วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กำหนดการจัดงานอบรมและจัดประชุม OPP ประจำเดือน กันยายน.52.


คุณ .. ลุกขึ้นสู้ ....... กี่ครั้ง

คุณ .. ลุกขึ้นสู้ ....... กี่ครั้ง

มหัศจรรย์แห่งชีวิต... หลักคิดจากท่าน ว.วชิรเมธี

มหัศจรรย์แห่งชีวิต... หลักคิดจากท่าน ว.วชิรเมธี

๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ
ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี ?
( ๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
( ๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
( ๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
( ๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน ?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา ?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี ?
( ๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
( ๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
( ๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร ?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?
( ๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
( ๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
( ๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร ?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี ?
( ๑) หางานใหม่
( ๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
( ๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
( ๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย ?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี ?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร ?
( ๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
( ๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
( ๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี ?
( ๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
( ๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
( ๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?
( ๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
( ๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
( ๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก ?
( ๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
( ๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
( ๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา
แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ศูนย์รวมความรู้ทางเกษตร พืช ผัก ผลไม้ ข้าว ไม้ดอก ไม้ผล โรคพืชและแมลง

target="_blank">http://plantrit.blogspot.com/

ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน

ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน
1. เน้นคุณภาพ เน้นความเป็นหนึ่ง เน้นสินค้าหนึ่งเดียวที่ถูกต้อง พิสูจน์ ยืนยันได้ชัดเจนเน้นเป็นหนึ่งเดียวของคุณภาพ
2. เน้นความปลอดภัย เน้นให้เห็นชัดเจนถึงความปลอดภัยที่ใช้สินค้านี้แล้ว ไม่มีผลร้ายต่อสุขภาพ
3. เน้นความถูกต้องตามกฎหมาย แสดงให้เห็นสินค้าที่มีสิทธิถุกต้องมีใบรับรองจากผู้คิดค้น ผู้ผลิต ได้รับใบอนุญาต
4. ผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่าง ควรมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะถ้าไม่แตกต่างคุณจะมีคู่แข่งจำนวน มากและแตกต่างแล้วควรที่จะใช้แล้วหมด ไปด้วยเพราะความพยายามของคุณครั้งเดียว จะนำมาซึ่งการสั่งซื้อซ้ำ
5. ควรเลือกทำธุรกิจโดยเลือกทำกับตลาดที่กว้างและมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
6. แนวโน้ม ต้องดูแนวโน้มหรือทิศทางของตลาดใน อนาคตว่ามีทิศทางไปทางไหนเพื่อที่ธุรกิจ ที่คุณทำจะอยู่ในความต้องการของคน

เช็คว่าคุณ ฟุ่มเฟือยไหม?

เงิน


เช็คว่าคุณฟุ่มเฟือยไหม?
โดย คนสมถะ

มีหลายคนพึมพำให้ฟังกันตรึมเลยว่า ผู้ที่มีรายได้จำกัดจำเขี่ยหรือมีรายรับจากเงินเดือนอย่างเดียวเนี่ย ชักจะอยู่กันไม่รอดซะแล้วสิ เพราะแต่ละเดือน โอ้โห มีรายจ่ายให้ต้องควักใช้เพิ่มขึ้นอีกตั้งยุ่บยั่บ อย่างค่าอาหารงี้เห็นได้ชัดที่สุด เดือนๆ ต้องกินต้องใช้ คิดเป็นรายจ่ายที่สูงเอาการ

เอ้า ยกตัวอย่างจากราคาอาหารตามร้านทั่วๆ ไปก็ได้ ถ้าให้กะราคาก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวผัดจะตกอยู่ราวจานละ 30-40 บาท ซึ่งราคาเนี้ยยังไม่แน่ เลยนะว่าจะกินกันอิ่มหนำ สำราญในจานเดียวรึเปล่า? เพราะผู้ที่ทานจานเดียวไม่ อิ่มก็มีเยอะไม่ใช่เล่นนะ นี่ยังไม่ได้นับค่าขนมนมเนยหรือขนมไทยๆ เช่น กล้วยบวชชี, ข้าวเหนียวถั่วดำและบัวลอยเผือกที่พวกเราชอบทานเพื่อให้ ชีวิตแต่ละวันมีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิมอีกล่ะ

ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาลนี่ก็แพงหูฉี่ ปกติคนทำงานกินเงินเดือนกระจิบกระจ้อยร่อยน่ะ อยากไปหามดหาหมอตามโรงพยาบาลของรัฐทั้งนั้นแหละ เพราะถึงไงก็ยังได้ทุ่นเรื่องค่าใช้จ่ายไปบ้างเมื่อเทียบกับค่ารักษาของ เอกชน

แต่เพราะคนไข้แห่กันไปใช้บริการกับโรงพยาบาลของรัฐกันเยอะเหลือเกินนี่สิ เหตุนี้ "คนทำงานที่ไม่สามารถรอรับบริการในโรงพยาบาลของรัฐ" ได้ เพราะต้องรอคิวกันน้านนาน เลยหันไปหาเอกชนกันเป็นแถ้ว จึงได้แต่หวังนะฮะว่า รัฐน่าจะขยายเพิ่มโรงพยาบาลหรือเพิ่มสวัสดิการสังคมเพื่อให้ประชาชนตาดำๆ ได้มีโอกาสเข้ารับบริการของรัฐกันมากขึ้น เพราะอย่างว่าอ่ะ คนจนมีมากกว่านี่หว่า ก็น่าจะช่วยๆ กันไป ยิ่งรัฐบาลใจดีอยู่แล้วก็อยากฝากเรื่องนี้ไว้นิ้ดนึงนะฮ้า

เฮ่อ พอบ่นจบแล้วก็แฮปปี้ จึงอยากชวนคุณผู้อ่านเลี้ยวกลับมาเช็กสุขภาพทางการเงินในกระเป๋าของพวกเรากันดีกว่า ว่ายังคงมีเงินจับจ่ายใช้สอยหรือว่ากลายเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวไปแล้ว กันแน่เนอะ โดยตอบคำถามต่อไปนี้นะว่า ใช่หรือไม่ใช่ เช่น...

1. คุณไม่ก่อหนี้ด้วยการ ซื้อมือถือสุดหรู, นาฬิกา แสนแพง หรือรถเก๋งสุดเท่มาใช้ โดยไม่คำนึงถึงฐานะการ เงินของตัวเองเลยใช่ไหมจ๊ะ เพราะแหม คุณน่ะขึ้นชื่อว่าเจียมเนื้อเจียมตัวจะตายจริงม้า?
2. คุณปฏิเสธที่จะมีบัตรเครดิตใบใหม่ แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ คะยั้นคะยอขอให้ช่วยเค้าแค่ไหนก็ตาม เอ้าโถ คุณมีบัตรเครดิตอยู่แล้วนี่นา แล้วจะอยากได้ใบใหม่ไปทำไมอีกล่ะใช่ปะ?
3. คุณไม่เคยใช้บัตรเครดิตซื้อของจนเต็มวงเงินของบัตรสักที งั้นเรอะ?
4. ถึงแม้คุณจะมีหนี้อยู่บ้าง แต่ก็สามารถจ่ายหนี้ผ่านไปได้ทุกเดือนใช่มะ?
5. ถ้าคุณมีเงินไม่พอใช้ละก็ คุณจะแก้ไขด้วยการหางานพิเศษทำ เช่น ไปเปิดร้านแบกะดินขายของตามตลาดนัด หรือไม่ก็ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา เปิดสอนพิเศษซะเลยใช่ป่าว?

เอาล่ะเฉลยกันแล้ว ถ้าตอบว่าใช่ แสดงว่าคุณยังพอมีตังค์ใช้ และไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือย...ไชโย

ภาพตัวอย่างวิธีเช็คสายงานและรายได้

10 วิธีทำให้คนอื่นชอบคุณ

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน การได้เป็นที่รัก ที่ชอบพอของคนรอบตัวนั้น ก็นับเป็นสิ่งประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา

แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องดีงามเป็นพื้นฐานด้วย ไม่ใช่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นพอใจรักใคร่ ทั้ง 10 ข้อที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสูตรปรุงเสน่ห์ ซึ่งทำได้ไม่ยาก แต่ท้าทายให้ทุกคนใส่ใจและทดลองปฏิบัติ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถึงเวลา หากสำรวจเข้าจริงๆ บางคนก็ขาดไปหลายข้อเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา ง่ายเสียจนเราละเลย ลืมให้ความสำคัญ ลืมปฏิบัติกันให้เป็นนิสัย

1. จำชื่อเขาให้ได้
ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ

2. รู้จักทักทาย
การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?

3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า
จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้

4. มีนิสัยง่ายๆ
นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด

5. อย่าอวดตัวเอง
จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า

6. จงมีนิสัยร่าเริง
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย

7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ

8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม

9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง
น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย”

10. ชมเชยให้เป็น
อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!

2 คน ที่เราควรคิดถึงมากที่สุดในโลก


โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน ทีวี และสวนหน้าบ้าน มีไว้สำหรับพ่อและแม่

เวลาไม่มีเงิน
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน

คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อน

อยากได้รถ
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีรถ

คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อน

ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน
มีสำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน เพื่อความอยู่รอด
ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน เพื่อให้หลับฝันดี
เวลาเรามีความสุข

มักจะมองหาแฟนและเพื่อน

เวลาเรามีความทุกข์
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่
เวลาประสบความสำเร็จ
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัดฉลองและสังสรรค์ แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
ทีวี และสวนหน้าบ้าน
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ
พ่อและแม่กับทำงาน หรือ นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น เพื่อแลกความสุขของลูก อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ
เวลาแต่งงาน
คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่ คนที่มีความสุขคือลูก

พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย เพื่อให้ลูกได้ดี
แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
พ่อและแม่ คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก แต่พอลูกมีปัญหา
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่
ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด อาจเป็นคำง่ายๆ สั้นๆ ที่ มีความหมายยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

เราอาจไม่ต้องคิดถึงท่านในทุกๆเวลาที่เราหายใจเพราะเรารู้ ว่าท่านคงไม่ได้เรียกร้องมากมายขนาดนั้นขอแค่ 1 ใน 10 ของที่ท่านคิดถึงเราก็พอ เพียงเท่านี้ ... ท่านคงจะดีใจ ...

ที่มา : forward mail

อย่าสัญญากับใครถ้าคุณทำไม่ได้

ความรัก

เด็กสาวตาบอดคนหนึ่ง เกลียดตัวเองที่มองอะไรไม่เห็นเธอเกลียดทุกคนยกเว้นแฟนหนุ่มของเธอ

วันหนึ่งเธอบอกกับเขาว่า "ถ้าเธอมองเห็น เธอจะแต่งงานกับเขา"

แล้ววันหนึ่ง โชคก็เดินทางมาถึง มีคนบริจาคดวงตาให้เธอ!

เธอจึงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งแฟนของเธอ

เขาจึงถามเธอว่า "ตอนนี้เธอมองเห็นแล้ว เธอจะแต่งงานกับฉันไหม"

เด็กสาวตกใจมากที่เห็นว่า เขาตาบอด!

เธอตอบเขาว่า "ขอโทษนะ ฉันแต่งงานกับเธอไม่ได้หรอก เพราะเธอมันตาบอด"

แฟนของเธอเดินจากไปพร้อมน้ำตา

เขาบอกกับเธอว่า "งั้น...ช่วยดูแลดวงตาของฉันให้ดีก็แล้วกันนะ"

ที่มา : forward mail *-*

ภาพประกอบจาก : อินเทอร์เน็ต

3สิ่งยืนยันรักแรกพบของคุณคือเรื่องจริง


บางครั้ง การที่เราไม่เคยเจอกับตัวเอง เราก็อาจจะไม่เชื่อว่า รักแรกพบนั้นมีอยู่จริง

เรามักจะคิดว่า รักแรกพบนั้นเป็นเพียงอารมณ์หลงชั่ววูบ จากการที่เราได้พบใครสักคนหนึ่ง ที่ดูสวย, หล่อ หรือน่าสนใจ เมื่อแรกเห็น แต่รักแรกพบมีอยู่จริง และเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต หลายร้อย หลายพันปีมาแล้ว...
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เกี่ยวกับรักแรกพบ มีบันทึกเอาไว้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง เรื่องเล่าจากปากสู่ปาก งานศิลปะ หนังสือ ดนตรี บทกวี การละคร ภาพยนตร์ และในปัจุบัน คนโดดเดี่ยวหลายล้านคน ก็ยังรอคอยที่จะได้พบกับรักแรกพบ เข้าสักวัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรากำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งรักแรกพบ?

3 ข้อด้านล่างนี้ คือความจริง ที่จะบอกว่า คุณได้พบกับรักแรกพบอย่างแท้จริงเข้าให้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีความหมายมากกว่า การเกิดอารมณ์ความรู้สึกหลงไหล หรือเพียงแค่อาการตื่นเต้น หัวใจสูบฉีดอย่างรุนแรงชั่วขณะ

1.คุณรู้สึกว่าไม่จำเป็น ที่จะต้องรีบร้อนมีเซ็กส์
หากความรู้สึกเมื่อแรกพบของคุณ สื่อความต้องการออกมา เป็นเรื่องของความต้องการทางด้านร่างกาย คุณรู้สึกรีบร้อน กระวนกระวายใจ นี่ไม่ใช่ “รักแรกพบ” แต่จัดเป็น “หลงแรกพบ” มากกว่า ในทางตรงกันข้าม หากคุณรู้สึกว่า สามารถควบคุมแรงกระตุ้นทางด้านร่างกาย ได้อย่างง่ายดาย และคุณมีความรู้สึกว่า ต้องการที่จะรู้จักคนๆ นั้นให้มากขึ้น โดยค่อยๆ ทำความรู้จักไปที่ละนิด อย่างช้าๆ นี่ละ! รักแรกพบ และความรู้สึกเช่นนี้ ก็จะช่วยให้ คุณสามารถจัดการกับทุกอย่างได้อย่างลงตัว

2. คุณเห็นมุมที่คนอื่นๆ มองไม่เห็น ในตัวของคนๆ นั้น
คนอื่นๆ จะมองบุคลิกภาพ หรือลักษณะภายนอก ซึ่งทุกๆ คน สามารถมองเห็น และรู้สึกประทับใจ ได้เช่นเดียวกัน แต่ทว่า รักแรกพบ หรือการรักใครสักคน คุณจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลกว่านั้นอีก เช่นสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในตัวของคนๆ นั้น หรืออะไรสักอย่าง ที่คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกต หากคุณพบว่า ตัวเองสังเกตเห็น คุณค่าที่น่าประทับใจบางอย่าง จากคนๆ นั้น ซึ่งแม้แต่เพื่อนสนิทของคุณ ก็ไม่สามารถสังเกตเห็น นั่นแสดงว่า คุณได้พบกับรักแรกพบเข้าให้แล้ว

3. คุณต้องการเรียนรู้ทุกๆ สิ่ง เกี่ยวกับคนๆ นั้น เท่าที่คุณจะสามารถทำได้
สำหรับประเด็นในเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว อาจจะเกิดขึ้นได้ ในกรณี “หลงแรกพบ” ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หาก 2 ข้อ ที่ผ่านมา ชี้ชัดๆ แล้วว่า คุณมีความรู้สึกตามนั้น ดังนั้นแล้ว ข้อ 3 นี้ จะเป็นตัวตัดสิน และทำให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ และได้ผลสรุปออกมาว่า คุณได้เจอกับรักแรกพบเข้าให้แล้วจริงๆ

การรักใครสักคน หมายถึงความต้องการ ที่จะเรียนรู้ทุกๆ สิ่งๆ ที่คนๆ นั้นใช้ในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และประสบการณ์ชีวิต ในเรื่องต่างๆ และการตั้งใจเรียนรู้กันไปอย่างช้าๆ ด้วยความเข้าใจ จะพัฒนารักแรกพบ ไปสู่ชีวิตคู่ที่โรแมนติก แบบยาวนานต่อไป

นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง

นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง

1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม
2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น
3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง
5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง
6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้
7. นอนคลุมโปง การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานขอลสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว
9.ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ
10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

ที่มา http://learners.in.th/blog/zenkyo/186917

ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จธุรกิจปูแดง เบสท์59














































ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จธุรกิจปูแดง เบสท์59

คลิกที่นี่ www.poodang.com/docs/success1.pdf และ www.poodang.com/docs/success2.pdf

บริษัทปูแดง เซ็นสัญญารายการ InTVเดือนละ 2ล้านบาท




ภาพบรรยากาศการอบรม OPPปูแดงทั่วไทย




เกี่ยวกับบริษัทปูแดง เบสท์59 และผู้บริหาร






















แผนรายได้ปูแดงแบบสรุป 2 หน้า




รูปสินค้าปูแดงไคโตซาน






วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดูรายการปูแดงเบสท์59 ทีวีผ่านจานดาวเทียม,เคเบิ้ลท้องถิ่น

ดูรายการปูแดงเบสท์59 ทีวีผ่านจานดาวเทียม,เคเบิ้ลท้องถิ่น

รายการ

วัน

เวลา

สถานี,ช่อง

ปูแดงพารวย

จันทร์ - อาทิตย์

01.00 - 02.00 น.

MV.TV5

"----------"

"----------"

06.00 - 07.00 น.

MV.TV5

"----------"

จันทร์ - ศุกร์

23.00 - 24.00 น.

MV.TV5

"----------"

จันทร์ - อาทิตย์

05.00 - 06.00 น.

MV.Star Chanel (MV.NEWS)

"----------"

"----------"

07.00 - 08.00 น.

MV.Star Chanel (MV.NEWS)

"----------"

"----------"

22.00 - 23.00 น.

MV.Star Chanel (MV.NEWS)

"----------"

จันทร์ - ศุกร์

14.00 - 15.00 น.

MV.Star Chanel (MV.NEWS)

ชี้ช่อง ปลดหนี้

จันทร์ - อาทิตย์

18.00 - 18.30 น.

MV.TV5

ลูกค้าและผู้มุ่งหวัง สรุปมีี 3 กลุ่ม

ลูกค้าเรามี 3 กลุ่ม นะครับ
1.ผู้ใช้
2.ผู้ขาย
3.ผู้ทำเครือข่าย


ประเภทแรก ผู้ใช้
เน้นคุณประโยชน์ของสินค้าเป็นหลัก สินค้าเราช่วยผลผลิตเขาอย่างไร แถมอีกนิดคือ ซื้อซ้ำได้เงินคืน

ประเภทที่ 2 ผู้ขาย
เน้นคุณภาพสินค้า ราคาทุน ราคาขาย กำไรส่วนต่าง ความนิยมของตลาด และสิ่งที่เขาได้หากลงทุนซ้ำ

ประเภทที่ 3 ผู้ทำเครือข่าย
ให้เขารู้ทั้งหมด เน้น แผนรายได้ วิธีที่เขาจะได้รายได้

หาผู้ใช้ มีเยอะ หาง่าย แต่ถ้าเป็นรายย่อยเราเหนื่อย
หาผู้ขาย การซื้อเป็นฤดูกาล นานๆครั้ง
หาคนเครือข่าย ทำให้เขาเป็นงาน ยอดมาต่อเนื่อง ระยะยาว

การทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ

การทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ

1. ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น บริษัท สินค้า แผนการตลาด ตลอดจนจุดเด่นต่าง ๆ ของธุรกิจ
1.1 บริษัท
* พิจารณาความมั่นคง เงินทุนจดทะเบียน
* จำนวนปีที่ได้ดำเนินกิจการ
* นโยบายการสนับสนุนสมาชิก
* ระบบการอบรม พัฒนาสมาชิก

1.2 สินค้า
* ต้องมีคุณภาพเด่นชัด มีมาตรฐานการผลิตที่ชัดเจน
* เป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแท้จริง ไม่ใช่ซื้อเพื่อหวังผลทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว
* เป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป เมื่อหมดแล้วต้องซื้อซ้ำ
* ราคาเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค

1.3 แผน
* ต้องสามารถทำรายได้ ได้จริง ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนจนเกินไป
* รายได้ต้องมาจากการกระจายสินค้าของสมาชิกและทีมงาน ไม่ใช่จากการชักชวนคนเข้าสู่ระบบ
* เป็นแผนที่ให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ดำเนินธุรกิจ ผู้บริโภค และตัวบริษัท
* ไม่สนันสนุนให้สมาชิกซื้อ และกักตุนสินค้า เพื่อการขึ้นตำแหน่ง
* ต้องมีนโยบายรับประกันความพึงพอใจ

1.4 ผู้บริหาร
* มีตัวตน และดำเนินธุรกิจอย่างสง่างาม และเปิดเผย
* มีความรู้ มีประสบการณ์ และวิสัยทัศน์
* มีคุณธรรม
* สมาชิกสามารถเข้าถึงได้

2. ตั้งเป้าหมาย
* เป้าหมายต้องชัดเจน ว่าเราต้องการอะไร
* เขียนเป้าหมายออกมาเป็นอักษร หรือรูปภาพ
* กำหนดเวลา ว่าจะต้องบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่
* ควรตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้น และระยะยาว

3. วางแผนการทำงาน
การมีแผนงานหรือแผนการที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือวันละ 24 ชั่วโมง การที่จะได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็อยู่ที่การใช้เวลาของเราในแต่ละวัน ว่าจะบริหารเวลากันอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น หากเราต้องการประสบความสำเร็จเร็ว เราก็ควรใช้เวลให้คุ้ม ใช้เวลาอย่างฉลาด นั่นก็คือ การลดเวลาที่จะสูญเสียไปอย่างไม่จำเป็นนั่นเอง เช่น

- การเดินทางไปติดต่อธุระในช่วงที่การจาจรติดขัด
- การใช้โทรศัพท์พูดคุยนานเกินไป
- ทุ่มเทหรือเสียเวลาให้กับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังที่ไม่มีคุณภาพ
- นัดพบเพื่อน ๆ ในวงการขายตรง แล้วไปทำกิจกรรมอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เช่น ดูภาพยนต์ ร้องคาราโอเกะ ฯ
จัดระบบการทำงานให้กับตัวเราเอง การจัดระบบการทำงานให้กับตัวเองอาจทำได้โดยการตั้งเป้าหมายการทำงานในแต่ละวัน เช่น
- ติดต่อทีมงานที่สมัครแล้ว และสอนการทำงานกี่คน
- ติดต่อผู้มุ่งหวังกี่คน ที่ไหน อย่างไร จัดลำดับความสำคัญของงาน

การบริหารเวลาให้คุ้มค่านั้น เราจะต้องจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยทำงานที่สำคัญและเร่งด่วนก่อนเสมอ โดยเฉพาะแผนการสปอนเซอร์หรือแนะนำคนเข้าสู่ธุรกิจ MLM สิ่งที่เราน่าจะจัดให้อยู่ในลำดับความสำคัญ ก็คือ

- เสนอโอกาสให้กับคนใหม่ ๆ
- การขายผลิตภัณฑ์
- การพาสมาชิกเข้าประชุมอบรม
- การติดตามผู้มุ่งหวัง
- การติดตามทีมงาน
- การเข้าร่วมประชุมธุรกิจ
- การเข้าสังคมเพื่อสร้างฐานสมาชิก หรือขยายสังคม
- การช่วยเหลือสมาชิกในการทำงาน

4. ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง

5. ช่วยเหลือทีมงานให้สำเร็จ

6. ฝึกฝนและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีม

ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีม

การทำงานเป็น ทีมนั้นมีความสำคัญต่อผลของงานมาก ถ้ามีทีมเวิร์คทีดีแล้วหล่ะก็รับรองว่าการทำงานทุกอย่างทุกขั้นตอนราบรื่น และประสบผลสำเร็จแน่นอน เพราะการทำงานทุกอย่างต้องได้รับการประสานงานและการร่วมมือที่ดีจากทุกคนใน กลุ่มงาน ดังนั้นวันนี้เราจึงมีปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมมาฝากให้ได้อ่าน กันครับ

1. บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย

2. ความไว้วางใจกัน (Trust) เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน

3. มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน

4. บทบาท (Role) สมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ เป็นต้น

5. วิธีการทำงาน (Work Procedure) สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ
5.1 การสื่อความ (Communication) การทำงานเป็นทีมอาศัยบรรยากาศ การสื่อความที่ชัดเจนเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
5.2 การตัดสินใจ (Decision Making) การทำงานเป็นทีมต้องใช้การตัดสินใจร่วมกัน เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจแล้ว สมาชิกย่อมเกิดความผูกพันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
5.3 ภาวะผู้นำ (Leadership) คือ บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานเป็นทีมควรส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไม่ใช่ผลัดกันเป็นหัวหน้า) เพื่อให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ จะได้รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมนั้นมีความหมาย ปรารถนาที่จะทำอีก
5.4 การกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ร่วมกัน

6. การมีส่วนร่วมในการประเมินผลการทำงานของทีม ทีมงานควรมีการประเมินผลการทำงาน เป็นระยะ ในรูปแบบทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินผลงาน ทำให้สมาชิกได้ทราบความก้าวหน้าของงาน ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการปรับปรุงแก้ไขร่วมกัน ซึ่งในที่สุดสมาชิกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด

7. การพัฒนาทีมงานให้เข้มแข็ง
7.1 พัฒนาศักยภาพทีมงาน ด้วยการสร้างแรงจูงใจทางบวก สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการจัดกิจกรรมสร้างพลังทีมงาน เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
7.2 การให้รางวัล ปัจจุบันการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะพิจารณาผลการทำงานเป็นรายบุคคล ดังนั้นระบบรางวัลที่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม คือ การที่ทุกคนได้รางวัลอย่างยุติธรรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมในลักษณะที่ว่างอยู่บนพื้นฐานการ ให้รางวัลกับกลุ่ม (Group base reward system)

เป็นไงครับ วิธีที่เรานำมาแนะนำ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ลองปฏิบัติตามกันดู รับรองว่าทีมงานของคุณจะเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างแน่นอน ครับ!!!!

การมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และรางวัลที่คุณควรได้

การมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และรางวัลที่คุณควรได้

1.เป้าหมายที่คุณต้องไปให้ถึง
- อย่าลืมว่าในโลกของธุรกิจเครือข่ายคือการช่วยเหลือ การที่คุณช่วยเหลือคนอื่นให้มีรายได้มากขึ้นนั่นหมายความว่าคุณเองก็จะมีรายได้มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จเป็นอย่างแรกเลยคือ การช่วยเหลือให้บุคคลหลากหลายเหล่านั้นประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญต่อมาคือการตอบตัวเองให้ได้ว่า ทำไมเราถึงอยากที่จะทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกันในการทำธุรกิจ ขอให้คุณจำให้ได้ว่าวันนี้คุณทำธุรกิจเพื่ออะไรหรือเพื่อใคร แล้วคุณจะไม่หมดแรงลงง่ายๆ

2.แผนงาน
- หลังจากที่คุณตั้งมั่นในตัวคุณแล้วว่าต้องทำให้ได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณเองจำเป็นต้องมีแผนงานและวิธีการทำที่เหมาะสม แผนงานจะเป็นตัวกำหนดวิธีการทำงานของคุณ ซึ่งอาจทำให้คุณสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ สิ่งสำคัญที่มาถึงขั้นตอนนี้คือ คุณจะทำยังไงเพื่อช่วยเหลือคนนับพัน เราควรเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนแรกก่อน แล้วเราควรพูดอะไรกับเขา สิ่งที่คุณควรบอกเขาเหล่านั้น คือวิธีการที่คุณสามารถช่วยเหลือเขาให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นได้จากสิ่งที่คุณทำอยู่ มันไม่ใช่โอกาสที่มาจากบริษัท มันไม่ใช่โอกาสที่มาจากผลิตภัณท์อันดับ 1 แต่เป็นโอกาสจากมนุษย์ที่ต้องการช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน จากนั้นสอนเขาต่อว่าเขาจะสอนคนอื่นต่อได้อย่างไร หากคุณทำได้อย่างนี้ โอกาสที่จำสำเร็จได้ในเวลาสั้นไม่ใช่เรื่องยาก

3.ทีม
- อย่าลืมว่าวันนี้ไม่ว่าคุณจะทำงานในรูปแบบใดจะต้องมีทีมคอยสนับสนุนเสมอ จำไว้ว่าคนเราไม่ได้เก่งไปหมดทุกด้าน บางคนเก่งด้านการพูด บางคนเก่งด้านเทคโนโลยี บางคนเก่งด้านการขาย สิ่งสำคัญคือให้ทีมของคุณได้มีการเรียนรู้และพัฒนาตลอดเวลา เพื่อชดเชยในสิ่งที่ขาดไป อย่าพยายามที่จะทำอะไรด้วยตัวคนเดียว เพราะมันไม่ได้กระตุ้นให้ทีมมีความคิดริเริ่มทำอะไรเลย ในทีมที่ perfect ที่สุดคือ ทุกคนสามารถทำตามบทบาทของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แต่เขาเหล่านั้นก็เข้าใจในบทบาทของผู้ร่วมทีมเช่นกัน

4.การพบปะพูดคุย
- หากคุณมีเป้าหมาย มีแผนงาน และทีมงานที่พร้อม คุณเองควรจัดให้มีการพูดคุย ในบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน หรือการหารือกันเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงแผนงาน ทีมงานของคุณเองก็ต้องการที่จะรู้ว่าเขาจะทำอะไร การพูดคุยกันเป็นทีมจะทำให้เข้าใจถึงบทบาทของแต่ละคนมากขึ้น เหมือนการแข่งขันฟุตบอล นักฟุตบอลเองก็มีการซักซ้อมอยู่เสมอๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจนักฟุตบอลในทีม และหลักของการทำงานเป็นทีม ตารางงานของทุกคนเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ให้ทุกคนรู้ตารางงาน เพื่อกำหนดเป้าหมายที่แน่นอน เมื่อทีมงานมีการทำงาน ทุกคนจะช่วยเหลือกันในส่วนที่ขาด มันจะทำให้องค์กรคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดทีเดียว

5.รางวัล
- หลังจากที่ทีมของคุณได้ทำงานลุล่วงเป้าหมายแล้ว คนที่เป็นผู้นำ ควรที่จะให้รางวัลแก่ทีม รางวัลที่เกิดจากการร่วมกันทำงาน รางวัลที่เกิดจากการทำให้แบบแผนสำเร็จ จำไว้ว่ารางวัลจากบริษัทไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้เขาเกิดอยากทำมากขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยากทำมากขึ้นเป็นรางวัลจากผู้นำในองค์กร ที่ผู้นำจะเป็นคนให้เอง มันจะทำให้ทุกคนในองค์กรรักคนที่เป็นผู้นำมากขึ้น และพวกเขาก็จะทำให้องค์กรของคุณยิ่งใหญ่ขึ้นไปด้วย ผ่านความเป็นผู้นำของคุณ

จำไว้ว่าทุกคนในองค์กรรู้ว่าเขาเองควรทำอย่างไร แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเองจึงต้องทำ การทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเขาควรทำหรือทำเพื่อใคร ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เขาเองไม่ล้มเลิกไปจากคุณหากคุณสามารถทำได้ดังนี้ คุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายแน่นอน

การวิเคราะห์ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง

การวิเคราะห์ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง
เป็นข้อได้เปรียบประการหนึ่งของธุรกิจขายตรง ซึ่งต้องมีความใกล้ชิดกับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเพราะเป็นลักษณะของการนำเสนอขายโดยตรงกับ กลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง และต้องให้ความสำคัญ ดูแลลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังอย่างทั่วถึง
ถ้าตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระสามารถวิเคราะห์ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นตัวช่วยให้สามารถกำหนดทิศทาง กลวิธี และนำเสนอรูปแบบของการขายตรงให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้รับรู้ถึงคุณค่า สร้างประสบการณ์ที่ดีใน
การใช้สินค้าและบริการ จนทำให้เกิดความพึงพอใจและตัดสินใจซื้อหรือสมัครเป็นสมาชิกของธุรกิจขายตรง
ซึ่งการศึกษาและวิเคราะห์ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังสำหรับธุรกิจขายตรง สามารถใช้หลักการง่ายๆ ในการทำความเข้าใจลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง ดังต่อไปนี้

1.ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป็นใครหรือใครคือลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง (Who)
เป็นการกำหนดหากลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมาย หรือเราต้องการนำเสนอขายสินค้า และบริการให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังกลุ่มไหน
ซึ่งการวิเคราะห์ลักษณะของกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมาย (Occupants) ช่วยให้ทราบถึงพฤติกรรมในการซื้อและการใช้ของกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายที่แท้จริง ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระจะต้องกำหนด กลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายที่ชัดเจนและต้องวิเคราะห์ถึงลักษณะความเป็นไปได้ของ กลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายดังกล่าว ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจขายตรง โดยในการวิเคราะห์และกำหนดกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระจะต้องมีการแบ่งส่วน ตลาดอย่างชัดเจน ที่สามารถวัดเชิงปริมาณได้ และง่ายต่อการเข้าถึงเพราะผู้บริโภคทั้ง หมดอาจจะไม่ใช่ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายเสมอไป และถ้าหากไม่มีการแบ่งส่วนตลาดจะทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ถึงความต้องการของ ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังที่แท้จริง จนทำให้ไม่สามารถนำเสนอในรูปแบบที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้

2.ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังต้องการซื้ออะไร (What)
เป็นการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังซื้อ (Objects) เพื่อให้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงซึ่งลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังต้องการจากผลิตภัณฑ์หรือ ธุรกิจขายตรง เมื่อมีการแบ่งส่วนตลาดที่ดีและเลือกกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม ชัดเจน ก็จะทำให้ง่ายต่อการศึกษาถึงความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังจากสิ่งที่เขาซื้อ เช่น ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังบางคนซื้อสินค้าของธุรกิจเพราะคุณภาพของสินค้าและบริการ หรือบางคนซื้อสินค้าเพราะความเกรงใจ เนื่องจากเป็นญาติกับตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระ หรือบางคนซื้อเพราะความสะดวกในด้านช่องทางการจำหน่าย หรือบางคนซื้อเพราะต้องการรายได้จากการส่งเสริมการขาย ซึ่งการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังต้องการ ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระเข้าใจลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้มากขึ้น

3.ทำไมลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังถึงซื้อ (Why)
เป็น การวิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์ของการซื้อ (Objectives) จะช่วยให้ทราบว่าทำไมลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อสินค้า เพื่อสามารถนำมาเป็นแนวทางในการวางแผนนำเสนอและจูงใจกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเป้าหมาย ให้สามารถ ตอบสนองเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อหรือสมัครสมาชิกธุรกิจขายตรงได้ ซึ่งวัตถุประสงค์การซื้อของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังสำหรับธุรกิจขายตรง สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเด็นหลักๆ คือ ประเด็นแรก ซื้อสินค้า เพื่อใช้เองหรือใช้ในครอบครัว และประเด็น ที่ 2 คือ ซื้อสินค้าเพื่อทำธุรกิจขายตรงเป็น อาชีพหลักหรืออาชีพเสริม

ดังนั้นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระจะต้องนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างกันและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อเป็นการบริหารทีมงานและยอดขายของเครือข่ายขายตรงที่มีประสิทธิภาพ

4. ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังซื้อสินค้าเมื่อไร(When)
เป็นการวิเคราะห์โอกาสที่จะซื้อของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง (Occasions) ซึ่งลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังจะมีพฤติกรรมในการบริโภคหรือตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการในแต่ละ ประเภทแตกต่างกันตามโอกาสที่จะใช้หรือซื้อ และปัจจัยเรื่อง ช่วงเวลาก็มีผลให้ความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง ต่างออกไป ดังนั้น การวิเคราะห์โอกาสในการซื้อของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังจะช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระสามารถ วางแผนการนำเสนอในรูปแบบและในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งบางครั้งการกำหนดช่วงเวลาในการนำเสนอรูปแบบ และผลิตภัณฑ์ขายตรงสำหรับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังที่ทำงานประจำก็จะต้องเป็นช่วงของเวลา หลังเลิกงานหรือวันหยุด โดยจะขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังดังกล่าวเป็นหลัก

5.ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังซื้อที่ไหน (Where)
เป็น การทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังว่านิยมซื้อสินค้าชนิดนั้นๆ ที่ไหน (Outlets) หรือสะดวกในการรับรู้ถึงการ นำเสนอรูปแบบขายตรงที่ไหน อาจจะเป็น ที่บ้าน ที่ทำงาน ร้านอาหาร หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งต้องเป็นการบริหารช่องทางการนำเสนอที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง แต่ละกลุ่มนอกจากนี้ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและการรับรู้ข้อมูล สารสนเทศที่รวดเร็ว ก็อาจทำให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระต้องอาศัยเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ ติดต่อหรือเสนอขายผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อให้สอดคล้องกับสถาน การณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและสามารถอำนวยความสะดวก จนสร้างความ พึงพอใจให้แก่ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้มากยิ่งขึ้น

6.ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ (Who)
เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้มีบทบาท ในการซื้อ (Organizations) ซึ่งการตัดสินใจซื้อหรือสมัครสมาชิกของธุรกิจขายตรงอาจมีบุคคลอื่นที่มีส่วน ร่วมหรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะผู้ที่ทำหน้าที่ซื้ออาจไม่ใช่ผู้ใช้สินค้าโดยตรง หรือบางครั้งคนตัดสินใจซื้อไม่ได้มีแค่คนเดียว อาจใช้ร่วมกันหลายคน ผู้ซื้ออาจไม่มีความรู้หรือความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสินค้ามากนัก จำเป็นต้องใช้ผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้กลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้านั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การศึกษาและวิเคราะห์ถึงผู้มีส่วนร่วมก็เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำ โปรแกรมการนำเสนอขาย ให้สามารถช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น ดังนั้น ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระต้องพิจารณา ว่าจะใช้กลุ่มอ้างอิงใดในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ แต่ละประเภทหรือสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีส่วนร่วมที่แตกต่างกันได้อย่างไร

7.ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังซื้ออย่างไร(How)
เป็น การศึกษาและวิเคราะห์ถึงวิธีการซื้อ (Operations) ซึ่งลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังแต่ละคนอาจจะมีกระบวนการตัดสินใจซื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระจะต้องทราบถึงขั้นตอนการซื้อของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง ว่ามีการรับรู้ปัญหาอย่าง ไรเกี่ยวกับการตอบสนองของสินค้าหรือบริการ แล้วลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังทำการค้นหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร
เพื่อที่จะประเมินทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้อย่างไร ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระสามารถ วางแผนในการนำเสนอและจูงใจให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังรับรู้ได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ ตัดสินใจ ซึ่งต้องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังมากที่สุด

นอกจากนี้ถ้าหากทราบความรู้สึกของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังหลังจากซื้อสินค้าหรือบริการก็จะ ช่วยให้สามารถปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอและพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังได้ดียิ่งขึ้น การศึกษาและวิเคราะห์ถึงกลุ่มลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง เป้าหมายเพื่อการดำเนินธุรกิจขายตรง ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับความต้องการหรือ ปัญหาของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง เพราะคงไม่มีธุรกิจใดที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่อาศัยลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง

ซึ่งถ้าหากตัวแทนจำหน่ายหรือผู้จำหน่ายอิสระ ทำความรู้จัก เข้าใจในความต้องการหรือปัญหา และเรียนรู้ถึงประสบการณ์ของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังอย่างแท้จริง สม่ำ เสมอ ก็จะทำให้มีความสุขในการประกอบอาชีพขายตรงและความสำเร็จในอาชีพขายตรงก็จะ อยู่ไม่ไกลเกินฝัน

กลยุทธ์ 7 ประการสู่ความสำเร็จในธุรกิจ MLM

กลยุทธ์ 7 ประการสู่ความสำเร็จในธุรกิจ MLM

หลัก การสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจการขายตรงแบบหลายชั้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าธุรกิจแบบเครือข่าย ประสบความสำเร็จได้นั้น จริงๆ แล้วมิได้มีอะไรซับซ้อนมากมายนักขอเพียงทำอย่างจริงจัง ทำอย่างอดทน ทำอย่างสม่ำเสมอ ศึกษาเรียนรู้และเลียนแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น เป็นธุรกิจที่อาจกล่าวได้ว่า”เป็นธุรกิจที่เรียนง่ายแต่ไม่ง่าย” (SIMPLE BUT NOT EASY) ที่ว่าไม่ง่ายนั้นมิได้หมายความว่า “ทำยาก” แต่อย่างใดแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่าย ก็เพราะส่วนมากมิได้”ทำจริง” ขอเพียงทำอย่างจริงจังเท่านั้นก็สามารถประสบความสำเร็จกันได้ทุกคน ส่วนว่าจะช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับ”เทคนิค”เงื่อนไข”บางประการ

กลยุทธ์ 7 ประการสู่ความสำเร็จในธุรกิจ MLM
1.ทำอย่างอดทน ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น แพ้ชนะ วัดกันที่ความอดทนไม่ได้วัดกันที่ความเฉลียวฉลาดหลักแหลม หรือความอัจฉริยะ จงจำไว้ว่า “คนชนะ”นั้นแพ้มากกว่า”คนแพ้” เสียอีกเพียงแต่คนชนะไม่ยอมแพ้ ยังคงอดทนทำต่อไปจนชนะในที่สุด

2.ทำอย่างฉลาด การจะประสบความสำเร็จได้นั้น อดทนอย่างเดียวไม่พอ หรืออาจจะทำให้ประสบความสำเร็จช้ามากจนเกือบไม่มีอนาคต จนเกือบจะท้อแท้เลิกราไป แต่ถ้าทำอย่างฉลาดด้วยก็จะทำให้การทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น เช่น อย่าเสียเวลากับคนน่าเบื่อมากเกินไป รู้จักมองคนที่จะเป็นผู้นำได้ กิจกรรมทุกกิจกรรมที่เราเข้าร่วมต้องสร้างอานิสงค์กับความก้าวหน้าด้วย มิใช่เฮไหนเฮด้วยช่วยเฮนั่นไปเสียทุกงาน ทุกกิจกรรม รู้จักกินทีละคำ อย่าพยายามเหนื่อยกับทุกคน เหนื่อย กับทุกครั้ง เหนื่อยกับทุกอย่าง โดยไม่รู้ว่าจะเกิดคุณประการอะไรได้บ้าง เรามีเวลาอยู่จำกัด เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้หมด จงเลือกทำเฉพระสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อความสำเร็จจริงๆ เท่านั้น

3. ทำอย่างมุ่งมั่น ต้องไม่โลเล เปลี่ยนใจง่าย ต้องกัดไม่ปล่อย เมื่อตัดสินใจแล้ว ต้องล็อคหางเสือ มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ต้องทำขั้นทุบหม้อข้าว เผาสะพานกันเลยทีเดียว คนส่วนมากประสบความล้มเหลวเพราะไม่มุ่งมั่นพอ ทำธุรกิจนี้อย่างกล้าๆ กลัวๆ เผื่อเหลือเผื่อขาด เผื่อทางถอยไว้มากมายหลายทางเหลือเกิน เมื่อประสบปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย แทนที่จะหาวิธีว่าจะทำอย่างไร ให้สำเร็จ กลับพยายามหาข้ออ้างสารพัด เพื่อจะบอกว่าทำไม มันจึงไม่สำเร็จ หลายคน โผไปทางโน้นที โผไปทางนี้ที แสวงหาสินค้าในอุดมคติ ดิ้นรนหาแผนการตลาดสุดวิเศษ ซึ่งชั่วชีวิตก็ไม่เคยพบ เพราะปัญหาอยู่ที่ตัวเขาเอง ไม่ได้อยู่ที่สินค้า องค์กร หรือแผนกการขาย – แผนการตลาด


4 .ทำอย่างศรัทธา ผู้ ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจแบบเครือข่าย ต้องศรัทธาต่อตนเอง ศรัทธาต่อวิชาชีพ ศรัทธาในตัวสินค้า ศรัทธาต่อองค์กร ศรัทธาต่อทีมงาน ศรัทธาต่อแผนงาน จงจำไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด จะดีหรือไม่เพียงใด อยู่ที่ความคิดจิตใจและศรัทธาของเราเท่านั้น

5. ทำอย่างมืออาชีพ การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัย”4” คือทัศนคติ......เทคนิค..... ทักษะ..... และแทคติคส์ แน่นอนว่าในเส้นทางของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้น”ทัศนคติ”เป็น สิ่งสำคัญที่สุด และอาจถือเป็นส่วนชี้ขาดความสำเร็จหรือส้มเหลวได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เทคนิค...ทักษะ...หรือแม้แต่แทคติคส์ ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เราเป็น”มืออาชีพ” มากขึ้น ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น ทำงานอย่างมีประสิทธิ์ผลมากขึ้น

6.ทำด้วยความเสียสละ กฎ สำคัญข้อหนึ่งของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายก็คือเราต้องช่วยให้ผู้อื่นประสบ ความสำเร็จก่อน เราจึงจะประสบความสำเร็จ ต้องให้ผู้อื่นมากกว่าที่เขาสมควรได้รับ การช่วยเหลือต่างสายงาน บางครั้งก็จำเป็นต้องทำด้วยความใจกว้าง และไม่ต้องห่วง กฎแห่งการตอบแทน ตามธรรมชาติไม่เคยผิดพลาด เราไม่มีวันสูญเปล่าในสิ่งที่เราทำเพื่อช่วยเหลื่อคนอื่น ขอเพียงทำอย่างมีสติ และอย่างฉลาด

7. ทำอย่างมีคุณธรรม ต้อง ไม่ริษยา ไม่นินทาว่าร้าย ไม่แย่งลูกทีม ไม่โกง ไม่โกหก ไม่ก่อปัญหาชู้สาว ไม่เหยียบหัวลูกทีมเพื่อขึ้นตำแหน่ง ไม่ลืมตัว บางคนเพียงแค่ประสบความสำเร็จในระดับปานกลางเท่านั้นก็เปลี่ยน ไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปในทางหยิ่งทะนง ดูถูกคนอื่น คุยข่ม อวดตัว วางก้าม ฯลฯ

10 ททท. กฎเริ่มต้นของนักธุรกิจ

10 ททท. กฎเริ่มต้นของนักธุรกิจ

1. ทำทันที

จากสุภาษิตจีนที่ว่า การเดินทาง 1,000 ลี้ ย่อมเกิดขึ้นจากก้าวแรกเสมอ ธุรกิจ MLM ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราได้ตัดสินใจเลือกบริษัทที่เหมาะสมกับเราไม่ว่าจะเป็นรูปแบบธุรกิจ สินค้า และองค์ประกอบต่างๆ ในการทำงานก็ตาม โดยมากนักธุรกิจ MLM จะเห็นว่าเป็นอาชีพอิสระ อาชีพเสริม ดังนั้นจึงมักไม่ให้ความสำคัญทันทีมากนัก เช่น อาจยังไม่สมัครรอกลับไปคิดอีกที หรือสมัครแล้วเดี๋ยวค่อยๆ ทำก็ได้ เป็นต้น แต่ความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะประสบผลสำเร็จในอาชีพนี้มักเกิดจากบุคคลที่เริ่มทำทันที เพราะเห็นคุณค่าของโอกาสและเวลาที่อาจผ่านไปในแต่ละวัน ดังนั้นจึงควรเริ่มทำทันที

2. ทำทุกที่
นักขายหรือนักการตลาด MLM ที่เห็นโอกาส จะเห็นว่าคนทุกคนที่เราได้พบบนโลกนี้สามารถเป็นลูกค้าเราได้หมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จัก เช่น ครอบครัว ญาติ เพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน เป็นต้น หรือคนที่ไม่รู้จักที่มีอยู่ทั่วไปที่เราสามารถพบเจอได้ ดังนั้นเราอาจนำเสนอขายสินค้า หรือเปิด โอกาสในการเข้าร่วมธุรกิจให้กับคนทุกคนทุกที่ได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้ออ้าง ข้อสำคัญคือ การพิจารณาสินค้าหรือรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้อง และไม่ต้องกลัวคำว่าผิดหวัง เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เราอาจมีทั้งสมหวังและผิดหวังได้

3. ทำทุ่มเท
การทำงานใดๆ ก็ตาม หากเราไม่ทุ่มเท มุมานะ เราก็จะสำเร็จได้ยากหรือใช้เวลานาน ดังนั้นการทุ่มเทในการทำธุรกิจ MLM ก็เช่นเดียวกัน เราต้องทุ่มเทหนักเช่นเดียวกัน ให้คิดว่าที่ปลายทางย่อมมีแสงสว่างเสมอ การทำงาน ในอาชีพอื่นๆ เช่น การทำงานกินเงินเดือน เรายังทุ่มเทได้ แต่ปลายปีอาจได้รับการขึ้นขั้น ขึ้นเงินเดือน เพียงนิดหน่อย เราก็ยังทำอยู่ แต่หากเราทุ่มเทให้กับธุรกิจ MLM จริงจัง เราจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอาชีพที่ทำอยู่ทั่วไปได้ เปรียบเสมือนการทำงานแบบ “เหนื่อยไม่กี่เดือน แต่สบายไม่รู้กี่ปี”

4. ทำทนทาน
นักธุรกิจ MLM หากต้องการความก้าว หน้าและความสำเร็จนั้นต้องไม่ย่อท้อต่อเนื่องยาวนาน บางคนทำเล่นๆ บางคนเดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก บางคนทำแล้วย้ายบริษัทไปมา ก็จะไม่มีวันสำเร็จ และจุดนี้เองที่ทำไมมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ทำแล้วไม่สำเร็จ เพราะไม่รู้จักการอดเปรี้ยวไว้กินหวานรอวันแห่งความสำเร็จ ดังนั้นธุรกิจนี้เสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งร้อยเมตรที่มาแรงแล้วก็ไป แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าจนไปถึงจุดที่เราตั้งเป้าหมายไว้

5. ทำทั้งแท่ง
การทำธุรกิจ MLM นั้นจะต้องทำทั้งกาย ทั้งใจ หายใจเข้าออกเป็นธุรกิจ MLM ชนิดเข้าสายเลือด คนที่สำเร็จในธุรกิจนี้บางคนถึงขนาดบอกว่า กรีดเลือดออกมายังเป็น MLM เลย และผู้ที่สำเร็จจำนวนไม่น้อยที่ทำแบบทั้งครอบครัว ทั้งสามีภรรยา แถมบางครอบครัวก็มีลูกช่วยด้วย และแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้เราต้องมีทัศนคติบวก มีความคิดที่ดีเป็นพื้นฐานกับธุรกิจนี้เสียก่อน แล้วเราจะทำได้แบบทั้งแท่งของตนเอง

6. ทำทบทวน
การทำ MLM ก็เหมือนกับงานอื่นๆ ที่เมื่อทำไปแล้วจะต้องมีการสรุปผลและการพิจารณาปรับปรุงในจุดบกพร่อง ดังนั้นบางคนเน้นขาย ขายเท่าไรก็ขายไม่ได้สักที หรือการชักชวนผู้มาร่วมธุรกิจ ชวนเท่าไรก็ไม่มีคนตอบรับเสียที ดังนั้นเราเองจะต้องรู้จักทบทวนในสิ่งที่เราทำเสมอ จุดที่ทำดีแล้วก็พิจารณาเสริม เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ ที่ดีขึ้น แต่ข้อบกพร่องต้องแก้ไข หากเราไม่มีทางออกให้ถามหาผู้รู้ เพราะธุรกิจ MLM นี้เป็นธุรกิจที่ช่วยเหลือกัน ผู้ที่เก่งหรือมีความสามารถในทีม งานหรือบริษัทสามารถเป็นอาจารย์ให้แก่เราได้

7. ทำท้าทาย
การทำธุรกิจให้สำเร็จต้องรู้จักการพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเสมอ ตามคำกล่าวที่ว่า “Success is a journey, not a destination” ซึ่งหมายถึงว่า “ความสำเร็จเปรียบเสมือนการเดินทาง อย่าเพียงคิดแค่ว่ามันคือจุดหมายปลายทาง” ดังนั้นเราต้องท้าทายตนเองให้ทำงานที่ยากขึ้น กว้างขึ้น ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น และมีประสิทธิภาพพร้อมผลตอบแทนสูงขึ้นด้วย ต้องรู้สึกสนุกกับการทำลายสถิติหรือมาตรฐานที่เราเคยทำได้ให้ดีขึ้น

8. ทำทั้งทีม
MLM เป็นธุรกิจที่เกื้อกูลกันแบบเครือข่ายทีมงาน ไม่มีใครที่จะสามารถประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้เพียงการทำงานลำพังตนเอง เพราะมีความเกี่ยวกับแผนธุรกิจที่เชื่อมโยงรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากทีมงานแบบทางอ้อมที่นอกเหนือจากผลงานเราเอง ดังนั้นการยึดมั่น รู้จักการทำงานร่วมกัน การให้เกียรติกัน การแบ่งหน้าที่กัน การสนับสนุนซึ่งกันและกัน นั่นเองจึงจะนำไปสู่เป้าหมายได้

9. ทำท่องเที่ยว
การทำ MLM จะไม่มีการกำหนดตาย ตัวในการทำในเรื่องอาณาเขต ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นในช่วงแรกๆ เราควรคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูง หากเราต้องออกหากลุ่มเป้าหมายไกลๆ ดังนั้นควรทำใกล้ๆ บ้านหรือบริษัทที่ทำอยู่ก่อนเป็นหลักก็จริง แต่เมื่อเราเริ่มสามารถขยายงานและมีทีมงานได้ระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่ตามมาเสมอ คือ การออกไปช่วยทีมงานของเราที่อาจอยู่หลายพื้นที่ หลายจังหวัดได้ ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องมีการวางแผนการช่วยเหลืองานระหว่างกันเป็นระบบด้วย หากมองในแง่ดีคือเราอยู่ในธุรกิจที่ได้ท่องเที่ยวตลอดเวลานั่นเอง

10. ทำทิ้งท้าย
เมื่อเราสามารถปิดการขายได้ หรือได้รับการสมัครเป็นทีมงานใหม่จากผู้มุ่งหวังที่เราไปพบ อย่าลืมที่จะติดต่อสื่อสารให้ข้อแนะนำ ช่วยเหลือ และพัฒนาให้คนเหล่านั้นสามารถทำงานต่อไปได้ เพราะการพัฒนาคนเปรียบเสมือนการพัฒนาศักยภาพให้เกิดความเติบโตต่อไปด้วย หากเขาสามารถขยายทีมงานได้ก็ดี เสมือนทีมงานเราโตด้วย และหากเขาสามารถสร้างยอดขายได้ดี เราก็มียอดรวมการขายที่ดีขึ้นด้วย หมายถึงรายได้และความสำเร็จที่ตามมาดังนั้นวันนี้จึงขอฝากกฎ 10 ททท. ให้เป็นข้อคิดในการทำงานเพื่อความสำเร็จต่อไปครับ

10 กฎเหล็กสู่ความสำเร็จ

10 กฎเหล็กสู่ความสำเร็จ

หลายต่อหลายคนที่ต้องการและแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ หลายคนที่ล้มหลายคนที่พลาด คนที่แข็งแรง คือคนที่สามารถยืนอยู่ และแข่งขันในเกมได้ต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ล้มจะเป็นผู้แพ้ตลอดไป ยังสามารถที่จะกลับเข้ามาเป็นผู้ชนะได้ 10 กฎเหล็กสู่ความสำเร็จ คือคำตอบของผู้ชนะ

กฎข้อที่ 1 จงเชื่อมั่นในธุรกิจของตัวเอง และเชื่อให้มากกว่าใครทั้งหมดว่ามันต้องสำเร็จ อุปสรรค์ทุกอย่างสามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยความมุ่งมั่น และพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

กฎข้อที่ 2 แบ่งผลกำไรให้กับผู้มีส่วนร่วมในบริษัทฯของคุณทุกคน แล้วทั้ง 2 ฝ่ายจะกลายเป็นพันธมิตรกันโดยสัญชาติญาณรักษาความเป็นองค์กรไว้ และรู้จักใช้อำนาจให้เป็น

กฎข้อที่ 3 วิธีจูงใจพนักงาน คิดค้นหาวิธีการใหม่ๆ ที่น่าสนใจในทุกๆวัน เพื่อท้าทายพนักงาน ตั้งเป้าหมายของบริษัทฯให้สูงเข้าไว้จูงใจให้เกิดการแข่งขัน แล้วรักษาระดับนั้นไว้ให้ได้ จากนั้นก็ต้องให้รางวัลตอนแทนที่สมน้ำสมเนื้อด้วย

กฎข้อที่ 4 สื่อสารทุกอย่างให้พนักงานรู้เท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งพวกเขารู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะเข้าใจและห่วงใยองค์กรมากขึ้น และเป็นการสร้างความเคารพในตัวของเขาว่าคุณให้ความไว้วางใจ

กฎข้อที่ 5 ตอบแทนพนักงานเมื่อเขาทำดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่เขาทำให้องค์กร การให้รางวัลเป็นตัวเงินหรือเป็นส่วนแบ่งจากบริษัทฯนั้น ช่วยเสริมให้เกิดความจงรักภักดีได้อย่างหนึ่ง แต่เราทุกคนล้วนต้องการได้รับคำชมจากสิ่งที่เราได้ทำลงไป บางครั้งการได้รับคำยกย่องชมเชย จากเจ้านายที่ถูกเวลานั้น คุ้มค่ากว่าเงินทองเสียอีก

กฎข้อที่ 6 ชื่นชมความสำเร็จของตนเอง มองความผิดพลาดให้เป็นเรื่องตลก อย่าให้ตัวเองเครียดจนเกินไป ให้ปล่อยวางแล้วทุกคนรอบข้างจะปล่อยวางเช่นเดียวกับเรา ทำชีวิตให้สนุกและกระตือรือร้นอยู่เสมอ

กฎข้อที่ 7 รับฟังความคิดเห็นของทุกคน และหาวิธีให้ลูกน้องเปิดใจพูดในสิ่งที่คิด ยิ่งพนักงานที่ต้องพบปะรับมือกับลูกค้า เป็นกลุ่มที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามให้เขาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อฟังแล้วต้องสนับสนุนให้เกิดความรับผิดชอบต่อองค์กรมากขึ้น และผลักดันให้เกิดความคิดดีๆเพิ่มขึ้นด้วย

กฎข้อที่ 8 จงทำให้เกินความคาดหวังของลูกค้า ถ้าทำได้พวกเขาจะกลับมาหาเราเรื่อยๆ แสดงให้ลูกค้ารู้ว่า ใส่ใจเขาอยู่เสมอ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดจงอย่าแก้ตัว แต่ขอโทษและยอมรับในสิ่งที่ทำทุกอย่าง

กฎข้อที่ 9 ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีกว่าคู่แข่ง แต่ไม่ใช่ประหยัดในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในองค์กร

กฎข้อที่10 จงว่ายทวนน้ำ เดินทวนกระแส ยึดกับสิ่งที่เป็นรูปแบบเดิมๆ เป็นโอกาสที่ดีของคุณที่จะหาตลาดเฉพาะของตัวเอง โดยมุ่งไปในทางตรงกันข้ามกับคนอื่นอย่างสิ้นเชิง แต่ต้องเตรียมรับมือกับกับกระแสที่เข้ามาขวางให้ไขว่เขว

เหตุผล 50 ประการที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของการทำธุรกิจเครือข่าย

เหตุผล 50 ประการที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของการทำธุรกิจเครือข่าย

1. การไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆที่เขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้ไม่รู้เลยว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต
2. ไม่มีทิศทาง วิสัยทัศน์ หรือความฝันใดๆ ทำให้สับสนและหลงทาง
3. ไม่มีการกำหนดให้มีพันธสัญญาอย่างเป็นทางการกับธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการลงมือทำอย่างจริงจัง
4. เลิกล้มความพยายามเร็วเกินไป มักจะถอนตัวภายใน 90 วันแรก
5. เกียจคร้าน ต้องการจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน?จากดาวน์ไลน์ของตนโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย
6. ไม่จัดตั้งให้มีฐานการค้าปลีกในธุรกิจ
7. ไม่ทำงานอย่างสม่ำเสมอ
8. ไม่พอใจกับรายได้ของอัพไลน์ หยุดการขายเพื่อขัดขวางไม่ให้อัพไลน์ได้รับโบนัสจากผลผลิตของตน ถือเป็นทัศนคติที่ทำร้ายตนเองอย่างหนึ่ง
9. มักจะกล่าวโทษและหาความผิดกับบริษัท สินค้า แผนการตลาด การขาดการสนับสนุนจากอัพไลน์เป็นต้น โดยไม่ได้สำนึกว่าหากผู้อื่นประสบความสำเร็จภายใต้สถาณการณ์คล้ายๆกันนี้ เขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
10. หวังลมๆแล้วจากความพยายามเพียงเล็กน้อยที่ตนได้ทำไว้
11. มีความอดทนไม่เพียงพอ ต้องการเงินก้อนโตในระยะเวลาที่สั้นเกินไป โดยขาดความกระตือรือร้นในการทำในสิ่งที่จำเป็น
12. บ่นมากเกินไป และ ประพฤติตนคล้ายเด็กเล็กๆที่มักร้องให้โยเย เป็นนักขายที่ไร้ผลงาน
13. รับอิทธิพลในความคิดเห็นแง่ลบได้อย่างง่ายๆจากสมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง มิได้ฟังจากด้านบวก
คิดด้วยตัวเองไม่ได้
14. มักจะหาข้อแก้ตัวเสมอ
15. คิดว่าตนรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง
16. มักจะย้ายบริษัทบ่อยๆโดยที่ยังไม่มีผลงานอะไรเลย ไม่เคยทำยอดขายสูงๆได้
17. ต้องการเพียงสนับสนุนนักขายที่มีผลงานดีเด่น แทนที่จะเรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะกลายเป็นเช่นเขาผู้นั้นได้ ( หากได้รับการสนับสนุนจากยอดนักขายจะเป็นการดีกว่าที่จะไปสนับสนุนยอดนักขาย ด้วยวิธีนั้นคุณจะสามารถเรียนรู้ว่า นักขายดีเด่นเขาประสบความสำเร็จกันอย่างไร )
18. ไม่มีความเป็นระเบียบ เสียเวลามากมายในการหาเอกสาร โต๊ะทำงานรก
19. มีระบบการจดบันทึกข้อมูลที่ไม่ดี
20. ให้ความสนใจเพียงกำไรส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีความเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้าและดาวน์ไลน์
21. ไม่ทราบวิธีประสปความสำเร็จในการตลาดแบบเครือข่าย และไม่สนใจที่จะเรียนรู้
22. ลูกค้าหรือดาวน์ไลน์เข้าหาได้ยาก
23. ไม่โทรกลับในทันที
24. พลาดในการรักษาข้อตกลงและนัดหมายและยังไม่ให้เหตุผลอีกด้วย
25. ไม่ติดตามผลผู้มุ่งหวังและลูกค้า ไม่แสดงความเอาใจใส่
26. เสียกำลังใจกับปัญหาและความไม่สะดวกเล็กๆน้อยๆ
27. พูดให้ร้ายบรืษัทอื่น ทำให้หมดความน่าเชื่อถือ
28. ไม่มีความจริงจังที่จะทำ
29. ขาดความเคารพนับถือในตนเอง มักขับรถรกๆสกปรกไม่ขัดเงา ไม่เคยสำนึกว่าผู้มุ่งหวังจะมองว่าคนๆนี้ไม่มีความเคารพนับถือในตนเองเลย
30. แจกจ่ายข้อมูลที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ ยุ่งเหยิง และขาดคุณภาพ
31. นำเสนอตัวอย่างประโยชน์ของสินค้าที่ไม่ได้ความให้ลูกค้าฟัง
32. ไม่มีความเชื่อถือในตัวสินค้า
33. ไม่จัดการกับคำติชมของลูกค้าหรือดาวน์ไลน์
34. ไม่สนใจหรือไม่กล่าวคำชมความสำเร็จหรือผลการทำงานของดาวน์ไลน์ เห็นแก่ตัวมากเกินไป
35. มักจะอยู่ในสังคมที่มีทัศนคติในทางลบ แทนที่จะอยู่กับบุคคลที่สามารถทำยอดได้สูงสุด พึงระลึกไว้ว่านกประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน
36. ไม่กระจายข้อมูลที่มีความเร่งด่วนไปสู่ดาวน์ไลน์ในทันที
37. ใช้เวลามากเกินไปในการจัดระเบียบ และใช้เวลาน้อยเกินไปในการพูดคุยกับผู้มุ่งหวังหรือลูกค้า ทำให้มีนิสัยที่หลีกเลี่ยงที่จะพบปะผู้คน
38. คาดหวังว่าจะได้รับสิ่งที่ดีพร้อมจากบริษัทที่เพิ่งเข้าไปทำงาน โดยปราศจากความสำนึกว่านั่นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา
39. ไม่ใช้เวลาในการวางแผนเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจ
40. ไม่มีบุคลิกลักษณะของมืออาชีพ
41. ไม่ติดตามข่าวหรือเหตุการณ์ณืในวงการธุรกิจเลย
42. ไม่มีความพร้อมทางร่างกาย
43. ไม่ฝ่าฟันที่จะทำให้ดีที่สุด
44. หูเบา เชื่อข่าวลือ ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้ถูกหลอกได้ง่ายๆ
45. อยู่ในโปรแกรมการตลาดที่ไม่ถูกต้อง
46. ไม่มีความเชื่ออย่างแท้จริงว่า “ผลที่จะเกิดขึ้น มาจากการกระทำของตัวเราเอง “
47. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการตลาดแบบลูกโซ่แบบพีระมิดที่ผิดกฎหมาย และโครงการร้อยเล่ห์เพทุบายอื่นๆ
48. หวังพึ่งแต่กากเดนที่กระเด็นมาจากความพยายามของผู้อื่น ต้องการบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ทำอะไรเลย
49. ไม่ต้องการเสี่ยง เช่นการลงทุนในการโฆษณา เฝ้าแต่รอคอยและดูสิ่งต่างๆเกิดขึ้นเอง แทนที่จะทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น
50. เมื่อถูกปฏิเสธก็หมดความพยายามเอาดื้อๆ ไม่ยอมเป็นฝ่ายโทรหาคนอื่นก่อน

..... มีกลอนมาให้เป็นกำลังใจครับ ..... มาจากอ.พนม ปรีเจริญ เป็นผู้แต่งครับ (ผมชอบมาก ๆ เลย)

กว่าจะลุกหลายทีอาจมีล้ม...
กว่าจะจมหลายทีมีผุดบ้าง...
กว่าจะข้นหลายทีมีเจือจาง...
กว่าจะสร้างหลายทีมีทำลาย...
กว่าจะตื้นก่อนนั้นมันเคยลึก...
กว่าสำนึกก่อนนั้นมันเกือบสาย...
กว่าเกิดได้ก่อนนั้นมันเกือบตาย...
กว่ารวยได้ก่อนนั้นมันเคย...จน

ทําไมต้องทําปูแดงไคโตซานเบส 59

ปูแดง เบส 59 สร้างรายได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วของคุณ
โอกาสในธุรกิจปูแดง
มีอิสระภาพทางการเงิน และ เวลา
ย่นระยะเวลาการหาเงินในอนาคตได้
สร้างรายได้ไร้ขีดจํากัด
เป็นมรดกตกทอด ชั่วลูกชั่วหลาน
เป็นธุรกิจที่ทําได้ทั้งครอบครัว
ไม่เก่ง ไม่มีความรู้ก็ สําเร็จได้


ทําไมต้องทําปูแดงไคโตซานเบส 59
1. สินค้าดีมีชื่อเสียง ขายตัวเอง มีคนจํานวนมากที่ต้องการ ตลาดก้วาง
2. แผนการตลาด ดี ทําง่าย จ่ายเร็ว มีรายได้ 6 ทางในโครงสร้างเดียว
3. บริษัทมั่นคง มีโรงงานผลิตสินค้าเอง สํานักงานเป็นของบริษัท ทุกอย่างซื้อเงินสด
4. ระบบบริษัทดี บริษัทมีระบบพัฒนาท่านสมาชิก อย่างต่อเนื่อง
5. บริษัท ใช้เทคโนโลยีช่วย โดยการโฆษณาผ่าน TV ช่องเคเบิ้ล เช้ากลางวัน เย็น กลางคืน ทุกวัน เพื่อช่วยให้สมาชิกได้ทํางานง่ายขึ้น และประสบคงามสัเร็จเร็ว
6. ทําง่ายได้เงินเร็ว
7. ลงทุนครั้งเดียว ไม่ต้องรักษายอด
8. เป็นมกรดกตกทอดให้กับลูกหลาน

ท่านประทานมีประสบการณ์ธุรกิจเครือข่ายมากว่า 20 ปีท่านมีจิตใจเป็นธรรมรู้ถึงความยากลําบากของสมาชิกในการสร้างเครือข่าย เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ไม่เอาเปรียบสมาชิก มีคุณธรรม และพัฒนาระบบ และคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง สินค้าไม่แพง ซื้อง่าย ขายคล่อง คนใช้สินค้าปลดหนี้ได้ คนขยายเครือข่ายสบายไปตลอดชีวิต

บริษัทมีโรงงานผลิตสินค้าเอง มีคลังสินค้าตามจังหวัดใหญ่ๆ6 แห่ง มีศูนย์บริการสมาชิกทั่วประเทศ และมีสํานักงานโอ่โถง พร้อมรองรับสมาชิกได้มากมาย ที่สําคัญโรงงานและสถานที่ตั้งสํานักงาน เป็นการซื้อเงินสดในจํานวน 400 กว่าล้านบาท ดังนั้นมีความมั่นคงสูง

บริษัทเปิดมาก้าวเข้าสู๋ปีที่ 7 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นธุรกิจอย่างจริงจัง ในขณะนี้มีผู้คนแห่กันสมัครเข้าร่วมธุรกิจเป็นจํานวนมาก ปัจจุบันมียอดขาย 200 กว่าล้านบาท ต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อซําประมาณ 70 % ผู้ที่ทําธุรกิจน้อยมากในขณะนี้ซึ่งเป็นโอกาสดีสําหรับเรา

บริษัทมีงบโฆษณาทะหล่มทะลาย ทางเคเบิ้ล เช้า สาย กลางวัน เย็น กลางคืนทุกวัน ช่วยสมาชิกทําการตลาดง่าย และประสบความสําเร็จเร็ว

เป็นโอกาสดีสําหรับผู้ที่ต้องการทําการตลาดทางอินเตอร์เน็ต เพราะมีผู้สนใจเป็นจํานวนมาก ที่ต้องการหาข้อมูลสมัครสมาชิกทางอินเตอร์เน็ตมากมาย

ลงทุนครั้งเดียว ไม่ต้องรักษายอด แผนรายได้จ่ายง่าย และจ่าย 6 ทางในโครงสร้างเดียวกัน

สินค้าใช้ดีและต้องใช้อย่างต่อเนื่อง ยอดซื้อซําสูงถึง 70 % เหนื่อยช่วงแรก เก็บเกี่ยวตลอกชีวิต

ตราบใดที่ยังมีเกษตรกร ตราบนั้นปูแดงก็ยังต้องอยู๋คู๋กับนักธุรกิจปูแดงตราบนานเท่านาน

คนเมืองก็สามารถทําได้ ไม่จําเป็นต้องเป็นคนต่างจังหวัด เพราะเรามีแนวทางการทําตลาด ทางอินเตอร์เน็ต คุณสามารถหาสมาชิกได้จากอินเตอร์เนร็ต โดยใช้เว็บไซด์หาสมาชิกได้ทั่วประเทศ เรามีเว็บไซด์ให้ฟรีเพื่อทําการตลาดอินเตอร๋เน็ต คุณสามารถศึกษาวิธีการทํางานได้ในระบบสมาชิก หลังจากที่คุณสมัครสมาชิกแล้วเราจะมี รหัสให้คุณล้อกอินเข้าสู๋ระบบสมาชิก เพื่อศึกษาวิธีการทํางานอย่างมืออาชีพ คุณจะมีสมาชิกโดยที่คุณไม่ต้องเดินทางไปหาเลย ด้วยการทํางานที่ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีช่วย อีกทั้งเรามีสินค้าสําหรับผู้รัก สุนัข แมว หรือสัตว์อื่นๆทุกชนิด ให้กินเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน แข้งแรง ผิวสวยโตเร็ว อีกด้วย และยังมีหมวดความงามในอีกเร็วๆนี้

ดังนั้นอย่ารอช้า โอกาสมาถึงคุณแล้ว ตัดสินใจทันที่เพราะเวลาไม่รอคุณอย่างแน่นอน คนที่ตัดสินใจก่อนรวยก่อน
{ร่วมสร้างความภูมิใจ กับโครงการปลดหนี้ชุบชีวิตเกษตรกรไทย แปลงรายจ่ายเป็นรายได้ กับธุรกิจปูแดง}

หาก คุณ คุณ คุณ เป็นผู้ที่แสวงหาความรํารวย ให้กับตัวคุณอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ขอต้อนรับผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เราจะร่วมสร้างพื้นดินให้เป็นสีเขียว และเราจะร่วมช่วยกันชุบชีวิตเกษตรกรไทยให้ลืมตาอ้าปากได้ ช่วยให้เค้าเหล่านั้นหลุดพ้นจากการเป็นหนี้สิน ด้วยการร่วมกันสร้างเครือข่าย ครอบครัวปูแดงร่วมกัน และสิ่งที่เราจะได้รับร่วมกันคือ อิสระภาพทางการเงิน เวลา ครอบครัวมีความสูข เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างโอกาสให้เป็นรายได้ สร้างรายได้จากการสร้างเครือข่าย รายได้ที่มั่นคง ร่วมกับธุรกิจปูแดงไคโตซานชุบชีวิตเกษตรกรไทย

ไม่กล้าไม่ก้าว ไม่ก้าวก็ไม่เดิน

“ เพียงมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง
เราจะกล้าเดินอย่างมั่นใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
ทั้งที่ได้ดั่งใจและไม่ได้ดั่งใจ
ยอมรับทั้งด้านบวกและลบของโลก
พร้อมหมุนตัวเองไปพร้อมกับโลกอย่างมีความสุข ”

เมื่อมีความกล้า สิ่งที่ตามมาคือได้ก้าว ...
เมื่อหัวใจเปิดรับ ความคิดจะเปิดกว้าง

เปิดโอกาสให้เรียนรู้อย่างแท้จริง สิ่งดีๆ ก็จะเข้าถึงใจ
เมื่อความกลัวหายไป…หัวใจจะเป็นสุข
เราจะกล้าและได้ก้าว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

ไม่กล้าก็ไม่ก้าว... ไม่ก้าวก็ไม่เดิน...


ผู้ที่มีลักษณะที่จะประสบความสำเร็จ และพบความสุข
คือผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คือผู้ที่กล้าหาญที่จะรับฟังคำติมากกว่าคำชม คือ กล้า...


ผู้ที่มีลักษณะที่จะล้มเหลว และมีแต่ความทุกข์ใจ
คือผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น
ผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก คือผู้ที่หมดโอกาสเรียนรู้โดยแท้จริง
แม้ใจอยากได้แต่สิ่งดีๆ แต่สิ่งดีๆก็เข้าไม่ถึงใจ

เพราะความกลัว ใจจึง ปิด ความคิด จึงไมก้าว

การเปลี่ยนแปลงเป็นหนทางที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า
โลกนี้คงหยุดหมุนไปนานแล้ว
ถ้าคนทุกคน ไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่

เพียงบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเธอ
เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง
ไม่เห็นมีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิดเลย


ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า เหนื่อยก็หยุดพัก แต่อย่าเดินกลับหลัง
ถ้าเมื่อไหร่เราได้ใช้เวลาในชีวิตอย่างคุ้มค่า
เราจะรู้สึกว่าชีวิตที่เหลือนั้นเป็นกำไรล้วนๆ

เวลาก้าวไปข้างหน้า ทุกๆสิบก้าวเราเหยียบหนาม
ถ้าเมื่อไหร่ท้อแล้วเดินกลับหลัง
ก็เท่ากับว่าที่ผ่านมาเรา เจ็บฟรี.



อย่าพูดว่า ทำไม่ได้ เพราะจิตเธอจะจำและนำไปใช้

ปาฏิหาริย์ จะเกิดขึ้นได้กับหัวใจที่เชื่อมั่น
ความเชื่อมั่น จะทำให้คนเราได้ยิน แต่เสียงในหัวใจตัวเอง

คำวิจารณ์ในแง่ลบของคนอื่นมักบั่นทอนกำลังใจ
แต่นั่นมันความคิดเขา ไม่ได้มาจากสมองเราสักหน่อย
ฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่าไขว้เขวไปกับเสียงหัวใจคนอื่น

บอกตัวเองว่าเธอต้องทำได้ เมื่อนั้นปาฏิหารย์จะเกิดขึ้น


ความสำเร็จ จะแลกเปลี่ยนกับความสนุกอยู่เสมอ

คนส่วนมากจะเริ่มต้นพร้อมๆกัน
แต่ความสำเร็จที่ได้มาล้วนไม่เท่ากัน
มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น
ที่เดินไปได้ไกลกว่าคนอื่น

ยิ่งเริ่มต้นอายุน้อย
เราก็จะมีแรงเหนื่อย มีแรงเจ็บ มีแรงเริ่มต้นใหม่
ความสมบูรณ์ในชีวิตก็จะมาถึงเร็วขึ้น

คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก
ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยสนุก
ทุกนาทีคือการเรียนรู้ และ การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

ยอมแลกเปลี่ยน "ความสนุก" กับ "ความสำเร็จ" เถอะ
คุณค่าทั้งสองอย่างต่างกันเยอะเลย


ความสําเร็จ ถ้าเพียงแค่คิด ก็ได้แค่คิด ถ้าลงมือทําจะได้ความสําเร็จ