วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก The Magic of Thinking BIG !

คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก The Magic of Thinking BIG !

บทที่ 1 กลวิธีจะสร้างพลังความเชื่อ
1. คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว
2. เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด
3. คิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย

สรุปอย่างสั้นๆ วิธีการรักษาข้ออ้างในเรื่องอายุก็คือ
มองอายุปัจจุบันของคุณในแง่บวก คิดว่า คุณยังหนุ่ม ไม่ใช่ คุณแก่แล้ว คิดในสิ่งใหม่ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น และความรู้สึกของความเป็นหนุ่ม
คำนวนเวลาที่คุณยังสามารทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง อย่าลืมว่าคนอายุ 30 ปี ยังสามารถใช้เวลาที่จะทำงานอีกถึง 80 เปอร์เซ็นต์และคนอายุ 50 ปียังคงเหลือเวลาทำงานอีกถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่ดีที่สุดในชีวิตของ ชีวิของเขา
ใช้เวลาในอนาคตทำในสิ่งที่คุณต้องการทำจริง ๆจะเป็นการสายเกินแก้ถ้าคุณปล่อยให้จิตใจของคุณเป็นไปในทางลบและคิดว่ามัน สายเกินไปเสียแล้ว เลิกคิดว่า เราจะเริ่มมานานแล้ว เพราะนั่นเป็นความคิดล้มเหลว

บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ โรคแห่งความล้มเหลว
หลัก 2 ประการเอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค
1. ยอมรับกฎของสาเหตุและเหตุผล พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็น โชคดี ของคนอื่นคุณจะพบว่าไม่ใช่เรื่องของดวงแต่เป็นเรื่องของการเตรียมการการวาง แผนและความคิดมุ่งสู่ความสำเร็จชึ่งที่เป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภพิจารณาอีก ครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้ายของคนบางคน
2. อย่าเป็นคนอื่นเพ้อฟัน อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอาชนะหรือประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องทำ อะไรเลยคุณไม่สามารถทำผลสำเร็จได้ ก้าวหน้าในตำแหน่งงานหรือเพื่อให้ประสบชัยชนะหรือให้ได้สิ่งดีๆในชีวิตตรง กันข้ามหนัก การพัฒนาคุณสมบัติต่างๆในตัวเองที่จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ
บทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว

สรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่นและทำความหวาดกลัวในตัวเอง
1. การปฏิบัติเพื่อรักษาความกลัวแยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำในสิ่งที่เหมาะ สมการไม่ทำอะไรในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับการเสริมความแข็งแก่งให้กับความ กลัวและทำลายความมั่นใจ
2. พยายามให้เติมกำลังที่จะใส่เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำอย่าให้ความคิดเป็นลบ และติเตียนตัวเองเติบโตเป็นอสูรกายทางจิตใจปฏิเสธฟื้นความหลังที่ขื่น ทุกประการ
3. จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสมจำไว้ว่า คนเรามีความเหมือนกันกว่าที่จะแตกต่างกัน มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกันเราก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่งและสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้ อื่นคนจำนวนมากจะเห่าแต่มีน้อยคนที่กัด
4. ฝึกทำในสิ่งที่จิตสำนึกของคุณที่ถูกต้องสิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้นทำ สิ่งที่ถูกต้องเป็นสูตรแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติมาก
5. ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า "ผมมั่นใจ มั่นใจจริงๆ"

ฝึกเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ในกิจวัตรประจำวันของคุณ
• เป็นคนนั่งแถวหน้า
• สบตา
• เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
• พูด
• ยิ้มเปิดเผย


บทที่ 4 จำไว้ว่าคิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง

1. อย่ามีปมด้อย เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตัวเอง คุณดีกว่าที่คุณคิด
2. ใช้คำของคนที่คิดใหญ่ ใช้คำที่ใหญ่ สดใส และรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้สัญญาว่าจะชนะ ใหความหวังความสุข ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงคำที่สร้างไว้
3. มองอนาคตให้ไกลขึ้น ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่นและตัวคุณเอง 4. มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคราวหน้า ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ
5. อย่าคิดเรื่องจุกจิก เอาใจใส่ต่อวัตถุประสงค์หลัก ก่อนที่จะเข้าไป วุ่นวายกับเรื่องจุกจิกทั้งหลาย ถามตัวเองว่า " มันสำคัญอะไรนักหรือ " เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่

บทที่ 5 เชื่อว่าทำได้ คุณจะทำได้
1. เชื่อว่าเราทำได้ เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไปได้ จิตใจของคุณ จะหาหนทางที่จะทำมัน เชื่อว่ามีทางเปิดทางไปสู่คำตอบ ลบคำว่า "เป็นไปไม่ได้" " ใช้ไม่ได้" " ทำไม่ได้" ไม่มีประโยชน์ที่จะลอง" ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ
2. อย่าให้ความคิดดั้งเดิม ทำให้จิตใจคุณเป็นอัมพาต ยอมรับความคิดใหม่ๆ ทดลองและลองแนวทางใหม่ เป็นคนหัวก้าวหน้าในทุกสิ่งที่คุณทำ
3. ถามตัวเองทุกวันว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร" ไม่มีข้อจำกัด ในการปรับปรุงตัวเองเมื่อคุณถามตัวเองว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร? คำตอบ จะปรากฏขึ้น ลองแล้วคอยดู
4. ถามตัวเองว่า "เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร ? " ความสามารถในการทำงานเป็นสภาวะของจิตใจ การถามตัวเองด้วยคำถามนี้จะส่งสัญญาณให้จิตใจคุณทำงาน หาวิธีที่จะตัดทอนงานที่ไม่จำเป็นต่างๆ องค์ประกอบร่วมของความสำเร็จในธุรกิจก็คือ ทำสิ่งที่คุณทำได้ดีขึ้น (ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์) และทำในสิ่งที่คุณทำให้มากขึ้น (เพิ่มปริมาณของผลผลิต)
5. ฝึกถามและฟัง ถามและฟังแล้วคุณจะได้วัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจที่ถูกต้อง จำไว้ว่าคนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด
6. เปิดใจของคุณ ให้จิตใจของคุณได้รับการกระตุ้น สังสรรค์กับคนที่จะช่วยให้คุณคิดถึงความคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ คลุกคลีกับคนที่อยู่ในอาชีพอื่น

บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คุณคิดว่าคุณเป็น
ข้อแนะนำที่ทำให้คนอื่นทำงานให้คุณมากขึ้น
1. แสดงทัศนคติทางด้านบวกเสมอเกี่ยวกับงานของคุณ เพื่อว่าลูกน้องจะได้รับความคิดที่ถูกต้อง
2. ในแต่ละวันขณะที่คุณทำงาน ถามตัวคุณเองว่า " ฉันมีค่าในทุกด้านที่สมควรแก่การเลียนแบบหรือไม่ ? นิสัยบางอย่างของคุณเป็นนิสัยของลูกน้องหรือไม่?

หล่อหลอมคำถามที่ว่า " นี่เป็นวิธีที่คนสำคัญใช้ใช่หรือไม่" ลงในจิตใจของคุณ ใช้คำถามทำให้ตัวคุณใหญ่ขึ้น และประสบผลสำเร็จสูงขึ้น กล่าวโดยย่อ จำไว้ว่า
ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดสำคัญ การปรากฏกายของคุณพูดกับคุณ ให้แน่ใจว่ามันช่วยยกระดับขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่น ในตนเองของคุณ การปรากฏกายของคุณพูดกับคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นให้แน่ใจว่ามันพูดว่า "นี่คือคนสำคัญ ฉลาด มั่งคั่ง และไว้ใจได้"
คิดว่างานของคุณสำคัญ คิดแบบนี้แล้วคุณจะได้รับสัญญาจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของคุณให้ดีขึ้น คิดว่างานของคุณสำคัญแล้วลูกน้องของคุณจะคิดว่างานของเขามีความสำคัญเช่นกัน
พูดอย่างห้าวหาญกับตัวเองวันละหลายๆ ครั้ง สร้างโฆษณา " ขายตัวเองให้กับตัวคุณเอง " พูดย้ำกับตัวเองในทุกโอกาสว่า คุณเป็นคนชั้นหนึ่ง
ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า " นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญคิดใช่หรือไม่" แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น

บทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณเอาชั้นหนึ่ง
วิธีทดสอบว่า ตัวเองเป็นคนชอบนินทาหรือ ไม่

1. ผมชอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับคนอื่นหรือไม่
2. ผมมีเรื่องดีๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับคนอื่นเสมอ
3. ผมชอบฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวหรือไม่
4. ผมตัดสินคนอื่นเฉพาะบนพื้นฐานของความเป็นจริงใช่ใหม
5. ผมชอบสนับสนุนคนอื่นให้เล่าข่าวลือให้ผมฟัง
6. ผมชอบเริ่มคำสนทนาด้วยคำว่า "อย่าบอกใคร" หรือไม่
7. ผมเก็บเรื่องลับเป็นความลับหรือไม่
8. ผมรู้สึกผิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดถึงคนอื่นหรือไม่


สรุปการทำให้สภาพแวดล้อมของคุณ นำคุณไปสู่ความสำเร็จ
เป็นคนระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับการที่อาหารสร้างร่างกาย อาหารใจ สร้างจิตใจ
ใช้สภาพแวดล้อมของคุณทำให้คุณ ไม่ใช่ต่อต้านคุณอย่าให้พลังด้านที่มาจากคนที่มี ความคิดลบ คนที่ชอบคิดแต่ว่าทำไม่ได้ มาทำให้คุณไขว้เขว และคิดอย่างพ่ายแพ้
อย่าให้คุณคิดเล็กดึงคุณไว้ คนขี้อิจฉาต้องการเห็นคุณล้ม อย่าให้เขาสมหวัง
ขอคำแนะนำจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จ อนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเสี่ยงกับที่ปรึกษาอิสระที่มีชีวิตที่ล้มเหลว
รับแสงแดดของจิตใจให้มาก สังคมกับคนกลุ่มใหม่ๆ ค้นหาและทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
โยนยาพิษของความคิดออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ หลีกเลี่ยงการนินทา คุยเกี่ยวกับเรื่องงานแต่พูดเฉพาะในด้านที่เป็นบวก
เอาชั้นหนึ่งในทุกสิ่งที่คุณทำ คุณไม่มีปัญญาเอาชั้นอื่นแพงเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพของมัน

บทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
วิธีการปลูกฝังทัศนคติ ๓ ประการให้เกิดกับคุณ
1. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า ผมกระตือรือร้น
2. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ
3. ปลูกฝังทัศนคติ บริการเป็นอันดับหนึ่ง


สรุปวิธีปลูกฝังทัศนคติที่จะนำให้คุณไปสู่ความสำเร็จ
1. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า "ฉันกระตือรือร้น" ผลตอบแทนมาเป็นสัดส่วนกับความ กระตือรือร้นที่ลงทุนลงไปมีสิ่ง ๓ สิ่งที่จะช่วยทำให้คุณกระตือรือร้นดังนี้
o ศึกษาให้ลึกซึ้ง เมื่อคุณพบว่าคุณไม่ได้สนใจในบางสิ่งบางอย่างค้นคว้าและเรียนรู้มากขึ้น เกี่ยวกับมัน สิ่งนี้จะสร้างความกระตือรือร้นขึ้นมาได้
o เพิ่มชีวิตชีวา ในทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ การยิ้มของคุณ การจับมือการพูด แม้แต่การเดิน ทำให้มีชีวิตชีวา
o การประกาศข่าวดี ไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จในทางที่เป็นบวกโดยการประกาศข่าวร้าย
2. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ และทุกคนจะทำให้คุณมากกว่าเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกสำคัญ อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
o ในทุกโอกาสแสดงความสำนึกในบุญคุณเท่าที่ทำได้ และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
o เรียกคนอื่นโดยเรียกชื่อของเขา
3. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า บริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และดูเงินที่จะตามมาเอง ตั้งเป็นกฏว่าคุณจะทำให้คนอื่นมากกว่าที่เขาคาดว่าจะได้รับ

บทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
กฎ 10 ข้อ ทำให้คนชอบคุณ
1. เรียนรู้ที่จะจำชื่อคน การขาดประสิทธิภาพที่จุดนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า ความสนใจของคุณยังไม่ได้เปิดออกไปเพียงพอ
2. เป็นคนที่เป็นกันเอง เพื่อว่าคนที่พบคุณจะได้ไม่เกิดความเครียด
3. ทำตัวให้เป็นคนง่ายๆ เพื่อสิ่งต่างๆ จะไม่ทำให้คุณหัวเสีย
4. อย่าอวดดี ระวังการแสดงออกที่จะสร้างความรู้สึกว่า คุณรู้ทุกอย่าง
5. ทำตัวให้น่าสนใจ เพื่อที่ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคุณจะได้บางสิ่งบางอย่างที่มีประโยชน์
6. พยายามที่จะตัดส่วนความ " หลุกหลิก" ของบุคลิกภาพของคุณออกไป แม้แต่ส่วนที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว
7. พยายามที่จะไกล่เกลี่ยความไม่เข้าใจทุกอย่างที่คุณเคยมี หรือที่กำลังมีอยู่อย่างจริงใจ บนพื้นฐานของศาสนา ลืมความขมขื่นให้หมด
8. ฝึกชอบคน จนกระทั่งคุณทำได้จริงๆ
9. อย่าพลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น หรือแสดงความเห็นใจในความโศกเศร้าหรือผิดหวัง
10. ให้ขวัญและกำลังใจแก่คน และเขาจะมีความรักต่อคุณอย่างแท้จริง

6 วิธีการที่จะได้เพื่อน
1. แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะในงานปาร์ตี้ การพบปะสร้างสรรค์ บนเครื่องบิน ในงาน และทุกๆ แห่ง
2. ให้แน่ใจว่าคนอื่นจำชื่อของคุณได้เป็นพิเศษ
3. ให้แน่ใจว่าคุณเรียกชื่อคนอื่นถูกต้องตามที่เขาออกเสียง
4. เขียนชื่อคนอื่น และให้แน่ใจค่อนข้างมากว่าคุณสะกดชื่อของเขาถูกต้อง ถ้าเป็นไปได้ขอที่อยู่และเบอร์โทศัพท์ด้วย
5. ส่งจดหมายส่วนตัวหรือโทรศัพท์ถึงเพื่อนใหม่ที่คุณรู้สึกต้องการที่จะรู้จักให้ดีขึ้น นี่เป็นประเด็นสำคัญ ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่สร้างสัมพันธ์ต่อเนื่องกับเพื่อนใหม่โดยจดหมาย หรือโทรศัพท์
6. และสุดท้าย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด พูดสิ่งที่รื่นรมย์กับคนแปลกหน้า มันทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นและทำให้คุณพร้อมสำหรับภารกิจข้างหน้า

สรุปการปฏิบัติสำหรับการคิดอย่างถูกต้องต่อคนอื่น
ทำให้ตัวเองเบาลงในการที่จะยก ฝึกเป็นคนที่น่านิยมชมชอบ ฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาสนับสนุนคุณ และเติมเชื้อเพลิงให้กับโปรแกรมสร้างความสำเร็จของคุณ
เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างความเป็นเพื่อน แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้ ให้แน่ใจว่าคุณได้ชื่อที่ถูกต้องของคนอื่น และให้แน่ใจเท่าๆ กันว่า เขาได้ชื่อคุณเช่นเดียวกัน ส่งจดหมายส่วนตัวถึงเพื่อนใหม่ของคุณ ถ้าคุณอยากรู้จักเขาเขาดีขึ้น
ยอมรับความแตกต่างและข้อจำกัดในมนุษย์ อย่าคาดหวังความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด อย่าลืมว่าคนอื่นมีสิทธิที่จะแตกต่าง และอย่าเป็นคนชอบแย้ง
เปิดช่องบวก สถานีจิตใจที่ดี ค้นหาคุณสมบัติที่จะชื่นชอบและยกย่องคนอื่น ไม่ใช่ค้นหาแต่สิ่งที่จะทำให้เกลียด และอย่าให้คนอื่นทำให้ความคิดของคุณลำเอียงกับบุคคลที่สาม คิดสิ่งที่เป็นบวกต่อคนอื่น แล้วคุณจะได้ผลที่เป็นบวก
ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการสนทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ สนับสนุนให้คนอื่นพูด ให้คนอื่นพูดกับคุณเกี่ยวกับตัวเขา ความเห็นของเขา และความสำเร็จของเขา
ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อตลอดเวลา มันทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้น และมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย
อย่าโทษคนอื่นเมื่อคุณพ่ายแพ้ จำไว้ว่าวิธีการที่คุณคิด เมื่อคุณประสบความพ่ายแพ้จะเป็นตัวกำหนดว่าอีกนานเท่าไรคุณถึงจะชนะ

บทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ
1. เป็นคนกระตือรือร้น เป็นคนทำงาน เป็นนักทำ อย่าเอามือซุกหีบ
2. อย่ารอจนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆ สมบูรณ์แบบ มันไม่มีเกิดขึ้นเผชิญหน้ากับความยุ่งยาก และอุปสรรคในอนาคต และแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้น
3. จำไว้ว่า ลำพังความคิดเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดความสำเร็จ แต่ความคิดจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับการปฏิบัติ
4. ใช้การลงมือปฏิบัติช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ ทำในสิ่งที่กลัวแล้วความกลัวจะหายไป ลองทำแล้วคอยดู
5. ติดเครื่องความคิดของคุณด้วยมือ อย่ารอให้จิตใจผลักดันคุณให้ทำแต่ลงมือทำไปก่อน แล้วคุณจะผลักดันจิตใจให้คิด
6. คิดในเกณฑ์ของคำว่า เดี๋ยวนี้ คำว่าพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า วันหลัง หรือ คำอื่นๆ ที่คล้ายกันนั้น มักเป็นคำที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแห่งความล้มเหลวนั่นคือไม่มีวัน จงเป็นคนประเภท " ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้"
7. นั่งลงและทำงาน อย่าเสียเวลาเตรียมตัวที่จะทำ เอาเวลานั้นมาทำงานดีกว่า
8. เป็นผู้ริเริ่ม เป็นนักรณรงค์ หยิบลูกบอล และออกวิ่ง เป็นอาสาสมัคร แสดงให้เห็นว่า คุณมีความสามารถและมีความทะเยอทะยาน ที่จะทำ

บทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
สรุปวิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ

1. ศึกษาความพ่ายแพ้เพื่อที่จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ เมื่อคุณแพ้ ควรเรียนรู้และเอาชนะในครั้งต่อไป
2. มีความกล้าหาญที่จะวิจารณ์ตัวเอง ค้นให้พบความผิดพลาดและจุดอ่อนของตัวเอง และทำการแก้ไข สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
3. หยุดโทษโชคชะตา ตรวจสอบการพ่ายแพ้แต่ละครั้ง ค้นหาว่าอะไรผิดพลาด จำไว้ว่าการโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้
4. ผสมผสานความมุมานะกับการทดลอง ยึดติดกับเป้าหมาย แต่อย่าเอาหัวชนฝา ทดลองวิธีการใหม่ๆ
5. จำไว้ว่า มีด้านที่ดีอยู่ในทุกสถานการณ์ ค้นหาดู มองด้านที่ดี และ หันหลังให้กับความท้อแท้หมดหวัง

บทที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต
สรุปเป้าหมายการสร้างความสำเร็จ
1. กำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปทางไหน สร้างภาพพจน์ของตัวคุณเอง ๑๐ ปีนับจากนี้
2. เขียนแผน ๑๐ ปีของคุณ ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้เป็นไปตามดวง เขียนลงในกระดาษในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในงานของคุณ ครอบครัว และชีวิตในสังคม
3. ยอมจำนนต่อความปรารถนาของคุณ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้รับพลังงาน ตั้งเป้าหมายเพื่อให้สิ่งต่างๆ ได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จ ตั้งเป้าหมายและพบความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต
4. ปล่อยให้เป้าหมายหลักของคุณเป็นตัวชี้นำชีวิตอัตโนมัติของคุณ เมื่อ คุณปล่อยให้เป้าหมายครอบจิตใจของคุณ คุณจะพบว่าคุณตัดสินใจอย่างถูกต้อง ที่จะบรรลุสู่เป้าหมายนั้นเสมอ
5. ทำงานสู่เป้าหมายทีละขั้น ถือว่าแต่ละก้าวที่คุณทำเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมาย ไม่ว่าก้าวนั้นจะดูเหมือนก้าวเล็กแค่ไหนก็ตาม
6. สร้างเป้าหมาย ๓๐ วัน ความพยายามในแต่ละวัน ในที่สุด จะให้ผลที่ต้องการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
7. เดินอ้อมในการก้าวย่างของคุณ ทางอ้อมมีความหมายเป็นเพียงอีกทางหนึ่ง มันไม่ควรจะหมายถึงการยอมจำนนในเป้าหมายของคุณ
8. ลงทุนในตัวเอง ซื้อสิ่งที่สร้างพลังทางจิตใจและประสิทธิภาพ ลงทุนในการศึกษา ลงทุนในสิ่งที่สร้างความคิด

บทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
หลักการหรือกฏแห่งการเป็นผู้นำ ๔ ประการ

1. แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการจะมีอำนาจชักจูงใจเขา
2. คิดว่า อะไรคือ วิธีการการจัดการกับปัญหาอย่างมีความเป็นมนุษย์
3. คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้าและผลักดันเพื่อความก้าวหน้า
4. หาเวลานอกเพื่อที่จะปรึกษากับตัวเอง


อุทาหรณ์ - ประจำตัว
- โลกนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้าคนทุกคนในโลก เหมือนกับผม

สรุปการคิดที่จะเป็นผู้นำ
1. แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการ มีอำนาจชักจูงจิตใจ มันเป็นการง่ายที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ ถ้าคุณจะมองสิ่งต่างๆ จากสายตาของเขา ถามตัวเองด้วยคำถามนี้ก่อนที่คุณจะลงมือทำ "ผมจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าผมเป็นเขา และเขาเป็นผม "
2. ประยุกต์ใช้กฏ " ความเป็นมนุษย์" ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นถามว่า " อะไรคือ วิธีที่มีความเป็นมนุษย์ในการจัดการกับปัญหานี้ ?" ในทุกๆ สิ่งที่คุณทำ แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ปฏิบัติต่อคนในแบบที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติ คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว
3. คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้า และผลักดันเพื่อความก้าวหน้า คิดปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ คิดมาตรฐานสูงในทุกสิ่งที่คุณทำ ในระยะเวลาหนึ่งลูกน้องมีแนวโน้มที่จะเป็นรูปสำเนาของหัวหน้าของเขา ให้แน่ใจว่ารูปต้นแบบมีค่าควรแก่การทำสำเนา ตั้งเป็นนโยบายส่วนตัวต่อไปนี้ "ที่บ้าน ที่ทำงาน ในสังคม ถ้ามันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ผมเห็นด้วย "
4. หาเวลานอกพูดคุยกับตนเอง และดึงพลังความคิดชั้นสุดยอดของคุณออกมาใช้ การตั้งใจอยู่โดดเดี่ยว ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ใช้มันในการปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ใช้มันในการค้นหาคำตอบให้แก่ปัญหาส่วนตัวและธุรกิจ ดังนั้นใช้เวลาบางส่วนสำหรับอยู่ตัวคนเดียว ทุกวันเพียงเพื่อที่จะคิด ใช้เทคนิคการคิดที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายใช้ นั่น คือ พูดคุยกับตัวเอง

บทที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
1. คุณชนะถ้าคุณปฏิเสธที่จะสู้กับคนคิดเล็กคิดน้อย การต่อสู้กับคนเล็กจะลดขนาดของคุณให้เท่ากับขนาดของเขา เพราะฉะนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ไว้
2. คาดไว้ได้เลยว่าคุณจะต้องถูกแทงข้างหลัง นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าคุณกำลังโต
3. เตือนตัวเองว่าคนลอบกัดมีความเจ็บป่วยทางจิตใจ จงเป็นคนใหญ่และให้ความสงสารแก่พวกเขา คิดให้ใหญ่พอที่จะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกคิดเล็กคิดน้อย

เมื่อความรู้สึกที่ว่า " ผมไม่มีสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ" คืบคลานเข้ามาหาคุณ จงคิดใหญ่ จำไว้ว่าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอ คุณก็จะอ่อนแอ ถ้าคิดว่าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอ คุณก็ไม่มี ถ้าคิดว่าคุณเป็นคนชั้นสอง คุณก็เป็น โจมตีแนวโน้มทางธรรมชาติของคนที่จะรู้สึกตนเองว่าต่ำต้อย ด้วยเครื่องต่อไปนี้
1. ทำให้ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดในสิ่งที่สำคัญ รูปร่างหน้าตาและการปกรากฏภายนอกของคุณมีส่วนเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายใน ของคุณเป็นอย่างมาก
2. มุ่งเน้นในคุณสมบัติของคุณ สร้างวิธีการขายตัวเองให้กับตัวเองแล้วใช้มัน เรียนรู้ที่จะชาร์จพลังตัวคุณเอง รู้จักด้านบวกของตัวเอง
3. วางคนอื่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คนอื่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นกลัวเขาทำไม
คิดให้ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะเห็นว่าคุณดีแค่ไหนจริงๆ

เมื่อการทะเลาะเบาะแว้งดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ จงคิดใหญ่พยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ที่คุณต้องการจะไป
1. ถามตัวเองว่า "จริงๆ แล้ว สิ่งนี้สำคัญแค่ไหนที่จะต้องถกเถียงกัน
2. เตือนตัวเองว่า คุณไม่ได้อะไรเลยจากการทุ่มเถียง แต่คุณจะเสียอะไรบางสิ่งบางอย่างเสมอ
คิดให้ใหญ่เพียงพอที่จะเห็นว่าการทะเลาะ การทุ่มเถียง และความพยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ๆ คุณต้องการจะไป

เมื่อคุณรู้สึกพ่ายแพ้ จงคิดใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงโดยปราศจากความยาก ลำบากและความผิดพลาด แต่มันเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกทำให้พ่ายแพ้ นักคิดใหญ่มีปฏิกิริยา ต่อความผิดพลาดโดยวิธีนี้
1. ถือว่า ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จากมัน วิเคราะห์ดูความผิดพลาดและใช้มันในการส่งคุณให้ก้าวหน้าไปข้างหน้า กอบกู้ที่เหลืออยู่จากความผิดพลาดทุกครั้ง
2. ผสมผสานความมุ่นมั่นกับการทดลอง ถอยหลังและเริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ
คิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าความพ่ายแพ้สภาวะของจิตใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

คิดใหญ่เกี่ยวกับความรัก
1. มุ่งเน้นในคุณสมบัติสำคัญที่สุดกับคนที่คุณต้องการให้รักคุณ เก็บสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ไว้ในที่ของมัน ที่ชั้นสอง
2. ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับคู่ของคุณ และทำบ่อยๆ คิดให้ใหญ่พอที่จะพบความสุขของชีวิตแต่งงาน

คิดใหญ่เมื่อความก้าวหน้าของงานช้าลง
1. คิดว่า " ผมสามารถทำให้ดีขึ้น"
2. การบริหารอยู่เหนือสิ่งอื่นใด

ลิเลียส ไซรัส ได้กล่าวไว้ว่า - คนฉลาดจะเป็นนายของจิตใจ คนโง่จะเป็นทาส
ที่มา :จากหนังสือ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก

แนะนำโครงการสร้างรายได้จากนิตยสารมืออาชีพ

แนะนำโครงการสร้างรายได้จากนิตยสารมืออาชีพ

สาส์นจากท่านประธานปูแดง

สาส์นจากท่านประธานปูแดง



ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน

ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน คลิกที่นี่

แก่นแท้ MLM

แก่นแท้ MLM

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของดีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นมืออาชีพในธุรกิจเครือข่าย ไม่ต้องคุยกันมากเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะเรื่องราวมากมายครับ คุณลักษณะ 9 ประการของนักการตลาดเครือข่าย ซึ่งคุณอาจจะได้ปฏิบัติมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำ และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเป็นตัวอย่างสำหรับการเอาอย่างของดาวน์ไลน์ คุณควรที่จะปฏิบัติได้ทั้งหมด

>> แก่นที่ 1 ใช้สินค้าทั้งหมด

คุณจะต้องใช้แต่สินค้าของบริษัทของคุณเท่านั้น และจะต้องไม่ซื้อสินค้าของคู่แข่งมาใช้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะการที่ไปซื้อสินค้าอื่นเป็นการไปเพิ่มยอดขายให้ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็ลดยอดขายของบริษัทของคุณ ดังนั้น การจะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องใช้สินค้าทั้งหมดของบริษัทเท่าที่คุณจะสามารถใช้ได้ และจะต้องรู้ถึงคุณสมบัติสินค้า รวมทั้งจะต้อง มีความกระตือรือร้นในการที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพของคุณเอง

>> แก่นที่ 2 พัฒนากลุ่มผู้บริโภค

ของคุณขับเคลื่อนได้ด้วยยอดขายจากการใช้สินค้าของผู้บริโภคสินค้าของคุณ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากผู้แทนจำหน่ายที่ซื้อสินค้าจากรหัสของตัวเอง แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สินค้าหรือบริการจากบริษัทของคุณ แต่ยังไม่ได้สร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง ขณะนี้ ผู้บริโภคเหล่านี้แหละคือกลุ่มผู้บริโภคของคุณ มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณจะพัฒนาผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อธุรกิจที่จะรุ่งโรจน์ต่อไปของคุณ เพราะว่าคุณ

1.คุณกำลังให้การบริการกับผู้บริโภค ที่ไม่ใช่ผู้แทนจำหน่าย แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องการสินค้าหรือบริการของคุณ

2.คุณจะได้รายได้จากการขายปลีก

3.พัฒนารายได้ที่มั่นคงจากผู้บริโภคปกติ


4.สร้างยอดขายส่วนตัว ซึ่งเป็นยอดขายที่อาจจะช่วยให้คุณได้รับโบนัส มันจะเป็นการดีที่คุณจะสร้างผู้บริโภคปลีกอย่างน้อย 10 รายเมื่อคุณเริ่มธุรกิจ ของคุณ

>> แก่นที่ 3 เสนอแผนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ

ธุรกิจเครือข่ายก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะต้องมีการปฏิบัติอย่างมีขั้นตอน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญคือการนำเสนออย่างสม่ำเสมอ คุณควรที่จะต้องนำเสนอประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มธุรกิจ (ประมาณ 7-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) และเมื่อธุรกิจโตขึ้นจนคุณตัดสินใจที่จะทำธุรกิจนี้เต็มเวลา คุณก็ควรเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นประมาณ 5-8 ครั้งต่อสัปดาห์ (ประมาณ 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ทั้งหมดอาจจะไม่ใช่การนำเสนอกับผู้มุ่งหวังใหม่ส่วนตัวของคุณทั้งหมด อาจจะเป็นการนำเสนอให้กับผู้มุ่งหวังของดาวน์ไลน์เพื่อเป็นการสอนการนำเสนอ หรืออาจจะเป็นการทำงานในแนวลึกให้กับดาวน์ไลน์ของคุณ

คุณจะต้องทำการนำเสนออย่างสม่ำเสมอถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต อย่าเข้าใจผิดว่าธุรกิจของคุณจะโตจากการทำงานอย่างยุ่งเหยิง ด้วยการอ่าน,การเข้าสัมมนา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น ธุรกิจที่แท้จริงจะเกิดจาก การนำเสนอแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพกับผู้มุ่งหวังอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเท่านั้น

>> แก่นที่ 4 การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญ

การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญจะเป็นเหมือนกาวที่จะเชื่อมและสร้างให้ธุรกิจคุณเติบโต, ให้การเทรนนิ่ง และทำให้คุณมุ่งมั่น ถ้ามันเป็นงานที่จัดในพื้นที่ที่ไม่ไกลนักใช้เวลาไม่มากในการเดินทางก็ควรที่จะเข้าร่วม เพราะมันจะเป็นงานที่รวมเอาระดับผู้นำที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีการที่ประสบความสำเร็จ คุณควรที่จะต้องจัดเวลาเผื่อไว้สำหรับงานเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าในตารางเวลาการทำงานของคุณ

>> แก่นที่ 5 ให้เวลากับการพัฒนาตัวเองทุกวัน

การที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตได้เร็วเท่าไรนั้นก็ขึ้นกับว่าตัวของคุณพัฒนาได้มากเท่านั้น คุณจะต้องพัฒนาทักษะทางธุรกิจ,การสปอนเซอร์,การเทรนนิ่ง,การบริหารเวลา, การสร้างองค์กร, การเป็นผู้นำที่ดี และทักษะการสื่อสาร เพื่อที่จะพัฒนาผู้อื่น คุณจะต้องพัฒนาตัวเองก่อน

คุณจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการพัฒนาตัวเองทุกวัน ส่วนมากจะกำหนดเวลาในช่วงเช้าก่อนการเริ่มงาน คุณควรจะออกกำลังกาย, ฟังเทปหรืออ่านบางสิ่ง บางอย่างที่จะกระตุ้นร่างกาย, จิตใจของคุณ ลงทุนในเทป,หนังสือ,วิดีโอ หรือซีดี เพื่อการพัฒนาตัวเอง เก็บมันติดตัวหรือติดรถ เพื่อที่จะได้ใช้ได้ทันทีที่คุณพอมีเวลาว่าง อย่าใช้เวลาช่วงท้ายของวันในการดูสรุปข่าวของวันนั้น ควรที่จะเติม

สิ่งที่มีค่าเข้าตัวของคุณ อย่างน้อยอ่านหนังสือที่สร้างกำลังใจให้คุณสักย่อหน้าก่อนนอนก็ยังดี

>> แก่นที่ 6 ต้องเป็นคนที่ถูกสอนได้

ถ้าคุณต้องที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโต อย่างรวดเร็ว คุณจะต้องถูกสอนได้ คุณจะพบว่าธุรกิจเครือข่ายมีบางอย่างที่แตกต่างจากธุรกิจแบบเดิม บางอย่างขายดีในช่องทางแบบเก่า แต่ไมประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย อัพไลน์ของคุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงาน, กลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ที่จะทำงานให้ธุรกิจเติบโต พวกเขาจะทำงานกับคุณ และสอนทุกอย่างให้คุณโดยไม่คิดเงินสักสตางค์ เรียนกับพวกเขาเถอะครับ ปรมา จารย์อย่างดีสำหรับคุณ

>> แก่นที่ 7 การปฏิบัติที่ซื่อสัตย์

ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งความ สัมพันธ์ และความสัมพันธ์เกิดจากความไว้วางใจ การที่จะได้มาและรักษาความไว้วางใจคุณจะต้องซื่อสัตย์ คุณจะต้องไม่โกหกผู้แทนจำหน่ายหรือลูกค้าของคุณ ความซื่อสัตย์ยังหมายรวมถึงเมื่อคุณสัญญาว่าจะทำอะไรกับใคร คุณก็จะต้องทำตาม และเมื่อคุณรับปากว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมใด คุณก็จะต้องไปให้ทันเวลา ความซื่อสัตย์รวมถึงการที่คุณจะต้องไม่ไปสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของผู้อื่น หรือพยายามที่จะขโมยผู้แทนจำหน่ายจากสายงานอื่น

>> แก่นที่ 8 การสร้างองค์กร

ผู้แทนจำหน่ายที่ฉลาดเรียนรู้ว่าเขาควรที่จะต้องสร้างองค์กร เมื่อคุณรู้ถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของอัพไลน์ ทำให้อัพไลน์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อพวกเขาทำงานกับผู้มุ่งหวังหรือผู้แทนจำหน่ายของคุณ บางครั้งเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวของคุณยังไม่พร้อมที่จะยอมรับเรื่องต่างๆ จากคุณโดยตรง ในการที่จะสร้างองค์กรอย่างมีระบบ เพียงคุณพาผู้มุ่งหวังของคุณเข้ามาในสายงาน คุณจะได้รับการส่งเสริมให้สูงและน่าเชื่อถือ จนกว่าคุณจะประสบความ สำเร็จและน่าเชื่อถือในเบื้องต้น และจะช่วยเหลือคุณจนกว่าคุณจะทำงานกับผู้แทนจำหน่ายใหม่ของคุณได้

>> แก่นที่ 9 ทำตามระบบ

ผู้นำทราบดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว และมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นคง จะต้องทำตาม อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และตัวคุณก็จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ผู้อื่นเลียนแบบได้ด้วย

อันนี้หมายความว่าทุกคนในองค์กรของคุณใช้เครื่องมือทางการตลาด, การเข้ารับการเทรนนิ่ง และใช้วิธีการนำเสนอ แบบเดียวกัน วิธีการที่จะได้มาซึ่งคนใหม่เป็นวิธีเดียวกันกับพวกเขาที่จะได้มาซึ่งคนใหม่ของพวกเขาเช่นเดียวกัน

สายการสปอนเซอร์ของคุณได้เรียนรู้ว่าอะไรที่ดีและอะไรที่ไม่ดี พวกเขาสร้างระบบจากประสบการณ์ทำงาน การทำตามระบบและคุณจะได้รับสิ่งต่างๆ จากสายการสปอนเซอร์ที่ช่วยคุณ หากคุณเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากระบบเดิม แล้วดาวน์ไลน์ของคุณยอมรับ

หลังจากนั้นดาวน์ไลน์ชั้นแรกของคุณก็เปลี่ยนบางอย่างเล็กน้อย ชั้นต่อๆไปก็มีการเปลี่ยนไปเล็กๆ น้อยๆ เรื่อยไป ระบบก็จะถูกทำลาย สุดท้ายก็จะไม่มีความ มั่นคงและไม่มีแบบอย่างในการทำงานที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางสู่ความ สำเร็จไปสู่แก่นของธุรกิจ

แก่นทั้ง 9 อย่างเป็นสิ่งที่แยกผู้นำของธุรกิจเครือข่ายจากผู้อื่นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ การปฏิบัติตามทั้ง 9 ข้อไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณจะต้อง ทำถ้าคุณต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับผู้นำที่ทำได้

การไปสู่แก่นของธุรกิจคือการที่จะต้องทำตามทั้ง 9 ข้อให้ได้ แล้วคุณจะค้นพบว่าคนที่ทำตามอย่างสม่ำเสมอและครบถ้วน จะมีผลงานที่แตกต่างจากคนที่ไม่ได้ทำตามอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณสามารถทำตามและเกิดผลงานที่ดีแล้ว

คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเป็นวัฒนธรรม ภายในกลุ่มเพื่อให้เกิดการทำตามอย่างเป็นระบบภายในองค์กรของคุณเช่นเดียวกันเพียงเท่านี้คุณก็จะถูกเรียกว่าระดับผู้นำในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ขายตรงVSแชร์

ขายตรงVSแชร์

ประเทศสหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุดของการขายตรง ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ครองอันดับที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ ส่วนประเทศไต้หวัน รวมถึงไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาดเช่นกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดในภูมิภาคเอเชียยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก

สำหรับ ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยนั้นในแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันตลาดนี้มีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว และมีผู้คนอยู่ในระบบนี้มากกว่า 7 ล้านราย เนื่องจากมีผู้ที่สนใจที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเองเข้ามาสู่ตลาดขายตรงมากขึ้น นี่คือตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ เพราะแม้ปัจจุบันไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า มูลค่าตลาดของธุรกิจขายตรงในบ้านเมืองเรามีเท่าไหร่กันแน่

ด้วยเหตุผลขายตรงผุดขึ้นมากกว่าที่ผ่านการจดทะเบียนจาก สคบ. และมูลค่าตลาดวัดเพียงจากกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสมาคมขายตรงเท่านั้น ซึ่งเข้าใจว่า ยังไม่ถึง 1 ใน 4 ของขายตรงที่มีอยู่ทั้งหมด

ในอนาคตอาชีพนักขายตรงจะไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มคนทำงานเท่านั้น แต่นักขายตรงจะเป็นผู้ที่มีอายุน้อยลงในอัตราที่สูงขึ้น และแนวโน้มที่ธุรกิจนี้จะพัฒนาสู่โลกของระบบสารสนเทศ หรือการนำเทคโนโลยีอันทันสมัย อาทิ อินเตอร์เน็ต ระบบการสื่อสารไร้สาย มาใช้อำนวยความสะดวกของการดำเนินธุรกิจจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งการสปอนเซอร์ข้ามประเทศในบริษัทขายตรงของไทยจะมากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วคือการพัฒนาตลาดขายตรงไทยให้ก้าวตามกระแสตลาดขายตรงโลกนั่นเอง

อย่างไรก็แล้วแต่ เห็นได้ชัดเจนว่า อุตสาหกรรมขายตรงนั้นจะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพกับประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการศึกษา และกลุ่มประเทศเหล่านั้นผู้ประกอบการมีจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจสูงมาก ขณะที่ประสิทธิภาพของคนทำธุรกิจนี้นั้นมีศักยภาพสูงพอสมควร ซึ่งหากเทียบกับประเทศไทยแล้วถือว่ายังห่างกันอย่างลิบลับ แม้ว่าเราจะมีอัตราการเติบโตไปในทิศทางที่ดีก็ตาม

เพียงแต่เป็นการเติบโตทางด้านตัวเลข ที่ไร้ประสิทธิภาพในการจัดการ ในระบบการควบคุม การสร้างความรับรู้ ตลอดจนตัวบทกฎหมาย และไร้จรรยาบรรณ

ประเทศไทยนั้นยังมีจุดเด่น จุดด้อยอีกมากมาย เรายังคงมีปัญหาในการตอบโจทย์อีกมากในการไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางความคิด ตลอดจนพัฒนาการทางด้านความคิดในเชิงสร้างสรรค์

ถึงวันนี้นิยามของคำว่า “ขายตรงรวมเป็นหนึ่ง” นั้นยังคงมีความสำคัญในแง่ของการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อปฏิวัติวงการขายตรงให้ดูดี และมีศักยภาพ เพียงแต่ปัญหาของเราวันนี้ยังติดอยู่ที่ “ตัวบุคคล” ที่ยังคงมีแนวคิดไปคนละทิศละทางของผู้ประกอบการภาคเอกชน และรัฐบาล

ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคนั้นยังขาดความรู้ความเข้าใจใน “ขายตรง” อย่างลึกซึ้ง เพราะหลักการประชาสัมพันธ์ยังไม่เข้าถึง และคงอีกนานกว่าจะเข้าถึง ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นมาจากการศึกษา ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดมาจากระดับปัญญาที่ไม่ทัดเทียมกันของผู้ประกอบการ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ การขาดจิตใต้สำนึกในการทำธุรกิจของคนในระบบ และอีกหลายต่อหลายปัญหาน่าปวดหัว

แล้วทีนี้เราจะทำอย่างไรกันดี?????? คำถามอย่างนี้จะยังคงวนเวียนอยู่ในประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน

ผมขอทิ้งท้ายที่ตลาดปักษ์ใต้หน่อยครับ คนในกลุ่มธุรกิจขายตรงต่างยอมรับกันดีว่า ปักษ์ใต้บ้านเรานั้นเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสุด โดยเฉพาะศักยภาพเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่แทบจะเหนือกว่าภาคใดๆ

แต่วันนี้ตลาดปักษ์ใต้กำลังโดนทำลายจากกลุ่มคนบางกลุ่มที่มองเห็นโอกาสมาจากความมั่งคั่ง ความสมบูรณ์ทรัพย์สิน เงินทอง กลับกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของ “แชร์ลูกโซ่”

หาดใหญ่คือพื้นที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดครับ และเป็นแหล่งเพาะพันธ์ชั้นยอดของนักเล่น พื้นที่ต่อมาคือ ภูเก็ต จังหวัดนี้โด่งดังเรื่องมันนี่เกมที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคสมัย แชร์ข้าวสาร นั่นเพราะเจ้าของมีถิ่นพำนักอยู่ที่นี่

ส่วนที่ไล่มาติดๆ ก็คือ สุราษฎร์ธานี จังหวัดนี้ไม่ใช่แหล่งกำเนิด แต่มีนักเล่นเติบโตสูงมาก

และเชื่อหรือไม่ครับ กลุ่มจังหวัดที่เนื้อหอมมากที่สุดกลับเป็น 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่ากันว่า มีแก๊งจากมาเลเซียเข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจในลักษณะผิดกฎหมายเกือบ 10 กลุ่ม ซึ่งข้อมูลนี้ได้มาจากการรายงานของสมาชิกขายตรง ไปยังสื่อต่างๆ ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่า มีคนถูกหลอกเข้าระบบมากมาย

ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้หรอกครับ ภาคอื่นๆ ก็เหมือนกัน จริงๆ ระบบ มันนี่เกมทั้งหลายระบาดไปทุกหย่อมหญ้า ระบาดเหมือนหวยใต้ดิน คนเล่นก็หน้าเก่าๆ

ประมาณเก่าไปหาใหม่ ส่วนรายใหม่ๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เล่นผิด กฎบัตรกฎหมาย แต่เล่นด้วยความตั้งใจ

ผมไม่แน่ใจถึงปัจจุบันกลุ่มมันนี่เกมระบาดขนาดไหน เอาเป็นว่าไปจังหวัดไหนเจอทุกจังหวัด ลงลึกไม่เว้นหมู่บ้านที่ยังไม่มีถนนลาดยางด้วยซ้ำ

สรุปจริงๆ แล้ว “มันนี่เกม” ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าเยอะเลย ผมว่ามูลค่าเยอะกว่าขายตรงเสียอีก สงสัยต้องทำใจกันแล้วครับพี่น้อง

ทำอย่างไร ให้นักขายเหมือนนักซื้อ

ทำอย่างไร ให้นักขายเหมือนนักซื้อ

แท้ที่จริงแล้วคุณสมบัติทั้ง 2 ข้อคือการเป็นนักขาย และการเป็นนักซื้อนั้นมีอยู่ในจิตวิญญาณของทุกคนอยู่แล้ว เพราะในชีวิตประจำวันของคนเราทุกคน จะต้องเกี่ยวข้องกับการซื้อๆ ขายๆ อยู่เป็นประจำ สัมผัสได้ทุกวันแต่คนส่วนใหญ่พอบอกให้ไปซื้อจะรู้สึกว่ามีความกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที แต่พอบอกให้ของไปขายสินค้าอะไรสักอย่างจะรู้สึกถึงความห่อเหี่ยวขึ้นมาทัน ที ทั้งๆ ที่ทั้ง 2 คุณสมบัตินั้นมีผลลัพธ์อันเดียวกัน หรือบรรลุวัตถุประสงค์ เดียวกัน นั่นคือการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้หนึ่งไปสู่อีกผู้หนึ่ง หรือผู้บริโภคเป็นต้นคนส่วนใหญ่ชอบที่จะเป็นผู้ซื้อ เพราะคิดว่าตัวเองนั้นมีอำนาจต่อรองได้ และอยู่เหนือกว่านักขายเสมอ โดยที่คุณสมบัติเหล่านี้ไม่ต้องมีการฝึกฝน หรือฝึกอบรมเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด

จะเห็นได้ว่าเด็กก็สามารถเป็นผู้ซื้อได้ ซื้อเป็น ไม่เชื่อลองให้สตางค์ ซึ่งเด็กจะรู้จักจัดการกับสตางค์ที่ได้รับมาเรียบ ร้อย คือหมดทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เด็กยังหาเงิน ไม่เป็นเลย และพอซื้อของได้รู้สึกจะมีความสุขดี เพราะได้ขนมมา ที่นี้เรามองในมุมของคุณสมบัตินักขายบ้างหลายๆ

คนถึงกับประกาศออกมาว่า ขายไม่เป็นขายไม่ได้ หรือบ้างคนกว่าจะทำให้ขายได้จะต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่นาน บางคนเมื่อไม่สำเร็จแล้วก็มีอคติที่ไม่ดีต่องานขายไปเลย ใครอย่าได้พูดถึงงานขายเลยจะเกิดอาการต่อต้านทันที ไม่เปิดใจเลยอ้างคำเดียวว่าขายไม่เป็น

ผู้เขียนเคยเขียนบทความมาครั้งหนึ่งว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาก็เป็นนักขายแล้ว ขนาดพูดยังไม่ได้ก็ขายเป็นแล้ว ขายอะไรล่ะ ขายตัวเองไงล่ะ เพราะคนทุกคนเป็นนักขายด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ต้องขาย หรือว่าไม่จริงลองคิดทบทวนให้ดีตั้งแต่ยุคโบราณมาแล้วตั้งแต่มนุษย์ยังไม่รู้จักการใช้เงินในการซื้อขายเสียด้วยซ้ำไป ในสมัยก่อนเขาซื้อขายกันอย่างไรล่ะ เขาก็ซื้อขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนของที่ตัวเองมีอยู่คิดเป็นมูลค่า เพื่อนำมาแลกของอีกอย่างที่ตัวเองต้องการ เช่น นำอาหารมาแลกเครื่อง นุ่งห่ม เป็นต้น

นี่คือการซื้อขายไงล่ะ พอในยุคปัจจุบันผู้นำประเทศต่างๆ ต่างก็ออกเดินทางออกไปประชุมไปเปิดสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เพื่ออะไรก็เพื่อการขายสินค้าที่ประเทศของตัวเองผลิตได้หรือ

บางทีก็มีการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน นี้ไม่ใช่การขายหรือยิ่งถ้าเป็นระดับผู้นำประเทศ อย่างประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ก็จะพยายามขายเทคโนโลยีหรืออาวุธที่ทันสมัยให้กับประเทศต่างๆเพื่อนำเงินมาเข้าประเทศของตัวย่อให้เล็กลงอีกนิดนักขายก็เช่นกันต้องพยายามขายสินค้าที่ตัวเองขายอยู่เพื่อนำเงินเข้าบริษัทหรือองค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่บริษัทต่างๆ ที่เปิดดำเนินงานมาทั้งหลายเปิดมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เปิดมาเพื่อขายสินค้าและบริการที่ตัวเองมีอยู่

ทีนี้ลองมาวิเคราะห์ดูว่าแล้วทำไมพอบอกให้คนไปซื้อสินค้าคนจะดีใจที่ได้ไปช็อปปิ้งแต่พอบอกให้ออกไปขายสินค้าหลายคนเป็นกังวลไม่สบายขึ้นมาทันทีทั้งที่ตัวเองเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในคนเดียวกันอยู่แล้วเวลาเราจะขายสินค้าอะไรสักอย่างเรามักจะคำนึงถึงว่าใครจะมาเป็นลูกค้าของเราให้ลองนึกถึงตอนที่เวลาเราเป็นนักซื้อสักนิดสักเสี้ยววินาทีว่าเวลาเราจะซื้อของสักอย่างอะไรคือแรงจูงใจถ้าไม่ใช่ความต้องการคำว่าความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด คนที่มีเงินล้านบาทก็ต้องการมีสิบล้านบาท มีรถโตโยต้า ก็อยากมีเบนซ์

ดังนั้น ถ้านักขายค้นหาความต้องการหรือความอยากลองของลูกค้าได้ก็จะขายได้แบบไม่ต้องเหนื่อยมากนักอย่าลืมว่านักขายก็เป็นนักซื้อเหมือนกันและบ้างที่ซื้อมากกว่าขายเสียอีกจึงเป็นเหตุของคำว่ามีหนี้สินเกิดขึ้นถ้านักขายทุกคนขายได้มากกว่าที่ตัวเองซื้อก็ถือว่าเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นอย่าไปกลัวการขายเลยอย่างไรคุณก็หลีกหนีมันไม่พ้นอยู่แล้วเพราะมันอยู่ในตัวคุณนั้นเองลองหันมาค้นหาความได้เปรียบในตัวคุณเองตั้งแต่วันนี้ว่าคุณมีความได้เปรียบอย่างไรระหว่างการเป็นนักขายกับการเป็นนักซื้อแล้วนำมาปฏิบัติให้เกิดผลกับตัวเองให้มากที่สุดดีกว่าปฏิเสธว่าคุณขายไม่เป็นซื้อเป็นอย่างเดียวอย่างนี้ก็เจ๊งนะสิ

วิธีป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวง

วิธีป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวง

- ใช้เวลาในการตัดสินใจ อย่าให้ใครมาเร่งรัด

- อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบริษัทที่ชักชวนให้นำเงินมาลงทุนในธุรกิจใดๆ ก็ตามที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงมากในเวลาอันรวดเร็ว

- หากมีการเร่งรัดให้นำเงินมาลงทุน ขอให้พึงทราบได้เลยว่ากำลังจะถูกหลอกลวง ซึ่งจะทำให้สูญเสียเงินทองและทรัพย์สินในที่สุด

- ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลหรือบริษัทอย่างรอบคอบว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด จากเอกสารต่างๆ เช่น โบรชัวร์ เอกสารการชักชวน หรือการจ่ายผลตอบแทน การจดทะเบียนบริษัท การจดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรง เป็นต้น

- ตรวจสอบเอกสารที่ได้มาว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงตามกฎหมายหรือไม่ และหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในการออกเอกสารดังกล่าว หรือขอคำแนะนำกับหน่วยงานของทางราชการที่รับผิดชอบ

- หรือโทร.มาปรึกษาได้ที่กลุ่ม ป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ โทร.1359 หรือส่ง จดหมายมาได้ที่ ตู้ ปณ. 1359 ปณจ. บางรัก กรุงเทพฯ 10500

คิดบวก ชีวิตบวก

คิดบวก ชีวิตบวก
การคิดแต่ในสิ่งที่ดี คิดในแง่บวก ไม่เพียงแต่ทำให้เรามีจิตใจผ่องใส คลายความเครียดกับปัญหาที่กำลงเผชิญอยู่ลงได้ และยังสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เปิดให้เราเห็นมุมมองอีกด้านที่มีค่ายิ่งใหญ่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเราเองในยามที่ตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ได้อีกด้วย เหมือนตัวอย่างที่ได้อ่านกันต่อนี้

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต


เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ


เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต


เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่ แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต


เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

จะไม่มีเชื้อโรคใดเจาะผ่านภูมิคุ้มกันของเราได้ หากมีจิตใจที่คิดแต่สิ่งดี ภายในวิกฤตที่เลวร้าย หากใช้สติและเหตุผลพิจารณาอย่างรอบคอบ เราอาจจะได้เห็นด้านดีๆ ของชีวิต ที่ซ่อนอยู่ก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ทำดีดอทเน็ต
โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

แผนล้ม 'ปูแดง' แค่คิดก็แพ้แล้ว

แผนล้ม 'ปูแดง' แค่คิดก็แพ้แล้ว
ตลาดขายตรงสินค้าเกษตรเดือดพล่าน ค่ายเล็กงัดเกม"ไม้จิ้มฟัน"เปิดศึก"แค้นฝังหุ่น"พลิกแผนจ่ายผลตอบแทนสูง อ้างแผนตลาดเหนือชั้นกว่า แถมยังใช้ชื่อตระกูล"แดง"เหมือนกัน ดันสินค้าทั้ง"ดาวปูแดง-บัวแดง"ออกมา หวังตีท้ายครัว ตบกินสมาชิก โค่นล้มบัลลังก์"ปูแดง ไคโตซาน"เจ้าตำรับขายตรงสินค้าเกษตรขนานแท้ ด้าน"เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ลั่นไม่หวั่น ชี้"อมตะปูแดง"แข็งโป๊ก แถมหนักแน่นเหมือน"ไม้ซุง"งัดเท่าใดก็ไม่ระคายเคืองผิวหนัง พร้อมแนะทางคู่แข่ง เลิกโจมตี หากินกันแบบทางใครทางมันดีกว่ามั๊ง เกษตรกรตัดสินใจได้ของใครดี

เข้มข้นทีเดียว สำหรับตลาดขายตรงสินค้าเกษตร หรือตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ปุ๋ยขายตรง" ที่มีหลากหลายบริษัทเครือข่ายขายตรง ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่กระโดดเข้ามาประลองยุทธ์ในสนามธุรกิจขายตรง โดยมีเจ้าตลาดหลักเพียงบริษัทเดียว ที่เป็นแชมป์อมตะอยู่ ก็คือ บริษัท เบทส์ 59 จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม "ปูแดง ไคโตซาน" สินค้าเกษตรอันดับ 1 ของ "เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง" ประธานกรรมการ นั่งครองบัลลังก์อยู่ ด้วยยอดขายถล่มทลายต่อเดือนเฉลี่ยกว่า 200 ล้านบาท

เมื่อเป็นแชมป์ ก็ต้องมีการท้าล้มแชมป์ ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ดูเหมือนว่า คู่ท้าชิงแชมป์แต่ละรายของ "ปูแดงไคโตซาน" ยังเดินเกมห่างชั้นอยู่หลายขุมทีเดียว โดยเฉพาะบริษัทขายตรงสินค้าเกษตรหน้าใหม่ ที่เกิดขึ้นมาราว 2-3 บริษัท ทั้งที่ได้รับการจดทะเบียนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรง จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว และที่ยังต้องรอรับใบอนุญาตอยู่ ก็ยังต้องใช้เวลาไต่เต้าอันดับขึ้นมาชิงแชมป์อีกยาวไกล ทำให้ "ปูแดงไคโตซาน"ของ "เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ยังคงลอยติดลมบน บินมาเหนือเมฆ ชนิดที่เรียกว่า ยากยิ่งที่คู่แข่งจะตามทัน แม้ว่า คู่แข่งรายใหม่จะงัดสารพัดกลยุทธ์ อาทิ การใช้ชื่อหรือแบรนด์สินค้าขายตรงเกษตรคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น "ดาวปูแดง" หรือ "บัวแดง" พร้อมทั้งการชูแผนตลาด ที่อ้างว่า มีความโดดเด่นเหนือกว่า และมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เหนือกว่าแผนตลาดของ "ปูแดง ไคโตซาน" แถมยังมีการโจมตีเรื่องผลิตภัณฑ์ แต่นั้นก็เป็นเพียงกลยุทธ์ "ไม้จิ้มฟัน" หรือเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง และวิธีการขยับเท้า หวังงัด "ไม้ซุง" หรือต้องการล้มแชมป์ก็เท่านั้น แต่ทว่า กลับไม่มีกำลังเพียงพอที่จะงัด "ไม้ซุง" หรือมีผลงานดีพอที่จะให้เกษตรกรไทยคล้อยตาม เพราะสินค้าเกษตร ถ้าคุณภาพไม่ดีจริงๆ ใช้แล้วไม่เห็นผลชัดเจน หลอกเกษตรกรได้เพียงครั้งเดียว!

บางบริษัทคู่แข่งรายใหม่ ยังใช้วิธีการโจมตีสารพัด เหตุเพราะยังมีรอย "แค้นฝั่งหุ่น"ที่ดูเหมือนจะโกรธเคืองกันมายาวนาน หลังรับออเดอร์ผลิตสินค้า"ปูแดง ไคโตซาน"ให้กับบริษัท เบสท์ 59 จำกัดแล้ว กลับผลิตให้ไม่ทันกับความต้องการของผู้บริโภค เหตุเพราะ "ปูแดง ไคโตซาน"ขายดิบขายดีเกินกำลังการผลิต จน "เสี่ยสมปอง แซ่ตั้ง"ต้องยกเลิกการผลิต แล้วหันมาตั้งโรงงานผลิตเอง...ทำให้ผู้รับจ้างผลิตออกอาการไม่พอใจ ถึงขนาดตั้งบริษัทขายตรงขึ้นมา พร้อมเปิดฉากขนสินค้าขายตรงเกษตรแบรนด์ "แดง"เหมือนกันออกมาแข่งขันในตลาด ส่งผลให้ตลาดขายตรงสินค้าการเกษตรมีการแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านยิ่งนัก นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

แต่ทว่า ความเป็นแชมป์อย่าง "ปูแดง ไคโตซาน" ยังเหนือชั้นอยู่มาก เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 7 ปี มีวีรกรรมกับเกษตรกรไทยทั่วทั้งประเทศ เหตุเพราะผู้บริโภคให้ความนิยมอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ "ปูแดง"มียอดสมาชิกโทรศัพท์เข้ามาขอสมัครผ่านรายการทีวีต่อวันไม่ต่ำกว่า 300 สาย (ไม่รวมกับที่แม่ทีมและสมาชิกชักชวนอีกหลายร้อยคนต่อวัน) อีกทั้งยอดขายในแต่ละเดือนก็โหมเฉลี่ยกันไปกว่า 200 ล้านบาท เรียกว่า สนามขายตรงสินค้าเกษตร ชื่อชั้นของ"ปูแดง ไคโตซาน"แข็งดุจหินผา

ปูแดง!เหนือเมฆ

นายธนพัทธ์ กิจใบ รองประธานกรรมการ บริษัท เบทส์ 59 จำกัด เปิดเผยถึงการแข่งขันในตลาดขายตรงสินค้าเกษตรว่า ปูแดงไม่เคยคิดว่า ในธุรกิจขายตรงไม่มีค่ายไหนเป็นคู่แข่งขัน และที่สำคัญนายสมปอง แซ่ตั้ง ประธานกรรมการบริษัท ก็ให้นโยบายชัดเจนที่ไม่ต้องการให้สมาชิกคนใด ใช้วิธีการตอบโต้คู่แข่งขันทางธุรกิจ ด้วยเพราะเชื่อมั่นว่า ธุรกิจปูแดงเดินทางมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปโจมตีคู่แข่งขันรายอื่นแล้ว โดยให้ถือว่า การแข่งขันทางธุรกิจขายตรง ก็เสมือนหนึ่งเป็นการทำมาหากิน แบบทางใครทางมัน

"ธุรกิจขายตรง"ปูแดง"ณ วันนี้...หากจะบอกว่า "บินมาเหนือเมฆ"หรือเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างเหลือเชื่อ...เมื่อ"ใครได้ฟัง ใครได้ยินแล้ว"...ก็อาจจะถามว่า"โม้หรือเปล่า"...แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว...กลับเป็นอย่างนั้นจริงๆ" หากจะถามว่า การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจขายตรง"ปูแดง"มีอะไรมาเป็นตัวชี้วัด นายธนพัทธ์กล่าวว่า ดูได้จากการที่บริษัทได้ย้ายเข้ามาอยู่สำนักงานแห่งใหม่ ย่านถนนแจ้งวัฒนะ ปากทางเข้าเมืองทองธานี ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า บรรดาผู้นำหรือแม่ทีม รวมทั้งมวลหมู่สมาชิก ก็ได้มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรปูแดง ในการทุ่มทุนสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ 4 ชั้น ในเนื้อที่รวมลานจอดรถแล้วกว่า 7 ไร่ ด้วยเงินสดกว่า 250 ล้านบาท จากความมั่นใจเต็มร้อยที่เคยมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม กลับยิ่งทำให้ผู้นำหรือแม่ทีม และบรรดาสมาชิกมีความมั่นใจในธุรกิจปูแดงเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนซื้อเครื่องจักร และสร้างโรงงานเป็นของตัวเอง ด้วยงบประมาณ ที่ได้จ่ายเป็นเงินสดอีกกว่า 200 ล้านบาท เพื่อการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของปูแดงทุกชนิดทุกรายการให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานตามที่บริษัทต้องการ เพราะก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์บางชนิด บริษัทได้จ้างเขาผลิต ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้...แต่ ณ วันนี้บริษัทสามารถผลิต ควบคุมการผลิต และควบคุมคุณภาพได้เองทั้งหมด

ฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความมั่นคงอีกแล้ว...ณ วันนี้ สมาชิกมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ ทำให้อย่างไรให้เกษตรกรไทยรู้จักปูแดงให้มากที่สุด หรือทำอย่างไรให้คนเข้ามาร่วมโครงการชุบชีวิตเกษตรกรไทยให้มากที่สุด เพราะหากพูดถึงการเติบโตแล้ว ธุรกิจขายตรง"ปูแดง"เติบโตเกิน 100% ทุกเดือน

โดยพิจารณาจากดัชนีชี้วัดหลายๆอย่างประกอบ อาทิ
1.การจัดประชุม หรือจัด OPP ที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ จากที่เคยจัดรอบเดียว ช่วงบ่ายโมง ก่อนหน้านี้ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ของอาคาร ที่สามารถบรรจุสมาชิกได้ประมาณ 600-700 คน พบว่า สมาชิกแห่เข้ามาร่วมประชุมกันล้นห้อง จนต้องขยายการจัดประชุมออกไปเป็น 2 รอบ โดยรอบเช้า 10.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 ของอาคาร บรรจุสมาชิกได้กว่า 1,200 คน ปรากฏว่า สมาชิกเข้าฟังล้น เก้าอี้ไม่พอ ต้องยืนฟัง พอรอบ 2 ตอนบ่าย 12.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สมาชิกไม่ได้ซ้ำหน้ากัน ก็เข้ามาประชุมล้นอีก เรียกว่า ยืนแออัดยัดเหยียดเต็มบรรจุ 700 คน ซึ่งภาพบรรยากาศอย่างนี้ ปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว

2. การจัดประชุม หรือจัด OPP สัญจรไปตามต่างจังหวัด โดยบริษัทจะจัดเอง ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ โดยเวียนกันจัดประชุมไปตามภูมิภาค ตามจังหวัดต่างๆ เรียกว่า จัดประชุมครั้งใด สมาชิกแห่ทะลักล้นทุกครั้ง ไม่ว่า จะใช้ห้องประชุมโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด หรือใช้สถานที่ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด ก็ยังไหลทะลักเข้ามาล้น ชนิดที่เจ้าของสถานที่ต้องตกใจ ฉะนั้น "ปูแดง"ณ วันนี้ ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของคนที่จะเข้ามาประชุม เพราะไปจัดประชุม ณ สถานที่ใด คนก็แห่เข้ามามาก...แต่ปัญหาสำคัญ ณ วันนี้ คือ ปูแดงหาสถานที่จัดประชุมไม่ได้ หมายถึงห้องที่จะรองรับคนจำนวนมาก แทบจะหาไม่ได้เลย

อย่างล่าสุดจัดประชุมที่อำเภอหาดใหญ่ โรงแรมใหญ่ไม่มี จำต้องไปใช้หอประชุมโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ซึ่งบรรจุได้ 1,200 คน แต่คนแห่กันเข้ามาล้นอีก เก้าอี้โรงเรียนหมด ต้องหามาเสริม ทั้งๆที่ฝนตก แต่คนก็ยังหลั่งไหลเข้ามา เรียกว่า ภาพบรรยากาศอย่างนี้มีเหมือนกันทุกครั้งที่จัดประชุม ไม่ว่า จะเป็นการจัดประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ หรืออุดรธานี...ล้น เต็ม เก้าอี้หมด ต้องนั่งกับพื้น เรียกว่า ทำขายตรงมากว่า 16 ปี ไม่เคยเห็น...ถึงได้บอกว่า "ปูแดง"เป็นสุดยอดธุรกิจขายตรง ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดจริงๆ

3. การทุ่มเทการผลิตรายการผ่านสื่อทีวี...ทุกวันนี้ มีคนดูทีวี ดูรายการที่ปูแดงผลิตแล้วออกอากาศค่อนข้างมาก วัดได้จากโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา มีไม่ต่ำกว่า 300 สายต่อวัน จนผู้นำและแม่ทีม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำธุรกิจปูแดง ทำงานง่ายๆ ทำธุรกิจง่ายๆ แบบง่ายไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว

4. ผลสำเร็จจากโครงสร้างแผนการตลาด พบว่า มีสมาชิกประสบความสำเร็จเยอะมาก...บางคนไม่มีประสบการณ์ แต่สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน ทั้งๆที่เพิ่งจะเข้ามาทำธุรกิจปูแดงได้แค่ 2 เดือน ส่วนที่มีรายได้แตะหลักหมื่นต่อเดือน ก็มีมากจนนับไม่ถ้วน...และหากจะวัดระดับความสำเร็จแล้ว พบว่า มีผู้ประสบความสำเร็จ ตามโครงสร้างแผนการตลาดเพียงอย่างเดียว โดยมีรายได้หลักล้านต่อเดือน ประมาณ 9 คน ผู้นำสูงสุดมีรายได้อยู่ที่กว่า 3.5 ล้านบาทต่อเดือน และหลักแสนต่อเดือนมีเกือบพันคน ส่วนหลักหมื่นต่อเดือนนั้น ไม่ต้องถามถึง เพราะมีจำนวนเยอะมากทั่วประเทศ "นั่นคือ ดัชนีชี้วัดว่า ทำไม!ธุรกิจขายตรงปูแดงถึงเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้จริงๆ"

หัวใจ คือ บุคลากร
นายธนพัทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ความสำเร็จของการทำธุรกิจเครือข่าย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ คือ สินค้าต้องมีคุณภาพ แผนตลาดหรือแผนจ่ายผลตอบแทนที่เป็นธรรม มีการบริหารจัดการดี และผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ต้องเข้าใจจริง และรู้จริงในการดำเนินธุรกิจเครือข่าย โดยเฉพาะความเข้าใจในเรื่องของคน บริษัทจึงได้ให้ความสำคัญเรื่องของคนมาเป็นอันดับหนึ่ง
ด้วยเพราะการทำธุรกิจเครือข่าย หัวใจสำคัญ คือ การพัฒนาคน หมายถึง พัฒนาให้คนที่เข้ามาทำธุรกิจมีอาวุธติดตัว ที่เรียกว่า อาวุธทางปัญญา เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจจากคนสู่คน หรือที่เรียกว่า P to P (People to People) และเมื่อเกิด P to P แล้ว ก็จะเกิด B to B หรือ Business to Business ตามมา หมายถึง ธุรกิจต่อธุรกิจ เรียกว่า การทำธุรกิจก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ฉะนั้นนโยบายหลักสำคัญของบริษัท คือ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสร้างผู้นำระดับมืออาชีพให้ได้ถึง 10,000 คน

สำหรับการพัฒนาบุคลากร หรือผู้นำธุรกิจนั้น นายธนพัทธ์ กล่าวว่า ได้แบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 4 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตร

ขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นหลักสูตรการอบรมให้ความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด และการทำธุรกิจเครือข่ายแบบง่ายๆ โดยมุ่งเปลี่ยนแนวคิดสมาชิก จากที่เคยทำงานประจำ หรือเคยทำธุรกิจอื่นๆมาก่อน ให้มีความเข้าใจว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นอย่างไร สามารถสร้างเงินแสนเงินล้านได้อย่างไร โดยหลักสูตรพื้นฐาน บริษัทจะจัดอบรม 1 ครั้งต่อเดือน และแต่ละครั้งมีสมาชิกเข้าอบรมกว่า 1,000 คน

ส่วนหลักสูตรที่ 2 จะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เป็นการอบรมผู้นำ หรือพัฒนาคนกลุ่มแรก ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรพื้นฐานแล้ว โดยจะอบรมเดือนละ 2 ครั้ง 2 รุ่นๆละประมาณ 300-400 คน เน้นการให้ความรู้ การเก็บรวบรวมรายชื่อกลุ่มเป้าหมาย การคัดคนเข้ามาเป็นสมาชิก หรือเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย การลอกเลียนแบบผู้นำที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยหลักสูตรนี้ จะอบรม 2 วันต่อครั้งต่อเดือน

หลักสูตรที่3 ผู้เข้าอบรมจะต้องผ่านหลักสูตรที่ 2 มาก่อน เรียกว่า จะข้ามขั้นตอนการอบรมไม่ได้ โดยบริษัทจะบันทึกและลงทะเบียนทำประวัติสมาชิกไว้ทั้งหมด ส่วนการอบรมจะเน้นในเรื่องของการพูดในที่ชุมชน การพัฒนาบุคลิกภาพ การยืน การเดิน การถือไมค์ เรียกว่า ทำอย่างไรให้ผู้นำสามารถนำเสนอธุรกิจบนเวทีได้

ส่วนหลักสูตรสุดท้าย เรียกว่า การพัฒนาผู้นำไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักพูด หมายถึง ต้องโมติเวทได้ ต้องโน้มน้าวจิตใจคนได้ หรือพูดอย่างไรให้คนคล้อยตามได้ พูดอย่างไรให้คนเชื่อได้ ซึ่งหลักสูตรนี้ จะอัดความรู้ใหม่ๆเข้ามาเยอะมาก และจะจัดอบรมรุ่นละไม่เกิน 30 คนเท่านั้น

"หัวใจธุรกิจ คือ การพัฒนาบุคลากร เพราะหากไม่พัฒนาคน ก็จะไม่มีผู้ทำธุรกิจแบบมืออาชีพ การทำธุรกิจก็จะไม่เกิด ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถต่อยอดการทำเครือข่ายให้กว้างไกลได้ หลังจบหลักสูตรที่ 4 แล้ว ปูแดงจะมีผู้นำที่มีความสามารถครบเครื่องเพิ่มขึ้นอีกรุ่นละ 30 คนเท่านี้ก็ถือว่า คุ้มค่าแล้ว"

คุมเกมภาคสนามเฉียบ
นอกเหนือจากการอบรมบุคลากรแล้ว การควบคุมเกมในภาคสนาม ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญรองลงมา เพื่อการสนับสนุนให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่า บริษัทจะไม่มีผู้นำกระจายอยู่ครบทุกจังหวัด ทุกอำเภอก็ตาม แต่การทำงาน ก็จะใช้ในลักษณะของการควบคุมโซน โดยการสร้างคณะทำงานขึ้นมาดูแล 4-5 คน ทำหน้าที่สร้างเครือข่าย สร้างองค์กร ในแต่ละโซน ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก เพื่อการช่วยเหลือในการทำธุรกิจของสมาชิก เช่น โซนจังหวัดขอนแก่น ก็จะรวมจังหวัดในละแวกใกล้เคียง อาทิ มหาสารคาม กาฬสิน ร้อยเอ็ด เข้ามาอยู่ในโซนเดียวกันด้วย

โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนการจัดประชุม การจัดอบรม และการจัดกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่สมาชิก ซึ่งจะให้การสนับสนุนเหมือนกันทุกโซน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นว่า ปูแดงใส่ใจดูแลสมาชิกเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน
"นั่นคือ ความเป็นจริงที่ปูแดง ถามว่า ณ วันนี้ เราต้องหวั่นไหวกับการแข่งขันหรือไม่ เราตอบได้เลยว่า เรามองไกลไปกว่านั้น ด้วยเพราะคู่แข่งขันที่แท้จริง ไม่ใช่แข่งขันในตลาดขายตรง แต่กลับเป็นการแข่งขันกับสินค้าเกษตรในธุรกิจค้าปลีกต่างหาก"

รางวัลการันตี'ปูแดง'
นายธนพัทธ์ กล่าวอีกว่า จากความโดดเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ "ปูแดง ไคโตซาน"ที่สามารถตอบโจทย์เกษตรกรไทยได้จริง หลังเกษตรกรใช้ "ปูแดง ไคโตซาน"แล้ว สามารถเพิ่มผลผลิต และมีรายได้เพิ่ม ปลดหนี้สินได้จริง ทำให้กลุ่มเกษตรกรได้ให้การยอมรับกับผลิตภัณฑ์ขายตรงเกษตร"ปูแดง ไคโตซาน"มานานร่วม 7 ปีแล้ว ทำให้ "ปูแดง ไคโตซาน" โดยบริษัท เบทส์ 59 จำกัด ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทขายตรงดีเด่น ประจำปี 2552 ประเภท "ชุบชีวิตเกษตรกรไทย ด้วยเกษตรอินทรีย์ขนานแท้" จากสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมกับการรับโล่เกียรติยศจาก ฯพณฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา

"ปูแดงดำเนินธุรกิจขายตรงมา 7 ปี มีสินค้าขายตรงเกษตร "ปูแดง ไคโตซาน" ทำตลาด หากไม่ดีจริง ไม่มีคุณภาพจริง เราคงไม่ประสบความสำเร็จ แต่ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง"นายธนพัทธ์กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราห์ ฉบับที่ 253 ประจำวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2552

ส่วนประกอบสารปรับปรุงดินปูแดง

















วิธีการสมัครสมาชิกปูแดงไคโตซาน

วิธีการสมัครสมาชิกปูแดงไคโตซาน
ลงทะเบียนธุรกิจตามกฎของ สคบ. 300 บาท และซื้อสิ้นค้าครบ 1000 คะแนน ได้ 1 รหัสธุรกิจ เป็นสมาชิกสมบูรณ์ สมัครสมาชิกแบบ 1 รหัส 2 รหัส 3 รหัส หรือ 4 รหัสธุรกิจ ก็ได้

รหัสธุรกิจ หมายถึง รหัสธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ตามแผนการตลาดของบริษัทได้
รหัสซื้อซ้ำ หมายถึง รหัสธุรกิจที่ไม่สามารสร้างรายได้ตามแผนการตลาดของบริษัทได้
รหัสสินค้า B หมายถึง ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยระดับสูง ยกตัวอย่าง B1 ปูแดง 500 ซีซี ราคา ขวดละ 195 บาท
รหัสสินค้า *B หมายถึง ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยระดับกลาง ยกตัวอย่าง *B2 ปูแดง 500 ซีซี ราคา ขวดละ 175 บาท
รหัสสินค้า**B หมายถึง ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยต่ำ ยกตัวอย่าง **B3 ปูแดง 500 ซีซี ราคา ขวดละ 150 บาท

แบบ 1 รหัสธุรกิจ
ลงทะเบียนธุรกิจตามกฎของ สคบ. 300 บาท
เลือกซื้อสินค้ารหัสไหนก็ได้ ที่คะแนน 1000 คะแนน เริ่มต้นต่ำสุดที่ 3,500 บาท

แบบ 2-3 รหัสธุรกิจ
ลงทะเบียนธุรกิจตามกฎของ สคบ. 300 บาท ทุกรหัส
รหัสแรก เลือกสินค้ารหัสไหนก็ได้ ที่ 1000 คะแนน เริ่มต้นต่ำสุดที่ 3,500 บาท
รหัสที่ 2 และที่ 3 จะต้องซื้อสินค้าที่รหัส **B เท่านั้นถึงจะได้รหัสธุรกิจ
ถ้าซื้อสินค้ารหัสอื่นจะเป็นรหัสซื้อซ้ำไม่สามารถทำธุรกิจในรหัสนั้น ๆได้
(ไม่แนะนำ เพราะคุณต้องจ่ายค่าสมัคร 300 บาททุกรหัส และต้องสั่งซื้อสินค้าชุด **B เท่านั้น)

แบบ 4 รหัสธุรกิจ (VIP)
ลงทะเบียนธุรกิจตามกฎของ สคบ.300 บาทรหัสเดียว และซื้อสินค้า 4000 คะแนน ได้ 4 รหัสธุรกิจ
เลือกสินค้ารหัส B ครบ 4000 คะแนน เริ่มต้นต่ำสุดที่ 14,000 บาท
เลือกสินค้ารหัส **B ครบ 4000 คะแนน เริ่มต้นต่ำสุดที่ 16,400 บาท ถึง 19,000 บาท อยู่ที่เราเลือกว่าจะเอารหัสไหน
เลือกสินค้ารหัส ** B ครบ 4000 คะแนน เริ่มต้นต่ำสุดที่ 21,600 บาท ถึง 24,200 บาท อยู่ที่เราเลือกว่าจะเอารหัสไหน
(แนะนำให้สมัคร แบบ VIP เพราะจ่ายค่าสมัคร 300 ครั้งเดียว ได้สินค้าครบทุกชนิด และได้ต้นทุนสินค้าถูกที่สุด)

หมายเหตุ
สมัครแบบ VIP รหัส **B คุณได้ของแถมสินค้า ปูแดงพืชแบบแกลลอน 6 ลิตร หรือ 5 ลิตร จำนวน 1 หรือ 2 แกลลอน ตามโปรโมชั่นของทางบริษัท และสมัคร VIP รหัสสินค้าไหนก็ได้ครบ 4000PV โดยสินค้าทุกชุดของบริษัทตั้งแต่รหัส B1–B45 มีคะแนนเท่ากันคือ 1000PV. คลิกดูรายละเอียดที่นี่ http://www.poodang.com/member.pdf
รายได้และผลตอบแทน การเปิดศูนย์จำหน่ายปูแดงไคโตซาน

ศูนย์พัฒนาบุคลากรฯ ประเภท ก (มาตรฐาน)

คุณสมบัติ
1. เป็นนักธุรกิจอิสระเบสท์ 59 ปูแดงไคโตซาน
2. มีรายได้ในระบบแผนการตลาดอย่างต่ำ 40,000./เดือน ขึ้นไป
3. มีองค์กรภายใต้สายงานอย่างน้อย 100 คน ขึ้นไป
4. ต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการสโมสร

เงื่อนไข
1. เปิดสินค้ากลุ่มปูแดง 100 รหัส (**B..เท่านั้น)
2. เปิดสินค้าสารปรับปรุงดิน 15 ตัน
3. วางเงินมัดจำ 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน)
- บริษัทฯลงสินค้า ปูแดงให้อีก 100 รหัส (ตามที่บริษัทฯกำหนด)
- บริษัทฯ ลงสินค้า สารปรับปรุงดินให้อีก 15 ตัน

สิ่งที่ได้รับ
1. รายได้จับคู่ 65,100+6,300 = 71,400 บาท
2. รายได้โบนัทอินฟินิตี้ 4,950 บาท
3. รายได้ค่าบริหารสารปรับปรุงดิน คืนทันที 25,000 บาท
4. แถมปูแดงไคซาน 6 ลิตร จำนวน 92 แกลลอน มูลค่า 101,200 บาท
5. ค่าบริหารสินค้าปูแดง ชุด *B=40 บาท/รหัส และ ชุด **B=80 บาท/รหัส
6. ค่าบริหารสารปรับปรุงดิน 1,700 บาท/ชุด/ตัน

ศูนย์พัฒนาบุคลากรฯ ประเภท ข (ย่อย)

คุณสมบัติ
1. เป็นนักธุรกิจอิสระเบสท์ 59 ปูแดงไคโตซาน
2. ต้องได้รับการรับรองจากผู้แนะนำ/up line ที่เป็นคณะกรรมการสโมสร หรือชมรมนักธุรกิจมือทอง

เงื่อนไข
1. เปิดสินค้ากลุ่มปูแดง 55 รหัส (**B..เท่านั้น)
2. เปิดสินค้าสารปรับปรุงดิน 15 ตัน

สิ่งที่ได้รับ
1. รายได้จับคู่ 38,100+6,300 = 44,400 บาท
2. รายได้ค่าบริหารสารปรับปรุงดิน คืนทันที 25,000 บาท
3. แถมปูแดงไคซาน 6 ลิตร จำนวน 66 แกลลอน มูลค่า 72,600 บาท
4. ค่าบริหารสินค้าปูแดง ชุด *B=20 บาท/รหัส และ ชุด **B=50 บาท/รหัส
5. ค่าบริหารสารปรับปรุงดิน 1,700 บาท/ชุด/ตัน

เหตุผล 50 ประการที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของการทำธุรกิจเครือข่าย

เหตุผล 50 ประการที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวของการทำธุรกิจเครือข่าย

1. การไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆที่เขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้ไม่รู้เลยว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต
2. ไม่มีทิศทาง วิสัยทัศน์ หรือความฝันใดๆ ทำให้สับสนและหลงทาง
3. ไม่มีการกำหนดให้มีพันธสัญญาอย่างเป็นทางการกับธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการลงมือทำอย่างจริงจัง
4. เลิกล้มความพยายามเร็วเกินไป มักจะถอนตัวภายใน 90 วันแรก
5. เกียจคร้าน ต้องการจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากดาวน์ไลน์ของตนโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย
6. ไม่จัดตั้งให้มีฐานการค้าปลีกในธุรกิจ
7. ไม่ทำงานอย่างสม่ำเสมอ
8. ไม่พอใจกับรายได้ของอัพไลน์ หยุดการขายเพื่อขัดขวางไม่ให้อัพไลน์ได้รับโบนัสจากผลผลิตของตน ถือเป็นทัศนคติที่ทำร้ายตนเองอย่างหนึ่ง
9. มักจะกล่าวโทษและหาความผิดกับบริษัท สินค้า แผนการตลาด การขาดการสนับสนุนจากอัพไลน์เป็นต้น โดยไม่ได้สำนึกว่าหากผู้อื่นประสบความสำเร็จภายใต้สถาณการณ์คล้ายๆกันนี้ เขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
10. หวังลมๆ แล้วจากความพยายามเพียงเล็กน้อยที่ตนได้ทำไว้

11. มีความอดทนไม่เพียงพอ ต้องการเงินก้อนโตในระยะเวลาที่สั้นเกินไป โดยขาดความกระตือรือร้นในการทำในสิ่งที่จำเป็น
12. บ่นมากเกินไป และ ประพฤติตนคล้ายเด็กเล็กๆที่มักร้องให้โยเย เป็นนักขายที่ไร้ผลงาน
13. รับอิทธิพลในความคิดเห็นแง่ลบได้อย่างง่ายๆจากสมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง มิได้ฟังจากด้านบวก
คิดด้วยตัวเองไม่ได้
14. มักจะหาข้อแก้ตัวเสมอ
15. คิดว่าตนรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง
16. มักจะย้ายบริษัทบ่อยๆโดยที่ยังไม่มีผลงานอะไรเลย ไม่เคยทำยอดขายสูงๆได้
17. ต้องการเพียงสนับสนุนนักขายที่มีผลงานดีเด่น แทนที่จะเรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะกลายเป็นเช่นเขาผู้นั้นได้ (หากได้รับการสนับสนุนจากยอดนักขายจะเป็นการดีกว่าที่จะไปสนับสนุนยอดนักขาย ด้วยวิธีนั้นคุณจะสามารถเรียนรู้ว่า นักขายดีเด่นเขาประสบความสำเร็จกันอย่างไร )
18. ไม่มีความเป็นระเบียบ เสียเวลามากมายในการหาเอกสาร โต๊ะทำงานรก
19. มีระบบการจดบันทึกข้อมูลที่ไม่ดี
20. ให้ความสนใจเพียงกำไรส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีความเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้าและดาวน์ไลน์

21. ไม่ทราบวิธีประสบความสำเร็จในการตลาดแบบเครือข่าย และไม่สนใจที่จะเรียนรู้
22. ลูกค้าหรือดาวน์ไลน์เข้าหาได้ยาก
23. ไม่โทรกลับในทันที
24. พลาดในการรักษาข้อตกลงและนัดหมายและยังไม่ให้เหตุผลอีกด้วย
25. ไม่ติดตามผลผู้มุ่งหวังและลูกค้า ไม่แสดงความเอาใจใส่
26. เสียกำลังใจกับปัญหาและความไม่สะดวกเล็กๆน้อยๆ
27. พูดให้ร้ายบรืษัทอื่น ทำให้หมดความน่าเชื่อถือ
28. ไม่มีความจริงจังที่จะทำ
29. ขาดความเคารพนับถือในตนเอง มักขับรถรกๆสกปรกไม่ขัดเงา ไม่เคยสำนึกว่าผู้มุ่งหวังจะมองว่าคนๆนี้ไม่มีความเคารพนับถือในตนเองเลย
30. แจกจ่ายข้อมูลที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ ยุ่งเหยิง และขาดคุณภาพ

31. นำเสนอตัวอย่างประโยชน์ของสินค้าที่ไม่ได้ความให้ลูกค้าฟัง
32. ไม่มีความเชื่อถือในตัวสินค้า
33. ไม่จัดการกับคำติชมของลูกค้าหรือดาวน์ไลน์
34. ไม่สนใจหรือไม่กล่าวคำชมความสำเร็จหรือผลการทำงานของดาวน์ไลน์ เห็นแก่ตัวมากเกินไป
35. มักจะอยู่ในสังคมที่มีทัศนคติในทางลบ แทนที่จะอยู่กับบุคคลที่สามารถทำยอดได้สูงสุด พึงระลึกไว้ว่านกประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน
36. ไม่กระจายข้อมูลที่มีความเร่งด่วนไปสู่ดาวน์ไลน์ในทันที
37. ใช้เวลามากเกินไปในการจัดระเบียบ และใช้เวลาน้อยเกินไปในการพูดคุยกับผู้มุ่งหวังหรือลูกค้า ทำให้มีนิสัยที่หลีกเลี่ยงที่จะพบปะผู้คน
38. คาดหวังว่าจะได้รับสิ่งที่ดีพร้อมจากบริษัทที่เพิ่งเข้าไปทำงาน โดยปราศจากความสำนึกว่านั่นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา
39. ไม่ใช้เวลาในการวางแผนเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจ
40. ไม่มีบุคลิกลักษณะของมืออาชีพ

41. ไม่ติดตามข่าวหรือเหตุการณ์ในวงการธุรกิจเลย
42. ไม่มีความพร้อมทางร่างกาย
43. ไม่ฝ่าฟันที่จะทำให้ดีที่สุด
44. หูเบา เชื่อข่าวลือ ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้ถูกหลอกได้ง่ายๆ
45. อยู่ในโปรแกรมการตลาดที่ไม่ถูกต้อง
46. ไม่มีความเชื่ออย่างแท้จริงว่า “ผลที่จะเกิดขึ้น มาจากการกระทำของตัวเราเอง “
47. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการตลาดแบบลูกโซ่แบบพีระมิดที่ผิดกฎหมาย และโครงการร้อยเล่ห์เพทุบายอื่นๆ
48. หวังพึ่งแต่กากเดนที่กระเด็นมาจากความพยายามของผู้อื่น ต้องการบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ทำอะไรเลย
49. ไม่ต้องการเสี่ยง เช่นการลงทุนในการโฆษณา เฝ้าแต่รอคอยและดูสิ่งต่างๆเกิดขึ้นเอง แทนที่จะทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น
50. เมื่อถูกปฏิเสธก็หมดความพยายามเอาดื้อๆ ไม่ยอมเป็นฝ่ายโทรหาคนอื่นก่อน

..... มีกลอนมาให้เป็นกำลังใจครับ ..... มาจากอ.พนม ปรีเจริญ เป็นผู้แต่งครับ (ผมชอบมาก ๆ เลย)

กว่าจะลุกหลายทีอาจมีล้ม...
กว่าจะจมหลายทีมีผุดบ้าง...
กว่าจะข้นหลายทีมีเจือจาง...
กว่าจะสร้างหลายทีมีทำลาย...
กว่าจะตื้นก่อนนั้นมันเคยลึก...
กว่าสำนึกก่อนนั้นมันเกือบสาย...
กว่าเกิดได้ก่อนนั้นมันเกือบตาย...
กว่ารวยได้ก่อนนั้นมันเคย...จน

การเปิดจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดินและการแจงยอดสารปรับปรุงดิน

การเปิดจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดินและการแจงยอดสารปรับปรุงดิน

เรียน ท่านนักธุรกิจอิสระบริษัท เบสท์ 59 จำกัด ทุกท่าน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 เป็นต้นไป การเปิดจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดินและการแจงยอดสารปรับปรุงดินเป็นดังนี้

1. การเปิดจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดิน 15 ตัน,สารปรับปรุงดิน 31 ตันที่สำนักงานใหญ่ นักธุรกิจอิสระทุกท่านต้องระบุสถานที่ส่งสารปรับปรุงดิน (บ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ จังหวัด หรือแผนที่ เบอร์โทรศัพท์และชื่อผู้ติดต่อ) ทุกครั้ง

2. การแจงยอดสารปรับปรุงดิน

2.1 กรณีที่แจงยอดสารปรับปรุงดินผ่านจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดินทั่วประเทศท่านนักธุรกิจอิสระต้องระบุชื่อเจ้าของจุดจำหน่ายให้ถูกต้อง (รหัสจุดจำหน่าย ชื่อจุดจำหน่าย ชื่อผู้แจงยอด เบอร์โทรจุดจำหน่าย) ให้เรียบร้อยก่อนยื่นใบสมัครหรือใบแจงยอดหน้าเคาน์เตอร์ชำระเงินหรือก่อนส่งแฟกซ์ หรือส่งอีเมล์มาที่สำนักงานใหญ่

2.2 กรณีที่แจงยอดสารปรับปรุงดินแล้วมีสินค้าปูแดงรวมเป็น VIP ของแถม VIP สองดอกจัน (**) ทางบริษัทฯจะจัดส่งพร้อมสารปรับปรุงดินที่ท่านแจงยอดครบ 15 ตันแล้วเท่านั้น

2.3 กรณีที่แจงยอดสารปรับปรุงดินแล้วมีสินค้าปูแดงรวมเป็น VIP แล้วจุดจำหน่ายสารปรับปรุงดินไม่ใช่ศูนย์ปูแดงท่านนักธุรกิจอิสระต้องรับสินค้าปูแดงที่สำนักงานใหญ่หรือคลังสินค้าของบริษัทฯ เท่านั้น (ขอนแก่น,พิษณุโลก,จันทบุรี,นครราชสีมา,ลำพูน,สุราษฎร์ธานี,สุพรรณบุรี)

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
คุณโอภาส จารุเกียรติภิญโญ
ฝ่ายสต็อกสินค้าบริษัท เบสท์ 59 จำกัด

การเปิดศูนย์พัฒนาบุคลากรและบุคลิกภาพ (ศูนย์จำหน่ายปูแดงไคโตซาน)

การเปิดศูนย์พัฒนาบุคลากรและบุคลิกภาพ (ศูนย์จำหน่ายปูแดงไคโตซาน)

ศูนย์พัฒนาบุคลากรฯ ประเภท ก (มาตรฐาน)


คุณสมบัติ
1. เป็นนักธุรกิจอิสระเบสท์ 59 ปูแดงไคโตซาน
2. มีรายได้ในระบบแผนการตลาดอย่างต่ำ 40,000./เดือน ขึ้นไป
3. มีองค์กรภายใต้สายงานอย่างน้อย 100 คน ขึ้นไป
4. ต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการสโมสร

เงื่อนไข
1. เปิดสินค้ากลุ่มปูแดง 100 รหัส (**..เท่านั้น)
2. เปิดสินค้าสารปรับปรุงดิน 15 ตัน
3. วางเงินมัดจำ 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน)
- บริษัทฯลงสินค้า ปูแดงให้อีก 100 รหัส (ตามที่บริษัทฯกำหนด)
- บริษัทฯ ลงสินค้า สารปรับปรุงดินให้อีก 15 ตัน


ศูนย์พัฒนาบุคลากรฯ ประเภท ข (ย่อย)

คุณสมบัติ
1. เป็นนักธุรกิจอิสระเบสท์ 59 ปูแดงไคโตซาน
2. ต้องได้รับการรับรองจากผู้แนะนำ/up line ที่เป็นคณะกรรมการสโมสรหรือชมรมนักธุรกิจมือทอง

เงื่อนไข
1. เปิดสินค้ากลุ่มปูแดง 55 รหัส (**..เท่านั้น)
2. เปิดสินค้าสารปรับปรุงดิน 15 ตัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 083-0340025 (คุณหนึ่ง)

ลูบคมขุนกระบี่ไร้เทียมทาน 'สมปอง'

ลูบคมขุนกระบี่ไร้เทียมทาน 'สมปอง-นพรุจ'จากผู้นำสู่นักธุรกิจชั้นเซียน ฉบับที่ 253 ประจำวันที่ 16-31 กรกฎาคม 2552
ลูบคมขุนกระบี่ไร้เทียมทาน 'สมปอง-นพรุจ'จากผู้นำสู่นักธุรกิจชั้นเซียน
แกะรอยเส้นทางความสำเร็จ 2 ผู้บริหารขั้นเทพวงการขายตรง..."สมปอง-นพรุจ" ผู้สร้างตำนานธุรกิจขายตรงหน้าใหม่...พร้อมเปิดบทพิสูจน์ความจริงไม่ใช่เรื่องโม้ จากผู้นำธรรมดากลายมาเป็นนักธุรกิจเลื่องชื่อได้อย่างไร?...ชี้! รางวัลบริษัทดีเด่นประจำปี 2552 คือ เครื่องหมายการันตีความสำเร็จของทั้งคู่

วันนี้ "ธุรกิจขายตรง" หากจะให้พูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ต้องบอกว่ามีนับไม่ถ้วน (เฉพาะผู้นำที่สำเร็จ) เท่านั้น...แต่หากจะให้พูดถึงคนที่เคยเป็น "ผู้นำ" แล้วผันตัวเองมาสู่ "นักธุรกิจ" จนประสบความสำเร็จ "สร้างชื่อเสียง" ได้อย่าง "กระหึ่ม" วงการขายตรงคงต้องบอกว่ามีน้อยมาก

แต่ ณ ชั่วโมงนี้ มีผู้ที่เคยเป็น "ผู้นำ" มาก่อน และกำลังสร้างความฮือฮาให้กับวงการขายตรง คงหนี้ไม่พ้นผู้บริหารทั้ง 2 ท่านนี้ นั่นคือ "สมปอง แซ่ตั้ง" ประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ 59 จำกัด เจ้าตำรับ "ปูแดง ไคโตซาน" และ "นพรุจ เวชกุล" ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด...เรียกได้ว่าผู้บริหารทั้ง 2 ท่านนี้ อาจจะมีธุรกิจที่ต่างกัน คือ อีกหนึ่งท่านทำธุรกิจเกี่ยวกับทางด้านเกษตรและอีกท่านหนึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพความสวยความงาม แต่บทสรุปความต่างที่มีคล้ายกันนั่นคือ..."ต้องการเห็นคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น"...

...ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของทั้ง "สมปอง-นพรุจ" เลยก็ว่า ที่ได้หอบเครื่องหมายการันตีความสำเร็จในการทำธุรกิจให้คนในวงการขายตรงได้ฮือฮาและอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กันนั่นคือ บริษัท เบสท์ 59 จำกัด หรือ "ปูแดง ไคโตซาน" ได้ขึ้นรับโล่เกียรติยศจากนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะบริษัทดีเด่นประจำปี 2552 ประเภท "ชุบเกษตรกรไทย ด้วยเกษตรอินทรีย์ขนานแท้"

ส่วน "บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด" รับโล่เกียรติยศบริษัทดีเด่นประจำปี 2552 ประเภท "สร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชนในอาชีพเครือข่าย"...ซึ่งทั้ง 2 รางวัลที่กล่าวมานี้นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิภาคใจของทั้ง 2 ผู้บริหารนี้เลยก็ว่าได้ เพราะอาจเรียกได้ว่ามีน้อยคนนักที่จะก้าวมาถึง ณ จุดนี้ได้

หลายคนอาจจะสงสัยว่า "ผู้บริหาร" ทั้ง 2 ท่านนี้เป็นใครมาจากไหน?...ทำไมถึงก้าวขึ้นมาสู่ "นักธุรกิจมืออาชีพ" ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้...ปักษ์นี้ทีมข่าว "ตลาดวิเคราะห์" ขอย้อนเข็มทิศขั้นบันไดความสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงปัจจุบันของทั้ง "สมปอง-นพรุจ" มาให้ท่านทราบพอสังเขปดังนี้

ขอดเกล็ด'สมปอง แซ่ตั้ง'
ผู้พลิกตำนาน'ปูแดง'ปลดหนี้
...เริ่มต้นขอพลิกประวัติ "นักบริหาร" ท่านแรก "สมปอง แซ่ตั้ง" เขาผู้นี้เป็นคนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เกิดมาไม่ได้อยู่ในตระกูลผู้ดีมีเงิน ก่อนที่จะก้าวมาสู่ความสำเร็จในปัจจุบันได้ เคยทำงานมาสารพัดอย่างตั้งแต่ขายก๋วยเตี๋ยว รับจ้างขนของ ทำโรงงานรองเท้าแตะ เรียกว่า "ผ่านงานมาเยอะ เจ็บมาก็แยะ"

จนกระทั่งบังเอิญมีคนมาแนะนำให้ "สมปอง" ได้รู้จักธุรกิจเครือข่าย และบอกว่าเป็นธุรกิจที่สามารถพลิกชีวิตให้ดีขึ้นได้จริงๆ ด้วยเหตุผลนี่เองทำให้ "สมปอง" จึงได้ลองเสี่ยงเข้ามาวัดใจในธุรกิจเครือข่ายนี้ดู ผลปรากฏว่า ทำไปได้หลายปีชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้นเสียที ต้องระหกระเหินจากค่ายนั้นค่ายนี้ เรียกว่าหาหลักแหล่งไม่เจอกันเลยทีเดียวในเวลาช่วงนั้น

และแล้วชีวิตใช่ว่าจะสิ้นหวังตลอด ได้มีเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งเป็นเจ้าของสูตรเปลือกกุ้งสกัดในนาม "ไคโตซาน" มานำเสนอสูตรดังกล่าวให้ดู และด้วยที่ช่วงนั้น ต้องบอกว่า "สมปอง" หลังพิงฝา จนตรอกจริงๆ ก็ต้องยอมเดิมพันด้วยเงินก้อนสุดท้ายกับธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรที่ชื่อ "ปูแดง ไคโตซาน" ด้วยการผันตัวเองให้เป็นผู้ประกอบการขายตรงรายเล็กๆ

สำหรับเส้นทางความสำเร็จของผู้ชายที่ชื่อ "สมปอง แซ่ตั้ง" นั้น ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ กว่าที่จะตั้งหลักปักฐาน สร้างชื่อเสียงของสินค้า "ปูแดง ไคโตซาน" ให้ดังกระฉ่อนได้นั้น ต้องบอกว่ากว่าที่จะขายได้แต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น ส่วนใหญ่สินค้าจะเป็นการแจกจ่ายให้ทดลองใช้เสียมากกว่า

...จากวันนั้นถึงวันนี้ ชื่อของ "ปูแดง ไคโตซาน" เริ่มที่จะเข้ามานั่งอยู่ในใจของประชาชนคนไทยเกือบทั่วทั้งประเทศแล้ว สังเกตได้จากยอดขายเริ่มต้นเพียงไม่กี่แสน เริ่มไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 10 ล้าน เป็น 100 ล้าน เป็น 1,000 ล้าน ซึ่งหากใครที่เริ่มต้นทำธุรกิจที่ "ปูแดง ไคโตซาน" ก็จะสามารถเห็นพัฒนาการของบริษัทนี้ได้เป็นอย่างดี

"สมปอง แซ่ตั้ง" เรียกได้ว่า "ผ่านร้อน ผ่านหนาว" ตลอดการทำงานในธุรกิจปูแดงมาก็เยอะ จากที่บริษัทยังเล็กๆ เช่าตึกอยู่จนเติบโตขึ้นมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีสำนักงานเป็นของตัวเอง มีคลังสินค้า มีจุดจำหน่ายที่พร้อมสรรพ...ซึ่งนี่ไม่ใช่โชคช่วยแต่เป็นความมุ่งมั่นที่ "สมปอง" มีอยู่ในตัวเองมาโดยตลอด

หากจะให้พูดถึงสาเหตุของความสำเร็จในวันนี้ คงจะเป็นในเรื่องของ "ความกล้าบ้าบิ่น" ของผู้ชายที่ชื่อ "สมปอง แซ่ตั้ง" ที่พร้อม "กล้าแลก กล้าเสี่ยง" บนความเป็นไปได้ของธุรกิจ...ซึ่งเขาผู้นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ปลุกกระแสสินค้าเกษตรให้กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาเลยก็ว่าได้...มิหนำซ้ำยังพลิกตำนานสร้างปูแดง ช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้ได้"ปลดหนี้ ปลดสิน" กันไปหลายต่อหลายคนอีกด้วย

...และด้วยความที่เคยเป็น "ผู้นำ" มาก่อน ค่อนข้างที่จะรู้ว่าผู้นำมีความต้องการอะไร เจอปัญหาแล้วต้องแก้ไขแบบไหน ซึ่งด้วยปัจจัยนี่เอง จึงทำให้ใครที่มาอยู่ที่ "ปูแดง ไคโตซาน" ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า..."สมปอง แซ่ตั้ง คือ นักธุรกิจที่เข้าใจคนทำงานจริงๆ"....

นิยามความสำเร็จของ "ปูแดง ไคโตซาน" ภายใต้การบริหารงานของ "สมปอง แซ่ตั้ง" ไม่ใช่หยุดเพียงแค่นี้ วันนี้ต้องบอกว่าจากองค์กรที่เล็กๆ มีพนักงานเพียงไม่กี่คน วันนี้สามารถสร้างรากฐานธุรกิจให้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรแบบไม่น้อยหนาค่ายไหนๆ เลยทีเดียว และยิ่งเป้าหมายในปีนี้ที่ "สมปอง แซ่ตั้ง" เคยประกาศไว้ คือ ต้องการปั้นยอดขายให้ได้ 1,000 ล้านบาท/เดือน ก่อนสิ้นปี 2552 รวมถึงต้องการที่จะนำพานักธุรกิจปูแดง ให้รวยเป็นหมื่นเป็นแสนคนไปแบบพร้อมๆ กัน ซึ่งต้องบอกว่าฝันนี่คงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ หากจะให้พูดถึงความภาคภูมิใจสำหรับการทำธุรกิจปูแดงไคโตซาน ของ "สมปอง" นั้น คงต้องบอกว่า น่าที่จะต้องภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรหลุดพ้นจากความยากจน ลืมตา อ้าปากได้จากการใช้ "ปูแดง ไคโตซาน"...ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของบริษัทที่ว่า "คุณภาพนำธุรกิจ สู่ชีวิตที่มั่นคง"

..."สมปอง แซ่ตั้ง"...นับได้ว่าเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์เกษตรกรไทยให้ร่ำรวยสมดั่งปรารถนา ถึงแม้จะไม่ทั่วทั้งประเทศไทย แต่เชื่อว่าอีกไม่นานชื่อของ "สมปอง แซ่ตั้ง" น่าที่จะเข้าไปนั่งในจิตใจของคนทั่วทั้งประเทศได้อย่างแน่นอนไม่เชื่อคอยดู!!

//ขอบคุณ หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์
Poodang.com

รูปสติ๊กเกอร์ปูแดง สำหรับติดรถ

ใบรับรองและผลการทดสอบสินค้าปูแดง

รูป CD แนะนำธุรกิจปูแดงแผ่นใหม่

รูป CD แนะนำธุรกิจปูแดงแผ่นใหม่

ใบรับรองและผลการทดสอบสินค้าปูแดง

ใบรับรองและผลการทดสอบสินค้าปูแดง







โปรชัวร์ปูแดง ขนาดA4 แบบใหม่ (04/08/52)

โปรชัวร์ปูแดง ขนาดA4 แบบใหม่ (04/08/52)