วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อปฏิบัติเมื่อถูกโจมตี หรือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ข้อปฏิบัติเมื่อถูกโจมตี หรือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ถ้าเราถูกโจมตี หรือถูกใส่ร้ายป้ายสี ควรปฏิบัติตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ จึงจะปลอดภัย
โดยในที่นี้จะไม่กล่าวรายละเอียดทั้งหมด แต่จะพูดถึงแค่วิธีการปฏิบัติ ซึ่งมีดังนี้

1. การไม่กล่าวร้าย : อย่าไปกล่าวโทษใคร อย่าไปพูดพาดพิงถึงใคร ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรพูด จะเป็นการก่อศัตรูเพิ่มขึ้นเปล่า ๆ แทนที่จะโดนน้อย เลยหมั่นไส้ เล่นงานเราเต็มที่เลย

2. การไม่ทำร้าย : แค่เรื่องที่โดนอยู่ก็แก้ยากแล้ว อย่าหาเรื่องเพิ่ม เพราะแน่นอนว่าถ้าก้อนอิฐไป ก้อนหินก็จะมา เดี๋ยวได้อีกข้อหาละแย่เลย

3. ความสำรวมในพระปาติโมกข์ : รักษาศีลและระวังมารยาทของให้ดี อย่าให้กระทบกระทั่งกับใคร จะได้ไม่เปิดจุดอ่อนให้ถูกโจมตีเพิ่ม นอกจากนั้น อะไรที่เป็นจุดโหว่อยู่ ก็รีบไปจัดการให้เรียบร้อย

4. ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนาหาร : รับประทานแต่พอดี จะเป็นการรักษาสุขภาพ เพราะยามมีปัญหาเราจำเป็นต้องแข็งแรงไว้ก่อน นอกจากนั้น ยังทำให้น่าเลื่อมใสศรัทธาด้วย

5. อยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด : จึงจะสามารถทำใจให้สงบได้ง่าย "ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก"

6. ประกอบความเพียรในอธิจิต : การกลั่นใจให้ใส นอกจากจะให้เกิดความคิดดี ๆ แล้วยังเป็นการเชื่อมต่อบุญในอดีตให้มาช่วยได้

จึงขอฝากให้พี่น้องกัลยาณมิตรยึดหลักนี้ไว้ให้มั่นคง ยิ่งในยามที่เราถูกเข้าใจผิด เรายิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น
เพราะถ้าเราทำอะไรพลาดไป คนอื่นจะมาโจมตีเราหนักขึ้นอีก

ผมเข้าถึงพระธรรมภายใน

ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า ประมาณเดือนกันยายน 2552 ผมรู้จักวัดจากการเปิดเคเบิลทีวีที่บ้าน เปิดช่องนี้ช่องนั้นก็ไม่มีอะไรดู จู่ก็มาเจอพระรูปหนึ่ง เทศน์ไม่เหมือนพระรูปอื่น ท่านเทศน์ดีมาก เข้าใจ ปกติผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะอยู่แล้วด้วยแล้วก็เข้าใจในธรรมะของพระพุทธเจ้าแต่ไม่เหมือนที่คนทั่วไปเข้าใจผมไม่ชอบการปลุกเสกพระ ผมไม่ชอบที่พระสักยันต์เต็มตัว ผมเข้าใจว่าทำมาก ปลื้มมาก ได้บุญมาก และอื่นๆอีก แต่พระรูปนี้ท่านสอนให้คนไม่อิ่มในบุญเพราะบุญนำสุขมาให้ บุญทำให้มีอุปกรณ์ในการสร้างบารมี ผมชอบและก็เริ่มนั่งสมาธิตามหลักวิชชาธรรมกายเกือบทุกคืน และติดตามงานบุญของทางวัดทางDMC ในวันอาทิตย์ ผมหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย การบูชาข้าวพระ คุณยายอาจารย์ ก็เจอสารพัดข้อมูล ผมจึงลังเล และพอดีว่าผมมีโอกาศไปกราบแม่ชีทศพรที่บ้านผมนับถือมากๆเพราะท่านดูอดีตได้ คนแน่นศาลาทุกวันที่วัดพิชัยญาติ(ลองดูในyou tubeได้ครับ)ผมก็ถือโอกาศถามท่านเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ท่านว่า "ดี ไปเลย" ผมก็เลยหมดความสงสัย ศึกษาไป นั่งสมาธิไป ตื่นมาตักบาตรทุกวัน

จนในที่สุดวันหนึ่งที่ผมถือศีล8 ประมาณเดือนตุลาคม ผมก็เห็นดวงธรรมภายในที่สว่างเหมือนตาเห็นในวันที่สองที่ผมถือศีล8 ดวงชัดสว่างเหมือนตาเห็น และผมก็ทำใจหยุดใจนิ่งบ่อยๆ ร่วมบุญกับทางวัด สร้างองค์พระ

ผมนั่งสมาธิบ่อยมาก จนในที่สุดเมื่อคืนนี้เอง ผมนั่งสมาธิสักพัก โดยใช้วิธีนึกถึงบุญที่ทำมา และระลึกถึงเสียงหลวงพ่อธัมมชโยสอนนั่งสมาธิ ผมนิ่งมากที่กลางกาย ผมรู้สึกเหมือนอยู่กลางอวกาศโล่งๆ ทันใดนั้นผมก็เห็นแสงสว่างที่เย็นมาก ผมก็นิ่งๆต่อไป ผมเห็นยอดเกศบัวตูมใสเด่นเหมือนในบทสรรเสริญพระธรรมะกายเลยครับ ต่อมาก็เห็นทั้งองค์ ตอนนั้นผมนึกในใจว่า "ธรรมกายมีจริง" องค์พระก็ขยายออกไป ผุดต่ออีกองค์หนึ่งผมก็นึกในใจว่า "นี่หนอ วิชชธรรมกาย" และตอนที่องค์พระจะผุดต่อองค์ต่อมาผมก็ปีติจนไม่นิ่ง เพราะอยากโทรไปบอกแม่ ผมจึงหลุดออกมา แล้วผมก็ตั้งสติต่อว่าควรทำอย่างไรต่อดี ผมจึงตั้งจิตแผ่เมตตาให้บิดา มารดา เทวดา และสรรพสัตว์ เสร็จแล้วก็โทรไปบอกคนนั้น คนนี้

ทุกคนครับ ขณะที่ผมเห็นองค์พระธรรมกายภายในนั้น มันปลื้มปีติไม่เหมือนที่เราปลื้มเวลานึกถึงบุณน่ะครับ ผมมีปืติสุขแบบที่ผมใช้คำว่า "หอมกรุ่น"
ต่อไปนี้ผมยืนยันได้ว่าธรรมกายนั้น มีจริง ผมตัดสินใจตามมหาปูชนียาจารย์ไปดุสิตบุรีแล้วครับ (ผมจะเปลี่ยนจาก "ดาวดึงส์เทพบุตร" เป็น "ดุสิตาเทวบุตร")


อนุโมทนาครับ
เรื่องเล่าจาก DMC Ch.