นในระยะนี้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะแทมมี่กำลังอยู่ในช่วงที่มีสมาธิและมุ่งมั่นที่จะไปให้ ถึงเป้าหมายให้ได้ ยังไงก็แล้วแต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนไปให้ถึงดวงดาวเร็ว ๆ นะครับ เพื่อเป็นขวัญใจให้เด็กไทยได้เป็นตัวอย่างต่อไป

3. ทีมเวิร์ค อันนี้ก็สำคัญอีกแล้วครับท่าน การตลาดเครือข่ายนั้นผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็เหมือนกับเด็ก อัพไลน์มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือในช่วงแรก ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์คเหมือนกับเครืองจักรที่ต้องมีฟันเฟืองที่ต้อง หมุนไปพร้อม ๆ กันถึงจะทำงานได้ ถ้าเปรียบกับโอลิมปิคก็ต้องเปรียบกับการแข่งขันกระโดดน้ำคู่ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ยากมาก ลองคิดดูสิครับกระโดดคนเดียวก็ยากแล้ว นี่ต้องกระโดดพร้อมกันสองคนและต้องให้พร้อมกันอีกด้วยยากมั๊ก...มากครับ นักกีฬาชาติอื่นเช่นพวกยุโรปต่างก็พยายามที่จะใช้ท่ายากเพื่อให้ได้คะแนน ความยากมาก ๆ เมื่อท่าที่ใช้ยากการกระโดดเพื่อให้พร้อมกันก็ยากตามไปด้วย และรูปร่างก็ไม่ค่อยจะเท่ากันสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกันใหญ่ ในขณะที่นักกีฬาจีนมีความพร้อมและวางแผนมาดีกว่า คือ รูปร่างก็เลือกขนาดที่ใกล้เคียงกันทั้งความสูงและน้ำหนัก ท่าที่ใช้โดดก็เลือกที่ไม่ยากเกินไปคะแนนความยากถึงจะไม่มากนักแต่อาศัยความ พร้อมตั้งแต่การเดินออกมาเตรียมพร้อมที่กระดาน และความพร้อมในการกระโดด และก็ทำได้ดีด้วยนะครับ จนชนะใจกรรมการได้เหรียญทอง เห็นมั๊ยครับว่าทีมเวิร์คสำคัญเพียงใด

4. เล่นไม่เลิก กัดไม่ปล่อย อันนี้ก็สำคัญอีกแล้วหล่ะครับท่าน เราก็ทราบกันอยู่แล้วนะครับว่าธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องหมู ๆ เพราะฉะนั้นความไม่ย่อท้อสำคัญมากต้องไม่เลิกล้มความตั้งใจง่าย ๆ เหมือนจักรพรรดิ์มองโกลท่านหนึ่งที่แผ่อำนาจจากทะเลดำไปถึงตอนเหนือของแม่ น้ำคงคา ก่อนที่จะยิ่งใหญ่ก็เคยแพ้ข้าศึกมาก่อน อาณาจักรถึงกับล่มสลายจนตัวเองก็ต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ในรางหญ้าเพื่อหลบข้า ศึกไม่มีความกล้าหลงเหลือ มีอยู่วันหนึ่งก็เห็นมดตัวหนึ่งกำลังคาบเมล็ดข้าวโพดเพื่อที่จะข้ามสันดิน เล็ก ๆ แต่สำหรับมดแล้วก็เหมือนกำแพงสูงพอสมควร จักรพรรดิองค์นั้นก็มองดูอยู่ว่าเจ้ามดตัวนั้นจะทำอย่างไร มันคาบเมล็ดข้าวโพดนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่สำเร็จ คุณทราบมั๊ยครับว่ามันคาบไปแบบที่ไม่สำเร็จกี่ครั้ง ทั้งหมด 69 ครั้ง จนจักรพรรดิเอาใจช่วยลุ้นเต็มที่ในครั้งที่ 70 และแล้วก็สำเร็จครับ มันคาบผ่านไปได้ จักรพรรดิดีใจแทนมันจนกระโดดตัวลอย และก็ได้กลับมาคิดว่าแม้แต่เจ้ามดตัวนิดเดียวมันยังไม่คิดที่ยอมแพ้แม้ว่า มันจะล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม จึงได้ลุกขึ้นรวบรวมลูกน้อง แล้วก็กลับไปรบเพื่อชิงอำนาจและบ้านเมืองกลับคืน และก็ทำสำเร็จจนเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณ จะต้องล้มเหลวมากมายเหมือนเจ้ามดนั่นนะครับ ผมมั่นใจครับว่าถ้าคุณมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ มีสมาธิและความมุ่งมั่นแน่วแน่ มีการทำงานแบบทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม และเล่นไม่เลิก กัดไม่ปล่อย แล้วหล่ะก็ ไม่นานคุณจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตามฝันแน่นอนครับท่าน

7 ขั้นตอนของการสร้างพลังดึงดูด

7 ขั้นตอนของการสร้างพลังดึงดูด

การสร้างพลังดึงดูด
พลัง ดึงดูด คือ พลังแห่งเจตนารมณ์ของบุคคล เป็นพลังที่เกิดจากความคิดและความปรารถนาอย่างมุ่งมั่นแรงกล้า ที่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนก่อเกิดเป็นขุมพลังเข้มข้นแล้วเกิดการสั่นสะเทือน (Vibration) ออกไปดึงดูดเหตุการณ์ ผู้คน สิ่งของ หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบของเรื่องราวที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ตามที่เจ้าของเจตนารมณ์ ต้องการ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบของความบังเอิญ ความโชคดี ความสะดวก โอกาส ข้อมูล คำแนะนำ สัญชาตญาณ ลางสังหรณ์หรืออื่น ๆ ที่ไม่จำกัดรูปแบบ

7 ขั้นตอนของการสร้างพลังดึงดูด
1. สร้างพลังแห่งจินตนาการ : รู้ไหมว่า ความคิดคือพลังงานอันมหาศาล จงคิดและพูดแต่สิ่งที่ดีๆ หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย (คำพูดร้ายๆ จะนำสิ่งร้าย ๆ เข้ามาสู่ตัวเรา) จงจินตนาการถึงความสำเร็จที่เราต้องการ สร้างเป็นภาพในใจหรือนำภาพที่เราต้องการมาให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา
2. ติดต่อกับจิตใต้สำนึกด้วยการสะกดจิตตัวเอง : เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเราไม่บอกตัวเองและมีพลังอย่างแรงกล้าที่จะเชื่อว่า เราทำได้ จนความคิดนี้ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา เมื่อความคิดนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึกแล้ว จากนั้นเราจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่เราต้องการ
3. ชำระความคิด คำพูด และการกระทำอย่างสิ้นเชิง : ความคิด คำพูด การกระทำทุกสิ่งส่งผลโดยตรงต่อตัวเรา คนรอบข้าง ครอบครัว สังคม ประเทศ โลก รู้ไหมว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ทุกการกระทำ ความคิด คำพูดจะส่งผลต่อภาพรวมของโลก รู้อย่างนี้แล้ว ต้องคิด พูด และทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น สิ่งดี ๆ จึงจะเกิดขึ้น
4. ขจัดความสงสัย : อย่าสงสัย คลางแคลงใจเลยว่าจะเป็นไปได้หรือ จริงหรือ ให้รู้เถอะว่าเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด คือ การเกิดมาเป็นคนบนโลกนี้ ก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ต้องเป็นสักวันหนึ่ง ต้องเป็นไปได้
5. หลีกเลี่ยงการถูกสะกดจิตจากสภาพแวดล้อม : คำพูด ความคิด การกระทำโดยตัวเราที่ต้องระวังที่สุดแล้ว ยังต้องระวังคำพูด ความคิด และการกระทำด้านลบจากผู้คน สิ่งแวดล้อม ข่าวสาร หนังสือแย่ๆ ทุกสิ่งรอบตัวส่งผลกับเราทั้งสิ้น ต้องฉลาดที่จะเลือกเสพ สิ่งไม่ดีจะรับเข้ามาทำไมกัน
6. ปล่อยวาง : เมื่อทำดี คิดดี พูดดีแล้ว เราต้องปล่อยวาง เพื่อให้โอกาสกับพลังดึงดูดของเราให้มันทำงาน ยิ่งปล่อยวางเราจะยิ่งมีพลัง หายใจลึก ๆ ช้าๆ เราจะมีสมาธิ
7. ฉลองความสำเร็จ :ต้องรู้จักสร้างความชื่นชมตัวเองกับความสำเร็จทุกวันเพราะ Success Built Successes นั่นคือความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จะนำมาซึ่งความสำเร็จยิ่งใหญ่ ยังมีวิธีหากำไรง่ายๆที่แสนดี คือต้องรู้จักให้กำลังใจคนอื่นและชื่นชมคนอื่น แค่นี้ในแต่ละวันเราก็ได้ชื่นชมความสำเร็จมากมาย จนนับไม่ถ้วนแล้ว ทั้งยังเป็นการสร้างความสุขกับตัวเองและผู้อื่น เมื่อคนใกล้ตัวเรามีความสุข ก็ส่งผลให้เรามีความสุขด้วย

ความลับจิตวิทยาเบื้องต้น,และหลักการโฆษณาที่ดึงดูดคน

ความลับจิตวิทยาเบื้องต้น,และหลักการโฆษณาที่ดึงดูดคน

ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า นี้เป็นความลับที่สามารถประยุกต์ได้หลากหลายแบบไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว สามารถศึกษาเพิ่มเติมนอกจากนี้ได้ครับเพราะผมก็อ่านหนังสือหลายๆเล่มเหมือนกัน

ความลับทางจิตวิทยาที่จะทำให้คุณเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก

1. คนเราขี้เกียจ ต้องการอะไรที่ง่ายๆ เร็วๆ ถูกๆ ดีผู้คนต้องการเคล็ดลับ หรือ ทางลัด

2. กิจกรรมต่างๆและการตัดสินใจของผู้คนที่ทำไป ก็เพื่อให้ได้รับความสุขความสะดวกสะบาย หรือไม่ก็ หลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวด

3. คนเรามีความปรารถนาหนีความเจ็บปวด มากกว่าปรารถนาความสุข

4. หากคุณใส่ความเจ็บปวดหรือความกลัวเข้าไปในความคิดของเขาแล้วนำเสนอวิธีแก้ไขหรือทางออก ให้กับเขาแล้วเขาจะกระโจนเข้าใส่ข้อเสนอนั้นทันที เพราะมันคือ "สัญชาติญาณเอาตัวรอด"

5. คนเราต้องการจะเรียนรู้ในหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้ทำทั้งหมด

6. ผู้คนต้องการในสิ่งที่ยังไม่มี หรือทำไม่ต้อง เขาจึงได้รับแรงดึงดูดจากคนที่มีอยู่แล้ว
หรือเรียกสั้นๆว่า "ผู้นำ" เพราะฉนั้น คุณจงเป็นผู้นำ(ที่ดีด้วยนะจ้ะ)


หลักการโฆษณาคุณรู้มั้ยว่า หากอยากประสบความสำเร็จคุณต้องโฆษณาให้โดนแค่นั้นเองครับมันไม่เกี่ยวกับดวงหรือเวรกรรม หรือไสยศาสตร์อะไรเลย มันเป็นจิตวิทยาที่พิสูจน์ได้คนที่เป็นนักคิดโฆษณาตามทีวี ต่างรู้ความลับนี้ดี

1. อันดับแรกคือ เราต้องโฆษณาให้ดูเหมือนไม่ง้อผู้มุ่งหวัง
(มันจะทำให้ตัวเราดูมีค่ามหาศาลขึ้นมาทันทีหรือเป็นผู้นำ,ผู้คุมสถานการณ์นั้นเอง)

2. สำหรับโฆษณาแบบตัวอักษรให้คิดๆๆว่า ถ้าคุณไม่เคยรู้จักธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่เนี่ยคุณจะสนใจที่ส่วนไหน (ส่วนมากคนสนใจเรื่องรายได้ ที่มาแบบง่ายๆ)และหากคุณแต่งรูปเป็น ก็ยิ่งจะเพิ่ม%ได้มาก เพราะคนเราไม่ชอบอ่านเยอะ

3. ใช้หลักการจิตวิทยาด้านบน คือ
3.1 ดูตลาดความต้องการของผู้มุ่งหวังก่อน (ส่วนมากจะเป็นเงินหรือดีหน่อยคือผู้หญิงชอบเสื้อผ้า)
3.2 ใส่ความเจ็บปวดให้กับเขา (แต่ต้องเป็นเรื่องจริงๆ เช่น สถิติคนตกงาน ฯลฯ)
3.3 นำเสนอทางแก้ไข ซึ่งเป็นธรรมดาที่เขาจะกระโจนใส่ข้อเสนอนั้นทันที

4. ต้องเป็นนักเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะการโฆษณาเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัวแต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลย คือ ทุกคนมีความกลัว,ความเจ็บปวด ทุกคน

ตอนที่สิบ ข้อควรทำ

ตอนที่สิบ ข้อควรทำ

บางคนคิดแต่ไม่ทำ บางคนชอบทำโดยไม่คิด คุณควรจะอยู่ตรงกลาง
1) หยุดทุกอย่างแล้วพิจารณาว่าอะไรทำไปแล้วได้ผล อะไรทำไปแล้วไม่ได้ผล
2) มองหาความคิดใหม่ๆ
3) หาคนที่มีประสบการณ์ หรือที่เคยลงทุนแบบที่คุณสนใจ
4) สมัครเข้าสัมมนา อบรม หรือเรียนพิเศษ
5) เสนอราคา เพิ่มทางถอยไว้ด้วย ‘ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหุ้นส่วน’
6) เดิน วิ่งออกกำลัง หรือขับรถยนตร์ ผ่านบางพื้นที่สักเดือนละครั้ง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
7) เรียนรู้เรื่องการเล่นหุ้น
8 ) ทำไมผู้บริโภคจึงไม่รวย
9) หาให้ถูกที่
10) ผมมองหาคนต้องการซื้อก่อน แล้วจึงมองหาคนต้องการขาย
11) เรียนรู้จากประวัติศาสตร์
12) ลงมือทำได้แล้ว

ตอนที่เก้า เริ่มต้นอย่างไรดี

ตอนที่เก้า เริ่มต้นอย่างไรดี

บัญญัติ 10.ประการที่จะช่วยให้คุณมีพลัง
1] พลังใจ: เพื่อจะเอาชนะความจริงที่ขวางหน้า
- หลายคนอยากรวย แต่เมื่อหันมามองความจริงเขากลับท้อแท้ และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เป็นลูกจ้างขยันทำงานไปวันๆ ดูจะง่ายกว่าเยอะ
- ถ้าพลังความอยากของคุณยังไม่แรงกล้าพอ หนทางแห่งความเป็นจริงก็ยังอีกยาวไกล
- ถ้าคุณขาดพลัง ขาดความมุ่งมั่น อะไรๆ ในชีวิตก็กลายเป็นเรื่องยากไปหมด

2] เสรีภาพในการเลือก
- เมื่อมีเงินอยู่ในมือ คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตของคุณว่าจะเป็นคนรวย ชั้นกลาง หรือคนจน
นิสัยการใช้เงินสะท้อนให้เห็นตัวตนของเรา คนจนใช้เงินอย่างไม่ฉลาด
- หลายครอบครัวสูญเสียทรัพย์สินเมื่อตกมาถึงรุ่นลูก เพราะไม่เคยสอนให้ลูกหลานรู้จักวิธีดูแลรักษา
- คนจำนวนมากเลือกที่จะไม่รวย ส่วนใหญ่คิดว่ากว่าจะรวยเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา
มักชอบพูดว่า ‘ฉันไม่สนเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก’ ‘ไม่เห็นอยากรวยเลย’ ‘จะคิดให้ปวดหัวทำไม อายุยังน้อยแค่นี้’
‘ผมให้แฟนดูแลเรื่องเงิน ผมไม่ยุ่งหรอกครับ’
- คำพูดเหล่านั้นทำให้คุณสูญเสียประโยชน์ 2 อย่าง คือ เวลา & การเรียนรู้
- คุณมีสิทธิ์เลือกใช้เวลา ใช้เงิน และใช้สมองอย่างไรก็ได้
- ไม่มีเงิน ใช่ว่าคุณจะต้องหยุดการแสวงหาความรู้
- คนที่คิดว่าตนเองฉลาดแล้ว เก่งแล้ว มองอีกมุมหนึ่งคือคนที่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความผิดพลาด
- คน ฉลาดที่แท้จริง มักชอบฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะนำความคิดจากหลายๆ ด้านมาวิเคราะห์ประกอบเป็นความคิดใหม่ๆ ที่มีประโยชน์

3] เลือกคบเพื่อนด้วยความระมัดระวัง
- เพื่อนที่เป็นกลุ่มคนมีเงิน มักคุยแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องการลงทุน เรื่องเศรษฐกิจ
- ในกรณีที่คุณเล่นหุ้น บางครั้งก็จะมีข้อมูลวงในจากการพูดคุยกับเพื่อนกลุ่มนี้
- ใน ธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ หลักสำคัญที่ต้องจำไว้คือคุณต้องมีความมั่นใจในตนเองโดยไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เสียงข้างมาก กว่าจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งคนอื่นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปจนหมดแล้ว

4] สร้างสูตรและเรียนสูตรใหม่ๆ: ประโยชน์จากการเรียนให้เร็วที่สุด
- สูตรเดียวที่สอนเกี่ยวกับเรื่องเงินในโรงเรียน คือ ‘ทำงานเพื่อเงิน’
- ในสังคมปัจจุบัน ความได้เปรียบไม่ได้อยู่ที่คุณรู้อะไรแต่อยู่ที่คุณเรียนรู้สูตรใหม่ๆ ได้เร็วแค่ไหน

5] ชำระหนี้ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก: ประโยชน์จากการควบคุมตัวเอง
- ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คุณไม่มีวันรวย
- มี 3.ทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจของตนเอง ดังนี้
1) การบริหารกระแสเงินสด 2) การบริหารบุคคลากร 3) การบริหารเวลา
- นิสัยไม่ดีที่คนชั้นกลางชอบทำคือการแคะกระปุกแล้วเอาเงินออมมาชำระหนี้
- ถ้าอยากเป็นคนรวยต้องรู้ว่า เงินออมมีไว้เพื่อขยายช่องทรัพย์สิน ไม่ใช่มีไว้จ่ายหนี้

6] เลี้ยงนายหน้าของคุณให้ดี: ประโยชน์จากคำแนะนำที่ดี
- นายหน้าทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณ คอยติดตามสถานการณ์เพื่อคุณจะได้มีเวลาไปตีกอล์ฟ
- เชื่อหรือไม่ว่าคนจำนวนมากให้ทิปพนักงานเสริฟอาหารร้อยละ 15~20 ทั้งๆ ที่บริการไม่ได้ประทับใจนักหนา
แต่กลับลังเลที่จะจ่ายค่านายหน้าเพียงร้อยละ 3~7
- ทำไมเราทิปคนในช่องรายจ่าย มากกว่าคนในช่องทรัพย์สิน

7] จงเป็นผู้ให้: ประโยชน์จากการได้เปล่า
- นัก ลงทุนที่ฉลาดควรมองหาอะไรที่มากกว่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน นั่นคือทรัพย์สินที่ได้หลังจากได้เงินลงทุนครบถ้วนแล้ว นี่แหละคือไหวพริบทางการเงิน

8] ทรัพย์สินซื้อความฟุ่มเฟือย: ประโยชน์จากการ ‘โฟกัส’

- เริ่ม สอนลูกหลานและคนที่คุณรักเรื่องไหวพริบทางการเงินเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าขาดไหวพริบทางการเงิน เงินจะฉลาดกว่าคุณ เพราะคุณอาจต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิต

9] ความจำเป็นต้องมีพระเอกในดวงใจ: ประโยชน์ของจินตนาการ
- วิธีนี้ทำให้ผมมีพลังพิเศษ เหมือนแรงดลใจที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้

10] สอนผู้อื่นแล้วคุณจะได้รับตอบแทน: อานิสงส์แห่งการให้
- ผมต้องการมีเครือข่าย ผมแนะนำให้คนโน้นรู้จักกับคนนี้ ในทีสุดผมก็มีเครือข่ายกับคนจำนวนมาก
- ไม่ว่าจะเป็นเงิน ลูกค้า ความรัก ความสุข ธุรกิจ คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้ ถ้าไม่มีใครยิ้มให้ผม ผมก็จะยิ้มให้เขาก่อน

ตอนที่แปด ฟันฝ่าอุปสรรค

ตอนที่แปด ฟันฝ่าอุปสรรค
แม้ ว่าจะมีความรู้และไหวพริบทางการเงิน แต่บางคนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถทำให้ช่องทรัพย์สินโตขึ้นเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากพอได้ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก
1) ความกลัว
2) ความคิดด้านลบ
3) ความขี้เกียจ
4) นิสัย
5) ความหยิ่งทะนงตน

สาเหตุข้อที่หนึ่ง:ต้องเอาชนะความกลัวว่าจะต้องเสียเงิน
- ถ้ามีเงินน้อยแต่อยากรวย สิ่งที่คุณต้องทำคือ "โฟกัส"

สาเหตุข้อที่สอง:ขจัดความคิดด้านลบ
- ความกลัวโดยไม่มีเหตุผลทำให้เรากลายเป็นคนที่มองเห็นแต่ข้อเสีย

สาเหตุข้อที่สาม:ความขี้เกียจ
- พ่อรวยสอนให้พูดว่า "ทำอย่างไรจึงจะซื้อได้" ห้ามพูดว่า "ไม่มีปัญญาซื้อ"
- คำว่า "ไม่มีปัญญา" จะก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าหมอง,คำว่า ‘ทำอย่างไร’ สร้างความกระตือรือร้น ความตื่นเต้น ต้องคิดเพื่อหาคำตอบ
- หากปราศจากกิเลศ ขาดความต้องการที่จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้น โลกจะพัฒนาได้อย่างไร
- คราวนี้เมื่อใดที่คุณพบว่าตนเองกำลังหลีกเลี่ยงสิ่งที่ควรกระทำก็ให้ถามตัวเองว่า ‘แล้วเราจะได้อะไรจากการกระทำ
นี้บ้าง’
เติมความอยากลงไปสักนิด จะได้ขจัดเอาความขี้เกียจออกไปจากตัวคุณได้

สาเหตุข้อที่สี่:อุปนิสัย
- พ่อจน มักจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน เหลือเท่าไรจึงให้ตัวเอง
- พ่อรวยสอนว่า ควรจ่ายให้ตัวเองก่อน ทีนี้ก็จะมีความกดดันที่จะต้องหาเงินมาจ่ายภาษีและเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้ ความกดดันนี้จะทำให้คุณคิดหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น และทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เจ้าหนี้มาโวยวายใส่หน้าคุณได้
- ถ้าจ่ายให้ตัวเองหลังสุด ไม่มีความกดดันก็จริง แต่จะไม่มีอะไรเหลือเลย

สาเหตุข้อที่ห้า:ความหยิ่งทะนงตน
- ความรู้ทำให้ได้เงิน ความไม่รู้ทำให้เสียเงิน
- จงขวนขวายหาความรู้จากหนังสือ หรือจากผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ

ตอนที่เจ็ด บทเรียนที่-6 ทำงานเพื่อเรียนรู้ - อย่าทำงานเพื่อเงิน

ตอนที่เจ็ด บทเรียนที่-6 ทำงานเพื่อเรียนรู้ - อย่าทำงานเพื่อเงิน

- ผมอยากแนะนำให้คุณทำงานเพื่อประสบการณ์ & การเรียนรู้ที่คุณจะได้รับ มากกว่าเพื่อผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน และให้มองไปข้างหน้าว่าคุณยังขาดทักษะด้านใด แล้วเสาะแสวงหาเพิ่มเติม

- สำหรับคนที่ลังเลใจว่าจะออกแรงแสวงหาทักษะใหม่ๆ ดีหรือไม่ ผมอยากให้คิดถึงเวลาที่คุณไปออกกำลังกาย ตอนที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจว่า ‘จะไปดีหรือไม่’ ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว ที่เหลือสบายมาก ระหว่างออกกำลังกายคุณจะรู้สึกมีความสุข มีความภูมิใจในตัวเอง และเมื่อออกกำลังกายเสร็จคุณจะรูสึกดีใจที่ได้ตัดสินใจถูกต้อง

ตอนที่หก บทเรียนที่-5: วิธีทำเงินของคนรวย

ตอนที่หก บทเรียนที่-5: วิธีทำเงินของคนรวย

- ในชีวิตจริง คนกล้ามักจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่มีแต่ความฉลาด
- ถ้าจะเก่งเรื่องเงิน คุณต้องมีทั้งความรู้และความกล้า
- ถ้าคุณมีความรูเรื่องเงิน คุณก็มีโอกาสจะเจริญก้าวหน้าไปอีกไกล แต่ถ้าคุณไม่รู้ โลกนี้จะเป็นโลกที่น่ากลัวสำหรับคุณ
- เมื่อ 300 ปีก่อน เจ้าของที่ดินคือเจ้าของขุมทรัพย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นเจ้าของโรงงานและการผลิต ในปัจจุบันเป็นยุคของการสื่อสารข้อมูลไร้พรมแดน ใครมึขอมูลมากที่สุดและทันสมัยที่สุดคือเจ้าของขุมทรัพย์
- เกมส์ กระแสเงินสด ช่วยให้ผู้เล่นรู้จักวิเคราะห์ทางเลือก เช่น ถ้าหยิบได้เรือหมายถึงคุณต้องมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการซื้อเรือนั้นมา คำถมคือ ‘แล้วคุณจะทำอย่างไร’
- ผมดูคนเล่นเกมส์มากว่าพันคน ส่วนมากคนที่ออกจาก ‘สนามแข่งหนู’ ได้สำเร็จและเร็วที่สุด คือคนที่มีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องตัวเลข & มีความคิดสร้างสรรค์ เขาสามารถมองเห็นตัวเลือกต่างๆ ได้ในทันที
- เงินเล็กน้อย ย่อมกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ ถ้าคุณมีไหวพริบทางการเงิน


ไหวพริบทางการเงิน ประกอบด้วยทักษะ 4.ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1] ความเข้าใจ & ความสามารถในการอ่านตัวเลข
2] กลยุทธ์ในการลงทุน - ศิลปะในการใช้เงินทำงาน
3] การตลาด - อุปสงค์ & อุปทาน
4] กฎหมาย & กฎเกณฑ์ - ความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบทางบัญชี

อย่าลืมเอากฎหมายเรื่องภาษีมาใช้ให้มากที่สุด
- มีนักลงทุนอยู่ 2 ประเภท พวกแรกชอบลงทุนแบบตรงไปตรงมา อีกพวกชอบพลิกแพลงสร้างสรรค์
กว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทชอบสร้างสรรค์ได้ จะต้องหมั่นฝึกฝนนานวันด้วยทักษะต่างๆ ดังนี้
1> ทำอย่างไร จึงจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
2> ทำอย่างไร จึงจะได้เงินมาทำทุนโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
3> ทำอย่างไร จึงจะได้คนฉลาดมาเป็นลูกจ้าง

ตอนที่ห้า บทเรียนที่-4: ภาษี & ประโยชน์ของนิติบุคคล

ตอนที่ห้า บทเรียนที่-4: ภาษี & ประโยชน์ของนิติบุคคล

- บริษัทเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา แล้วรายจ่ายบางอย่างได้รับการยกเว้นภาษีด้วย
ทุกครั้งที่ผมจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ จะกล่าวถึงหลักสำคัญของไหวพริบทางการเงิน 4 อย่าง ดังนี้

1. ความรู้ทางบัญชี - อ่านงบการเงินให้เป็น
2. ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน - ศิลปะของการใช้เงินทำงาน
3. ความเข้าใจตลาด - อุปสงค์และอุปทานในตลาด
4. ความรู้เรื่องกฎหมาย

-คนรวยที่มีบริษัท
มักทำดังนี้ 1) รายได้ 2) รายจ่าย 3) เสียภาษี

-ส่วนลูกจ้างของบริษัท
มักทำดังนี้ 1) รายได้ 2) เสียภาษี 3) รายจ่าย

ตอนที่สี่ บทเรียนที่-3: เพิ่มทรัพย์สิน – ทำธุรกิจของตนเอง

ตอนที่สี่ บทเรียนที่-3: เพิ่มทรัพย์สิน – ทำธุรกิจของตนเอง

เรย์ คร๊อก ผู้ก่อตั้งร้านแมคโดนัลเล่าให้นักศึกษาปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยออสติน ว่าตามแผนธุรกิจแล้วเขาขายเฟรนไชด์ของแมคโดนัล แต่มีเงื่อนไขที่ระบุถึงทำเลที่เหมาะสมด้วย ดังนั้นคนที่ซื้อเฟรนไชด์ไปจะต้องซื้อทำเลทองด้วย นั่นคือเรย์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

- อุปสรรค์ทางการเงินส่วนหนึ่ง มาจากการที่เรายอมทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต
- ถ้าไม่เอารายได้มาซื้อทรัพย์สิน คุณก็จะยังคงไม่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่ต่อไป
- รากฐานของคนชั้นกลางคือไม่กล้าเสี่ยง ทำให้ยึดติดอยู่กับเงินเดือนและงานที่ทำอย่างเหนียวแน่น เพราะที่นั่นเขารู้สึกว่า ‘ปลอดภัย’
- หลายคนไม่เคยคิดถึงข้อแตกต่างระหว่าง ‘อาชีพ’ & ‘ธุรกิจ’
- คำถาม ‘คุณทำธุรกิจอะไร’ ‘คุณทำอาชีพอะไร’


ทรัพย์สินที่ผมแนะนำให้คุณสนใจไขว่คว้า & สอนลูกหลานให้รู้จัก ดังนี้

1. ธุรกิจที่ผมไม่ต้องนั่งเฝ้า เป็นเจ้าของแต่มีคนมาจัดการให้ดำเนินกิจการไปได้
2. หุ้น
3. พันธบัตร
4. กองทุนรวม
5. อสังหาริมทรัพย์
6. ตั๋วเงิน
7. ค่าลิขสิทธิ์จากเพลง จากงานแต่งหนังสือ จากงานแปล จากสิทธิบัตรต่างๆ
8. สิ่งอื่นที่มีมูลค่า สามารถสร้างรายได้หรือเพิ่มมูลค่าด้วยตัวมันเอง

- ผมแนะนำให้คุณทำงานประจำไป แล้วค่อยๆ สร้างธุรกิจด้วยการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ใส่ลงในช่องทรัพย์สินจงอย่าให้ไหลออกมา ให้เงินนั้นทำงานให้คุณ
- จงมุ่งมั่นทำงานประจำให้เต็มที่ พร้อมๆ กับสร้างช่องทรัพย์สินของคุณให้ใหญ่โตขึ้น
- คนรวยซื้อความสบายทีหลัง แต่คนชั้นกลางมักซื้อความสบายก่อน
- คนรวยจะสร้างช่องทรัพย์สินให้ใหญ่โตพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา แล้วจึงนำรายได้นั้นไปซื้อความสะดวกสบายอีกที

ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ

ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ
- การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป
- พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน

กฏข้อที่-1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน

- คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน
- ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น
- ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า
- พ่อของไมค์ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ความรู้เรื่องการเงินทำให้เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
“ คนที่ฉลาด ต้องรู้จักจ้างคนที่ฉลาดกว่ามาเป็นลูกจ้าง “
- โรงเรียนมีไว้ผลิตลูกจ้างที่ดี ไม่ได้มีไว้ผลิตนายจ้าง
- พ่อจนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน พ่อรวยมองว่าบ้านเป็นหนี้สิน
- เครื่องวัดฐานะทางการเงินคือ ถ้าเราหยุดทำงานวันนี้ เราจะมีเงินประทังชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด
- เป้าหมายชีวิตของผมคือ การมีอิสระจากภาระทางการเงินทั้งปวง
- สมมติว่าผมมีทรัพย์สินที่ทำเงินได้เดือนละ 2000 เหรียญ และมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2000 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือนถึง 30 วัน
- ขั้นต่อไปคือ การนำรายได้จากทรัพย์สินกลับไปลงทุนในช่องหนี้สิน เพื่อขยายขนาดช่องทรัพย์สินให้โตขึ้น

ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน

ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน
ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
- ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน
- การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต
- อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ

ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์
- ต้องหางานทำให้ได้
- ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน
- ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน
- ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ
- ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น
- หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ
- เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่
- ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ
- จำ ไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำ งาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า "มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย"

ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
- ทุกคนต้องทำงาน
- คนรวยขี้โกง
- ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก
- ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง

ความคิดที่ใช้สมอง
-ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า

ตอนที่หนึ่งพ่อรวย – พ่อจน

ตอนที่หนึ่งพ่อรวย – พ่อจน

พ่อทั้งสองของผู้เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก

พ่อจน
ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน
เรียนมากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง
พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก
ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว
เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน
บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด
ชำระหนี้เป็นอันดับแรก
ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน
สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ
ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่
เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ
พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน

พ่อรวย
การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ
เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง
พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก
ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว
ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง
บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน
ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย
ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน
สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน
คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก
เงิน คืออำนาจ
เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา
เงิน ทำงานให้พ่อ

“ Rich Dad Poor Dad “ by Robert T.Kiyosaki สรุป10 ตอน

“ Rich Dad Poor Dad “ by Robert T.Kiyosaki

พ่อแท้ๆ ของผู้เขียน มีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Poor Dadผู้ เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ ไมค์ และพ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในกิจการหลายๆ อย่าง จนมีอาณาจักรที่ใหญ่โต ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Rich Dad

อ่านบทความพ่อรวยสอนลูกต่อจากนี้ไป10ตอน

ผู้หางานต้องระวัง! กลโกงนานาชนิด

ผู้หางานต้องระวัง! กลโกงนานาชนิด
ปัจจุบันในสังคมเรามีภัยรอบด้านไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่กำลังหางานอยู่ เพื่อให้ตัวเราเองไม่เป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ลองมาศึกษาวิธีการของเหล่ามิจฉาชีพเหล่านี้ เพื่อเป็นอุทาหร เตือนใจให้ระวังตัว และเตือนผู้ใกล้ชิดจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อการทุจริตเหล่านี้

กลโกงแรกนี้อาจไม่ทำให้เสียเงิน หรือทรัพย์สิน แต่ก็เสียเวลา และเสียความรู้สึกไปมากทีเดียว โดยบริษัทจะลงประกาศรับพนักงานในตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บัญชี การเงิน การตลาด ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ เมื่อผู้สมัครสนใจทางบริษัทมักจะให้เข้าไปกรอกใบสมัคร และสัมภาษณ์ เหตุการณ์ก็ดูปกติ กรอกใบสมัคร และสัมภาษณ์ แต่ช่วงท้ายการสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์มีข้ออ้างต่างๆ เช่น ตำแหน่งที่สมัครเต็มแล้ว มาเป็นข้ออ้างแล้วถามว่าเราจะต้องการเปลี่ยนไปทำงานขายหรือไม่ ซึ่งหลายคนก็คงไม่อยากทำงานขาย แต่หลายคนอาจตอบรับงานขายไป ซึ่งโดยความจริงแล้วบริษัทเหล่านี้จะรับเฉพาะพนักงานขายเท่านั้น และในบางที่เป็นพนักงานขายแบบอิสระด้วย คือไม่ได้เงินเดือนได้แต่ค่าคอมมิชชั่น หรือได้เงินเดือนน้อยๆ บางที่อาจเรียกว่าค่าพาหนะ หรือค่าเดินทาง อีกจำพวกหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน คือ ประกาศรับในตำแหน่งปกติ แต่พอเข้าไปที่บริษัทเพื่อกรอกใบสมัคร และสัมภาษณ์ กลับกลายเป็นการเข้าไปนั่งฟังบรรยายของบริษัทขายตรง ซึ่งบางครั้งเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่เสียด้วยซ้ำ (อ่านบทความเรื่อง การสังเกตว่าบริษัทใดเป็น MLM หรือ แชร์ลูกโซ่ เพื่อความเข้าใจเรื่องแชร์ลูกโซ่)

วิธีแก้ป้องกันง่ายๆ คือ ให้ถามทางโทรศัพท์ให้ชัดเจนว่าเป็นงานอะไร รายละเอียดเป็นอย่างไร มีหน้าที่อะไรบ้าง ถ้าตอบไม่ได้ ตอบไม่ชัด หรือตอบแบบครอบจักรวาลเกินไป ก็สันนิฐานได้ว่า อาจเข้าข่ายนี้ ก็ลองตัดสินใจดูว่าจะเข้าไปไหม ถ้าว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็อาจแวะไปแก้เบื่อก็ได้ครับ

การเก็บเงินค่าสมัคร ค่าเอกสาร หรือค่าดำเนินการอะไรก็ตาม ซึ่งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะทำเหมือนต้องการรับพนักงาน หรือบางทีก็ทำตัวเป็นนายหน้าหางาน และใช้ข้ออ้างใดข้ออ้างหนึ่งในการเก็บเงิน อาจเป็นจำนวนไม่มาก อาจไม่กี่ร้อยบาทแต่นั่นแหละครับ ถ้าวันหนึ่งมิจฉาชีพเปล่านี้หลอกคนมาสมัครวันละซัก 100 คนก็จะสามารถหลอกลวงเงินประชาชนได้วันละเป็นหมื่นทีเดียว

วิธีป้องกันก็ง่าย แสนง่ายครับ อย่าจ่ายเงินเป็นอันขาด ถ้าไปสมัครงานที่ใดแล้วถูกเรียกรับเงินไม่ว่าจะเป็นค่าอะไรให้ตั้งข้อสงสัย ไว้ได้ว่าอาจเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง ส่วนบริษัทที่ทำตัวเป็นนายหน้านั้นให้ลองตรวจสอบกับกรมจัดหางานกระทรวงแรง งาน และสวัสดิการสังคม (http://www.doe.go.th/) ก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีครับ



ที่มา http://www.thaiparttime.com/a10041.php

อันดับคนรวยที่สุดของโลก

อันดับคนรวยที่สุดของโลก

เป็น ประจำทุกปีที่นิตยสาร “ฟอร์บส์” นิตยสารด้านเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานผลการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีทั่วโลก ซึ่งในปี 2550 ผลการจัดอันดับ เปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.)

ปรากฏว่านายบิล เกตส์ วัย 51 ปี ชาวสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ยังครองแชมป์เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 13 มีทรัพย์สินรวม 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1,960,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับ 2 ยังคงเป็นนายวอร์เรน บัฟเตต์ วัย 76 ปี ชาวสหรัฐฯ ประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธอะเวย์ อินคอร์ปอเรชั่น มีทรัพย์สิน 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,820,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับ 3 ได้แก่นายคาร์ลอส สลิม เฮลู วัย 67 ปี ชาวเม็กซิกัน เจ้าพ่อวงการสื่อสารโทรคมนาคม มีทรัพย์สินรวม 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,715,000 ล้านบาท

อันดับ 4 นายอินกวาร์ แคมพ์ราด วัย 80 ปี ชาวสวีเดน และครอบครัว ผู้ก่อตั้งบริษัทไอเกีย มีทรัพย์สินราว 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,155,000 ล้านบาท

อันดับ 5 ได้แก่ นายลักษมี มิตทาล วัย 56 ปี ชาวอินเดีย เจ้าของธุรกิจเหล็กรายใหญ่ของโลก มีทรัพย์สิน รวม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,120,000 ล้านบาท

ครองอันดับ 6นายเชลดอน อะเดลสัน วัย 73 ปี ชาวสหรัฐฯ เจ้าของธุรกิจบ่อนคาสิโน โรงแรม มีทรัพย์สินรวม 26,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 927,500 ล้านบาท

อันดับ 7 นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ วัย 58 ปี ชาวฝรั่งเศส ประธานบริษัทแอลวีเอ็มเอ็น มีทรัพย์สินรวม 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 910,000 ล้านบาท

อันดับ 8 นายแมนซิโอ ออร์เตกา วัย 71 ปี ชาวสเปน ประธานบริษัทซารา มีทรัพย์สินรวม 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 840,000 ล้านบาท

อันดับ 9 นายลี กา-ชิง วัย 78 ปี ชาวฮ่องกง ผู้ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีทรัพย์สินรวม 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 805,000 ล้านบาท

และอันดับ 10 นายเดวิด ธอมสัน ชาวแคนาดาและครอบครัว ได้รับมรดกมีทรัพย์สินรวม 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 770,000 ล้านบาท

สำหรับคนไทยที่ติดอันดับความร่ำรวยของนิตยสารฟอร์บส์ ยังคงเป็น 3 มหาเศรษฐีคนดัง
คือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 62 ปี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้างและอื่นๆ ความร่ำรวยอยู่ที่อันดับ 264 มีทรัพย์สินรวม 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 119,000 ล้านบาท ร่วงจากอันดับ 214 ของปีที่แล้ว
นายเฉลียว อยู่วิทยา วัย 75 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ติดอันดับ 279 มีทรัพย์สินรวม 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 108,500 ล้านบาท จากอันดับ 292 ของปีก่อน และ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ วัย 67 ปี เจ้าของกลุ่มธุรกิจเครือซีพี ติดอยู่ที่อันดับ 390 มีทรัพย์สินรวม 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 84,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วอยู่ที่อันดับ 317

ฟอร์บส์ระบุว่า ในปี 2550 อภิมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 946 คน ทำให้ยอดทรัพย์สินโดยสุทธิเพิ่มขึ้น 35% หรือจำนวน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ในปีนี้มีเศรษฐีหน้าใหม่ถูกจัดอันดับโลก จำนวน 178 คน อาทิ นายโฮวาร์ด ชูลตซ์ เจ้าของร้านกาแฟชื่อดัง สตาร์บัคส์ อยู่ที่อันดับ 840 มีทรัพย์สินรวม 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 38,500 ล้านบาท นายไมเคิล ไอส์เนอร์ อดีตเจ้าของสวนสนุกวอลต์ ดิสนีย์ อยู่ที่อันดับ 891 มีทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท และนางหยาง ชุง ประธานบริษัทกระดาษไนน์ ดรากอนส์ เปเปอร์ ของจีน และเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในจีน อยู่ที่อันดับ 390 มีทรัพย์สินรวม 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับอันดับของนายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวเครือซีพี

นายสตีฟ ฟอร์บส์ บรรณาธิการนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวว่า การที่มหาเศรษฐีทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเคลื่อนตัวอย่างรวด เร็ว แสดงให้เห็นการเติบโตของธุรกิจประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค ความเจริญรุดหน้าด้านเทคโนโลยีและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนตัวลง ผู้คนจำนวนมากขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าก่อน ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การบูมของสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ทำให้ประชาชนทั่วโลกหลายร้อยล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่กระเตื้อง แน่นอนว่าต้องมาจากเทคโนโลยีด้วย

ขณะเดียวกัน ลุยซา ครอลล์ บรรณาธิการร่วมนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ร้อนฉ่าสำหรับภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ มหาเศรษฐีในอินเดียมีจำนวนเพิ่มเป็น 36 คน โค่นแชมป์เก่าชาติญี่ปุ่นลงไปได้ โดยญี่ปุ่นมีมหาเศรษฐีเพียง 24 คน แต่หากนำเศรษฐีในจีน 20 คน และฮ่องกง 21 คน มารวมกันแล้ว จะทำให้มีจำนวนถึง 41 คน มากกว่าอินเดีย เช่นเดียวกับสเปนและรัสเซีย ก็มีเศรษฐีหน้าใหม่จำนวนไม่น้อย โดยสเปนมีเพิ่ม 10 คน รัสเซียเพิ่ม 19 คน อย่างไรก็ดี ฟอร์บส์ให้ระมัดระวังการประเมินทรัพย์สินในรัสเซีย เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ยังอยู่ในสถานะไม่มั่นคงนัก ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ชาติที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ ตุรกี ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล

รายงานข่าวยัง ระบุด้วยว่า อายุโดยเฉลี่ยของบรรดาอภิมหาเศรษฐีปีนี้ อยู่ที่ 62 ปี สตรีที่ร่ำรวยที่สุดของโลกได้แก่ นางลิเลียน เบตเทนคอร์ต วัย 84 ปี ชาวฝรั่งเศส บุตรสาวยูจีน ชูลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทลอรีอัล โดยอยู่ที่อันดับ 12 มีทรัพย์สินรวม 20,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 724,500 ล้านบาท ส่วนมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุด ได้แก่ นายอัลเบิร์ต วอน วัย 23 ปี ชาวเยอรมัน ทายาทมรดกทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 70,000 ล้านบาท อยู่ที่อันดับ 488 ปัจจุบันอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูล เมืองรีเกนสเบิร์กและไม่เคยทำงาน

คอร์สวันที่ 7สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร

คอร์สวันที่ 7สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร

ภารกิจแรกที่คุณต้องทำ

คุณตัดสินใจแล้วใช่ไหมที่จะเป็น ALPHA (ผู้นำ)ในวันที่ผมตัดสินใจที่จะเป็น ALPHAก็ไม่แตกต่าง..อะไรจากคุณในวันนี้..
สิ่งที่ผมจะบอกคุณก็คือ....สิ่งที่ALPHA ทุกคนต้องทำเป็นอันดับแรกเพื่อปูรากฐานโครงสร้างเครือข่ายของเราให้มีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือ ตามหา ALPHA อีก 5 คนไม่ว่าแผนการรับรายได้ของแต่ละบริษัท..จะเป็นยังไงนั้น..สิ่งสำคัญที่สุดของการวางแผนสร้างเครือข่ายนั้นก็คือ..

คุณต้องมีผู้นำถึง5คน คุณจึงจะมั่นใจได้ว่าคุณจะไปถึง..อิสรภาพทางการเงินของคุณแน่นอน..เพราะลำพังตัวคุณคนเดียวคงไม่อาจดูแลเครือข่ายของคุณได้ทั่วถึง..ก่อนอื่นเลยคุณต้องหาผู้นำที่แท้จริงเหมือนตัวคุณก่อน 5 คน..รวมตัวคุณเองด้วยเป็น 6คน จากนั้นช่วยกันพัฒนาบุคคลในองค์กร..


- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์

ผมหวังว่าคุณคงไม่ตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาด... เพราะผมก็ได้บอกในสิ่งที่ผมควรจะบอกไปหมดแล้ว.. อยู่ที่ตัวคุณเองเท่านั้น..
ถ้าหากคุณอยากจะรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของการสร้างธุรกิจเครือข่าย ผมแนะนำให้คุณไปศึกษา ได้ในหนังสือเพราะหนังสือเล่มนี้มีวิธีสร้างระบบธุรกิจเครือข่ายที่แท้จริง อย่างสมบูรณ์ด้วยวิธีนี้มันอาจไม่ง่ายนักที่จะหาคนที่เหมือนคุณ แต่ด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคัดกรองคนที่จะเข้ามาร่วมธุรกิจกับ คุณเครือข่ายของ คุณจะมีแต่คนที่มีประสิทธิภาพ มีแต่คนที่ทำงานแบบจริงจังมีแต่คนที่มุ่งมั่น เท่านั้น ถึงจะเข้ามาได้เพราะฉะนั้นในช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย

ในการตามหาผู้นำที่แท้จริงเหมือนตัวคุณ จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับว่าคุณมีการตลาดหรือการออกโปรโมชั่นอย่างไร และเมื่อคุณได้ตามหาผู้นำครบทั้ง 5 คนแล้วเมื่อนั้นล่ะครับคือจุดเริ่มต้นอิสรภาพทางการเงินของคุณต่อจากนั้นไปก็คือการพัฒนาบุคคลในองค์กรของคุณ คุณต้องช่วยผู้นำทั้ง 5 ของคุณ.ให้เขาทำเหมือนคุณให้ได้ที่สำคัญก็คือ

"คุณต้องช่วยเขาสร้างเครือข่ายของเขาให้ได้"(ทั้ง 5 คน ด้วยวิธีของคุณ)"คุณสามารถอยู่ในโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลกมีโปรดักท์และแผนรายจ่ายที่ ดีที่สุดในโลก แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะไม่มีความหมายเลยถ้าคุณไม่สามารถสปอนเซอร์ใครได้หรือ ไม่สามารถสร้างระบบที่แท้จริงในการดึงดูดผู้คนมาสู่องค์กรของคุณเอง"-ไมค์ ดิลลาร์ด

มีวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่ายที่แท้จริงลงลึกถึงการปฏิบัติทีละขั้นตอนอย่างละเอียด..ในการดึงดูดผู้คนให้เข้ามาร่วมธุรกิจกับคุณ
โดยที่คุณไม่ต้องไปง้อใคร..ถ้าอยากรู้ว่าผมทำธุรกิจอะไร..ก็ให้ติดต่อผมโดยตรงทางโทรศัพท์ หรือทางอีเมล์ก็ได้ครับ
คุณรู้สึกอุ่นใจไหมที่มีผมเป็นอัฟไลน์ของคุณ เครือข่ายของผมนั้น ไม่ใช่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่เก่ง คุณสามารถปรึกษาได้ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายของผม คุณมั่นใจได้เลยว่า ถึงไม่มีผมคุณก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ คนที่เข้ามาก่อนคุณไม่กี่วัน เขาก็ให้คำปรึกษากับคุณได้อย่างเชี่ยวชาญคุณหรือเขาก็ทำได้เช่นเดียวกันแม้ จะเข้ามาก่อนหรือหลังก็ตามเพราะผมมีวิธีการพัฒนาบุคคลในองค์กรของผม ด้วยการเลียนแบบทำซ้ำที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด ประหยัดที่สุดเจ็บปวดน้อยที่สุด เพื่อรอเวลาจนกระทั่งไปถึง"อิสรภาพทางการเงินของคุณ"

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือเรียนรู้จากผม
"ขุนศึก"ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่ง"ขุนพล"เสมอไป
"ผู้นำ"มีความคิดแตกต่างกันเสมอ
คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผม
เพราะระดับผู้นำอย่างเรา
มีความคิดเป็นของตัวเองเสมอ
ผมเข้าใจดี..


สักวันหนึ่งเราคงได้พบกันเป็นเกียรติ์ของผมที่ได้รู้จักALPHAทุกท่าน

คอร์สวันที่ 6การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย

คอร์สวันที่ 6การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย

สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก่อนที่จะทำธุรกิจเครือข่าย

อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วในบทที่ผ่านมาว่าการตัดสินใจด้วยอารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดใหญ่หลวงไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครือข่ายแบบใดคนที่ประสบความสำเร็จได้ก็ใช้หลักการเดียวกัน..อย่างที่เราได้เรียนรู้มาแล้วใน 5 วันที่ผ่านมา..เพราะฉะนั้นคุณต้องทิ้งอารมณ์ตื่นเต้นที่เห็นโอกาสทางธุรกิจนั้นไปซะก่อนแล้วหันมาเตรียมตัวก่อนที่จะทำธุรกิจเครือข่ายนี้ดีกว่า..สิ่งสำคัญที่คุณต้องเตรียมตัว
ก่อนทำธุรกิจเครือข่ายก็คือศึกษาระบบ


1.คิดวิธีการสร้างกระแสเงินสดหมุนเวียน
2.เรียนรู้การสร้างระบบที่หารายชื่อผู้มุ่งหวังของคุณมันเป็นเรื่องเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์มันเป็นเครื่องมือที่หาผู้มุ่งหวังที่แท้จริงของคุณให้เขาเดินเข้ามาหาคุณเองทำงานแทนคุณตลอด 24 ชม.ใน 7วันศึกษารายละเอียดได้ที่หนังสือของผม

- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์

หากคุณคิดว่าตัวคุณเองไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 ข้อนี้สิ่งที่คุณทำอยู่นั้นก็ยังไม่ใช่ระบบที่แท้จริงแสดงว่าคุณยังไม่พร้อม
ที่จะทำธุรกิจเครือข่ายแบบนี้อย่าเพิ่งตัดสินใจลงทุนสมัครกับบริษัทใดๆมิฉะนั้นคุณจะพบกับความล้มเหลวแน่นอน
ได้แง่คิดและไอเดียหลายอย่างแล้วใช่ไหมครับ..มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะ ประสบความสำเร็จได้..แต่อย่าเพิ่งท้อนะครับ...ถ้า

คุณยังทำ 2ข้อที่ผมว่าไม่ได้..คุณสามารถโทรมาปรึกษาผมได้ตลอดเวลา..อย่าลังเลที่จะหาคำตอบหากคุณคือผู้นำ...
จงแสวงหามันเถิด เพื่ออิสรภาพทางการเงินของคุณ..มีผู้คนมากมายที่เข้ามาในธุรกิจนี้แล้วเดินจากไปด้วยความล้มเหลวเพราะ
เข้ามาด้วยการที่ตัวเขาเองมองเห็นแต่โอกาสทางธุรกิจ และอิสรภาพทางการเงิน..ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้คำนึงถึงว่าเข้ามาแล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจแบบนี้..เขาคิดว่าเขามีโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลกแล้วใครก็ต้องคิดเหมือนกันกับเขา

เมื่อเห็นโฆษณาที่เขาเห็นเช่นกันคือโฆษณาแต่โอกาสทางธุรกิจแต่การทำเช่นนั้นก็ไม่แตกต่างอะไรกับการไปหลอกลวงเขา ให้เขาเข้ามาร่วมธุรกิจกับคุณธุรกิจเครือข่ายที่แท้จริงนั้นต้องสามารถตอบคำถามให้กับคนที่จะเข้ามาใหม่ได้ทุกเรื่องไม่มีการปิดบังในเรื่องของวิธีการทำงานหรือวิธีสร้างเครือข่ายต้อง ทำให้คนที่กำลังจะเข้ามาใหม่ได้มั่นใจ และรู้ว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะต้องทำอย่างไร ในขั้นตอนแรกและจะต้องทำอย่างไรในขั้นตอนต่อไปและเมื่อไหร่เขาถึงจะประสบความสำเร็จ

ขอแสดงความดีใจกับคุณด้วยคุณโชคดีมากที่ได้มาเรียนรู้ในคอร์ส 7 วันของผม..จึงทำให้คุณได้รู้ความจริงอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่ายที่ แท้จริงยังมีความจริงที่คุณยังไม่รู้อีกมากมายในการทำธุรกิจเครือข่าย..หากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จคุณต้องรู้ให้หมดว่าจริงๆแล้ว ขั้นตอนตั้งแต่แรกเริ่มนั้น..วิธีปฏิบัติอย่างไรแล้วขั้นต่อไปจะต้องทำอย่างไรแล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะประสบความสำเร็จ

คำถามที่สำคัญก็คือ..ระบบที่คุณใช้ในการนำคนเข้ามาสู่องค์กรของคุณล่ะ.."คืออะไร"..คุณสามารถหาคำตอบได้ในหนังสือ
ที่ผมโดยตรงครับ..หรือติดต่อมาที่เมล์ผมก็ได้

คอร์สวันที่ 5ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี

คอร์สวันที่ 5ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี

หลักการเลือกทำธุรกิจเครือข่าย
วันนี้คุณจะได้รู้ว่า..คุณจะเลือกทำกับบริษัทอะไรถึงจะประสบความสำเร็จมากที่สุดเซียนของ ธุรกิจเครือข่าย
ได้กล่าวเอาไว้ว่า ธุรกิจเครือข่าย ที่ดี ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบทั้ง 7 อย่างดังนี้

1. Company บริษัทต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ฐานะทางการเงินต้องมั่นคง
2. Product สินค้าต้องมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ไม่มีคู่แข่ง
3. Plan แผนรายได้ต้องยุติธรรม และมีรายได้ที่คุ้มค่า
4. Trends สินค้าต้องมีแนวโน้มที่เป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคตและปัจจุบัน
5. Timing ช่วงเวลาต้องอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นไม่นาน และอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต
6. Team ต้องมีผู้นำที่มีความเป็นมืออาชีพ สามารถช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จได้จริงๆ
7. Management ต้องมีระบบการจัดการที่เป็นมืออาชีพ ผู้บริหารงานต้องมีประสบการณ์มายาวนานในด้านธุรกิจเครือข่าย

คุณอ่านแล้ว..คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้...คุณเชื่อเซียน..คนนี้ไหม

- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์

ในความเป็นจริงแล้ว...สิ่งที่ควรคำนึงในการเลือกทำธุรกิจเครือข่ายจริงๆก็คือ..ผมจะเรียงลำดับความสำคัญให้นะครับ

1. Trends สินค้า ต้องมีแนวโน้มที่เป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคตและปัจจุบัน (เพราะผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหนอีกไม่นานก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเกิดขึ้นมาแทน)
2. Timing ช่วงเวลาต้องอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นไม่นาน และอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต (ทำให้การสร้างเครือข่ายของเราเป็นไปได้ง่าย..เพราะมีผู้มุ่งหวังเยอะ)
3. Team ต้องมีผู้นำที่มีความเป็นมืออาชีพ สามารถช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จได้จริงๆ(ผู้นำของคุณต้องมีระบบธุรกิจแฟน ไชน์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ...เพื่อแก้ปัญหาในการเลียนแบบทำซ้ำให้กับคนใหม่ที่ เข้ามา)
4. Plan แผนรายได้ต้องยุติธรรม และมีรายได้ที่คุ้มค่า
แผนการตลาดเครือข่ายในโลกแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
4.1 ทำได้แค่ในประเทศ เช่น ธุรกิจเครือข่าย Local brand
4.2 ทำต่างประเทศได้บางส่วน เช่น ธุรกิจเครือข่ายต่างชาติที่เปิดมานานกว่า 15 ปีขึ้นไป
4.3 ทำต่างประเทศได้ 100% เต็ม เรียกว่าSeamless World Wide ท่านสามารถมีองค์กรในต่างประเทศได้ โดยการใช้รหัสที่ท่านสมัครในเมืองไทย ชวนเพื่อนของท่านข้ามชาติได้ โดยการใช้ website!!!และท่านสามารถรับรายได้จากยอดซื้อในต่างประเทศได้ในทันที !!!รายละเอียดทุกอย่างท่านสามารถ Check ได้ใน website online realtime!!!

คราวนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมครับว่าคุณต้องเลือกทำกับบริษัทอะไรแล้วต้องเลือกทำกับใครคุณถึงจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายนี้ได้

คอร์สวันที่ 4สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย

คอร์สวันที่ 4สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย

สิ่งที่ไม่ควรทำถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ

นักธุรกิจเครือข่ายมากมายที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ต้องออกไปเพราะตัดสินใจเข้ามาด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น..เข้ามาเพราะเห็นแต่โอกาสทางธุรกิจและความหวังจากการช่วยเหลือของทางบริษัท..อาทิเช่นการประชุม เพื่อเรียนรู้ในการทำงาน..แต่จริงๆแล้วเนื้อหาในการประชุมไม่ได้มีอะไรเลยมีแต่..พูดเรื่องโอกาสทางธุรกิจบ้างหล่ะ..เรื่องผลิตภัณฑ์บ้างหล่ะ..แล้วก็เรื่องไร้สาระอีกมากมาย..นั่นคือวิธีเดิมๆ..
-คิดรายชื่อ และเบอร์โทรคนที่รู้จัก100 คน
-โทรไปหาเขาแล้วพูดเรื่องโอกาสทางธุรกิจด้วยความตื่นเต้น
-พูดเรื่องผลิตภัณฑ์ว่าดีที่สุดในโลก
-พูดเรื่องแผนการรับรายได้ว่าสุดยอด
-พูดเรื่องทีมงานว่ามีทีมงานคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชม.
-เดินแจกใบปลิวโฆษณาโอกาสทางธุรกิจ
-เดินแจกใบปลิวโฆษณาแผนการรับรายได้ของทางบริษัทแล้วผลที่ได้รับคืออะไรรู้ไหมครับ
-100 คนนั้นปฏิเสธที่จะร่วมธุรกิจกับคุณ 70 คน เพราะเขาไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด เขาคิดว่าคุณจะมาหาผลประโยชน์จากเขา
-30 คนบอกว่าขอคิดดูก่อนรอให้เราประสบความสำเร็จก่อนถึงจะร่วมด้วย


- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์

แก่นแท้ของบทเรียนนี้ก็คือคุณต้องเข้าใจนิสัย และความคิดของคนเราก่อนว่าคนนั้นมีสมองในการที่จะตัดสินใจอะไรลงไปนั้นขึ้นอยู่กับเหตุ และผล สิ่งที่คุณพูดมานั้นมันจริงหรือไม่จริงเมื่อสมองเขาประมวลผลแล้วว่าเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้..ระหว่างสิ่งที่เขาจะได้รับ กับ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ว่ามันคุ้มกันไหมแค่คุณบอกว่า..เฮ้ยเพื่อนมาร่วมธุรกิจด้วยกันไหมบริษัทนี้จ่ายผลตอบแทนสูงมากเลย..แค่หาคนมาสมัครต่อเราแค่นั้นเอง..(เป็นคุณๆจะคิดยังไง)......

สิ่งที่ผมอยากให้พวกคุณตระหนักไว้ให้ดีเลยว่าถ้าทำธุรกิจเครือข่ายแบบนี้คุณต้อง....คุณต้องไม่ขายเพราะเมื่อคุณพูดในเชิงการขายเมื่อไหร่ เขาจะคิดว่าคุณต้องมาหาผลประโยชน์จากเขาแน่นอน เขาจะคิดในใจว่า(คิดว่าฉันโง่หรือไง..ยังไงฉันก็ไม่หลงกลหรอก)คุณว่าจริงไหม..เพราะฉะนั้นคุณต้องไม่ขายอะไรทั้งนั้น.. เลิกพูดเรื่องโอกาสทางธุรกิจว่าดีแค่ไหน..เลิกพูดเรื่องแผนการรับรายได้ที่สุดยอด..เลิกพูดเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมของคุณ

สิ่งที่คุณควรจะพูดก็คือ..วิธีที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ ต่างหากถึงจะถูกต้อง ทำให้เขาเห็นหนทางที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ด้วยวิธีของคุณ ให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง..ว่าวิธีของคุณนั้น..มีเหตุ และผลอย่างไร..จริงหรือไม่จริง..แล้วจะประสบความสำเร็จได้ไหมด้วยวิธีนี้

ถ้าเขาคิดว่าจริง..เขาก็จะเชื่อคุณ..ถึงแม้เขาจะยังไม่ร่วมทำธุรกิจกับคุณ..เขาก็ต้องสนใจในวิธีของคุณแน่นอน..ถึงเวลานั้นแล้วเราก็ใช้วิธี.."การสร้างกระแสเงินสด"ได้เลยครับ

คอร์สวันที่ 3การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น

คอร์สวันที่ 3การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น

การตลาดหรือการโปรโมชั่น

คุณเบื่อหรือยังกับการตลาดแบบเดิมๆ เช่น..หารายได้เสริม 5,000-10,00 บาท/เดือนทำงานจากที่บ้านผ่านอินเทอเน็ต 1 – 3 หมื่นบาท/เดือน อะไรประมาณนี้ผมคิดว่ามันน่าเบื่อและมันก็เป็นการโฆษณาแบบเดิมๆ..ที่มีเกลื่อนกราดในอินเทอเน็ต

สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ในบทนี้ก็คือ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้คุณควรจะโฆษณาอย่างไร..ถึงจะมีคนเข้ามาขอสมัครกับคุณ..โดยที่คุณไม่ต้องไปง้อใคร…..ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ คุณได้เรียนรู้มาแล้ว..ว่าผู้มุ่งหวังของคุณจะเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณเพราะอะไร...คุณก็โฆษณาในสิ่งนั้นซิครับ..ก็หมายความว่าโฆษณา.."ความเป็นผู้นำของคุณ"...เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่นี่ไงครับจะดีกว่าไหม..ถ้าคุณโฆษณาว่า...คุณมีวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่ายได้อย่างชาญฉลาด..คุณมีวิธีที่จะสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของคุณ..ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนแล้วได้ผลจริง ถึง 90%

แก่นแท้ของเรื่องนี้อีกอย่างนึงก็คือ"การสร้างแรงดึงดูด"มันจะทำให้ผู้มุ่งหวังของคุณที่เขากำลังประสบปัญหานี้อยู่และเขาไม่รู้ว่าเขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรแต่เมื่อเขาเห็นโฆษณาของคุณคุณต้องตกตลึงแน่ๆกับการหลั่งไหลเข้ามาของคนที่มีปัญหานี้อยู่มันจะทำให้คุณไม่ขาดแคนผู้ที่จะมาร่วมธุรกิจกับคุณอีกต่อไปเมื่อเขาเดินเข้ามาหาคุณเองแล้วสิ่งที่คุณต้องทำก็คือจากบทเรียนเมื่อวานนี้
- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์

"คือการวางตัวแบบผู้นำ"บอกวิธีที่จะแก้ปัญหาที่ถูกต้องให้กับเขา
ช่วยเขาด้วยความจริงใจทำให้เขารู้ว่าเราต้องการช่วยเขาอย่างจริงใจเต็มใจที่จะช่วย..เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วเขามองเห็นหนทางที่เขาจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ด้วยวิธีของคุณ..เขาก็จะมาขอสมัครกับคุณเอง"คุณโปรดจงจำคำพูดนี้ไว้""ไม่มีใครสักคนที่ซื้อสว่านเพราะว่า เขาต้องการสว่านจริงๆเขาต้องการรูของมันต่างหากดังนั้นถ้าหากคุณต้องการขายสว่านคุณเองก็ควรโฆษณาข้อมูลในการสร้างรูไม่ใช่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสว่านเอง" (เปอร์รี่มาร์แชล)

ในความเป็นจริงแล้วคนที่จะประสบ ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย นี้ได้ ก็คือคนที่ทำการตลาด และการโปรโมทได้ดีกว่าคนอื่นส่วนใหญ่แล้ว 95% ของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คือเขาขายแต่โอกาสทางธุรกิจ เขาไม่ได้ขายวิธีในการสร้างธุรกิจสิ่งที่คุณต้องทำก็คือโปรโมทความเป็นผู้นำของคุณ เริ่มจะลึกซึ้งหรือยังครับว่าคุณต้องทำอย่างไรบ้างในธุรกิจเครือข่ายนี้ ถึงจะประสบความสำเร็จ

ผมคิดว่าเมื่อคุณอ่านบทความของผมมาจนถึงวันที่ 3คุณก็เป็นนักธุรกิจเครือข่ายที่เก่งกาจในระดับนึงแล้วถึงแม้คุณยังไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนผมคิดว่าคุณสามารถแข่งขันกับคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแบบนี้มานาน..แต่เขายังทำการตลาดแบบเดิมๆอยู่..และเขาก็ไม่รู้ในสิ่งที่คุณรู้ผมตอบได้เลยว่า..คนที่ยังทำการตลาดแบบเดิมๆอยู่ แล้วมาเรียนรู้กันต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ

คอร์สวันที่ 2การดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ

คอร์สวันที่ 2การดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ

การวางตัว
การวางตัวของคุณในธุรกิจนี้เพื่อ ที่จะทำให้เขา เข้ามาขอสมัครกับคุณเองปัญหาหลักที่นักธุรกิจเครือข่ายต้องรู้อีกอย่างนั้นก็คือ
การขาดแคนผู้ที่..จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วยผมได้พูดไปแล้วในเว็บไซต์ของผมว่าใครที่คือผู้มุ่งหวังที่แท้จริงของคุณ..
แต่ถ้าคุณอยากรู้อย่างลึกซึ้งว่าใครคือผู้มุ่งหวังที่แท้จริงของคุณ ผมแนะนำให้คุณศึกษาได้

ใน หนังสือ MLM.ALPAH.NUMBER.1ของผมคุณจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่ไม่ใช่ปัญหา. เพราะนี่คือปัญหาที่ใหญ่มากเลยทีเดียว
เพราะถึงให้คุณมีโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด..นวัตกรรมใหม่ล่าสุด..ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์นี้ได้ก็ตาม..ผมเชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าในอนาคตก็จะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ดีกว่าของคุณเกิดขึ้นมาแน่นอน

ถึงแม้บริษัทของ คุณจะมั่นคงแค่ไหนมีทุนจดทะเบียนเป็นร้อยล้านพันล้านก็ตามแล้วอีกอย่างก็คือ ถึงแม้ว่า...
ทีมงานของคุณจะดีแค่ไหน.แข็งแกร่งแค่ไหน..เก่งแค่ไหนแต่คุณไม่สามารถสร้างเครือข่ายของคุณได้..คุณก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้..จริงไหมครับ..หรือคุณคิดว่า คุณขายแค่ผลิตภัณฑ์ของคุณเพื่อได้กำไรจากการขายปลีก..
ไม่กี่เปอเซตน์แล้วจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้หรือครับ..
- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์
- แจกโปรแกรมที่ใช้การทำธุรกิจ

คุณคิดผิดแล้ว....การที่คุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ก็คือ.. คุณจะต้องสร้างเครือข่ายของ คุณให้ได้..เพื่อที่จะรับผลประโยชน์สูงสุด..ในทุกๆข้อที่ทางบริษัทของคุณได้กำหนดไว้และ ผลประโยชน์นั้นมันก็มากมายมหาศาลจนทำให้คุณไปถึงสิ่งที่คุณมุ่งหวังไว้นั่นก็คือ "อิสรภาพทางการเงิน"ของคุณแล้วจะทำยังไงถึงจะสร้างเครือข่ายของคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องไปง้อใคร.. เขาจะมาขอสมัครกับคุณเองมาเรียนรู้กันเลยครับว่าจะต้องทำยังไง

การวางตัวของคุณในธุรกิจนี้เพื่อ ที่จะทำให้เขา เข้ามาขอสมัครกับคุณเองสำหรับเนื้อเรื่องในวันนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องราวที่ผมเขียนขึ้นมาเองนะครับแต่ผมได้นำเรื่องราวซึ่งอยู่ใน Magnetic Sponsoring Boot Camp ของคุณไมค์ ความว่า

เพื่อนผมแบรดและแอมเบอร์ จนกระทั่งแต่งงานกันคนทั้งสองคนนี้แต่งงานกันเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อผมได้สังเกตแหวนแต่งงานที่มือของแอมเบอร์ดูดีมากๆผมเลยถามเธอว่าเธอได้แหวนนี้มาจากไหน.เธอตอบมาว่า "อเมอริกัส ไดอะมอน" คำตอบนี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดของบทเรียนอันน่าประทับใจในคอร์ส ของเราครับคุณเองอาจคิดว่าร้านจิวเวอรี่คงจะไม่มีอะไรแตกต่างจากการขาย แบบธรรมดามากนัก แต่ร้านจิวเวอร์รี่ที่นี่แตกต่างครับโดยเฉพาะเรื่องแนวทางในการสร้างธุรกิจของเขา.เป็นเวลานานหลายปีครับ อเมอริกัส พยายามโฆษณาในช่วงดึกๆเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อโปรโมทคอร์สในการดูเพชร
คอร์สซึ่งจะสอนคุณว่าเพชรที่คุณถืออยู่นี้น้ำดีเกรดใด โดยประชาสัมพันธ์ผ่านทาง เคเบิลทีวีของท้องถิ่น.ทางร้านไม่ได้โฆษณาเพชรน้ำดีของทางร้านเลย ไม่ว่าจะช่วงวันวาเลนไทน์ งานฉลองประจำปี และอื่นๆ ไม่มีเลยครับความจริงแล้ว, ทางร้านไม่ได้โฆษณาอะไรที่เกี่ยวกับเพชรของทางร้านเลยด้วยซ้ำ!สิ่งที่ทางร้านทำทั้งหมดก็คือ การโฆษณาคอร์สฟรีคอร์สนี้ ซึ่งจะสอนลูกค้าและผู้ชมว่า จะเลือกและดูน้ำของเพชรได้อย่างไรด้วยตัวคุณเอง
ดังนั้น คุณเองก็จะรู้ว่าเพชรที่คุณหยิบมาเวลาไปช็อปปิ้งนั้นอยู่ในเกรดใด ควรหรือไม่ควรซื้อ ไม่ว่าคุณจะไปช็อปที่ไหนก็ตาม
คุณเห็นไหม ว่าที่นี่เขาทำยังไงกัน?

คุณเห็นความฉลาดของพวกเขาไหม? (การวางตัวในธุรกิจของเขา)แทนที่พวกเขาจะวางตำแหน่งตนเองเหมือนอย่างเช่นคนขายจิวเวอร์รี่ทั่วไป, แต่เขากลับวางตำแหน่งของตัวเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญ,ผู้ให้ความช่วยเหลือและแนะนำให้ฟรีๆ ซึ่งนั่นก็จะนำมาซึ่งความเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ที่มาเข้าชม."ฉันไม่ต้องการเงินของคุณในตอนนี้ ฉันต้องการที่จะช่วยคุณก่อน" ผลลัพธ์เหรอครับ:พวกเขาทิ้งคู่แข่งไปขาดลอยเลยล่ะครับ. ผมหมายความว่า ทิ้งคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่นเลยล่ะครับ!"อเมอริกัส ไดอะมอน" กลายเป็นผู้ค้าจิวเวอร์รี่รายใหญ่ที่สุดในทั่วประเทศ!!!

มันอยู่ที่การวางตำแหน่งในจิตใจของผู้มุ่งหวังของคุณ:เมื่อผู้ที่มาเข้าชมร้านมองคุณว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญซึ่งต้องการจะช่วย แทนที่จะเป็นนักขายที่ต้องการเงินจากพวกเขา ลูกค้าจะไม่ลังเลใจเลยล่ะครับในการตรงเข้ามาซื้อจากคุณในเวลาที่เขาพร้อม ที่จะซื้อ.ผู้เชี่ยวชาญไม่จำเป็นที่จะต้องโฆษณาของที่ตัวเองจะขาย. เพราะว่าพวกเขามีลูกค้าที่กระตือรือร้นต่อแถวมารอถึงหน้าประตูอยู่แล้ว.อีกทั้งยังเป็นลูกค้าที่มีศรัทธาในตัวเขา และยากที่จะเปลี่ยนแบรนด์"หยุดโฆษณาโอกาสทางธุรกิจของคุณเสียที และเริ่มที่จะโฆษณาความเป็นผู้เชี่ยวชาญและความรู้ของคุณ."

เมื่อคุณรู้แล้วว่าผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร..คุณเข้าถึงเป้าหมายได้ถูกต้อง..คนๆนั้นพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเขาเพื่อให้ตัวเขาเองประสบความสำเร็จการวางตัวของคุณก็คือ..วางตัว"แบบผู้นำ"ให้เป็นเหมือนผู้ที่จะแก้ปัญหาให้เขาได้..ในทุกๆเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าเขาเข้าร่วมกับคุณเพราะอะไร (ก็เพราะตัวคุณใช่ไหม)แต่การที่จะทำแบบนั้นได้คุณต้องมีความรู้ความสามารถมากพอในเรื่องนี้ถึงจะให้คำแนะนำหรือช่วยเขาแก้ปัญหาได้..ฟังดูเป็น เรื่องยากใช่ไหมครับ..

ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคุณแน่นอน"ผมเชื่อว่าคุณทำได้" และผมก็เชื่ออีกว่าเมื่อคุณเรียนรู้ในคอร์สของผมครบ 7 วันคุณจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของธุรกิจนี้แน่นอนเมื่อคุณเข้าใจถึงแก่นแท้แล้ว "คุณก็สามารถวางตัวแบบผู้นำได้แล้วครับ"ตามหลักจิตวิทยาแล้ว "คนที่ฉลาดมักที่จะเรียนรู้ก่อน มากกว่าที่จะลงมือทำ..โดยที่ไม่รู้อะไรเลย"

คุณว่าจริงไหมครับ..แล้วมีเหตุผลใดที่เขาจะไม่เดินมาหาคุณ ในเมื่อเขาอยากจะทำธุรกิจนี้อยู่แล้วเขาต้องอยากรู้ก่อนอยู่แล้วว่าจะต้องทำยังไง เขาถึงจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้..คุณก็แค่วางตัวแบบผู้นำอย่างที่ผม ว่ามาเท่านั้น..เมื่อเขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจนี้แล้วเขามองเห็นหนทางที่เขาจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ด้วยวิธีของคุณ..เขาก็จะมาขอสมัครกับคุณเองหน้าที่ของคุณก็คือทำให้เขามองเห็นหนทางที่เขาจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ด้วยวิธีของคุณ

คุณก็ไม่จำเป็น..ที่จะต้องไปง้อใคร ให้มาเข้าร่วมกับคุณ เขาก็จะมาง้อคุณเองเป็นยังไงกันบ้างครับกับวิธีของผมเริ่มจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของ การทำธุรกิจเครือข่ายหรือยังครับนี่คือเทคนิคที่สุดยอดที่สุด ที่ไม่มีสอนในบริษัทของคุณแน่นอนยังหรืออีก 5 วันนะครับที่คุณต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะวางตัวแบบผู้นำ

คอร์สวันที่ 1การสร้างกระแสเงินสด และหาผู้มุ่งหวังธุรกิจเครือข่าย

คอร์สวันที่ 1การสร้างกระแสเงินสด และหาผู้มุ่งหวังธุรกิจเครือข่าย

สวัสดีครับ...ALPHA (ผู้นำ)..ทุกท่าน
7 วัน ต่อจากนี้ไปคุณจะได้เรียนรู้ถึง "แก่นแท้"และวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจเครือข่าย..
ผมจะให้ไอเดีย..และแง่คิดต่างๆ..ที่จะทำให้คุณ..ผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้มาเริ่มกันเลยครับ
เมื่อคุณรู้แล้วว่าผู้มุ่งหวังของคุณเขาเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณเพราะอะไร..
และคุณก็รู้แล้วว่าใครคือผู้มุ่งหวังที่แท้จริงของคุณ..
สิ่งที่คุณควรจะรู้อีกอย่างถ้าคุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายนี้ได้นั้นก็คือ..
"การสร้างกระแสเงินสด"

มันคือปัญหาหลักของคนที่จะทำธุรกิจนี้..หากคุณยังไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายแบบนี้หรือเคยทำแล้วแต่ยังไม่รู้.
ก็รู้ไว้ซะเลย ว่านี่คือปัญหาอันใหญ่หลวงจริงๆ สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายอย่างเรา..
ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆว่าปัญหานี้มันใหญ่หลวงสำหรับเรายังไง..

เมื่อคุณเริ่มทำธุรกิจ..คุณเสียเงินค่าสมัครไปจำนวน(1$$$$)
บริษัทให้ผลิตภัณฑ์ที่คุณคิดว่ามันเป็นโอกาสทางธุรกิจของคุณ..
มันคือนวัตกรรมที่เยี่ยมยอดที่สุดแต่คุณไม่สามารถจะขายมันให้คนอื่นได้
(เพราะคุณก็ไม่ชอบงานขายอยู่แล้วด้วย)คุณ ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อที่จะให้เขาซื้อของๆคุณผมตอบได้เลยว่า
ระดับผู้นำอย่างเราแล้วใครจะมาเดินขายของกัน..จริงไหมครับ..(มันต้องมีวิธี ที่ดีกว่านั้น)
- คอร์สวันที่ 2 ดึงดูดผู้มุ่งหวังมาหาคุณ วางตัวแบบผู้นำ
- คอร์สวันที่ 3 การตลาด การโฆษณา การออกโปรโมชั่น
- คอร์สวันที่ 4 สิ่งที่ไม่ควรทำ ในธุรกิจเครือข่าย คือ การขาย
- คอร์สวันที่ 5 ธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ดี
- คอร์สวันที่ 6 การเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
- คอร์สวันที่ 7 สร้างระบบธุรกิจเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือคนในองค์กร
- คอร์สรวม7วันในหน้าเดียว
- การสั่งซื้อหนังสือ
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์
- แจกโปรแกรมที่ใช้การทำธุรกิจ

สรุปแล้วคุณก็ต้องใช้เอง ไหนจะค่าโฆษณาทางอินเทอเน็ต..
เพื่อที่จะทำให้ผู้มุ่งหวังของคุณเห็นโอกาสทางธุรกิจแล้วมาร่วมทำธุรกิจกับคุณ
ค่าโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับผู้มุ่งหวังของคุณ และค่าอื่นๆอีกมากมาย..
ถ้าคุณคิดว่าคุณมีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายพวกนี้แล้วคุณคิดไหมว่าคนที่คุณจะสปอนเซอร์นั้นมีเงินจ่ายเหมือนคุณไหม..
เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจเครือข่าย..ที่ต้องอาศัยการเลียนแบบทำซ้ำ..
เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต้องคำนึงถึงคนที่เข้ามาใหม่ด้วย..อย่าสร้างปัญหาให้กับพวกเขา
แผนการรับรายได้ต่างๆ ไม่รู้กี่ข้อของทุกบริษัทก็มีข้อนี้อยู่ คือ "กำไรจากการขายปลีก"
จะกี่เปอร์เซ็นต์นั้นก็แล้วแต่ละบริษัท..คุณก็ตัดผลประโยชน์ข้อนี้ไปได้เลยเพราะคุณไม่ชอบงานขาย..ใช่ไหมครับ..
(แต่ถ้าขายได้ก็เป็นผลพลอยได้ของคุณ)แล้วจะทำยังไงที่จะสร้างกระแสเงินสดให้หมุนเวียน..
เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้..โดยที่ไม่ต้องขายของล่ะ
ตั้งใจอ่านให้ดีนะครับ..แล้วคิดตามด้วย
คุณก็ขายอย่างอื่นแทนซิครับ..ขายในสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว(ขายให้ผู้มุ่งหวังของคุณ)มันจะง่ายกว่าไหมถ้าคุณเอา
"ข้าวสารไปขายให้กับโรงสีข้าว"
แล้วคุณคิดว่าผมจะให้คุณขายอะไรที่เขาต้องการอยู่แล้ว(ติ๊กต็อกๆ)
คิดออกไหมครับ ก็ไม่ยากเลยครับ..แทนที่คุณจะขายผลิตภัณฑ์ของคุณ..คุณก็ขายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับเขาแทนงัยครับ..
เช่น วิธีที่ต้องเรียนรู้ก่อนทำธุรกิจเครือข่าย ,แนวทางการแก้ปัญหาต่างๆ ,หรือวิธีการสร้างธุรกิจแบบใหม่ๆ
(คุณคิดเอาเองนะครับว่าคุณจะขายอะไร)
เน้นย้ำนะครับว่าข้อมูลที่คุณขายนั้นต้องมีประโยชน์กับเขาจริงๆ คุณก็รวบรวมเป็นรูปเล่ม
หรือ ซีดีก็ได้ แล้วก็ขายในราคาที่ไม่แพง ซัก 300 – 500 บาท (คุณคิดดูซิครับว่าเขาจะซื้อไหม..)
เขาต้องซื้อแน่นอนเพราะเขาอยากทำธุรกิจนี้อยู่แล้วและคุณก็ได้ผลประโยชน์ทางอ้อมอีกทางหนึ่งก็คือ
เป็นการปูพื้นเพื่อสร้างรากฐานความรู้ให้กับคนที่จะมาเป็นดาวไลน์ของคุณในอนาคต
แล้วก็สร้างรายได้ให้กับคุณถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สมัครกับคุณก็ตาม (แบบนี้ดีไหมครับ)
คุณคิดดูนะครับว่าถ้ามีคนซื้อข้อมูลของคุณซัก 10 คน
(10 x 500= 5,000 บาท)แล้วถ้า 20 คนล่ะ 20 x 500 =10,000 บาท
แล้วครับโดยที่คุณไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่เลยที่จะขายมันเพราะเขาก็ ต้องการซื้อมันอยู่แล้ว..
คุณก็เอาเงินตรงนี้แหล่ะไปชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆได้
โดยที่คุณไม่ต้องไปกังวลอะไรกับค่าใช้จ่ายพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว
เพราะนี่คือวิธีแก้ปัญหาเรื่อง"การขาดแคลนกระแสเงินสด" ที่แยบยลที่สุด
เพื่อรอเวลาจนกระทั่งไปถึง อิสรภาพทางการเงินของคุณ
มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
แต่ก็คงไม่เกินความสามารถของคุณ
ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จ
"ลองคิดดูนะครับว่าจะขายอะไร"