วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข้อดีที่น่าทึ่ง ของการนั่งสมาธิ

1204376942ประโยชน์ทางสุขภาพที่ได้จากการทำสมาธินั้นมีอยู่มากมาย ไม่เพียงเฉพาะแต่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจะบรรเทาอาการได้เท่านั้น ในผู้ที่ฝึกทำสมาธิเป็นประจำยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพได้ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ การทำสมาธินั้นได้ถูกนำมาใช้กันในวงกว้างกับโรคร้ายแรงหลาย ๆ โรค โดยเฉพาะโรคที่ประสบความสำเร็จและมีการบันทึกไว้ก็คือเกี่ยวกับปัญหาทางด้านจิตใจ เช่นอาการสะเทือนใจและอื่น ๆ แล้วการทำสมาธิช่วยเรื่องสุขภาพได้อย่างไร?? ต่อไปนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่ทำสมาธิ:

*คุณจะรับออกซิเจนน้อยลง
*คุณจะหายใจได้ดีขึ้น
*การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง
*ร่างกายจะแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของหัวใจของผู้ป่วย
*ร่างกายจะพักผ่อนได้ลึกขึ้น
*ทำให้ความดันเลือดที่สูงลดต่ำลง
*ลดความกังวล
*ลดความตึงของกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดศีรษะ
*เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
*การผลิตฮอร์โมน serotonin ช่วยให้ทำให้จิตใจดีขึ้น
*ช่วยทำให้อาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงลดลง
*ช่วยให้ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหายได้เร็วขึ้น
*กระตุ้นการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
*ช่วยให้อารมณ์คงที่ไม่แปรปรวน

ชนะความเครียด
ทุก ๆ คนล้วนมีแนวโน้มที่จะเกิดความเครียดได้จากชีวิตประจำวัน อาจเป็นจากที่ทำงานหรือที่บ้าน ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนในการจัดการกับปัญหา ความเครียดและความกังวลนั้นมีผลทำให้ระดับความดันเลือดสูงขึ้น และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจ เมื่อทำสมาธิ ความเครียดก็จะไม่ค่อยเกิดขึ้น ดังนั้นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตก็จะไม่เกิดขึ้น

สิว
เมื่อเราจัดการกับความเครียดได้ การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันก็จะลดลง การอุดตันก็จะน้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำไมสิวถึงน้อยลง หน้ามันน้อยลงเมื่อเรานั่งสมาธิอยู่เป็นประจำ

ความเจ็บปวด
ผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาก็จะค่อย ๆ กลายเป็นความวิตกกังวล และทำให้ความอดทนต่อความเจ็บปวดน้อยลง โชคดีที่การทำสมาธิสามารถช่วยบรรเทาความกังวลได้ จึงช่วยลดความเจ็บปวดได้ด้วย

ป่วยเรื้อรัง
มีหลาย ๆ โรงพยาบาลที่แพทย์ใช้วิธีการให้ผู้ป่วยทำสมาธิเพื่อช่วยอาการป่วยเรื้อรัง เช่นมะเร็ง ซึ่งจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากยาที่ใช้ในการรักษา สำหรับผู้ป่วยที่ป่วยในระยะสุดท้าย การทำสมาธิก็จะช่วยลดความกังวลและความหดหู่และเพิ่มความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาได้

ความดันโลหิตสูง
การทำสมาธิจะให้ผลดีกับกรณีนี้มากในการช่วยลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยด้วยโรคนี้ ก็จะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจสำหรับกลุ่มนี้มีหลาย ๆ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่สามารถใช้วิธีการทำสมาธิเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น เรื้อนกวาง, โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ, อาการลำไส้ปั่นป่วน, Fibromyalgia (โรคกล้ามเนื้อตึง นอนไม่หลับ) เป็นต้น เมื่อความวิตกกังวลลดลง ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้น และควบคุมสถานการณ์ได้ และช่วยให้รับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้ดีขึ้น

พระศาสดาบอกวิธีแก้ง่วงขณะบำเพ็ญเพียร

พระโมคคัลลานะ อุปสมบทแล้วได้ 7 วัน ก็ไปบำเพ็ญเพียรในที่สงบ แต่แล้วก็ถูกความง่วงเข้าครอบงำ ทำให้ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้เป็นปกติ พระศาสดาจึงทรงบอกวิธีแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ

1. เมื่อกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่ ให้คิดถึงสิ่งนั้นเข้าไว้ จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
2. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้คิดทบทวนถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้วอย่างละเอียด จะทำให้หายง่วงได้
3. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ท่องธรรมที่ได้เรียนมาดังๆ
4. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้แยงหูทั้งสองข้าง แล้วใช้ฝ่ามือลูบไปตามตัว
5. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ลุกขึ้นแล้วลูบหน้าด้วยน้ำ และเหลียวไปรอบๆ หรือ แหงนหน้าขึ้น จะทำให้หายง่วงได้
6. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้นึกว่านี่เป็นเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์ สว่างไสวไปหมด จะทำให้หายง่วงได้
7. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ลุกขึ้นเดินจงกรม เพื่อให้จิตมีสติรู้เท่าทันการเคลื่อนไหว
8. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้นอนในท่าสีหไสยา คือ ตะแคงขวา ตั้งสติว่าจะตื่นอยู่เสมอ และจะไม่ยินดีกับการนอน หรือ การเคลิ้มหลับ จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ

บ่อยครั้งที่ผู้เอาประกันซื้อกรมธรรม์ประกันภัยด้วยความเชื่อและเครดิต มากกว่าที่จะตั้งใจอ่านสัญญาในกรมธรรม์ซึ่งเต็มไปด้วยภาษากฏหมายเข้าใจยาก


ด้วยเหตุนี้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ที่หลายคนยังไม่ทราบจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป การเข้าใจกรมธรรม์แบบง่ายๆ จึงน่าจะสามารถช่วยให้คุณรักษาสิทธิประโยชน์ของคุณไว้ได้อย่างเต็มที่

10 เรื่อง "ต้อง" รู้เกี่ยวกับประกันภัย

1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัท (รวมไปถึงนายหน้าผู้เอาประกันด้วย) ดังนั้นแม้การซื้อผ่านนายหน้าถ้ามีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้


2. ในกรณีที่รถคุณเสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมกลับคืนได้ บริษัทต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันเต็มทุนประกัน และรถคันนั้นจะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย


3. ค่าแอกเซ็ปต์ หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรกนั้น ในกรณีไม่มีคู่กรณีจะจ่ายเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าคนอื่นขับไปทำให้เกิดความเสียหาย ต้องจ่าย 6,000 บาท


4. ค่าอะไหล่ที่เกิดจากการซ่อม ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมินเพื่อนำไปจัดหาเองได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไหล่แท้หรือไม่


5. หากภายในรถของคุณมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV หรือ LPG เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะหากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันอาจไม่สมบูรณ์


6. หากคุณขับรถชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยและรถของท่านเป็น "ฝ่ายถูก" คุณควรตรวจสอบไปที่บริษัทประกันภัยว่าตามรายงานอุบัติเหตุนั้น รถของคุณเป็นฝ่ายถูกจริงเหรอ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์


7. การดูแลขนย้ายรถที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุเพื่อไปซ่อมที่อู่เป็นหน้าที่ของบริษัท แม้ว่าจะต้องย้ายรถไปโรงพักหรือที่ใดก็ตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนกระทั่งซ่อมเสร็จ บริษัทประกันภัยจะต้องรับภาระส่วนนี้ แต่ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อม


8. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และคุณไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็นต้องเซ็นรับผิดในใบเครม เพราะไม่ใช่กติกาหรือข้อกฏหมายแต่เป็นหน้าที่ที่บริษัทซึ่งคุณทำประกันจะไปทำการตกลง


9. อย่าคิดหนีในกรณีที่ขับรถชนคน ให้ช่วยเหลือคนเจ็บให้เต็มที่ และถ่ายรูปหลักฐานที่เกิดเหตุไว้ต่อสู้คดี เพราะศาลจะพิจารณาจากความมีน้ำใจที่คุณช่วยเหลือผู้อื่น บางทีโทษทางอาญาอาจเหลือแค่การรอลงอาญา และตกลงค่าเสียหายกันตามสมควรแต่ถ้าคุณหนีจะติดคุกทันที


10. ประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายในขณะที่รถของคุณถูกลากจูง หรือขับรถขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150mg% หรือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เว้นแต่ในกรณีที่ทำประกันประเภทระบุชื่อคนขับ และความเสียหายนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คนระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ

ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ



บ่อยครั้งที่ผู้เอาประกันซื้อกรมธรรม์ประกันภัยด้วยความเชื่อและเครดิต มากกว่าที่จะตั้งใจอ่านสัญญาในกรมธรรม์ซึ่งเต็มไปด้วยภาษากฏหมายเข้าใจยาก


ด้วยเหตุนี้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ที่หลายคนยังไม่ทราบจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป การเข้าใจกรมธรรม์แบบง่ายๆ จึงน่าจะสามารถช่วยให้คุณรักษาสิทธิประโยชน์ของคุณไว้ได้อย่างเต็มที่

10 เรื่อง "ต้อง" รู้เกี่ยวกับประกันภัย

1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัท (รวมไปถึงนายหน้าผู้เอาประกันด้วย) ดังนั้นแม้การซื้อผ่านนายหน้าถ้ามีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้


2. ในกรณีที่รถคุณเสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมกลับคืนได้ บริษัทต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันเต็มทุนประกัน และรถคันนั้นจะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย


3. ค่าแอกเซ็ปต์ หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรกนั้น ในกรณีไม่มีคู่กรณีจะจ่ายเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าคนอื่นขับไปทำให้เกิดความเสียหาย ต้องจ่าย 6,000 บาท


4. ค่าอะไหล่ที่เกิดจากการซ่อม ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมินเพื่อนำไปจัดหาเองได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไหล่แท้หรือไม่


5. หากภายในรถของคุณมีการติดตั้งอุปกดรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV หรือ LPG เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะหากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันอาจไม่สมบูรณ์


6. หากคุณขับรถชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยและรถของท่านเป็น "ฝ่ายถูก" คุณควรตรวจสอบไปที่บริษัทประกันภัยว่าตามรายงานอุบัติเหตุนั้น รถของคุณเป็นฝ่ายถูกจริงเหรอ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์


7. การดูแลขนย้ายรถที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุเพื่อไปซ่อมที่อู่เป็นหน้าที่ของบริษัท แม้ว่าจะต้องย้ายรถไปโรงพักหรือที่ใดก็ตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนกระทั่งซ่อมเสร็จ บริษัทประกันภัยจะต้องรับภาระส่วนนี้ แต่ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อม


8. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และคุณไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็นต้องเซ็นรับผิดในใบเครม เพราะไม่ใช่กติกาหรือข้อกฏหมายแต่เป็นหน้าที่ที่บริษัทซึ่งคุณทำประกันจะไปทำการตกลง


9. อย่าคิดหนีในกรณีที่ขับรถชนคน ให้ช่วยเหลือคนเจ็บให้เต็มที่ และถ่ายรูปหลักฐานที่เกิดเหตุไว้ต่อสู้คดี เพราะศาลจะพิจารณาจากความมีน้ำใจที่คุณช่วยเหลือผู้อื่น บางทีโทษทางอาญาอาจเหลือแค่การรอลงอาญา และตกลงค่าเสียหายกันตามสมควรแต่ถ้าคุณหนีจะติดคุกทันที


10. ประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายในขณะที่รถของคุณถูกลากจูง หรือขับรถขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150mg% หรือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เว้นแต่ในกรณีที่ทำประกันประเภทระบุชื่อคนขับ และความเสียหายนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คนระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

30 ข้อสำหรับความคิดดีๆ

วิธีคิด ดีมากๆ...

• เวลาเจองานหนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ


• เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ


• เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต


• เวลาเจอนายจอมละเมียด
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)


• เวลาเจอคำตำหนิ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ


• เวลาเจอคำนินทา
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
<>
• เวลาเจอความผิดหวัง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต


• เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี


• เวลาเจอความพลัดพราก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง


• เวลาเจอลูกหัวดื้อ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง


• เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชี วิตมีโอกาสพานพบ

• เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไ ม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง


• เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง


• เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม


• เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์


• เวลาเจออุบัติเหตุ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด


• เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า 'มารไม่มีบารมีไม่เกิด'

• เวลาเจอวิกฤต

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม 'ในวิกฤตย่อมมีโอกาส'


• เวลาเจอความจน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต


• เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์




30 ความคิดดีๆ วิธีเรียกความสุขแบบง๊าย ง่าย


1
.นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก
รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่

3.ล องปลูกต้นไม้เองสักต้น
การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4.หลับตานิ่งๆสักสามนาที
เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน

5.ระหว่างแปรงฟัน
ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า

6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง
จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7.ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน
ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด

8.การขึ้นลง บันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย
คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร

9.คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวย/หล่อมากๆทันที
ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"

10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอ ทาน
ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก


11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร"ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที
รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน

13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง
เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก
ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง
ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด
เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้

17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้ม
ได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม
ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19.ถึงเสื้อกางเกงในตู ้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ
ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4
คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง


21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้

22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้
ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23.แอบรักใครสักคน
ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ


25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง
ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้
ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม
มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่

28.วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้
ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29.แค่เอาข้าวที่กินไม่ห มดไปให้หมาที่เดินผ่าน
ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน
แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

อย่าท้อที่จะอ่านนะคะ 30 ข้อสำหรับความคิดดีๆ

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

การสร้างแรงจูงใจเสริมด้วยวิธี


+ อันดับข่าวอ่านมากที่สุดนี้
ไทยพับแผนสร้างแบรนด์...
พัฒนาสนามบินภูธรฉลุย...
โบรกฯชี้จับตาแรงซื้อต่างชาติ...
อสังหาฯกวาดยอดสวนกระแส...
นักธุรกิจห่วงมือที่3ป่วนเมือง...
นับถอยหลัง ยุบสภา!...
แรงงานภาคอุตฯเตรียมเฮ!...

+ ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์
...
อ่านทั้งหมด >>

(T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S)

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ตอนนี้ผมมีเทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S) มาฝากเพื่อเป็นตัวอย่างของการสร้างแรงจูงใจเสริมกันนะครับ สิ่งจูงใจโดยธรรมชาติแล้วจะมีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะตัว และร่วมปันจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งเพียงเมื่อความเคารพ สายสัมพันธ์ และความเชื่อมั่นมีอยู่ระหว่างทั้งสอง ฝ่ายนั้น พนักงานขายในบริษัทส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการหาลูกค้า ติดต่อลูกค้า และประสานงานกับพนักงานแผนกต่างๆ ในบริษัท

สิ่งที่นำมาพิจารณาข้อสุดท้ายในเวลาทำการจูงใจพนักงานขายแต่ละคนก็คือ การ มองในแง่ของความเป็นจริงเกี่ยวกับการจูงใจ ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายนั้น การจูงใจ ทั้งหมดก็คือ การจูงใจด้วยตัวเอง ฝ่ายบริหารการขายทำได้เพียงรับภาระงานได้ในระดับหนึ่ง แล้วจากนั้นพนักงานขายแต่ละคนก็ต้องรับช่วงต่อไป อีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมการจ้างงานบุคคลที่เหมาะสมจึงสำคัญมากต่อความสำเร็จของผู้จัดการฝ่ายขาย พนักงานขายจะประพฤติตนอย่างที่ทำด้วยเหตุผลตามผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขา ได้รับการจูงใจในพฤติกรรมเนื่องจากผลตอบแทนส่วนตัว ได้แก่ เงิน การเลื่อนตำแหน่ง ความท้าทาย การเจริญเติบโต และอื่นๆ ถ้าหากว่าบุคคลแต่ละคนรับรู้ว่า “สิ่งที่มีอยู่ ในตัวฉันมีมากอยู่แล้ว” บุคคลนั้นก็จะได้รับการจูงใจมากขึ้นในการปฏิบัติการเพื่อสร้างผลงาน การจูงใจเป็นอิทธิพลที่มุ่งศูนย์กลางที่ตัวเอง

ถึงแม้ว่ามีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการจูงใจบุคคล แต่เทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S ) การจูงใจสำหรับผู้จัดการฝ่ายขายจะช่วยให้งานสำเร็จได้

1.สอนทีมงาน (Teach Teamwork) ผู้จัดการฝ่ายขายควรพยายามสร้างทีม งานขายที่แข็งแกร่ง พนักงานขายเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว สามารถทำงานได้ดีกว่าถ้าพวก เขาทำงานแยกกัน สร้างโปรแกรมสิ่งจูงใจที่สนับสนุนทีมงานและที่ไม่บังคับให้พนักงานขายแข่งขันกันเองมากเกินไป

2.การมอบอำนาจ (Empower) ให้อำนาจที่จำเป็นแก่พนักงานขายทั้งหมดเพื่อ ปฏิบัติตามความรับผิดชอบ ฝึกอบรมพวกเขาให้ทำการตัดสินใจที่ดีต่อลูกค้า และบริษัท

3.การสื่อสาร (communicate) อธิบายความคิดของคุณและเป้าหมายของคุณ ต่อพนักงานขาย การร่วมกันในวัตถุประสงค์ทั่วไปกับเป้าหมายที่กำหนดไว้สามารถ เป็นแรงบันดาลใจพวกเขาได้อย่างมาก

4.การรับฟัง (hear) ฟังพนักงานขายอย่างตั้งใจ ถามเกี่ยวกับเป้าหมายระยะ สั้นและระยะยาวของพวกเขา ตอบด้วยความเคารพ เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังแล้ว จะเป็นการจูงใจพวกเขาสู่ความสำเร็จ

5.การสังเกต (Notice) ผู้บริหารจำเป็นต้องยอมรับและให้การตอบแทนสำหรับความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม พนักงานขายจะพยายามบรรลุงานมากขึ้นเมื่อพวกเขา ได้รับการมองเห็นคุณค่าในความพยายามของพวกเขา การยอมรับอย่างจริงใจเป็นเทคนิคการจูงใจที่ดีมาก

6.ริเริ่มและมั่นคง (Initiate Integrity) สร้างตัวอย่างที่ดี และอย่าเปลี่ยนแผนกลางคันนะครับเพราะจะทำให้เค้าสับสนและสร้างความเห็นชอบ ปฏิบัติตาม คำมั่นสัญญา

7.สอบถาม (Query) การจูงใจเป็นกระบวนการต่อเนื่อง จงตระหนักในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานขายของคุณ คุณอาจต้องการที่จะปรับปรุงเทคนิค การจูงใจเพื่อก้าวให้ทันกับการพัฒนาและการเจริญเติบโต

8.รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Unify) ผู้จัดการฝ่ายขายที่ดีจะรวมทีมงานขายให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คุณจะอธิบายว่าพนักงานในบรรดาทุกๆ คนจะนำไปสู่ความสำเร็จมากขึ้นสำหรับแต่ละคน การจูงใจประเภทนี้จะให้วัตถุประสงค์และสนับ สนุนความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายของบริษัท

9.ยกย่อง (Exalt) การให้แรงบันดาลใจแก่พนักงานขายเป็นวิธีการจูงใจที่สำคัญ การฝึกปฏิบัติทักษะการขายมืออาชีพจะนำมาซึ่งความสำเร็จและแรงบันดาลใจอย่าง แท้จริง การให้คำชมอย่างจริงใจจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา อย่าทำให้พนักงานขายรู้สึกตกต่ำหรืออย่าทำให้พนักงานขายเสียขวัญกำลังใจ ทำให้เขารู้สึกว่าตนสำคัญ โดยการเคารพความคิดเห็นของพวกเขา ต้องยุติธรรมและซื่อสัตย์

10.ตั้งมาตรฐาน (Set Standards) ตั้งมาตรฐานให้สูง ทำให้พนักงานขายเข้า ใจว่าพวกเขากำลังทำงานให้บริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่ พนักงานขายจะปฏิบัติงานระดับสูง ขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นตัวแทนแห่งจริยธรรมและหลักการชั้นสูง

จากหลัก 10 ประการของเทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S) คงพอจะทำ ให้ผู้บริหารหาวิธีในการสร้างแรงจูงใจเสริมได้อย่างดีและตรงกับความต้องการของพนักงานขายนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

MLM Online เรื่องจริงหรือโกหก

http://www.mlmthailand.net/Column010.html

การตลาดแบบดึงดูด(Attraction Marketing)

http://www.mlmthailand.net/Column004.html

หนังสือการสร้างเครือข่ายให้สำเร็จ

http://www.mlmthailand.net/Column005.html

MLMมืออาชีพ

http://www.mlmthailand.net/Column006.html

แผนการตลาดบริษัทMLM

http://www.mlmthailand.net/Column003.html

ทำไมทำMLMไม่สำเร็จ

http://www.mlmthailand.net/Column002.html

MLMกับแชร์ลูกโซ่

http://www.mlmthailand.net/Column001.html

MLMคว้าฝันหรือคว้าน้ำเหลว

http://www.mlmthailand.net/Adver001.html

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

แนะเทคนิค "สร้างกำลังใจ" ในวันหดหู่

หากท่านผู้อ่านหรือคนใกล้ตัวของท่านผู้อ่านกำลังมีปัญหาด้านการเงิน สุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ หรือแม้แต่ปวดหัวกับข้อสอบโอเน็ต และตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังกับตัวเอง วันนี้ ทีมงานเราพบเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณหรือคนที่คุณรักผ่านพ้นกับสถานการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวนี้ได้ค่ะ ซึ่ง 9 เทคนิคที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันดูค่ะ

1. อย่าโทษตัวเอง

นำข้อนี้มาวางไว้เป็นข้อแรก เพราะการโทษตัวเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้ซึ่งเผชิญหน้ากับความผิดหวัง - ความเศร้าหมองมักทำก่อนข้ออื่น ๆ ดังนั้น หากสามารถเลิกโทษตัวเองได้ คน ๆ นั้นก็จะสามารถก้าวข้ามความตึงเครียดที่เผชิญอยู่ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น หากผู้ที่กำลังทุกข์มองว่าภาวะดังกล่าวก็ไม่แตกต่างจากการเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง ที่ต้องการการปรับปรุงเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือมุมมองก็จะทำให้เขารับมือกับภาวะซึมเศร้านี้ได้ง่ายมากขึ้น

2. หาใครสักคนเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ

แม้ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะไม่เหมือนกับอาการขาหัก - แขนหักที่ทุกคนมองเห็นและพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ในยามนี้ การมีใครสักคนให้เราได้ปรึกษาสามารถช่วยให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นเร็วกว่าการเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวเองคนเดียวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี การจะหาคนปรึกษาในยุคนี้อาจต้องทำความเข้าใจด้วยว่า คนบางคนก็ไม่พร้อมจะรับฟังและให้การสนับสนุนคุณ แถมบางครั้งอาจไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเสียอีก ในกรณีนี้ ลองมองหาคนสนับสนุนที่สามารถให้ความรักคุณได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เช่น พ่อแม่ สามี-ภรรยา หรือเพื่อนสนิทที่รู้จักนิสัยคุณดีมาเป็นผู้รับฟัง เพราะเขาเหล่านั้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตคน ๆ หนึ่งจะพึงมี

3. เลื่อนการตัดสินใจออกไปก่อน

หากตอนนี้คุณมีอาการซึมเศร้าอยู่และต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ คำแนะนำที่จำเป็นก็คือ พยายามเลื่อนการตัดสินใจนั้นออกไปก่อน เพราะความรู้สึกหดหู่สามารถส่งผลกระทบต่อมุมมองและการตัดสินใจของตัวบุคคลนั้น ๆ ให้เป็นไปในแง่ลบได้ ดังนั้น การรีบตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ หรือเรื่องสำคัญในตอนนี้ดูจะไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะอาจทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรยืดการตัดสินใจต่าง ๆ ออกไปจนกว่าจิตใจของคุณจะดีขึ้น

แต่หากการตัดสินใจนั้นต้องทำโดยเร่งด่วน หรือไม่สามารถผัดผ่อนออกไปได้ ก็ควรขอคำแนะนำจากกัลยาณมิตร หรือคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อพิจารณาร่วมด้วย จะช่วยให้การตัดสินใจนั้น ๆ เกิดขึ้นบนมุมมองที่มีความหลากหลายมากขึ้น

4. ยิ่งเศร้าหมองยิ่งต้องดูแลสุขภาพ

อาจเป็นเรื่องยากที่จะฉุดคนไม่มีกำลังใจให้ลุกไปออกกำลังกาย แต่ถ้าหากจะปล่อยให้ความเศร้าเข้ายึดครองพื้นที่ทุกมุมของชีวิตก็คงเปรียบเหมือนการไม่ยอมแก้ไขให้สถานการณ์ที่น่าหนักใจนี้พ้นผ่านไป การหมั่นออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้อาการเศร้าหมองในชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

5. ปฏิบัติหน้าที่ตามกิจวัตรประจำวัน

การที่ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความเศร้า และละเลยกิจวัตรประจำวันอาจทำให้ชีวิตของคุณดูแย่มากขึ้น จะดีกว่าหากยังคงทำสิ่งต่าง ๆ นั้นต่อไป เช่น ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ให้อาหารสุนัข รดน้ำต้นไม้ เพราะหากคุณมีสมาธิจดจ่อกับงานต่าง ๆ ที่ทำจะช่วยให้ลืมเรื่องที่ทำให้สิ้นหวัง - โศกเศร้าลงได้บ้าง

6. นอนหลับ

ความเครียดกับความเศร้าก็เหมือนไก่กับไข่ ที่บางครั้งความเครียดก็มาเยี่ยมเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ และบางครั้งเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอก็นำมาซึ่งความเครียด หากตอนนี้ทุกอย่างเข้ามารุมเร้าเยอะจนรับมือไม่ไหว การหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วนอนหลับพักผ่อนไปก่อนก็จะช่วยให้สภาพจิตใจหลังจากตื่นขึ้นมาดีขึ้น และมีสติไตร่ตรองมากขึ้น

7. อย่าทำจนเกินตัว

หลายครั้งที่คนเราจะเกิดความเครียดเพราะต้องรับมือกับหลายสิ่งหลายอย่างมากจนเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ คำแนะนำในข้อที่ 7 คือการมองภารกิจเหล่านั้นให้เล็กลง พยายามไม่รับงานเพิ่มเข้ามา จากนั้นก็ค่อย ๆ สะสางงานเก่า ๆ ที่ค้างอยู่ให้หมดไป หรือลองแบ่งงานชิ้นใหญ่ ๆ ให้มีขนาดเล็กลง ทำไปทีละชิ้น ๆ จนครบ ก็สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของงานได้เช่นกัน

นอกจากนั้น การยอมรับความสามารถของตัวเองในช่วงที่เกิดอาการเครียด - หดหู่ว่าไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนช่วงที่สมองปลอดโปร่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ลองลดความคาดหวังกับตัวเองลงเหลือสัก 75 - 80 ปอร์เซ็นต์ดูบ้างก็คงไม่ผิดกระไร เพราะความเครียดนี้ก็เป็น

8. ทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่เราทุกคนรับประทานเข้าไป นอกจากจะช่วยบำรุงร่างกายแล้วยังส่งผลต่อสมองอีกด้วย ดังนั้น ยิ่งอยู่ในภาวะหดหู่ก็ยิ่งสมควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ดี บำรุงเลี้ยงสมองให้คิดแต่สิ่งดี ๆ ได้

9.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พบปัญหาในชีวิต แล้วหันไปพึ่งยาเสพติด เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หวังว่าการพึ่งพายาเสพติดเหล่านั้นจะช่วยให้จิตใจกลับมาดีได้ดังเดิม แต่ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้อาการซึมเศร้าต่อเนื่องยาวนานมากกว่าเดิมแล้ว ยังมีผลต่อร่างกายในระยะยาวด้วย เพราะจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน หรือหากเสพเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยก็ยังมีผลเสียต่อหน้าที่การงานด้วย

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

เผย 6 กลยุทธ์กับดักชวนแม่บ้าน "ช้อปกระหน่ำ" ในซูเปอร์ฯ





ขอบคุณภาพประกอบจากยาฮู
เมื่อกล่าวถึงการ "เดินตลาด" เพื่อจับจ่ายซื้อหาอาหาร - ของใช้ที่ต้องการในครัวเรือน คงต้องยอมรับว่า มีพ่อบ้านแม่บ้านจำนวนไม่น้อยหันไปนิยมเดินจับจ่ายซื้อของกันในตลาดยุคใหม่ติดแอร์เย็นฉ่ำ หรือที่เราเรียกกันว่าซูเปอร์มาร์เก็ต - ห้างดิสเคาต์สโตร์กันมากขึ้น เพราะมีสินค้ามากมายหลายชนิดให้เลือกซื้อ อีกทั้งอากาศก็เย็นสบาย แถมมีรถเข็นคันโตคอยให้บริการ

แต่ขึ้นชื่อว่าซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะแบรนด์ที่มาจากต่างชาติที่มาเปิดตลาดบ้านเราและมุ่งหวังกำไรสูงสุดนั้น ย่อมมีแผนการตลาดที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ทางเว็บไซต์ yahoo.com จึงนำเทคนิคดึงดูดใจเหล่าคนซื้อที่ได้ผลดีของห้างซูเปอร์มาร์เก็ตเหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ได้ทราบกัน เพื่อที่ว่าบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านจะได้ไม่หลงตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ๆ จนเงินหมดกระเป๋าไวกว่าที่ควรค่ะ

กับดักที่ 1 ประตูทางเข้ากับ "Chill Zone"

ก่อนเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต หากสังเกตสักนิดจะพบว่า ส่วนมากแล้วสินค้าที่วางในบริเวณทางเข้าจะเป็นสินค้าประเภท "หย่อนใจคลายอารมณ์" โดยอาจจะมีภาพยนตร์ดีวีดี สินค้าที่เหมาะสำหรับการจัดงานเลี้ยงฉลองช่วงสุดสัปดาห์ เช่น โซดา น้ำอัดลม วางอยู่ ไม่ก็เป็นสินค้าใหม่เอี่ยมอ่อง ชวนให้มีกิจกรรมทำช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มาวางล่อใจ เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้อาจทำให้จิตใจของผู้ซื้อหวั่นไหวไขว้เขวได้โดยง่าย จนอาจลืมลิสต์สินค้าที่เตรียมเงินมาซื้อ

ทางเลี่ยงจ่ายเงินไปกับสิ่งล่อตาที่หน้าประตูทางเข้านี้อาจมีสองทาง ก็คือ ทำเมินไปเสีย และคิดว่าคุณกำลังทดสอบจิตใจตัวเอง หรือจะลองเดินเข้าไปดูสินค้าเหล่านั้นด้วยใจที่มีสติ และบอกตัวเองว่า หากคุณซื้อของในจุดนี้ไป ก็ต้องลดการซื้อของในจุดอื่น ๆ ลง เพื่อจะได้ไม่ใช้จ่ายเกินงบประมาณ

กับดักที่ 2 ระวังการซื้อผักผลไม้ที่หน้าทางเข้า

หากสังเกตจะพบว่ามีซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งนิยมนำผักผลไม้มาตั้งบูธไว้ที่หน้าทางเข้าออก ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่า การนำผักผลไม้มาตั้งไว้ในจุดทางเข้า นอกจากจะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้ดี ยังทำให้ผู้ซื้อเกิดความรู้สึกว่า ตนเองได้ซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาแล้ว เมื่อเขาเดินลึกเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต และเห็นอาหาร - ของใช้อื่น ๆ ก็จะเกิดอาการ "ตามใจตัวเอง" ช้อปมากกว่าที่ควรได้ อีกประการหนึ่งคือ หากซื้อผักผลไม้เป็นอันดับแรก ๆ และแพ็คใส่รถเข็นแล้ว โอกาสที่ผักผลไม้เหล่านั้นจะช้ำจากการเสียดสีกับตะแกรงรถเข็นก็เป็นไปได้สูง ซึ่งทางเลี่ยงของกรณีนี้ก็คือ ควรเลือกซื้อผักผลไม้เป็นอันดับสุดท้ายของการจับจ่ายซื้อของ

กับดักที่ 3 ของดังฝังตัวอยู่กลาง ๆ

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทางซูเปอร์มาร์เก็ตเตรียมไว้ล่อหลอกลูกค้าก็คือ การวางสินค้าขายดีเอาไว้บริเวณช่วงกลาง ๆ ของชั้นวางสินค้า ซึ่งทำให้ ผู้ซื้อต้องเดินผ่านสินค้าหลายชนิดถึงจะพบกับสินค้าขายดีที่ตนเองต้องการ และนั่นก็อาจทำให้สินค้าอื่น ๆ ได้มีโอกาสเผยโฉมให้ผู้บริโภคได้พิจารณากันมากขึ้นด้วย

ทางเลี่ยงไม่ให้ตกหลุมพรางของกลยุทธ์นี้ก็คือ การตั้งสติ และเดินเข้าไปซื้อเฉพาะสินค้าที่อยู่ในรายการ ดีกว่าการเดินเอื่อย ๆ ให้ความสนใจกับสินค้าทุกประเภทที่วางหลอกล่อเอาไว้

กับดักที่ 4 อย่าตื่นเต้นกับคำว่า "Special"

มีหลายคำที่ทางห้างนำมาใช้ดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ เช่น ราคาพิเศษ, Shock!!, ลดพิเศษ, Special ฯลฯ เพื่อให้ผู้ซื้อหันมาสนใจไอเท็มนั้น ๆ มากขึ้น หลายครั้งที่คำพิเศษเหล่านี้ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อโดยลืมพิจารณามูลค่าที่แท้จริงของสินค้าไปหน้าตาเฉย ทางเลี่ยงกับดักในข้อนี้ก็คือ การพิจารณาถึงมูลค่าที่แท้จริงของสินค้าก่อนตัดสินใจ ตลอดจนการพิจารณาว่า มันจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ หรือเราต้องการซื้อเพียงเพราะถูกคำว่า "Special" ดึงดูดใจเท่านั้น

กับดักที่ 5 ระวังบูธชิมสินค้าตัวอย่าง

เพราะกลยุทธ์นี้กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายด้วยการให้ทดลองชิมอาหารนั้น ๆ พร้อมการเสนอขาย ซึ่งการชิมเพียงครั้งหนึ่ง แม้ว่าร่างกายคุณจะไม่หิวเลย แต่มันก็สามารถกระตุ้นให้คุณพร้อมสำหรับการรับประทานอาหารได้แล้ว และนั่นทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อตามมา ดังนั้น หากจะลองชิม ก็ไม่ควรรีบชิมเร็วจนเกินไป ควรเก็บมันเอาไว้จนกว่าจะเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วค่อยชิม

กับดักที่ 6 ระวังป้ายลดราคาที่ยื่นเด่นกว่าอันอื่น ๆ

พบกันบ่อยกับการติดป้ายลดราคาดึงดูดความสนใจให้ผู้ซื้อทราบว่า สินค้าตัวนี้กำลังลดราคา "พิเศษ" อยู่ ซึ่งการมีป้ายยื่นออกมาโดยเฉพาะนั้นก็ทำเพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นของพ่อบ้านแม่บ้านนักช้อป แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะถูกกว่าเสมอไป ดังนั้นก่อนจะซื้อสินค้าเหล่านี้ ขอให้เปรียบเทียบราคากับสินค้าใกล้เคียงก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เพื่อให้ได้ของที่ดี และเหมาะสมกับราคานั้น ๆ ที่สุดค่ะ

อาจเป็นกับดักที่เราพบเห็นจนชินตา แต่ก็เชื่อว่ามีหลายคนอดเผลอใจให้กับสินค้าที่ใช้กลยุทธ์เหล่านี้ไม่ได้ อย่างไรก็ดี เรามีเทคนิคที่สามารถใช้รับมือกับกลยุทธ์ดังกล่าวมาฝากเช่นกัน จะเป็นอะไรนั้น ลองติดตามกันดูค่ะ

เทคนิคประหยัดงบจับจ่าย

1. อย่าช้อปตอนกำลังหิว เพราะการเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีกลิ่นเบเกอรี่อบใหม่หอม ๆ อาจทำให้อารมณ์หิวพลุ่งพล่าน และซื้อเกินความจำเป็นได้
2. ท่องเอาไว้ว่า ซื้อมากก็มีโอกาสทิ้งมาก โดยเฉพาะสินค้าจำพวกผัก ซึ่งมีโอกาสเน่าเสียได้ง่าย
3. ไม่ควรพาลูกมาช้อปด้วย (หากสามารถฝากคนอื่นเลี้ยงได้)
4. ลองเปลี่ยนมาใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศที่มีคุณภาพมาตรฐานไม่แพ้สินค้าแบรนด์ดัง เพราะอาจได้ของที่มีราคาถูกกว่า

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

9 ความจริง ความเชื่อปราบเซียนสุขภาพ

9 ความเชื่อปราบเซียนสุขภาพ (Men’s Health)
เรื่อง Shannon Davis แปลและเรียบเรียง Dragon Booster

"9 ข้อเท็จจริง" เรื่องสุขภาพที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่กลับเป็นแค่ความเชื่อผิด ๆ

ความเชื่อบางเรื่องก็จับไต๋ได้ง่าย ๆ อย่างความเชื่อเกี่ยวกับเทพอาตุของชาวอียิปต์ ผู้ให้กำเนิดชีวิตด้วยอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ แต่ความเชื่ออื่น ๆ โดยเฉพาะความเชื่อที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่พลังของเทพอียิปต์ อาจจับไต๋ได้ยากกว่านิดหน่อย และอาจเป็นอันตราย หากความเชื่อนั้นคือวิธีรักษาสุขภาพที่เรายึดถือมาโดยตลอด

อย่างเรื่องของการยึดกล้ามเนื้อก่อน การแข่งขัน ซึ่งไม่อาจช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังได้ดีไปกว่าการ หวังพึ่งแต่กระจับ แต่เมื่อตอนก่อนหน้านี้ แค่เพียงไม่กี่ปี หนุ่ม ๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ยังชอบยืดกล้ามเนื้ อและต้องเจ็บตัวเพราะหลงเชื่อถือวิธีผิด ๆ นี้

เอาล่ะ ผมจะชี้ทางสว่างให้คุณเอง ผมนี่แหละจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความเชื่อใหม่ และมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เราจะลบล้าง 9 ความเชื่อปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเป็นจริงจะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นอย่างไรบ้าง เริ่มเลยนะครับ

ความเชื่อ : การกินอาหารที่มีกากใยสูง จะป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

ไม่ใช่ครับ ถึงคุณจะกินกระทั่งต้นสน ลูกสนและทุกส่วนที่เหลือ ก็ยังป้องกันไม่ได้ การวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of the National Cancer Institute พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าผู้รับการทดสอบจะบริโภคกากใย 10-27 กรัมต่อวัน หรือเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยลดโอกาสเสี่ยง ที่จะเกิดติ่งเนื้อในระยะก่อนเป็นมะเร็งได้ "สมมติฐานเรื่องกากใยนี่ ได้มาจากการศึกษาด้านระบาดวิทยาสมัยก่อนน่ะครับ" นพ.เจมส์ อี. แอลลิสัน ศาสตราจารย์ด้านเวชกรรมที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก กล่าว "เขาสันนิษฐานกันว่า อาหารที่มีกากใยสูงจะเดินทางผ่านลำไส้โดยใช้เวลาที่น้อยกว่า ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ร่างกายจะได้รับสารก่อมะเร็ง"

- ความ จริง: กินอาหารที่มีกากใยสูงต่อไปนะครับ เพราะจะช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคเบาหวาน แต่อย่าหวังว่าจะทำให้ลำไส้ใหญ่ของคุณปลอดมะเร็งได้ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงโรคนี้คุณต้องกินกรดโฟลิค เพราะมีผลวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า วิตามินบีชนิดนี้ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ผู้ชายเราจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ อย่างมีนัยสำคัญ โดยผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยลุยเซียนาสเตทระบุว่า ลดได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าวิตามินรวม (หรือซีเรียล) ที่คุณกินมีกรดโฟลิคไม่ถึง 400 ไมโครกรัม คุณก็ซื้อยี่ห้ออื่นที่มีปริมาณเท่านั้นมากินแทนสิครับ

ความ เชื่อ: เบอร์เกอร์ถั่วเหลืองดีต่อสุขภาพมากกว่าเบอร์เกอร์เนื้อ

ปัญหาของความเชื่อนี้คือ ถั่วเหลืองทุกรูปแบบมีไฟโตเอสโตรเจน หรือเอสโตรเจนที่ได้จากพืช และถึงการมีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่ในร่างกายของเราบ้างจะปลอดภัย และถือว่าปกติดีด้วยซ้ำ แต่การมีฮอร์โมนเพศหญิงในรูปแบบที่ได้จากพืชในปริมาณสูง กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่จริงแล้วทีมวิจัยออสเตรเลียพบว่า ผู้ชายที่เน้นการบริโภคถั่วเหลือง มีระดับเทสทอสเทอโรนต่ำกว่าผู้ชายที่ชอบกินเนื้ออย่างมีนัยสำคัญ และสำหรับความเชื่อที่ว่า เนื้อแดงจะทำให้หลอดเลือดแดงอุดตันนั้น การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Joumal of the American College of Nutrition ชี้ให้เห็นว่า การกินเนื้อไม่ติดมันช่วยลดระดับ LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) ได้ แถมยังช่วยเพิ่มระดับ HDL (คอเลสเตอรอลดี) ด้วย

- ความ จริง: เนื้อสะโพกบดที่มีไขมันแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ คือเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ไร้มันที่สุดในท้องตลาด และน่าจะมีรสชาติแย่ที่สุดด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้วไขมันที่น้อยลง มักจะแปลว่ารสชาติต้องแย่ลงด้วย ให้เลือกเนื้อหัวไหล่บดแทนซึ่งมีไขมัน 15 เปอร์เซ็นต์ และยังจัดว่าเป็นเนื้อไม่ติดมันด้วย และต้องเลือกถาดที่มี "น้ำ" ในถาดโฟมน้อย ๆ "มันมาจากน้ำในโมเลกุลของโปรตีนที่เรียกว่า "น้ำในรูปอิสระ" (Free Water) ซึ่งจะถูกขับออกมาเมื่อเก็บเนื้อไว้นาน ๆ น่ะครับ" ดร.ไมค์ เด ลา เซอร์ดา ผู้จัดการด้านคุณภาพเนื้อของ Texas Beef Council กล่าว "ยิ่งมีน้ำในรูปอิสระนองอยู่ในถาดมากเท่าไร เบอร์เกอร์ของคุณก็จะยิ่งชุ่มฉ่ำน่ากินน้อยลงเท่านั้น"

ความเชื่อ : แปะก๊วยทำให้ความจำคุณดีขึ้น

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสมุนไพร ซึ่งเป็นที่นิยมชนิดนี้มีกิตติศัพท์ว่าทำให้ฉลาด หลังจากที่การวิจัยทางการแพทย์บางชิ้นแนะนำว่า จะช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และก็ช่วยได้จริง ๆ ครับ แต่เฉพาะในกรณีของผู้ป่วยอัลไซเมอร์เท่านั้น สำหรับคนที่ไม่ได้เป็น "เราไม่พบหลักฐาน เลยนะครับ ว่าแปะก๊วยจะมีผลใด ๆ ต่อความจำ หรือบทบาทในด้านของความคิดและสติปัญญา" ดร.พอล อาร์ โซโลมอน ผู้อำนวยการคลินิกความจำ ที่ศูนย์การแพทย์เซาท์เวสเทิร์นเวอร์มอนต์ กล่าว การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American Medical Association ทีมวิจัยของโซโลมอนพบว่า เมื่อให้ผู้ ที่กินแปะก๊วยในรูปของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และผู้ที่กินยาหลอก ทำแบบทดสอบ 14 ชุดที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ ความจำ ความสนใจและสมาธิ ไม่พบความแตกต่างระหว่างกลุ่มทั้งสองแต่อย่างใด "การวิจัยของเราไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้เลยว่า การกินแปะก๊วยจะช่วยได้" โซโลมอนกล่าว

- ความ จริง: งีบสัก 10 นาทีดีกว่า ทีมวิจัยชาวออสเตรเลียศึกษาผลของการงีบเป็นระยะเวลาแตกต่างกัน 3 ระยะ และพบว่ากลุ่มที่ได้งีบนาน 10 นาทีจะมีสมาธิดีกว่า และมีความจำที่แม่นยำมากกว่ากลุ่มที่เหลือ ถ้ายังรู้สึกงุนงงคงต้องไปพบแพทย์แล้วล่ะครับ เพราะคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือความผิดปกติของการหายใจที่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งจะทำให้สมองไม่ได้รับการฟื้นฟูจากการนอนในช่วงหลับฝัน

ความ เชื่อ: สบู่ยาฆ่าเชื้อโรคใช้ดีกว่าสบู่ธรรมดา

ก็เหมือนกับอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง กับรังสีที่มีอำนาจทำลายล้างสูงนั่นล่ะ สบู่ยาหรือสบู่ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็แค่ดูจะฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่าสบู่ธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง เพราะเชื้อโรคมันไม่เห็นความแตกต่างหรอก ในการศึกษาที่สนับสนุนเงินทุนโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ทีมวิจัยได้ขอให้แม่บ้านในนิวยอร์กซิตี้จำนวน 222 คน ล้างมือด้วยสบู่ยาและสบู่ธรรมดา จากนั้นได้ทำการสำรวจปริมาณแบคทีเรียที่มือของผู้หญิงกลุ่มนี้ ทั้งก่อนและหลังล้าง ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันเลย "เราพบว่าสบู่ยาไม่ได้ มีภาษีเหนือกว่าเลยค่ะ" ดร.อีเลน ลาร์สัน ผู้เขียนหลักของงานวิจัยนี้ อธิบาย ที่ยิ่งน่าวิตกคือการล้างมือด้วยสบู่ยาอย่างเดียว อาจทำให้แบคทีเรียดื้อต่อสารฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นส่วนผสมของสบู่ก็เป็นได้

- ความ จริง: ถ้าจะฆ่าเชื้อโรคด้วยสบู่ธรรมดา คุณต้องล้างมือนาน ๆ หน่อย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแนะนำให้ถูมือนานอย่างน้อย 15 วินาที และถูให้นานเป็นพิเศษตรงบริเวณข้างใต้และรอบ ๆ เล็บ "นี่คือจุดที่มักจะมีแบคทีเรียสะสมอยู่มากที่ สุดครับ" หมอโฮวาร์ด ดอนสกี อาจารย์ผู้ควบคุมการฝึกปฏิบัติงานทางการแพทย์ ด้านโรคผิวหนังที่มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ กล่าว ส่วนตอนที่มือไม่ได้ดูสกปรกอะไรนัก คุณจะใช้เจลฆ่าเชื้อที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบพื้นฐานทำความสะอาดมือแทน ก็ได้ โดยกดหรือบีบเจลออกมาจำนวนหนึ่ง และถูกมือนาน 30 วินาที แล้วทำซ้ำอีกครั้ง

ความเชื่อ : ยิ่งครีมกันแดดมีค่า SPF สูงเท่าไรก็ยิ่งดี

แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ครับ "อัตราผลตอบแทนที่ได้จะลดลงน่ะครับ" นพ.ดร.มาร์ติน เวนสตอก ผู้อำนวยการกลุ่มที่ปรึกษาด้านมะเร็งผิวหนังของสมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน กล่าว ตัวเลขที่ได้คือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ช่วยป้องกันการแผดเผาของรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดได้ 93.3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ป้องกันได้ถึง 96.7 เปอร์เซ็นต์ แต่พอค่า SPF เพิ่มเป็น 45 กลับป้องกันได้มากขึ้นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ (97.8 เปอร์เซ็นต์) และพอเพิ่มเป็น SPF 60 ก็ป้องกันได้มากขึ้นแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ (98.3)

- ความ จริง: การป้องกันที่เพิ่มขึ้นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้จำเป็นอะไรเล ยหากคุณไม่มีประวัติครอบครัวในเรื่องของโรคมะเร็งผิวหนัง หรือดูเหมือนจะอยู่ในกลุ่มผิวไหม้ง่าย คือผิวขาว ผมแดงหรือบลอนด์ ตาสีเขียวหรือฟ้าและตกกระ "การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ซ้ำตลอดทั้งวัน คือวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้ ขอแค่โปะลงไปให้เยอะ ๆ เป็นพอ" ดร.เวนสตอกกล่าว ที่สำคัญพอ ๆ กันคือ คุณต้องดูให้แน่ใจว่าครีมที่เลือกมีพาร์ชอล 1789 (หรืออะโวเบนโซน) ซิงค์ออกไซด์ หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ซึ่งทำให้อนุภาคเล็กลง เพราะสารประกอบพวกนี้จะช่วยป้องกันรังสียูวีเอที่มีอานุภาพร้ายแรง ซึ่งครีมกันแดดบางยี่ห้อไม่สามารถป้องกันได้

ความเชื่อ : มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เป็นมะเร็งเต้านม

ผู้ชายไม่มีเต้านมนี่นา ดังนั้นผู้ชายจึงไม่น่าจะเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่เราก็เป็นกัน โดยมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ปีละ 1,500 ราย (และมีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึงปีละ 400 คน) "ปัญหาสำคัญที่สุดคือ ผู้ชายส่วนใหญ่ และแม้กระทั่งหมอหลาย ๆ คนก็ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้" นพ.ชารอน เอช. จิออร์ดาโน ศาสตราจารย์ด้านมะเร็งเต้านมวิทยาที่ศูนย์มะเร็งเอ็ม.ดี.แอนเดอร์สันใน เทกซัส กล่าว "พวกผู้ชายไม่สนใจก้อนเนื้อ ขณะที่ผู้หญิงรู้ดีว่ามันคืออะไร" และพวกผู้ชายก็ยังไม่เข้าใจด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 3 ประการ คืออายุ (60 ปีขึ้นไป) ประวัติครอบครัวว่าเคยมีคนเป็นโรคนี้ (ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องเพศชายหรือเพศหญิง) และโรคอ้วน (น้ำหนักที่มากเกินไปจะเป็นผลร้ายต่อระดับฮอร์โมนของผู้ชาย)

- ความ จริง: ถึงจะมีปัจจัยเสี่ยงแค่อย่างเดียว คุณก็ควรจะตรวจหาก้อนเนื้อด้วยตัวเองทุก 3 เดือน โดยทำตอนอาบน้ำ "ให้คุณใช้ปลายนิ้วคลำที่บริเวณใต้หัวนมและรอบ ๆ หน้าอกเพื่อหาดูว่ามีก้อนเนื้อแปลก ๆ บ้างหรือเปล่า" ดร.จิออร์ดาโนบอก "ก้อนเนื้อที่ว่านี้จะเป็นก้อนเล็ก ๆ แข็ง ๆ เหมือนกับปมเชือกหรือเมล็ดถั่ว" และไม่ว่าจะพบก้อนเนื้อหรือไม่ก็ตาม ถ้ามีของเหลวหรือเลือดไหลออกมาจากหัวนม ก็คงต้องให้คุณหมอส่งตัวคุณไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านมในเพศชาย แล้วล่ะ

ความเชื่อ : แอโรบิกคือ การออกกำลังกายเพียงแบบเดียวที่จะช่วยคงความแข็งแรงของหัวใจ

ไม่ว่าใครจะชักจูงให้คุณคิดอย่างไร การยกเวตก็อาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้เช่นกัน ในการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชายจำนวน 44,000 คน ทีมวิจัยของฮาร์วาร์ดพบว่า คนที่ยกเวตสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 30 นาที มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ยกเวตเลยถึง 23 เปอร์เซ็นต์ "การยกเวตจะช่วยเพิ่มมวล กล้ามเนื้อ และอัตราเมทาบอลิซึมขณะหลับ ซึ่งทั้งคู่มีส่วนช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ" นพ.มิเฮลา ทานาเซสคูหนึ่งในผู้เขียนผลการศึกษา กล่าว "มันยังทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น และดื้ออินซูลินน้อยลง ซึ่งจะทำให้โอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลงไปอีก"

- ความ จริง: ถ้าคุณยกเวตอยู่แล้ว ก็ต้องยกในระดับหนักขึ้น (ทางเลือกหนึ่งคือแบบซูเปอร์เซ็ต ซึ่งเป็นการจับคู่การยกเวตสองชุดที่เน้นกล้ามเนื้อคนละกลุ่ม) ในการศึกษาเดียวกันของฮาร์วาร์ด ทีมวิจัยสังเกตได้ว่าการเพิ่มระดับความหนักของการยกเวตยังช่วยลดโอกาสเสี่ยง ที่จะเป็นโรคหัวใจด้วย "การเพิ่มนี้ไม่เกี่ยวกับประเภทของการยกเวตนะครับ" ดร.ทานาเซสคูบอก "และถึงเราจะไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้กัน ผมคิดว่าการยกเวตเกินสัปดาห์ละ 30 นาที จะเป็นผลดีมากขึ้นด้วย"

ความ เชื่อ: ค่า PSA ตั้งแต่ 4 ขึ้นไป หมายถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก

นั่นคือสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะบางคน ทำให้เราเชื่อ "ผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่า ระดับ PSA ที่สูงขึ้นหมายถึงมะเร็งต่อมลูกหมากเท่านั้น" ดร.วิลเลียม คาทาโลนา ศาสตราจารย์ด้านระบบทางเดินปัสสาวะที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันในเซนต์หลุยส์ กล่าว "แต่การบาดเจ็บหรือการอักเสบ อาจทำให้ PSA ซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อรอบ ๆ (ของต่อมลูกหมาก) ซึ่งเป็นจุดที่ตรวจพบได้ในกระแสเลือด" จริง ๆ แล้วทุกสาเหตุ ตั้งแต่การติดเชื้อแบคทีเรียไปจนถึงการขี่จักรยานนาน ๆ อาจทำให้ระดับ PSA เพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้ทั้งนั้น

- ความ จริง: ค่า PSA ระหว่าง 4 ถึง 10 เป็นช่วงที่วินิจฉัยแน่นอนไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน วิธีเดียวที่จะยืนยันได้ว่าเป็นมะเร็งคือการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ แต่เดี๋ยวนี้แพทย์สามารถที่จะยืนยันผลโดยตรวจวัดค่า complexed PSA ซึ่งเป็นการตรวจที่ดร.คาทาโลนาบอกว่าใช้วัดค่า PSA ที่มีรูปแบบของโมเลกุลแตกต่างออกไป "นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ตัดสินว่า ค่า PSA เพิ่มขึ้นเพราะมะเร็งหรือภาวะที่ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงอะไร" ถึงจะวัดค่า PSA ได้แค่ 2.5 คุณก็น่าจะขอให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะตรวจวัดค่า complexed PSA ให้ด้วย

ความเชื่อ : มีเพียงคนแก่เท่านั้นที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ส

ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คุณคิดว่าตัวเองรู้เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์สไปได้เลย ในแต่ละปีร้อยละ 5 ของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ส จำนวนสี่ล้านคนคือคนที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์สชนิดที่พบในคนอายุน้อย และมันก็จู่โจมกระทั่งคนวัย 30 และ 40 ปี "อาการของโรคนั้นไม่ ได้แตกต่างจากอัลไซเมอร์สชนิดที่พบในคนสูงอายุเลยครับ" ดร.บิล ทายส์ รองประธานฝ่ายกิจการทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ของสมาคมอัลไซเมอร์ส กล่าว "ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ คนที่ต้องทนทุกข์กับโรคอัลไซเมอร์สชนิดที่พบในคนอายุน้อย ยังคงต้องทำงานและพยายามหาเลี้ยงครอบครัวอยู่"

- ความ จริง: "ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือ ประวัติครอบครัวที่ชัดเจน (มีสมาชิกที่เคยเป็นอัลไซเมอร์สชนิดที่พบในคนสูงอายุ หรือชนิดที่พบในคนอายุน้อย)" ทายส์บอก ถ้ามีญาติเป็นโรคนี้ ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท ด้วยเรื่องของการตรวจสอบทางพันธุกรรมแล้วล่ะครับ ถ้าผลออกมาว่าคุณมียีนกระตุ้นหนึ่งในสามอย่างที่รู้จักกันดี คุณอาจจะอยากเริ่มกินแปะก๊วยที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือดื่มไวน์แดงสักแก้วแบบนาน ๆ ทีซึ่งให้ผลดีกว่าเสียอีก จากการศึกษาที่ดีพิมพ์ในวารสาร Neurology ทีมวิจัยพบว่า คนที่ดื่มไวน์แค่เดือนละครั้ง มีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์สน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กระดกแก้วเลยตั้งครึ่งหนึ่ง ที่ต้องเป็นไวน์แดงไม่ใช่ไวน์ขาว เพราะว่าไวน์แดงมีฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีผลทำให้สมองจดจำได้ดีขึ้นมากกว่าไวน์ขาวตั้งเยอะ

ห้อยพระอย่างไรให้ถูกโฉลก เฮงๆ

คนเกิดปีชวด
วันอาทิตย์

เหมาะที่จะแขวนพระที่มี เมตตาเป็นหลัก ได้แก่ พระปิดตา พระศิวลี พระสังกัจจายน์ ส่วนพระเครื่องที่ป้องกันและเสริมการงาน เนื่องจากเป็นพระที่มีรูปงามมีเสน่ห์ พระที่เหมาะควรเป็นพระที่มีอำนาจในตัว ควรแขวนพระ ที่เป็นโลหะหรือผ่านธาตุไฟ เช่น พระกรุเนื้อชิน พระเครื่องเนื้อโลหะหรือเหรียญ ไม่ควรจะเป็นพระที่มีเนื้อผง ควรจะเลือกที่ผสมด้วยธาตุเหล็ก หรือผงตะไบเหล็กหรือโลหะเท่านั้น หรือเป็นพระผงฝังตุกรุด

วันจันทร์
รูปสมบัติ เป็นโภคทรัพย์ที่ติดตัวมา จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องทำมาหากิน ควรจะทำงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัวจึงจะถูกโฉลก ควรแขวนพระที่คล้ายกับโฉลกงาน เช่น พระทรงเครื่อง พระที่มีลวดลายประกอบอย่างงดงาม หรือพระพรหม พระพิฆเนศ

วันอังคาร
ชิ วิตมีแต่ความลำบาก ต้องฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะได้เงิน ต้องระวังปากตัวเองให้มากที่สุด ควรแขวนพระไสยาสน์ หรือพระปรางสมาธิ เป็นเนื้อที่ผ่านไฟหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะพระทั้งสองปราง หมายถึงความสงบระงับ เมื่อเกิดความพลุ่งพล่านทุกครั้งให้เอามือกุมพระ จะเยือกเย็นลง

วันพุธ
ชีวิตมีแต่ความเจ็บไข้ จุกจิก แม้ไม่อันตรายถึงชีวิตก็บั่นทอนร่างกายไปมาก เหมาะที่จะแขวนพระที่ทำจากต้นไม้ใบยา เช่น พระว่าน พระขมิ้นเสกพระไพลเสก หรือพระที่มีส่วนผสมของตัวยาต่างๆ พระเนื้อผงผสมว่านก็ใช้ได้ บางคนแขวนหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

วันพฤหัสบดี
เป็น ผู้อุดมด้วยโคทรัพย์ มีบุญเก่าอยู่มาก ทำให้ชีวิตไม่ล้มลุกคลุกคลานมากนัก ไม่ค่อยรอบคอบในการตัดสินใจ ประมาทเป็นนิจ ทำให้พลาดเงินหรือเสียประโยชน์อันควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย ควรแขวนพระที่จะมารับหน้าพระอังคารที่เป็นใจคือ พระปรางป่าเลไลยก์ พระราหูเนื้อผง หรือเนื้อโลหะ เพราะพระราหูกับพระอังคารเป็นมหามิตรกัน จะรับหน้าทำให้พระอังคารไม่อาจมาเบียดเบียนดวงชะตาได้

วันศุกร์
มี ดีทางด้านผู้รับใช้ใกล้ชิด จะเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่อยู่ด้วยไม่ได้นาน เพราะบางครั้งไม่ได้ตั้งใจแต่พูดไปโดยไม่คิด ทำให้บริวารต้องจากไปควรแขวนพระพิมพ์ที่มีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา เพราะพระพุทธองค์และพระสาวกนั้นหมายถึงการปกค รองผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน จะแก้โฉลกให้ดีได้

วันเสาร์
เป็น ผู้มีอำนาจในตัว มีดีที่คนเกรงขาม แต่มีข้อเสียชอบออกหน้าแทนลูกน้องหรือคนอื่น จึงมักต้องเดือดร้อนแทนคนอื่นในแทบทุกเรื่อง ให้แขวนพระปรางห้ามสมุทร ยกพระหัตถ์(มือ)สองข้าง ซึ่งจะแก้เคล็ดและทำให้ยับยั้งชั่งใจได้

คนเกิดปีฉลู
วันอาทิตย์

วาสนาไม่ค่อยจะดีนัก ให้เก็บหอมรอมริบทุกครั้งที่มีโชค โฉลกของท่านคือการเก็บงำ ควรแขวนพระเสริมวาสนา เช่น พระผงยาวาสนา พระปิดตามหาลาภ (ไม่ปิดทวาร) พระสิวลี พระปรางลีลา พระสังกัจจายน์

วันจันทร์
มี ดาวบริวารดีมาก จะได้ทรัพย์เพราะบริวารเป็นหลัก เพราะบริวารของท่านดีอยู่แล้ว การแขวนพระที่มีพระหลายองค์รวมอยู่ในองค์เดียวกันเช่น พระเจ้าห้าองค์ หรือพระที่มีจำนวนสององค์ขึ้นไป ถ้าหาไม่ได้ให้แขวนพระที่เป็นพิมพ์มีพระอัครสาวกอยู่ด้วย เพื่อเสริมบารมีในด้านบริวาร ควรเป็นเนื้อผสมส่วนผสมหลายอย่างจะดีที่สุด

วันอังคาร
มี วาสนาน้อยควรเจียมตน ไม่ทำการใหญ่เกินกำลัง อย่าจับงานทีเดียวจะแพ้ภัย ควรแขวนพระมหาอุด ปิดทวารหรือเต่าเรือน เพื่อเป็นเคล็ดสำรวมระวังเรื่ องการลงทุน พระปิดทวารจะทำให้นึกถึงการไม่ทำอะไรเกินตัว เต่าคือให้หดหัวยามมีภัยมา คืออย่าลงทุนมากนั่นเอง

วันพุธ
หัว เดียวกระเทียมลีบ มีเพื่อนมี ญาติเหมือนไม่มี พึ่งใครไม่ได้นอกจากพึ่งตัวเอง ควรแขวนพระที่มีคำว่าเดี่ยวอยู่ด้วย เช่น เดี่ยวดำ เดี่ยวแดงพลายเดี่ยว หรือพลายคู่ตัดเดี่ยว เสริมโฉลกที่ต้องทำอะไรเดี่ยว

วันพฤหัสบดี
มี วาสนาตกที่นั่งมีทรัพย์มาก ไม่ต้องขวนขวายก็จะได้มาแบบไม่ยาก มีข้อเสียเป็นคนมือเติบ มักมมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือขาดดุล แก้โฉลกด้วยการแขวนพระที่มีชื่อว่า "คง" เช่น หลวงพ่อคง พระอาจารย์มั่น จะทำให้เก็บทรัพย์ให้มั่นคงและคงที่

วันศุกร์
เป็น คนตกที่นั่งอับโชคลาภ เงินที่ได้มาอย่างง่ายๆ เช่น เล่นหวย อย่าไปหวัง ควรแขวนพระที่มีคำว่า เศรษฐี เงินแสน เงินล้าน พระทุ่งเศรษฐีพระที่ลงท้ายว่ารุ่นมหาเศรษฐี หรือขวัญถุงเงินล้าน เงินแสน จะเสริมพลังแห่งโชคลาภ

วันเสาร์
เป็นคนตกที่ นั่งนักโทษ ทั้งชีวิตมีแต่คนเบียดเบียนใสไคล้ ทำให้เดือดร้อน มีโรคประจำตัวบั่นทอนชีวิตอยู่มาก ควรแขวนพระที่มียันต์เกาะเพชรหรือพระที่มีรูปโล่ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง


คนเกิดปีขาล
วันอาทิตย์

หากินอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ แม้จะมีตำแหน่งสูง แต่งานในความรับผิดชอบหนักหนา หรือไม่ก็ไปใหญ่โตในถิ่นกันดาร ควรแขวนพระที่มีการเคลื่อนไหว เช่น พระลีลา พระเปิดโลก พระสิวลี

วันจันทร์
ดวง ชีพจรลงเท้า ถูกโฉลกกับงานที่ต้องเดินทางขึ้นล่อง ควรแขวนพระที่สงบและอยู่นิ่ง พระปรางสมาธิ ไม่ควรแขวนพระเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้โฉลกร้อนขึ้นไปอีก

วันอังคาร
เป็น นักบู๊ มักมีเรื่องราวชกต่อยเสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักเลง นักพนัน หรือนักมวยเดินหน้าชน มีนิสัยก้าวร้าว มีโทสะจริตเป็นที่ตั้ง ควรแขวนพระเมตตา เช่น พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ที่ทำด้วยอะไรก็ได้ ที่ไม่ได้ผ่านความร้อน ทำให้เย็นขึ้นได้

วันพุธ
มีจิตใจเยือกเย็น สุขุม ไม่บุ่มบ่าม ใจเหมือนแม่น้ำ ใฝ่การบุญ เป็นที่รักของคนทั่วไป ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระที่มีลักษณะอยู่กับที เช่นพระยืนปรางถวายเนตร

วันพฤหัสบดี
แต่น้อย ลำบาก เมื่ออา ยุมากขึ้นจะมีวาสนาตามไป ควรอดทนรอให้งอมจึงหลุดจากขั้ว ควรแขวนพระที่ผ่านการหล่อหลอมจากธาตุไฟเพื่อเสริมพลังชีวิต จะเป็นพระกริ่งหรือรูปหล่อที่ผ่านไฟแรงเท่าใดก็ยิ่งดี

วันศุกร์
พึ่ง ใครไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเอง เป็นเสือจับเนื้อกินเองจนแก่ ควรแขวนพระที่มีรูปเสือมาเกี่ยวข้อง หรือแขวนเสือก็ได้ จะเป็นเสืองาแกะ หรือเสือเขี้ยวก็ได้ หรือเสือที่เป็นโลหะก็ได้

วันเสาร์
เป็น ผู้มีโภคทรัพย์ ทำมาหากินแล้วตั้งหลักฐานได้ง่าย มีข้อเสียคือ เชื่อคนง่าย มักถูกหลอกหรือฉ้อโกงเอาทรัพย์อยู่บ่อยๆ ควรแก้เรื่องความใจง่ายเชื่อคนง่ายไว้ ควรแขวนพระที่ตรงกันข้ามกับพระทั่วไป เพือแก้โฉลกด้านการถูกคดโกง จึงควรแขวนพระทีเป็นพิมพ์แบบสะดุ้งกลับจะเหมาะที่สุด


คนเกิดปีเถาะ
วันอาทิตย์
เป็นคน อาภัพอับวาสนา ทำมาหากินไม่พอเลี้ยงตนเอง ต้องอาศัยบารมีคู่ครองเป็นหลัก หากอยู่ตัวคนเดียวจะต้องลำบากมาก ควรแขวนพระเสริมบารมี เช่น พระผงยาวาสนาพระที่มีนามเกี่ยวกับโชคลาภ

วันจันทร์
คนเกิดวันนี้แต่น้อยจะลำบาก เมื่อเลยวัยกลางคนไปจะดีขึ้นและตั้งตัวได้ ควรแขวนพระปรางลีลา เพื่อความก้าวหน้า

วันอังคาร
เป็น คนที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ชีพจรลงเท้า ต้องเดินทางถึงจะได้เงิน เหมาะแก่การเป็นพนักงานขายของขึ้นๆลงๆ หรือค้าขายระหว่างประเทศ ควรแขวนพระเกี่ยวกับการค้าขาย เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี

วันพุธ
เป็น ที่ไม่พอใจกับเจ้านายหรือผู้ใหญ่ มักจะให้ร้ายเสมอ เป็นโฉลกของวันกิด จึงไม่ควรรับข้าราชการเพราะจะไม่ก้าวหน้า เหมาะที่จะทำมาหากินในความถนัดของตน ไม่ขึ้นกับใคร ควรแขวนพระมหาอุด ที่ทำจากโลหะที่ผ่านความร้อนแล้วจะทำให้เกิดตบะและเดชะป้องกันตัวเองได้

วันพฤหัสบดี
เป็น คนใจร้อน ใจน้อย ใครตักเตือนก็ไม่พอใจ ดื้อรั้น ควรอ่อนน้อมรับฟังผู้อื่นแล้เอามาคิด ให้แขวนพระที่มีหนุมานอยู่ด้วย เพราะดวงอาสาเจ้านายเหมาะ หรือไม่ก็แขวนพระที่มีลักษณะการกวัก เช่น พระพุทธกวัก

วันศุกร์
มีวาสนาดี เป็นนักบวชก็ก้าวหน้า เหมาะกับการควบคุมคนหมู่มาก มีลักษณะเป็นผู้นำ ควรแขวนพระที่ในหนึ่งพิมพ์มีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เช่น พระเจ้าห้าองค์ พระเจ้าสิบทัศน์พระตรีกาย

วันเสาร์
โฉลกเป็นคน ที่คนทำร้ายไม่ได้ มีผู้คอยออกรับและคุ้มครองป้องกันอยู่เสมอ ทำให้ไม่ต้องลำบาก แต่เป็นคนที่อาภาพคู่ครอง แม้มีสมบัติมากแต่ก็มักจะผิดหวังเรื่องคู่ครองอยู่เสมอ ควรแขวนพระที่มีนามทางความอ่อนนุ่ม เช่น พระนางพญา


คนเกิดปีมะโรง
วันอาทิตย์

มีบริวารมาก มักได้เป็นผู้บังคับบัญชาคน มีทรัพย์ดีมาก เก็บไม่อยู่ แต่เงินไม่ขาดมือ เหมาะที่จะแขวนพระชัยวัฒน์ เพราะเป็นผู้นำคนหรือเป็นที่พึ่งของคนหมู่มาก

วันจันทร์
มี ใจอาฆาตพยาบาทรุนแรง มักมีเรื่องชกต่อยอยู่เสมอ ยิ่งเสพสุรายิ่งอาละวาท ควรแขวนพระที่มีข้อห้ามเรื่องสุรา จะได้คอนเตือนใจ เช่นพระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ จ.นครพนม

วันอังคาร
ทำ มาหากินฝืดเคือง แต่รอดตัว วาสนาปานกลาง อารมณ์ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ห้ามแขวนพระที่ผ่านธาตุไฟ หรือความร้อนเด็ดขาด ให้แขวนพระผง หรือพระที่แกะจากอัญมณีหรือหินที่มีความเย็น หากแขวนพระที่ทำจากหยก จะยิ่งดีใหญ่

วันพุธ
เหมาะเป็นนักร้อง นักแสดง กวี นักเขียนมากกว่าอาชีพอื่น ทำมาหากินคล่อง รับราชการไม่ดี จะมีภัยจากเจ้านาย วาสนาปานกลาง ควรแขวนพระกริ่งที่แขวนแล้วมีเสียงดัง เพราะด วงเหมาะเป็นนักร้องหรือกวี แม้ทำอาชีพอื่น หากมีพระกริ่งเสียงกังวานจะช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

วันพฤหัสบดี
ต้อง ดิ้นรนไม่หยุดหย่อน จะได้ห้าต้องลงทุนเกินห้า เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความมอดทน ความอุตสาหะ ควนแขวนพระที่มีพลังเร้นลับ เช่น พระหูยาน พระนาคปรกลพบุรี พระยอดขุนพล หรือพระพิมพ์ที่แสดงถึงปาฏิหาริย์

วันศุกร์
เป็น คนขี้โรค ทำมาหากินคล่อง แต่มีโรคมาเบียดเบียนอยู่เสมอ ทำหาไม่มีความสุขในชีวิต ควรแขวนพระเนื้อว่านที่เป็นยา พระที่ทำมาจากยาผสมว่าน พระเนื้อว่านต่างๆ เพื่อแก้โฉลกที่สุขภาพไม่ดี

วันเสาร์
ถ้า เป็นนักบวชจะมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าเป็นข้าราชการปานกลาง เป็นพ่อค้าปานกลาง ทำงานอิสระดีที่สุด ควรแขวนพระที่เป็นพระเกจิอาจารย์จะถูกโฉลกมากกว่าเป็นพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ที่มีเครื่องหมายอาชีพอิสระ เช่น พระที่ทางคณะแพทย์สร้าง หรือคณะผู้พิพากษาสร้าง


คนเกิดปีมะเส็ง
วันอาทิตย์
มักเดือดร้อนจากการหาความของผู้อื่นเสมอ การงานอาภาพ กว่าจะได้มาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำเก็บเงินเก่ง ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือเต่าเรือน หมั่นบริจาคเงินให้กับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจ ราชทัณฑ์ หรือตุลาการ จะช่วยบรรเทาเรื่องคดีความลงได้

วันจันทร์
เป็น ผู้ที่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไปถิ่นฐานใดไม่ขาดแคลนคนคอยคุ้มครองรักษา ทำการงานพึ่งผู้ใหญ่หรือทำอะไรกับผู้สูงอายุดีกว่า อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าไม่ดี ให้แขวนพระปรางนาคปรก สัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองป้องกันภัยช่วยเหลือ หรือพระที่มีสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะถูกโฉลกดีนัก

วันอังคาร
ดวงชีพจรลงเท้า เกิดที่หนึ่งไปดังที่หนึ่ง ถ้าจะให้ก้าวหน้าต้องไปทำงานต่างถิ่น ควรแขวนพระปรางลีลา หรือพระที่แสดงความเคลื่อนไหวเพราะดวงต้องเดินทางตลอดเวลา หากใช้พระที่หยุดนิ่งจะไม่ถูกโฉลกกัน

วันพุธ
ทำ งานหากินไม่พอรายจ่าย ดวงพลิกผัยง่าย คาดหมายอะไ รล่วงหน้าไม่ได้ ต้องทำงานตามน้ำตลอดเวลา ทวนน้ำเมื่อไรพัง จึงต้องระวัง ให้แขวนพระสังกัจจายน์ หรือพระสิวลี หรือพระที่ด้านหลังมียันต์ ดวงจะถูกโฉลก

วันพฤหัสบดี
เป็นคนมีดวง ทางบริวารดี วางใจได้ เป็นผู้มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบริหารที่ยิ่งใหญ่มักเกิดปีมะเส็งวันพฤหัสบดี ควรแขวนพระที่มีอัครสาวกอยู่ด้วย หรือแขวนพระเจ้าห้าองค์ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง

วันศุกร์
มีสติปัญญาดี มีปัญญาเป็นทรัพย์ เป็นคนใฝ่การศึกษาหาความรู้ หากเป็นนักบวชจะเป็นพระเกจิ อาจารย์ที่มีความขลังอมตะ เล่าลือไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระที่มีจีวรของพระคุณเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระอยู่ด้วยเพราะถูกโฉลกของท่านกับจี วรพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนนั้นถูกกัน

วันเสาร์
เป็น คนทำงานได้ทุกอย่าง แต่อาภัพคู่ครอง มักหย่าร้างหรืออยู่กับไม่ยืด อยู่ยืดก็เป็นคู่ร้างคู่เละ ตัวเองขยันแต่คู่ครองบั่นทอนความสุขเสมอ ให้แขวนพระเป็นคู่หรือสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะแก้เคล็ดและช่วยให้ถูกโฉลก


คนเกิดปีมะเมีย
วันอาทิตย์
เป็น ผู้ตั้งหลักฐานได้ง่าย มีความกล้าแกร่ง เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป ทำราชการดีนัก เป็นนักพูดหรือนักเขียนจะโด่งดังไม่มีใครเกิน ควรแขวนพระที่มีคำว่าโต เช่น หลวงพ่อโต หรือพระที่มีลักษณะใหญ่กว่าพระเครื่องทั่วไป

วันจันทร์
เหมาะ แก่การเป็นพ่อค้าวานิช เป็นนายหน้าหรือเป็นนักการฑูต นักการเมือง นักบริหาร รับราชการไม่ดี แขวนพระอะไรก็ได้ แต่มีเคล็ดว่าให้หาปลาตะเพียนขนาดเล็กๆ ที่ปลุกเสกแล้วคู่หนึ่งติดตัวไว้เสมอ จะทำให้ทำมาค้าคลอ่ง และติดต่อการงานดีมาก ช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

วันอังคาร
มีวาสนาดี แต่มักถูกเบียดเบียนชื่อเสียงผลประโยชน์อยู่เป็นนิจ การทำอะไรที่ใหญ่ๆควรมีหลักฐานกำกับยืนยันให้แน่นแฟ้น จึงจะไม่ถูกเบียดเบียน เป็นคนที่มีของกำนัลมาสู่มิได้ขาด ควรแขวนพระปางมารวิชัย หรือไม่ก็แขวนพระไพรีพินาศก็ดีเหมือนกัน

วันพุธ
อาภัพ ไร้คนอุ้มชู หัวเดียวโด่เด่ แต่อดทนแกร่งกล้า ไม่ยอมแพ้ชะตา ชีวิตจะต ้องงานหนัก ก้าวหน้าช้า แต่ถ้าถึงจุดแล้ว จะมั่นคงและยืนยาว ไม่ควรท้อแท้กับชีวิต ให้แขวนพระนาคปรก จะเกิดมีการคุ้มครองและช่วยเหลือ ห้ามแขวนพระปางป่าเลไลยก์เด็ดขาด แม้จะเกิดวันพุธกลางคืนก็ตาม

วันพฤหัสบดี
ชาติ นี้ต้องเป็นผู้ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นตลอด แล้วจึงได้ส่วนแบ่งประโยชน์นั้นมา คือ ทำงานกับหุ้นส่วนลึนหมู่มาก จะทำงานอิสระไม่ได้เลย ต้องมีคนคอยเป็นคู่คิดอยู่เสมอ ควรแขวนพระปิดตายันต์ยุ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง กลมเกลียว สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

วันศุกร์
ไร้ ชายคาที่อาศัย ต้องพึ่งตัวเอง แม้จะสิ้นใจก็มิอาจร้องขอความเมตตาจากผู้ใด ดวงอาภาพผู้อุปถัมภ์ จึงควรทำอะไรที่ตัวเองถนัดและทำแต่ลำพัง ไม่ต้องหาใครมาช่วย เพราะเมือใดทำงานเป็นทีมหรือเป็ นหุ้นส่วนจะพัง ให้แขวนพระเดี่ยวๆ องค์เดียวแก้เคล็ด อย่าแขวนพระเป็นพวง ให้แขวนเดี่ยว จะได้ผลดีอย่างยิ่ง เสริมโฉลก

วันเสาร์
วังเวง วิเวก ว้าเหว่ นอกจากอาภัพคู่แล้ว ชั่วชีวิตยังปรารถนาคนจริงใจอีกด้วย จึงต้องระมัดระวังรอบคอบไตร่ตรองคำพูดคนรอบข้างเสมอให้แขวนพระปิดทวารทั้ง เก้า ยิ่งอุดมมากเท่าใดยิ่งดีเ พราะจะทำให้โฉลกดีขึ้นกว่าแขวนพระอย่างอื่น

คนเกิดปีมะแม
วันอาทิตย์
เป็นคนมือเติบ เลี้ยงคนถูกใจเท่าไรเท่ากัน ทำให้เป็นนักเลงสุรา นักเลงผู้หญิง เก็บเงินไม่อยู่ ควรแก้เคล็ดเปลี่ยนเป็นเงินทอง บ้าน ที่ดินใบหุ้นที่มีระยะเวลา ถ้าเก็บเป็นเงินสดไว้กับตัวก็จะละลายหมด ควรแขวนพระนาคปรก หรือพระปางซ่อนหา เพื่อแก้โฉลกให้เบา จากความเสียหายเรื่องการพนันและผู้หญิง ไม่ใช่ใส่แล้วไปเล่นการพนัน หรือไปเที่ยวห้ามเด็ดขาด

วันจันทร์
ดวงบริวาร ดีมีผู้คอยช่วยเหลือ แต่มักต้องลำบากเพราะญาติพี่น้อง จึงควรรู้จักแยกแยะ ว่าควรจะสงเคราะห์ใคร อย่างไร ไม่งั้นจะก่อศัตรไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระปิดตาที่ไม่ปิดทวาร เพื่อส่งผลแก้โฉลกตรงปากที่พูดทำร้ายตนเองและผู้อื่นให้เกิดศัตรู

วันอังคาร
ทำงานหนัก แต่รายได้ไม่คงที่ แม้จะมีความรู้ ก็ไม่อาจหางานที่เหมาะสมทำได้ โฉลกเป็นอย่างนั้น จึงควรหาความรู้เกี่ยวกับงานด้านนนต่างๆไว้ให้พร้อมมากที่สุด ควรแขวนพระปางประทานพร หรือปางอุ้มบาตร เพื่อแก้โฉลกและทำให้การงา นดีขึ้น

วันพุธ
เป็น คนน้ำนิ่งไหลลึก พูดจาน้อย แต่มีน้ำหนักเป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบวชมีชื่อเสียง ผู้พิพากษาคนสำคัญ นักการเมืองที่เป็นรัฐบุรุษมักเกิดวันนี้ ควรแขวรพระที่มีเมตตาสูง เช่น พระสมเด็จ พระปิดตา และพระที่มีอานุภาพทางเมตตาที่ไม่ผ่านความร้อน เพื่อทำให้โฉลกอำนาจเบาบางลง เกิดเมตตามากขึ้น

วันพฤหัสบดี
เป็น ผู้นำคนหมู่มาก มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เป็นเจ้านายที่ลูกน้องเกรงใจ นักบริหารผู้มีฝีมือ นักการธนาคารผู้มีชื่อเสียง นักการเมืองผู้มีเลห์เหลี่ยมแพรวพราว ควรแขวนพระปางปฐมเทศนา หรือมีรูปธรรมจักรอยู่ในองค์พระด้วย เพื่อทำให้คำพูดของท่านมี ความหนักแน่นมั่นคงมากยิ่งขึ้น และทำให้ลดความน่ากลัว หรืออำนาจลงไปได้บ้าง

วันศุกร์
เป็น คนอาภัพ ทำคุณไม่ขึ้น ช่วยเขาแล้วเราพังเป็นส่วนใหญ่ สมควรที่จะอยู่เฉยๆ อย่าไดด้ออกหน้า โดยเฉพาะการเป็นนายประกัน ไม่ถูกกับคนเกิดวันศุกร์อย่างยิ่ง ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระบัวเข็ม จึงจะเหมาะสมกับโฉลกของตน ทำให้เยือกเย็นมากขึ้น

วันเสาร์
เป็น คนมีโทษ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความมาโดยตลอด ไม่เคยอยู ่เป็นสุข มีศัตรูมาก ควรสงบเสงี่ยมเจียมปากเจียมคำ อย่าได้ทำเด่นเกินไปภัยจะมาถึงตัว ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือที่เป็นรูปโล่ เพื่อทำให้โฉลกเป็นดีขึ้นได้

คนเกิดปีวอก
วันอาทิตย์
มีวาสนา ดีมาแต่เกิด มีทรัพย์สินบริวารพร้อม รับราชการจะก้าวหน้า เป็นนักบวชจะได้เป็นถึงพระราชาคณะ ให้แขวนพระที่มีพัดยศด้วย จะถูกโฉลกมากขึ้น

วันจันทร์
เหมือนถูกลอยแพใน มหาสมุทร ต้องร่อนเร่พเนจรไปต่างถิ่น ถูกโฉลกกับการค้าขายขึ้นล่องตามแม่น้ำลำคลอง หรือค้าขายเครื่องสูบน้ำ วิดน้ำควรแขวรพระห้ามสมุทรพระหัตถ์ จะถูกโฉลกดีขึ้น

วันอังคาร
เป็น คนมีศัตรูมาก ต้องต่อสู้จึงจะได้มาซึ่งสิ่งที่พอใจ ชนิดที่ได้มาแบบง่ายๆไม่มี ควรแขวนพระปางซ่อนหา ที่มีพระพุทธรูปซ้อนบนพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง เป็นพระที่ซ้อนกับสององค์ เช่น พระหล่อพิมพ์ซ้อนของ วัดหนองโว้ง จ.สุโขทัย

วันพุธ
มี สติปัญญา มีความรู้ เป็นนักปราชญ์ พระโหราบดี ราชครู และสมณะผู้เชี่ยวชาญด้านพระบาลี มักเกิดวันนี้ ควรแขวนพระสังกัจจายน์ พระสิวลี จะถูกโฉลกที่สุด

วันพฤหัสบดี
เป็นคนทำงานราชการก้าวหน้า หรือค้าขายส่วนตัวก็จ ะดี ควรแขวนพระปางลีลา หรือพระซุ้มเรือนแก้ว จะถูกโฉลกโชคลาภ

วันศุกร์
มี เชาว์ปัญญาไว เรียนรู้อะไรได้ง่าย มีวาสนา มีเสน่ห์ รับราชการเกี่ยวกับต่างประเทศ เจราจาความเมืองจะก้าวหน้าที่สุด หรือทำการค้าขายสั่งนำเข้าจากนอกประเทศดีที่สุด ควรแขวนพระที่มีนางกวักอยู่ด้านหลังจะดีที่สุด

วันเสาร์
โฉลก มักถูกคดีความเป็นจำ จึงไม่ควรคิดทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นดวงที่ต้องระวังแง่ กฎหมายมากที่สุด ถ้าเป็นทนายความจะมีลูกความมาก ควรแขวนพระที่มีสัญลักษณ์กฎหมาย คือตราชั่ง หรือโล่ตำรวจ จึงจะถูกโฉลกหรือพระที่สร้างโดยองค์กรของกฎหมาย ตุลาการ หรือตำรวจ


คนเกิดปีระกา
วันอาทิตย์
บริวารดีมาก จะได้ใช้สอยพึ่งพาอาศัยได้ แต่ให้ระวังความใจกว้าง ทำคุณกับคนอื่นอาจเสียใจบ่อยๆ ให้แขวนพระมหาอุด หรือพระที่มีรัศมีอยู่รอบองค์พระ หรือมีซุ้ม เพื่อแก้โฉลกให้ดีขึ้น จะทำให้มีลาภอุดม

วันจันทร์
มีกินล้นเหลือ ไม่มีก็ต้องขอข้าวเขามากิน จึงต้องสำรองเงินเก็บไว้ยามมีมาก จะได้ไม่ต้องเพลี่ยงพล้ำ จะประมาทไม่ได้เลย ควรแขวนพระสังกัจจายน์ ยิ่งเป็นแบบจีน หรือเป็นแป๊ะยิ้มยิ่งดี หรือไม่ก็แขวนพระสิวลี เพื่อเสรมโฉลกให้ดีขึ้น

วันอังคาร
เป็นคนชอบ เที่ยวเตร่ มากผัวหลายเมียควรระมัดระวังเรื่องเที่ยวเตร่คบเพื่อนฝูง จะเสียเพราะเพื่อนและคนใกล้ชิดติดคุกติดตะรางมามากแล้ว ควรแขวนพระมหาอุดหรือเต่าเรือนเพื่อทำให้โฉลกดีขึ้น

วันพุธ
รับ ราชการดีที่สุด อาชีพอิสระไม่ดี ต้องร่วมหุ้นหรือทำงานผู้บริหารจะดีมาก สติปัญญาดี เอาตัวรอดได้เพราะปัญญาของตัวเอง ให้แขวนพระปางปฐมเทศนาเป็นดีที่สุด หรือพระที่มีเคร ื่องหมายธรรมจักรอยู่ด้วยในองค์พระ

วันพฤหัสบดี
เป็น คนมีบุญ มีคนรักใคร่ชอบพอ พูดจาเป็นเสน่ห์แก่ตัวเอง รู้หลักนักปราชญื ได้พึงคนใกล้ชิดและบริวารเป็นส่วนใหญ่ ให้แขวนพระองค์ใหญ่หรือชื่อใหญ่ เช่น พระหลวงพ่อโต ปางสมาธิ จะถูกโฉลกยิ่งขึ้น

วันศุกร์
ทำ มาหากินไม่พอกิน ลำบากมาก แต่มีลาภลอยให้ได้แก้ขัดอยู่เสมอ อย่าคิดเล่นการพนันเป็นอาชีพเด็ดขาด จะซ้ำร้ายลงไปอีก จึงควรหมั่นเก็บหอมรอมริบให้มากที่สุด ให้แขวนพระปิดตามหาลาภ หรือพระฤาษี จะถูกโฉลกทำให้มีลาภลอยมากขึ้น

วันเสาร์
มีคน อุปถัมภ์ไม่ตกต่ำ เป็นที่เมตตาของคนทั่วไป ทำราชการดีมาก หรือค้าขายเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องเสริมสวยจะดีมาก ให้แขวนพระพิมพ์ทรงเครื่องที่งดงาม หรือพระที่มีลวดลายแพรวพราว หรือพระแกะพิมพ์วิจิตรพิสดารเพื่อเสริมโชคลาภ


คนเกิดปีจอ
วันอาทิตย์
เป็นดวง ฝ่าฟัน มักต้องแก้ปัญหาในหน้าที่การงานอยู่เสมอ ทำงานมีอุปสรรคมาก บางครั้งต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นนักบริหารประเภทแก้สิ่งที่ผิดพลาดมาแล้วให้ดีขึ้นจะถูกโฉลกมาก ให้แขวนพระปางมารวิชัย ยิ่งมีพระอัครสาวกซ้ายขวาด้วยยิ่งดีใหญ่

วันจันทร์
สติ ปัญญาเป็นทรัพย์ ไม่ชอบงานหนัก ชอบงานได้ผลตอบแทนสูง เช่น ซื้อขายหุ้น ซื้อผลิตผลที่ต้องเก็งกำไรระยะสั้น ให้แขวนพระที่มีซุ้มครอบแก้วจะช่วยให้ดีขึ้น

วันอังคาร
ทำงานไม่ค่อยก้าวหน้า สติปัญญาไม่ดี แต่มีความขยันอดทน เหมือนหมูป่า แม้มีแต่เขี้ยวก็สมารถขุดหาหัวเผือกหัวมันรากไม้มากินได้อย่างไม่อัตคัด ให้แขวนพระปางลีลา เสริมโฉลกต่อสู้อุปสรรคทั้งปวงให้หมดไป

วันพุธ
มี บริวารมาก ได้ดีเพราะบริวาร มักเป็นผู้นำ เป็นผู้บริหารที่เพรียบพร้อมด้วยปัญญาและบริวาร ควรแขวนพระเป็นพวง พวงละหลายองค์ จะช่วยหนุนโฉลกให้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดี
เป็น คนเจ้าโทสะ มักชอบสิ่งเย้ายวนต่างๆเจ้าชู้มีเมียไม่เลือก ตกที่นั่งนารีอุปถัมภ์ ควรแขวนพระทรงอิทธิฤทธิ์ เช่น พระตรีกาย พระปางมหาปาฏิหาริย์ หรือพระที่มีความร้อนแรงจากธาตุไฟ เพื่อเสริมบารมีให้โฉลกดีขึ้น

วันศุกร์
เป็นคน ที่มีลาภอยู่เป็นนิจ ทำอะไรก็มีความก้าวหน้าได้ง่าย แต่มือเติบ ทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ให้แขวนพระมหาอุด เสริมโฉลกให้ทุกอย่างดีขึ้น

วันเสาร์
เป็น คนอาภัพ คู่ครองเป็นอริ จะอยู่กันยืดเฉพาะแม่หม้าย เป็นนักเลงการพนันและสุราชนิดหัวราน้ำ จึงควรแก้ไขแต่ต้นมือ ให้แขวนพระที่มีคำสาปเกี่ยวกับการห้ามดื่มสุราและการเล่นการพนันเพื่อปราม ตัวเอง เป็นการเสริมโฉลก หาไม่แล้วจะเอาตัวไม่รอดจะบอกให้


คนเกิดปีกุน
วันอาทิตย์
มีวาสนาบารมีสูง ตั้งตัวได้ไว มีบริวารมาก เป็นผู้นำของคนหมู่มาก แต่ทำคุณใครไม่ขึ้น ควรแขวนพระทางโชคลาภ เช่น พระสังกัจจายน์พระสิวลี

วันจันทร์
ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ หากินไม่ฝืดเคือง แต่ต้องทำงานหนัก ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล การเปิดอู่ซ่อมรถถูกโฉลกดี ควรแขวนพระที่มีพระพุทธรูปคู่กั บพระพิฆเนศ หรือแขวนพระพิฆเนศองค์เดียวก็ได้

วันอังคาร
เป็นคนมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู รับราชการจะได้ดีเพราะเจ้านายเป็นคนชอบ ขันอาสาเจ้านาย ทำอะไรทำจริง ให้แขวนพระที่มีพระอัครสาวกซ้ายขวาจะถูกโฉลกดี

วันพุธ
ทำงานอะไรก็ต้องพบอุปสรรค ไม่มากก็น้อย พองานตั้งหลักได้แล้วก็ถูกเขี่ยเหมือนรื้อนั่งร้าน จึงควรระมัดระวังเรื่องการถูกหักหลังไว้ ให้แขวนพระสะดุ้งกลับ เพื่อเสริมโฉลกของตัวเองให้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดี
เกิด ที่นี่ไปได้ดีที่อื่น จะต้องเดินทางไกลเพื่อหาเลี้ยงชีพ ยิ่งข้ามจังหวัดยิ่งดี ทำมาค้าขายนา ยหน้าแลกเปลี่ยนที่ดินดี เป็นครูก็ดี แต่ไม่ถูกโฉลกกับงานขายประกันชีวิตใ ห้แขวนพระปางลีลาเป็นหลัก

วันศุกร์
มี ชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับคดีความ แต่เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง จะทำกิจการใด ควรระวังเรื่องกฎหมายให้มาก ให้แขวนพระไพรีพินาศ เป็นดีที่สุด

วันเสาร์
เป็น คนกล้าได้กล้าเสีย เป็นเซียนพนันมือเติบ เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องบริวารมาก จะเดือดร้อนเพราะลูกน้องผู้ใกล้ชิดอยู่เสมอ ให้แขวนพระที่เกี่ยวกับการปกครองหมู่มาก ซึ่งควรจะเป็นพระที่ทางกระทรวงมหาดไทยหรือกรมตำรวจจัดสร้างจะถูกโฉลกดีนัก




วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคเด็ด วิธีช่วยปิดการขายเร็วๆ


การขายในยุคการแข่งขันสูงที่ควบคู่กับเศรษฐกิจฝืดๆ แบบนี้ คงยากหรือไม่ก็ตัดสินใจนาน กว่าที่ลูกค้าจะยอมควักเงินออกจากกระเป๋ามาซื้อสินค้าของคุณ เราเลยมีสูตรการปิดการขายที่ควรลองนำไปใช้ดู ไม่แน่ยอดขายของคุณอาจจะดีขึ้นก็เป็นได้

เทคนิคการปิดการขายยุคนี้ อาจต้องอาศัยเรื่องของโปรโมชั่นหนักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นลด แลก แจก หรือแถม ล้วนสร้างแรงกระตุ้นและจูงใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี แต่ทีนี้ คุณอาจต้องมีลูกเล่นในการเสนอโปรโมชั่นต่อลูกค้าที่แยบยลสักนิด

สำหรับเทคนิคแรกที่แนะนำก็คือ กลยุทธ์ “ของแถม” นั่นเอง ถือเป็นกลยุทธ์ที่ถูกใช้ในการปิดการขายที่อมตะนิรันดร์กาลมาก เพราะถูกใช้มาทุกยุคทุกสมัย เพราะใครๆ ก็ชอบของแถม ไม่ว่าจะเป็นของแถมที่มีมูลค่าสูงหรือของแถมเล็กๆ น้อยๆ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองได้รับอะไรที่คุ้มค่ามากกว่าปกติ แต่รูปแบบของแถมอาจเปลี่ยนไปตามกาลเทศะและความเหมาะสม ซึ่งคุณ

1. Give people deadline to order.
ต้องมีการกำหนด วันสิ้นสุดโปรโมชั่น เช่น บอกลูกค้าว่า ถ้าซื้อก่อนสิ้นเดือนนี้ จะได้ราคาพิเศษ หรือได้ของแถม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ซื้อทำการตัดสินใจซื้อโดยเร็ว ภายในเงื่อนกำหนดเวลานั้น

2. Offer people a money back guarantee.
“รับประกัน ไม่พอใจยินดีคืนเงิน” เป็นข้อเสนอที่ควรจะมีไว้ให้ลูกค้า หากคุณมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตัวสินค้าของลูกค้า และหากคุณมีสินค้าที่มีคุณภาพดีจริงๆ การรับประกันจะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น แต่ควรกำหนดช่วงเวลาไว้ด้วย เช่น 30 วัน , 60 วัน , 1 ปี หรือ ตลอดอายุการใช้งาน

3. Offer a free on-site repair service for products you sell.
เมื่อลูกค้าคิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อสินค้าไม่สามารถใช้งานได้ อาจจะต้องนำสินค้าส่งซ่อมที่ศูนย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่อยากเจอจริงๆ ดังนั้น การเสนอเงื่อนไขนี้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และช่วยเพิ่มความมั่นใจ และแก้ปัญหาให้ลูกค้าในอนาคตได้ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น

4. Publish testimonials on your ad copy.
ใส่คำชมของลูกค้าที่เคยใช้งานสินค้ามาแล้ว ไว้ในโฆษณาด้วย ข้อมูลเหล่านี้จะให้ความน่าเชื่อถือได้ดี หากมีจำนวนยิ่งมากเท่าใด ยิ่งดี ข้อสำคัญคือ ต้องใช้ ข้อมูลจริง ชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ หรือ บริษัทจริงๆ และหากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ดียิ่งขึ้น


5. Give people free bonuses.
ของแถมใครๆ ก็ชอบ ควรจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า ได้มากกว่า ที่เสียไป เช่น หนังสือที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น ซื้อโน้ตบุ๊ค แถมหนังสือ ดูแลโน้ตบุ๊ค อย่างถูกวิธี , ซื้อบ้านมือสอง จัดแต่งสวนตามความชอบ เป็นต้น

6. Allow people to make money reselling the product or service.
ควรเปิดโอกาสให้ลูกค้า สามารถได้รับเปอร์เซ็นต์ จากการแนะนำให้เพื่อนๆ ให้ซื้อสินค้าหรือบริการ ในภายหลังได้อีก หรือ เรียกว่า Affiliate Program ซึ่งหากจะให้ได้ผล Affiliate Program จะต้องไปรับผลประโยชน์ที่ดึงดูดมากพอ

7. Offer free 24 hour help with all products you sell.
หากลูกค้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้สินค้า หรือบริการของท่าน อย่างรอไม่ได้ ควรจะมีบริการ Call Center หรือ 7/24 Support ( 7 วันต่อสัปดาห์ 24 ชั่วโมงต่อวัน ) ให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ให้ข้อมูล การแก้ปัญหาในเบื้องต้นก่อน ง่ายๆ อาจจะใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของท่านเอง เป็นหมายเลข 7/24 Support ก็ได้ และหรืออาจจะเป็นทางอีเมล์ หรือ Fax ควรมีการแจ้งไว้ด้วยว่า จะตอบกลับภายในกี่ชั่วโมง หรือกี่วัน


8. Provide free shipping with all orders.
ให้บริการ สินค้าทุกชิ้นส่งถึงบ้านฟรี หรือ หากไม่สามารถทำได้ ก็ควรกำหนดวงเงินสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำที่จะได้รับบริการนี้ เช่น สั่งซื้อครบ 500 บาท ค่าส่งฟรี เป็นต้น

9. Give away a free sample of your product.
แจกสินค้าทดลองให้ใช้ฟรี (ถ้าทำได้) เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนกับการให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ก่อน หากสินค้าดี ลูกค้าพอใจ เค้าก็ยินดีที่จะสั่งซื้อ โดยไม่ต้องรีรอเลย เพราะใช้งานได้ดีจริงๆ อยู่แล้ว

10. Offer a buy one get one free deal.


ถ้าคุณมีสินค้ามากกว่า 1 รายการ การเสนอเงื่อนไข ซื้อ 1 แถม 1 หรือ ซื้อ 1 แล้ว ลดทันที 50% เมื่อซื้อสินค้าชิ้นต่อไป จะเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้า อยากจะซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมอีก จะช่วยเร่งยอดขายได้อีกมากเลยทีเดียว

ความจริง เราก็เคยเห็นเทคนิคในการขายในรูปแบบที่กล่าวมาแล้วกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เพียงแต่ หากเรานำเทคนิคเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้กับการขายของเราเอง ก็จะช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับตัวสินค้าได้ดี และช่วยเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี

ความแตกต่างของนักขายด้วยหลักการปรึซึม (PRISM)

ความแตกต่างของนักขายด้วยหลักการปรึซึม (PRISM)


ทั้งหลายคงทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่า หัวใจของการขายไม่ใช่อยู่แค่ตัวสินค้า หากแต่อยู่ที่สัมพันธภาพที่ดีของลูกค้าและนักขายต่างหาก นักขายที่ดีจึงต้องสำรวจความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถปรับกระบวนการทางธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างจากเดิม รวมทั้งฉีกแนวจากคู่แข่งด้วย ซึ่งนักขายต้องรู้ว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าเป็นอย่างไร ลูกค้าต้องการอะไร ก่อนซื้อ ขณะซื้อ และหลังการซื้อ นำไปสู่การให้บริการที่น่าประทับใจต่อไป

ในเรื่องของการบริการและการสร้างสัมพันธภาพกับลูกค้าก็เป็นสิ่งที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเกิดความแปลกใหม่ ไม่จำเจ และไม่เหมือนใคร หากนักขายมีโอกาสนำหลักการของปริซึม ( PRISM) ไปใช้จะช่วยผลักดันโอกาสให้กับนักขายเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าจะสร้างความแตกต่างให้กับนักขายได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ ดังนี้

PRISM คือ แสงที่มองผ่านเลนรูปพีระมิดซึ่งมาจากคำว่า

P : Product คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์
R : Relationship คือ การพัฒนาสัมพันธภาพกับลูกค้า
I : Image คือ การสร้างภาพลักษณ์ ภาพพจน์ และสร้างตรายี่ห้อ
S : Service คือ การพ่วงบริการไปกับผลิตภัณฑ์
M : Management คือ การบริหารกระบวนการภายใน


การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product)
ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ผู้ผลิตสินค้ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของบรรจุภัณฑ์ การเพิ่มส่วนผสมที่มีคุณสมบัติพิเศษ การปรับขนาดหรือรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค เช่น วิวัฒนาการของผงซักฟอก ที่มีการออกสูตรใหม่ๆ มาตลอดเวลา

เช่นสูตรซักมือ สูตรซักเครื่อง สูตรเพิ่มพลังซักต่างๆ เป็นต้น ในด้านของขนาดสินค้าก็มีทั้งแบบซองเล็ก 2 บาท 3 บาท 5 บาท แบบพกพา เรื่อยไปจนถึงขนาดใหญ่ใช้ทั้งครอบครัว เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค การพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ก็เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกไม่จำเจ และมีความทันสมัยอยู่เสมอ

การพัฒนาสัมพันธภาพกับลูกค้า (Relationship)
นักขายต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยสัมพันธภาพ การสร้างความประทับใจในตัวสินค้าและการให้บริการจะช่วยให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อตราสินค้า เกิดความยึดติดกับนักขาย และไม่คิดเปลี่ยนใจไปใช้สินค้ายี่ห้ออื่น

นักขายที่ดีต้องทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ ซื้อบ่อย และมีการบอกต่อไปยังญาติและเพื่อนต่อๆ ไป ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มกำไรให้กับบริษัท นำไปสู่การเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงาน



การสร้างภาพลักษณ์ ภาพพจน์ และสร้างตรายี่ห้อ (Image)

นักขายต้องมีทักษะในการนำเสนอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยก่อนอื่นต้องรู้ว่าจุดเด่นของสินค้าเราคืออะไร อยู่ที่ตรงไหน และกำหนด keyword ที่จะใช้บอกกับลูกค้าแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ ทำให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้านี้ดีอย่างไร ทันสมัย ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง มีการรับประกันคุณภาพสินค้า เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ ภาพพจน์

และตรายี่ห้อให้ติดอยู่ในใจของลูกค้าทั้งสิ้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และเกิดการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง

การพ่วงการให้บริการ (Service)
การนำเสนอสินค้าที่มีบริการเสริมพ่วงท้ายไปด้วย เป็นบริการพิเศษที่กระตุ้นยอดขายให้กับเหล่านักขายได้ดีอีกวิธีหนึ่ง เมื่อสินค้าเรามีความพิเศษเพิ่มขึ้นกว่าที่อื่น ก็ไม่ยากที่ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกใช้สินค้าและบริการของเรา วิธีนี้เปรียบเสมือนการติดอาวุธการขายให้กับนักขาย เช่น รับประกันซ่อมฟรีภายใน 1ปี หรือบริการติดตั้งฟรี ให้กับ End User ส่วนบริการสำหรับร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่าย

เช่น บริการสอนเทคนิคการขาย หรือบริการพนักงานขายประจำ ณ จุดขาย เป็นต้น

การบริหารกระบวนการภายใน (Management)
คือการพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้า ทั้งในแง่ของความรู้ และความเต็มใจในการให้บริการ อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า รวมไปถึงการดูแลรักษาลูกค้าด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับพนักงานอย่างต่อเนื่อง เช่น มีการเลี้ยงขอบคุณลูกค้า ทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน และให้ลูกค้าได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมการผลิต เป็นต้น

การเตรียมพนักงานให้พร้อมดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี จะสร้างประสบการณ์อันงดงามให้ลูกค้าจดจำไปนานเท่านาน

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

ร่างกายเราทำอะไรบ้างใน24ชั่วโมง

ร่างกายเราทำอะไรบ้างใน24ชั่วโมง

ร่างกาย, วิจัย, นักวิทยาศาสตร์, รัสเซีย, ความรู้, มนุษย์



นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้วิจัยและค้นคว้าร่างกายของมนุษย์เราว่า ทำอะไรบ้างในแต่ละชั่วโมง

*01.00 น. คนส่วนใหญ่จะนอนหลับ ร่างกายจะมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมาก

02.00 น. นอกจากตับแล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเคลื่อนไหวช้ามาก

03.00 น. ร่างกายทั้งหมดจะพักผ่อน กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ความดันจะต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า การหายใจก็จะช้า

*04.00 น. สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยมาก ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตายไปในระยะเวลานี้

05.00 น. ไตจะไม่ทำหน้าที่กรอง เนื่องจากเราได้พักผ่อนมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ในเวลาตื่นนอนอารมณ์จะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ

06.00 น. ความดันเลือดจะสูงขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น

07.00 น. ภูมิต้านทานโรคในช่วงนี้จะดีมาก เพราะร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว

*08.00 น. ตับจะทำหน้าที่ขับพิษออกจากร่างกาย ในช่วงนี้ไม่ควรดื่มสุรา

09.00 น. จิตใจ อารมณ์ การทำงานจะดีมากในช่วงนี้

10.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายและสุขภาพจะดีมาก เหมาะที่จะทำงาน

11.00 น. เป็นช่วงที่ขยันขันแข็งในการทำงาน ร่างกายยังไม่อ่อนเพลีย

12.00 น. ช่วงตอนที่จะหยุดงาน ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งรับประทานอาหาร ควรจะรอช้ากว่าไปอีกสักหน่อย แล้วทานเอาช่วงเวลาประมาณ 12.30 หรือ 13.00 น. ก็จะดี

13.00 น. ตับจะพักผ่อน เนื่องจากเวลาการทำงานที่ดีได้ผ่านไปแล้ว ร่างกายในช่วงนี้จะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย

*14.00 น. เป็นช่วงระยะเวลาที่ร่างกายรู้สึกอืดอาด เชื่องช้าที่สุดในระยะหนึ่งของแต่ละวัน

15.00 น. ระบบต่างๆ ของร่างกายจะมีปฏิกิริยาที่ไวมาก สมรรถภาพของพละกำลังเริ่มฟื้นฟูขึ้น

16.00 น. ในกระแสเลือด จะมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว

17.00 น. สมรรถภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากนักกีฬาที่ออกกำลังกาย จะมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้น

18.00 น. ความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวดจะลดน้อยลง ขอให้เพิ่มการออกกำลังกาย

*19.00 น. ความดันของเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น อารมณ์จะไม่ค่อยดีนัก มักจะเกิดงขึ้นได้ด้วยสาเหตุเล็กๆน้อยๆ

20.00 น. น้ำหนักตัวจะรู้สึกเพิ่มมากขึ้น สะท้อนออกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

*21.00 น. อารมณ์จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ความจำจะดีขึ้น
สามารถคิดสิ่งต่างๆ ออกได้

22.00 น. ในกระแสโลหิต จะเต็มไปด้วยเม็ดเลือดขาว อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลง

*23.00 น. ร่างกายตระเตรียมพักผ่อน เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ที่สึกหรอ

24.00 น. เข้าสู่ชั่วโมงแห่งการหลับไหล

ที่มา: http://blog.eduzones.com/racchachoengsao/25453