วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ศูนย์รวมความรู้ทางเกษตร พืช ผัก ผลไม้ ข้าว ไม้ดอก ไม้ผล โรคพืชและแมลง

target="_blank">http://plantrit.blogspot.com/

ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน

ลักษณะที่ดีของธุรกิจที่น่าลงทุน
1. เน้นคุณภาพ เน้นความเป็นหนึ่ง เน้นสินค้าหนึ่งเดียวที่ถูกต้อง พิสูจน์ ยืนยันได้ชัดเจนเน้นเป็นหนึ่งเดียวของคุณภาพ
2. เน้นความปลอดภัย เน้นให้เห็นชัดเจนถึงความปลอดภัยที่ใช้สินค้านี้แล้ว ไม่มีผลร้ายต่อสุขภาพ
3. เน้นความถูกต้องตามกฎหมาย แสดงให้เห็นสินค้าที่มีสิทธิถุกต้องมีใบรับรองจากผู้คิดค้น ผู้ผลิต ได้รับใบอนุญาต
4. ผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่าง ควรมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะถ้าไม่แตกต่างคุณจะมีคู่แข่งจำนวน มากและแตกต่างแล้วควรที่จะใช้แล้วหมด ไปด้วยเพราะความพยายามของคุณครั้งเดียว จะนำมาซึ่งการสั่งซื้อซ้ำ
5. ควรเลือกทำธุรกิจโดยเลือกทำกับตลาดที่กว้างและมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
6. แนวโน้ม ต้องดูแนวโน้มหรือทิศทางของตลาดใน อนาคตว่ามีทิศทางไปทางไหนเพื่อที่ธุรกิจ ที่คุณทำจะอยู่ในความต้องการของคน

เช็คว่าคุณ ฟุ่มเฟือยไหม?

เงิน


เช็คว่าคุณฟุ่มเฟือยไหม?
โดย คนสมถะ

มีหลายคนพึมพำให้ฟังกันตรึมเลยว่า ผู้ที่มีรายได้จำกัดจำเขี่ยหรือมีรายรับจากเงินเดือนอย่างเดียวเนี่ย ชักจะอยู่กันไม่รอดซะแล้วสิ เพราะแต่ละเดือน โอ้โห มีรายจ่ายให้ต้องควักใช้เพิ่มขึ้นอีกตั้งยุ่บยั่บ อย่างค่าอาหารงี้เห็นได้ชัดที่สุด เดือนๆ ต้องกินต้องใช้ คิดเป็นรายจ่ายที่สูงเอาการ

เอ้า ยกตัวอย่างจากราคาอาหารตามร้านทั่วๆ ไปก็ได้ ถ้าให้กะราคาก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวผัดจะตกอยู่ราวจานละ 30-40 บาท ซึ่งราคาเนี้ยยังไม่แน่ เลยนะว่าจะกินกันอิ่มหนำ สำราญในจานเดียวรึเปล่า? เพราะผู้ที่ทานจานเดียวไม่ อิ่มก็มีเยอะไม่ใช่เล่นนะ นี่ยังไม่ได้นับค่าขนมนมเนยหรือขนมไทยๆ เช่น กล้วยบวชชี, ข้าวเหนียวถั่วดำและบัวลอยเผือกที่พวกเราชอบทานเพื่อให้ ชีวิตแต่ละวันมีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิมอีกล่ะ

ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาลนี่ก็แพงหูฉี่ ปกติคนทำงานกินเงินเดือนกระจิบกระจ้อยร่อยน่ะ อยากไปหามดหาหมอตามโรงพยาบาลของรัฐทั้งนั้นแหละ เพราะถึงไงก็ยังได้ทุ่นเรื่องค่าใช้จ่ายไปบ้างเมื่อเทียบกับค่ารักษาของ เอกชน

แต่เพราะคนไข้แห่กันไปใช้บริการกับโรงพยาบาลของรัฐกันเยอะเหลือเกินนี่สิ เหตุนี้ "คนทำงานที่ไม่สามารถรอรับบริการในโรงพยาบาลของรัฐ" ได้ เพราะต้องรอคิวกันน้านนาน เลยหันไปหาเอกชนกันเป็นแถ้ว จึงได้แต่หวังนะฮะว่า รัฐน่าจะขยายเพิ่มโรงพยาบาลหรือเพิ่มสวัสดิการสังคมเพื่อให้ประชาชนตาดำๆ ได้มีโอกาสเข้ารับบริการของรัฐกันมากขึ้น เพราะอย่างว่าอ่ะ คนจนมีมากกว่านี่หว่า ก็น่าจะช่วยๆ กันไป ยิ่งรัฐบาลใจดีอยู่แล้วก็อยากฝากเรื่องนี้ไว้นิ้ดนึงนะฮ้า

เฮ่อ พอบ่นจบแล้วก็แฮปปี้ จึงอยากชวนคุณผู้อ่านเลี้ยวกลับมาเช็กสุขภาพทางการเงินในกระเป๋าของพวกเรากันดีกว่า ว่ายังคงมีเงินจับจ่ายใช้สอยหรือว่ากลายเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวไปแล้ว กันแน่เนอะ โดยตอบคำถามต่อไปนี้นะว่า ใช่หรือไม่ใช่ เช่น...

1. คุณไม่ก่อหนี้ด้วยการ ซื้อมือถือสุดหรู, นาฬิกา แสนแพง หรือรถเก๋งสุดเท่มาใช้ โดยไม่คำนึงถึงฐานะการ เงินของตัวเองเลยใช่ไหมจ๊ะ เพราะแหม คุณน่ะขึ้นชื่อว่าเจียมเนื้อเจียมตัวจะตายจริงม้า?
2. คุณปฏิเสธที่จะมีบัตรเครดิตใบใหม่ แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ คะยั้นคะยอขอให้ช่วยเค้าแค่ไหนก็ตาม เอ้าโถ คุณมีบัตรเครดิตอยู่แล้วนี่นา แล้วจะอยากได้ใบใหม่ไปทำไมอีกล่ะใช่ปะ?
3. คุณไม่เคยใช้บัตรเครดิตซื้อของจนเต็มวงเงินของบัตรสักที งั้นเรอะ?
4. ถึงแม้คุณจะมีหนี้อยู่บ้าง แต่ก็สามารถจ่ายหนี้ผ่านไปได้ทุกเดือนใช่มะ?
5. ถ้าคุณมีเงินไม่พอใช้ละก็ คุณจะแก้ไขด้วยการหางานพิเศษทำ เช่น ไปเปิดร้านแบกะดินขายของตามตลาดนัด หรือไม่ก็ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา เปิดสอนพิเศษซะเลยใช่ป่าว?

เอาล่ะเฉลยกันแล้ว ถ้าตอบว่าใช่ แสดงว่าคุณยังพอมีตังค์ใช้ และไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือย...ไชโย

ภาพตัวอย่างวิธีเช็คสายงานและรายได้

10 วิธีทำให้คนอื่นชอบคุณ

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน การได้เป็นที่รัก ที่ชอบพอของคนรอบตัวนั้น ก็นับเป็นสิ่งประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา

แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องดีงามเป็นพื้นฐานด้วย ไม่ใช่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นพอใจรักใคร่ ทั้ง 10 ข้อที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสูตรปรุงเสน่ห์ ซึ่งทำได้ไม่ยาก แต่ท้าทายให้ทุกคนใส่ใจและทดลองปฏิบัติ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถึงเวลา หากสำรวจเข้าจริงๆ บางคนก็ขาดไปหลายข้อเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา ง่ายเสียจนเราละเลย ลืมให้ความสำคัญ ลืมปฏิบัติกันให้เป็นนิสัย

1. จำชื่อเขาให้ได้
ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ

2. รู้จักทักทาย
การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?

3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า
จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้

4. มีนิสัยง่ายๆ
นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด

5. อย่าอวดตัวเอง
จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า

6. จงมีนิสัยร่าเริง
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย

7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ

8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม

9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง
น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย”

10. ชมเชยให้เป็น
อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!

2 คน ที่เราควรคิดถึงมากที่สุดในโลก


โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน ทีวี และสวนหน้าบ้าน มีไว้สำหรับพ่อและแม่

เวลาไม่มีเงิน
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน

คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อน

อยากได้รถ
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีรถ

คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อน

ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน
มีสำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน เพื่อความอยู่รอด
ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน เพื่อให้หลับฝันดี
เวลาเรามีความสุข

มักจะมองหาแฟนและเพื่อน

เวลาเรามีความทุกข์
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่
เวลาประสบความสำเร็จ
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัดฉลองและสังสรรค์ แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
ทีวี และสวนหน้าบ้าน
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ
พ่อและแม่กับทำงาน หรือ นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น เพื่อแลกความสุขของลูก อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ
เวลาแต่งงาน
คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่ คนที่มีความสุขคือลูก

พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย เพื่อให้ลูกได้ดี
แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
พ่อและแม่ คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก แต่พอลูกมีปัญหา
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่
ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด อาจเป็นคำง่ายๆ สั้นๆ ที่ มีความหมายยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

เราอาจไม่ต้องคิดถึงท่านในทุกๆเวลาที่เราหายใจเพราะเรารู้ ว่าท่านคงไม่ได้เรียกร้องมากมายขนาดนั้นขอแค่ 1 ใน 10 ของที่ท่านคิดถึงเราก็พอ เพียงเท่านี้ ... ท่านคงจะดีใจ ...

ที่มา : forward mail

อย่าสัญญากับใครถ้าคุณทำไม่ได้

ความรัก

เด็กสาวตาบอดคนหนึ่ง เกลียดตัวเองที่มองอะไรไม่เห็นเธอเกลียดทุกคนยกเว้นแฟนหนุ่มของเธอ

วันหนึ่งเธอบอกกับเขาว่า "ถ้าเธอมองเห็น เธอจะแต่งงานกับเขา"

แล้ววันหนึ่ง โชคก็เดินทางมาถึง มีคนบริจาคดวงตาให้เธอ!

เธอจึงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งแฟนของเธอ

เขาจึงถามเธอว่า "ตอนนี้เธอมองเห็นแล้ว เธอจะแต่งงานกับฉันไหม"

เด็กสาวตกใจมากที่เห็นว่า เขาตาบอด!

เธอตอบเขาว่า "ขอโทษนะ ฉันแต่งงานกับเธอไม่ได้หรอก เพราะเธอมันตาบอด"

แฟนของเธอเดินจากไปพร้อมน้ำตา

เขาบอกกับเธอว่า "งั้น...ช่วยดูแลดวงตาของฉันให้ดีก็แล้วกันนะ"

ที่มา : forward mail *-*

ภาพประกอบจาก : อินเทอร์เน็ต

3สิ่งยืนยันรักแรกพบของคุณคือเรื่องจริง


บางครั้ง การที่เราไม่เคยเจอกับตัวเอง เราก็อาจจะไม่เชื่อว่า รักแรกพบนั้นมีอยู่จริง

เรามักจะคิดว่า รักแรกพบนั้นเป็นเพียงอารมณ์หลงชั่ววูบ จากการที่เราได้พบใครสักคนหนึ่ง ที่ดูสวย, หล่อ หรือน่าสนใจ เมื่อแรกเห็น แต่รักแรกพบมีอยู่จริง และเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต หลายร้อย หลายพันปีมาแล้ว...
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เกี่ยวกับรักแรกพบ มีบันทึกเอาไว้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง เรื่องเล่าจากปากสู่ปาก งานศิลปะ หนังสือ ดนตรี บทกวี การละคร ภาพยนตร์ และในปัจุบัน คนโดดเดี่ยวหลายล้านคน ก็ยังรอคอยที่จะได้พบกับรักแรกพบ เข้าสักวัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรากำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งรักแรกพบ?

3 ข้อด้านล่างนี้ คือความจริง ที่จะบอกว่า คุณได้พบกับรักแรกพบอย่างแท้จริงเข้าให้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีความหมายมากกว่า การเกิดอารมณ์ความรู้สึกหลงไหล หรือเพียงแค่อาการตื่นเต้น หัวใจสูบฉีดอย่างรุนแรงชั่วขณะ

1.คุณรู้สึกว่าไม่จำเป็น ที่จะต้องรีบร้อนมีเซ็กส์
หากความรู้สึกเมื่อแรกพบของคุณ สื่อความต้องการออกมา เป็นเรื่องของความต้องการทางด้านร่างกาย คุณรู้สึกรีบร้อน กระวนกระวายใจ นี่ไม่ใช่ “รักแรกพบ” แต่จัดเป็น “หลงแรกพบ” มากกว่า ในทางตรงกันข้าม หากคุณรู้สึกว่า สามารถควบคุมแรงกระตุ้นทางด้านร่างกาย ได้อย่างง่ายดาย และคุณมีความรู้สึกว่า ต้องการที่จะรู้จักคนๆ นั้นให้มากขึ้น โดยค่อยๆ ทำความรู้จักไปที่ละนิด อย่างช้าๆ นี่ละ! รักแรกพบ และความรู้สึกเช่นนี้ ก็จะช่วยให้ คุณสามารถจัดการกับทุกอย่างได้อย่างลงตัว

2. คุณเห็นมุมที่คนอื่นๆ มองไม่เห็น ในตัวของคนๆ นั้น
คนอื่นๆ จะมองบุคลิกภาพ หรือลักษณะภายนอก ซึ่งทุกๆ คน สามารถมองเห็น และรู้สึกประทับใจ ได้เช่นเดียวกัน แต่ทว่า รักแรกพบ หรือการรักใครสักคน คุณจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลกว่านั้นอีก เช่นสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในตัวของคนๆ นั้น หรืออะไรสักอย่าง ที่คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกต หากคุณพบว่า ตัวเองสังเกตเห็น คุณค่าที่น่าประทับใจบางอย่าง จากคนๆ นั้น ซึ่งแม้แต่เพื่อนสนิทของคุณ ก็ไม่สามารถสังเกตเห็น นั่นแสดงว่า คุณได้พบกับรักแรกพบเข้าให้แล้ว

3. คุณต้องการเรียนรู้ทุกๆ สิ่ง เกี่ยวกับคนๆ นั้น เท่าที่คุณจะสามารถทำได้
สำหรับประเด็นในเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว อาจจะเกิดขึ้นได้ ในกรณี “หลงแรกพบ” ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หาก 2 ข้อ ที่ผ่านมา ชี้ชัดๆ แล้วว่า คุณมีความรู้สึกตามนั้น ดังนั้นแล้ว ข้อ 3 นี้ จะเป็นตัวตัดสิน และทำให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ และได้ผลสรุปออกมาว่า คุณได้เจอกับรักแรกพบเข้าให้แล้วจริงๆ

การรักใครสักคน หมายถึงความต้องการ ที่จะเรียนรู้ทุกๆ สิ่งๆ ที่คนๆ นั้นใช้ในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และประสบการณ์ชีวิต ในเรื่องต่างๆ และการตั้งใจเรียนรู้กันไปอย่างช้าๆ ด้วยความเข้าใจ จะพัฒนารักแรกพบ ไปสู่ชีวิตคู่ที่โรแมนติก แบบยาวนานต่อไป

นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง

นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง

1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม
2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น
3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง
5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง
6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้
7. นอนคลุมโปง การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานขอลสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว
9.ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ
10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

ที่มา http://learners.in.th/blog/zenkyo/186917

ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จธุรกิจปูแดง เบสท์59














































ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จธุรกิจปูแดง เบสท์59

คลิกที่นี่ www.poodang.com/docs/success1.pdf และ www.poodang.com/docs/success2.pdf

บริษัทปูแดง เซ็นสัญญารายการ InTVเดือนละ 2ล้านบาท




ภาพบรรยากาศการอบรม OPPปูแดงทั่วไทย




เกี่ยวกับบริษัทปูแดง เบสท์59 และผู้บริหาร






















แผนรายได้ปูแดงแบบสรุป 2 หน้า




รูปสินค้าปูแดงไคโตซาน