วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธี ”ดึงดูด” สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

วิธี ”ดึงดูด” สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

ตอนนี้หนังสือชื่อ “The Secret” “เดอะ ซีเคร็ต” กำลังดัง มีคนสนใจหาซื้อมาอ่านกันมากมาย ในหนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องของ The Law of Attraction “กฎของการดึงดูด” ซึ่งมีอยู่ว่ามีอยู่ว่า “สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน” ดังนั้นเวลาที่คุณคิดถึงอะไร คุณก็จะดึงดูดความคิดแบบเดียวกันเข้ามาหาคุณ!!

คุณคือแม่เหล็กขนาดใหญ่!! .. คุณจะดึงดูดสิ่งที่คุณคิดถึงมากที่สุดเข้ามา .. ความคิดของคุณจะกลายเป็นความจริง!!

อะไรก็ตามที่คุณกำลังคิดอยู่ในขณะนี้ กำลังสร้างชีวิตของคุณในอนาคต สิ่งที่คุณคิดถึงมากที่สุดและเพ่งสมาธิจดจ่อมากที่สุดจะปรากฏขึ้นเป็นชีวิตจริงของคุณ!! .. จงคิดถึงแต่สิ่งที่คุณต้องการ อย่าคิดถึงสิ่งที่คุณไม่ต้องการ!

ถ้าคุณคิดถึงสิ่งดีๆ สิ่งดีๆก็จะถูกดึงดูดให้เข้ามาหาคุณ ถ้าคุณคิดถึงความร่ำรวย ความร่ำรวยก็จะเป็นของคุณ ถ้าคุณคิดว่าชีวิตมันยากลำบาก คุณต้องดิ้นรนต่อสู้ คุณก็จะได้รับประสบการณ์ที่ยากลำบากต้องดิ้นรนต่อสู้ .. อย่าลืมว่า “คิดอย่างไร ได้อย่างนั้น!”

คนส่วนใหญ่ดึงดูดสิ่งต่างๆเข้ามาอย่างอัตโนมัติ เพราะเราปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดของเราเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เราไม่ค่อย“มีสติ”ในการควบคุมความคิด และมันก็เป็นการยากที่เราจะคอยควบคุมความคิดของเราตลอดเวลา เพราะวันหนึ่งๆคนเราคิดประมาณหกหมื่นเรื่อง!!

มีวิธีตวจสอบความคิดของคุณแบบง่ายๆคือ “ดูอารมณ์และความรู้สึกของคุณ” เพราะอารมณ์บอกให้คุณรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร ตอนนี้คุณรู้สึกดีหรือรู้สึกแย่ เวลาที่คุณรู้สึกดี แสดงว่าคุณกำลังคิดเรื่องดีๆอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะรู้สึกดีในขณะที่กำลังคิดอะไรแย่ๆ!! .. ให้รู้ไว้ว่า ขณะที่คุณรู้สึกดี คุณกำลังดึงดูดสิ่งดีๆที่จะทำให้คุณรู้สึกดีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นถ้าเมื่อไรที่คุณรู้สึกแย่ คุณจะต้องรีบหาวิธีที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นให้เร็วที่สุด!! อาจจะเปิดเพลงเพราะๆฟัง หรือร้องเพลงโปรดของคุณ นึกถึงสิ่งสวยงาม คิดถึงเรื่องตลก นึกถึงคนที่คุณรัก หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณชอบไป ฯลฯ

ความรักเป็นอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป หากคุณสามารถรักทุกสิ่งทุกอย่างและรักทุกคนได้ ยิ่งคุณส่งกระจายความรักออกไปมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีพลังอำนาจมากขึ้นเท่านั้น!

ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตถูกสร้างขึ้นด้วยตัวของคุณเอง! กฎแห่งการดึงดูดคอยรับฟังคุณตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะคิด พูด หรือทำอะไร จักรวาลนี้จะเข้าใจว่าคุณทุกอย่างที่คุณคิด พูด และทำ คือสิ่งที่คุณต้องการ!

กระบวนการสร้างสิ่งที่คุณปรารถนา

ขั้นที่ 1 : ขอ .. จงขอต่อจักรวาล บอกให้จักรวาลรู้ว่าคุณต้องการอะไร เขียนสิ่งที่คุณต้องการลงไปในแผ่นกระดาษ เขียนในรูปปัจจุบันกาลด้วย

ขั้นที่ 2 : เชื่อ .. จงมีศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น เชื่อว่าสิ่งที่คุณขอนั้นเป็นของคุณแล้ว คุณจะต้องคิด พูด และทำ ราวกับว่าคุณกำลังได้รับสิ่งนั้นอยู่ในตอนนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ปล่อยให้ตัวเองนึกอยากได้สิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ เพราะมองไม่เห็นว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงขึ้นได้อย่างไร คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทำอย่างไร สิ่งต่างๆจะปรากฏให้คุณเห็นเอง คุณจะดึงดูดหนทางเข้ามาหาตัวคุณเอง!!

ขั้นที่ 3 : รับ .. จงรู้สึกดี มีความสุข และปลาบปลื้มยินดีแบบเดียวกับที่คุณจะรู้สึกเมื่อเกิดสิ่งนั้นขึ้นจริงๆ การรู้สึกดีตั้งแต่ตอนนี้จะนำคุณเข้าไปอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกับสิ่งที่คุณต้องการ

สิ่งสำคัญต่อไปที่คุณต้องทำก็คือ “การสำนึกคุณ”!!!
เวลาที่คุณให้สิ่งดีๆกับใครแล้วเขาขอบคุณคุณกลับมา คุณรู้สึกดีใช่ไหม? และคุณก็อยากจะให้สิ่งดีๆกับเขาเพิ่มมากขึ้นอีกใช่หรือไม่? เช่นเดียวกัน เวลาที่เราได้รับสิ่งดีๆที่จักรวาลมอบให้ แล้วเราขอบคุณต่อจักรวาล จักรวาลก็จะมอบสิ่งดีๆเพิ่มให้เราอีก ที่สำคัญก็คือ เวลาที่เราขอบคุณ ให้ใจของเรารู้สึกถึงความโชคดีที่เรากำลังได้รับสิ่งดีๆอยู่ แล้วเราก็จะดึงดูดสิ่งดีๆเพิ่มมากขึ้นอีก

ดังนั้นจงเริ่มสำนึกคุณในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว! ไม่ใช่พร่ำบ่นถึงแต่สิ่งที่คุณยังไม่มี!!
อีกวิธีที่มีพลังมากคือ การขอบคุณล่วงหน้าราวกับว่าคุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการแล้ว!!

สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปก็คือ การสร้างมโนภาพในใจว่าคุณกำลังได้รับสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะต้องให้ตัวเองสัมผัสกับ“ความรู้สึกดีๆ” ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความรัก ความสดชื่นรื่นรมย์ฯ จริงๆแล้วความรู้สึกต่างหากที่ก่อให้เกิดแรงดึงดูด ไม่ใช่แค่ภาพหรือความคิด!

ตกลงใจว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ เชื่อมั่นว่าคุณมีสิ่งนั้นได้ เชื่อมั่นว่าคุณสมควรได้รับสิ่งนั้นและมันเกิดขึ้นได้จริงๆ แล้วหลับตาลงเป็นเวลาหลายๆนาทีทุกๆวัน เพื่อสร้างมโนภาพว่าคุณมีสิ่งที่ต้องการแล้ว และจงรู้สึกถึงความรู้สึกแห่งการมีสิ่งนั้นอยู่ในครอบครอง จากนั้นก็ลืมตาขึ้น รวมศูนย์รวมความคิดไปยังสิ่งที่คุณรู้สึกสำนึกคุณอยู่ก่อนแล้ว ชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้นจริงๆ จากนั้นก็เริ่มต้นวันโดยเปล่งคลื่นความคิดออกไปในจักรวาล ด้วยความเชื่อมั่นว่าจักรวาลจะต้องหาทางทำให้สิ่งที่คุณต้องการปรากฏขึ้นจนได้!!!

ถ้าอยากมั่งคั่งร่ำรวย ให้รวมศูนย์ความคิดไปที่ความมั่งมีศรีสุข จินตนาการว่าคุณมีเงินเท่าที่ต้องการแล้ว และให้รู้สึกมีความสุขตั้งแต่ตอนนี้ เพราะนี่คือทางลัดที่สุดที่จะชักนำเงินทองเข้ามาในชีวิตคุณ!!!

แนะนำให้ไปซื้อหนังสือ “The Secret” มาอ่าน และลงมือปฏิบัติตามที่หนังสือแนะนำจะได้พบกับความมหัศจรรย์

ระบบ Atraction Martketing

ระบบ Atraction Martketing

ประกอบด้วย

1. ระบบ Leader Gernaration
2. ระบบ Follow up
3. ระบบปิดการขายอย่างมืออาชีพ

ระบบ Leader Gernaration

ในปกติการทำธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ขายตรง เครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต หรือทุก ๆ ธุรกิจ จะต้องทำให้คนเข้าเว็บไซต์ธุรกิจหรือร้านของเรามากที่สุด ธุรกิจใดที่ไม่สามารถดึงดูดคนเข้าชมเว็บไซต์หรือร้านเราได้ ยอดขายก็จะไม่เกิดและธุรกิจก็ไม่ประสบความสำเร็จ

แล้ววิธีการดึงดูดคนให้เข้ามาในเว็บไซต์เรามีวิธีอะไร และต้องทำอย่างไรบ้าง หลายคนก็อาจจะเคยทำมาแล้วหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการลงโฆษณา จากที่ต่าง ๆ ทั้งแบบรายเดือน หรือรายสัปดาห์ การเชิญคนที่รู้จักให้เข้ามาดูเว็บไซต์ การส่งเมล์

หลายคนเสียค่าโฆษณาไปมากเพื่อที่จะให้คนเข้ามาดูเว็บไซต์ธุรกิจของตนเอง แต่แล้วกลับล้มเหลวและเพราะไม่มีคนสมัครประกอบกับ ตนเองไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีใครเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราบ้าง เพราะบางครั้งผู้ที่เข้ามาดูเว็บไซต์ของเราอาจจะดูผ่าน ๆ หรือมีเวลาดูไม่มากนัก

แล้วเราจะมีวิธีการอย่างไรที่แก้ปัญหาเหล่านี้

จะดีกว่าไหมถ้าเรามีข้อมูลของผู้ที่เข้ามาดูข้อมูลเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ อีเมล์ หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสติดตามได้ในภายหลัง เพราะโดยส่วนใหญ่ไม่มีใครที่ตัดสินใจในการทำธุรกิจกับเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น อย่างน้อยต้องใช้เวลาศึกษาธุรกิจก่อน ก็เหมือนกับตัวของเรา ก็ไม่เคยทำธุรกิจอะไรตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเช่นกัน

วิธีการแก้ปัญหาคือ เราจะต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูลของผู้หวังเพื่อที่จะได้ให้เขากรอกรายละเอียดส่วนตัว ก่อนที่จะเข้าไปดูข้อมูล ไม่ว่าเขาจะได้ดูข้อมูลตัดสินใจทำธุรกิจกับเราหรือเปล่า แต่อย่างน้อยเราก็มีโอกาสติดตามผู้มุ่งหวังคนนี้ได้ในครั้งต่อไป เพราะอย่างน้อยเขาก็มีความสนใจในธุรกิจของเราเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในการทำระบบเก็บข้อมูลของผู้มุ่งหวัง เราเรียกว่า Lead Capgerpage ยกตัวอย่างของเว็บที่มีระบบนี้เช่น

ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อเข้าไปในเว็บจะมีช่องให้กรอกข้อมูลเพื่อที่จะได้เข้าไปดูเนื้อหาข้อมูลของธุรกิจของเราได้ และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของระบบ Leader Capgerpage นี้ คือเป็นการช่วยคัดกรองผู้มุ่งหวังเราอีกขั้นหนึ่ง เพราะอย่างน้อยคนที่กรอกข้อมูลเข้ามาคือคนที่กำลังมองหาหรือคนที่มีความสนใจในธุรกิจนี้อย่างจริง ๆ เราจะได้มุ่งเน้นมาทำการตลาดกับผู้มุ่งหวังเหล่านี้โดยเฉพาะ


ในส่วนของการดึงดูดผู้มุ่งหวังให้เข้ามาเว็บไซต์ธุรกิจของเรา มีหลายวิธี ทั้งที่เสียค่าใช้จ่ายและฟรีค่าใช้จ่าย เช่น

1. VDO Youtube
การใช้ VDO Youtube เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของเราอย่างหนึ่งที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ปัจจุบันมีธุรกิจจำนวนมากที่ประชาสัมพันธ์ธุรกิจตัวเองผ่านสื่อนี้ ซึ่งข้อดีนอกจากไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว สื่อ VDO Youtube ยังมีจำนวนคนเข้ามาดูในแต่ละวันค่อนข้างมาก เป็นอันดับ 3 รองจาก google เลยทีเดียว และเป็นการกระจายสื่อไปได้ทั่วโลก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบดู VDO หรือภาพเคลื่อนไหวมากกว่าการอ่านเนื้อหา

2.การลงโฆษณา google
สำหรับการลงโฆษณา google นับเป็นว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลทีเดียวในการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง แต่วิธีนี้จะเป็นการเสียค่าใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็ถือว่ายุติธรรมกับผู้ที่ลงโฆษณา เนื่องจากเราจะเสียค่าโฆษณาก็ต่อมีมีผู้ที่สนใจคลิ๊กที่โฆษณาของเราเท่านั้น ถ้าไม่มีการคลิ๊กก็ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อคลิ๊ก เราสามารถกำหนดเองได้ รวมไปถึงกำหนดงบประมาณในการโฆษณาแต่ละวันได้ด้วย

โดยรายชื่อผู้มุ่งที่มาจากการค้นหา google จะค่อนข้างมีคุณภาพเพราะเป็นผู้ที่มีความสนใจในธุรกิจทำการค้นหาอย่างจริง ๆ ทำโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจกับเราก็มีสูงไปด้วย

สำหรับผู้ที่มีความต้องการลงโฆษณา google ก็ไม่ยาก เพราะเดี๋ยวนี้มีหนังสือที่จะคอยอธิบายขึ้นตอนการสมัครลงโฆษณาไว้มากมาย โดยสามารถหาซื้อมาศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ

3. การโพสต์เว็บบอร์ด
การโพสต์เว็บบอร์ดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายนำมาใช้ในการหาผู้มุ่งหวังกันมาก สังเกตได้จากในแต่ละเว็บจะมีหัวข้อโฆษณาธุรกิจประเภทนี้มาก การที่จะมีผู้มุ่งเข้ามากรอกข้อมูลจากที่เราได้โพสต์ไปก็มีปัจจัยหลายอย่าง เช่น จำนวนเว็บบอร์ดในการโพสต์ เช่นคนที่โพสต์วันละ 1 เว็บโอกาสที่จะมีคนเข้ามากรอกข้อมูลคงน้อยกว่าคนที่โพสต์ 30-50 เว็บ รวมไปถึงข้อความโฆษณาที่ใช้ในการโพสต์ว่าจะมีข้อความที่ดึงดูดใจผู้มุ่งหวังได้มากน้อยแค่ไหน

เว็บบอร์ดที่ใช้ในการโพสต์ก็มีทั้งเสียเงินและไม่เสียเงิน อันนี้แล้วงบประมาณในการทำธุรกิจของแต่ละคน บางเว็บก็คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายสัปดาห์ หรือ รายเดือน มีราคาตั้งแต่ 500-30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งการลงโฆษณาที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายประสิทธิภาพในการเห็นของผู้มุ่งหวังอยู่แล้ว เพราะสามารถโชว์โฆษณาให้เห็นตลอดเวลา เทียบกับการโพสต์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย อันดับของโฆษณาจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้โอกาสในการมองเห็นของผู้มุ่งหวังจะมีน้อย จนทำให้เราต้องคอย up date โฆษณาของตัวเองตลอดเวลา

และอีกอย่างอย่างเผลอไปโพสต์ข้อความโฆษณาในหัวข้อที่ทางเว็บห้ามโพสต์หรือผิดหมวดหมู่นะครับ เพื่อนอกจากจะเกิดความรำคาญต่อคนอื่นแล้ว ยังอาจจะโดนลบทิ้งจาก web master ได้ง่าย ๆ


4. การสร้างสังคมออนไลน์
ในโลกการทำงานออนไลน์ การสร้างสังคมออนไลน์ก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ การเป็นสมาชิก HI 5 , Facebook , My space , Twitter , และอีกมากมาย ซึ่งในสังคมเหล่านี้ก็มีกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เข้ามาพูดคุย และอาจจะมีคนที่สนใจธุรกิจที่เราทำอยู่ก็ได้ แต่ก็ไม่ควรที่จะโฆษณาขายสินค้าอย่างโจ่งแจ้งนะครับ ควรจะเป็นการพูดคุยทำความรู้จักและแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้แก่กันมากกว่า

การสมัครเป็นสมาชิกเว็บเหล่านี้ ก็ไม่ยากครับ ยังไงก็ลองเข้าไปสมัครดู บางที่อาจจะเจอผู้มุ่งหวังของเราก็ได้ครับ และที่สำคัญสมัครฟรีครับ


5. การทำข้อความตอบรับอีเมล์อัตโนมัติ และการทำ signaturl
วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ หลายท่านคงมีอีเมล์ใช้ประเภทฟรีอีเมล์เช่น hotmail yahoo gmail อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเราสามารถทำระบบตอบรับอัตโนมัติได้และพ่วงด้วยการแทรกลิงค์ธุรกิจของเราไป คือเมื่อมีใครก็ตามส่งเมล์มาหาเรา ระบบตัวนี้ก็จะส่งข้อความที่เราได้ตั้งไว้ไปอัตโนมัติ นับเป็นวิธีโปรโมทธุรกิจของเราได้อีกวิธีหนึ่งที่ค่อนข้างได้ผลทีเดียว

นอกจากนี้เราสามารถสร้างลายเซ็นของเรา หรือระบบ signaturl ได้อีกด้วย และลายเซ็นเรานอกจากจะมีชื่อเราแล้ว เรายังสามารถแทรกลิงค์ของเราไปได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้วิธีนี้เมื่อเราตามส่งเมล์ที่ได้รับต่อไปให้คนอื่นก็จะมี ชื่อเราพร้อมกับ ลิงค์ธุรกิจของเราส่งไปด้วยอัตโนมัติ

การตั้งปณิธาน

การตั้งปณิธาน

สิ่งหนึ่งในการที่จะทำให้ธุรกิจที่เราทำประสบความสำเร็จ ได้รับรายได้อย่างที่เราตั้งใจหรืออย่างที่เราหวังไว้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากตัวธุรกิจและระบบที่เราทำ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นอยู่ที่ ตัวเรา อยู่ที่ความคิดและการตั้งปณิธานของเรา

นี้คือ 6 ขั้นตอนในการแปรเปลี่ยนปณิธานให้เป็นเงินเป็นทอง

1. ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการไว้ให้ชัดเจน การพูดกว้าง ๆ ง่าย ๆ ว่าฉันต้องการเงินมากนั้นไม่พอ จะต้องระบุจำนวนเงินที่ชัดเจนไปเลย ว่าต้องการเท่าไหร่

2. กำหนดสิ่งที่คุณจะทำเพื่อให้ได้เงินมาอย่างที่ใจคุณปรารถนา เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครได้อะไรมาฟรี ๆ

3. ระบุวันที่แน่นอนในการที่จะได้ครอบครองสิ่งที่คุณปรารถนา ว่าเป็นวันไหน เดือนไหน ปีไหน

4. ลงมือทำทันทีเพื่อสิ่งที่คุณปรารถนาบรรลุผลไม่ว่าคุณจะพร้อมหรือไม่ก็ตาม.

5. เขียนสิ่งที่คุณปราถนาและวิธีการที่จะให้ได้สิ่งนั้นมาลงบนกระดาษ

6. อ่านข้อความที่คุณเขียนลงบนกระดาษ และอ่านออกเสียงดังทุกวัน วันละ 2 เวลา ตอนตื่นนอนและก่อนเข้านอน พร้อมกับสร้างมโนภาพว่าคุณกำลังได้ครอบครองสิ่งที่คุณปรารถนาอยู่

การปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะข้อ 6 จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ซึ่งกฎทั้ง 6 ข้อนี้ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่านจากทั่วโลกได้ปฏิบัติจนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยวิธีนี้เป็นเรื่องของจิตวิยาและนี้แหละที่เป็นข้อแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลว

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

จะว่าไปแล้ว การทำธุรกิจออนไลน์ MLM นั้น ก็ไม่พ้นการหาผู้มุ่งหวัง ที่ท้ายสุดแล้ว คุณเปลี่ยนผู้มุ่งหวังคนนั้นมาเป็นดาวน์ไลน์ของคุณ ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อคุณหาผู้มุ่งหวังมาได้ซักคนหนึ่ง เมื่อมีการติดต่อกัน “คุณพูดอะไรกับเขา” ครับ??

ความประทับใจในการพบกันครั้งแรกนั้น มีครั้งเดียว คุณจึงควรต้องรู้ว่า คุณจะพูดอะไร และ พูดอย่างไร คุณคงไม่อยากสูญเสียผู้มุ่งหวังที่หายากไปใช่ไหมครับ

ดังนั้น เรามาเรียนรู้วิธี “การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” กันดีกว่าครับ

ถ้าเราจะให้นิยามของการทำการตลาด ก็คงไม่พ้น “การทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นที่รู้จัก และ ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการนั้น” ดังนั้น แทนที่เราจะไปมุ่งอยู่กับการหาผู้มุ่งหวังมาให้ได้มากๆ นั้น ผมว่าคุณควรมุ่งพัฒนาทักษะในการสื่อสารของคุณดีกว่า เพราะการสื่อสารที่ดี ทีมีประสิทธิภาพ จะทำให้คุณสามารถ “สมัคร” คนได้จริงๆ การที่คุณจะพูดอะไรออกไป พูดออกไปอย่างไร (กับผู้มุ่งหวัง) มันมีความสำคัญมาก ยิ่งทำด้วยความมั่นใจเท่าไหร่ การสื่อสารก็ยิ่งมีประสิทธิภาพเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณเป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ก็แน่นอนว่าคุณจะ “สอนงาน” ให้ดาวน์ไลน์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน นั่นก็ยิ่งทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างทวีคูณ … จริงไหมครับ

ผมค้นพบว่า มีคุณลักษณะที่สำคัญ 10 ประการ ของการสื่อสารที่มีคุณภาพ และคุณควรใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ นั่นคือ

1. จงพุ่งความสนใจไปที่ผู้มุ่งหวังของคุณ – ในระหว่างบทสนทนา คุณควรทำตัวเป็นนักฟังที่ดี ผมไม่ได้หมายความว่าคุณเอาแต่ฟังไม่ต้องพูด แต่ผมหมายถึงว่า ให้คุณพยายามป้อนคำถามปลายเปิดให้เขาพูดออกมา และเมื่อคุณฟัง คุณต้องจับทุกประเด็น ตั้งแต่คำพูด เนื้อเรื่อง น้ำเสียง ที่ผู้มุ่งหวังของคุณพูดออกมา เพื่อที่คุณจะเรียนรู้ว่า “เขามองหาสิ่งใด” “เขาคาดหวังอะไร” “เขาประสบปัญหาอะไรอยู่หรือไม่” ยิ่งทำให้ผู้มุ่งหวังของคุณได้พูดมากเท่าใด คุณก็ยิ่งได้ข้อมูลจากเขามากเท่านั้น ไม่ใช่ว่าคุณสักแต่จะพูดเรื่องของตัวเองโดยไม่ฟังเขาเลย

2. อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นมาดึงความสนใจของคุณ – อย่างที่กล่าวข้างต้น คุณต้องฟังมากๆ และเรียนรู้ที่มาที่ไปของผู้มุ่งหวัง และหาจุดที่จะให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังของคุณ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องมีสมาธิ ไม่ใช่มีโทรศัพท์อีกเครื่องดังขึ้น (ทำให้คุณพะวง) อยู่ท่ามกลางผู้คนจ๊อกแจ๊กจอแจ ลองนึกง่ายๆ ว่า ถ้าคุณกำลังทำข้อสอบ คุณต้องการสภาพแวดล้อมอย่างไร

3. มีความจริงใจ และแสดงออกทางสีหน้าด้วยความเป็นมิตร – ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าคุณตั้งใจรับฟังปัญหา หรือความต้องการของเขา และคุณมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือ นอกจากนั้น การทำตัวให้รู้สึกเป็นมิตร เป็นคนคบได้ สำคัญอย่างยิ่ง และการสื่อสารแบบตัวต่อตัว คุณจะสามารถใช้สีหน้าท่าทางเพื่อสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

4. พูดแทรกในปริมาณที่พอดี – อย่างที่กล่าวข้างต้น คุณควรพยายามชวนคุยในลักษณะที่ให้ผู้มุ่งหวังได้พูดมากกว่าคุณ (เพื่อคุณจะได้รับข่าวสารจากเขา) แต่คุณก็ควรแทรกถาม หรือพูดเสริมบ้าง เพื่อควบคุมทิศทางของบทสนทนาให้อยู่ในกรอบ และนำไปสู่จุดที่คุณต้องการ การแทรกถามหรือพูดเสริมนี้ ต้องทำในปริมาณที่พอเหมาะ

5. สื่อสารอย่างสบายๆ – อย่าซีเรียส กดดัน และก็อย่าทำตัว “จอมปลอม” คุณต้องการความไว้ใจอย่างมากในการพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะในครั้งแรก

6. นิ่งๆ – บางคน เวลาคุยกับคน ชอบทำตัวยุกยิก แกะโน่นเกานี่ ล้วงหยิบของในกระเป๋า ยกมือเสยผมบ่อยๆ นอกจากจะทำให้ผู้มุ่งหวังไม่ไว้ใจคุณแล้ว ยังไปทำลายสมาธิของเขาอีกด้วย การสื่อสารก็ไม่มีประสิทธิภาพ

7. พูดความจริง – อันนี้คงไม่ต้องขยายความนะครับ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ ถ้าคุณโกหก สักวันหนึ่งคนก็ต้องรู้ แล้วคุณจะทำธุรกิจอยู่ได้ไม่นานครับ

8. มีความรู้ในสิ่งที่คุณพูด – นั่นคือเกี่ยวกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และโอกาสที่คุณหยิบยื่นให้กับผู้มุ่งหวัง

9. ดูด้วยว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้ในระดับใด – แล้วคุณก็ควรสื่อสารกับเขาในระดับเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังพูดกับคนที่ชาวบ้านๆ หน่อย คุณก็ไม่ควรพูดศัพท์แสงอะไรที่คนฟังไม่เข้าใจ ระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหา ต้องสัมพันธ์กับผู้ฟัง

10. มีทัศนคติที่ดีต่อผู้มุ่งหวัง – คุณต้องตั้งอยู่ในทัศนคติที่ว่า ”คุณอยากช่วยเขา” เพราะคนเราจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง (เช่น สมัครเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณ) มีอยู่เพียง 2 เหตุเท่านั้น คือ 1) ต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์อะไรบางอย่าง หรือ 2) ได้ขยับเข้าใกล้ความสำเร็จหรือสิ่งที่เขามุ่งหวังไปอีกขั้นหนึ่ง — ดังนั้น คุณเพียงตั้งมั่นอยู่ในจุดที่ว่า คุณอยากช่วยเขา แล้วที่เหลือ การสื่อสารของคุณจะออกมาอย่างจริงใจตามนั้นเอง

ผมอยากแนะนำให้หนึ่งในเป้าหมายของคุณคือ “การพัฒนาทักษะในการสื่อสาร” เพราะผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ความสำเร็จของคนเรา ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารครับ

โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ

ใน ทุกๆเช้าของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบ ที่เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงานตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน

เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร?
เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่งเท่านั้นเองหรือ ?
เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ?


ผม เชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของการใช้ชีวิตแบบ ใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น
มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรก” หากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ

หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัว คุณเองและคนที่คุณรัก ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้ เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

ธุรกิจเครือข่ายดีอย่างไร

ธุรกิจเครือข่ายดีอย่างไร
+ มีความอิสระในการทำงาน ไม่ต้องมีใครคอยควบคุมการทำงาน สิ่งที่เป็นเครื่องมือในการบังคับ หรือผลักดันให้มุ่งมั่นในการทำงาน คือเป้าหมาย
+ รายได้ดี ขยันมากย่อมมีโอกาสทางรายได้สูง ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ธุรกิจเครือข่ายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถช่วยให้ความต้องการ หรือความฝันบรรลุเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้
+ เป็นมิตรกับคนทั่วไป เป็นบุคคลพิเศษ ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ อันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ ความสุภาพอ่อนโยน ยิ้มแย้ม และรู้จักยืดหยุ่น
+ รอบรู้รอบด้าน เนื่องจากต้องพบปะบุคคลต่าง ๆอยู่เสมอ ทำใหรู้รอบด้าน จากหลักการที่ว่าการนั่งในหัวใจคู่สนทนาก็คือ สนทนาในเรื่องที่เขาชอบ หรือสนใจนั่นเอง
+ ได้ประสบการณ์สูง ประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากการทำงาน การติดต่อผู้อื่น ความสามารถเฉพาะตัว มีหูตากว้างขวาง มีความทะเยอทะยานในการดำเนินชีวิต
+ มีโอกาสก้าวหน้าเร็ว แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีฝีมือ และมีฝีปาก เป็นอาชีพนึ่งที่มีโอกาสก้าวหน้าเร็วกว่าอีกหลาย ๆ อาชีพ ในขณะหลาย ๆ อาชีพ ต้องอาศัย รูปร่าง ส่วนสัด ความสวย ความงาม หรือพรสวรรค์ในการสร้างความก้าวหน้าให้กับตนเอง
+ ได้ใช้ความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่ การท้าทายความสามารถของตนเอง ซึ่งเป็นการดึงความสามารถของตนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และสมบูรณ์ การได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ย่อมทำให้ มีคุณสมบัติพิเศษ คือความอดทน อดกลั้น มิฉะนั้นจะอดกิน
+ ได้รับความสำเร็จ เงิน รางวัล ชื่อเสียง เกียรติยศ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ สามารถลิขิตชีวิตตนเองได้ ถึงแม้จะเลือกเกิดไม่ได้ก็ตาม
+ ทำให้บุคลากรในประเทศมีงานทำ เพราะทุกคนมีงานทำไม่เลือกงาน ไม่เกิดปัญหาการว่างงาน เป็นการลดภาระทางสังคมอันจะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง เมื่อนักธุรกิจเครือข่ายมั่งมี

ธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย คืออะไร กระแสของธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย

ธุรกิจ MLM หรือ เครือข่าย เป็น ธุรกิจที่ดีและน่าสนใจ บริษัทที่เข้ามาประกอบธุรกิจมีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และมีจริยธรรมในการบริหาร ส่วนผู้ดำเนินธุรกิจเข้าใจแบบแผน หรือ รูปแบบของความสำเร็จ เพราะ ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่
+ ถือว่าผู้ดำเนินธุรกิจเป็นนายตนเอง
+ มีโอกาสของรายได้สูง โดยไม่กระทบ หรือขัดแย้งกับงานประจำ
+ มีรายได้ต่อเนื่องเป็นมรดกตกทอดได้
+ มีอิสระ มีเวลา
+ เงินลงทุนต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ หรือพูดเก่ง
+ สามารถมีรายได้จาก เลข 6 หลักขึ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้น
+ มีเวลา และโอกาสเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
+ ได้พัฒนาบุคลิกภาพ การพูด การเข้าสังคมอยู่ตลอดเวลา
+ ได้อยู่ในสังคมที่คอยช่วยเหลือกัน
+ เริ่มก่อนย่อมมีโอกาสสำเร็จก่อน

กระแสของธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย
ด้วย ปัจจัยการแข่งขัน ย่อมต้องมีการใช้กลยุทธ์ ในการหาโอกาสผลักดันสินค้าให้กับผู้ใช้ โดยจ่ายค่าโฆษณาน้อยที่สุดจึงไม่มีอะไรทำได้ไปกว่าการนำแผนการตลาดแบบเครือ ข่าย MLM มาใช้ จึงเป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิเสธความร่ำรวย ความยากจนไม่ได้เป็นพันธุกรรมหรือเป็นกรรมพันธุ์ หาก เราเกิดมาต้องการใช้ชีวิตของตนเองให้เกิดมาอย่างมีคุณค่าหรือจะทำงานที่ยาก และลำบากก็น่าจะทำงานที่ยากลำบากอย่างสร้างสรรค์ขอเชิญท่านหันหน้ามาอย่าง ร่าเริงกับธุรกิจเครือข่าย MLM เพื่ออิสรภาพทางการเงินและการใช้ชีวิตอย่างเสรีดีไหมครับ

อย่าท้อถอย

อย่าท้อถอย
คุณ เคยผิดพลาด ล้มเหลว ขาดทุนจากการทำธุรกิจไหมครับ ตราบใดที่ความล้มเหลวนั้น สอนอะไรคุณบางอย่าง นั่นก็เกินพอแล้วครับ ตราบเท่าที่คุณยังมีลมหายใจ ผมขอให้วีดีโอนี้เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า คนเราล้มแล้วก็ลุกได้ เพียงคุณต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ว่าคุณจะสู้ แล้วคุณก็เรียนรู้ และ “ลงมือปฏิบัติ” ผมเชื่อว่าทุกคนมีวันของตัวเองครับ และสักวันหนึ่ง จะต้องเป็นวันของคุณ



โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา
หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2 “Cashflow Quadrant” หรือ “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า คนในโลกแบ่งตามที่มา ของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ

ด้านที่ 1 ) ลูกจ้าง ( Employee ) คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน
ด้านที่ 2 ) ธุรกิจส่วนตัว ( Self – employed ), เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะต้องเป็นผู้ลงมือทำ หรือ ดูแลด้วยตนเอง
ด้านที่ 3 ) เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ( Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลาและแรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน
ด้านที่ 4 ) นักลงทุน ( Investor ) คือ ผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้ให้กับ ตนโดยไม่ต้องทำเองหากดูจากนิยามที่มาของรายได้ดังกล่าวจะสามารถแบ่งคนในโลก ออกได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ







ธุรกิจเครือข่าย นี้คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ?

" ธุรกิจเครือข่าย นี้คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ? "

ปัจจุบันมีรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ว่าแต่ว่าคุณจะปฏิเสธที่จะเรียนรู้มันด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบมาก่อน หรือไม่ เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงว่าต้องใช้เงินทุนมาก, ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ จึงจะทำให้พวกเรา ส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้ ณ.วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝันของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า “ธุรกิจเครือข่าย” ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ?

ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมากเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตนเป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ ผู้บริโภค

เมื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไร 60% ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จาก
ระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบธุรกิจแบบเดิม

โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการ ตลาดแบบทั่วๆไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัด จำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คนแนะนำให้กับคน 2 – 3 คนและแต่ละคนของ 2 – 3 คนบอกต่อกับคน 2 – 3 คนต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้น ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

รวมฟรีเว็บบอร์ดหลัก

คลิกที่นี่ http://www.nitrous4online.net/eXpress_Freewebborad.html

เทคนิคการเขียนข้อความโฆษณาที่ดีครับ

เทคนิคการเขียนข้อความโฆษณาที่ดีครับ

มีคนถามว่า ถ้าหากว่าใช้รายชื่อเวปบอร์ดที่เค้าให้มาแบบนี้ มันก็ซ้ำกับคนอื่นสิ ผมตอบว่าจริงครับ แต่เวปบอร์ดที่ดังๆนั้น ข้อความโพสจะเวียนหายไปเรื่อยๆ เพราะมีคนโพสใหม่เยอะมาก ข้อความโพสเก่าก็จะเลื่อนลงด้านล่างไปเรื่อยๆ เช่นเวปบอร์ดพันทิพครับ อันนี้โพสได้ 1-2 ชม. โฆษณาที่เราแปะไว้ ก็หายแล้วครับ แต่เวปบอร์ดที่มีคนโพสเยอะ ก็แสดงว่า มีคนดูเยอะเหมือนกันครับ ส่วนเวปบอร์ดที่ไม่ค่อยมีคนโพส ก็แสดงว่า ไม่ค่อยมีคนดูบอร์ดเหมือนกัน ตามสัดส่วนครับ
...................................................................................................................................................................
เข้าเรื่องเลยดีกว่า สำหรับผมแล้ว มีเทคนิคที่ผมไม่บอกใคร นอกจากทีมงานผมครับ เทคนิคนี้ดีมากๆ ครับ เท่าที่ผมเช็คดูคู่แข่งน้อย แต่คนอ่านบอร์ดมาก และก็โฆษณาไม่ค่อยเลื่อนลงนักครับ

นั่นก็คือ เข้าไปที่ google ครับ แล้วพิมพ์คำว่า ตั้งกระทู้ใหม่ แล้วก็กดค้นหาเลยครับ จะมีผลลัพธ์ออกมาเพียบเลย แล้วก็โพสไปตามลิงค์แต่ละลิงค์ที่โชว์มา ไปเรื่อยๆครับ เฉพาะเท่านี้ก็โพสจนเมื่อยแล้วครับ อันไหนโพสไม่ได้ก็ข้ามไปเลยครับ

แทนที่จะค้นหาด้วยคำว่า เวปบอร์ด, webboard แบบนี้ครับ ทำแบบนี้จะเจอหน้าที่พร้อมโพสได้ทันที โดยไม่ต้องกดเข้าไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ ทำให้ทำงานเร็วขึ้นมาก

พอทำจนหมด หรือจนเบื่อครับ ให้ค้นหาใหม่ ด้วยการพิมพ์คำว่า ตั้งหัวข้อใหม่ แล้วก็กดค้นหาอีก ก็จะมีผลลัพธ์ออกมาอีกเพียบ แล้วก็โพสไปเรื่อยๆ

ยังมีคีย์เวิร์ดให้ค้นหาอีกเยอะมาก ได้แก่ post new topic, new topic, หัวข้อใหม่, ตั้งหัวข้อ, ตั้งคำถาม, กระทู้ใหม่ หรืออื่นๆ ลองค้นหาดูครับ

พอทำแบบนี้ เราก็จะได้โพสเวปบอร์ดที่ไม่ซ้ำกันเลย และเวปบอร์ดที่ขึ้นมาอันดับต้นๆ จะเป็นเวปที่เรียกได้ว่า "ติด Search engine สิบหน้าแรก" เชียวนะครับ นั่นหมายถึง เป็นเวปที่ Ranking สูงมากที่สุด (ในคีย์เวิร์ดนี้) ก็คือ เป็นเวปที่มีความนิยมสูงพอควรครับ (Ranking วัดจากหลายๆอย่างครับ)

กว่าจะทำเสร็จทั้งหมด ก็เป็นเดือนครับ แล้วก็วนกลับมาโพสใหม่ ข้อความเดิมก็หายไปแล้วล่ะครับ เท่ากับเราไม่ได้โฆษณาซ้ำๆแล้วนะครับ

ข้อดีอีกอย่างก็คือ ถ้าเราโพสเวปบอร์ดเหล่านี้แล้ว ข้อความที่โพสก็จะอยู่นาน ทำให้โอกาสที่คนเข้ามาเห็นได้เรื่อยๆครับ ผมเคยทำธุรกิจออนไลน์ที่ชื่อแค๊ดไฟต้าร์ ที่เป็นธุรกิจ Online ก็ต้องมาโพสเหมือนกัน เมื่อสองปีที่แล้ว จนปัจจุบันนี้ยังอยู่อยู่เลย (ตอนนั้นผมได้ลูกก่อนจะเลิก 200 กว่าคน ยังไม่นับคนที่มาใหม่หลังจากที่ผมเลิกไปอีก) ่อย่าลืมไปคอยโพสเวปบอร์ดที่ได้ผลด้วยนะครับ ต้องโพสทุกวันครับ ได้ผลดีจริง

ขอให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วครับ

เทคนิคการโพสเว็บบอร์ด

เทคนิคการโพสเว็บบอร์ด วิธีโพสต์ 80 เว็บบอร์ด ใน 1 ชั่วโมง

1. เตรียมข้อความที่จะใช้ โพสก่อน ข้อความไฟล์ NotePad หรือจะ Ms.Word ควร Save ไว้ในเครื่อง แล้วเปิดขึ้นมาเมื่อต้องการโพสต์

2. Add เว็บบอร์ดที่ใช้โพสทุกครั้งที่ Add Favorite ตรงด้านบนของ Internet Explorer แล้วให้ Add ใน Floder ใหม่ ซึ่งผมแนะนำให้ตั้งชื่อว่า Webboard หรือง่ายกว่านั้นเปิดหน้า รวมเว็บบอร์ดโพสฟรีที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ขึ้นมาเวลาต้องการโพสต์ แล้วคลิกที่ลิงก์ได้เลย!

3. เวลาเปิดเว็ปให้เปิดที่เดียวหลายๆเว็บ (แนะนำให้เปิดทีละ 10 เว็บ) โดยอาจคลิ๊กขวาแล้วเลือก Open in new window หรือกดปุ่ม Shift ค้างไว้ แล้วเลือกเว็บที่จะเปิด มันจะเด้งขึ้นเป็นหน้าใหม่ทันที

4. การโพส ให้โพสข้อความเดียวกันในทุกเว็บ โดยใช้วิธี copy แล้ว วาง หรือจะใช้วิธีลาก cursor ให้คลุมเนื้อหาทีเดียวแล้วกด Ctrl+C เพื่อ Copy แล้วนำ Cursor ไปชี้บริเวณที่จะโพส แล้วกด Ctrl+V เพื่อวางข้อความ พอวางเสร็จก็ให้ไปที่อีกเว็บที่เปิดไว้ทันที แล้วกด Ctrl+V เพื่อวางข้อความอีก อย่างนี้ซ้ำไปเรื่อยๆจนครบ 10 เว็บแล้วค่อยตามกด Submit ทีละเว็บ พอมันขึ้นว่า “ได้ตั้งกระทู้เรียบร้อยแล้ว” ก็แสดงว่าเสร็จแล้ว สามารถปิดและเปิดเว็บอื่นมาโพสต่อได้ ถ้าทำอย่างนี้จะโพสได้ทีละ 10 เว็บตัวอย่าง ถ้าเรามีหัวข้อว่า “ธุรกิจออนไลน์” และข้อความว่า “xxxxxxxxxxxxx” ให้เราลาก Cursor ครอบคำว่า “ธุรกิจออนไลน์” แล้วกด Ctrl+C หลังจากนั้นให้ไป คลิ๊กในหน้าเว็ปบอร์ดตรงที่ให้พิมพ์หัวข้อ แล้วกด Ctrl+V มันจะโพสคำว่า “ธุรกิจออนไลน์” ในช่องหัวข้อ***Tip ให้เรากด Ctrl+V เพื่อโพสหัวข้อให้ครบทั้ง 10 เว็บก่อน แล้วค่อยลาก Cursor ครอบข้อความ “xxxxxxxxxxxxx” แล้วกด Ctrl+C และ กด Ctrl+V เพื่อโพส ให้โพสเป็นอย่างๆ โพสหัวข้อให้เสร็จก่อน แล้วค่อย โพส เนื้อหา ทำอย่างนี้ซ้ำ สมำเสมอ ท่านจะโพสได้ 80 เว็ปใน 1 ชั่วโมง!

เทคนิคการเขียนข้อความโฆษณาที่ดีครับ

เทคนิคการเขียนข้อความโฆษณาที่ดีครับ

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่สำคัญรู้เอาไว้หน่อยก็ดีนะครับ ถ้าใครอยากจะเขียนเอง จะได้นำเทคนิคไปช่วยแต่งข้อความโฆษณา

สิ่งสำคัญที่สุดของข้อความโฆษณาคืออะไรครับ....คือหัวข้อครับ
หัวข้อ หรือ topic หรือ titile เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นด่านแรกที่คนจำนวนเป็นแสนๆล้านๆคน จะได้เห็นเป็นอันดับแรกนะครับ ก่อนที่เค้าจะตัดสินใจคลิกเข้ามาอ่าน หากเราตั้งชื่อหัวข้อได้ไม่ดีพอ คนก็ไม่อยากจะคลิกให้เสียเวลาครับ ดังนั้น เทคนิคของการเขียนหัวข้อก็คือ

Copy the best ครับ เทคนิคนี้ เป็นเทคนิคที่ง่ายมาก เราไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เข้าไปโพสตามเวปบอร์ดตามปกติ แล้วเสียเวลา สังเกตุนิดนึงนะครับ ว่าหัวข้อไหน มีคนคลิกอ่านมากกว่ากัน จะมีสถิติการคลิกอ่านครับ หัวข้อไหน hot ที่สุด ก็นั่นแหละครับ Copy กันมาเลย เอามาใช้ได้เลยครับ *ก็อปอันที่เกี่ยวนะครับ ไม่ใช่ไปก็อปการลดน้ำหนักด้วยสมุนไพรมาใช้ =_= (ทายสิครับว่าเทคนิคนี้ซื้อมาเท่าไหร่ ....หึๆ)

Call to Action คือ ข้อความที่เชิญชวนให้คลิกครับ บางทีคนอ่านแล้วก็สนใจอยู่นะครับ แต่ไม่มีข้อความกระตุ้นให้คลิก ก็อ่านผ่านๆไปเฉยๆ ดังนั้น ก็ให้ใส่คำว่า คลิก, อ่านรายละเอียดที่นี่, ดูที่นี่, หรืออื่นๆ ที่คิดได้ครับ ลองคิดคำแปลกๆใหม่ๆดูก็ดีครับ ตัวอย่างที่ได้ผลมากครับ เป็นตัวอย่างที่เห็นบ่อยทีเดียว แต่ผลตอบลัพธ์ก็ยังดีเหมือนเดิม คือ เล่นเนตทั้งที หาเงินใช้ด้วยดีกว่า นี่ก็มี call to action ซ่อนอยู่นะครับ เทคนิคนี้ จะใช้ทั้งส่วน หัวข้อ และข้อความเลยครับ

และหัวข้อนั้น ควรจะสัมพันธ์กับเวปบอร์ดที่โพสครับ ข้อนี้สำคัญอย่างมาก ถึงแม้โฆษณาเราจะไม่ค่อยเกี่ยวกับบอร์ดพูดคุยเรื่องกีต้าร์ เราก็อาจจะบอกว่า หาเงินซื้อกีต้าร์ ด้วยการเล่นเนต ก็ได้ครับ หรือแบบอื่นๆ เท่าที่จะคิดได้ครับ อย่างน้อยก็พยายามอย่า spam เวปบอร์ดนะครับ เข้าไปโพสแล้วบอกว่านอกเรื่องนิดนึง แบบนี้ก็ยังดีครับ โพสเฉพาะเวปบอร์ดที่เค้าอนุญาตินะครับ

สำหรับข้อความโฆษณานั้น ที่จะเหมาะสมกับธุรกิจเรา ก็จะต้องใส่รายได้ที่จะได้รับเข้าไปครับ ยิ่งสั้นยิ่งดี ไม่เน้นเยอะครับ เช่น $105 ใน 7 วัน แบบนี้เป็นต้นครับ และควรแปลงค่าเงินบาทให้เค้าด้วยนะครับ คนเล่นเนตส่วนใหญ่ ไม่ค่อยชอบคิดครับ เราคิดให้เลยดีกว่าครับ

ข้อความที่ให้ไปไม่ควรหลอกลวงครับ เราก็เขียนตามจริง เขียนให้อ่านง่าย เข้าใจง่ายที่สุด เพราะธรรมชาติของคนเล่นเนตนั้น จะชอบอ่านผ่านๆ อ่านให้เร็วที่สุด เข้าใจเร็วที่สุด พยายามเลือกคำที่ผ่านตา แล้วเข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องคิดนะครับ

เวลาผมเขียนทีไร ก็ยาวทุกที =_= แต่นี่ก็สรุปเทคนิคที่ผมอ่านเป็นเล่มๆ มาให้สั้นๆเหลือแค่ไม่กี่พาราการ์ฟแล้วนะครับ ดังนั้น พึงสังวรไว้ครับ ว่าเทคนิคที่อ่านผ่านไปเมื่อ 3 นาทีเมื่อกี๊นั้น มูลค่าหลายร้อยเหรียญนะครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วครับ