วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

กำหนดการจัดงานอบรมและจัดประชุม ประจำเดือน กันยายน 2552


แผนล้ม ปูแดง แค่คิดก็แพ้แล้ว

ตลาดขายตรงสินค้าเกษตรเดือดพล่าน ค่ายเล็กงัดเกม"ไม้จิ้มฟัน"เปิดศึก"แค้นฝังหุ่น"พลิกแผนจ่ายผลตอบแทนสูง อ้างแผนตลาดเหนือชั้นกว่า แถมยังใช้ชื่อตระกูล"แดง"เหมือนกัน ดันสินค้าทั้ง"ดาวปูแดง-บัวแดง"ออกมา หวังตีท้ายครัว ตบกินสมาชิก โค่นล้มบัลลังก์"ปูแดง ไคโตซาน"เจ้าตำรับขายตรงสินค้าเกษตรขนานแท้


ด้าน"เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ลั่นไม่หวั่น ชี้"อมตะปูแดง"แข็งโป๊ก แถมหนักแน่นเหมือน"ไม้ซุง"งัดเท่าใดก็ไม่ระคายเคืองผิวหนัง พร้อมแนะทางคู่แข่ง เลิกโจมตี หากินกันแบบทางใครทางมันดีกว่ามั๊ง เกษตรกรตัดสินใจได้ของใครดี เข้มข้นทีเดียว สำหรับตลาดขายตรงสินค้าเกษตร หรือตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ปุ๋ยขายตรง"ที่มีหลากหลายบริษัทเครือข่ายขายตรง ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่กระโดดเข้ามาประลองยุทธ์ในสนามธุรกิจขายตรง

โดยมีเจ้าตลาดหลักเพียงบริษัทเดียว ที่เป็นแชมป์อมตะอยู่ ก็คือ บริษัท เบทส์ 59 จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม "ปูแดง ไคโตซาน"สินค้าเกษตรอันดับ 1 ของ"เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง" ประธานกรรมการ นั่งครองบัลลังก์อยู่ ด้วยยอดขายถล่มทลายต่อเดือนเฉลี่ยกว่า 200 ล้านบาท เมื่อเป็นแชมป์ ก็ต้องมีการท้าล้มแชมป์ ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ดูเหมือนว่า คู่ท้าชิงแชมป์แต่ละรายของ "ปูแดง ไคโตซาน" ยังเดินเกมห่างชั้นอยู่หลายขุมทีเดียว โดยเฉพาะบริษัทขายตรงสินค้าเกษตรหน้าใหม่ ที่เกิดขึ้นมาราว 2-3 บริษัท ทั้งที่ได้รับการจดทะเบียนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรง จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว และที่ยังต้องรอรับใบอนุญาตอยู่ ก็ยังต้องใช้เวลาไต่เต้าอันดับขึ้นมาชิงแชมป์อีกยาวไกล ทำให้ "ปูแดง ไคโตซาน"ของ "เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ยังคงลอยติดลมบน บินมาเหนือเมฆ ชนิดที่เรียกว่า ยากยิ่งที่คู่แข่งจะตามทัน

แม้ว่า คู่แข่งรายใหม่จะงัดสารพัดกลยุทธ์ อาทิ การใช้ชื่อหรือแบรนด์สินค้าขายตรงเกษตรคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น "ดาวปูแดง" หรือ "บัวแดง" พร้อมทั้งการชูแผนตลาด ที่อ้างว่า มีความโดดเด่นเหนือกว่า และมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เหนือกว่าแผนตลาดของ "ปูแดง ไคโตซาน" แถมยังมีการโจมตีเรื่องผลิตภัณฑ์ แต่นั้นก็เป็นเพียงกลยุทธ์ "ไม้จิ้มฟัน" หรือเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง และวิธีการขยับเท้า หวังงัด "ไม้ซุง" หรือต้องการล้มแชมป์ก็เท่านั้น

แต่ทว่า กลับไม่มีกำลังเพียงพอที่จะงัด "ไม้ซุง" หรือมีผลงานดีพอที่จะให้เกษตรกรไทยคล้อยตาม เพราะสินค้าเกษตร ถ้าคุณภาพไม่ดีจริงๆ ใช้แล้วไม่เห็นผลชัดเจน หลอกเกษตรกรได้เพียงครั้งเดียว!บางบริษัทคู่แข่งรายใหม่ ยังใช้วิธีการโจมตีสารพัด เหตุเพราะยังมีรอย "แค้นฝั่งหุ่น"ที่ดูเหมือนจะโกรธเคืองกันมายาวนาน หลังรับออเดอร์ผลิตสินค้า"ปูแดง ไคโตซาน"ให้กับบริษัท เบสท์ 59 จำกัดแล้ว กลับผลิตให้ไม่ทันกับความต้องการของผู้บริโภค เหตุเพราะ "ปูแดง ไคโตซาน"ขายดิบขายดีเกินกำลังการผลิต จน "เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ต้องยกเลิกการผลิต แล้วหันมาตั้งโรงงานผลิตเอง...ทำให้ผู้รับจ้างผลิตออกอาการไม่พอใจ ถึงขนาดตั้งบริษัทขายตรงขึ้นมา พร้อมเปิดฉากขนสินค้าขายตรงเกษตรแบรนด์ "แดง"เหมือนกันออกมาแข่งขันในตลาด ส่งผลให้ตลาดขายตรงสินค้าการเกษตรมีการแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านยิ่งนัก นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

แต่ทว่า ความเป็นแชมป์อย่าง "ปูแดง ไคโตซาน" ยังเหนือชั้นอยู่มาก เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 7 ปี มีวีรกรรมกับเกษตรกรไทยทั่วทั้งประเทศ เหตุเพราะผู้บริโภคให้ความนิยมอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ "ปูแดง"มียอดสมาชิกโทรศัพท์เข้ามาขอสมัครผ่านรายการทีวีต่อวันไม่ต่ำกว่า 300 สาย (ไม่รวมกับที่แม่ทีมและสมาชิกชักชวนอีกหลายร้อยคนต่อวัน) อีกทั้งยอดขายในแต่ละเดือนก็โหมเฉลี่ยกันไปกว่า 200 ล้านบาท เรียกว่า สนามขายตรงสินค้าเกษตร ชื่อชั้นของ"ปูแดง ไคโตซาน"แข็งดุจหินผา ปูแดง!เหนือเมฆ

นายธนพัทธ์ กิจใบ รองประธานกรรมการ บริษัท เบทส์ 59 จำกัด เปิดเผยถึงการแข่งขันในตลาดขายตรงสินค้าเกษตรว่า ปูแดงไม่เคยคิดว่า ในธุรกิจขายตรงไม่มีค่ายไหนเป็นคู่แข่งขัน และที่สำคัญนายสมปอง แซ่ตั้ง ประธานกรรมการบริษัท ก็ให้นโยบายชัดเจนที่ไม่ต้องการให้สมาชิกคนใด ใช้วิธีการตอบโต้คู่แข่งขันทางธุรกิจ ด้วยเพราะเชื่อมั่นว่า ธุรกิจปูแดงเดินทางมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปโจมตีคู่แข่งขันรายอื่นแล้ว โดยให้ถือว่า การแข่งขันทางธุรกิจขายตรง ก็เสมือนหนึ่งเป็นการทำมาหากิน แบบทางใครทางมัน "ธุรกิจขายตรง"ปูแดง"ณ วันนี้...หากจะบอกว่า "บินมาเหนือเมฆ"หรือเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างเหลือเชื่อ...เมื่อ"ใครได้ฟัง ใครได้ยินแล้ว"...ก็อาจจะถามว่า"โม้หรือเปล่า"...แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว...กลับเป็นอย่างนั้นจริงๆ"

หากจะถามว่า การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจขายตรง"ปูแดง"มีอะไรมาเป็นตัวชี้วัด นายธนพัทธ์กล่าวว่า ดูได้จากการที่บริษัทได้ย้ายเข้ามาอยู่สำนักงานแห่งใหม่ ย่านถนนแจ้งวัฒนะ ปากทางเข้าเมืองทองธานี ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า บรรดาผู้นำหรือแม่ทีม รวมทั้งมวลหมู่สมาชิก ก็ได้มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรปูแดง ในการทุ่มทุนสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ 4 ชั้น ในเนื้อที่รวมลานจอดรถแล้วกว่า 7 ไร่ ด้วยเงินสดกว่า 250 ล้านบาท จากความมั่นใจเต็มร้อยที่เคยมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม กลับยิ่งทำให้ผู้นำหรือแม่ทีม และบรรดาสมาชิกมีความมั่นใจในธุรกิจปูแดงเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนซื้อเครื่องจักร และสร้างโรงงานเป็นของตัวเอง ด้วยงบประมาณ ที่ได้จ่ายเป็นเงินสดอีกกว่า 200 ล้านบาท เพื่อการ
ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของปูแดงทุกชนิดทุกรายการให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานตามที่บริษัทต้องการ เพราะก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์บางชนิด บริษัทได้จ้างเขาผลิต ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้...แต่ ณ วันนี้บริษัทสามารถผลิต ควบคุมการผลิต และควบคุมคุณภาพได้เองทั้งหมด

ฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความมั่นคงอีกแล้ว...ณ วันนี้ สมาชิกมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ ทำให้อย่างไรให้เกษตรกรไทยรู้จักปูแดงให้มากที่สุด
หรือทำอย่างไรให้คนเข้ามาร่วมโครงการชุบชีวิตเกษตรกรไทยให้มากที่สุด เพราะหากพูดถึงการเติบโตแล้ว ธุรกิจขายตรง"ปูแดง"เติบโตเกิน 100% ทุกเดือน

โดยพิจารณาจากดัชนีชี้วัดหลายๆอย่างประกอบ อาทิ

1.การจัดประชุม หรือจัด OPP ที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ จากที่เคยจัด
รอบเดียว ช่วงบ่ายโมง ก่อนหน้านี้ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ของอาคาร ที่สามารถบรรจุสมาชิกได้ประมาณ 600-700 คน พบว่า สมาชิกแห่เข้ามาร่วม ประชุมกันล้นห้อง จนต้องขยายการจัดประชุมออกไปเป็น 2 รอบ โดยรอบเช้า 10.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 ของอาคาร บรรจุสมาชิกได้กว่า 1,200 คน ปรากฏว่า สมาชิกเข้าฟังล้น เก้าอี้ไม่พอ ต้องยืนฟัง พอรอบ 2 ตอนบ่าย 12.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สมาชิกไม่ได้ซ้ำหน้ากัน ก็เข้ามาประชุม ล้นอีก เรียกว่า ยืนแออัดยัดเหยียดเต็มบรรจุ 700 คน ซึ่งภาพบรรยากาศอย่างนี้ ปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว

2. การจัดประชุม หรือจัด OPP สัญจรไปตามต่างจังหวัด โดยบริษัทจะจัดเอง ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ โดยเวียนกันจัดประชุมไปตามภูมิภาค ตาม
จังหวัดต่างๆ เรียกว่า จัดประชุมครั้งใด สมาชิกแห่ทะลักล้นทุกครั้ง ไม่ว่า จะใช้ห้องประชุมโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด หรือใช้สถานที่ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด ก็ยังไหลทะลักเข้ามาล้น ชนิดที่เจ้าของสถานที่ต้องตกใจ ฉะนั้น "ปูแดง"ณ วันนี้ ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของคนที่จะเข้ามาประชุม เพราะไปจัดประชุม ณ สถานที่ใด คนก็แห่เข้ามามาก...แต่ปัญหา สำคัญ ณ วันนี้ คือ ปูแดงหาสถานที่จัดประชุมไม่ได้ หมายถึงห้องที่จะรองรับคนจำนวนมาก แทบจะหาไม่ได้เลย อย่างล่าสุดจัดประชุมที่อำเภอหาดใหญ่ โรงแรมใหญ่ไม่มี จำต้องไปใช้หอประชุมโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ซึ่งบรรจุได้ 1,200 คน แต่คนแห่กันเข้ามาล้นอีก เก้าอี้โรงเรียนหมด ต้องหามาเสริม ทั้งๆที่ฝนตก แต่คนก็ยังหลั่งไหลเข้ามา เรียกว่า ภาพบรรยากาศอย่างนี้มีเหมือนกันทุกครั้งที่จัดประชุม ไม่ว่า จะเป็นการจัดประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ หรืออุดรธานี...ล้น เต็ม เก้าอี้หมด ต้องนั่งกับพื้น เรียกว่า ทำขายตรงมากว่า 16 ปี ไม่เคยเห็น...ถึงได้บอกว่า "ปูแดง"เป็นสุดยอดธุรกิจขายตรง ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดจริงๆ

3. การทุ่มเทการผลิตรายการผ่านสื่อทีวี...ทุกวันนี้ มีคนดูทีวี ดูรายการที่ปูแดงผลิตแล้วออกอากาศค่อนข้างมาก วัดได้จากโทรศัพท์ที่
โทรเข้ามา มีไม่ต่ำกว่า 300 สายต่อวัน จนผู้นำและแม่ทีม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำธุรกิจปูแดง ทำงานง่ายๆ ทำธุรกิจง่ายๆ แบบง่ายไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว

4. ผลสำเร็จจากโครงสร้างแผนการตลาด พบว่า มีสมาชิกประสบความสำเร็จเยอะมาก...บางคนไม่มีประสบการณ์ แต่สามารถสร้าง
รายได้หลักแสนต่อเดือน ทั้งๆที่เพิ่งจะเข้ามาทำธุรกิจปูแดงได้แค่ 2 เดือน ส่วนที่มีรายได้แตะหลักหมื่นต่อเดือน ก็มีมากจนนับไม่ถ้วน...และหากจะวัดระดับความสำเร็จแล้ว พบว่า มีผู้ประสบความสำเร็จ ตามโครงสร้างแผนการตลาดเพียงอย่างเดียว โดยมีรายได้หลักล้านต่อเดือน ประมาณ 9 คน ผู้นำสูงสุดมีรายได้อยู่ที่กว่า 3.5 ล้านบาทต่อเดือน และหลักแสนต่อเดือนมีเกือบพันคน ส่วนหลักหมื่นต่อเดือนนั้น ไม่ต้องถามถึง เพราะมีจำนวนเยอะมากทั่วประเทศ "นั่นคือ ดัชนีชี้วัดว่า ทำไม!ธุรกิจขายตรงปูแดงถึงเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้จริงๆ" หัวใจ คือ บุคลากร

นายธนพัทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ความสำเร็จของการทำธุรกิจเครือข่าย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ คือ สินค้าต้องมีคุณภาพ แผนตลาดหรือแผนจ่ายผลตอบแทนที่เป็นธรรม มีการบริหารจัดการดี และผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ต้องเข้าใจจริง และรู้จริงในการดำเนินธุรกิจเครือข่าย โดยเฉพาะความเข้าใจในเรื่องของคน บริษัทจึงได้ให้ความสำคัญเรื่องของคนมาเป็นอันดับหนึ่ง

ด้วยเพราะการทำธุรกิจเครือข่าย หัวใจสำคัญ คือ การพัฒนาคน หมายถึง พัฒนาให้คนที่เข้ามาทำธุรกิจมีอาวุธติดตัว ที่เรียกว่า อาวุธทาง
ปัญญา เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจจากคนสู่คน หรือที่เรียกว่า P to P (People to People) และเมื่อเกิด P to P แล้ว ก็จะเกิด B to B หรือ Business to Business ตามมา หมายถึง ธุรกิจต่อธุรกิจ เรียกว่า การทำธุรกิจก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

ฉะนั้นนโยบายหลักสำคัญของบริษัท คือ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสร้างผู้นำระดับมืออาชีพให้ได้ถึง 10,000 คน สำหรับการพัฒนาบุคลากร หรือผู้นำธุรกิจนั้น นายธนพัทธ์ กล่าวว่า ได้แบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 4 หลักสูตร ประกอบด้วย

หลักสูตรขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นหลักสูตรการอบรมให้ความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด และการทำธุรกิจเครือข่ายแบบง่ายๆ โดยมุ่งเปลี่ยนแนวคิดสมาชิก จากที่เคยทำงานประจำ หรือเคยทำธุรกิจอื่นๆมาก่อน ให้มีความเข้าใจว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นอย่างไร สามารถสร้างเงินแสนเงินล้านได้อย่างไร โดยหลักสูตรพื้นฐาน บริษัทจะจัดอบรม 1 ครั้งต่อเดือน และแต่ละครั้งมีสมาชิกเข้าอบรมกว่า 1,000 คน

ส่วนหลักสูตรที่ 2 จะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เป็นการอบรมผู้นำ หรือพัฒนาคนกลุ่มแรก ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรพื้นฐานแล้ว โดยจะอบรมเดือนละ 2 ครั้ง 2 รุ่นๆละประมาณ 300-400 คน เน้นการให้ความรู้ การเก็บรวบรวมรายชื่อกลุ่มเป้าหมาย การคัดคนเข้ามาเป็นสมาชิก หรือเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย การลอกเลียนแบบผู้นำที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยหลักสูตรนี้ จะอบรม 2 วันต่อครั้งต่อเดือน

หลักสูตรที่3 ผู้เข้าอบรมจะต้องผ่านหลักสูตรที่ 2 มาก่อน เรียกว่า จะข้ามขั้นตอนการอบรมไม่ได้ โดยบริษัทจะบันทึกและลงทะเบียนทำประวัติสมาชิกไว้ทั้งหมด ส่วนการอบรมจะเน้นในเรื่องของการพูดในที่ชุมชน การพัฒนาบุคลิกภาพ การยืน การเดิน การถือไมค์ เรียกว่า ทำอย่างไรให้ผู้นำสามารถนำเสนอธุรกิจบนเวทีได้

ส่วนหลักสูตรสุดท้าย เรียกว่า การพัฒนาผู้นำไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักพูด หมายถึง ต้องโมติเวทได้ ต้องโน้มน้าวจิตใจคนได้ หรือพูดอย่างไรให้คนคล้อยตามได้ พูดอย่างไรให้คนเชื่อได้ ซึ่งหลักสูตรนี้ จะอัดความรู้ใหม่ๆเข้ามาเยอะมาก และจะจัดอบรมรุ่นละไม่เกิน 30 คนเท่านั้น "หัวใจธุรกิจ คือ การพัฒนาบุคลากร เพราะหากไม่พัฒนาคน ก็จะไม่มีผู้ทำธุรกิจแบบมืออาชีพ การทำธุรกิจก็จะไม่เกิด ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถต่อยอดการทำเครือข่ายให้กว้างไกลได้ หลังจบหลักสูตรที่ 4 แล้ว ปูแดงจะมีผู้นำที่มีความสามารถครบเครื่องเพิ่มขึ้นอีกรุ่นละ 30 คน เท่านี้ก็ถือว่า คุ้มค่าแล้ว"

คุมเกมภาคสนามเฉียบ นอกเหนือจากการอบรมบุคลากรแล้ว การควบคุมเกมในภาคสนาม ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญรองลงมา เพื่อการสนับสนุนให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่า บริษัทจะไม่มีผู้นำกระจายอยู่ครบทุกจังหวัด ทุกอำเภอก็ตาม แต่การทำงาน ก็จะใช้ในลักษณะของการควบคุมโซน โดยการสร้างคณะทำงานขึ้นมาดูแล 4-5 คน ทำหน้าที่สร้างเครือข่าย สร้างองค์กร ในแต่ละโซน ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก เพื่อการช่วยเหลือในการทำธุรกิจของสมาชิก เช่น โซนจังหวัดขอนแก่น ก็จะรวมจังหวัดในละแวกใกล้เคียง อาทิ มหาสารคาม กาฬสิน ร้อยเอ็ด เข้ามาอยู่ในโซนเดียวกันด้วย

โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนการจัดประชุม การจัดอบรม และการจัดกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่สมาชิก ซึ่งจะให้การสนับสนุนเหมือนกันทุก
โซน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นว่า ปูแดงใส่ใจดูแลสมาชิกเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน "นั่นคือ ความเป็นจริงที่ปูแดง ถามว่า ณ วันนี้ เราต้องหวั่นไหวกับการแข่งขันหรือไม่ เราตอบได้เลยว่า เรามองไกลไปกว่านั้น ด้วยเพราะคู่แข่งขันที่แท้จริง ไม่ใช่แข่งขันในตลาดขายตรง แต่กลับเป็นการแข่งขันกับสินค้าเกษตรในธุรกิจค้าปลีกต่างหาก"

รางวัลการันตี ปูแดง นายธนพัทธ์ กล่าวอีกว่า จากความโดดเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ "ปูแดง ไคโตซาน"ที่สามารถตอบโจทย์เกษตรกรไทยได้จริง หลังเกษตรกรใช้ "ปูแดง ไคโตซาน"แล้ว สามารถเพิ่มผลผลิต และมีรายได้เพิ่ม ปลดหนี้สินได้จริง ทำให้กลุ่มเกษตรกรได้ให้การยอมรับกับผลิตภัณฑ์ขายตรงเกษตร"ปูแดง ไคโตซาน"มานานร่วม 7 ปีแล้ว ทำให้ "ปูแดง ไคโตซาน" โดยบริษัท เบทส์ 59 จำกัด ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทขายตรงดีเด่น ประจำปี 2552 ประเภท "ชุบชีวิตเกษตรกรไทย ด้วยเกษตรอินทรีย์ขนานแท้" จากสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมกับการรับโล่เกียรติยศจาก ฯพณฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา

"ปูแดงดำเนินธุรกิจขายตรงมา 7 ปี มีสินค้าขายตรงเกษตร "ปูแดง ไคโตซาน"ทำตลาด หากไม่ดีจริง ไม่มีคุณภาพจริง เราคงไม่ประสบ
ความสำเร็จ แต่ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง"นายธนพัทธ์กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา (หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 253 ประจำวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2552)