วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

บางส่วนความคิดเห็น คดีปูแดงไคโตซาน

ออกความเห็น , 29 มกราคม 2553 01:08
เห็นด้วยกับท่า่นทนาย หาก ดีเอสไอ และ สคบ. ชี้แจงไม่ได้ว่าใครร้องเรียน คงจะได้คุยกันอีนาน

ความคิดเห็นที่ 15
อีกด้านหนึ่งกับผลกระทบจากชาวปูแดง
ที่มา..ทนายเดชา http://www.decha.com/main/main.php
ทนายคลายทุกข์ขอนำอีกมุมมองหนึ่งของแชร์ลูกโซ่ปูแดงไคโตซาน สืบเนื่องจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) โดย นายนิโรจน์ เจริญประกอบ ได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาติขายตรงของบริษัท เบสท์ 59 จำกัด และสำนักงานสืบสวนคดีอาญาพิเศษ (DSI) โดย พันเอกปิยวัฒน์ กิ่งเกตุ ได้สั่งปิดทำการ บริษัท เบสท์ 59 จำกัด โดยการกระทำดังกล่าวของทั้งสองหน่วยงานทำให้มีข้อข้องใจเกิดขึ้นมากมายต่อ กลุ่มพี่น้องชาวเกษตรกรผู้ใช้สินค้าของบริษัทเบสท์ 59 จำกัด กลุ่มพี่น้องนักธุรกิจอิสระและกลุ่มพี่น้องผู้มีใจรักในความยุติธรรมทุก ๆ ท่าน
สมาชิกชาวปูแดงส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซนต์ จะเป็นชาวเกษตรกรหรือมีความเกี่ยวข้องกับภาคส่วนการเกษตร ฉนั้นตัวสินค้าที่ทางบริษัทผลิตและจำหน่าย พี่น้องชาวปูแดงต้องผ่านการใช้งานก่อน พิสูจน์แล้วเห็นว่าดีจริงจึงใช้ สมาชิกส่วนใหญ่พอใจมากเพราะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลิตได้จริง อีกทั้งทางบริษัทยังจัดส่งเสริมองค์ความรู้ในการใช้สินค้า และตรวจสอบปรับปรุงคุณภาพสินค้าอยู่สม่ำเสมอ ทุกกิจกรรมที่ทางบริษัทจัดทำล้วนสมเหตุสมผลสมาชิกปูแดงทุกท่านทราบดี ถ้าพูดถึงการทำการเกษตรเมื่อให้เปรียบเทียบระหว่าง พี่น้องสมาชิกชาวปูแดงกับ สคบ. และ DSI เชื่อว่าฝีมือคนละชั้นคนที่ผ่านการใช้งานด้วยตนเองย่อมจะรู้ดีกว่า แต่ถ้าในส่วนของข้อกฎหมาย พี่น้องชาวปูแดงคงจะเก่งสู้หน่วยงาน สคบ.และ DSI ไม่ได้
ข้อกฎหมายเรารู้น้อย ฉนั้นขอกล่าวข้อข้องใจโดยอาศัยหลักของคุณธรรม จริยธรรม มโนธรรม และมโนสำนึกที่มนุษย์ทุกคนพึงมี ข้อข้องใจพอสรุปได้ดังนี้ การที่ สคบ.จะตรวจสอบบริษัท ควรจะต้องมีการร้องเรียนจากกลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ได้รับผลเสียหายจากการใช้ ผลิตภัณฑ์ทางบริษัทหรือการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแบ่งผลตอบแทนตามที่ บริษัทแจ้งเอาไว้ และหาก สคบ.ได้รับร้องเรียนจริงก็จะต้องทำการสืบสวน ตรวจสอบในเชิงลึกว่าผู้เสียหายเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด หากมีผลกระทบสมาชิกส่วนใหญ่ก็อาจเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าเรื่องร้องเรียนมี มูลความจริง แต่ถ้าหากผลกระทบเกิดขึ้นกับสมาชิกส่วนน้อยก็ต้องหาเหตุต่อไป เช่น ใช้สินค้าไม่ได้ผลเพราะอะไร ใช้ถูกวิธีไหม และทาง สคบ.ควรแจ้งให้บริษัทเข้าไปดูแลและทำความเข้าใจไม่ใช่สั่งปิดหรือเพิกถอนใบ อนุญาติซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
มาถึงวันนี้ เป็นเวลา 8 วัน ทาง สคบ.และ DSI ยังไม่มีข้อชี้แจง ข้อข้องใจ ให้สังคมได้รับรู้ว่าการกระทำดังกล่าวทำไปเพราะเกิดจากความลุแก่อำนาจหรือทำ ไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องที่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่แสดงตัวว่าเป็นที่พึ่ง ของประชาชน จะพึงกระทำ ซึ่งเราขอให้เป็นประการหลัง เพราะอย่างน้อยประชาชนอย่างเรา ๆ ยังพอได้อุ่นใจว่ายังมีหน่วยงานรัฐให้เราพึงพาได้ และสิ่งที่ สคบ.และ DSI ควรจะออกมาชี้แจงให้สังคมรับรู้ ก่อนที่ความศรัทธาและความไว้วางใจในหน่วยงานของท่านจะเสื่อมไป คือ
1.ใครเป็นผู้ร้องเรียนทางบริษัท และร้องเรียนเรื่องอะไร
2.คนที่ร้องเรียนหรือผู้ที่เสียหายที่เกิดจากทางบริษัท มีจำนวนเท่าไหร่ และเกิดความเสียหายจากอะไร และทางบริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบต่อคนกลุ่มนี้ไหม
3.ความมั่นคงของทางบริษัทมีมากน้อยเพียงใด
4.ข้อมูลทั้งหมดของบริษัท

ตั้งแต่การผลิตสินค้า การจำหน่ายสินค้าในแต่ละเดือน กลุ่มสมาชิกที่ใช้สินค้า และข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดที่สมาชิกและสังคมควรรับรู้ ข้อมูลเหล่านี้ทาง สคบ.และ DSI ควรมีก่อนที่จะทำการตัดสินใจปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาติทางบริษัท แต่วันนี้ทางสมาชิกปูแดงและสังคมยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หากเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งยังผลให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง พอสรุปความเสียหายได้ 3 ประเด็นหลัก คือ
1. สมาชิกภาคส่วนการเกษตรขาดสินค้าที่ดี ที่ไว้วางใจ ไว้ใช้งาน ซึ่งอาจมีผลต่อผลิตที่จะได้รับในแต่ละปี
2. สมาชิกที่เป็นนักธุรกิจอิสระซึ่งมีรายได้จากการกระจายสินค้าและองค์ความรู้ เข้าไปดูแลปัญหา อีกทั้งยังเป็นตัวกลางประสานความรู้ให้พี่น้องในภาคการเกษตร ซึ่งรายได้จะได้รับจากบริษัทที่มีการกระจายสินค้าเพิ่มขึ้นต้องขาดรายได้ หรือพูดง่าย ๆ คือตกงาน
3.ในการกระจายสินค้า สมาชิกเมื่อเห็นว่าใช้ดีก็จะบอกต่อไปยังคนที่รัก เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติสนิท เพื่อนฝูง แต่ในการกระทำของ สคบ.และ DSI ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ของคนที่เรารักและรักเรา ทำให้ดูเหมือนว่าเราเป็นคนหลอกลวง นำสินค้าไม่ดีไปให้ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในข้อนี้ประเมินค่าไม่ได้
หากทาง สคบ.และ DSI ยังเพิกเฉยมิยอมชี้แจงข้อข้องใจหรือยังดื้อดึง ระงับไม่ให้ทางบริษัทดำเนินการได้ตามปกติ สมาชิกปูแดงที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายทุกคนจะแจ้งความเรียกร้องค่า เสียหายที่เกิดขึ้น ณ.เวลานี้ประชาชนคนรากหญ้า คนทำมาหากิน เดือดร้อน กันมาก อยากให้ผู้มีใจรักความเป็นธรรม ช่วยตรวจสอบ ด้วย

วันที่ตั้งกระทู้ 28/1/2553 16:16:45
มีการเปิดแล้ว 247 ครั้ง เจ้าของกระทู้ ทนายคลายทุกข์

ความคิดเห็นที่ 14
ชาวนา , 28 มกราคม 2553 10:17
เดี่ยวนี้นวตกรรมของเกษตรกรเขาไปถึงไหนแล้ว สคบ. dsi โครตมั่ว ลองไปถามชาวบ้านที่เขาใช้ก่อน ว่าปลดหนี้ปลดสินได้ไหมบางคนใช้แล้วปลดได้เป็นล้านๆๆๆก็มี

ความคิดเห็นที่ 13 เบื่อคนขายชาติ , 27 มกราคม 2553 20:00
ผมอยากให้ทาง DSI และ สคบ นั้นได้คิดกันสักนิดนะว่าจมูกของพวกทานมีอะไรแขวอยู่หรือป่าว ถ้าไม่มีก็คงต้องเป็นกลางนะ (ถ้างั้นบริษัททั้งหมดที่เป็นขายตรงต้องถูกปิด) สมอง.......................

ความคิดเห็นที่ 12
คนเดช , 27 มกราคม 2553 12:32
จริงจริงแล้ว
* สคบ.ควรคุยกันดีดีหรือแจ้งเตือน บ.เบทส์ 59 ก่อนทำงานไปตามขั้นตอนสิคุณ ไม่จำเป็นต้องประสานกับ DSI เลย เอ้อ ถ้า บ.ไม่ได้ทำตามเงื่อนไขก็ค่อยบุกจับสิ นิอะไร DSI คงอยากได้หน้ามากคิดว่าใหย่แล้วทำไรได้ละสิ พอโดนตอบโต้กลับพูดไม่ตรงประเด็นอ้อมแม่น้ำทั้ง5ข้อมูลขายตรงยังไม่รู้เรื่องจริงทำเป็นพูดโดยเฉพาะ * หน้าตายปิยะวัด กิ่งเกต หัดคิดก่อนพูดบ้าง ตำแหน่งสูลเสียป่าว55

ความคิดเห็นที่ 11 คนรักปูแดง , 26 มกราคม 2553 15:49
สคบ และ dsi ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ใช้ปูแดง ก็ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนอะไรกับปูแดง สินค้าเขาก็ดี ไปซื้อทีไรก็ได้ของมาทุกครั้ง ไม่เห็นมีใครมาหลอก เห็นศุนย์ปูแดงที่อยู่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เห็นเขาขายดีอาทิตย์หนึ่งก็เห็นรถ 10 ล้อมาส่งเอาๆ ไม่ทราบเขาจะเป็นแชร์ลูกโซ่ตรงไหน เพราะสินค้าเขาขายดีจริงๆ เพราะสินค้าเขาขายดีเขาถึงมีเงินจ่ายสมาชิกเขา กรุณาตรวจสอบก่อนค่อยมาจับเขา ประเทศชาติจะได้เจริญ

ความคิดเห็นที่ 10 สมาชิกปูแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ , 26 มกราคม 2553 15:39
ประธาน สมปอง แซ่ตั้ง เรียนไม่สูง เหมือนพวกใส่สูท เป็นลูกคนยากจน แต่มีจิตใจ คิดช่วยเหลือ ชาติ ที่ตัวเองอาศัยอยู่ มีจิตใจ คิดช่วยเหลือ เกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติ ให้ได้มีโอกาสเงยหน้ามาดูท้องฟ้า ได้อยู่ดี กินดี มีเงินมาใช้หนี้ สมาชิกในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันในครอบครัว ไม่ต้องกระจัดกระจาย กันไปทำมาหากินคนละทิศคนละทาง พวกท่านที่กำกฎหมายอยู่ในมือ ขอให้รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ต่างชาติเขาดูถูกกฎหมายไทยมานานแล้วว่าไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อถือไม่ได้ อย่าให้คนไทยด้วยกันต้องมีความรู้สึก เกลียดกฎหมายไทย ไปอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่มีความสามารถรักษากฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ให้อยู่เฉย ๆ ดีกว่า อย่าคิดทำลายคนไทย ประเทศไทย เดี๋ยวไม่มีแผ่นดินจะอยู่ สงสารรุ่น ลูกหลาน ของท่านบ้าง เขาต้องมารับกรรม

ความคิดเห็นที่ 9 คนเครือข่าย , 26 มกราคม 2553 15:34
dsi สคบ ท่านบอกปูแดงผิดเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ แต่ท่านยังไม่ตรวจสอบเลยว่า จริงๆแล้วเงินปันผลที่เขาจ่ายสมาชิก ได้มาจากที่ใด แต่ท่านจับเขาก่อนแล้วค่อยมาตรวจสอบ ท่าน สคบ ออกข่าวทางข่าวออนไลน์ท่านก็ยังตอบไม่ได้ว่าปูแดงเขาเอาเงินส่วนไหนมาจ่ายได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน น่าอายเหลือเกิน แต่คนที่ทำธุรกิจปูแดงเขาจะรู้ ว่าเงินที่เขาจ่ายไปเขาได้ของมา และเขาใช้ดีได้ผลกับพืชของเขา เขาก็ซื้อซ้ำ รหัสถึงได้มีเป็นล้าน ถ้าใช้ไม่ดีเขาจะเสียเงินไปทำไม หรือจะให้เเอไปถมที่ เพราะดินมันเสื่อมจากการใช้เคมีมากี่ 10 ปีแล้วท่าน

ความคิดเห็นที่ 7 คนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ , 26 มกราคม 2553 15:22
ถ้าท่าน สคบ และ dsi ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ ก็ขอให้อยู่เฉย ๆ อย่าคิดทำร้ายเกษตรกรไทย ผู้ยากจน และตกทุกข์ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จะขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆๆ

ความคิดเห็นที่ 6 คนเขาพระวิหาร , 26 มกราคม 2553 15:16
ดร.วิชาญ จำปาขาว อ.ธนาพัท กิจใบ ประธาน สมปอง แซ่ตั้ง บุคคล 3 ท่านนี้ คือผุ้ที่จะพลิกชะตาชีวิตเกษตรกร ของประเทศไทย ให้อยู่ดี กินดี มีเงินใช้หนี้ ประเทศไทย จะแข็งแรง

ความคิดเห็นที่ 5 somjit , 26 มกราคม 2553 14:44
ขอร้องเรียนบ้าง ล๊อตเตอรรี่ ขายเกินราคา ขอให้ปิดกองสลากไปเลย กล้าหรือเปล่าล่ะ

ความคิดเห็นที่ 4 somjit , 26 มกราคม 2553 14:40
ไม่น่าจะมีหรอกครับ และที่อ้างว่ามีผู้เสียหายร้องเรียน ก็ไม่มีอีกเช่นกัน เพราะสินค้าใช้แล้วได้ผลจริง ขนาดโดนแบบนี้ ยังมีสมาชิกมาขอซื้ออยู่เสมอ ข้าราชการประจำที่มาทำกับปูแดงมีมากมาย คนระดับนี้คงไปหลอกเขาไม่ได้แน่นอน อยากให้ปิดบริษัทอื่นด้วย โดยให้ทำเหมือนกับทำที่ปูแดง อยากจะรู้ว่า สคบ.และdsi จะกล้าทำหรือไม่

ความคิดเห็นที่ 3
วิช กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ , 26 มกราคม 2553 14:14
ท่านทั้ง 3 สู้ๆครับ เราชาวกันทรลักษ์ ศรีสะเกษ พร้อมสู้เพื่อความถูกต้อง และต้องเป็นธรรม ใช่ไหมพี่น้องปูแดง

ความคืบหน้า...ปูแดงไคโตซาน (วงใน)

วันนี้ ประธานบริษัทท่านสมปอง แซ่ตั้ง ดร.วิชาญ จำปาขาว และคุณ ธนพัทธ์ กิจใบ... และ 3 ผู้บริหารใหญ่ของเบทส์ 59 ได้เข้าหารือ( ไม่ใช่มอบตัว ) กับคณะผู้บริหาร DSI

โดนเนื้อหาใจความ โดยสรุป ไม่มีการเอาความผิด โดยอ้างเหตุผลว่า กฏหมายธุรกิจขายตรง และแซ่ลูกโซ่กำกึ่งกันโดยการดำเนินการก็ทำไปตามขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดความกระทบกระเทือนทั้งสองฝ่ายทั้งนี้

ทาง DSI มีสองขอที่ขอร้องทางบริษัท.

1.อย่าแจ้งความกลับ
2.อย่าชุมนุมเรียกร้อง

หลังจากนี้ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการยืนคำร้อง อุธร และทำตามระบบต่อไป ทั้งนี้ ท่านประธาน แจ้งว่าไม่เกิน 2 เดือนทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม และต้องดียิ่งใหญ่กว่าเดิม เรื่องความเสียหายของสมาชิก กำลังอยู่ในช่วงการประชุมสรุป แต่แน่ๆ ท่านประธานไม่ทิ้งนักธุรกิจและเกษตรกร

ขอขอบคุณน้าทอม ที่ทำให้เว็บนี้เสนอความจริง ทั้งก่อนหน้าที่อาจจะมีคนสมน้ำหน้า และวันนี้เราทำได้แล้ว ความมุ่งมั่นปรารถนาดีต่อ นักธุรกิจ และเกษตรกร โดยไม่ได้ทำเป็นแบบระดมทุนอย่างที่คนอื่นคิด คุณหาได้ที่ท่านประธาน สมปอง แซ่ตั้ง ปูแดงไคโตซาน.....มีบริษัทอื่นอีกใหม่ที่เจ้าของทำเพื่อนักธุรกิจ เคยเห็นแต่ทำเพื่อตัวเอง.................

- รูป บทสรุป ... ปูแดงไคโตซาน ... -

กลยุทธ์ 7 ประการสู่ความสำเร็จในธุรกิจ MLM


ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น เป็นธุรกิจที่อาจกล่าวได้ว่า”เป็นธุรกิจที่เรียนง่ายแต่ไม่ง่าย” (SIMPLE BUT NOT EASY) ที่ว่าไม่ง่ายนั้นมิได้หมายความว่า “ทำยาก” แต่อย่างใดแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่าย ก็เพราะส่วนมากมิได้”ทำจริง” ขอเพียงทำอย่างจริงจังเท่านั้นก็สามารถประสบความสำเร็จกันได้ทุกคน ส่วนว่าจะช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับ”เทคนิค”เงื่อนไข”บางประการ

กลยุทธ์ 7 ประการสู่ความสำเร็จในธุรกิจ MLM

1.ทำอย่างอดทน ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น แพ้ชนะ วัดกันที่ความอดทนไม่ได้วัดกันที่ความเฉลียวฉลาดหลักแหลม หรือความอัจฉริยะ จงจำไว้ว่า “คนชนะ”นั้นแพ้มากกว่า”คนแพ้” เสียอีกเพียงแต่คนชนะไม่ยอมแพ้ ยังคงอดทนทำต่อไปจนชนะในที่สุด

2.ทำอย่างฉลาด การจะประสบความสำเร็จได้นั้น อดทนอย่างเดียวไม่พอ หรืออาจจะทำให้ประสบความสำเร็จช้ามากจนเกือบไม่มีอนาคต จนเกือบจะท้อแท้เลิกราไป แต่ถ้าทำอย่างฉลาดด้วยก็จะทำให้การทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น เช่น อย่าเสียเวลากับคนน่าเบื่อมากเกินไป รู้จักมองคนที่จะเป็นผู้นำได้ กิจกรรมทุกกิจกรรมที่เราเข้าร่วมต้องสร้างอานิสงค์กับความก้าวหน้าด้วย มิใช่เฮไหนเฮด้วยช่วยเฮนั่นไปเสียทุกงาน ทุกกิจกรรม รู้จักกินทีละคำ อย่าพยายามเหนื่อยกับทุกคน เหนื่อย กับทุกครั้ง เหนื่อยกับทุกอย่าง โดยไม่รู้ว่าจะเกิดคุณประการอะไรได้บ้าง

เรามีเวลาอยู่จำกัด เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้หมด จงเลือกทำเฉพระสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อความสำเร็จจริงๆ เท่านั้น

3. ทำอย่างมุ่งมั่น ต้องไม่โลเล เปลี่ยนใจง่าย ต้องกัดไม่ปล่อย เมื่อตัดสินใจแล้ว ต้องล็อคหางเสือ มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ต้องทำขั้นทุบหม้อข้าว เผาสะพานกันเลยทีเดียว คนส่วนมากประสบความล้มเหลวเพราะไม่มุ่งมั่นพอ ทำธุรกิจนี้อย่างกล้าๆ กลัวๆ เผื่อเหลือเผื่อขาด เผื่อทางถอยไว้มากมายหลายทางเหลือเกิน เมื่อประสบปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย แทนที่จะหาวิธีว่าจะทำอย่างไร ให้สำเร็จ กลับพยายามหาข้ออ้างสารพัด เพื่อจะบอกว่าทำไม มันจึงไม่สำเร็จ หลายคน โผไปทางโน้นที โผไปทางนี้ที แสวงหาสินค้าในอุดมคติ ดิ้นรนหาแผนการตลาดสุดวิเศษ ซึ่งชั่วชีวิตก็ไม่เคยพบ เพราะปัญหาอยู่ที่ตัวเขาเอง ไม่ได้อยู่ที่สินค้า องค์กร หรือแผนกการขาย – แผนการตลาด


4 .ทำอย่างศรัทธา ผู้ ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจแบบเครือข่าย ต้องศรัทธาต่อตนเอง ศรัทธาต่อวิชาชีพ ศรัทธาในตัวสินค้า ศรัทธาต่อองค์กร ศรัทธาต่อทีมงาน ศรัทธาต่อแผนงาน จงจำไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด จะดีหรือไม่เพียงใด อยู่ที่ความคิดจิตใจและศรัทธาของเราเท่านั้น

5. ทำอย่างมืออาชีพ การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัย”4” คือทัศนคติ......เทคนิค..... ทักษะ..... และแทคติคส์ แน่นอนว่าในเส้นทางของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น”ทัศนคติ”เป็น สิ่งสำคัญที่สุด และอาจถือเป็นส่วนชี้ขาดความสำเร็จหรือส้มเหลวได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เทคนิค...ทักษะ...หรือแม้แต่แทคติคส์ ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เราเป็น”มืออาชีพ” มากขึ้น ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น ทำงานอย่างมีประสิทธิ์ผลมากขึ้น

6.ทำด้วยความเสียสละ กฎ สำคัญข้อหนึ่งของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายก็คือเราต้องช่วยให้ผู้อื่นประสบ ความสำเร็จก่อน เราจึงจะประสบความสำเร็จ ต้องให้ผู้อื่นมากกว่าที่เขาสมควรได้รับ การช่วยเหลือต่างสายงาน บางครั้งก็จำเป็นต้องทำด้วยความใจกว้าง และไม่ต้องห่วง กฎแห่งการตอบแทน ตามธรรมชาติไม่เคยผิดพลาด เราไม่มีวันสูญเปล่าในสิ่งที่เราทำเพื่อช่วยเหลื่อคนอื่น ขอเพียงทำอย่างมีสติ และอย่างฉลาด

7. ทำอย่างมีคุณธรรม ต้อง ไม่ริษยา ไม่นินทาว่าร้าย ไม่แย่งลูกทีม ไม่โกง ไม่โกหก ไม่ก่อปัญหาชู้สาว ไม่เหยียบหัวลูกทีมเพื่อขึ้นตำแหน่ง ไม่ลืมตัว บางคนเพียงแค่ประสบความสำเร็จในระดับปานกลางเท่านั้นก็เปลี่ยน ไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปในทางหยิ่งทะนง ดูถูกคนอื่น คุยข่ม

10 ก้าวเพื่อความสำเร็จ สำหรับงานขายตรง


1. กำหนดเป้าหมาย - คุณต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร ? ทุนการศึกษาสำหรับลูกหลานคุณรถยนต์ คันใหม่ ,บ้านหลังใหม่ ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไรให้เขียนลงไปในกระดาษพร้อมกำหนดวันที่ที่จะต้องทำไว้ด้วย แบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ ที่คิดว่าจะทำได้ ทำงานอย่างสม่ำเสมอ วางแผนเป็นวัน สัปดาห์ เดือน

2. กำหนดสิ่งที่จะต้องทำ - ประเมินผลการทำงานประจำวัน ทำ Check List งานประจำวันด้วย และควรมีสมุดบันทึกการนัดหมายลูกค้า , รายชื่อลูกค้า และรายชื่อที่ได้รับการแนะนำพกติดตัว เพื่อทำการเพิ่มเติม และติดต่อได้ตลอดเวลา

3. กระตือรือล้น - ความกระตือรือล้น เป็นเชื้อเพลิงสำหรับนักขาย มันช่วยให้มีพลัง ซึ่งคุณต้องดูแลสุขภาพของคุณให้ดี และทำให้จิตใจคุณมีพลัง มีความหวังใจเสมอ

4. ตระหนักว่า คุณต้องเป็นผู้เข้าหาลูกค้า - ไม่ใช่แค่ให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเรา เพราะงานขายตรงเป็นงานที่ต้องวิ่งเข้าหาลูกค้า ติดต่ออยู่เสมอ

5. ไม่หมดความหวังกับการถูกปฎิเสธ - คำว่า "ไม่" เป็นเรื่องธรรมดา จงพากเพียรด้วยความหวังต่อไป


6. จัดตารางอย่างหลักแหลม - กำหนดเวลา แผนที่ เพื่อไม่ให้ล้มเหลวแต่ละวัน

7. มีทัศนคติที่ดี - ความสำเร็จในงานขาย มาจากทัศนคติ 90% และ 10% มาจากความสามารถพิเศษ คุณต้องพัฒนานิสัยการคิดอย่างสร้างสรรค์ จงภูมิใจในการเป็นนักขาย ...

จงจำไว้ว่า งานขายเป็นอาชีพหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด

8. จัดเตรียมพื้นที่สำนักงาน - นักขายส่วนใหญ่ทำงานจากบ้านของตัวเองแต่หากคุณต้องการประสิทธิภาพในการทำงาน จงให้ความสำคัญกับสำนักงาน และตารางการทำงานอย่างเคร่งครัด เพราะจะทำให้คุณภาคภูมิใจ

9. เข้าไปมีส่วนร่วมเสมอ - องคืกรงานขายส่วนมาก จะมีการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นผลผลิต รวมถึงการเอาชนะการแข่งขัน ในงานของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณสนุกสนาน และสร้างรายได้อย่างงามอีกด้วย


10. เรียนรู้การจัดการกับเงินอย่างฉลาด - งานส่วนมาก มักจะจ่ายค่าตอบแทนทุก ๆ สิ้นเดือน แต่งานขายตรง จะได้รายได้แบบครั้งคราว และแบบคงที่ จึงควรมีการฝากเงิน เพื่อดอกเบี้ย จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง ในระยะยาว เป้าหมายอีกอย่างหนึ่ง คือ ในวัยช่วงเกษียณอายุ ดอกผลที่ได้จากเงินฝาก จะทำให้คุณอยู่ได้อีกด้วย



อ้างอิงโดย ทวีศักดิ์ คงทรัพย์

12 รากหญ้าต้นแบบธุรกิจ

ทุกธุรกิจที่เติบโตได้ต้องมีรากฐาน หรือคุณค่าที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ในการจูงใจลูกค้า ผมได้รวบรวมมาทั้งหมด มี 12 แบบ


1. Discount Model มีรากฐานมาจากการลดราคาเพื่อจูงใจลูกค้าให้ซื้อสินค้า เช่น ห้าง แมคโคร โลตัส ขายสินค้าในราคาถูกกว่าที่อื่นและประกันราคาถูก สินค้า แฟชั่นที่ลดราคา 30-50% กันเป็นประจำ บางยี่ห้อถึงกับผลิตมาเพื่อลดราคาเป็นสินค้าเกรดสอง บางยี่ห้อตั้งราคาคูณ สองเผื่อลดราคาไว้ล่วงหน้า การค้าขายในอินเทอร์เน็ตที่มีรากฐานที่เชื่อว่าผู้ซื้อจะซื้อสินค้าได้ถูก เพราะสามารถแสวงหาข้อมูลสินค้าและราคาได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นตลาดของผู้ซื้อ ที่มุ่งหวังได้สินค้าราคาถูกสุด แม้กระทั่งการทำ E Procurement


2. Quality Model ธุรกิจพยายามทุกวิธีเพื่อให้ได้สินค้ามีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงการควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจนถึงมือลูกค้า บริษัทจะเน้นการทำ ISO,QS,TQC,QCC,TQM มีมาตรการคุณภาพที่ชัดเจนในขบวนการธุรกิจและการผลิต เช่น Toyota, Sony ญี่ปุ่นอาศัยปัจจัยเรื่องคุณภาพเข้ามาตีตลาดสหรัฐและยุโรป ในปี 1980



3. Low Price –Mass Model คือการผลิตสินค้าให้มากจนถึงจุดต่ำสุดของต้นทุน การสั่งซื้อในปริมาณมาก ผลิตมากให้ได้ต้นทุนต่ำ Economy of scale มีการแบ่งงานกันทำเน้นความชำนาญเฉพาะด้านในการผลิต จนเกิดการเรียนรู้และประสพการณ์เฉพาะ (Learning Curve) มีการ ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงงานต่ำเช่น จีนแดง เวียดนาม หรือบริเวณชายแดน


4. Service Model การเน้นการให้บริการ ถือว่าทุกผลิตภัณฑ์จะต้องมีบริการพ่วง เช่นบริการซ่อม กรณีเครื่องเสีย เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร, บริการให้ความรู้ในการใช้งานได้ถูกต้อง เช่นคอมพิวเตอร์ , บริการหลังการขายเช่น แอร์ เครื่อซักผ้า , บริการส่งถึงบ้านเช่น เคเอฟซี พิซซ่า สุกี้ บริการให้ข้อมูลประกอบการซื้อหรือตัดสินใจได้ถูกต้อง เช่น เพาเวอร์บาย ให้ข้อมูลซื้อเชิงเปรียบเทียบรุ่นต่อรุ่น เครื่องสำอางค์ แชมพูที่มีบริการตรวจสุขภาพผิวและ เส้นผม


5. Free model คือให้ลูกค้ามาใช้ฟรี อาจจะชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ เช่น UBC,TA express ที่ให้บริการใช้ฟรี 2 เดือนก่อน Yahoo ให้คนเข้าใช้บริการ Search Engine หาข้อมูลฟรี , NTT Do Co Mo ไม่ขายเครื่องให้เครื่องใช้ ฟรี แต่คิดค่าบริการการใช้ เหมือนการเช่า แต่ไม่คิดค่าบริการตามนาทีเหมือนมือถือบ้านเรา แต่คิดเป็น จำนวนข้อมูลที่ลูกค้าใช้ถ้าลูกค้ามีการใช้ข้อมูลการโอนถ่ายมากก็จะจ่ายมาก Freeinet บริการให้ลูกค้าเข้าสู่อินเทอร์เน็ตฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายชั่วโมง แต่เอารายได้มาจากผู้โฆษณา ผู้เช่าพื้นที่ขายใน Virtual Mall แทน


6. CRM Model –Customer Relationship Model เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า หลักมีอยู่ว่าทุกการติดต่อระหว่างบริษัทกับลูกค้า ทำอย่างไรให้เกิดประสพการณ์จากการติดต่อ ใช้ กิน ดื่ม สัมผัส ที่เป็นบวก และเกินลูกค้าคาดหวังตลอดเวลา ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้จักลูกค้า ประวัติ ลักษณะ ทางประชากรศาสตร์ จิตวิทยา ประวัติการใช้ การซื้อสินค้าและบริการ ระบบสมาชิก , สะสมไมล์ สะสมแต้มหรือยอดซื้อ ของบัตรเครดิต และสายการบิน โรงแรม ,การสร้างกลุ่มหรือชุมชน รักลูก-Baby Club Pamper,Nestle.รักครัว-Maggi,รักเรียน-Mama ,รักสนุกRCA Centralpoint ,รักกีฬา สิงห์ Adidas Nike เพื่อรวมกลุ่มลูกค้าคาดหวัง ลูกค้าจริง เข้าด้วยกันเป็นชุมชน และสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้ลูกค้าติดใจใช้ซ้ำ เกิดความภักดี

หลักการคือลูกค้าเก่าจะมีคุณค่ายอดซื้อมากกว่าลูกค้าใหม่ และเสียค่าใช้จ่ายน้อยในการทำให้ลูกค้าเดิมที่รู้จักเราดี ซื้อซ้ำResale,ซื้อสินค้าอื่นจากบริษัทเรา Cross sale,ชวนเพื่อนมาซื้อ Friend Sale,ซื้อสินค้าจากเรามากขึ้น Upsale จากประวัติทางพฤติกรรมของลูกค้าทำให้เราสามารถพยากรณ์ พฤติกรรมลูกค้าล่วงหน้า เช่น รายนี้ชอบ ของแถม , รายนี้ชอบชิงโชค , รายนี้ชอบสินค้าใหม่ , รายนี้ชอบสินค้าลดสต๊อค , รายนี้ชอบเข้างานแสดงร่วมEvent


7. Technology model เป็นการนำเทคโนโลยี่ คอมพิวเตอร์ การสื่อสารมาใช้เพื่อพัฒนาเครือข่ายข้อมูล ที่ใช้ในการตัดสินใจที่รวดเร็ว การสื่อสารหากัน ลดต้นทุนสินค้า ลดสต๊อคสินค้าเหลือ 20วัน , จัดซื้อ E Procurement , เก็บข้อมูลการขายหน้าร้าน Quick Response, ย่นระยะเวลา การวิจัย และให้ใช้ข้อมูลร่วมจากคลังข้อมูลภูมิปัญญาสร้างสรรของบริษัท Intelligence Warehouse ,ให้ใช้ในการฝึกอบรมพนักงานE Learning , ใช้ทำการตลาดออนไลน์ Ecommerce, การนำมาใช้ในระบบนำส่งLogistics ให้รวดเร็ว , นำมาใช้ในด้านบริการลูกค้า 24/7 นอกจากนี้ยังหมายถึงการนำเทคโนโลยี่การผลิตมาใช้เช่น การสกัดสมุนไพรด้วยสารละลายและการทำให้เข้มข้น ,การทำมะขามอัดเม็ดด้วยเครื่องจักรทันสมัย,การทำอาหารกล่องแช่แข็ง,การทำหมู ยอห่อด้วยเครื่องจักร,ข้าวหอมมะลิบรรจุกระป๋อง


8. Distribution Model คือการพัฒนาช่องทางการตลาดใหม่ เช่น สร้างทีมขายใหม่ เพิ่มพื้นที่ขายใหม่ ทั้งนอกห้างในพลาซ่า นอกห้างเลย เป็นช่อง Modern Trade ใช้อินเทอร์เน็ตเปิด ตลาดต่างประเทศ , เข้าสู่ฐานลูกค้าใหม่ เช่น Dell ขยายฐานการตลาดมาสู่เอเชียเพราะในเอเชีย เดลล์มีส่วนแบ่งตลาดน้อยเพียง 12%เทียบกับยอดส่วนแบ่งในอเมริกามีเกือบ50% บริษัทไทยเปิดตลาดต่างประเทศโดยการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตเชิงรุก ติดต่อ บริษัท ห้าง ขายตรง เองเปิดตลาดเอง เป็น B2B และท้ายสุดจากE Commmerce สู่ M Commerceพาณิชย์ในมือถือ


9. Business Porfolio Model คือการปรับฐานธุรกิจเอง เช่น Intel Chip มีฐานชิพเป็นพวกคอมพิวเตอร์ 80% สื่อสารและNetwork 20% ในอนาคต อินเทลจะปรับฐานตนเองจาก ชิพคอมพิวเตอร์เป็นชิพความเร็วสูงที่ใช้ในธุรกิจการสื่อสาร Networkเครือข่ายสื่อสารแทน และเริ่มมาผลิตคอมพิวเตอร์ตนเอง เช่นเดียวกับ Samsung ที่แต่เดิมมีฐานสินค้าเป็น Semi Conductor กว่าครึ่งของยอดขาย

แต่ปัจจุบันได้ปรับฐานมาสู่ Digital Media 25%,IT Telecom 25% ,Electronic Appliances 15%, Semi Conductor เหลือเพียง 15% HP,Compaq ได้ปรับฐานตนเองจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็น Network & Server นอกจากนี้ Compaq ยังออก เครื่อง iPaq คอมพิวเตอร์มือถือขนาดพกพา Pocket PC ที่ใช้ Window Operation สามารถตีตลาด PDA Palmได้

คุณรับโทรศัพท์ได้ดีมากน้อยแค่ไหน

  • เมื่อกริ๊งแรกเข้ามา และมีผู้รับสายเลย แสดงว่า ดีมาก
  • สองกริ๊ง แสดงว่า ดี มีมาตรฐานทั่วไป
  • สามกริ๊ง แสดงว่า พอใช้ได้
  • สี่กริ๊ง แสดงว่า ชักจะยังไงแล้วนะ
  • ห้ากริ๊ง แสดงว่า ไม่ค่อยพอใจแล้ว
  • หกกริ๊ง แสดงว่า เริ่มเดือด ๆ แล้ว
  • เจ็ดกริ๊ง แสดงว่า เริ่มโกรธแล้ว
  • แปดกริ๊ง แสดงว่า บ้าแล้ว มันตายหว่าไปไหนกันหมด...
    โครม (เสียงนี้ไม่ต้องบอกนะว่าอะไร)
  • ปูแดง แผลงฤทธิ์ (2)

    ฉบับนี้ยังมีเบื้องลึก เบื้องหลังการถ่ายทำ กรณี “เช็กบิล” บริษัท เบสท์ 59 จำกัด ค่ายขายตรงดาวรุ่งพุ่งแรง โลโก้ “ปู แดงไคโตซาน” มาบอกเล่าเก้า สิบกันต่อ....เพราะหลังปฏิบัติการของหน่วยงานภาครัฐ ดีเอสไอ สคบ. และกรมวิชาการเกษตร เป็นอาทิ รวมกันเฉพาะกิจเข้าตรวจสอบฐานบัญชาการและโรงงานผลิตของเบสท์ 59 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

    นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐจะ “คว้าน้ำเหลว” ไม่พบหลักฐานหรือข้อมูลสำคัญ เพื่อเพิ่มน้ำหนัก ความน่าเชื่อถือกับข้อหาฉกรรจ์ “แชร์ลูกโซ่” แล้วนั้น ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด กับการถอนกำลังออกจากฐาน ที่มั่นย่านเมืองทองธานี เนื่องเพราะ “เจ้าถิ่น” ผู้ซึ่งรู้ทางหนีทีไล่ ได้เตรียมการรับมือต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ไว้เป็นอย่างดี

    สะท้อนจากการจัดเก็บเอกสาร หลักฐาน หรือผลิตภัณฑ์ สุ่มเสี่ยงไว้อย่างมิดชิด ควบคู่ไปกับการระดมพลเครือข่ายสมาชิกนับพันคนไว้เป็น “ผนังทองแดง กำแพงมนุษย์” ไว้อีกหลายด่าน

    ภาพที่ปรากฏออกสู่สาธารณะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ที่ เกิดเหตุ จึงชุลมุน วุ่นวาย ปะทะ คะคาน แถมด่าทอระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปมาอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่ฝ่ายบู๊อาละวาด ออกลีลา งิ้ว โขน ตะโกนคำ “ผรุสวาท” กันอย่างเผ็ดร้อนอยู่นั้น....

    ฝ่ายบุ๋น ก็จัดแจงตั้งโต๊ะแถลงข่าว ต่อหน้าสื่อมวลชนทุกแขนง ถึงที่มาที่ไป ความโปร่งใส ไร้มลทิน พร้อมทีมสนับสนุนยืนชูภาพถ่ายขนาดมหึมา “ค่ายขายตรงดีเด่นประจำปี” ที่มีนายกฯอภิสิทธิ์ มอบโล่การันตี เป็นแบ็กกราวด์ประกอบฉาก คู่ขนานกันไป ปฏิกิริยา “คนละหมัด” แบบฉับพลันทันควัน ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้....

    คล้อยหลังเจ้าหน้าที่รัฐ ถอนกำลังออกจากฐานที่มั่นดังว่าในช่วงเช้า ราวช่วงบ่ายแก่ๆ เบสท์ 59ฯ ก็ดึงพันธมิตรแนวร่วม “กลุ่มพลังเครือข่ายผู้ขายตรงแห่งประเทศไทย” กลุ่มก้อนที่เพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นได้ไม่นาน เปิดปฏิบัติการ “แถลงข่าวตอบโต้” อีกหนึ่งเวที ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ย่านรัชดาฯ

    และที่น่าสนใจ คือ “เนื้อหา-สาระ” ที่นำมาแจกแจงแถลงไขต่อหน้าสื่อมวลชนนั้น ค่อนข้างมีความ “แหลมคม” มากทีเดียว แน่นอนว่าข้อมูลส่วนหนึ่งย่อมเป็นไปในทิศทาง “เอาดีใส่ตัว” ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของขั้วพันธมิตร แต่สำหรับข้อสังเกตที่พุ่งเป้าไปยัง “ระบบ” และ “ตัวบุคคล” ที่ข้องเกี่ยวในธุรกิจขายตรง ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อยเช่นกัน

    โดยจำแนกแยกส่วนเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ มุ่งโจมตีไปที่ “สคบ.” และ “ค่ายขายตรงข้ามชาติ”

    สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เป็นหน่วยงานที่สามารถ “ชี้เป็น-ชี้ตาย” ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในธุรกิจนี้, เคลือบแคลงในพฤติกรรมของ นิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสคบ.เอนเอียงเข้าข้างค่ายต่างชาติ ทำลายบริษัทขายตรงไทยแท้ ผ่านการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

    และขายตรงต่างชาติ มักชอบเตะตัดขาค่ายขายตรงไทยดาวรุ่ง โทษฐานแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ทั้งเม็ดเงินและฐานสมาชิกในสารบบ ทั้งยัง ทิ้งท้าย “วรรคทอง” ฮอตฮิตไว้อย่างน่าคิดว่า ปฏิบัติการ “รุมกินโต๊ะ” จากหน่วยงานรัฐเที่ยวนี้ ดำเนินการภายใต้ระบบ “2 มาตรฐาน”?!

    ถัดจากนั้น ในวันต่อมา พลพรรค ปูแดง ไคโตซาน กว่า 500 คน ก็ยกขบวนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถือป้ายด่าทอสาดเสียเทเสีย เพื่อประท้วงและขับไล่ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชา การสำนักคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการ สคบ. ให้ออกจากตำแหน่ง โทษฐานกลั่นแกล้งและไร้ซึ่งความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่

    เรียกได้ว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ถนนสายแจ้งวัฒนะ จากปกติที่การ จราจรก็หนาแน่นอยู่แล้ว แทบจะกลายเป็นอัมพาต ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก “ม็อบปูแดงไคโตซาน” เท่าที่ประมวลภาพ ก็น่าจะสัมผัสได้ในระดับหนึ่ง ถึง “กลเกม” ที่วางไว้อย่างหลักแหลมและแยบยลเป็นอย่างยิ่ง

    ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะแกนนำในระดับ “มันสมอง” จากฝั่งเบสท์ 59 และกลุ่มพลังเครือข่ายฯ ค่อนข้างเป็นหนึ่งในผู้สันทัดกรณีในวงการ ชนิด “รู้ลึก รู้จริง” ในทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของทุกองคาพยพในแวดวง หรือแม้แต่ การเปิดแนวรบและการยึดชิงพื้นที่ในเชิง “ข่าว”!!

    ในขณะที่ “เจ้าสำนัก” ตัวจริงเสียงจริงของค่ายเบสท์ 59ฯ ก็อาศัยช่วงฝุ่นตลบ หลบลี้หนีหน้า ไปพำนักพักกาย อยู่ต่างแดนอย่างสบายใจเฉิบ ? (ขณะนี้ได้เข้าต่อสู้ในระบบแล้ว โดยฝ่ายกฏหมายของบริษัท เนื่องจากไม่ได้รับควาเป็นธรรม)

    ตื้นลึก หนาบาง ของเรื่องทั้งหมดนี้ จะอยู่ในข่าย “ลับ-ลวง-พราง” หรือไม่ ยังคงต้องเกาะติด ประชิดสถานการณ์กันต่อ... แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ สังคม “พิพากษา” ปูแดงฯไปเรียบร้อยแล้วครับ (รอวันพิพากษากระบวนการของรัฐบางองค์กร?)

    วันนี้ปูแดงขอพิสูจน์ตัวเอง กับ กมธ.สคบ.สภาผู้แทนโดยตรง

    ปูแดง ขอพิสูจน์ตัวเอง กับ กมธ.สคบ.สภาผู้แทน

    นาย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ทนายความของผู้คุณสมปอง ปูแดง (หะ 59) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาปรับปรุงกฎหมายที่ควบคุมดูแลบริษัทขายตรง โดยทำให้เกิดความชัดเจนว่าแผนการตลาดใดทำได้หรือไม่ได้ หรือเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เพราะวันนี้มีความคาบเกี่ยวกันอยู่ โดยขอให้นำกรณีบริษัทเบสท์ 59 หรือปูแดง ไคโตซาน เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะร่วมกับดีเอสไอ ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่เกิดความเข้าใจผิดในการแจ้งแผนดำเนินธุรกิจ โดยเคยไปยื่นเรื่องของแก้ไขที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่กลับถูกดีเอสไอเข้าจับกุมเสียก่อน


    คุณสมปอง ยันไม่ใช่ แชร์ลูกโซ่
    คุณ สมปอง แซ่ตั้ง ประธาน ปูแดง บริษัทเบสท์ 59 จำกัด เจ้าของผลิตภัณท์ตราปูแดง ไคโตซาน กล่าว ว่าได้นำหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ตามที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นจำหน่ายผลิตภัณท์ในลักษณะขายตรง ซึ่งแผนดังกล่าวบริษัทขายตรงทั่วโลกได้นำมาใช้กันทั่วไป หากบริษัทของตนมีความผิด ดีเอสไอจะต้องไปจับกุมอีกว่า 100 บริษัทที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

    กรรมาธิการ สคบ. สภาผู้แทนฯ เรียก ปูแดงฯ - สคบ - DSI สอบ

    ประธาน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) คุ้มครองสิทธผู้บริโภคสภาผู้แทนราษฎร (สคบ.)ได้ให้บริษัท ปูแดงไคโตซาน เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวมถึงตัวแทนของสำนักคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้เข้าชี้แจงข้อมูล ต่อ กมธ.สคบ.ถึงปัญหาทั้งหมด ว่า พฤติกรรมการขายสินค้าและการลงทุนในบริษัทปูแดงฯ นั้น เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ตามที่หน่วยงานของรัฐระบุจริงหรือไม่ ทั้งนี้จะได้รับฟังข้อมูลจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสามฝ่าย ซึ่งหากปรากฏข้อเท็จจริงว่า พฤติกรรมของบริษัทปูแดงฯและเครือข่ายสมาชิกเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่จริง จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย และขอยืนยันว่า กมธ.สคบ. จะทำหน้าที่โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

    กรรมาธิการ สคบ. สภาผู้แทนฯ เตรียมลงพื้นที่ พิสูจน์ ปูแดง
    กมธ. สคบ.จะได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบการผลิตสินค้าบริษัทในเครือปูแดงฯ ในต่างจังหวัด เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตตลอดจนผู้ควบคุมคุณภาพสินค้า และการจัดเก็บขนส่งสินค้าทั้งหมด
    -----------------------------
    จะ เห็น ได้ว่า ถ้า กมธ.ลงพื้นที่แล้ว พบว่า ปูแดงไม่ผิด กล่าวคือ เป็นขายตรงจริง ไม่ได้ระดมทุนตามที่ สคบ - DSI.อ้าง โอกาสที่ ปูแดง จะรีเทิร์นก็สูง แต่ทั้งนี้ ต้องฝาก กำลังใจให้ ถ้าปูแดงทำธุรกิจโปร่งใส โอกาสกลับมามีแน่นอน ถึงตอนนั้น ท่าน ประธานสมปอง จะพา ปูแดงมายิ่งใหญ่ในขายตรงเกษตรอีกครั้งก็เป็นได้-----------