วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

กลยุทธการตั้งชื่อลูกรัก

เด็ก

กลยุทธการตั้งชื่อลูกรัก

แค่ตั้งชื่อลูกเท่านี้ ฟังดูง่าย แต่บางครอบครัวใช้เวลาแรมเดือน แรมปี ทีเดียวนะคะ กว่าจะเลือกชื่อลูกได้ถูกใจ
แต่บางครอบครัวก็เพียงแค่นำชื่อคุณพ่อมาผสมกับชื่อคุณแม่ ถ้าสมาสชน สนธิเชื่อมแล้วออกมาดูดี ก็ตั้งชื่อให้ลูกได้เลย....

ไม่ว่าจะคุณแม่จะใช้วิธีใดในการตั้งชื่อลูก เช่น ตั้งกันเอง, พระตั้งให้, ญาติผู้ใหญ่ตั้งให้, หรือเปิดตำราว่าด้วยการตั้งชื่อที่เป็นสิริมงคล ตัวพยัญชนะที่ให้คุณ ถูกโฉลก ก็ยังมีข้อที่น่าคิดบางประการที่น่าสนใจในการตั้งชื่อลูก มาให้พิจารณา เราติดตามกันดีมั้ยคะว่า น่าคำนึงถึงเรื่องใดกันบ้าง......

ข้อควรพิจารณาในการตั้งชื่อลูก นอกเหนือจากการตั้งชื่อตามตำรา

ควรคำนึงว่าเมื่อตั้งชื่อให้ลูก ลูกจะต้องใช้ชื่อนี้ต่อไปในอนาคต
จริงอยู่ หากลูกไม่ถูกใจก็สามารถเปลี่ยนชื่อได้เอง เมื่อเติบโตขึ้น แต่กว่าจะทำเช่นนั้นได้ ลูกก็ต้องใช้ชื่อนี้ไปอย่างน้อย 10 - 18 ปี บางชื่ออาจดูน่ารักเมื่อยังเป็นเด็ก แต่ถ้าเป็นหนุ่มเป็นสาว หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชื่อนี้จะยังเรียกได้ไม่ตะขิดตะขวงใจใช่มั้ย? (คุณคงไม่อยากให้ชื่อลูกไปอยู่ในเมล์ที่เค้าฟอร์เวิร์ดกันต่อๆ ไปเกี่ยวกับคนชื่อแปลก หรอกนะ) เช่น ชื่อ หนุ่มน้อย (ฟังดูน่ารัก เมื่ออายุ 4 ขวบ แต่ถ้าอายุ 45 ปีล่ะ)

ชื่อมีหลายพยางค์เกินไปหรือเปล่า?
บางครั้งชื่อที่ยาวเกินไปก็ดูดี แต่ถ้าประกอบกับนามสกุลก็ยาวเฟื้อยด้วยแล้ว ลูกคุณคงอยากตัดบางพยางค์ออกจากชื่อบ้างเป็นแน่แท้ ยิ่งไม่ต้องคิดเลย เมื่อลูกคุณไปเรียนต่อเมืองนอก..เมื่อไหร่ที่ครูเรียกชื่อนักเรียนอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ก็หยุด เพ่งมองกระดาษในมืออีกครั้ง แล้วเริ่มออกเสียงตะกุกตะกัก...อย่ารอช้า....รีบบอกลูกให้ขานรับทันที... นั่นแหล่ะ อาจารย์ฝรั่งกำลังเรียกชื่อลูกคุณ ถูกแล้วค่ะ เช่น กุสุมาลย์วลัย พัชราพฤกษานนท์ (ชื่อสมมุติ หากพ้องกับท่านใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ)

ถ้านามสกุลยาว จะตั้งชื่อสั้น ไม่ควรเกินสองพยางค์ก็ดีค่ะ สะดวกดี ไม่มีปัญหาเวลากรอกชื่อใส่ช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเวลากรอกใบสมัครทั้งหลาย แต่ถ้านามสกุลสั้น กระชับ จะตั้งชื่อยาวก็ได้ ไม่มีปัญหา เช่น วิลาสินี ใจงาม, อัญชลิกา ก่องแก้ว จากนั้นลองอ่านออกเสียงดูว่า คล้องจอง ไปกันได้ดีกับนามสกุลหรือเปล่า ทั้งชื่อและนามสกุลออกเสียงแล้วฟังดูรื่นหู เช่น คม อาจณรงค์ หรือ พลอย มุทิตาจิต

อยากให้ลูกมีชื่อที่ฟังดูก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง หรือ คมเข้ม ฟังแล้วรู้ว่า เด็กชายแน่นอน เช่น

ชื่อออกแนว ผู้หญิ๊งผู้หญิง - เด่นนภา, พลอยรัมภา, เพียงนภา, สร้อยฉัตร

ชื่อออกแนว ผู้ชายมาดแมน - คม, กล้า, กาจฤทธี, อธิคม, เชิงชาย อย่างนี้ไม่มีปัญหา ฟังดูดี แต่ถ้าชื่อออกแนวหวาน แต่เป็นเด็กผู้ชาย ลูกคุณอาจมีปัญหาในหมู่เพื่อน โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เช่น เด็กชาย อนัญฤดี (ในกรณีที่อาจเป็นหลานชายคนแรกของคุณปู่ แล้วคุณปู่ชื่อ อนัญ จึงอยากได้ชื่อ ที่แสดงความเป็นขวัญใจของคุณปู่) หรือ เด็กหญิง สมเกียรติ (ซึ่งคุณปู่คุณตา อาจต้องการให้หลานได้ชื่อว่า เกิดมาสมเกียรติยศ ก็ได้) ลองนึกถึงใจของลูกเมื่อโตขึ้นแล้วต้องใช้ชื่อที่เราตั้งให้ด้วยนะคะ

มีชื่อญาติผู้ใหญ่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ผู้มีพระคุณ ที่เราอยากให้ประสมอยู่ในชื่อหรือไม่
เช่น บังอรภัค (คุณยาย ชื่อ บังอร) หรือประเพณีนิยมที่ว่า ถ้านามสกุลนี้จะต้องตั้งชื่อที่มีคำบางคำ อยู่ในชื่อของสมาชิกทุกคนในตระกูล เช่น จักรภพ จักรภัค ทองจักร จักรา จักรกฤช (ตระกูลนี้มีกฏว่าทุกคนต้องมีคำว่า "จักร" อยู่ในชื่อ) หรือ เพชรแท้, เพชรทิพย์ เพชรประดับ จักรเพชร เพชรพรรณี เฟื่องเพชร รวงเพชร พวงเพชร (ตระกูลนี้อาจต้องการให้ลูกหลานทุกคน มีคำว่า "เพชร" อยู่ในชื่อทุกคน) อย่างนี้เป็นต้น

ชื่อสะกดแปลกไปจากปกตินิยมที่สะกดชื่อกันหรือไม่
คนนอกครอบครัวจะไม่สามารถสะกดชื่อลูกคุณได้ถูกต้องในครั้งแรก ดังนั้น ลูกคุณจึงมีสิทธิ์ที่จะต้องสละเวลาสะกดชื่อให้คนอื่นฟังทุกครั้งเมื่อไป ติดต่อธุรการงานด้วย เช่น ชื่อ จรรณย์จิฬา (จันจิรา) หรือ ณรรต (ณัฐ)

ใช้ชื่อพยางค์เดียวเป็นชื่อจริง
ซึ่งคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นชื่อเล่น เช่น พลอย มุทิตาจิต (คนมักจะถามกันว่า ชื่อจริงหรือชื่อเล่นคะ, หรือ เมื่อบอกไปแล้ว เจ้าหน้าที่อาจทำเสียงไม่พอใจ แล้วพูดตึงๆ ว่า ขอชื่อจริงค่ะ คุณก็ต้องยืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า นี่แหล่ะค่ะ ชื่อจริงค่ะ) ทีนี้พอลูกเข้าโรงเรียน อาจไปชนกับเพื่อนในห้องที่มีชื่อเล่นเดียวกับชื่อจริงลูกคุณก็ได้ ครูก็ต้องเรียกชื่อลูกคุณ พร้อมด้วยนามสกุล ติดไปด้วยทุกครั้ง ไม่ก็เรียกเบิ้ลชื่อลูกคุณ เช่น พลอย พลอย (ชื่อเล่น และชื่อจริง) ส่วนเด็กอีกคนที่มีชื่อเล่นว่า พลอย ครูก็เรียกว่า พลอย เฉยๆ

ความหมายของชื่อ
ชื่อที่กำลังจะตั้งให้ลูกมีความหมายว่าอย่างไร โดยทั่วไปชื่อที่ตั้งมักมีความหมายที่ดี เป็นสิริมงคลต่อเจ้าของชื่ออยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรแน่ใจว่า ชื่อและคุณสมบัติของเจ้าของชื่อมีความเป็นไปได้ที่จะสอดคล้องกัน อย่าให้แตกต่างจนเกินไปนัก มิ ฉะนั้น ลูกอาจถูกล้อเลียนได้ เช่น ชื่อ วิลิศมาหรา

หวังว่าคงจะตั้งชื่อลูกได้ถูกใจนะคะ และที่สำคัญ ให้ความรัก ความอบอุ่นแก่ลูกน้อย รวมทั้งการอบรมเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้ค่ะ

รั้วบ้านดีมีชัย (Lisa)

บางบ้านให้ความสำคัญกับภายในบ้านจนปล่อยปละละเลยรั้วบ้านโดยปริยาย แต่คุณรู้ไหมว่ารั้วบ้านนั้นหมายถึงด่านแรกที่จะวัดได้เลยว่า ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้เป็นอย่างไร ซึ่งคุณควรปฏิบัติตามหลักฮวงจุ้ยดังนี้

อย่าให้ประตูรั้วสูงกว่ากำแพง

อย่าสร้างรั้วชิดบ้านเกินไป

อย่าสร้างกำแพงรั้วก่อนสร้างบ้าน

ควรทาสีใหม่อยู่เสมอ

ติดไฟยามค่ำคืนจะเป็นสิ่งเรียกความเจริญมาให้

นอกเหนือจากนั้น อย่าสร้างประตูบ้านให้ตรงกับประตูบ้านหลังอื่นๆ จะดูไม่งาม

6 เคล็ดลับ กำจัดของรกบ้าน (Lisa)

การกำจัดข้าวของรกรุงรังในบ้านและในชีวิตเป็นขั้นตอนแรกของการใช้หลักฮวงจุ้ย ของรกรุงรังปิดกั้นพลังงานที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตวิญญาณ มันทำให้คุณรู้สึกไร้ระเบียบและสับสน แล้วจะเก็บมันไว้ทำไม?

1. ทดสอบความรกรุงรัง มันช่วยเรื่องพลังงานของคุณหรือเปล่า คุณใช้มันหรือเปล่า คุณรักมันหรือเปล่า ถ้าคุณตอบว่าไม่ทั้งหมดนี้ ก็ถึงเวลาปล่อยมันไปได้แล้ว

2. เก็บของทันทีที่ใช้ กี่ครั้งแล้วที่คุณโยนนิตยสารไว้บนโต๊ะ ตั้งใจที่จะเก็บมันหลัง จากนั้น แต่มันก็ยังกองอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ คราวนี้เริ่มต้นใหม่ด้วยการเก็บของทุกอย่างที่ใช้เข้าที่เข้าทางเสมอ

3. โยนของทิ้งไปบ้าง 80% ของของที่ถูกเก็บเอาไว้ไม่เคยถูกเอามาใช้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระดาษ นิตยสาร แม้กระทั่งไฟล์ต่างๆ ที่รกเต็มหน้าจอคอมพ์ก็อาจถึงเวลาทิ้งมันบ้างได้แล้ว

4. ทำรายการของสิ่งที่ทำไม่เสร็จในชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่ไม่เคยส่ง โทรศัพท์ที่ไม่เคยโทร หรือบางคนที่คุณต้องขอโทษ แล้วทำมันให้เสร็จซะที สิ่งเหล่านี้ดูดพลังงานจากคุณจนแห้งเหือด

5. กำจัดของรก ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน แยกจดหมายทุกวันและเก็บเอกสารเข้าแฟ้มหาที่วางของต่างๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่เสียเวลาค้นหาของนานเกินไป

6. คิดก่อนซื้อ ครั้งต่อไปที่ไปช้อปปิ้ง ถามตัวเองก่อนที่จะซื้ออะไรก็ตาม "ฉันชอบมันจริง ๆ หรือต้องการใช้มันจริง ๆ หรือเปล่า?"

งานศิลปะและของตกแต่งสามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงอำนาจ ถ้าคุณติดขัดในชีวิต ลองดูของตกแต่งของคุณ มันบอกอะไรเกี่ยวกับคุณบ้าง? ถ้าคุณอยากได้สัมพันธภาพที่ดีกว่า เพิ่มของที่เป็นคู่เข้าไป เช่น ปลาโลมาคู่ นกเขาคู่ ถ้าอยากได้ชื่อเสียง หารูปภาพของที่ปรึกษาที่คุณเคารพนับถือหรือรูปตัวเองตอนรับรางวัลมาตั้งไว้ในห้อง

ฮวงจุ้ยห้องนอน เพื่อรักยืนยาว (นิตยสาร First)

การจัดห้องนอนมีผลต่อ "ความรัก" และ "การครองคู่" อยากให้รักแนบแน่น ชีวิตคู่ยืนนาน จัดฮวงจุ้ยห้องนอนให้ส่งเสริมกันดีกว่า

1. เตียงนอน
ควรใช้เตียงที่ทำจากไม้ เพราะเตียงนอนที่ทำจากโลหะนั้น เป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคุณ และพยายามนำเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ ออกห่างจากเตียงของคุณ

2. แสงภายในห้อง ไม่ควรจะสว่างจ้าเกินไป (หยาง) หรือสลัวทึมเกินไป (หยิน) และอย่าลืมเรื่องเสียงรบกวนด้วย เพราะจะทำให้คุณและคู่รักหงุดหงิดได้

3. ถ้าห้องนอนของมีหน้าต่างกระจกใส
ที่สามารถชมวิวสวยๆ นอกบ้านได้ ไม่ควรวางเตียงติดหรือใกล้กระจกมากเกินไป แม้ว่าคุณอยากจะนอนชมวิวภายนอกใจจะขาด เพราะพลังที่ผ่านเข้ามาจากภายนอก แม้จะไม่ทำให้คุณกับเขามีเรื่องมีราวถึงกับต้องเลิกรากัน แต่ก็จะส่งผลให้นอนไม่หลับหรือฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ

4. ใต้เตียงนอน
ไม่ควรเอาของที่ไม่ใช้แล้วไปเก็บไว้ โดยเฉพาะของที่แตกหักยับเยินห้ามเด็ดขาด! แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ไม่มีที่จะไว้ของแล้ว ก็ให้เลือกเก็บแต่ของใหม่ๆ ที่สำคัญต้องจัดให้เป็นระเบียบ ถ้าใต้เตียงรกมากๆ หรือเก็บของหักๆไว้ จะทำให้คุณหรือหวานใจมีสุขภาพไม่แข็งแรง แถมยังมีปากเสียงกันได้บ่อยๆ ด้วย

5. หน้าต่างห้องนอน ควรใช้ม่านบังตามากกว่ามู่ลี่กันแดดที่ดูแข็ง ไม่มีความพลิ้วไหวเหมือนกับผ้า เพราะห้องนี้ต้องการบรรยากาศที่นุ่มนวล ไม่ใช่ความเป็นงานเป็นการมากนัก เชื่อกันว่าถ้าใช้ม่านบังตาติด จะช่วยเสริมโชคเรื่องความรัก

6. หาแจกันดอกไม้
มาวางไว้ในห้องนอนสักหนึ่งอัน หรือจะเป็นกระถางต้นไม้ก็ได้ กระถางควรเป็นสีขาว ส่วนต้นไม้ให้เป็นสีแดงหรือสีชมพู จะช่วยเพิ่มพลังรักให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการนำต้นไม้ใหญ่ไว้ในห้องนอน

7. หัวเตียงและผนังด้านหัวเตียง
สามารถออกแบบให้สวยงามได้ ถ้าเตียงตั้งตรงกับประตูทางเข้าห้องนอน ให้แขวนคริสตัลไว้ระหว่างเตียงและพื้นที่ส่วนนั้น

8. อย่าหันหัวเตียงไปทางห้องน้ำเป็นอันขาด
ดวงความรักที่กำลังรุ่งโรจน์อาจจะจะพุ่งลงเหวได้ง่าย เพราะจะต้องมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดหย่อน

9. ไม่ควรหันปลายเท้าให้กับประตูห้องนอน
เพราะเป็นสัญลักษณ์การนอนของคนตาย ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง หากปลายเตียงหันไปทางประตูห้องนอนพอดี จะมีเรื่องเดือดร้อนใจในครอบครัว สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง อาจมีคนเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆ ความอบอุ่นในบ้านจะลดน้อยลง ถ้าสุดจะเลี่ยง ก็ให้แก้ไขง่ายๆ ด้วยการติดกระจกบานเล็กๆไว้ที่ปลายเตียง เพื่อสะท้อนพลังอันเลวร้ายออกไป

10. พื้นห้องนอนควรเป็นสีพื้นเรียบๆ
อาจมีลวดลายสบายตาได้บ้าง แต่สีพื้นสีเดียวไปเลยจะดีที่สุด หากปูพรม อย่าเลือกพรมที่มีลวดลายฉวัดเฉวียนน่าเวียนหัว เพราะจะส่งผลให้ความรักของคุณวุ่นวาย

11. อย่าใช้ผ้าห่มสีขาว
เพราะหากนำมาคลุมร่าง จะเหมือนกับสัญลักษณ์ของคนตาย ผ้าปูที่นอนสีขาวแม้จะดูสะอาดสะอ้าน แต่ก็ไม่เหมาะกับห้องนอนนัก สีขาวโพลนจะส่งผลให้พลังความรักกระจัดกระจาย เลือกผ้าปูที่นอนที่มีสีจะดีกว่า

12. หาผ้าที่ทอด้วยด้ายสีทองหรือผ้าที่เป็นสีทองวางไว้บนเตียง
เนื้อผ้าที่ส่องประกายแวววาว จะช่วยให้คุณสร้างบทรักบนเตียงได้ละเมียดละไมหวิวไหวยิ่งขึ้น

13. ถ้าช่วงไหนอารมณ์ร้อน
อาจจะจากเรื่องงาน เรื่องเพื่อน จนพานโมโหคนรักบ่อยๆ ให้หาชามสวยๆ ใส่ก้อนหินหรือคริสตัลวางไว้ใต้เตียงนอน จะช่วยทำให้อารมณ์เย็นลง

14. อยากให้ความรักของคุณมั่นคง
ให้หาหินควอตซ์ สีขาวใส ก้อนใหญ่พอประมาณ มาวางไว้ใต้เตียง

15. อย่าติดหลอดไฟที่ให้แสงส่องเป็นลำลงมาที่เตียงเป็นอันขาด เพราะความรักของคุณจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิง น่าปวดหัว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้แขวนสร้อยลูกปัดที่ปลายเตียง เพื่อซึมซับพลังงานที่ขัดแย้ง

16. หากคุณกำลังกังวลว่าเขากำลังจะมีกิ๊กหน้าใส
ให้เปลี่ยนม่านหน้าประตูห้องนอน เป็นม่านที่ร้อยด้วยลูกปัด เชื่อกันว่าลูกปัดจะช่วยเก็บพลังงานรักให้อยู่เป็นที่เป็นทางไม่วอกแวกไปที่อื่น

17. หากเตียงนอนอยู่กึ่งกลางระหว่างประตูสองด้าน
เช่น ประตูเข้าห้องและประตูห้องน้ำ ให้ย้ายตำแหน่งของเตียง หรือไม่ก็หาฉากสวยๆ มากั้น เพื่อให้พลังงานความรักนั้นรวมกันเป็นหนึ่ง

ควรใช้เตียงที่ทำจากไม้ เพราะเตียงนอนที่ทำจากโลหะนั้น เป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคุณ และพยายามนำเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ ออกห่างจากเตียงของคุณ

ของแต่งบ้านที่ ไม่เป็นมงคล

บ้านใครที่มีของ 7 อย่างนี้อยู่ในบ้าน แล้วรู้สึกว่าไม่อยู่เย็นเป็นสุข ก็ลองเอาของเหล่านี้ออกไป ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ก็อาจจะเป็นการยากนะคะ เพราะเป็นของน่ารักๆ ทั้งนั้นเลย แถมบางอย่างก็อาจจะเป็นของที่คนสำคัญซื้อให้ ก็ชั่งใจเอาแล้วกันค่ะ

แต่เหนือสิ่งอื่นใด จิตใจของเราต้องดีก่อนค่ะ ทำอะไรก็จะดีตามไปด้วย ใครจะลองเอาของ 7 อย่างนี้ออกไปจากบ้าน ก็ลองดูค่ะ เรื่องแบบนี้นานาจิตตัง บังคับกันไม่ได้

งู - ไม่ควรนำมาแต่งบ้าน เพราะงูเป็นสัญลักษณ์ของความอาฆาตซึ่งส่งผลให้หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์โกรธ และยังเป็นเครื่องหมายของตัณหาราคะคนในบ้านจะฝักใฝ่แต่เรื่องโลกีย์

นาฬิกาทราย - จะมีผลทำให้คนในบ้านต้องเหนื่อยกับภารกิจใด ๆ ก็ตามที่ต้องทำอย่างรีบเร่งจนไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างสุขสบายเลย

หมี - เป็นสัตว์น่ารักแต่จะทำให้คนในบ้านพลาดท่าเสียทีผู้อื่นเพราะไม่ทันคน

ม้าลาย - ถ้านำมาแต่งบ้านคนในบ้านจะมีแต่เรื่องแตกแยกกัน ไม่มีโชคลาภเข้าสู่บ้าน

จระเข้ - เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์เพทุบาย จะทำให้อับโชค และมีคนคอยคิดมุ่งร้ายต่อคุณและคนในครอบครัว

หนู - ความหมายไม่เป็นมงคล จะทำให้ถูกหักหลังหรือถูกเอาเปรียบ

แมว - หมายถึงแมวที่ไร้ชีวิต ถ้านำมาแต่งบ้านจะก่อให้เกิดการหลอกลวงจากคนนอก มาฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์





10 เทคนิคปรับ "ฮวงจุ้ย" โต๊ะทำงานให้สมดุล (Momy Pedia)

จัดโต๊ะทำงานอย่างไรให้เสริมพลัง เพิ่มความสำเร็จ ในการทำงาน เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการปรับฮวงจุ้ยที่ทำงาน ที่จะช่วยเสริมพลังความสำเร็จในงานให้กับ working mom เช่นคุณ

1. ตำแหน่งโต๊ะทำงานที่ดี อย่างแรกให้ดูที่ตำแหน่งด้านหลัง เพราะทางฮวงจุ้ยข้างหลังถือว่าข้างหลังหมายถึงความมั่นคง ถ้านั่งหันหลังให้กระจกซึ่งเป็นวัตถุที่มีการสะท้อนอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าหน้าที่การงานของคุณไม่แน่นอนแล้วนะคะ ทางแก้คือหามู่ลี่มาปิดทับบริเวณด้านหลังให้ทึบอยู่ตลอดเวลา หรือถ้ามีตู้ทึบอยู่ด้านหลังก็พอจะช่วยได้ แต่ถ้าจะให้ดี ควรนั่งหันหลังให้กำแพงและหารูปภาพมาติดไว้ตรงบริเวณด้านนี้ โดยเลือกที่มีความหนักแน่น เช่น ภูเขา ส่วนทิศทางตำแหน่งของการนั่งนั้น ถ้าเป็นห้องส่วนตัว ควรตั้งโต๊ะไว้ในลักษณะที่จะสามารถมองเห็นคนที่เข้ามาในห้องได้อย่างชัดเจน

2. พยายามหลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะทำงานตรงกับประตู เพราะจะถูกนินทาว่าร้ายเอาได้ และไม่ควรนั่งหลังลอยหรือนั่งหันหลังให้ประตู เพราะอาจถูกแทงข้างหลังจากเพื่อนร่วมงานได้ค่ะ แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ควรหาฉากหรือต้นไม้มาคั้นระหว่างประตูหรือโต๊ะทำงาน

3. ไม่ควรให้โต๊ะทำงานหันไปชนกับมุมเสา เพราะจะทำให้เจอแต่เรื่องไม่ค่อยดี ถ้าหลีกเลี่ยงได้ให้หาคริสตัลมาวางสะท้อนพลังงานด้านลบออกไป

4. หันโต๊ะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าคุณต้องนั่งรวมกับคนอื่น ควรพยายามหันโต๊ะทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และหลีกเลี่ยงการหันหน้าโต๊ะเข้าหากัน เพราะเดี๋ยวจะเม้าท์กันเพลินจนลืมทำงาน (แทนที่งานจะรุ่ง เดี๋ยวจะถูกเจ้านายเพ็งเล็งเอา)

5. แก้เคล็ดหากนั่งใต้คาน ถ้าใครที่นั่งใต้คานจะส่งผลให้คนๆ นั้นมีความเครียดสูง การงานไม่ราบรื่น หรือทำงานผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในแผนกบัญชีหรือการเงิน อาจจะส่งผลเสียต่อองค์กรเป็นอย่างมาก ทางแก้ไขมีหลายแบบ แต่ที่ง่ายที่สุด คือการใช้คานให้เป็นประโยชน์ด้วยการแขวนนาฬิกา หรือติดหลอดไฟไว้ใต้คาน

6. วางของสูงที่มุมโต๊ะด้านซ้าย ที่ด้านซ้ายของโต๊ะทำงาน เป็นตำแหน่งแห่งอำนาจในการทำงาน ให้วางของที่มีความสูงมากที่สุดเอาไว้มุมนี้ เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชั้นวางเอกสารสูงๆ และควรที่จะมีต้นไม้เล็กๆ วางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ จะเป็นต้นตะบองเพชร เฟิร์น เพื่อเป็นการลดความแรงของสนามแม่เหล็กจากจอคอมพิวเตอร์

7. ของที่ควรหลีกเลี่ยงบนโต๊ะทำงาน ควรหลีกเลี่ยงของตกแต่งบนโต๊ะทำงาน หรือรูปภาพที่เป็นรูปสัตว์ในสิบสองปีนักกษัตร เช่น หนู งู ม้า ไก่ ลิง ฯลฯ เพราะสิ่งที่เราตั้งอาจกลายเป็นการชงปะทะกันเองกับปีเกิดของตัวเอง หรือผู้ที่มาติดต่อโดยไม่รู้ตัว ถ้าที่ดี (ทางแก้ไขแนะนำให้ตรวจสอบในตารางของคลังคู่มิตรปีเกิด)

8. ของที่เหมาะกับด้านขวาของโต๊ะ ซึ่งเป็นตำแหน่งของการประสานงาน ความราบรื่น ให้วางพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีความสูงน้อยไว้ในส่วนนี้

9. เสริมพลังตรงด้านหลังของโต๊ะ หากมีชั้นหรือมีพื้นที่วางของได้ ให้หา "เต่าคริสตัล" มาวาง เพื่อเป็นการกระตุ้นพลังงานด้านการสนับสนุน และความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

10. ดูดซับพลังงานตรงด้านหน้าของโต๊ะ ตรงนี้ถือเป็นจุดรับพลังงานต่างๆ ที่จะไหลเข้ามาสู่โต๊ะโดยตรง ให้หาแก้วน้ำใส่น้ำและหินเก๋ๆ มาวางประดับอะไร เพื่อดูดซับพลังงานที่ดี