วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตทำงานของคนรุ่นต่อไป2010

ชีวิตทำงานของคนรุ่นต่อไป - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

คุณเกิดมาเพื่อทำบารมีแบบใด มาลองเช็คจาก ตำราโหร กันเถอะ

คุณเกิดมาเพื่อทำบารมีแบบใด มาลองเช็คจาก ตำราโหร กันเถอะ

ดื่มเหล้าเข้าสังคม ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ, ชายโสดเที่ยวหญิงบริการผิดด้วยหรือ

ดื่มเหล้าเข้าสังคม ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ, ชายโสดเที่ยวหญิงบริการผิดด้วยหรือ : หลวงพ่อตอบปัญหา : คลิปวีดีย้อนหลัง DMC Dhamma Media Channel

กองทุน อสงไขยบุญทุกสิ่ง

กองทุน อสงไขยบุญทุกสิ่ง - DMC Forum

ทำอย่างไร จะเป็นนักบริหารที่สามารถครองใจให้ลูกน้องรักได้?

หลวงพ่อตอบปัญหา ตอนที่ 24 ::: DMC Dhamma Media Channel

ทำบุญแต่ทำไมตกงาน ชีวิตไม่ดีขึ้น

ทำบุญแต่ทำไมตกงาน ::: DMC Dhamma Media Channel

คนที่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์มีจริง เราจะมีวิธีการอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร?

หลวงพ่อตอบปัญหา ตอนที่ 22 ::: DMC Dhamma Media Channel

การทำทานในพระพุทธศาสนา มีวัตถุประสงค์อย่างไร และทำได้กี่ประเภท?

หลวงพ่อตอบปัญหา ตอนที่ 27 ::: DMC Dhamma Media Channel

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อปฏิบัติเมื่อถูกโจมตี หรือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ข้อปฏิบัติเมื่อถูกโจมตี หรือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ถ้าเราถูกโจมตี หรือถูกใส่ร้ายป้ายสี ควรปฏิบัติตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ จึงจะปลอดภัย
โดยในที่นี้จะไม่กล่าวรายละเอียดทั้งหมด แต่จะพูดถึงแค่วิธีการปฏิบัติ ซึ่งมีดังนี้

1. การไม่กล่าวร้าย : อย่าไปกล่าวโทษใคร อย่าไปพูดพาดพิงถึงใคร ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรพูด จะเป็นการก่อศัตรูเพิ่มขึ้นเปล่า ๆ แทนที่จะโดนน้อย เลยหมั่นไส้ เล่นงานเราเต็มที่เลย

2. การไม่ทำร้าย : แค่เรื่องที่โดนอยู่ก็แก้ยากแล้ว อย่าหาเรื่องเพิ่ม เพราะแน่นอนว่าถ้าก้อนอิฐไป ก้อนหินก็จะมา เดี๋ยวได้อีกข้อหาละแย่เลย

3. ความสำรวมในพระปาติโมกข์ : รักษาศีลและระวังมารยาทของให้ดี อย่าให้กระทบกระทั่งกับใคร จะได้ไม่เปิดจุดอ่อนให้ถูกโจมตีเพิ่ม นอกจากนั้น อะไรที่เป็นจุดโหว่อยู่ ก็รีบไปจัดการให้เรียบร้อย

4. ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนาหาร : รับประทานแต่พอดี จะเป็นการรักษาสุขภาพ เพราะยามมีปัญหาเราจำเป็นต้องแข็งแรงไว้ก่อน นอกจากนั้น ยังทำให้น่าเลื่อมใสศรัทธาด้วย

5. อยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด : จึงจะสามารถทำใจให้สงบได้ง่าย "ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก"

6. ประกอบความเพียรในอธิจิต : การกลั่นใจให้ใส นอกจากจะให้เกิดความคิดดี ๆ แล้วยังเป็นการเชื่อมต่อบุญในอดีตให้มาช่วยได้

จึงขอฝากให้พี่น้องกัลยาณมิตรยึดหลักนี้ไว้ให้มั่นคง ยิ่งในยามที่เราถูกเข้าใจผิด เรายิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น
เพราะถ้าเราทำอะไรพลาดไป คนอื่นจะมาโจมตีเราหนักขึ้นอีก

ผมเข้าถึงพระธรรมภายใน

ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า ประมาณเดือนกันยายน 2552 ผมรู้จักวัดจากการเปิดเคเบิลทีวีที่บ้าน เปิดช่องนี้ช่องนั้นก็ไม่มีอะไรดู จู่ก็มาเจอพระรูปหนึ่ง เทศน์ไม่เหมือนพระรูปอื่น ท่านเทศน์ดีมาก เข้าใจ ปกติผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะอยู่แล้วด้วยแล้วก็เข้าใจในธรรมะของพระพุทธเจ้าแต่ไม่เหมือนที่คนทั่วไปเข้าใจผมไม่ชอบการปลุกเสกพระ ผมไม่ชอบที่พระสักยันต์เต็มตัว ผมเข้าใจว่าทำมาก ปลื้มมาก ได้บุญมาก และอื่นๆอีก แต่พระรูปนี้ท่านสอนให้คนไม่อิ่มในบุญเพราะบุญนำสุขมาให้ บุญทำให้มีอุปกรณ์ในการสร้างบารมี ผมชอบและก็เริ่มนั่งสมาธิตามหลักวิชชาธรรมกายเกือบทุกคืน และติดตามงานบุญของทางวัดทางDMC ในวันอาทิตย์ ผมหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย การบูชาข้าวพระ คุณยายอาจารย์ ก็เจอสารพัดข้อมูล ผมจึงลังเล และพอดีว่าผมมีโอกาศไปกราบแม่ชีทศพรที่บ้านผมนับถือมากๆเพราะท่านดูอดีตได้ คนแน่นศาลาทุกวันที่วัดพิชัยญาติ(ลองดูในyou tubeได้ครับ)ผมก็ถือโอกาศถามท่านเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ท่านว่า "ดี ไปเลย" ผมก็เลยหมดความสงสัย ศึกษาไป นั่งสมาธิไป ตื่นมาตักบาตรทุกวัน

จนในที่สุดวันหนึ่งที่ผมถือศีล8 ประมาณเดือนตุลาคม ผมก็เห็นดวงธรรมภายในที่สว่างเหมือนตาเห็นในวันที่สองที่ผมถือศีล8 ดวงชัดสว่างเหมือนตาเห็น และผมก็ทำใจหยุดใจนิ่งบ่อยๆ ร่วมบุญกับทางวัด สร้างองค์พระ

ผมนั่งสมาธิบ่อยมาก จนในที่สุดเมื่อคืนนี้เอง ผมนั่งสมาธิสักพัก โดยใช้วิธีนึกถึงบุญที่ทำมา และระลึกถึงเสียงหลวงพ่อธัมมชโยสอนนั่งสมาธิ ผมนิ่งมากที่กลางกาย ผมรู้สึกเหมือนอยู่กลางอวกาศโล่งๆ ทันใดนั้นผมก็เห็นแสงสว่างที่เย็นมาก ผมก็นิ่งๆต่อไป ผมเห็นยอดเกศบัวตูมใสเด่นเหมือนในบทสรรเสริญพระธรรมะกายเลยครับ ต่อมาก็เห็นทั้งองค์ ตอนนั้นผมนึกในใจว่า "ธรรมกายมีจริง" องค์พระก็ขยายออกไป ผุดต่ออีกองค์หนึ่งผมก็นึกในใจว่า "นี่หนอ วิชชธรรมกาย" และตอนที่องค์พระจะผุดต่อองค์ต่อมาผมก็ปีติจนไม่นิ่ง เพราะอยากโทรไปบอกแม่ ผมจึงหลุดออกมา แล้วผมก็ตั้งสติต่อว่าควรทำอย่างไรต่อดี ผมจึงตั้งจิตแผ่เมตตาให้บิดา มารดา เทวดา และสรรพสัตว์ เสร็จแล้วก็โทรไปบอกคนนั้น คนนี้

ทุกคนครับ ขณะที่ผมเห็นองค์พระธรรมกายภายในนั้น มันปลื้มปีติไม่เหมือนที่เราปลื้มเวลานึกถึงบุณน่ะครับ ผมมีปืติสุขแบบที่ผมใช้คำว่า "หอมกรุ่น"
ต่อไปนี้ผมยืนยันได้ว่าธรรมกายนั้น มีจริง ผมตัดสินใจตามมหาปูชนียาจารย์ไปดุสิตบุรีแล้วครับ (ผมจะเปลี่ยนจาก "ดาวดึงส์เทพบุตร" เป็น "ดุสิตาเทวบุตร")


อนุโมทนาครับ
เรื่องเล่าจาก DMC Ch.

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อานิสงส์ การบวช

อานิสงส์ การบวช

เมื่อวันก่อนได้ ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ (อาจารย์ที่เป็นพระ) รูปหนึ่ง ท่านบวชมาได้ 5 พรรษาท่านให้ข้อคิดว่า องค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า....สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากนั้นมีอยู่ 4 อย่าง นั่นคือ การเกิดเป็นมนุษย์หนึ่ง, การดำรง ชีวิตอยู่ได้ของมนุษย์หนึ่ง, การเกิดขึ้นของพระ พุทธเจ้าหนึ่ง, และการได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้ายิ่ง เป็นเรื่องยากอีกหนึ่ง

การเกิดเป็น มนุษย์ที่ว่ายากนั้น เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งกว่า เต่าตาบอด(อายุยืน)ที่ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรลึก และ มีห่วงที่พอจะคล้องคอเต่าได้ลอยยู่บนผิวน้ำในมหาสมุทร แล้วเต่าตาบอดตัวนั้นโผล่ขึ้นผิวน้ำทุก 100 ปี โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วเอาศีรษะรอดห่วงเพื่อให้ห่วงคล้องคอเต่าพอดี มี มากแค่ไหนนั่นแหล่ะคือโอกาสที่สัตว์โลกจะเกิดเป็นมนุษย์ได้มีเท่านั้น ยังไม่นับมนุษย์เกิดฐานะแตกต่างกันไป

การดำรงชีวิตของ มนุษย์เป็นไปได้ยาก ถ้าเราจะเปรียบทารกแรกเกิดระหว่างมนุษย์ และสัตว์โลกประเภทอื่นแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์ชนิด เดียวที่ต้องได้รับการเลี้ยงดูจากบิดามารดายาวนานที่สุด 1-3 ปีแรกแทบจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย แม้ช่วยเหลือตัวเองได้แล้วยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของบิดามารดา, ญาติพี่ น้อง หรือผู้ใหญ่ อีกอย่างน้อย 10 ถึง 15 ปี กว่าจะเรียนจบและหาเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อเรียนจบ แล้วยังต้องประกอบอาชีพเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเพื่อเสาะแสวงหามาให้ได้ ครบซึ่งปัจจัย 4 อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค (เพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น) ก็ยิ่งยาก อันนี้ไม่ได้รวมถึงผู้ที่มีบุญเก่าอยู่ (คือเกิดมารวย)

การเกิดของพระ พุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก การบังเกิดของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์เป็นเรื่องยากมาก เพราะพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีปณิธานแน่วแน่อยากจะหลุด พ้นจากความทุกข์ ตัวอย่างเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน ในพบที่เป็นกำเนิดปฐมชาติของการตั้งปณิธานที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านเกิดเป็นพ่อค้าต้องล่องเรือออกค้าขายไปในมหาสุมทรใหญ่ระหว่างทาง เกิดพายุพัดเรืออับปาง พระองค์ต้องว่ายน้ำข้ามทะเล มหาสมุทรโดยแบกเอามารดาของตนไว้บนหลัง ต้องว่ายอยู่กลางน้ำอยู่หลายวันหลายคืนได้รับทุกขเวทนาสาหัสนัก จนเกิดดำริขึ้นว่า “การเกิดเป็นมนุษย์นี้ยากนัก แต่การรักษาชีวิตให้ดำรงอยู่ได้เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า น่าจะมีหนทางที่จะช่วยให้มนุษย์เราพ้นจากความทุกข์นี้ได้ จึงทรงตั้งปณิธานว่าจะต้องช่วยให้ตนเองและผู้อื่นๆพ้นจากทุกข์นี้ได้ การเกิดเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะช่วยให้ตนและผู้อื่น พ้นทุกข์นี้ได้ จึงตั้งปณิธานมุ่งมั่นแน่วแน่ตั้งแต่นั้นว่าจะเกิดเป็นพุทธเจ้าให้ได้ แต่นั้นมาการบำเพ็ญบุญมารมีเพื่อให้ได้เป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้ากิเริ่มต้นขึ้น ซึ่งนับจากวันนั้นจนได้เกิดเป็นชาติที่ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา นั้น กินเวลาถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป ( 1 กัปเท่ากับระยะเวลาของศิลาแท่งทึบขนาด 16 x 16 x 16 กิโลเมตร ที่ถูกนางฟ้าเอาผ้าบางมาปาด 1 ครั้งในทุก 100 ปีจนหินก้อนนั้นราบเสมอกับพื้นดิน)

การได้ฟังพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก เรื่องพวก เราอาจมองไม่เห็นภาพว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะพวก เราเกิดในสมัยพุทธกาล ซึ่งเป็นยุคที่แม้พระพุทธเจ้าได้ทรงปรินิพพานไปแล้วแต่พระธรรมคำสอนของพระ พุทธองค์ก็ยังอยู่ เราออกจากบ้านไปไม่ไกลก็ได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระสงฆ์ผู้เป็นพระสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจะเป็นเรื่องยากไปได้อย่างไร ข้อ เท็จจริงก็คือ ก่อนที่จะมีพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้มีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์และในบางยุคบางสมัยก็ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเลยนับเป็นหมื่นปี นั่น ย่อมหมายความว่าในช่วงนั้นย่อมไม่มีผู้ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยเช่นกัน พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่าการได้ฟ้งพระ ธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเรื่องยาก

เพราะการเกิดของ มนุษย์เป็นเรื่องยากนี่เอง การบวชพระจึงถือเป็น เรื่องยากยิ่งด้วย เพราะพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ใน พระธรรมวินัยว่า “ผู้ที่จะบวชพระได้ต้องเป็น ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพระ พุทธองค์ยังทรงเคยตรัสว่า “ต้อง เป็นสัตว์(โลก) ที่มีกระดูสันหลังตั้งฉากกับพื้นดิน (มีแต่มนุษย์เท่านั้น)เท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้ สัตว์ ที่มีกระดูกขนานกับพื้นดินไม่สามารถที่จะเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมได้

ดังนั้นอานิสงส์ ของการบวชพระจึงยิ่งใหญ่กว่าบุญทั้งหลายคือ ผู้บวชหากไม่ได้ ทำอนันตริยกรรม 5 คือ ฆ่าแม่, ฆ่าพ่อ, ฆ่าพระอรหันต์, ยังพระโลหิตพระ พุทธเจ้าให้ห้อ, และยังสงฆ์ให้แตก

บุญแห่งการบวชสามารถปิดประตูอบายภูมิได้มากถึง 64 กัป,
มารดา-บิดาได้ถึง 32 กัปป์,
ภรรยาได้ถึง 32 กัป
ลูกหลานและบริวารได้รับอานิสงส์ด้วย 16 กัปป์

อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน

อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน
พระบรมราโชวาท
พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน



เมื่อวัน อาสาฬหบูชาที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ปกติเราไปทำบุญอยู่เสมอ ๆโดยเฉพาะถ้าเป็นวันพระใหญ่อย่างนี้จะไม่เคยขาดแต่ไม่ใช่วัดปากน้ำ จะบอกว่าเราไปทำบุญที่วัดปากน้ำเป็นครั้งแรกก็คงไม่ผิด เพราะเราไปวัดปากน้ำน่าจะประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว และน่าจะไม่เกินครั้งที่ 3 และที่ ผ่านมาก็เป็นเพียงเข้าไปกราบรูปเหมือน สมเด็จพระ มงคลเทพมุนี (หลวงปู่สด จันทสโร) หรือที่เรากันเรียกว่าหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ นั่นเอง



หลังจากที่ร่วมทำ บุญบรรจุพระในมหาเจดีย์ สวดมนต์ และร่วมบุญอื่น ๆ ในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน ระหว่างรอพิธี เราเหลือบไปเห็นเอกสารบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใสอยู่ 4-5 แผ่น วางอยู่บนเก้าอี้พลาสติก วางอยู่ 2 ชุดเหมือนกัน แผ่นบนสุดเขียนว่า “อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน” บรรทัดที่ 2 เขียนว่า “พระบรมราโชวาท” บรรทัดที่ 3 เขียนว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน” เท่านั้นแห ล่ะความอยากรู้อยากเห็นก็เกิดทันทีว่า พระบรม ราโชวาทของพระองค์ท่านมีว่าอย่างไร ก็มองหาเจ้าของอยู่พักหนึ่งแต่ไม่เห็นใคร เลยยอมเสียมารยาทถือวิสาสะหยิบขึ้นมาอ่านโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของ อ่านอยู่พักหนึ่งยังไม่ทันจบเจ้าของก็มาทวงคืนแต่ความที่อยากอ่านจนจบ ก็เลยก็ขอนุญาตอ่านต่อ เจ้า ของก็น่าร๊าก น่ารัก ออกปากยกให้เลย 1 ชุด บอกว่าไม่เป็นไรมีอยู่ 2 ชุด เราก็ได้แต่บอกขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณมาก ๆ



แล้วพระบรม ราโชวาทของพระองค์ท่านก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวังเลย เพราะต้องใจมาก ๆ “ทุกคนถือ ตัวว่าเป็นพุทธศาสนิกชน จะต้องศึกษาพระพุทธศาสนาตามภูมิปัญญาความสามารถและโอกาสของตน ๆ ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องกระจ่างชัดขึ้นในหลัก ธรรม เมื่อศึกษาเข้าใจและเห็นประโยชน์แล้วก็น้อมนำมาปฏิบัติทั้งในการดำเนินชีวิต ประจำวันและการงานของตน เพื่อให้เกิดความสุข ความสงบร่มเย็นและความเจริญงอกงานในชีวิตเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ ตามขีดความประพฤติปฏิบัติของแต่ละคนถ้าชาวพุทธ รู้ธรรม ปฏิบัติธรรมะอย่างถูกต้องทั่วถึงกันมากขึ้น ปฏิบัติการเบียดเบียนพระศาสนาให้เศร้าหมอง ก็ลดน้อยลง...”



ทรงพระราชทานแก่ ผู้เข้าร่วมสัมมนาเรื่อง “การทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๕ ณ ศาลาธรรมชินราชปัญจมบพิธ วัดเบญจมบพิตร



ไม่ทราบว่าคนอื่น เมื่ออ่านแล้ว จะประทับใจ เหมือนเรารึเปล่าแต่เราน่ะชอบมาก ๆ จนอดใจไม่ไหวต้องเอามากบอกต่อ



ในเอกสารฉบับนั้นยังมีข้อความเพิ่มเติมอีกว่า....

...เรา ปฏิเสธความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไม่ได้ แต่เราก็ไม่ควรเป็นเหยื่อของสังคม

ระบบสังคมไทยพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งความเจริญทางวัตถุดิบกับนานา ประเทศมานานจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่มีเวลาแม้แต่เวลาจะ ไตร่ตรองว่า ที่สุดของความเจริญที่ดิ้นรณหาคือความเสื่อม

และที่สุดของการมุ่งแสวงหาความสุข ก็คือความทุกข์


ความงมงายกับ ทฤษฎีหรือความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก ๆ ที่ลึกแล้วมันก็คือ ความคับแคบตื้นเขินเท่านั้นเอง “สังคมที่มองอะไรแคบๆ คิดอะไรตื้นๆ ทำอะไรก็มักง่าย นำมาซึ่งความใฝ่ต่ำ” หวังมากได้น้อย หวังน้อยได้มาก ไม่หวังสมความปรารถนา “ฉันทะ” คือความพอใจ ความยินดี

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)



ด้วยอนุภาพคุณ แห่งองค์ “พระพุทธ” ด้วยอนุภาพคุณแห่งองค์ “พระธรรม” ด้วยอนุภาพคุณแห่งองค์ “พระสงฆ์” ข้าพระพุทธเจ้า นาย/นาง..........................................................ขอน้อม ถวายกุศลธรรมทานนี้เป็นพุทธบูชา



“เพื่อความเจริญแห่งพระสัทธรรม” “เพื่อความมั่นคงแห่งพระธรรม วินัย”



อันประเสริฐในพระพุทธศาสนานี้ ให้เจริญ ให้ตั้งมั่น สืบไปตราบกาลนานเทอญ

หาก “ไสยศาสตร์” ดลบันดาลได้ สังคมไทยคงไร้ปัญหา เหต-ผล “เหนือ ชีวิต”


ข้าพระพุทธเจ้า นาย/นาง................................................................................................

ขออุทิศอนิสงค์ แห่งกุศลธรรมทานนี้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผู้มีจิตหยั่งรู้โดยทั่วกันเทอญ

21 ข้อ สู่ความสำเร็จ

21 ข้อ สู่ความสำเร็จ



1. แต่งงานกับบุคคล ที่คู่ควร การตัดสินใจเพียงเรื่องเดียวนี้จะกำหนด ความสุขหรือความทุกข์ของคุณถึง 90% !!
2. ทำในสิ่งที่คุณจะ สนุกกับมัน รวมทั้งคู่ควรกับเวลาและความสามารถของคุณด้วย
3. ให้ทุกสิ่งแก่ทุก ๆ คนมากกว่า ที่พวกเขาคาดว่าจะได้รับ และให้อย่างเต็มใจ
4. ปฏิบัติตัวเป็นคน มองโลกในแง่ดีและกระตือรือร้นเท่าที่คุณจะทำได้
5. ให้อภัยตัวคุณเอง และผู้อื่น
6. ใจกว้างอยู่เสมอ
7. มีหัวใจที่เต็มไป ด้วยคำว่า “ขอบคุณ”
8. ยืนหยัด, ต่อสู้, อดทน
9. ฝึกนิสัยตนเองให้ รู้จักอดออมเงินเดือนส่วนหนึ่งไว้พอประมาณอย่างสม่ำเสมอ
10. ต้อนรับทุกคนที่ คุณได้พบเจอเหมือนที่คุณอยากจะได้รับการต้อนรับ
11. กระทำตนให้มีการ ปรับปรุงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
12. ทำตนให้เป็นคนมี คุณภาพ
13. เข้าใจด้วยว่า ความสุขไม่ได้มีพื้นฐานจากการครอบครอง อำนาจ หรือชื่อเสียง แต่มันมีพื้นฐานจากสัมพันธภาพอันดีกับบุคคลที่คุณรักและนับถือต่าง หาก
14. จงรักภักดี
15. ซื่อสัตย์
16. เป็นตัวของตัวเอง
17. ยืนยันความคิดของ คุณแม้สุดท้ายแล้วคุณจะคิดผิดก็ตาม
18. เลิกตำหนิติเตียน ผู้อื่น ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดก็พอ
19. ทำในสิ่งที่คุณ อยากจะทำอย่างหาญกล้า เมื่อใดที่คุณมองกลับไปในอดีต ของคุณเอง คุณจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งต่างๆ มากมายที่คุณไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่ คุณทำ
20. เอาใจใส่กับสิ่ง ที่คุณรัก
21. อย่าทำอะไรก็ตาม ที่จะทำให้แม่คุณไม่ภูมิใจ!!

บันทึก ช่วยจำของ “เหลียงจี้จาง”

บันทึก ช่วยจำของ “เหลียง จี้จาง”

บท ความนี้ก็มาจาก forward mail อีกนั่นแหล่ะ ก็เห็นว่าเป็นข้อความดีๆ ที่ควรช่วยกันเผยแผ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทย ในยุคที่มีทั้ง “เสื้อแดง” “เสื้อ เหลือง” และ “เสื้อหลากสี” เต็มบ้านเต็มเมืองกันไปหมด ส่วนใครเป็น เจ้าของตัวจริงๆ ก็อย่าว่ากันเลยเด้อ ?

“เหลียงจี้ จาง” เป็นพิธีกรดังของ TVB ใน ฮ่องกงและเป็นนักเขียนด้วย บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากแสดงถึง

ความห่วงหาอาทร ที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆ ไป มุมมองของเขาบางเรื่อง(แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้ง

ไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...

ลูกรัก... ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับ นี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ

1. สรรพ สิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า

2. เพราะ พ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก

3. สิ่งที่ พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีก

ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ให้ดี

1. คนที่ ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป

2. ไม่มีคน ที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย

3. ชีวิต นี้แสนสั้นหากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน

4. ในโลก นี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป.. อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

5. แม้ว่า คนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียน แล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้

6. พ่อจะ ไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง

7. ต้องทำ ดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น

8. พ่อซื้อ ล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์

9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวงแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก (หมายเหตุ ถึงพบกันก็ไม่รู้จักกัน เพราะระลึกชาติไม่ได้ นี่เป็นเกราะคุ้มกันของธรรมชาติ จะได้ไม่ทุกข์ข้ามชาติ ฉะนั้น ใครที่ระลึกชาติได้ ถือว่าอาภัพสุดๆ)

จากพ่อ

เหลียงจี้จาง

กลยุทธ์อ่านใจคนจากพลังธาตุทั้ง 4

กลยุทธ์อ่านใจคน จากพลังธาตุทั้ง 4

(THE FOUR ELEMENTS OF SUCCESS)

กลยุทธ์การอ่านใจ คนจากพลังธาตุทั้ง 4 (The four elements of Success) เขียนโดย ลอรี เบธ โจนส์ แปลเป็นไทยโดย ขวัญดวง แซ่เตีย นี้ ได้นำหลักธรรมชาติมาเชื่อมโยงกับบุคลิกลักษณะของคน โดย แบ่งธรรมชาติตามหลักความเป็นจริงว่าประกอบไปด้วย ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ โดยนำคุณสมบัติพื้นฐานของแต่ละธาตุมาประกอบการพิจารณา โดยชี้ไม่ได้กำหนดธาตุจาก วัน เดือน ปี ที่บุคคลนั้น ๆ เกิด แต่มองไปถึงระยะเวลาที่บุคคลนั้น ๆ “ปฏิสนธิ” ในครรภ์เลยทีเดียวด้วยการนำวัน เดือน ปี เกิดมาตั้งต้นและคำนวณเวลาย้อนหลังกลับไป เอ๊ะ ! เรากำลังดูหมออยู่หรือเปล่า อ๋อ ! ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพียงแต่นำวัน เดือน ปี เกิดมาเป็นตัวตั้งในการคำนวณเท่านั้น

แล้วนำมาเทียบ เคียงระหว่าลักษณะจุดเด่น จุดด้อยของธรรมชาติของธาตุนั้น ๆ ที่เราสัมผัสได้ มาเทียบเคียงกับนิสัย ใจคอ ของบุคคลนั้น ๆ ว่า “ใช่” หรือ “ไม่” แล้วนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันกับการบริหารธุรกิจด้วยการวาง ตำแหน่ง วางบุคคล ให้เหมาะกับงาน เหมาะกับความสามารถและนิสัยใจคอของบุคคลนั้น ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบุคคลในองค์กรนั้น ๆ มีความสุขในการทำงาน เพื่อให้ทั้งองค์กร และทรัพยากรขององค์กรประสบความสำเร็จและมีความสุขร่วมกัน ลอรี เบธ โจนส์ ได้อธิบายไว้ว่า ให้เราลองนึกถึงคุณสมบัติพื้นฐานของธาตุแต่ละชนิด ว่ามีคุณสมบัติอย่างไรเมื่อเรานึกถึงธาตุนั้น ๆ

ธาตุดิน :-

เมื่อเราพูดถึง “ดิน” เราจะพูดถึง ความเข็มแข็ง ความมั่นคง ความปลอดภัย ดินเป็นองค์ประกอบของทุกสิ่งที่เราประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้สอย ดินคือบ้าน เป็นที่ ๆ เราปักหลักยึดเหนี่ยว

คนที่ลักษณะเด่น ของ “ธาตุดิน” มีความมั่น คง มีระเบียบ มีวินัย ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรือชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ไปตามธรรมชาติ รักที่จะก่อร่าง สร้างตัว พัฒนาตนเอง ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ก้าวช้า ๆ แต่มั่นคง

คนธาตุดิน ชอบเก็บ กดอารมณ์โกรธของตัวเอง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ความโกรธถึงขีดสุด ก็ย่อมรุนแรงไม่ต่างกับแผ่นดินไหว แต่ก็ไม่ใช่ เรื่องที่จะเกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะคนประเภทนี้มักเห็นว่าคนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้คือคนอ่อนแอ

ธาตุน้ำ :-

เป็นธาตุที่ เปลี่ยนแปลงไปได้ทุกโอกาสและสถานที่ “ธาตุน้ำ” จึง เป็นธาตุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถ ปรับเปลี่ยนไป ได้ในทุกโอกาสและสถานที่ คนบางคนถึง กับมองว่าคนที่ มีลักษณะเด่นของ “ธาตุน้ำ”

เป็นคนประเภทนก สองหัว แต่ที่จริงแล้วเค้าเป็นแค่เพียงคนที่ไม่ชอบเห็นความขัดแย้ง ความแตกแยกทุกชนิด คน “ธาตุน้ำ” จึงเป็น “ทูตสันถวไมตรี” ได้อย่างดีเลิศเลยที เดียว เพราะเค้าชื่นชอบการประนีประนอมมากเป็นชีวิตจิตใจ

เป็นคนที่โอนอ่อน ผ่อนปรนตามใจคนอื่นได้ง่าย จนบางครั้งขาดความเป็นตัวของตัวเอง ชอบทำงานอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น ทำงานเป็นทีมได้ดี ให้ความสำคัญแก่ทีมงานดีมาก ไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่มที่ดีแต่พร้อมที่จะดำเนินการและผลักดันให้งานนั้น ๆ ไปสู่ความสำเร็จ

“ธาตุน้ำ” ให้ความแช่มชื่น สงบ มีความยื่ดหยุ่นสูง เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ รักความเสมอภาค เป็นนักแก้ปัญหา ชอบหาทางออกให้แก่ปัญหา ชอบความปรองดอง พร้อมที่จะมีระเบียบวินัยเพียงเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

ธาตุลม :-

มีปฏิกิริยาตอบ โต้ว่องไว มีพลังมากชอบขับเคลื่อนไปข้างหน้า มีความ สามารถสูงในการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นธาตุแรกที่นำมาซึ่งกลิ่นไอของภัยอันตรายและความยืดหยุ่น

เป็นธาตุที่ไม่ อยู่นิ่ง มีความสามารถสูงในการติดต่อสื่อสาร ต้องการเป็นศูนย์รวมของคนหมู่มาก คบคนได้ทุกระดับไม่มีขอบเขต คบเพื่อนที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ มักมองโลกในแง่บวก เป็นคนไม่เก็บอารมณ์ สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง ความตึงเครียด ด้วยอารมณ์ขัน สามารถมองเรื่องซีเรียสเป็นเรื่องตลกได้

มักกลัวถูกสังคม ทอดทิ้ง ชอบความสนุกสนาน ไม่ชอบผู้นำที่เคร่งเครียด เต็มไปด้วยกฎระเบียบ ไม่ใช่เป็นคนที่อยู่ในระเบียบมาตั้งแต่เกิด ชอบทำงานด้วยความสนุกสนาน บ่อยครั้งที่คิดค้นกลวิธี ที่ช่วยให้เพลิดเพลินกับงาน

ธาตุ ไฟ :-

มีบุคลิกที่ชวน หลงใหล น่าค้นหา เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เร่าร้อน เอาจริงเอาจัง ให้ความบริสุทธิ์ ให้แสงสว่างและการผูกมัด

“ธาตุไฟ” สามารถทำให้ผู้อื่นหมดเรี่ยว แรงได้อย่างรวดเร็ว ไม่อาจกำหนดขอบเขตที่พอดีของตนได้ เป็นได้ดีทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ขาดทักษะด้าน สังคมและไม่มีความสมดุลในตัวเอง ไม่ค่อยรู้ความต้องการของคนอื่น ที่สำคัญไม่กลัวการเผชิญหน้า

คน “ธาตุไฟ” ชอบความตื่นเต้น เร่าร้อน แรงกดดัน ทิศทางที่มั่นคงและยั่งยืน ชอบการเปลี่ยน แปลง การผจญภัยที่ตื่นเต้น เร้าใจ ไมชอบความซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อหน่าย

ตอบสนองได้เร็ว ตัดสินใจและลงมือทำทันที ทีมีความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังสูง เป็นผู้ริเริ่มและผู้นำที่ดี ชอบการเป็นผู้นำ เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ควบคุมผู้อื่น คุ้นเคยกับความ ขัดแย้ง กล้าเผชิญหน้า มองว่าความขัดแย้งจำเป็นต่อการสร้างสีสันมีชีวิตชีวา

คน “ธาตุไฟ” มองความสำเร็จคือการได้อยู่ เหนือผู้อื่น และทำได้เกินความคาดหวัง ชอบ “การลง มือทำ” มากกว่า “การพูด”

นอกจากธาตุทั้ง สี่นี้แล้ว “ลอรี เบธ โจนส์” ยังได้มีการจับคู่กัน โดยชี้ให้เห็นว่า คนบางคนไม่ได้มีธาตุเพียงธาตุเดียวอยู่ในตัวเราเท่านั้น บางคนอาจมีธาตุ 2 ชนิด รวมอยู่ในธาตุเดียวกันก็ได้ เช่น ดิน + น้ำ, น้ำ + ไฟ เป็นต้น

“ลอรี เบธ โจนส์” ได้ชี้ให้เห็นถึงการนำจุดเด่นของแต่ละธาตุมา ประยุกต์ใช้ในการบริหารบุคลากรในองค์กรได้อย่างชัดเจน โดยนำกรณีศึกษามากมายมาแสดงไว้ในหนังสือเล่มนี้ นับได้ว่าเป็นหนังสือที่ดีและมีประโยชน์จริง ๆ

เอ๊ะ ช้าไปไหมเนี่ยะ ที่จะอ่าน

พร พชร

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เหตุใดจึงมาเกิดเป็นมนุษย์

เหตุใดจึงมาเกิดเป็นมนุษย์

--------------------------------------------------------------------------------




เหตุใดจึงมาเกิดเป็นมนุษย์
สาเหตุของการเกิดของมนุษย์นั้น มีเจตจำนงค์ในการปฏิสนธิแตกต่างกัน ดังนี้

1.เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม
ชาติก่อนทำบุญไว้มาก ทำบาปไม่เกิน 30 % ของกรรมทั้งหมด พอตายไปขึ้นสวรรค์ เสวยสุขไปชั่วระยะหนึ่ง เกิดความไม่สบายใจ จึงตัดสินใจลงมาใช้กรรมเก่าชั่วคราว คนผู้นี้เมื่อมาเกิดใหม่ จะได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ความเดือดร้อนนั้นจะไม่มีพลังหักเหให้เขาหัน กลับไปทำความชั่วอีก เมื่อชดใช้กรรมหมดแล้ว ก็จะได้กลับไปเสวยสุขบนสวรรค์อีก

2.เกิดมาเพื่อสร้างบารมี
เมื่อโลกมนุษย์เกิดความระส่ำระสาย เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์จะคัดเลือกเทพลงมาช่วยแก้สถานการณ์ เทพเหล่านี้เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ตลอดชีวิตจะต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อความดีงาม เพื่อเสรีภาพไม่หยุดหย่อน แม้ภาวการณ์คลี่คลายลง เทพนั้นก็จะละร่างไปเสวยสุขในโลกเบื้องสูงต่อไป

3.เกิดมาเพื่อเป็นประมุข เป็นผู้นำ
เทพบางองค์ยอมเสียสละความสุขบนสวรรค์ลงมาเกิดเพื่อเป็นผู้นำหรือเป็นประมุขปกครองคนหมู่มากให้มีความสุข เป็นการสร้างบารมีไปในตัวด้วย

4.หนีนรกมาเกิด
สัตว์นรกบางตนใช้กรรมในนรกยังไม่ทันหมดก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ ครั้นนายนิรยบาลทราบเรื่องก็จะให้ยมทูตมาเอาตัวกลับไปทรมานอีก สัตว์นรกในร่างมนุษย์นั้นจะอายุสั้นตายตั้งแต่อายุยังน้อย

5.หนีแดนโจรมาเกิด
สัตว์ในแดนโจรบางตน ทนทุกข์ทรมานในแดนโจรแต่ยังไม่หมดกรรม ก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ ทำให้มาเกิดเป็นคนพิการแต่กำเนิดหรือมีอุบัติเหตุทำให้กลายเป็นคนพิการในที่สุด

6.หนีแดนเปรตมาเกิด
เปรตที่ยังไม่หมดกรรม หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ จะเป็นผู้ที่อดอยากยากไร้หิวโหย หาได้ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อดมื้อกินมื้อ หรือกินแต่ของบูดเน่า ของเหลือเดน

7.หนีแดนปีศาจมาเกิด
ผู้ที่ชอบรีดนาทาเร้น คดโกงผู้อื่น ตายไปแล้วต้องไปต่อสู้ฟาดฟันกันเองในแดนปีศาจ บางตนใช้กรรมยังไม่หมดก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ คนพวกนี้จะเป็นคนอาภัพ ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคมและผู้เกี่ยวข้อง

8.เกิดมาเพื่อเสวยสุข
บางคนทำบุญไว้น้อย ทำบาปไว้มาก จึงต้องไปรับกรรมในอบายภูมิ เพื่อชดใช้กรรมหมด ก็ได้กลับมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อรับผลของบุญที่ทำไว้ คนพวกนี้จะมีนิสัยเลวร้ายชอบเอาเปรียบคดโกง แล้วร่ำรวยเพราะการกระทำดังกล่าว เขาจะเสวยสุขเพื่อรอวาระสุดท้ายในชีวิต ซึ่งยมทูตจะมารับกลับไปทรมานในอบายภูมิเช่นเดิม

9.เกิดมาเพื่อเพิ่มเติมบารมีให้เต็ม
เทพเจ้าบางองค์ ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกโพธิเจ้า เป็นพระอรหันตสาวก ฯลฯ แม้ตัวท่านจะมีบุญบารมีมากมาย แต่เขายังบกพร่องในบารมีธรรมบางข้อ ท่านจึงได้อำลาพรหมโลก ละทิ้งป่าหิมพานต์ หนีจากแดนบาดาลมาเกิดเป็นมนุษย์ คนพวกนี้จะตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาแต่บุญบารมี ไม่ยอมสะสมหลักฐานหรือทรัพย์สมบัติใดเพื่อตนเอง ท่านจะยอมลำบากลำบน ทำแต่ความดี สร้างบารมี บางครั้งคนทั่วไปเลยหาว่าโง่

10.เกิดมาเพื่อเสวยสุขและทุกข์ตามกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติ
บางคนไม่สนใจเรื่องบุญบาป นรก สวรรค์ คนพวกนี้ทำบุญไว้มากกว่าบาป แต่บุญไม่มากพอที่จะส่งขึ้นสวรรค์ บาปก็ไม่มากพอที่จะส่งลงนรก เมื่อตายไปแล้วจึงต้องกลับมาเป็นมนุษย์อีก เสวยผลกรรมตามที่ทำไว้ในอดีตชาติ เขาจะใช้ชีวิตเฉกเช่นสามัญชนทั่วไป แสวงหารักแท้ ดิ้นรนเพื่อหน้าที่การงาน ต่อสู้เพื่อให้มีหลักฐานความมั่นคง ทำดีเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ควรกระทำ

11.เกิดมาเพื่อทำลายล้าง
บางคนเป็นคนที่มากไปด้วยความแค้น ไม่ยอมใคร หากในอดีตชาติเขาถูกศัตรูกลั่นแกล้งทรมาน เขาจะต้องหาทางแก้แค้น หากไม่ทันได้แก้แค้นและศัตรูตายไปก่อน เขาก็จะยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยอำนาจความแค้นจะทำให้เขาเกิดร่วมชาติกับศัตรู เพื่อตามทำลายล้างกันตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ลูกชายเจ้าสำราญ ล้างผลาญทรัพย์สินของพ่อแม่ที่อดออมมาเป็นเวลานาน , ภรรยา โขกสับสามี จิกหัวใช้สามีเยี่ยงทาส , อาจารย์กลั่นแกล้งนักศึกษาจนต้องลาออก ไม่ได้รับประกาศนียบัตร , ประกอบการค้าเล็กๆ แต่ก็ถูกนายทุนใหญ่กลั่นแกล้งจนตัวเองล่มจม

12.เกิดมาเพื่อปลดเปลื้องคำสาป
บางคนทำบุญไว้มาก แต่ไม่เคยประพฤติศีลในครบถ้วน เมื่อตายไปได้ขึ้นสวรรค์ แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เหมาะสม เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์จึงใช้อำนาจบันดาลให้เขามาลงรับบทเรียนบางอย่างในโลกมนุษย์ มนุษย์พวกนี้ลงมาเกิดด้วยฤทธิ์คำสาปของสวรรค์ และด้วยบุญที่ทำมามาก เขาจึงมาเสวยสุขในโลกมนุษย์ แต่เป็นแบบมีขอบเขต เช่น มีเงินทองมากมาย แต่คิดทำการใหญ่เมื่อใด ก็จะขาดทุนป่นปี้ มีอาการแพ้วัตถุบางอย่าง เช่น ขึ้นเครื่องบินไม่ได้ เพราะมีอาการแพ้รุนแรง หรือ ต้องบูชาเทพบางองค์ ถ้าขาดบูชาเมื่อใดมักมีเรื่องเดือดร้อนตามมา

13.เกิดมาเพื่อทดสอบอุดมคติ
บางคนทำความดีไว้มาก ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ได้รับความเมตตาจากเทพฝ่ายบริการ ครั้นสนิทสนมกันดีก็สงสัยว่าไฉนเทพฝ่ายบริการซึ่งบุญบารมีใกล้เคียงกับตนเองจึงมีฤทธิ์เหนือกว่า สามารถไปมาระหว่างโลกสวรรค์ โลกมนุษย์และโลกทิพย์ได้ จึงตั้งความปรารถนาที่จะมีฤทธิ์แบบเทพฝ่ายบริการบ้าง จึงขออนุญาติเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ลงมาสร้างฤทธิ์อำนาจในโลกมนุษย์ มนุษย์พวกนี้จะมาเกิดในหมู่โจร เกิดท่ามกลางคนชั่วคนเลว อันธพาล ผู้มีอิทธิพล นักการเมืองที่มีอำนาจ นี่คืออุปสรรคหรือบททดสอบสำหรับเขา ถ้าเขาปรับตัวเข้ากับบุคคลหล่านั้นได้ ยอมร่วมมือทำความชั่ว เขาจะมีความสุข มีอำนาจในโลกมนุษย์ แต่จะไม่มีฤทธิ์อำนาจตามที่ปรารถนาเอาไว้ ถ้าเขาเข้มแข็ง เป็นคนดีในหมู่โจร ไม่ยอมทำความชั่วแม้จะถูกบีบคั้น เมื่อเขาตาย ก็จะตายในขณะที่คุณความดียังอยู่ เมื่อเขาตาย สวรรค์จะต้อนรับเขา เขาคือ ครูญาณ ทูตสวรรค์ เขาจะมีฤทธิ์อำนาจไปมาข้ามห้วงเวลาได้ สามารถปรากฎตัวในโลกมนุษย์เพื่อรับวัตถุทานที่บุตรหลานบำเพ็ญกุศลไปให้ หรือปรากฎตัวในแดนสวรรค์เพื่อเสวยสุข หรือปรากฎตัวในอบายภูมิเพื่อศึกษาเรื่องผลของกรรม

14.เกิดมาเพื่อเปลี่ยนวงจรชีวิต
มนุษย์บางคนเกิดมาทำบุญน้อย ทำบาปมาก หลังจากตายแล้วต้องรับโทษ เมื่อรับโทษหมดไปประมาณ 90 % ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ และดำเนินชีวิตแบบเดิมคือ ทำบุญน้อย ทำบาปมาก วงจรชีวิตจะหมุนเวียนระหว่างโลกมนุษย์กับอบายภูมิ จนก่อนละโลกครั้งหลัง เขาได้พบสมณชีพราหมณ์ เกิดความเลื่อมใส ทำให้เริ่มหันหน้าเข้าวัด แต่ผลบุญยังน้อยมิอาจต้านทานกระแสบาปได้ ตายไปจึงต้องไปรับทุกข์ในอบายภูมิตามเดิม ก่อนตายได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าจะทำความดีเพื่อไม่ให้ตกต่ำไปกว่าเดิม ดังนั้น เมื่อเกิดมาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นคนอาภัพ ทำคุณคนไม่ขึ้น ปิดทองหลังพระ แต่เขาจะฝืนทำความดี ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นคนดีที่โลกไม่แยแส เมื่อจบชีวิตแล้ว ทูตสวรรค์จะมารับวิญญาณไปสู่สวรรค์เบื้องสูง วงจรชีวิตจะเปลี่ยนไป ได้เสวยสุขในสวรรค์

15.เกิดมาเพื่อก่อตั้งศาสนา
เมื่อใดที่ศาสนาเสื่อมทรามจนเหลือแต่หลักวิชา และพระโพธิสัตว์จะมาจุติในโลก เหล่าทวยเทพจะติดตามลงมาเพื่อช่วยกันประกาศหลักธรรม เพื่อให้ศาสนาดำรงอยู่เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป

16.เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์
ในโลกธาตุหนึ่ง จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พร้อมกันสองพระองค์พร้อมกันมิได้เป็นอันขาด ในขณะที่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ายังอยู่ครบครันมั่นคง หากจะมีใครคนหนึ่งอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เขาผู้นั้นเป็นคนโกหกหลอกลวงอย่างหน้าด้านที่สุด ขณะที่พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งจุติลงมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อประดิษฐานพระศาสนา พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็จะติดตามลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อรับพุทธพยากรณ์ เป้าหมายของพระโพธิสัตว์ คือ พุทธภูมิ ดังนั้นจะพร่ำสอนชี้แจงอย่างไร พระโพธิสัตว์ก็มิอาจบรรลุคุณวิเศษอันใดได้ พระโพธิสัตว์เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์เท่านั้น

17.เกิดมาเพื่ออุปถัมภ์
บางคนเคยทำบุญร่วมกัน แต่ไม่ได้ทำบาปร่วมกัน คนหนึ่งตายแล้วไปสวรรค์ อีกคนหนึ่งเกิดบนโลกมนุษย์ คนที่เกิดบนโลกมนุษย์จะยิ่งได้รับผลบุญมากเต็มที่เมื่ออยู่ร่วมกับคนที่อยู่บนสวรรค์ หากคนที่อยู่บนสวรรค์ลงมาเกิดและอยู่ร่วมด้วย คนที่อยู่บนโลกมนุษย์ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกบางคนเกิดมาทำให้พ่อแม่ร่ำรวย ค้าขายคล่อง การงานก้าวหน้า แต่ตัวลูกเองประพฤติตัวเกเร ถ้าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านก็จะทำให้ความเป็นอยู่ของพ่อแม่เดือดร้อนอีก

18.เกิดมาเพื่อรับใช้อุปัฎฐาก
เมื่อเทพเจ้าจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเพิ่มเติมบารมีธรรมให้เต็มเปี่ยม เทพฝ่ายบริการ เทพผู้รับใช้ประจำตัวจะติดตามลงมาเกิด โดยทิ้งช่วงห่างประมาณ 10 ปีถึง 25 ปี เมื่อเทพเจ้าพระองค์นั้น (ในร่างมนุษย์) สร้างบารมีตนเอง เทพรับใช้ก็จะมามอบตัวเป็นลูกศิษย์คอยช่วยเหลือปฏิบัติดูแลเทพองค์นั้น เมื่อเทพองค์นั้นอำลาจากโลกมนุษย์ เทพรับใช้ก็จะอยู่ปฏิบัติงานจนเรียบร้อยแล้วก็จะติดตามกลับไปรับใช้ในโลกทิพย์ต่อไป

19.เกิดมาเพื่อทดสอบพรหมวิหารธรรม
เทพเจ้าผู้สละพรหมโลกมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเลื่อนอันดับเป็นเทพเจ้าผู้ปกครอง ปกติจะเป็นนักบวช อุทิศชีวิตเพื่อความรุ่งเรืองของศาสนา เป็นนักปฏิบัติธรรมผู้ไม่หวังลาภยศ วางเฉยได้ทั้งต่อคำยกย่องและคำด่า เพราะในหัวใจของท่านอัดแน่นไปด้วยฮัมมตัณหา ไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับกามตัณหา

20.เกิดมาเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ
ยามใดที่โลกมีวิญญาณชั้นสูงมาเกิดน้อย วิญญาณชั้นต่ำมาเกิดมาก พวกเทพจะอาสามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ เทพเหล่านี้จะได้รับความเจริญในชีวิต ได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์เป็นการตอบแทน ประเพณีโบราณได้แก่ ศิลปะวิทยาการอันเก่าแก่ เช่น ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ดนตรี การขับร้องฟ้อนรำ วรรณคดี จิตรกรรม ประติมากรรม วัฒนธรรม
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดมาทำไม ทำไมถึงต้องเกิดมา สิ่งเหล่านี้ล้วนหนีไม่พ้นเรื่อง "บุญ และ บาป " แต่การที่เราเกิดมาแล้วเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือในชาตินี้ ว่าเราเลือกที่จะทำ บุญ หรือ บาป แล้วคุณล่ะ.......เลือกอะไร ?

ขอบคุณที่มา:ชำแหละกฎแห่งกรรม เขียนโดย ร.ต.เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดวงสมพงษ์ ดูคู่วาสนา เสริมดวง

ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดวงสมพงษ์ ดูคู่วาสนา เสริมดวง

ดูดวง ดวง วิธีแก้ไขเมื่อดวงตก

ดูดวง ดวง วิธีแก้ไขเมื่อดวงตก

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

04 อานิสงส์ถวายปราสาทผึ้ง

04 อานิสงส์ถวายปราสาทผึ้ง

03 อานิสงส์กรวดน้ำ

03 อานิสงส์กรวดน้ำ

02 อานิสงส์ปัญญาบารมี

02 อานิสงส์ปัญญาบารมี

01 อานิสงส์คาถาอุณหิสสวิชัย

01 อานิสงส์คาถาอุณหิสสวิชัย

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) 84000.org

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) 84000.org

เมตตาพรหมวิหาระภาวนา84000.org

เมตตาพรหมวิหาระภาวนา84000.org

ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก 84000.org

ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก 84000.org

พระโอวาทของท่านอรหันต์จี้กง 84000.org

พระโอวาทของท่านอรหันต์จี้กง 84000.org

5 นิสัยการกินของ 5 ชาติที่ควรเอาอย่าง : อาหารสมอง

5 นิสัยการกินของ 5 ชาติที่ควรเอาอย่าง : อาหารสมอง

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็ง

1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการ ปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำ หนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ เป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
**** ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษ ทิชชูซับแล้วเลือดมีสี แดง สดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma) คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติถึงท่าน ผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล
อาการ ของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

กินอาหารให้เป็นยา แต่อย่ากินยาเป็นอาหาร

กินอาหารให้เป็นยา แต่อย่ากินยาเป็นอาหาร

กินอาหารให้เป็นยา แต่อย่ากินยาเป็นอาหาร

สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือ ชื่อ
‘ ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ‘ เช่น 1.

ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี 5.

โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง 6.

โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง 7.

ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป 8.

ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้ 9..

โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้ 10.

โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้ 11.

ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี 12.

เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย 13.

ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง
โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ‘ คลอเลสเตอรอล ‘ ได้ ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้ พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญ ญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของ เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป. 14.

มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี 15.

มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน 16

แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้ 17.

โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก 18.

เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี โมโรอันแซตเทอเรต19.

ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี 20.

น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร

สาเหตุการทำลายตับ

The main causes of liver damage are: สาเหตุการทำลายตับ

1. Sleeping too late and waking up too late are main cause. การนอนและตื่นได้ทุเรต คือนอนสาย ตื่นสาย ทำให้ตับทำงานผิดเวลา เป็นสาเหตุหลัก

2. Not urinating in the morning. ไม่ฉี่ในตอนเช้า หรือตื่นนอน น้ำปัสสาวะเลยไปขังเหม็นในตับ ตับไม่สดชื่น

3 . Too much eating. กินมากไป ทำให้การทำงานเกินกำลังของตับในการกรองสารอาหาร ทั้งแอลล์กอฮอล์ น้ำหวาน ไขมัน ฯลฯ

4. Skipping breakfast. การงดทานอะไรในตอนเช้า น้ำย่อยกับตับต้องมีการทำงาน

5. Consuming too much medication. การเป็นคนชอบทานยาหลายขนาน มากๆ ย่อยๆ และประจำ สารจากยาสังคราะห์สมัยใหม่จะไปสะสมที่ตับ ช่วยให้ตับเสียเร็วในระยะยาว

6. Consuming too much preservatives, additives, food coloring, and artificial sweetener. การเลือกทานอาหารที่ใช้สารกันบูด สารเพิ่มรสชาติ สารใส่สี น้ำตาลเทียม ล้วนเป็นสิ่งดีๆที่ไปสะสมทำลายตับในระยะยาว

7. Consuming unhealthy cooking oil. การทานน้ำมันปรุงอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น น้ำมันทอดซ้ำมากๆ เวลาเหนื่อยมากๆไม่ควรทานอาหารทอด แต่ถ้าร่างกายแข็งแรงก็ไม่เป็นไร ยังทนได้ ?
As much as possible reduce cooking oil use when frying, which includes even the best cooking oils like olive oil. Do not consume fried foods when you are tired, except if the body is very fit.

8. Consuming raw (overly done) foods also add to the burden of liver. การทานของดิบช่วยทำลายตับได้อย่างดี ควรปรุงสุกก่อนทุกครั้ง และอาหารทอดควรทานให้หมด ไม่ควรเก็บไว้ทานภายหลัง เพราะน้ำมันที่ทอดในอาหารจะแปรสภาพอิ่มตัว
Veggies should be eaten raw or cooked 3-5 parts. Fried veggies should be finished in one sitting, do not store.

We should prevent this without necessarily spending more. We just have to adopt a good daily lifestyle and eating habits. Maintaining good eating habits and time condition are very important for our bodies to absorb and get rid of unnecessary chemicals according to ’schedule.’

BRAIN DAMAGING HABITS ( อุปนิสัยคนเราที่ทำลายการทำงานของสมอง)

1. No Breakfast ไม่ทานอาหารเช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีผลต่อการทำงานของสมอง
People who do not take breakfast are going to have a lower blood sugar level. This leads to an insufficient supply of nutrients to the brain causing brain degeneration.

2 . Overeating=2.0 การอาหารทานมากเกินไปทำให้เส้นเลือดในสมองหนามีการเกาะตัวของไขมัน การทำงานสมองช้าลง
It causes hardening of the brain arteries, leading to a decrease in mental power.

3. Smoking การสูบบุหรี่ ช่วยให้สมองฝ่อ เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ตามมมา
It causes multiple brain shrinkage and may lead to Alzheimer disease.

4. High Sugar consumption การทานหวานมาก น้ำตาลจะไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหาร เป็นสาเหตุที่ตามมาของการทำงานที่ดีของสมอง
Too much sugar will interrupt the absorption of proteins and nutrients causing malnutrition and may interfere with brain development.

5. Air Pollution อากาศเป็นพิษ สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการอ๊อกซิเจนมากที่สุดในร่างกาย อากาศเสียส่งผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง
The brain is the largest oxygen consumer in our body. Inhaling polluted air decreases the supply of oxygen to the brain, bringing about a decrease in brain efficiency.

6 . Sleep Deprivation การอดนอน ทำให้เซลสมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลใหม่ เซลสมองที่ตายแล้วจะสะสมมีปริมาณมาก เป็นอันตรายในระยะยาว
Sleep allows our brain to rest.. Long term deprivation from sleep will accelerate the death of brain cells..


7. Head covered while sleeping การคลุมหน้าเวลาหลับ
ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซที่หายใจออกมาสะสม ก๊าซออกซิเจนที่ต้องการมีไม่พอ สมองจะค่อยๆถูกทำลาย
Sleeping with the head covered increases the concentration of carbon dioxide and decrease concentration of oxygen that may lead to brain damaging effects.

8. Working your brain during illness การทำงานหรืออ่านหนังสือคร่ำเคร่งเวลาป่วยไข้ไม่สบาย นอกจากลดประสิทธิภาพการใช้งานสมองแล้ว ยังช่วยทำลายสมองอีกด้วย
Working hard or studying with sickness may lead to a decrease in effectiveness of the brain as well as damage the brain.

9. Lacking in stimulating thoughts การไม่ใช้สมองเหมือนไม่ออกกำลังกายให้มัน มีผลต่อการทำให้สมองฝ่อ การใช้ความคิดเป็นการฝึกความจำที่ดี ( คนอายุมากควรฝึกบ่อย)
Thinking is the best way to train our brain, lacking in brain stimulation thoughts may cause brain shrinkage.

10. Talking Rarely คนไม่ค่อยพูดกับใคร มักมีปัญหา เพราะการพูดคุยช่วยให้สมองมีการทำงานและพัฒนา ( การคุยแบบสร้างสรรค์ ไม่ใช่ชวนทะเลาะ)
Intellectual conversations will promote the efficiency of the brain

30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต

1. ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นในแต่ละวัน
2. ไปเที่ยวที่ที่คุณไม่เคยไป กับคนที่คุณไม่เคยคิดจะลืม
3. ซื้อความสุข ด้วยรอยยิ้ม
4. คุยกับคนแปลกหน้า เพื่อหาเพื่อนใหม่

5. ช่วยคนอื่น เมื่อคุณสามารถช่วยได้
6. สังเกตสิ่งรอบๆตัว อาจพบความสุขเล็กๆ เข้ามาในชีวิต
7. อยู่เงียบๆ กับตัวเองวันละ 5 นาที… เพื่อคิด
8. ทุ่มตัวเองเต็มที่ กับการหาทางแก้ปัญหา ที่คุณกำลังเผชิญอยู่

9. คบคนที่มองโลกในแง่ดี
10. เข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม ในเรื่องที่คุณสนใจ
11. จัดเวลา นัดเจอ เพื่อนสนิท ในแต่ละเดือน ไป กิน เที่ยว เล่น
12. มองพระอาทิตย์ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง

13. ดูพระอาทิตย์ตกดิน สัปดาห์ละครั้ง
14. ปลูกผักเอง เอาไว้ทานเอง
15. ไปหาเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี
16. หยุดตามกระแสสักนิด และทำตามแนวคิดที่เหมาะสำหรับตัวเอง

17. บอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป
18. ค้นหา ประสบการณ์ดีๆ แปลกใหม่ ให้กับชีวิต
19. เลิกกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี และมีความสุขในสิ่งที่คุณมี
• 20. โรแมนติก ทำเซอร์ไพรซ์คนที่คุณรัก

21. หยุดเสียเวลา กับเรื่องหยุมหยิมที่ไม่จำเป็น
22. รับประทานอาหารให้ช้าลง ลิ้มรสความอร่อย
23. ขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการ เพราะคุณจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ หากไม่เอ่ยปาก
24. ถามคำถาม เมื่อสงสัย… ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากใจ

25. เล่นสนุกบ้าง ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว
26. ทำอะไรทีละอย่าง จะได้ทำออกมาได้ดี
27. ฝึกความพอเพียง – พอดี เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ จะไม่มีใคร เอาไปจากคุณได้
28. รักษาสัญญา

29. ดูตลก ฟังเรื่องตลก และแบ่งปันกับคนอื่น
30. เปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ของคุณ กับงานศิลปะ เช่นดนตรี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ฯลฯ

อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา

อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา
Filed under: ไม่มีหมวดหมู่;


The top five cancer-causing foods are: อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา

1.. Hot Dogs ฮ็อตดอก เด็กไม่ควรทานเกิน 12 ชิ้นต่อเดือน เพราะใส่สารโซเดียมในเตรตมาก คนที่ชอบทานควรเลือกสูตรที่ไม่ผสมโซเดียมในเตรต

Because they are high in nitrates, the Cancer Prevention Coalition advises that children eat no more than 12 hot dogs a month. If you can’t live without hot dogs, buy those made without sodium nitrate.

2. Processed meats and Bacon เนื้อต่างๆที่ผ่านกระบวนการแปรรูป และหมูเบคอน จะพบว่าใส่สารโซเดียมในเตรตมาก มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจ ตัวเบคอนเองก็มีไขมันอิ่มตัวที่ไปช่วยการเติบโตของมะเร็ง

Also high in the same sodium nitrates found in hot dogs, bacon, and other processed meats raise the risk of heart disease. The saturated fat in bacon also contributes to cancer.

3. Doughnuts โดนัท เป็นของชอบที่สุดของมะเร็ง เพราะมีสารและการปรุงที่ถูกวิธี คือ ป้ง น้ำตาล และน้ำมันที่ผ่านกระบวนการไฮโดรเจนแล้ว ทอดในอุณหภูมิที่สูง เพราะฉะนันคนที่มะเร็งถามหา หรือยังไม่หา ต้องระวังเป็นพิเศษ

Doughnuts are cancer-causing double trouble. First, they are made with white flour, sugar, and hydrogenated oils, then fried at high temperatures. Doughnuts, says Adams , may be the worst food you can possibly eat to raise your risk of cancer.

4. French fries มันฝรั่งทอด มีคุณสมบัติดีเด่นเหมือนกับโดนัท ที่ต้องทอดในอุณหภูมิสูงเช่นกัน แต่เด่นกว่าในการผลิตสาร อะครีล อาไมล์ ที่เป็นตัวกระตุ้นมะเร็ง เป็นสุดยอดอาหารมะเร็งถามหา

Like doughnuts, French fries are made with hydrogenated oils and then fried at high temperatures. They also contain cancer- causing acryl amides which occur during the frying process. They should be called cancer fries, not French fries, said Adams .

5. Chips, crackers, and cookies มันฝรั่งทอดแบบแผ่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ และขนมคุ๊กกี้ ทำจากแป้งและน้ำตาล (เหมือนโดนัท) ของต้องห้ามสำหรับคนเกิดปีมะเร็ง

All are usually made with white flour and sugar. Even the ones whose labels claim to be free of trans-fats generally contain small amounts of trans-fats.