วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สรุปเงินสี่ด้านจากหนังสือ พ่อรวยสอนลูก

สรุปเงินสี่ด้าน - จากหนังสือ พ่อรวย สอนลูก RichDad PoorDad

E S B I คุณเป็นคนประเภทไหน ??

E (Employee) - ลูกจ้าง
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ
- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
- ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ

B (Business Owner)
- เจ้าของธุรกิจ
- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
- ไม่ทำก็มีรายได้
B มีหลายประเภท
- บริษัท
- แฟรนไซน์
- การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็น เจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)

S (Self-employed)
- ทำธุรกิจส่วนตัว
- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
- ขาดประสบการณ์
- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ

I (Investor)
- นักลงทุน
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ


คนฝั่งซ้าย
-มี ความกลัว เป็นตัวขับเคลื่อน
-ยึดติดกับงานประจำ
-รายได้จำกัด
-ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
-มองเห็นอุปสรรค
-ไม่เข้าใจคำว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน
-ทำงานเพื่อเงิน
-คิดถึงความเสี่ยง
-ยึดติดกับสิ่งเก่า
-ไม่มีแผนงาน
-ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
-ชอบออกความเห็น
-ชอบมีเงินสดเยอะๆ
-ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
-ชอบวิธีการ
-ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
-ถูกระบบความคุม
-เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
-เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
-ทำงานเพื่อคนอื่น
-อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ

คนฝั่งขวา
(ความใฝ่ฝัน) เป็นตัวขับเคลื่อน
-พยายามสร้างงาน
-รายได้ไม่จำกัด
-มีเป้าหมายชัดเจน
-มองเห็นโอกาส
-เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน - หนี้สิน
-ใช้เงินทำงาน
-คิดถึงความน่าเสี่ยง
- เรียนรู้สิ่งใหม่
-มีแผนงานชัดเจน
-มีที่ปรึกษา
-ชอบหาความจริง
-ชอบมี กระแสเงินสด สม่ำเสมอ
-ชอบมองหาคนเก่ง
-ชอบวิธีคิด
-ชองการจดจ่อ (Focus)
-ความคุมระบบ
-เป็นเจ้าของระบบ
-เรียนเพื่อหาความรู้
-สร้างงานเพื่อคนอื่น
- ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส


แล้วคุณเลือกอยู่ฝั่งไหน ??????
ผู้เขียน พ่อรวย สอนลูก (Rich Dad Poor Dad)
งานประจำ ไม่ทำให้ร่ำรวยได้ มีแต่หนี้ ถ้าต้องการความสำเร็จ ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ธุรกิจมี 2 ประเภท คือ รวยแต่หยุดทำไม่ได้ กับรวยแล้วพักได้โดยรายได้ไม่หยุด

1. กิจการใหญ่ (ซีพี , AIS)
2. เจ้าของแฟรนไชส์ (แมคโดนัลด์ , 7-11)
3. ธุรกิจเครือข่าย

- การตลาดเครือข่าย เป็นเสมือนโรงเรียนสอนนักธุรกิจ ที่ช่วยให้คุณย้ายฝั่งได้ง่าย ได้ผล และปลอดภัยที่สุด
- บริษัทเครือข่ายการตลาดที่ดีจะต้องมีระบบพัฒนาตัวคุณอย่างสมบูรณ์แบบ (โดยสอนให้คุณเป็นนักธุรกิจ เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่สอนให้คุณเป็นเซลส์แมนหรือเพียงทำให้คุณมีรายได้ไปวันๆ บนความมั่นคงที่ไม่แน่นอน)

คนที่รวยที่สุดในโลกล้วนแสวงหา การสร้างเครือข่าย ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหางานทำ หากคุณมีความคิดสร้างสรรอันยิ่งใหญ่ หรือสินค้าอันดีเยี่ยมปานใดก็ตาม มีเพียงหนทางเดียวที่จะนำท่านสู่ความสำเร็จ คือ การใช้เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายการ จัดจำหน่ายสินค้า เหล่านั้นสู่มือผู้บริโภคอย่างได้ผล

สรุปเนื้อหา พ่อรวยสอนลูก

สรุปเนื้อหา พ่อรวย สอนลูก “ Rich Dad Poor Dad “ by โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert T. Kiyosaki คลิกที่นี่

สรุป The Secret กฏแห่งการดึงดูด

สรุป The Secret กฏแห่งการดึงดูด The Law of Attraction
________________________________________



เคล็ดลับที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จของชีวิต โดยเชื่อใน “Law of Attraction” กฎแห่งการดึงดูด เพราะจิตของเรามีพลังอำนาจมหาศาล พูดง่ายๆก็คือ ให้คิดแต่สิ่งที่ดี แล้วสิ่งดีๆ จะถูกดึงดูดเข้ามาหาเราเอง

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับการมีชีวิตอยู่ เพราะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์เรา มีอำนาจถึงขั้นใช้เพียงปลายนิ้วก็หาความรู้ได้”
ความลับที่จะทำให้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ความลับในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งด้านการเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ ความสุขและปฏิสัมพันธ์ทุกรูปแบบของคุณในโลกนี้ คุณจะเริ่มเข้าใจพลังอำนาจภายในตัวเองที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นมานานและสิ่งที่เปิดเผยนี้จะนำมาซึ่งความยินดีในทุกๆด้านชีวิตของคุณ

ความสำเร็จ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจใน 3 กระบวนการ ดังนี้

กระบวนการที่ 1 : Attraction Process หรือ กระบวนการสร้างแรงดึงดูด

โลกของเรามีแรงดึงดูด ที่เป็นพลังงานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกเราสามารถสัมผัสมันได้ ผ่านกระบวนการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตัวเราเองก็สามารถสร้างแรงดึงดูดได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะวิ่งเข้ามาหาเรา..คุณต้องการสิ่งที่ดีหรือไม่ดีหละ คงไม่มีใครต้องการสิ่งไม่ดี และคงไม่มีใครไม่ต้องการสิ่งดีดี ทุกคนต่างต้องการสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ต่างๆก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งดีดี ทีนี้เราจะสร้างแรงดึงดูดอย่างไร ให้มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาหละ

The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่งแรงดึงดูดสิ่งดีดี ไว้ดังนี้

1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):
ทุกความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ่อยๆๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆ เป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต
ในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า คิดดี ทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน

1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :
เหมือนเป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทันความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป

เคยสังเกตุตัวเองกันมั๊ย หากเมื่อเราคิดเลว อารมณ์ที่ไม่ดี ก็จะเกิด แต่หากเมื่อไหร่เราคิดดี ความสบายใจ อารมณ์ที่ดีก็จะเกิด อารมณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำ คนที่ไม่รู้เท่าทัน ไม่รู้จักควบคุมความคิดเลว อารมณ์เลว ก็จะโกรธง่าย เกลียดง่าย ฉุนเฉียวง่าย สิ่งเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าและร่างกายออกสู่ภายนอก สิ่งที่สะท้อนจากภายนอกกลับมาหาตัวคุณก็คงไม่ใช่สิ่งดีนักหรอก แต่ในทางกลับกัน คนที่คิดดี รู้เท่าทันระงับความคิดและอารมณ์เลว สิ่งดีดี จากจิตใจก็จะถูกทอดผ่านร่างกายให้แสดงออกมาแต่ในสิ่งดีดี สิ่งที่คุณได้รับก็จะเป็นสิ่งดีด้วยเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกดี ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อนาคตของคุณขึ้นกับความคิดของคุณแล้วหละ

สร้างคิดดี อารมณ์ดี โดย
รู้จักมีความพึงพอใจ (Satification)
รู้จักชื่นชมผู้อื่น (Appriciation)
มีความหวัง (Hope)
มีความสุข (Happiness)
รู้จักสนุก ร่าเริง(Joy)
รู้จักขอบคุณ (Gratitude)
รู้จักรักทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งอื่นรอบตัว (Love) เป็นต้น

ละทิ้ง ความคิดเลว อารมณ์เลว โดย
ตัดความหวาดกลัว (Fear)
ความกดดัน เครียด(Depression)
ผิดพลาดเลอะเทอะ (Fault)
ไม่พอใจขุ่นเคือง (resentment)
ความเกลียด (Hate)
ความโกรธ (Angry)
การตำหนิติเตียน (Criticism)
การกล่าวโทษนินทา (Blame) เป็นต้น

ความเครียด ความคิดเชิงลบ ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง ส่งผลต่อระดับการทำงาของร่งกายและสมองที่ลดลงเสมอ

the secret แนะกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative process) ไว้ให้ 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการร้องขอ (Ask) : เหมือนคุณมี ตะเกียงวิเศษ เมื่อถูเจ้ายักษ์ออกมาแล้ว คุณต้องร้องขอ คุณต้องคิดให้พลังแห่งจักรวาลรับรู้ว่า คุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง แล้วคุณจะได้สิ่งนั้นมา..นั่นแหละ หากสิ่งที่คุณคิด..ไม่ดี..สิ่งที่คุณได้ก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน แต่หากคุณคิดดี สิ่งที่คุณได้ย่อมดีเสมอ ในขึ้นตอนนี้เทคนิคที่ the secreat แนะนำ คือ การเขียนสิ่งดีดี คุณสามารถเขียนสิ่งดีดี ที่คุณต้องการในสมุดบันทึกได้ทุกวัน เพื่อให้คุณจดจำสิ่งดีดีที่คุณต้องการ มันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจลึกๆๆในใจ ให้คุณพยายามทำให้สิ่งที่คุณต้องการจนสำเร็จ

ขั้นที่ 2 ขั้นตอนแห่งความเชื่อ (Believe) : จงเชื่อในสิ่งดีดี ที่คุณพึงอยากได้ ว่าคุณจะต้องได้มา ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นจริง เมื่อไหร่ที่คุณพลาดจากหวัง จงเชื่อเสมอว่า หากหวังและพยายามต่อไป วันหนึ่ง ฝันคุณจะเป็นจริง กรณีนี้ คงเข้าตำราคนไทยที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากเราเชื่อ และพยายามทำในสิ่งที่เราเชื่อ สักวัน สิ่งนั้นจะสำเร็จดังฝัน

ขั้นที่ 3 ขั้นตอนแห่งการรับ (Receive) : เป็นการยอมรับ ทั้งสิ่งที่สมหวังและผิดหวัง การผิดหวัง หากเรายอมรับเราสามารถนำมันมาทบทวน ไตร่ตรองได้อีกรอบ แล้วเราจะเห็นถึงข้อผิดพลาดอันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุง

1.3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีดี :

คุณเคยสังเกตุมั๊ย หากวันไหนคุณตื่นมาพร้อมอารมณ์ที่ขมุกขมัว วันนั้น คุณอาจปวดหัว อะไรก็ดูช่างหงุดหงิดในสายตาของคุณไปเสียทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นคน การจราจร หรือ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสามารถตื่นขึ้นมาพร้อมกันความรู้สึกดีดี สมองคุณก็จะแจ่มใส จิตใจก็จะเบ่งบาน พร้อมที่จะมีสติรับรู้เรื่องราวต่างๆในวันนั้น ได้อย่างต่อเนื่องและมีสมาธิในการไตร่ตรองแยกแยะ พิจารณาสิ่งที่ ผิด ถูก ชั่ว ดี ได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อคุณได้กรองและเลือกที่จะรับแต่สิ่งดีดีแล้ว อารมณ์ก็จะดียิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงออกมาจากตัวคุณ ก็ดี สิ่งที่คุณจะได้รับต่อไป ยิ่งดี

เมื่อใดที่เรารู้สึกแย่ ท้อถอย the secret แนะให้มองสิ่งที่สวยงาม การได้ฟังเพลงดีดี เพลงเชิงบวก การได้มองเด็กๆที่สดใสร่าเริง การได้ชมดอกไม้สีสวยๆที่กำลังเบ่งบาน การได้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว การได้เล่นกีฬา การได้ออกไปท่องเที่ยว เพราะ the secret เชื่อว่า "เมื่อคนรู้สึกรัก สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต"

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเราจะรู้กันเองนานแล้ว ใช่ป่าว เพราะเราคงได้ยินกันบ่อยๆว่า ความรักทำให้โลกสดใส โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ต้องเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจจึงจะไม่เป็นทุกข์...รักทำให้คนสามารถมองโลกได้ในแง่ดีเสมอ...

1.4 อย่าลังเลกับสิ่งที่จะลงมือทำ :

สิ่งดีดี โอกาสคอยเราอยู่เสมอ เมื่อเราสามารถสร้างแรงดึงดูดได้แล้ว สิ่งที่สะท้อนกลับมา เมื่อเราหยุดคิดอย่างรอบคอบแล้ว อย่าลังเลที่จะรับ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย เพราะหากคุณไม่เริ่มผลคงไม่เกิด เราไม่จำเป็นต้องเห็นตลอดทั้งเส้นทางหรือเห็นทางทั้งหมด แต่หากคุณเริ่มและลองดู คุณอาจจะเห็นทางอีกหลายทางซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้

1.5 รู้จักพอเพียง :

การรู้จักพอ จะสร้างความสุขที่แท้จริง คนเราทุกวันนี้ ล้วนแต่เอากิเลสเป็นที่ตั้ง อยากได้สิ่งต่างๆมากมายจนเกินความจำเป็นความพอดี ข้อนี้ คงเข้ากับหลักพุทธศาสนา หรือแม้กระทั่ง หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี

เมื่อรู้จักพอ ความสุขก็เกิด ความเหนื่อยล้า แห่งการดิ้นรนก็น้อยลง ทำให้คนมีเวลาที่จะคิดทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆในความคิด ได้ดีขึ้น ดังนั้น ความพอเพียงคงแยกกันไม่ออกจากข้ออื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น

กระบวนการสร้างแรงดึงดูด โดยสรุปแล้ว หากเราต้องการพบความสุขและความสมหวังที่แท้จริง เราก็ควรมุ่งเน้นที่สร้างแรงดึงดูดที่ดี เราต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติไปในทิศทางที่ดี

หากเราคิดดี ทำดี สิ่งสะท้อนออกไปดี สิ่งที่เราได้รับก็จะดี เมื่อทุกคนทำได้ โลกก็จะเป็นสุขและพัฒนาในทิศทางที่ดี...

the secret บอกว่า ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การรณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน" เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า อาทิเช่น

แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น สนับสนุนพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคนั้น

หากทุกคนเพื่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุดมันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิดขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้น ทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่ต้องการ

กระบวนการที่ 2 : Gratitute หรือ รู้จักขอบคุณ และชื่นชม

การรู้จักขอบคุณ ขอบคุณสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ สิ่งที่คุณมี สิ่งคุณเป็น ด้วยใจจริง ตัวอย่างเช่น

แทนที่คุณจะมองว่าของขวัญจากเพื่อนมูลค่าน้อยนิด คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่มีเพื่อนที่น่ารัก เพื่อนยังคิดถึงเราเสมอ

แทนที่คุณจะน้อยใจว่าพ่อแม่ดุว่า คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้ยังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และท่านยังได้มีทุกข์สุขร่วมกันเรา

แทนที่คุณจะมองว่าอาหารมื้อนี้น้อยเกินไป กินไม่อิ่ม คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้คุณยังมีข้าวมีอาหารให้ได้กิน

แทนที่คุณจะมองว่างานหนักเหนื่อย เงินเดือนน้อย คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณยังมีงานทำยังมีเงินเดือนใช้

แทนที่คุณจะมองว่าเช้านี้รถติดน่าเบื่อ เปลืองน้ำมัน คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณโชคดี ยังมีรถขับ ขอบคุณที่ฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ขอบคุณที่ได้ที่นั่งบนรถเมล์ ขอบคุณที่ได้ยืนถือเป็นการออกกำลังกายอีกวัน เป็นต้น

หากคุณสามารถมองสิ่งรอบตัวในมุมที่ดีดีได้ คิดเชิงบวกกับสิ่งเหล่านั้นได้ และสามารถขอบคุณสิ่งเหล่านั้นได้ และชื่นชมอย่างจริงใจ คุณก็จะสามารถสร้างแรงดึงดูดดีดี ให้กับชีวิตคุณได้ไม่ยาก

กระบวนการที่ 3 : Visualize หรือ รู้จักสร้างภาพ

การสร้างภาพในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการให้โกหกหลอกลวง สร้างภาพให้ดูดี ในสายตาคนอื่น แต่การสร้างภาพในที่นี้ หมายถึง การสร้างจิตนาการแห่งความหวังของคุณให้เป็นภาพออกมา เช่น

หากคุณต้องการมีบ้านสวย คุณลองวาดภาพบ้านในฝันของคุณออกมาดูซิ คุณก็จะมีความหวัง แรงบันดาลใจ พลังในจิตใจให้เกิดความพยายามในการสร้างสรรค์แนวทางที่จะให้ได้มาซึ่งบ้านในฝันของคุณ

ไม่เฉพาะสิ่งของ แม้แต่บุคคลหากเราฝันมันก็อาจเป็นจริง เชื่อได้ว่า ข้อนี้ ทุกคนก็คงเคยฝันถึง คนในอุดมคติ ที่คุณสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ ความลับข้อนี้ มันอาจถูกเปิดเผยมานานแล้ว แต่เพียงแต่เรายังไม่ทราบเท่านั้นเองว่า มัน คือ ช่องทางแห่งความสำเร็จ

การสร้างภาพ มันก็เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ด้วยภาพ ที่อาจสร้างขึ้นมาในสมอง ในจิตใจ หรือ วาดออกมาให้เห็นจริงๆในวัสดุใดใด การสร้างภาพ ไม่ได้จำเพราะเพียงรูปภาพ แต่หมายรวมถึง ภาพของอักษรที่ร้อยเรียงคำพูด การกระทำของทั้งตัวเราเองและคนอื่นที่เราต้องการขอบคุณและชื่นชม เช่น หากคุณมองภาพดีดี หรือเขียนคำชื่นชมลูก สามี ภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง ทุกวัน ก็จะทำให้คุณมีทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีต่อพวกเค้า เป็นต้น

หากคุณได้เพ่งมอง และรู้จักชื่นชมภาพเหล่านี้ทุกวัน แรงดึงดูดภายในจิตใจคุณก็จะถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณฝันก็จะบังเกิด ดังนั้น หากคุณสร้างภาพในใจ ในสมอง ในความคิด ที่เป็นสิ่งดีดี สิ่งที่น่าชื่นชม ปฎิกิริยาต่างๆของคุณก็จะแสดงออกมากับสิ่งเหล่านั้นดี ปัญหาความขุ่นใจก็จะถูกลบเลือนออกไป แล้วสิ่งดีดี ก็จะบังเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน

ข้อคิดจากคำคม ใน The secret

"Whatever you're thinking and feeling today is creating your future""อะไรก็ตามที่คุณคิดและรู้สึกในวันนี้ คือ สิ่งที่สร้างอนาคตของคุณ"

"Your thaught and you feeling create your life"
"ความคิดและความรู้สึกของคุณ สร้างชีวิตคุณ"

"You create your own universe as you go along"
"คุณสามารถสร้างจักรวาลของคุณเองได้ ในทุกขณะที่คุณดำเนินชีวิต"

" Take the first step in faith you don't have to see the whole staircase just take the first step"
"เริ่มก้าวแรกด้วยความศรัทธา คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด คุณแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก"

"When you want to change your circumstance you must first to change your thinking"
"หากคุณต้องการสิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวคุณ คุณต้องเปลี่ยนความคิดคุณเป็นอันดับแรก"

"Imagination is everything. It is the preview of lifes coming attractions"
"จิตนการคือทุกสิง มันเปรียบเสมือนภาพของชีวิต ที่กลายเป็นแรงดึงดูด"

"Whatever the mind of man can conceive, it can achieve"
"อะไรก็ตาม ที่จิตใจของคนสามารถคิดได้ มันก็สามารถนำมาครอบครองได้"

"We are a creater of our universe"
"พวกเราคือผู้สร้างสรรรค์จักรวาลของพวกเราเอง"

"Energy flows when attention goes"
"พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น"

"The relationship will really work, we need to focus on what we appriciate about the other person, not only complaining about"
"ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี หากคุณรู้จักชื่นชมสิ่งที่คุณประทับใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การบ่น ดุด่า หรือตำหนิ"

"We can not control other people, no matter how are we try"
"เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากซักแค่ไหนก็ตาม"

" All power is from within and is therefore under our own control"
"พลังอำนาจทั้งหมดมาจากภายใน ฉะนั้นมันควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา"

" You are the designer of your destiny. You are the writher who write your story.
The pen is in your hand and the outcome is whatever that you choose"
"คุณคือผู้ออกแบบชะตาชีวิตของตัวคุณเอง คุณคือผู้แต่งเรื่องราวของคุณเอง
ปากกาอยู่ในมือของคุณแล้ว และผลท้ายสุดที่ได้ ก็ขึ้นกับที่คุณจะเลือกเอง"

“เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะรู้สึกแย่ ในขณะที่คิดอะไรดีๆ” … Charles Haanel

“สิ่งที่คุณต่อต้าน จะยิ่งทานทน” … Carl Jung (1875-1961)

“ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น” .. Henry Ford (1863-1947)


สุดท้ายนี้ โปรดจงพึงระลึกอยู่เสมอว่า...

** หากต้องการลดน้ำหนัก อย่ามุ่งคิดถึงแต่การ ลดน้ำหนัก แต่จงรวมศุนย์ความคิดไปที่น้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ จงรู้สึกถึงความรู้สึกยามที่น้ำหนักตัวของคุณพอเหมาะที่สุด แล้วคุณก็จะได้น้ำหนักตัวเท่านั้น ** จักรวาลไม่ต้องใช้เวลาในการนำมาซึ่งสิ่งที่คุณปรารถนา จะหนึ่งดอลล่าร์หรือล้านดอลล่าร์ก็ง่ายพอกัน

** สิ่งที่ปรากฏในปัจจุบันของคุณ เป็นผลจากการกระทำในอดีตของคุณนั่นเอง**

**หลายครั้งที่คุณพยายามให้สิ่งบางสิ่ง คนบางคน สถานที่บางสถานที่ สร้างความสุขให้คุณแต่ความสุขนั้นกลับไม่เกิดขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งเดียว คนเดียว และสถานที่เดียวที่จะสร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับคุณนั้น คือ ใจของคุณเอง ตัวของคุณเอง เท่านั้น**

** มันไม่ใช่น่าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนผู้คนรอบๆตัวคุณ งานและหน้าที่ของคุณ คือ ทำตัวให้สอดคล้อง เหมาะสม เพียงพอ และ พอใจ กับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ และมุ่งมั่นให้ดีขึ้น**

** ทุกสิ่งคือพลังงาน เปลี่ยนแปลงถ่ายเทได้ จิตใจเท่านั้นที่สามารถควบคุม และเปลี่ยนแปลงทิศทางของพลังงานได้ คุณจะถ่ายเทให้พลังงานวิ่งไปจุดใด ทิศทางใด ดีหรือเลว ก็ขึ้นกับตัวคุณ**

** คุณเป็นต้นตอของพลังงานทั้งหมดในโลก คุณ คือ พระเจ้า ที่ปรากฏกายในร่างของมนุษย์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ**
** พลังงานไร้พรหมแดนฉันท์ใด ศักยภาพไร้ขอบเขตฉันท์นั้น คุณจะเดินทางไปได้ทุกที่ตราบเท่าที่คุณหวัง**

** สร้างวันของคุณไว้ล่วงหน้า ด้วยการคิดถึงวิถีทางที่คุณต้องการให้วันของคุณดำเนินไป แล้วคุณจะสามารถสร้างชีวิตของคุณเองได้จากความตั้งใจ

** ความสามารถทั้งหมด ความปิติทั้งหมด ความรักทั้งหมด ความสมบูรณ์ทั้งหมด ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมด มีพร้อมอยู่แล้วและรอคอยให้คุณมาคว้ามันไป เมื่อคุณกระหายมัน อยากได้มัน คุณต้องตั้งใจจริง และเมื่อคุณตั้งใจจริง และปรารถนาอย่างแรงกล้าถึงสิ่งนั้นที่คุณต้องการ สิ่งนั้นจะมาหาคุณ จงจดจำความสวยงามที่อยู่รอบตัวคุณ อวยพร ขอบคุณและชื่นชมมัน ในอีกด้านหนึ่งสำหรับสิ่งที่ยังไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการให้เป็นในตอนนี้ จงอย่างทุ่มเทพลังงานให้กับมัน อย่าตำหนิ อย่าบ่น จงยินดีกับทุกสิ่งที่คุณต้องการและได้รับแล้วคุณจะมีมันมากขึ้นอีก**

** เริ่มฝึกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก่อน เช่น กาแฟสักถ้วย หรือที่จอดรถ นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยคุณได้สัมผัสกับการทำงานของกฏแห่งการดึงดูด จงตั้งใจและจริงจังที่จะดึงดูดอะไรสักอย่างที่เล็กๆก่อน เมื่อคุณได้ประจักษ์ในพลังดึงดูดของตนเองแล้ว คุณก็สามารถยกระดับขึ้นสู่การสร้างอะไรที่ใหญ่กว่านั้นได้

บทสัมภาษณ์พิเศษ กับโรเบิร์ต คิโยซากิ

บทสัมภาษณ์พิเศษ กับ โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert Kiyosaki
(Rich Dad Poor Dad - พ่อรวยสอนลูก) กับ MLM

สิ่งที่คุณกำลังจะได้รับทราบต่อไปนี้ เป็นการสัมภาษณ์พิเศษของนักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่มีชื่อเสียง นักลงทุน ผู้บรรยาย และผู้แต่งหนังสือขายดีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกถึง 10 เล่ม "โรเบิร์ต คิโยซากิ" เกิดและเติบโตในฮาวาย เขาเรียนรู้ธุรกิจจากคน 2 คน คนแรกคือพ่อจนผู้ซึ่งมีความรู้สูง เป็นข้าราชการเงินเดือนสูงและเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาเอง และอีกคนหนึ่งคือ พ่อรวย เป็นนักธุรกิจร้อยล้าน ซึ่งออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมสองเท่านั้น เป็นพ่อของเพื่อนสนิทของเขาเอง

ประสบการณ์ปัญหาด้านการเงินตลอดชีวิตของพ่อจน ทำให้คำสอนพ่อรวยของโรเบิร์ต ถูกสนับสนุนมากยิ่งขึ้น ที่ว่า “คนจนและคนชั้นกลางทำงานเพื่อเงิน ในขณะที่คนรวยใช้เงินทำงาน” หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จเป็นนักขายที่มียอดการขายสูงอันดับหนึ่งในบริษัท XEROX โรเบิร์ตเริ่มต้นทำตามความปรารถนาของเขาที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน เขาเริ่มสร้างธุรกิจข้ามชาติมูลค่าเป็นล้านๆ เหรียญสหรัฐอยู่หลายธุรกิจ และท้ายที่สุดก็สามารถเกษียณอายุได้ด้วยอายุเพียง 47 ปี เขาต้องการทำตามความเชื่อของเขาที่ความปรารถนาจะสอนผู้อื่นให้เป็นผู้ร่ำรวย และสามารถค้นหาธุรกิจที่พวกเขาต้องการได้

•ในปี 1997 (พ.ศ. 2540) โรเบิร์ตได้เขียนหนังสือขายดี โด่งดังไปทั่วโลกเล่มแรก ชื่อพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) และได้ออกแบบเกมกระแสเงินสด (Cashflow 101 หรือเกมส์แข่งหนู)
•J.P. Morgan นักข่าวหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้พูดถึงหนังสือ พ่อรวยสอนลูกว่า “เป็นหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับผู้ต้องการเป็นเศรษฐี”
•และหนังสือพิมพ์ USA. Today เรียกหนังสือนี้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของทุกคน ที่ต้องการควบคุมสถานการณ์ทางการเงินในอนาคตของเขาเอง”

โรเบิร์ต ได้เขียนหนังสือ Rich Dad’s Cash Flow Quadrant (พ่อรวยสอนลูก เล่ม2 เงินสี่ด้าน) , Rich Dad’s Guide To Investing (พ่อรวยสอนลงทุน), Rich Kid Smart Kid (สอนลูกให้รวย) หนังสือที่ขายดีในทุกประเทศ และที่กำลังออกมาใหม่ล่าสุด Retired Young Retired Rich “เกษียณเมื่อหนุ่ม เกษียณอย่างร่ำรวย” ข้อเสนอแนะของโรเบิร์ตชัดเจนเข้าใจง่ายนั้นคือ คุณจะยอมรับผิดชอบต่อสถานการณ์ทางการเงินของคุณเองหรือจะยอมรับคำสั่งของคนอื่นๆไปตลอดชีวิต “คุณต้องการที่จะเป็นเจ้านายของเงิน หรือจะยอมเป็นทาสของเงิน” และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์พิเศษ เสนอทางเลือกของเขาในการที่จะเกษียณขณะที่ยังหนุ่มและเกษียณอย่างร่ำรวย


MC: คุณโรเบิร์ต ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติในวันนี้ เป็นที่กระจ่างชัดว่ามีคนเป็นล้านๆ คน ได้รับความรู้และประโยชน์ จากหนังสือและเทปของคุณ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ่าน “พ่อรวยสอนลูก” “เงินสี่ด้าน” หรือ “Cash Flow Quadrant” ขอให้คุณกรุณาช่วยอธิบายเกี่ยวกับเงินสี่ด้าน Cash Flow Quadrant ว่าคืออะไรสักเล็กน้อยได้ไหมครับ?

ผมอยากให้ท่านผู้ฟังทุกท่านลองนึกวาดภาพตามดังนี้นะครับ สัญลักษณ์เครื่องหมายกากบาท มุมบนด้านซ้าย คือตัวอักษร E ใต้ลงมาคือ S มุมขวาด้านบน คือ B และมุมที่เหลือ คือ I คุณโรเบิร์ตช่วยกรุณาอธิบายได้ไหมครับว่ามันหมายถึงอะไรครับ?

Robert: ลำดับแรก

E หมายถึง Employee ลูกจ้าง
S หมายถึง Self Employ/Small Business ธุรกิจส่วนตัว ,
B หมายถึง Business Owner/Big Business เจ้าของกิจการ เช่น ไมโครซอฟ, อินเทล และ
I หมายถึง Investor นักลงทุน

พ่อจนของผมและคนส่วนใหญ่ได้ถูกสอนมาให้ “ไปเรียนหนังสือ และออกมาหางานทำ” พ่อจนของผมได้โปรแกรมผมให้อยู่ด้าน E หางานที่มั่นคง ทำงานหนัก เพื่อเงินบำนาญ สวัสดิการ

S หมายถึง Small Business หรือ Self Employed ธุรกิจส่วนตัว ส่วนใหญ่จะเป็นอาชีพ แพทย์ นักกฎหมาย ทนายความ หรือ นักธุรกิจขนาดเล็กที่พอใจที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง ต้องการทำอะไรด้วยตัวเอง เช่นที่ Dale แห่งบริษัทคอมพิวเตอร์เดล พูดว่า “ถ้าคุณต้องการทำอะไรให้ถูกต้องเสมอ คุณต้องทำด้วยตัวของคุณเอง” และคนส่วนนี้ก็จะกลายเป็น S พวกเขาต้องการอิสระ

ธุรกิจขนาดใหญ่จะอยู่ทางด้าน B นักธุรกิจขนาดใหญ่ๆ เช่น Bill Gate ผู้ก่อตั้งธุรกิจขนาดยักษ์หลายล้านๆ เหรียญสหรัฐเป็นธุรกิจนานาชาติ ซึ่งก็มีไม่กี่คนที่เป็นคนร่ำรวยระดับโลกแบบนี้ คนร่ำรวยระดับโลกจะมาจากด้าน B คุณไม่มีทางเป็นคนร่ำรวยได้ถ้าคุณยังอยู่ด้าน E และ S

ส่วนด้าน I คือ Investor นักลงทุน จะมาได้จากการใช้เงินทำงานให้เขาเท่านั้น พ่อจนและแม่จนของผมอบรมให้ผมกลายเป็น E และ S และระบบการสอนในโรงเรียนก็สอนผมให้กลายเป็น E และ S มุ่งสู่การหางานที่มั่นคงและปลอดภัย ด้าน B และ I เป็นด้านสำหรับคนรวย พ่อรวยของผมพูดว่า “ถ้าเธอต้องการร่ำรวย ต้องสร้างธุรกิจของเธอเอง”

MC: และสิ่งที่คุณพูดในหนังสือที่กล่าวว่าเมื่อคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในด้น E เริ่มสร้างธุรกิจของเขาเอง ก็มักจะเริ่มต้นจากด้าน S เช่นสร้างธุรกิจขนาดย่อม อาจจะเป็นผู้รับเหมาช่วง รับงานเสริมต่างๆ การกระทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ครับ?

Robert: มันไม่มีถูกหรือผิดหรอกครับ แต่ว่าเมื่อหลายคนเริ่มพูดว่า “ผมต้องการทำอะไรที่เป็นของตัวเอง” พวกขาก็จะเริ่มโยกย้ายตัวเองจากด้าน E และก้าวสู่ด้าน S และมันก็จะเข้าสู่วัฎจักรที่ไม่มีวันจบในความเห็นของผม เพราะว่าทุกคนจะต้องพึ่งคุณ รัฐบาลก็ต้องพึ่งภาษีจากการทำงานของคุณ ลูกจ้างก็ต้องพึ่งพาคุณ และแล้วคุณก็จะไม่มีเวลาว่างเลย เพราะว่าถ้าคุณไม่ทำงานรายได้ก็หยุด นี่เป็นส่วนที่ยากที่สุดและนี่เป็นสิ่งที่ธุรกิจขนาดย่อมทั้งในสหรัฐอเมริกาและทุกแห่งในโลกต้องเผชิญอยู่ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวต้องทำงานเสมือนเครื่องจักร และก็พบว่ามีไม่กี่คนที่สามารถร่ำรวยได้จากด้านนี้ แต่พวกเขาต้องทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน นี่เป็นจุดที่ S แตกต่างจาก B เพราะเมื่อไรที่ S นักธุรกิจขนาดย่อมหยุดทำงาน รายได้ก็หยุดไปด้วย แต่ขณะที่นักธุรกิจในด้าน B หยุดทำงาน รายได้เขายังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง และด้านไหนล่ะที่ดีกว่ากัน ผมคิดว่าด้าน B เนี่ยแหละยอดเยี่ยมทีเดียว

พ่อรวยอบรมผมให้อยู่ด้าน B และ I ท่านสอนผมให้เป็น B และ I โดยการเล่มเกมเศรษฐีที่มีสูตรในเกมที่เรารู้จักกันดี คือ บ้านสีเขียว 4 หลัง เท่ากับ 1 โรงแรมสีแดง , บ้านสีเขียว 1 หลัง เท่ากับ 1 โรงแรมสีแดง ดังนั้นมันจึงชี้ให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันกับคนที่กำลังมองหาการเปลี่ยนแปลง มุมมองของการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันอย่างมาก


MC: ในความเห็นของคุณอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่หยุดความคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจในด้าน B จริงๆ ครับ?

Robert: ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะสร้างมันได้เพราะคุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี ในการสร้างธุรกิจแบบ B ซักหนึ่งตัว และสถิติความล้มเหลวก็สูงมากถึง 90% ใน 5 ปีแรก และการสร้างธุรกิจแบบ B ปัจจุบันต้องใช้เงินทุนสูงถึง 5 ล้านเหรียญต่อปี เพียงแค่สร้างมันเท่านั้นนะครับ และถ้าคุณล้มเหลวคุณก็จะเป็นหนี้มหาศาล เป็นสาเหตุที่หลายๆ คนล้มละลาย และผมเองก็เจ๊งถึง 2 ครั้ง ถึงกับล้มละลายทำให้เสียหายหลายล้านเหรียญ หลายๆ ครั้งผมต้องใช้เวลาถึง 10 ปี จึงจะเริ่มรับเงินเป็นผลกำไร คนส่วนใหญ่ในด้าน E และ S ไม่สามารถรับกับสภาวการณ์ทางการเงิน ทั้งทางด้านอารมณ์ และ ความคิด แล้วพวกเขาก็ไม่รู้วิธีการเข้าสู่ด้าน I การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แบบนักลงทุนที่ถูกต้องแบบที่ผมได้รับการฝึกฝนมา

ดังนั้น ถ้าคุณต้องการสร้างธุรกิจของคุณมีทางหนึ่ง คือ คิดสร้างระบบของคุณขึ้นมาเอง ซึ่งผมก็ได้พยายามหลายครั้ง ผมมีโรงงาน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เหมืองแร่ บริษัทน้ำมัน ผมถูกฝึกมาให้ทำธุรกิจแบบนั้น แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้แบบนั้น คุณก็สามารถเริ่มธุรกิจแฟรนไชน์เหมือน Mc Donald เป็นแฟรนไชน์ที่ดี แต่ปัญหาก็ คือ คุณต้องใช้เงินหลายล้านเหรียญเช่นกันในการเริ่มธุรกิจ และก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณในช่วง 2 ปีแรก

แต่มีทางเลือกที่สาม ที่ผมคิดว่าเป็นความได้เปรียบทางด้านข้อมูลข่าวสาร ทำให้คุณก้าวสู่ด้าน B ได้นั้น คือ การตลาดเครือข่าย หรือ Network Marketing (MLM) หลายคนมีความคิดลบๆ กับธุรกิจนี้และในความเป็นจริงผมก็ไม่ได้ทำธุรกิจเครือข่าย หลายคนมีความคิดลบๆ กับคำว่า การตลาดเครือข่าย (MLM) นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าการตลาดเครือข่ายที่แท้จริงคืออะไร คนรวยทั้งหลายในโลกนี้ล้วนสร้างเครือข่ายทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายโทรทัศน์ คนรวยของโลกเป็นเจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ (อาทิ เจ้าของ CNN), โทรศัพท์เครือข่าย เป็นเครือข่ายสถานีบริการโทรศัพท์ที่ให้บริการไปทั่วโลก พ่อรวยเคยพูดกับผมว่า “คนรวยสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนทั่วไปมองหางานทำ” ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณได้รับการฝึกฝนมา การตลาดเครือข่ายในมุมมองของผมเป็นหนทางที่ชาญฉลาดมาก สำหรับคนที่มีทุนน้อย และคุณอาจใช้เวลาซัก 5 ปีด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย ในการเริ่มต้นสร้างทรัพย์สินขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้คุณมีอิสรภาพด้านการเงินได้ ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ให้เวลานานเพียงพอต่อธุรกิจนี้ พวกเขาไม่มีการตัดสินใจ ความมุ่งมั่นศรัทธาที่จะยึดมั่นอยู่กับธุรกิจ แถมยังมีเพื่อนหรือคนที่รู้จักที่มีแต่ความคิดลบๆ ต่อการตลาดเครือข่าย ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้สร้างรายได้จากธุรกิจการตลาดเครือข่าย (MLM) ผมสร้างระบบธุรกิจของผมเอง

ผมเคยมีความคิดลบ ๆ เช่นกัน จนกระทั่งผมได้คิดใคร่ครวญ และเริ่มเปิดใจศึกษา เปลี่ยนมุมมองที่ต่างออกไป และฟังข้อมูลจากเพื่อนผมที่เป็น CEO (Chef Executive Officer/หัวหน้าฝ่ายบริหารสูงสุด) และก็เริ่มเห็นคุณค่าของการตลาดเครือข่ายอย่างแท้จริง การตลาดเครือข่าย (MLM) คือ ช่องทางให้คนทั่วไปผู้ซึ่งไม่มีเงินลงทุนมากนัก ทั้งยังสามารถทำงานปัจจุบันช่วงกลางวัน แล้วก็ใช้เวลาหลังเลิกงานสร้างทรัพย์สินที่ทำให้พวกเขามีอิสรภาพได้


MC: ผมไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่ทั่วไปจะคิดว่าการตลาดเครือข่าย หรือ MLM คือธุรกิจที่แท้จริง

Robert: แล้วคนที่อยู่ด้าน E กับ S ทั่วไปรู้จักธุรกิจที่แท้จริง ได้อย่างไร ? พวกเขาเป็นลูกจ้าง หรือติดอยู่กับงานที่เขาต้องทำมันอยู่ทุกวันเป็นธุรกิจส่วนตัว ผมต้องขออธิบายอะไรบางอย่างก่อน ที่ผมจะตอบคำถามต่อไปว่า เหตุผลอะไรที่ผมมาให้สัมภาษณ์บันทึกเทปนี้กับคุณเพราะผมต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่ผมเห็นว่ามันกำลังเกิดขึ้น และทำไมคุณถึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

ทุกวันนี้ผมได้ยินคนหลายคน พูดว่า
“เมื่อไหร่เราจะกลับสู่ภาวะปกติเสียทีนะ”

ผมอยากจะถามพวกคุณว่า
“สภาวะปกตินั้นคืออะไร”

คุณรู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร คุณกำลังพูด “บ้าอะไร” ผมพยายามที่จะพูดกับคุณทุกคนว่า “ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนไปแล้ว” เหตุผลที่เปลี่ยนไปก็ธรรมดามากๆ เพราะเรายอมให้คนที่อำนาจเหนือคุณเที่ยวสั่งคนนู้นคนนี้ไปทั่ว ผมต้องการอิสรภาพของผม เหตุที่ผมต้องการมาอยู่ด้าน B เพราะว่า ผมสู้เพื่ออิสรภาพของผม สู้เพื่อจิตวิญญาณของผม แล้วคำว่า “อิสรภาพ” ในความหมายของผม คืออะไรผม หมายถึง การมีทางเลือกที่มากขึ้น ถ้าคุณอยู่ในด้าน E และ S คุณต้องยอมเสียอิสรภาพหลายๆ อย่าง ผม หมายถึงว่า ถ้าคุณเป็น E ก็จะมีคนอื่นๆ เป็นผู้กำหนดว่า “คุณควรมีรายได้เท่าไหร่? คุณต้องมาทำงานกี่โมง? เมื่อไหร่ที่คุณจะได้พัก? เมื่อไหร่คุณจะได้ทานอาหารกลางวัน? เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับบ้านได้? เมื่อไหร่คุณจะได้ขึ้นเงินเดือน? หรือ ค่าจ้าง? และที่เลวร้ายที่สุด สำหรับแนวคิดการหางานทำงานที่มั่นคงทุกวันนี้ก็คือ ถ้าหากว่าบริษัทเกิดบริหารงานผิดพลาด เกิดมีปัญหาขึ้นมาเขาก็จะลดขนาดขององค์กรลง ปลดคุณออก แล้วคุณจะทำอย่างไร

เมื่อคุณมองโลกทุกวันนี้ โลกของเราเต็มไปด้วยคนที่มีอำนาจเหนือคุณ และถ้าคุณมองให้ดีๆ ไม่ต้องมองไกลหรอก ผมพบเหตุการณ์เหล่านี้ในโลกธุรกิจทุกวัน ผมพบว่ามีคนพยายามผลักดัน กดดันผมตลอดเวลา สาเหตุหลักที่ผมต้องการอยู่ด้าน B เพราะผมไม่ต้องการถูกกดดันให้ทำโน่น ทำนี่ โดยคนอื่น ผมไม่ต้องการให้ใครมากำหนด ว่าผมควรมีรายได้เท่าไหร่? หรือ มาบอกผมว่า “พรุ่งนี้ผมยังคงมีงานทำอยู่หรือไม่”

สิ่งที่ผมไปรบที่สงครามเวียดนามคือ เพื่ออิสรภาพ และ อิสรภาพต้องการความกล้า มันต้องการความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ผมเห็นหลายคนอ่อนแอลงทุกที พวกเขาพร่ำบ่นว่า “โอ้พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้นะ” และพวกเขาก็อ่อนแอลงทุกที แล้วคุณก็จะถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ทุกวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทั้งพ่อและแม่ผมสอนเสมอก็คือ ต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่เป็นคนที่หินหรือเขี้ยว และอย่าทำตัวเป็นเด็ก เที่ยวชกต่อยกับเด็กคนอื่นๆ ถ้าทำแบบนั้นผมก็จะเป็นเด็กอยู่ดี ทุกวันนี้ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จและมาอยู่ด้าน B คุณต้องเป็นคนที่มีความคิด อารมณ์ และคุณธรรมที่แข็งแกร่งอยู่ภายใน และคุณต้องมีไหวพริบ ฉลาด พ่อจนของผมเป็นคนที่หินหรือเขี้ยวมาก แต่ในทางด้านการเงิน เขาไม่มีไหวพริบเลย นั้นแหละทำไม เขาจึงถูกไล่ออกจากงานตอนอายุ 50 ปี เขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ เขาต้องการงานของเขาคืนมา “กรุณาเถิดของานค่าจ้างสูงๆ ของผมคืนมา” และเมื่อผมพูดกับคนทั่วไปว่า ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ จงมีความเข้มแข็งใฝ่หาความรู้ เพราะเป็นสิ่งที่ด้าน B ต้องมี สาเหตุที่ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจของผมเองเพราะว่า เพราะผมไม่ยอมให้ใครมาผลักดันผม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมทำตัวเป็นเด็กๆ ผมเพียงแต่ไม่ยอมให้ใครผลักผมไปมา

สิ่งที่ผมกำลังพูดกับคุณในวันนี้ เด็กชายเหล่านั้นในธุรกิจทั่วโลก ผมหมายถึงเด็กชายที่อยู่ถัดจากคุณนั้นแหละที่คุณเรียกว่า เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน คนที่อยู่ข้างหน้าคุณ แล้วก็คอยบอกคุณว่า คุณจะต้องดำเนินชีวิตคุณอย่างไรนั้นแหละ

ดังนั้น ยิ่งคุณแสวงหางานที่มั่นคงมากเท่าไหร่ อิสรภาพของคุณก็น้อยลงเท่านั้น


MC: ผมคิดว่าคุณคงจะเห็นด้วยนะครับ ว่าทุกวันนี้ผมเห็นคนไปทำงานกันทุกวัน ขณะเดียวกันเขาก็จะพร่ำบ่นกับเพื่อนร่วมงานข้างๆ ว่าเขาเกลียด ใช่ครับ เขาเกลียดงานของเขา เขาเกลียด ที่ต้องจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะพูดกับคนแบบนี้ว่าอย่างไรครับ?

Robert: “คุณต้องตื่นได้แล้วเพื่อน” ผมเห็นคนในรายการทีวีพร่ำบ่นถึงการปลดคนออกจากงานประจำ ผมต้องการงาน ผมต้องการเงิน ถ้าคุณต้องการจริง ๆ คุณต้องตื่นได้แล้ว ยิ่งคุณต้องการมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้มันมากเท่านั้น สิ่งที่สวยงามมากเกี่ยวกับการตลาดเครือข่ายก็คือว่า มันเป็นโอกาสของคุณ ที่คุณจะใช้เงินไม่กี่เหรียญประมาณว่าซัก 500 เหรียญคุณสามารถมีโอกาสในการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง รักษางานประจำหรือธุรกิจส่วนตัวของคุณไว้ แต่ว่าต้องเข้มแข็งให้มากขึ้น ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จในการตลาดเครือข่ายสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมขอแนะนำคือ จงอยู่ในธุรกิจนี้ให้นานอย่างน้อย 3, 4 หรือ 5 ปี เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับคือ คุณได้รับความรู้ และความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าพ่อผมทั้ง 2 คนเป็นคนที่เข็มแข็ง และ ซื่อสัตย์ ปัญหาก็คือพ่อจนของผมไม่ได้รับการฝึกฝนในการเป็นเจ้าของกิจการ เขาไม่เคยมีทัศนคติที่จะออกมาอยู่ทางด้าน B พ่อจนของผมเป็นครูสอนหนังสือและถูกออกตอนอายุ 50 ปี เพราะว่าเขาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐฮาวาย

ถ้าคุณคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องที่สวยงาม ใจดี มีความสุข ไม่ใช่แน่นอนมีคนที่มีอำนาจมากมายในวงการเมือง พ่อของผมลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับเจ้านายของท่าน และเมื่อเจ้านายของท่านได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ ท่านก็ไม่มีโอกาสได้กลับเข้าไปทำงานในราชการของรัฐฮาวายอีกเลย และพ่อผมก็ไม่เขี้ยวพอที่จะต่อสู้กับเขาได้

สิ่งที่ผมกำลังพยายามอธิบายอยู่นี้ก็คือว่า ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ การตลาดเครือข่ายเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าทุกบริษัท มีบางบริษัทที่เสนอให้คุณเข้าสู่ด้าน B ที่ดีที่สุดด้วย ระบบการถ่ายทอดความรู้ ทั้งด้านความคิด อารมณ์ และแก่นแท้ที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิด จะพูดอย่างไรเกี่ยวกับคุณอีกเลย คุณจะไม่ปล่อยให้ใครมาผลักคุณไปโน่นไปนี่อีกต่อไป นั้นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังพยายามทำอยู่ แต่ถ้าคุณอ่อนแอในวันนี้ คุณก็จะสูญเสียอิสรภาพของคุณเอง ถ้าคุณอ่อนแอวันนี้คุณก็จะปล่อยให้คนอื่นกดดันคุณต่อไป “โอขอโทษน่ะท่าน ของานให้ผมทำต่อไปเถอะ ขอเงินเดือนผมขึ้นนะครับ ขอผมกลับก่อนสัก 2 ชั่วโมงได้ไหมครับ เพราะว่าลูกผมป่วย” ผมหมายถึง คุณจะยอมเป็นคนที่อ่อนแออย่างนั้นหรือ? คุณไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จมาอยู่ฝั่ง B ได้ ตราบใดก็ตามที่คุณยังคงขอคำอนุญาตทำโน่นทํานี่ตลอดเวลา แล้วคนอื่นๆ ที่เขาเห็นคุณ เขาจะคิดกับคุณอย่างไร?

ไม่กี่วันก่อนผมต้องติดต่อเจรจาต่อรองกับชายคนหนึ่ง เขาพยายามผลักดันผมไปมาด้วยนักกฎหมายของเขา คุณรู้ไหมผม ผมคิดว่าผมไม่อาจยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผมเป็นอันขาด คุณไม่จำเป็นจะต้องไปถึงตะวันออกกลางเพื่อจะหาลูกปืนหรอกนะ มันอยู่ถัดไปจากตัวคุณนั้นแหละ คุณพบกับเหตุการณ์เหล่านี้ทุกวัน หัวหน้างานของคุณ เจ้านายของคุณ เพื่อนร่วมงานของคุณต้องการผลักดัน กดดันคุณไปมา

แต่ว่าระบบการตลาดแบบเครือข่ายได้เสนอ การพัฒนาความคิด การฝึกอบรม ทั้งด้านจิตใจ จิตวิญญาณ ผมหมายถึง ความแข็งแกร่ง ความอดทน ถ้าคุณมีความอดทนเพียงพอ คุณสามารถยืนหยัดได้เช่นเดียวกับผู้ที่สามารถข้ามมาสู่ฝั่ง B เช่นกัน นั้นแหละที่ทำไมผมถึงพูดว่า มันเป็นโปรแกรมการฝึกอบรมที่เยี่ยมยอดมาก


MC: สิ่งหนึ่งที่คุณได้กล่าวถึงในหนังสือคือ เรื่องความใฝ่ฝัน ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าใครก็ตามที่ทำงานประจำมานานถึง 15 ปี ความใฝ่ฝันก็อาจจะหมดไป ความฝันของเขาก็อาจะเป็นเพียงแค่จะพาลูกเขาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ปีหน้าเท่านั้น?

Robert: ผมคิดว่าคนส่วนมากมีความใฝ่ฝัน แล้วก็ฝัน แต่มันไม่เคยเป็นจริง พ่อรวยของผมกล่าวว่าสิ่งที่ทำให้ความใฝ่ฝันของเราลดลงเพราะความเป็นจริง

จริงๆ แล้วคุณอาจจะฝันถึงบ้านราคาหลายล้าน แต่ในความเป็นจริงคุณไม่มีมัน คุณอาจจะฝันถึงอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงคุณไม่เคยได้รับมันเลย อย่างไรก็ดีผมขอให้คนทุกคนกล้าที่จะฝัน แต่คุณอาจจะต้องมีการวางแผน มีระบบ มีกระบวนการที่ชัดเจนว่าคุณจะทำความฝันของคุณให้เป็นจริงได้อย่างไร

ถ้าผมต้องการเริ่มต้น สร้างความฝันของผมใหม่ ผมคิดว่าผมจะเข้าสู่ระบบการตลาดเครือข่าย เพราะว่ามันดูมีเหตุมีผลดี มันเป็นระบบที่ถูกสร้างไว้เสร็จแล้วให้คุณ มีนักกฎหมายที่ดูแลเงื่อนไขต่าง ๆ ให้คุณ มีระบบบัญชีที่สมบูรณ์แบบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณทั้งหลายคงจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่ทุกบริษัทนะครับ มันมีทั้งบริษัทเครือข่ายการตลาดที่ดี และไม่ดีเช่นกัน ขอให้เข้าใจด้วยนะครับ แน่นอนว่ามีคนไม่ดีในระบบการตลาดเครือข่ายด้วยเช่นกัน มันก็มีคนที่ดีและไม่ดีทั้งนั้นแหละครับในทุกๆ วงการ

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า สำหรับคนทั่วไปธุรกิจระบบการตลาดเครือข่ายให้โอกาสเขาในการที่จะควบคุมชีวิตของเขาเอง ที่เลวร้ายที่สุดถ้าคุณไม่ได้อยู่ในด้าน B คุณจะสูญเสียการควบคุมในสิ่งเหล่านี้นั้นคือ ค่าใช้จ่ายด้านภาษี เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุด ภาษีสรรพากรจะบอกคุณว่าคุณต้องจ่ายเท่าไหร่และจ่ายเมื่อไหร่ แต่ถ้าคุณอยู่ด้าน B คุณสามารถควบคุมได้อย่างดี ผมกำลังพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะต่อสู้เพื่ออะไร เราต่อสู้เพื่ออิสรภาพ เราต่อสู้เพื่อการมีทางเลือกมากกว่า ยิ่งคุณมีน้อยเท่าไหร่ อิสรภาพน้อยเท่าไหร่ คุณก็มีทางเลือกน้อยเท่านั้น”

การก้าวสู่ด้าน B และ I ช่วยให้คุณมีทางเลือกมากขึ้น มีอิสรภาพมากขึ้น นั้นแหละคือเหตุที่ประเทศของเราถูกสร้างขึ้นมา และทุกๆแห่งในโลกก็ต้องการเช่นเดียวกัน อิสรภาพในการเลือก ผมพูดว่าพวกเด็ก ๆ ที่คอยกดดันคุณตลอดเวลา เหมือนอยู่ในกองทัพนั้นเป็นเรื่องน่ากลัวมาก มีผู้คนจำนวนมากที่คอยกดดันคุณทั้งทางด้านความคิดและอารมณ์ตลอดเวลา ถ้าคนที่นั่งข้างๆ คุณบอกคุณว่า แล้วทำไมต้องเป็นการตลาดเครือข่ายด้วย และถ้าคุณปล่อยให้คนเหล่านั้นมากดดันคุณ คุณก็คือ ผู้แพ้!

และสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมในธุรกิจการตลาดเครือข่ายก็คือ ถ้าคุณเข้มแข็งและอยู่นานเกิน 5 ถึง 10 ปี คุณจะกลายเป็นคนที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำคัญกว่าจำนวนเงินที่คุณหาได้จากการตลาดเครือข่ายเสียอีก นั้นก็คือ มันจะคืนการควบคุมชีวิตของคุณเอง ทางเลือกของคุณเองและเกียรติศักดิ์ศรีของคุณเอง ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้ในทุกวันนี้


MC: แล้วทำไมในช่วงสภาวการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนควรจะเริ่มต้นคิด ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากที่เคยเป็นครับ

Robert: เออ... สาเหตุที่ผมคิดว่าเราควรจะตื่นจากการหลับใหลกันได้แล้วในตอนนี้คือ ผมคิดว่าการพูดถึงงานที่มั่นคงเป็นเรื่องตลกมาก และสูตรเดิมที่ใช้ในการสร้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เคยพูดกันว่ามั่นคงปลอดภัย และถ้าคุณคิดเช่นนั้น คุณก็คงจะเป็นคนที่เชื่อในเรื่อง กระต่ายอีสเตอร์และซานต้าคลอส ผมหมายถึงคุณอาจจะโกรธผม แต่คนที่ขายหุ้นให้คุณเขาต้องว่าดีแน่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเสี่ยงเกินไปสำหรับอนาคตทางการเงินของคุณ และถ้าคุณคิดว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น คุณกำลังพนันชีวิตของคุณกับการขึ้นและลงของตลาดหุ้น ผมหมายถึงคุณกำลังเอาอนาคตของการเกษียณอายุมาพนันเชียวนะ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้นและเกิดตกลงมาเมื่อคุณอายุ 85 ปีแล้ว คุณไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ดังนั้นผมไม่ได้กำลังพูดว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่ดีนะ ผมเพียงแต่พูดว่ามันไม่ปลอดภัย และไม่เป็นการฉลาดเลย ผมจะไม่เอาอนาคตทางการเงินของผมมาเป็นเดิมพันแน่นอน ผมมักจะพูดเสมอว่า ผมไม่เคยเห็นครั้งใดในประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ ที่มีคนจำนวนมากเอาการวางแผนทางการเงินเมื่อเกษียณอายุมาเดิมพันในตลาดหุ้น

นับว่าเป็นเรื่องที่เพี้ยน! เอาการ คุณคิดหรือว่าประกันสังคมจะคงอยู่ตลอดไปเพื่อคอยดูแลคุณ เท่ากับว่าคุณก็ต้องเชื่อในเรื่องกระต่ายอีสเตอร์เช่นกัน โปรแกรมค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากเมื่อเกษียณอายุ สิ่งที่คุณจะได้จะมีค่ายา ส่วนค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่นั้นถ้าคุณมีเงินคุณก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และถ้าคุณไม่มีเงินคุณก็ต้องตาย ซึ่งมันก็เกิดขึ้นแล้วในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และมันก็กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่อ่อนแอและไม่มีประสิทธิภาพ คอยแต่คาดหวัง ความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือบริษัทให้ช่วยดูแลพวกเขา ผมขอพูดว่า ถึงเวลาต้องตื่นขึ้นได้แล้ว ถ้าสิ่งที่ผมพูดมันฟังไม่หวานหู หยาบคาย แต่นั้นแหละคือโลกที่ผมเห็นอยู่ในขณะนี้ คุณต้องเข้มแข็งขึ้น และฉลาดขึ้นได้แล้ว นั้นคือสิ่งที่ผมขอแนะนำ นั้นคือสิ่งที่ผมเห็นว่าการตลาดเครือข่ายได้ช่วยเหลือคนจำนวนมากให้ได้รับโอกาส การจัดการด้านการเงินแก่ตัวเขาเอง


MC: ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมทุกคนไม่ออกไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองซะล่ะครับ

Robert: ผมคิดว่านั้นแหละคือหัวข้อที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ มันคือ ความกลัว คุณรู้ไหมผมก็มีความกลัวอยู่ในตัวผมเช่นกัน ผมรู้จักคนๆนั้นดีที่สุด คนที่ผมรู้จักตอนที่ผมไปรบที่เวียดนาม ผมต้องต่อสู้กับคนที่มีความกล้ากับคนที่มีความหวาดกลัว มันเป็นสงครามที่เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับมันในตัวของเราเองและบ่อยครั้งที่คนขี้ขลาดก็มักจะถามจากคนขี้ขลาด แล้วเขาก็พูดคุยกัน คนหนึ่งอาจถามว่า “คุณทำอย่างนั้นทำไมนะ?” อีกคนก็จะตอบว่า “ก็เพราะผมถูกกดดันจากคนอื่นนะซิ จึงกลายเป็นความขลาด ความหวาดกลัว”

สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ผมออกจากโรงเรียนเพราะเหตุผลสำคัญคือ มีครูคนหนึ่งบอกผมว่า
“ถ้าเธอไม่ทำคะแนนสอบไล่ให้ได้ดีๆ เธอก็จะไม่ได้งานทำดีๆ”

แล้วผมก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ดี! ผมไม่ต้องการได้งานทำ” ครูผมถึงกับสะอึก “เธอนี่ช่างเป็นเด็กที่โง่เง่าจริงๆ นะ” ผมก็ต่อไปอีกว่า “ผมไม่ต้องการหางานทำ อะไรคือปัญหาเหรอครับ?”

ประเด็นก็คือว่า ผมต้องการทดสอบความสามารถของผมในการไม่ยอมถูกกดดัน ไม่ยอมให้ถูกผลักดันไปมา และผมคิดว่า ถ้ามีใครถามผมว่า อะไรทำให้ผมรวย อะไรคือคุณสมบัติอันดับหนึ่งที่ทำให้ผมร่ำรวย นั้นก็คือ ผมมีความกล้าที่จะลุกขึ้นยืนต่อสู้กับสิ่งที่ผมคิดว่าถูกต้องกับตัวผม ผมไม่ได้บอกว่าจะถูกต้องกับทุกคนน่ะครับ ผมเพียงแต่ไม่ต้องการหางานทำ ผมไม่ต้องการเป็นลูกจ้าง คุณครูพูดว่า “ผมต้องเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง” ผมบอกว่า “ไม่! คุณนั่นแหละที่ต้องเป็นลูกจ้าง” แล้วผมก็พูดต่อว่า “ผมไม่สนใจกับเกรดดีๆเลย ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมนายธนาคารยังคงต้องการรายงานสถานะการทางการเงินของผมอยู่ดี นายธนาคารถามผมเรื่องอะไร เขาถามหารายงานการเงินของผม” “แล้วทำไมคุณไม่สอนผมเกี่ยวกับรายงานด้านการเงินล่ะ” แล้วครูก็ “เออ....เออ.....เออ....”

ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ทุกวันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คุณต้องเขามาทำธุรกิจเพราะคุณต้องการเกียรติศักดิ์ศรีของคุณคืนมา คุณต้องการควบคุมชีวิตคุณเอง คุณต้องมีความสามารถในการรวบรวมความกล้า ที่จะไม่สนใจให้ใครมาผลักดันคุณไปมาอีกต่อไป คุณต้องเริ่มต้นคิดด้วยตัวคุณเอง


MC: คุณได้กล่าวถึงการตลาดเครือข่ายว่าเป็น แฟรนไชน์ส่วนบุคคล ขอให้คุณช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าคุณหมายความว่าอะไร?

Robert: ก่อนอื่นผมขอเล่าให้คุณฟังถึงระบบแฟรนไชน์ก่อนน่ะครับ พ่อของผมถูกไล่ออกเมื่อตอนอายุ 50 ปี ซึ่งก็เป็นเหตุจูงใจอันหนึ่งเช่นกันสำหรับผม ถ้าคุณเห็นพ่อของคุณถูกให้ออกจากงาน ถูกเข้าชื่อในบัญชีดำโดยคนที่มีอำนาจเหนือคุณแล้วล่ะก็ ผมว่ามันคงจะทำให้ความคิดคุณเปลี่ยนแน่นอน พ่อผมเอาเงินจากการเกษียณอายุมาลงทุน ขาดทุนในธุรกิจแฟรนไชน์ เป็นธุรกิจไอศกรีม ผมไม่ขอกล่าวชื่อก็แล้วกัน เป็นธุรกิจไอศกรีมแฟรนไชน์ที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน แล้วพ่อผมก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปกับธุรกิจนั้น รู้ไหมระบบแฟรนไชน์ไม่สามารถปกป้องคุณได้ถ้าคุณเองไม่มีความคิด จิตใจ อารมณ์ที่เข้มแข็งที่จะยืนหยัดในโลกด้าน B ในขณะที่การตลาดเครือข่าย คือ ธุรกิจแฟรนไชน์ส่วนบุคคล แต่อันดับแรกคุณต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง ถ้าคุณอยู่ในด้าน E คุณจะคาดหวังว่าจะมีคนอื่นๆ มาปกป้องคุณ “โอ้เจ้านายจะปกป้องฉัน หัวหน้าจะปกป้องฉัน ใช่ไหม” แต่การที่คุณจะก้าวมาสู่ด้าน B ก้าวสู่โลกของปลาฉลาม หมีตัวใหญ่ กอลิล่ายักษ์นั่นแหละเพราะถ้าคุณไม่ประสบความสำเร็จในด้าน B คุณก็จะ “ต่อย...” (เสียงต่อย) คุณก็จะหลุดไป “เอาตื่นๆๆ ไปได้แล้ว บ้าย...บาย” ในด้าน B ไม่มีคำว่า “ยุติธรรม” ไม่มีคำว่า “เสมอภาค” ต่อให้คุณพูดว่า ผมยอมให้ตัดเงินของผม โยนผมลงไปในมหาสมุทร ผมจะสวดมนต์อ้อนวอน ผมทำเกรดได้ดีตอนอยู่ที่โรงเรียนนะ ผมเป็นคนดี ปลาฉลามก็ยังคงกินคุณอยู่ดี ไม่มีอะไรมาปกป้องคุณได้

สำหรับเราแล้วด้าน B ก็คือ การทำให้ตัวเข้มแข็งขึ้น ทั้งด้านความคิดจิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ และนั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชน์พึ่งมี ดังนั้นในองค์กรการตลาดเครือข่ายที่มีคุณค่าจะพยายาม อย่างสุดความสามารถที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง ยืนหยัดอยู่ในด้าน B ซึ่งจะทำให้คุณยืนอยู่บนเท้าทั้งสองข้างของคุณเอง


MC: คุณพูดในหนังสือว่าการตลาดเครือข่ายเป็นการเล่นในระดับภาคสนาม คุณหมายความว่าอย่างไรครับ?

Robert: ผมตระหนักดีว่าการเล่นในระดับภาคสนามเป็นอย่างไร เมื่อตอนที่ผมทำงานให้กับบริษัท ซีร๊อกซ์ คอร์ปอเรชั่น เป็นเพราะว่าผมไม่มีวุฒิการศึกษาปริญญาโทด้านการบริหารหรือ MBA ที่เราเรียกกัน เขาจึงไม่อยากเลื่อนตำแหน่งให้ผม มันช่างน่าตลกไหมหล่ะ ผมเป็นเบอร์หนึ่งด้านการขายเป็นเพราะผมเล่นเกมส์ไม่เป็น พ่อรวยเคยบอกว่า “ถ้าเราพยายามปีนไต่บันไดตามขั้นตำแหน่งในองกรใดๆแล้วล่ะก็ ปัญหาก็คือ วิวทิวทัศน์จะไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย” เพราะเมื่อใดที่คุณแหงนหน้ามองขึ้นไปจะพบตูดใหญ่ๆอยู่เหนือหัวคุณ และอีตาคนนั้นก็ไม่มีทางเคลื่อนตัวได้เร็วด้วย อีกทั้งคุณก็ไม่อาจแซงเขาไปได้ เพราะยังคงมีตูดอีกมากมายอยู่เหนือขึ้นไปอีก ไม่ว่าคุณจะเก่งมากขนาดไหนด้านการขาย มันก็ไม่มีวันแตกต่างไปได้ คุณยังต้องเข้าแถวตามตูดใหญ่ๆ เมื่อผมมองไปก็พบว่านี่ไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ

แต่ในการตลาดเครือข่ายคุณได้รับผลตอบแทนตามผลงานของคุณ แต่ถ้าคุณไม่มีผลงานคุณก็จะไม่ได้ผลตอบแทนเช่นกัน แต่ถ้าคุณไม่ชอบแบบนี้ ธุรกิจนี้ก็คงไม่เหมาะกับคุณ แต่ว่ามันเกี่ยวข้องกับผลงานจริงๆ คุณรู้ไหมเราเรียกกันว่าพูดด้วยเงินทุกอย่างจะเดินตามมาเอง นั้นแหละทำไมการตลาดเครือข่ายจึงมีมากมาย มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะจบอะไรมา ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะมาจากครอบครัวประเภทไหน คุณดูดีมีเสน่ห์หรือไม่ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผู้คนมีการเลือกที่รักมักที่ชังเสมอ เราก็รู้ดีว่าถ้าคุณสวยคุณก็มีโอกาสมาก ถ้าคุณน่าเกียจคุณก็มีโอกาสน้อย แต่ธุรกิจนี้มันไม่เกี่ยว มันเกี่ยวกับผลงานเท่านั้น เงินเป็นตัวพูด ทุกอย่างจะเดินตามมาเอง และถ้าคุณยอมรับวิธีนี้ไม่ได้ธุรกิจนี้ก็ไม่เหมาะกับคุณ

ผมชอบการแข่งขัน บางคนเกลียดแต่ผมชอบนะ ผมต้องการเป็นอะไรที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าผมต้องการอัดกับใครนะ แต่ผมมองคู่แข่งหรือคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผมพยายามทำให้ดีขึ้นและในการตลาดเครือข่ายที่สำคัญก็คือ พวกเขาต้องการให้คนพัฒนาขึ้น แต่ในโลกธุรกิจทั่วไป ไม่มีใครต้องการให้คุณดีขึ้น เพราะถ้าคุณดีขึ้น มันจะทำให้งานของเขาคลอนแคลน มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับคนบางคนล่ะ นั้นคือการเล่นอย่างปลอดภัยไง ค่อยๆปีนไปตามบันไดองค์กร แล้วก็รอจนถึงตาคุณ แต่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ปกติสำหรับผมนะ


MC: คุณมีอะไรจะเสริมอีกไหมครับ สำหรับผู้ที่กำลังฟังเทปของคุณอยู่ในขณะนี้

Robert: ผมขอพูดว่าเปิดโอกาสให้อิสรภาพดีไหม ให้โอกาสมัน เปิดใจให้กว้าง อย่าฟังเพื่อนของคุณ ผู้ซึ่งมีแต่ความหวาดกลัว อ่อนแอ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมมีคือ ผมมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจผมพวกเขาต้องการให้ผมร่ำรวย พวกเขาคอยให้กำลังใจผม ก้าวสู่ความร่ำรวยยิ่งๆขึ้น ในครอบครัวพ่อจนของผม มีแต่คนเรียนสูงๆ ระดับปริญญาเอกหลายคน พวกเขามีทัศนคติที่แย่มากๆ เกี่ยวกับเรื่องเงิน ทัศนคติแย่จริงๆครับ ผมไม่ต้องการเป็นแบบพวกเขา คนรวยจะไม่ดูถูกคนอื่น ผมไม่ค่อยชอบแนวของเพื่อนพ่อผมคนหนึ่ง เขาคอยแต่จะทำให้คนอื่นอ่อนแอ คุณต้องหางานที่มั่นคง คุณต้องเล่นด้วยความปลอดภัย อย่าเสี่ยง เขาจะสวดภาวนาบนความหวาดกลัว แทนที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นความหวาดกลัว สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้รับจากการไปรบในสงครามเวียดนามคือ ผมได้เรียนรู้การควบคุมความหวาดกลัว แทนที่ผมจะยอมให้คนขี้ขลาดชนะ ผมคิดว่าในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงใบนี้ โลกที่ปกติคือความผิดปกติ คนที่มีอำนาจเหนือคุณอยู่ใกล้ๆ คุณทั่วไปหมด ผมคิดว่าคุณต้องมีความกล้าแล้วในวันนี้ นั่นแหละที่ผมคิดว่าการตลาดเครือข่ายสามารถให้แก่คุณได้


MC: คำถามสุดท้ายนะครับ คุณคิดว่าการตลาดเครือข่ายเป็นธุรกิจในด้าน B ที่มีความสมบูรณ์แบบหรือไม่?

Robert: ใช่ สำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ทุกคน เหมือนกับถ้าผมพูดว่าการเป็นคนรวยนั้นง่ายมาก ดังนั้นทุกคนต้องรวย คุณต้องค้นหาให้พบจากหัวใจ จากวิญญาณ จากจิตใต้สำนึกของคุณเอง นั้นแหละที่ว่าทำไมหลายคนจึงถามผมว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมร่ำรวย” นั้นคือ ผมไม่ต้องการให้ใครมาบอกผมว่า ผมต้องทำอะไร ผมต้องการอิสรภาพของผมอย่างหมดหัวใจ ผมไม่ต้องการงานที่มั่นคง ผมต้องการอิสรภาพด้านการเงิน นั้นเป็นสิ่งที่ผมปรารถนา เผาผลาญอยู่ในจิตใต้สำนึกผมตลอดเวลา

เหมือนกับทุกวันนี้ถ้ามีใครบางคนมาบอกผมว่าผมต้องทำอะไร ผมจะโกรธมาก ถ้าคุณชอบให้ใครมาบอกคุณว่า คุณจะทำงานได้เงินเดือนเท่าไหร่? คุณจะได้งานทำหรือไม่? เมื่อไหร่ต้องมาทำงาน ดังนั้นการตลาดเครือข่ายไม่เหมาะสำหรับคุณ มันไม่ใช่จริงๆ แต่สำหรับผมแล้วผมเกียจมาก ผมได้เคยลองทดสอบทำแบบนั้นดูแล้ว ผมต้องการอิสรภาพของผมอย่างมาก นั้นแหละทำไมผมถึงไปรบที่เวียดนาม และผมก็คิดว่านั้นแหละทำไมเราถึงต้องต่อสู่ในวันนี้ อิสรภาพในทางเลือกของเรา ที่จะอยู่ จะคิด จะทำ เลือกรูปแบบการดำเนินชีวิตของเราเอง นั่นแหละที่การตลาดเครือข่ายมีให้กับคุณทุกๆคน


นั่นคือความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ถ้าคุณชอบเทปบันทึกการสัมภาษณ์ผู้แต่งหนังสือขายดี นักธุรกิจเงินล้าน ผู้บรรยายด้านการเงิน Robert Kiyosaki

ทำไมโรเบิร์ตแนะนำธุรกิจเครือข่าย (MLM)

ทำไมคุณโรเบิร์ต ถึงแนะนำธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing - MLM)

ทำไมคุณถึงแนะนำธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM ให้กับผู้อื่น?
มีคนถามผมเสมอว่า ทำไมผมจึงแนะนำธุรกิจเครือข่ายให้กับคนทั่วไป ทั้ง ๆ ทีผมก็ไม่ได้ร่ำรวยขึ้นมาจากธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายสักหน่อย
ครับ ผมมีเหตุผลอยู่หลายประการที่ทำเช่นนี้ และนี่แหละครับคือที่มาของหนังสือเล่มนี้

โอกาสที่ 1 : โอกาสในการเรียนรู้ธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไม่ใช่เรื่องเงิน
พวกเขามักจะเล่าถึงคนที่สามารถทำเงินได้ถึงหนึ่งแสนเหรียญต่อเดือน จากธุรกิจของเขาให้ฟังอย่างตื่นเต้น และผมก็ได้เคยพบกับคนเหล่านั้นจริง ๆ มาแล้วด้วย ผมจึงไม่มีความสงสัยในศักยภาพของการสร้างรายได้มากมายจากธุรกิจเครือข่ายเลย

โอกาสที่ 2: โอกาสในการเปลี่ยนมาอยู่ด้านขวาของเงินสี่ด้าน แทนที่จะเป็นแค่เพียงเปลี่ยนงานคุณเคยได้ยินคนพูดประโยคต่อไปนี้บ่อยแค่ไหน
1. “ผมอยากจะหยุดทำงานเสียที”
2. “ฉันเบื่อแล้วกับการเปลี่ยนงาน”
3. “ผมอยากจะมีรายได้มากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่อยากลาออกจากงานและเริ่มต้นใหม่อีก แล้วผมก็ไม่อยากกลับไปเรียนหนังสือเพื่อศึกษาวิชาชีพใหม่ ๆ อีก”
4. “ทุกครั้งที่เงินเดือนขึ้น ภาษีก็ขึ้นตามทุกที”
5. “ผมทำงานหนักมากแต่เจ้าของบริษัทรวยอยู่คนเดียว”
6. “ผมทำงานหนักมาก แต่ผมก็ยังมีปัญหาเรื่องการเงินอยู่ผมคงต้องวางแผนเรื่องการเกษียณของผมใหม่”
7. “ฉันกลัวว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะทำให้ฉันเป็นคนล้าสมัยไปเสียแล้ว”
8. “ฉันแก่เกินไป แล้วก็ไม่สามารถทำงานหนักเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว”
9. “ผมเรียนจบทันตแพทย์ แต่ผมก็เบื่อที่จะเป็นทันตแพทย์แล้ว”
10. “ผมเพียงแต่ต้องการหาอะไรใหม่ ๆ ทำและได้มีโอกาสพบกับคนกลุ่มใหม่ ๆ บ้าง ผมเบื่อที่จะต้องทำงานกับคนที่ไม่มีความกระตือรือร้นและก็ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ผมเบื่อที่จะต้องทำงานกับคนที่ทำงานไปวัน ๆ แบบเช้าชามเย็นชามและไม่อยากที่จะทำงานกับบริษัทที่จ่ายเงินให้กับเราเพียงแค่ทำให้เราพออยู่ได้เท่านั้น”

โอกาสที่ 3 : โอกาสที่จะเข้าสู่ด้าน B(เจ้าของกิจการ)
ด้วยต้นทุนในการเริ่มต้นและการดำเนินการต่ำกว่า
ในระหว่างที่ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจและการลงทุนให้กับผู้ฟังกลุ่มหนึ่งที่โบสถ์ ก็มีคนคนหนึ่งถามผมขึ้นว่า “ถ้าด้าน B ดีกว่าด้านอื่นมากถึงขนาดนี้ ทำไมคนส่วนใหญ่จึง ไม่มีเริ่มต้นกันที่ด้าน Bเสียเลย”
มันก็คงจะไม่ใช้เรื่องง่ายเลยที่จะตอบคำถามนี้ และถ้าจะตอบเอาแบบง่าย ๆ ว่า “เพราะต้นทุนมันสูง” คำตอบนี้ก็อาจจะไม่ได้ให้ความหมายถึงเรื่องต่าง ๆ อีกหลายเรื่องที่ครอบคลุมกว้างกว่าเรื่องของเงินมากที่เดียว มีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากที่จะต้องทุ่มเทเข้าไปเพื่อสร้างธุรกิจในด้าน B นี้

โอกาสที่ 4 : โอกาสที่จะไดลงทุนในธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่คนรวยทำ
“ช่วยแนะนำผมหน่อยได้ไหมครับว่าจะมีวิธีลงทุนในอสังหาริม-ทรัพย์อย่างไรโดยที่ไม่ต้องใช้เงินดาวน์”?

โอกาสที่ 5 : โอกาสในการสร้างความฝันให้เป็นจริง
พ่อรวยของผมเคยพูดว่า “มีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่มีความใฝ่ฝันอะไรเลย”

“เพราะอะไรเหรอครับ” ผมถาม “ก็เพราะว่าความฝันเป็นสิ่งที่มีต้นทุน”
จุดประกายความใฝ่ฝัน คิมภรรยาของผมและตัวผมเอง ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสังสรรค์ที่ผู้นำระดับสูงในธุรกิจเครือข่ายท่านหนึ่งจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของเขาซึ้งมีพื้นทีถึง 17,000 ตารางฟุต ในโรงรถของเขาก็มีรถจอดอยู่ถึง 8 คัน และหนึ่ง ในนั้นก็เป็นรถลิมูซีน นอกจากนี้ในโรงรถของเขาก็ยังมีบรรดาของเล่นของเขาเก็บอยู่ด้วย ตัวบ้านและของเล่นของเขาเป็นสิ่งที่ประทับใจผมที่เดียว แต่สิ่งที่ประทับใจผมมากที่สุดก็คือ ชื่อถนนที่บ้านเขาตั้งอยู่เป็นชื่อถนนโดยใช้ชื่อสกุลของเขา เขาตอบว่า “ง่ายมาก ผมบริจาคเงินสร้างโรงเรียนประชาบาล สร้างห้องสมุด ทางการก็เลยตั้งชื่อถนนให้เป็นเกียรติกับผม” คำตอบนั้นเองทำให้ผมรู้ว่าความฝันของเขานั้นใหญ่กว่าของผมมาก ผมยังไม่ เคยมีความฝันที่จะมีชื่อสกุลของผมเป็นชื่อถนน หรือบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียน สร้างห้องสมุดแบบนี้เลย เมื่อกลับจากบ้านของเขาในคืนวันนั้น ผมตระหนักดีว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเพิ่มขนาดความฝันของผมสักที

โอกาสที่ 6 : คุณค่าของธุรกิจเครือข่ายวัดด้วยอะไร
ในปี 1974 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังทำงานอยู่กับบริษัทซีร็อกซ์ที่ฮาวาย ผมมีปัญหาเกี่ยวกับการขายเครื่องแฟกซ์ของซีร็อกซ์เพราะว่าทันเป็นสินค้าใหม่ และที่ยากไปกว่านั้นก็คือคำถามที่ว่า
กิจการทุกแห่งจะต้องมีเครื่องแฟกซ์อย่างน้อยหนึ่งเครื่อง คุณค่าของเครื่องแฟกซ์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเครื่องแฟกซ์เกิดโยงใยกลายเป็นเครื่องข่ายขึ้นมา และการขายก็คำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
“มีใครที่ซื้อเครื่องนี้ไปแล้วบ้าง ? พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงคุณมีเครื่องแฟกซ์แต่ถ้าคนอื่นเขาไม่มีกัน ก็ไม่มีความหมายอะไร กล่าวคือคือเราจะต้องมีเครือข่ายของเครื่องแฟกซ์ แต่หลังจาก 10 ปีผ่านไป วันนี้มีผู้คนใช้เครื่องแฟกซ์ก็มีมากขึ้น

โอกาสที่ 7 : คุณค่าที่คุณประเมินตัวเองจะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่คุณเป็นได้อย่างไร
ระหว่างที่ผมกำลังบรรยายเรื่องการเริ่มต้นและการสร้างธุรกิจก็มีผู้เข้ารับการอบรมคนหนึ่งถามผมว่า
ผมเห็นว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่สำคัญผมจึงได้ให้เวลากับการตอบคำถามนี้มากหน่อย และหลังจากที่ได้ใคร่ครวญสักครู่หนึ่งแล้วผมก็ตอบว่า

โอกาสที่ 8 : โอกาสในการพัฒนาทักษะผู้นำของคุณ
ผมยังจำได้ดีสมัยที่ผมเป็นเด็ก เฝ้ามองพ่อจนของผมยืนพูดอยู่บนเวทีด้วยความมั่นใจและจริงใจเพื่อกล่าวต้องรับบรรดาคุณครูที่เพิ่มได้รับการบรรจุเข้ามาอยุ่เขตการศึกษาของท่านในแต่ละปี ผมมีความรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เห็นว่าคุณครูทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งฟังอย่างตั้งใจ
และหลายครั้งเช่นกัน ผมก็ได้มีโอกาสเฝ้าดูพ่อรวยของผมยืนพูดอยู่บนเวทีกับลูกจ้างนับร้อยในงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทของท่านนอกจากนี้ผมก็บยังเคยมีโอกาสนั่งอยุ่หลังห้องประชุมในขณะที่พ่อรวยของผมกำลังกล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของธุรกิจของท่านต่อคณะกรรมการบริหารและบรรดาพวกผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทของท่าน
เหตุที่ทำให้ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายยังคงเติบโตต่อไป
อนาคตของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายดูออกจะสดใสมากยิ่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในทุกวันนี้มีแนวโน้มที่จะช่วยผลักดันผู้คนให้เข้าสู่ธุรกิจ ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. ผู้คนต้องการที่จะมีอิสรภาพมากขึ้น
2. ผู้คนต้องการความร่ำรวยมากขึ้น
3. กองทุนเงินเกษียณอายุกำลังจะถูกยกเลิก
4. ผู้คนจะตระหนักมากขึ้น
5. โลกก็จะตื่นตัวขึ้น
6. การตกต่ำอาจจะไม่เกิดขึ้น

เพื่อที่จะเปลี่ยนวิธีการคิดเกี่ยวกับเรื่องการเงินจากภายใน คำตอบของผมก็คือ “มีหลายวิธีด้วยกันที่เราจะหาพี่เลี้ยงให้กับตัวเองได้ สำหรับตัวผมเอง ผมมีพี่ เลี้ยงอยู่หลายคนด้วยกันและพี่เลี้ยงที่เยี่ยมที่สุดที่ผมได้พบก็คือ ห้องสมุดเทปของไนติงเกล-โคแนนต์”ในปี 1974 เมื่อลาออกจากกองทัพเรือและสมัครเข้าทำงานกับริษัทซีร็อกซ์ ผมตระหนักดีว่า ผมจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะผู้นำแบบใหม่ ทั้ง ๆ ที่ทักษะผู้นำที่ผมได้เรียนรู้จากกองทัพเรือจะเป็นสิ่งที่มีค่าเหลือประมาณก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในโลกของการดำเนินธุรกิจ

ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย MLM

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย (Networking Marketing - MLM)

1. คือ Win - Win Business (ธุรกิจที่ชนะชนะ ) เมื่อคนที่ท่านแนะนำธุรกิจ (ลูกทีมของท่าน) สำเร็จ
ท่านในฐานะผู้แนะนำ.... จึงจะ.... สำเร็จด้วย

2. คือ No - Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง) ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ใช้เวลาพอควร ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สิน อาคาร, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สินหรือเงินเรา้)
แต่ท่าน.... กำลัง....สร้าง ทรัพย์สินคือ เครือข่ายประชากร (People Assets) ที่.... ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ
และ.... ได้ผลตอบแทนจากทรัพย์สินบนบันทึกข้อตกลง ผลประโยชน์ร่วมกัน!
และ.... ผลตอบแทนนี้ได้มาจาก ผลรวมของทั้งเครือข่าย
บางคน.... เรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income
(รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณยัง เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา)

3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน 8.00 น. ไม่ต้องตอกบัตรออกงาน 17.00 น. ไม่ต้องยื่นใบลากิจ, ลาพักร้อนกับใคร นอกจากขออนุญาติตัวเอง! เป็นเจ้านายงานในเวลาของตนเอง (Time Freedom) นั่นคือ... มีอิสระภาพทางเวลา!

4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก เพื่อให้ท่านได้มีเวลา อยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น (Home Based Business) เพราะ ธุรกิจนี้ทำบนโต๊ะอาหารภายในบ้านของท่าน และบ้านของคนใน เครือข่ายได้

5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาสให้ ได้ร่วมทำงานกับ คนหลากหลาย อาชีพ, หลากหลายประสบการณ์, หลากหลายวัฒนธรรม (Multi Experience - Multi Profession - Multi culture) บนความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง
ทุกคน คือ สมาชิกอิสระ (Distributor) ภายในระบบธุรกิจมีการ.... ถ่ายทอด.... องค์ความรู้ในวิชาชีพ
องค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์.... จิตวิญญาณที่ปลุกพลังแห่งความสำเร็จ ลงไปเป็นชั้น ๆ ต่อ ๆ กัน ไม่รู้จบ

6. เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมท่านเข้ากับธุรกิจ ข้ามชาติระดับโลกท่านไม่ต้องสร้างระบบใหม่ ด้วยตนเอง แต่ดำเนินตาม, ปฏิบัติตามแบบแผน ธุรกิจ (Business - format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก (บางคนเรียกว่าเครือข่ายของแฟรนไชส์ ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคล มาผูกโยงเชื่อมกัน (Network of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty fee) ใดๆ เลย

7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงย ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ท่านเองจะหยุดพักผ่อน, หยุดพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับ
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านหยุดพักร้อน

8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ผลงานแห่ง ความพากเพียร ของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง, 20,000 ชั่วโมง.... แปรผัน.... ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่าน
และ.... เมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงาน เต็มที่เพียง 3 - 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต


หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จาก เงินเดือนเป็นหลัก ท่านอาจต้องทำงาน 35 ปี (60-25) เพื่อรอกินบำนาญเพียงเล็กน้อยต่อไป 5-15 ปี (หลังอายุ 60ปี)

หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 7,000 บาท และโชคดีเงินเดือนของท่าน
ได้รับการปรับเพิ่มทุกๆ ปีๆ ละ 5-10%

เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี.... ท่านจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420 เดือน)
รวมประมาณ 7 ล้านบาท

แต่ท่านทราบไหม? ว่า เงิน 7 ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่าย
(หากครบองค์ 5 : บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม)
ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี หรือไม่ถึง 5 ปี

ลิขิต วันเกษียณอายุของคุณ เพื่อรับบำนาญ หลังจากนี้ ไม่เกิน 5 ปี....

ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

ธุรกิจเครือข่าย คืออะไร

ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM (network marketing) คืออะไร

"ในท่ามกลางที่มืด ย่อมมีแสงสว่างเสมอ"

ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ?
ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมากเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตนเป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ผู้บริโภค เมื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไร 60% ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบธุรกิจแบบเดิม โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการตลาดแบบทั่วๆไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คนแนะนำให้กับคน 2 – 3 คนและแต่ละคนของ 2 – 3 คนบอกต่อกับคน 2 – 3 คนต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

ธุรกิจกิจเครือข่าย นี้คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ? ปัจจุบันมีรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ว่าแต่ว่าคุณจะปฏิเสธที่จะเรียนรู้มันด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบมาก่อน หรือไม่ เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงว่าต้องใช้เงินทุนมาก, ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ จึงจะทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้ ณ.วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝันของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า “ธุรกิจเครือข่าย”

โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2 “Cashflow Quadrant” หรือ “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า
คนในโลกแบ่งตามที่มาของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ

ด้านที่ 1 ) ลูกจ้าง ( Employee ) คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน
ด้านที่ 2 ) ธุรกิจส่วนตัว ( Self – employed ) เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากการทำงานของตนเองหรือกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะต้องเป็นผู้ลงมือทำหรือดูแลด้วยตนเอง
ด้านที่ 3 ) เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ( Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลาและแรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน
ด้านที่ 4 ) นักลงทุน ( Investor ) คือผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้ให้กับตนโดยไม่ต้องทำเอง

โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ

ในทุกๆเช้าของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงานตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร? เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่งเท่านั้นเองหรือ ? เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ?

ผมเชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของการใช้ชีวิตแบบใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรก” หากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน.

ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

ธุรกิจขายตรง กับแชร์ลูกโซ่ แตกต่าง?

ธุรกิจเครือข่าย ขายตรง และ แชร์ลูกโซ่ คืออะไร แตกต่าง อย่างไร

Introduction to MLM (ความรู้เบื้องต้น ของ Network Marketing หรือ ธุรกิจเครือข่าย และความแตกต่างกับแชร์ลูกโซ่)

ธุรกิจเครือข่ายเป็นหนึ่งในระบบเคลื่อนสินค้าที่เติบโตเร็วที่สุดและถูกเข้าใจผิดมากที่สุดในปัจจุบัน ธุรกิจเครือข่ายถูกเชื่อว่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ในยุคปี 1980s แต่เชื่อผมเถิดว่า มันจะเติบโตได้ไกลกว่านั้นแน่ ภายในยุค 1990s สินค้าและบริการมูลค่ามากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกเคลื่อนผ่านบริษัทธุรกิจเครือข่ายทุก ๆ ปี จงจับตามองธุรกิจเครือข่ายในช่วงปี 2000s ถึง 2100s ให้ดี

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านทางรูปภาพและตัวอย่างว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร และสิ่งไหนไม่ใช่ธุรกิจเครือข่าย เรายังจะแสดงให้คุณเห็นว่า คุณจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ผมขอย้ำ “อธิบายอย่างมีประสิทธิภาพ” ได้อย่างไร
ผมขออนุญาตตอบคำถามที่เป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามมากที่สุด และอาจเป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานที่สุดของบรรดาคำถามทั้งปวง นั่นคือ “ธุรกิจเครือข่าย หรือ Multi-level Marketing หรือ MLM นั้นคืออะไร”

Marketing หรือ การตลาด หมายถึง การเคลื่อนสินค้าหรือบริการ จากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค
Multi-Level อ้างถึง ระบบในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบุคคลผู้ซึ่งทำให้สินค้าหรือบริการนั้นเคลื่อนตัว
Multi หมายถึง มากกว่าหนึ่ง
Level หมายถึง ระดับหรือรุ่น

คำว่า MLM นั้นแพร่หลายมากเสียจนพวกพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฎหมาย ได้พยายามทำตัวเองให้เหมือนกับธุรกิจเครือข่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างภาพลบอย่างร้ายกาจและไร้เหตุผลให้กับบริษัทธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ

มีสามวิธีหลักๆ ในการเคลื่อนสินค้าและบริการ คือ
1. Retailing หรือ การขายปลีก ผมเชื่อว่า ทุกๆ คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณเดินเข้าไปในร้านของชำ ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อสินค้าบางอย่างออกมา
2. Direct Sales (Single-Level Marketing) หรือ การขายตรง คือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคของการขาย เช่น การไปบ้านลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้า การโทรศัพท์ไปขายของให้กับลูกค้า การขายตรงบางครั้งถือว่าเป็นการขายที่ไม่มีพ่อค้าคนกลาง (เช่น ร้าน Retail หรือ บริษัทตัวแทนจำหน่าย) ยกตัวอย่าง (แต่ไม่เสมอไป) เช่น การขายประกัน เครื่องครัว สารานุกรม สาวขายเอว่อน มิสทีน
3. Multi-Level Marketing (MLM) หรือ การตลาดเครือข่าย คือสิ่งที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เราไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างข้างบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการขายตรง คนส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างการตลาดเครือข่ายกับการขายตรง
ยังมีการตลาดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า การสั่งทางไปรษณีย์ การทำการตลาดแบบไปรษณีย์สามารถถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Direct sales ได้ บางคนก็ถือว่าการตลาดทางไปรษณีย์เป็นการตลาดแบบที่ 4

แบบที่ 5 ซึ่งมักถูกเข้าใจสับสนกับ MLM ก็คือ แบบพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ ดังที่กล่าวไปแล้วว่าแชร์ลูกโช่นั้นผิดกฎหมาย เหตุผลสำคัญที่ผิดกฎหมายเพราะว่ามันล้มเหลวในการเคลื่อนผลิตภัณฑ์ หรือการบริการไปสู่ผู้บริโภคได้ ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่เคลื่อนไหว เราจะเรียกมันว่า “การตลาด” ได้อย่างไร แชร์ลูกโซ่สามารถใช้คำว่า “เครือข่าย” ได้ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า “การตลาด” ได้

ข้อขัดแย้งส่วนใหญ่ในใจคนมากมาย ที่ทำให้เขาไม่เข้าร่วมทำธุรกิจ MLM คือ เขาไม่รู้ความแตกต่าง ระหว่าง MLM กับ การขายตรง ไม่แปลกใจเลยที่คนส่วนมากสับสนเพราะบริษัท MLM ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสมาคมขายตรง และในบางครั้งคุณอาจมองการทำธุรกิจเครือข่ายเหมือนการการขายเดินขายของแบบเคาะประตู เพราะว่าคุณได้รู้จักกับกับธุรกิจเครือข่ายครั้งแรก เมื่อผู้จำหน่ายเคาะประตูบ้านคุณเพื่อพยายามขายของบางอย่างให้กับคุณ ซึ่งแท้จริงแล้ว มีลักษณะบางอย่างที่แยก MLM ออกจากการขายตรง นั่นคือ หากคุณอยู่ในธุรกิจ MLM คุณอยู่ในธุรกิจเพื่อตัวของคุณเอง แต่ไม่ใช่โดยตัวของคุณเอง

การเข้าร่วมธุรกิจคือคุณจะซื้อสินค้าในราคาขายส่ง (คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองด้วย) หลายคนเข้าร่วมธุรกิจเพราะเหตุผลข้อนี้ หลังจากนั้นคุณก็จะเริ่ม “เอาจริง” เมื่อคุณซื้อสินค้าในราคา“ขายส่ง” ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถ“ขายปลีก” และคุณจะได้ “ผลกำไร” คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า คุณ “ต้อง” ขายปลีก คุณจึงประสบความสำเร็จ บางบริษัทถึงกับกำหนดยอดขายให้สมาชิกทำยอดตามเป้าเพื่อเขาจะได้รับผลตอบแทน คุณสามารถขายถ้าคุณต้องการ หรือ ถ้าคุณจำเป็นต้องขายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนก็ขายไปเถิดครับ แต่หากคุณต้องการสร้างรายได้มหาศาลแล้วหละก็ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น มาจาก “การสร้างเครือข่าย”

ประเด็นสำคัญ: ให้การขายเป็นสิ่งที่ตามมาจากการสร้างองค์กรโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะเขาทำสิ่งที่กลับกัน คือ เขาพยายามสร้างองค์กรโดยการขาย

คำว่า “ขาย” เป็นความคิดทางลบในจิตใจคนถึง 95% ในธุรกิจเครือข่ายคุณไม่จำเป็นต้อง “ขาย” ตามความเข้าใจของโลก แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน ดอน เฟียล่า ได้นิยามคำว่า ขาย ไว้ว่า “การโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า เพื่อขายของบางอย่าง ที่เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ หรือ ไม่ต้องการ”

ขอยืนยันอีกครั้ง ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน

MLM สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Network Marketing เมื่อคุณสร้างองค์กร แท้จริงแล้วคุณกำลังสร้างเครือข่ายที่ใช้ในการกระจายสินค้าของคุณเอง การขายนั้นยังคงเป็นรากฐานของธุรกิจเครือข่าย เพียงแต่การขายในธุรกิจเครือข่ายนั้นมาจากการที่ผู้จำหน่าย “แบ่งปัน” ให้กับเพื่อนและญาติพี่น้องของเขา ไม่ใช่ให้กับคนแปลกหน้า การสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จคุณต้อง “สร้างความสมดุล” คุณต้องอุปถัมภ์ และสอน MLM ให้กับคนอื่น และในกระบวนการนี้เอง คุณจะสามารถสร้างลูกค้าได้ซึ่งก็คือเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องของคุณ

อย่าพยายามอุปถัมภ์คนทั้งโลกด้วยตัวของคุณเอง จงจำไว้ว่า Network marketing คือการสร้างองค์กรผู้จำหน่ายจำนวนมาก แต่ละคนขายคนละเล็กคนละน้อย ซึ่งดีกว่าการใช้คนจำนวนน้อยๆ ขายของปริมาณมาก ๆ

บริษัทธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียเงินปริมาณมหาศาลไปกับการโฆษณา เพราะสุดยอดแห่งการโฆษณาก็คือการบอกแบบปากต่อปากของสมาชิก ดังนั้น บริษัทเครือข่ายจึงมีเงินมาใช้ในการพัฒนาสินค้าได้มากกว่าบริษัททั่วๆ ไป ดังนั้น คุณภาพสินค้าจึงมักดีกว่าสินค้าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันที่พบตามร้านค้าปลีก คุณจึงเพียงแค่แบ่งปันสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่าสินค้ายี่ห้ออื่นๆ ในหมวดเดียวกัน ให้เขาเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อใหม่ ซึ่งคุณได้ทดสอบด้วยตัวคุณเองแล้วว่า มันดีกว่า

คุณคงเห็นแล้วว่านี่ไม่ใช่การเดินไปเคาะประตูตามบ้านเพื่อขายสินค้าให้กับคนแปลกหน้า ธุรกิจเครือข่ายที่ผมรู้จักสอนว่า การที่คุณแบ่งปันคุณภาพสินค้าและบริการให้กับเพื่อนของคุณ ทั้งหมดนี้แหละที่ “การขาย” เข้ามาเกี่ยวข้อง จริงๆควรใช้คำว่า “การแบ่งปัน” มากกว่า “การขาย” เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

หากคุณทำงานให้กับบริษัทขายตรง และคุณตัดสินใจที่จะลาออกเพราะคุณต้องย้ายไปอาศัยที่ท้องถิ่นอื่น คุณอาจต้องเริ่มทำงานทั้งหมดใหม่อีกครั้ง แต่หากคุณอยู่ในบริษัท MLM คุณสามารถย้ายไปในท้องที่ใดก็ได้ และเริ่มอุปถัมภ์ผู้คนใหม่โดยไม่สูญเสียยอดขายจากองค์กรที่คุณได้สร้างไว้แล้วในท้องที่เดิม การทำธุรกิจเครือข่ายคุณสามารถสร้างรายได้ได้มากมายจากการสร้างองค์กร ไม่ใช่แค่การขาย ข้าพเจ้ายังขอยืนยังอีกครั้ง คุณสามารถมีความเป็นอยู่ที่ดีได้จากการขายของ แต่คุณสามารถสร้าง “ความมั่งคั่งอย่างถาวร” ได้ด้วยการสร้างองค์กรเท่านั้น

ผู้คนจำนวนมากเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายเพียงแค่ต้องการมีรายได้เพิ่มเดือนละ 5000 , 10000 บาท หรือ 20000 บาท ต่อเดือนและทันใดนั้นเขาต้องการที่จะจริงจังและเขาสามารถทำได้ถึงเดือนละ แสน หรือ 3 แสนได้ หรือมากกว่านั้น เขาเหล่านี้ไม่ได้หาเงินจำนวนมากจากการขายของ เขาทำได้จากการสร้างองค์กร

นั่นคือวัตถุประสงค์ของเวปไซต์แห่งนี้ เราจะให้ความรู้คุณให้สามารถสร้างองค์กรได้และทำได้อย่างรวดเร็วด้วยโดยการสอนให้คุณสร้างทรรศนะคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายให้กับผู้มุ่งหวัง หากผู้มุ่งหวังของท่านเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายนั้นผิดกฎหมายเสียแล้ว คุณจะมีปัญหาในการอุปถัมภ์เขาอย่างแน่นอน

คุณต้องชี้แจงให้เขาเห็นถึงข้อเท็จจริง เพื่อขจัดทรรศนะคติหรือความเข้าใจผิดที่ว่า “ธุรกิจเครือข่ายนั้นเหมือนพีระมิด” ขอให้ทำความเข้าใจตัวอย่างข้างล่างและรูปนี้เพราะคุณสามารถนำมันไปใช้อธิบายกับผู้มุ่งหวังได้

พีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่นั้นสร้างจากยอดลงมาด้านล่าง ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาสู่ธุรกิจเป็นกลุ่มแรกเท่านั้นที่สามารถอยู่ด้านบนของพีระมิด แต่ในรูปสามเหลี่ยมในธุรกิจเครือข่าย ทุกๆ คนเริ่มต้นจากด้านล่างและมีโอกาสเท่า ๆ กันที่จะสร้างองค์กรขนาดใหญ่ของตัวเอง ทุกๆ คนสามารถสร้างองค์กรให้ใหญ่กว่าองค์กรของผู้แนะนำของเขาได้หลายเท่าถ้าต้องการ

ข้อแตกต่างอีกอย่างของ MLM กับการขายตรงนั้นคือการ “ช่วยเหลือ” (Sponsor) ผู้จำหน่ายคนอื่นๆ บางบริษัทอาจใช้คำว่า การหาสมาชิกใหม่ อย่างไรก็ตาม การ Sponsor กับการหาสมาชิกนั้นต่างกันอย่างแน่นอน คุณ Sponsor คนบางคน แล้ว “สอน” ให้เขาทำสิ่งที่คุณทำอยู่ เพื่อให้เขาสร้างธุรกิจของเขาเอง การ Sponsor คนบางคน กับการทำให้คนบางคนเซ็นใบสมัครนั้นต่างกันมาก เมื่อคุณ “Sponsor” ใครบางคน คุณกำลังให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเขาจนกว่าเขาจะประสบความสำเร็จ หากคุณไม่ประสงค์ที่จะให้คำมั่น คุณกำลังทำร้ายเขาถ้าคุณทำให้เขาเซ็นใบสมัคร

ณ จุดนี้ สิ่งที่คุณต้องการคือความตั้งใจจริงที่จะช่วยให้เขาสร้างธุรกิจของตัวเอง เวปไซน์แห่งนี้จะเป็นอุปกรณ์ล้ำค่าที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณต้องทำอะไร และทำอย่างไร ในการช่วยเหลือคนคนหนึ่งให้สร้างธุรกิจของตัวเอง

มันเป็น “ความรับผิดชอบ” ของผู้แนะนำที่จะสอนผู้ที่เขานำเข้ามาในธุรกิจให้รู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในธุรกิจ เช่น การสั่งสินค้า การจดบันทึกความคืบหน้าในธุรกิจ การเริ่มต้น วิธีในการฝึกอบรม เพราะการช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเติบโต เมื่อองค์กรของคุณโต คุณก็จะเป็นนักธุรกิจอิสระที่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดคุณจะกลายเป็นเจ้านายของตัวเอง!

ดังที่ผมกล่าวไปในตอนต้นว่าภายในยุค 1990s MLM หรือธุรกิจเครือข่าย ได้ทำเงินไปมากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญ นี่เป็นธุรกิจที่ใหญ่มาก! แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้ ธุรกิจเครือข่ายนั้นอยู่รอบๆ ตัวเรามามากกว่า 40 ปีแล้ว บางบริษัทที่เปิดทำการมากว่า 20 ปี กำลังทำเงินกว่าร้อยล้านเหรียญต่อปี ผมรู้จักบริษัทหนึ่งที่ทำรายได้มากกว่าสองล้านเหรียญในปีแรก ในปีที่สองเขาทำได้ถึงสิบห้าล้านเหรียญ ในปีที่สามเขาคาดหวังรายได้ 75 ล้านและ หนึ่งพันล้านเหรียญภายในปีที่ 5! หลักการในเวปไซน์แห่งนี้จะทำให้คุณเห็นว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นจริงได้อย่างไร และสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน

ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย

ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย



-------" ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย ? "

-------เราเชื่อว่าคุณ.มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่เพราะการที่คุณเข้ามาในเว็บไซต์นี้ได้
ย่อมแสดงให้เห็นว่า คุณกำลังแสวงหาโอกาสก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ทั้งความมีอิสระทางการเงิน และเวลา
เพื่อตัวคุณเอง และครอบครัวอันเป็นที่รักของคุณ เมื่อพูดถึง "ทรัพย์สิน" บุคคลส่วนใหญ่ก็ยังคงนึกถึง
รูปแบบทรัพย์สินในยุคเก่าๆเช่น ที่ดิน เครื่องจักร โรงงาน อาคาร ใบหุ้นอนุพันธ์ทางการเงิน ในขณะที่
ปัจจุบันคำว่า "ทรัพย์สิน" ได้เปลี่ยนรูปแบบออกไปมากมาย โดยเฉพาะทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ เช่น
ลิขสิทธิ์ทางปัญญา ลิขสิทธิ์ในระบบแฟรนไชส์ "ค่ากรรมสิทธิ์ในระบบธุรกิจเน็ทเวิร์ค" สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้ว
ก็คือ อัตราผลตอบแทนจากการสร้างทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้เหล่านี้กลับสูงกว่า และใช้เวลาน้อยกว่า
ในการสร้างทรัพย์สินที่จับต้องได้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว แต่บุคคลส่วนใหญ่ก็ไม่คุ้นเคยกัน และยังไม่เข้าใจ
ว่าจะสร้างทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้เหล่านั้นได้จากไหน?

-------คุณจะคิดอย่างไร ? หากวันนี้เราจะบอกว่า คุณสามารถที่จะสร้างธุรกิจเงินแสน เงินล้าน ขึ้นมาได้
จากสินค้าในชีวิตประจำวันของคุณ และจากการทำงานที่บ้านเพียงวันละ 1-2 ชั่วโมง ด้วยเงินลงทุนเพียง
หลักพันเท่านั้น และใช้ระยะเวลาในการสร้างเพียง 1-3 ปี โดยที่คุณไม่ต้องจ้างแรงงานไม่ต้องกู้เงิน
ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องมีที่ทำเล ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจของคุณจะสามารถขยายตัวออกไปได้ด้วยระบบของมันเอง
และเมื่อถึงวันที่คุณสร้างธุรกิจสำเร็จ เครือข่ายธุรกิจของคุณจะกลายเป็นทรัพย์สิน ที่จะสร้างรายได้ให้คุณตลอดไป
ถึงแม้วันนั้นคุณหยุดทำงาน หรือคุณจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปก็ตาม ทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะยังเป็นของทายาท
ของคุณสืบต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น

-------แนวโน้มในอนาคตจะมีประชากรที่ว่างงาน และมีปัญหาเรื่องการครองชีพเพิ่มมากขึ้นทั้งนักศึกษาที่จบใหม่
คนที่ตกงาน เพราะโรงงานและบริษัทที่ไม่เพิ่มขึ้นมีแต่จะลดขนาดให้เล็กลง รวมถึงการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยี
ที่ทันสมัย มาทำงานแทนมนุษย์ เกือบทุกบริษัทต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้เล็กลง เป็นเหตุให้หลายๆคน
ต้องออกจากงานก่อนกำหนด และอีกหลายๆ คนที่ออกจากงาน เพราะเกษียณอายุจึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากต้องดิ้นรน
เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ เช่น ต้องหางานเสริม รับจ๊อบทั่วๆไป หรือเช่าล๊อกค้าขายของเล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็เป็นการแก้ปัญหา
เพื่อความอยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น และก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่มีเงินทุน ไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการทำธุรกิจ
หรือบางคนไม่มีทางออกใดๆ เลย โดยทำงานไปแค่เพียงวันๆ ขาดการวางแผน มิได้คำนึงถึงตนเองและบุตรหลาน
ในอนาคต ว่าจะอยู่อย่างไร.! ทำงานอะไร.! จะมีรายได้อย่างไร.! จะมีความก้าวหน้าและความมั่นคงในอนาคตได้อย่างไร.!

-------ธุรกิจเครือข่าย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของการสร้างทรัพย์สิน ที่ก่อให้เกิดรายได้ ที่ทุกคน ทุกอาชีพ ทุกชนชั้น
สามารถทำควบคู่กับงานประจำในปัจจุบัน เพื่อเป็นอาชีพสำรองและเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว เพื่อเป็นการสร้างทรัพย์สิน
ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงให้กับครอบครัว หรือไว้รองรับให้กับตนเองเมื่อยามเกษียณอายุ

-------" ทนเหนื่อยตอนหนุ่ม ดีกว่าไปกลุ้มตอนแก่ "

ธุรกิจเครือข่าย นี้คืออะไร

-------" ธุรกิจเครือข่าย นี้คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ? "


-------ปัจจุบันมีรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ว่าแต่ว่าคุณจะปฏิเสธที่จะเรียนรู้มันด้วยเหตุผลที่ว่า
ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบมาก่อนหรือไม่ เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงต้องใช้เงินทุนมาก, ต้องจ้างแรงงาน
จำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ จึงทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็น
เจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้

-------ณ.วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝันของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า “ธุรกิจเครือข่าย”
ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ?

-------ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้าง
รายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินมากๆ เหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป เพียงเริ่มต้นจาก
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จัก
ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตน เป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่า
จากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ
โฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่าน
ระบบพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ ผู้บริโภค

------ เมื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์
สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย
พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไร 60%
ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อ
กับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้
จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากระบบการกระจายสินค้า
สู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบธุรกิจแบบเดิม

-------โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการ ตลาดแบบทั่วๆไป
คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียง
การแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คน แนะนำให้กับคน 2 – 3 คน และแต่ละคนของ 2 – 3 คน บอกต่อกับคน 2 – 3 คน
ต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้น ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

-------โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2
“Cashflow Quadrant” หรือ “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า
คนในโลกแบ่งตามที่มาของรายได้ที่เขาได้รับ ออกเป็น 4 ด้านคือ (ดูรูปประกอบ)


ด้านที่ 1 ) ลูกจ้าง ( Employee ) คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน

ด้านที่ 2 ) ธุรกิจส่วนตัว ( Self – employed ) เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะต้องเป็นผู้ลงมือทำหรือ ดูแลด้วยตนเอง

ด้านที่ 3 ) เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ( Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลา และ แรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน

ด้านที่ 4 ) นักลงทุน ( Investor ) คือผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้ให้กับตน โดยไม่ต้องทำเองหากดูจากนิยามที่มาของรายได้ดังกล่าวจะสามารถแบ่งคนในโลกออกได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ


-------"ธุรกิจเครือข่ายดีอย่างไร"

------- + มีความอิสระในการทำงาน ไม่ต้องมีใครคอยควบคุมการทำงาน สิ่งที่เป็นเครื่องมือในการบังคับ หรือผลักดัน ให้มุ่งมั่นในการทำงาน คือเป้าหมาย
------- + รายได้ดี ขยันมากย่อมมีโอกาสทางรายได้สูง ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ธุรกิจเครือข่ายเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่สามารถช่วยให้ความต้องการ หรือความฝันบรรลุเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้
------- + เป็นมิตรกับคนทั่วไป เป็นบุคคลพิเศษ ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ อันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ ความสุภาพอ่อนโยน ยิ้มแย้ม และรู้จักยืดหยุ่น
------- + รอบรู้รอบด้าน เนื่องจากต้องพบปะบุคคลต่าง ๆอยู่เสมอ ทำใหรู้รอบด้าน จากหลักการที่ว่าการนั่งในหัวใจ คู่สนทนาก็คือ สนทนาในเรื่องที่เขาชอบ หรือสนใจนั่นเอง
------- + ได้ประสบการณ์สูง ประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากการทำงาน การติดต่อผู้อื่น ความสามารถเฉพาะตัว
มีหูตากว้างขวาง มีความทะเยอทะยานในการดำเนินชีวิต
------- + มีโอกาสก้าวหน้าเร็ว เป็นอาชีพนึ่งที่มีโอกาสก้าวหน้าเร็วกว่าอีกหลายอาชีพ ในขณะหลาย ๆ อาชีพ
ต้องอาศัย รูปร่าง ส่วนสัด ความสวย ความงาม หรือพรสวรรค์ในการสร้างความก้าวหน้าให้กับตนเอง
------- + ได้ใช้ความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่ การท้าทายความสามารถของตนเอง ซึ่งเป็นการดึงความสามารถ ของตนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และสมบูรณ์ การได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ย่อมทำให้ มีคุณสมบัติพิเศษ คือความอดทน อดกลั้น มิฉะนั้นจะอดกิน
------- + ได้รับความสำเร็จ เงิน รางวัล ชื่อเสียง เกียรติยศ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ สามารถลิขิตชีวิตตนเองได้
ถึงแม้จะเลือกเกิดไม่ได้ก็ตาม
------- + ทำให้บุคลากรในประเทศมีงานทำ เพราะทุกคนมีงานทำไม่เลือกงาน ไม่เกิดปัญหาการว่างงาน เป็นการ ลดภาระทางสังคมอันจะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง เมื่อนักธุรกิจเครือข่ายมั่งมี
------- + ถือว่าผู้ดำเนินธุรกิจเป็นนายตนเอง
------- + มีโอกาสของรายได้สูง โดยไม่กระทบ หรือขัดแย้งกับงานประจำ
------- + มีรายได้ต่อเนื่องเป็นมรดกตกทอดได้
------- + มีอิสระ มีเวลา
------- + เงินลงทุนต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ หรือพูดเก่ง
------- + สามารถมีรายได้จาก เลข 6 หลักขึ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้น
------- + มีเวลา และโอกาสเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
------- + ได้พัฒนาบุคลิกภาพ การพูด การเข้าสังคมอยู่ตลอดเวลา
------- + ได้อยู่ในสังคมที่คอยช่วยเหลือกัน
------- + เริ่มก่อนย่อมมีโอกาสสำเร็จก่อน


-------โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ -------

------- ในทุกๆเช้าของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา
คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงาน
ตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก
ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิต
ในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน

------- เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร? เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่ง
เท่านั้นเองหรือ ? เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ? ผมเชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน อยากจะมีชีวิต
ที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของ
การใช้ชีวิตแบบใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรก”
หากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้
ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาส
ให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่าน
เอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่น และเดิน
ตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

วิธีการสร้างระบบทำซ้ำที่ Work ที่สุด

วิธีการสร้างระบบทำซ้ำที่ Work ที่สุด คลิกที่นี่

ใครเป็นคนสอนให้คุณ ล้มเหลว!

ใครเป็นคนสอนให้คุณ ล้มเหลว! คลิกที่นี่

คุณเป็นโรค N.B.T หรือเปล่า ?

คุณเป็นโรค N.B.T หรือเปล่า? คลิกที่นี่

วิธีทำให้คุณเป็นมนุษย์แม่เหล็ก

วิธีทำให้คุณเป็นมนุษย์แม่เหล็ก คลิกที่นี่

ทำไมถึง No และการดึงดูดผู้อื่น

ทำไมถึง No และการดึงดูดผู้อื่น คลิกที่นี่

คอร์ส 7 วัน วิธีการสปอนเซอร์

คอร์ส 7 วัน วิธีการสปอนเซอร์
"HOW TO MAGIC SPONSOR PRO"
เรื่องวิธีสปอนเซอร์ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

วันที่ 1 ผู้มุ่งหวังของคุณไม่ได้เข้าร่วมกับโอกาสทางธุรกิจแต่เขาเข้าร่วมกับคุณ
วันที่ 2 ผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร และจะสปอนเซอร์อย่างไรให้ไม่ถูกปฏิเสธ
วันที่ 3 คุณบอกผู้มุ่งหวังของคุณว่า "โปรดักส์ของเราดีกว่าของอีกบริษัทหนึ่ง" หรือว่า "แผนรายได้ของเราดีกว่าของอีกบริษัทหนึ่ง" ใช่ไหม
วันที่ 4 คุณวางตำแหน่งตัวคุณอย่างไร เป็น “คุณหมอ” หรือ “คนขายยา” เป็น “ผู้ถูกล่า” หรือ “ผู้ล่า”
วันที่ 5 "เหตุผลที่แท้จริงที่ผู้มุ่งหวังพูดว่า "ไม่" เหตุผลที่แท้จริงที่ผู้มุ่งหวังพูดว่า "ไม่"
วันที่ 6 โฆษณาอย่างไรให้ค่าใช้จ่ายเป็นศูนย์
วันที่ 7 วิธีการในการสปอนเซอร์นักธุรกิจต่างค่าย

อ่านเนื้อหาคอร์สนี้ทั้งหมด คลิกที่นี่