วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประวัติพระสีวลีเถระ

ประวัติพระสีวลีเถระ

พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่น ๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ.ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต

ความปรารถนาในอดีต

ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในครั้งนั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี ได้ยินพระพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งสาวกของพระองค์ชื่อสุทัสสนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ดังนั้น ทรงปรารถนาในตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์ พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน ครั้น ถวายมหาทานแล้วก็ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภในอนาคตกาล.พระปทุมุตตระบรมศาสดา จึงทรงพยากรณ์ว่าความปรารถนาของท่านนี้จะสำเร็จในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป ท่านจะบังเกิดในนาม สีวลี ได้บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าโคตมะ ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป

ต่อจากนั้น ท่านก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ท่องเที่ยวไปกำเนิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ครั้นในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้ถือปฏิสนธิในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลพระนครพันธุมดี ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนคร และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน

สมัยหนึ่งหลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครพันธุมดี ครั้งนั้น พระเจ้าพันธุมะซึ่งเป็นพุทธบิดา ได้ทรงเตรียมอาคันตุกทาน เพื่อภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงปรารถนาจะทำมหาทานแข่งกับชาวเมือง ในวันใดที่พระราชาเป็นผู้ถวายทาน เหล่ามหาชนก็จะสังเกตดู และในวันรุ่งขึ้นก็จะเตรียมทานให้ยิ่งกว่านั้น และในวันถัดไป พระราชาก็จะถวายให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ ซึ่งเป็นวันของชาวเมือง ชาวเมืองเหล่านั้นทั้งหมดได้จัดเตรียมสิ่งของไว้ทุกสิ่ง โดยตั้งใจจะไม่ให้มีสิ่งใดที่ขาดแม้สักสิ่งเดียว จึงได้ตรวจดูทานที่ตนได้เตรียมไว้ก็ไม่เห็นน้ำผึ้งสด มีเพียงน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว ชนเหล่านั้นจึงให้คนถือเอาทรัพย์คนละ ๑ พันกหาปนะแล้วส่งไปเฝ้ายังประตูพระนครทั้ง ๔ เพื่อขอซื้อจากผู้ที่มาจากชนบทนอกพระนคร

ในวันนั้นเอง ท่านเดินทางเข้ายังพระนครด้วยปรารถนาจะเยี่ยมนายบ้าน ในระหว่างทางท่านเห็นรวงผึ้งที่ปราศจากตัวอ่อน ขนาดเท่างอนไถ จึงไล่ตัวผึ้งให้หนีไป แล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้ง ด้วยตั้งใจว่าจะนำไปให้แก่นายบ้าน ฝ่ายผู้ที่ชาวเมืองมอบเงินไปเพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง พบท่านถือรวงผึ้งสดเข้ามาจึงขอซื้อในราคาหนึ่งกหาปนะ

ท่านเกิดความคิดว่า ธรรมดารวงผึ้งนี้ย่อมไม่ถึงค่าน้อยกว่าหนึ่งกหาปนะมาก แต่บุรุษนี้ให้ทรัพย์กหาปณะหนึ่ง เห็นจะมีเหตุเบื้องหลังอยู่ จึงตอบปฏิเสธไป บุรุษนั้นจึงขึ้นราคาให้เป็นสองกหาปนะ ท่านก็ยังปฏิเสธอีก บุรุษนั้นก็ขึ้นราคาไปเรื่อย ๆ จนถึงพันกหาปนะ

ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นเรื่องผิดปกติมากที่ขอซื้อรวงผึ้งสดด้วยราคาถึงพันกหาปนะ จึงได้สอบถามถึงเหตุผล บุรุษผู้นั้นจึงให้เหตุผลว่า พวกชาวพระนครได้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีสมณะ ๖ ล้าน ๘ แสนเป็นบริวาร ในมหาทานนั้นยัง ไม่มีน้ำผึ้งดิบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงขอซื้อ ในราคาเช่นนั้น.

ท่านเห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ จึงขอมีส่วนร่วมในมหาทานนั้น บุรุษนั้นไปบอกเนื้อความแก่ชาวเมือง. ชาวเมืองทราบในศรัทธาของเขาจึงอนุโมทนา ท่านจึงได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้านไปซื้อเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ทำให้ป่น นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้ว คั้นรังผึ้งลงในนั้น ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ใส่ลงในบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์ รับสักการะนี้เถิด พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา ทรงรับสักการะนั้นด้วยบาตรศิลา อันท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้ว ได้ทรงอธิษฐานให้ไทยธรรมที่ถวายเพียงพอแก่ภิกษุ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า.น้ำผึ้งนั้นก็มีเพียงพอแก่พระสาวกทั้งสิ้น

ครั้นแล้วท่านถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้กระทำภัตกิจ เสร็จแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลแห่งกรรมนี้ ขอข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยความเป็นผู้มีลาภ ในภพที่เกิดแล้ว ๆ ดังนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จอย่างนั้น ดังนี้แล้ว ทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขาและชาวเมืองแล้วเสด็จหลีกไป.

บุรพกรรมที่นำไปสู่อเวจีและต้องอยู่ในครรภ์พระมารดา ๗ ปี ๗ วัน

เมื่อท่านได้สิ้นอายุในสมัยนั้นแล้ว ท่านก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวอยู่สิ้นกาลนาน ต่อมาในสมัยหนึ่งท่านได้จุติจากเทวโลก บังเกิดเป็นราชโอรสแห่งพระเจ้ากาสี (อรรถกถาบางแห่งว่า พระเจ้าพรหมทัต) ผู้ครองกรุงพาราณสี ต่อมาพระเจ้าโกศลทรงกรีธากองพลใหญ่มายึดกรุงพาราณสี ทรงปลงพระชนม์พระเจ้ากาสีและได้สถาปนาพระอัครมเหสีของพระราชานั้นให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์. ฝ่ายพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี ในเวลาที่พระบิดาถูกปลงพระชนม์ ได้ทรงหนีออกทางประตูระบายน้ำ รวบรวมญาติมิตรและพวกพ้องของพระองค์ไว้เป็นอันเดียวกัน รวมกำลังโดยลำดับแล้วเสด็จมายังกรุงพาราณสี ตั้งค่ายใหญ่ไว้ในที่ไม่ไกล ทรงส่งพระราชสาสน์ถึงพระราชาองค์นั้นว่า จะคืนราชสมบัติหรือจะรบ.

พระมารดาได้สดับสาสน์ของพระราชกุมารแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับแนะนำไปว่า จงอย่ามีการต่อสู้ จงตัดขาดการสัญจรทั่วทุกทิศ โดยการล้อมกรุงพาราณสีไว้ พวกคนในกรุงก็จะพากันลำบากเพราะหมด ไม้ น้ำและอาหาร และจะจับพระราชามาถวายเอง พระราชกุมารได้สดับสาสน์ของพระมารดาแล้ว จึงล้อมประตูใหญ่ทั้ง ๔ ด้านไว้ ๗ ปี.แต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่ทรงดำริ เนื่องจากพวกคนในกรุงพากันออกทางประตูเล็ก นำเอาไม้และน้ำเป็นต้น มาทำกิจทุกอย่าง.

ครั้นพระมารดาของพระราชกุมารทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับถึงพระโอรส ตำหนิพระโอรสว่า ลูกเราโง่เขลาไม่รู้อุบาย จงปิดประตูน้อยล้อมกรุงไว้. พระราชกุมารทรงสดับพระราชสาสน์ของพระมารดา จึงได้ทรงกระทำอย่างนั้นถึง ๗ วัน ชาวพระนครเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ วันที่ ๗ จึงได้เอาพระเศียรของพระราชานั้นไปมอบแต่พระราชกุมาร พระราชกุมารได้เสด็จเข้ากรุงยึดราชสมบัติ.

ท่านได้กระทำกรรมนี้แล้ว ในกาลที่สุดแห่งอายุ ไปบังเกิดในอเวจี หมกไหม้อยู่ในนรกตราบเท่ามหาปฐพีนี้หนาขึ้นได้ประมาณโยชน์หนึ่ง

เพราะผลกรรมที่ล้อมพระนครไว้ถึง ๗ ปีในครั้งนั้น บัดนี้พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภี กล่าวคือพระครรภ์ของมารดา ๗ วัน. แต่เพราะล้อมกรุงไว้ถึง ๗ วันโดยเด็ดขาด จึงถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง๗ วัน. ส่วนในอรรถกถาชาดกท่านกล่าวว่า เพราะผลกรรมที่ล้อมกรุงยึดไว้ถึง ๗ วัน. พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภีถึง ๗ ปีแล้วถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง ๗ วัน. ก็พระองค์เป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนาที่บาทมูลของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี. ฝ่ายพระนางสุปปวาสา อุ้มครรภ์อยู่ถึง๗ ปี หลงครรภ์อยู่ถึง ๗ วัน เพราะที่ส่งสาสน์ไปว่า พ่อจงล้อมพระนครยึดไว้. พระมารดาและบุตรเหล่านั้น ได้เสวยทุกข์เช่นนี้อันสมควรแก่กรรมของตน ด้วยประการฉะนี้.

กำเนิดในพุทธกาล

ครั้นพ้นจากนรกอเวจีแล้ว ก็เที่ยวเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้ จึงได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของ พระนางสุปปวาสา ราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ กษัตริย์พระนครโกลิยะ ซึ่งทรงอภิเษกกับเจ้าศากยวงศ์พระองค์หนึ่ง พระนางนั้นพระบรมศาสดาได้ทรงสถาปนาพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ถวายของมีรสประณีต และได้ทรงปฏิบัติธรรมจนบรรลุโสดาบันปัตติผล

ด้วยกุศลกรรมแห่งการที่ท่านเป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนาในสมัยแห่งองค์พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และอานิสงส์ที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี.นับแต่วันที่ท่านถือปฏิสนธิ ก็มีคนถือเอาเครื่องบรรณาการมาให้พระนางสุปปวาสา วันละร้อยเล่มเกวียน ทั้งในเวลาเย็นและในเวลาเช้า

ครั้งนั้น คนทั้งหลายด้วยความปรารถนาจะลองบุญนั้น จึงให้นางเอามือจับกระเช้าพืช.พืชแต่ละเมล็ด ผลิตผลออกมาเป็นพืชตั้งร้อยกำ พันกำ พืชที่หว่านลงไปในที่นาแต่ละกรีส (หน่วยวัดที่นาในสมัยพุทธกาล) ก็เกิดผลประมาณ ๕๐ เล่มเกวียนบ้าง ๖๐ เล่มเกวียนบ้าง แม้ในเวลาขนข้าวใส่ยุ้ง คนทั้งหลายก็ให้นางเอามือจับประตูยุ้ง ด้วยบุญของราชธิดาเมื่อมีคนมารับของไป ของที่พร่องไปนั้นก็กลับเต็มเหมือนเดิม เมื่อคนทั้งหลายพูดว่า บุญของราชธิดา แล้วให้ของแก่ใคร ๆ จากภาชนภัตรที่เต็มบริบูรณ์ ภัตรย่อมไม่สิ้นไป จนกว่าจะยกของพ้นจากที่ตั้ง

ด้วยผลกรรมของพระนาง ที่ได้ส่งสาส์นลับไปแนะนำพระราชโอรส ร่วมกับวิบากกรรมของพระโอรสในอดีตที่ได้ล้อมกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลาถึง ๗ ปี ทำให้เวลาล่วงไปถึง ๗ ปี.ก็ยังไม่มีพระประสูติกาล

ครั้นเมื่อครบกำหนด ๗ ปีแล้ว ด้วยวิบากกรรมร่วมกันของพระนาง กับ พระโอรสที่ได้ปิดล้อมประตูเล็กของกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลา ๗ วัน ทำให้ชาวเมืองไม่สามารถออกจากเมืองมาหาอาหารและสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ได้รับความลำบากมาก ทำให้พระนางเสวยทุกข์หนักตลอด ๗ วัน

พระนางปรารภกับพระสวามีปรารถนาจะถวายทานก่อนที่จะตาย จึงส่งพระสวามีไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อไปกราบทูลเรื่องนี้ แล้วนิมนต์พระบรมศาสดา และถ้าพระบรมศาสดาตรัสคำใด ขอให้ตั้งใจจดจำคำนั้นให้ดีแล้วกลับมาบอกพระนาง พระสวามีจึงเดินทางไปแล้วกราบทูลข่าวแด่พระพุทธองค์ พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาจงมี ความสุข จงมีความสบาย ไม่มีโรค จงคลอดบุตรที่หาโรคมิได้เถิด พระสวามีได้ยินดังนั้นจึงถวายบังคมพระศาสดา ทรงมุ่งหน้าเสด็จกลับพระราชนิเวศน์

[font=Cordia New][size=4]ในเวลาเมื่อพระบรมสุคตตรัสเสร็จ พระกุมารก็คลอดจากพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสาอย่างสะดวก เหล่าพระญาติและบริวารที่นั่งล้อมอยู่เริ่มหัวเราะ ทั้งที่หน้านองด้วยน้ำตา มหาชนยินดีแล้ว ร่าเริงแล้ว ได้ไปกราบทูลข่าวที่น่ายินดีแด่พระสวามีที่กำลังเดินทางกลับ พระราชาทรงเห็นอาการของชนเหล่านั้นทรงดำริว่า พระดำรัสที่พระทศพลตรัสเห็นจะเป็นผลแล้ว พระองค์จึงกราบทูลข่าวของพระทศพลนั้นแด่พระราชธิดา พระราชธิดาตรัสให้พระสวามีไปนิมนต์พระทศพล ตลอด ๗ วัน พระสวามีทรงกระทำดังนั้นและได้มีการถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน การประสูติของทารก ได้ดับจิตที่เร่าร้อนของพระประยูรญาติทั้งหมด เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติจึงเฉลิมพระนามของกุมารนั้นว่า

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หลักธรรมในการดำรงชีวิต

หลักธรรมในการดำรงชีวิต

ด้านการดำรงชีวิต
ฆราวาสธรรม 4 ประการ คือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ

สัจจะ คือ จริงใจ
ทมะ คือ ความข่มใจ
ขันติ คือ ความอดทน
จาคะ คือ ความมีน้ำใจ

ด้านการเงิน
คาถาหัวใจเศรษฐี ได้แก่ อุ อา กะ สะ

อุ คือ ให้หมั่นขยันหาทรัพย์
อา คือ ให้หมั่นเก็บรักษาทรัพย์ไว้
กะ คือ ให้หมั่นคบคนดีเป็นมิตร หรือ สร้างเครือข่ายคนดี
สะ คือ เลี้ยงชีวิตตามสมควร สมัยนี้ นิยมใช้คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง

ด้านการงาน
อิทธิบาท 4 คือ ธรรมะแห่งความสำเร็จ ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ฉันทะ รักพอใจที่จะทำงานนั้นๆ
วิริยะ พากเพียรที่จะทำงานนั้นๆ
จิตตะ มีจิตใจจดจ่อในงานนั้น มุ่งสมาธิในเรื่องงานนั้น
วิมังสา คือ ใคร่ครวญด้วยสติปัญญา หาวิธีการที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จ

ด้านครอบครัว
สังคหวัตถุ 4 คือ ธรรมะแห่งความมีเสน่ห์ ได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา
ทาน คือ การให้ แบ่งปัน ไปเยี่ยมญาติมิตร ก็รู้จักมีของติดไม้ติดมือไปฝาก ไม่ใช่ไปมือเปล่า
ปิยวาจา คือ พูดจาดีๆ ต่อญาติมิตร
อัตถจริยา คือ ร่วมด้วยช่วยกัน เวลาญาติมิตรขอเรี่ยวขอแรงก็เข้าไปช่วยเต็มความสามารถ เป็นต้น
สมานัตตา คือ ดีต่อญาติมิตรเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่ ต่อหน้ารัก ลับหลังนินทาญาติมิตร เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อัพเดทเทรนด์อาชีพมาแรง : อาหารสมอง

อัพเดทเทรนด์อาชีพมาแรง : อาหารสมอง

เกร็ดความรู้การทำบุญทำทานให้ได้บุญเป็นพิเศษแบบปาล์ม | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

เกร็ดความรู้การทำบุญทำทานให้ได้บุญเป็นพิเศษแบบปาล์ม | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

อยู่ห่างไกลวัดก็ทำบุญได้ง่ายๆ ไม่มีเงินก็ทำบุญได้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

อยู่ห่างไกลวัดก็ทำบุญได้ง่ายๆ ไม่มีเงินก็ทำบุญได้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

สังฆทาน ได้อานิสงส์มาก หากทำถูกต้อง | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

สังฆทาน ได้อานิสงส์มาก หากทำถูกต้อง | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

อานิสงค์ของการทำบุญ (ทาน ศีล ภาวนา) | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

อานิสงค์ของการทำบุญ (ทาน ศีล ภาวนา) | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การแก้คุณไสยฯ คุณผี คุณคน เบื้องต้น ก่อนที่จะวิ่งหาหมอแก้ โดยปาล์ม | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การแก้คุณไสยฯ คุณผี คุณคน เบื้องต้น ก่อนที่จะวิ่งหาหมอแก้ โดยปาล์ม | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

พระคาถาที่ใช้ได้สารพัดทาง ที่ครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

พระคาถาที่ใช้ได้สารพัดทาง ที่ครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ แก้คุณไสยฯ คุณผี คุณคน เบื้องต้น ก่อนที่จะวิ่งหาหมอแก้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ แก้คุณไสยฯ คุณผี คุณคน เบื้องต้น ก่อนที่จะวิ่งหาหมอแก้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ แก้ไข กรรม และความติดขัดต่างๆด้วยตนเองเบื้องต้น ต่างๆ ที่ปาล์มเคยแนะนำไว้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ แก้ไข กรรม และความติดขัดต่างๆด้วยตนเองเบื้องต้น ต่างๆ ที่ปาล์มเคยแนะนำไว้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ ทำบุญเหมือนการเก็บเงินซื้อของ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

การ ทำบุญเหมือนการเก็บเงินซื้อของ ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

๒๐ คำถามดีๆ กับท่าน ว.วชิรเมธี

๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี


บางส่วนจากหนังสือมหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี




๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอดจ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาปแทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอ ดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ที่มา [url=http://www.108contest.com/board/viewthread.php?tid=481]๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี - กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน? - บอร์ดพูดคุย - 108contest.com ประกวด งานประกว
__________________

เทคนิคพัฒนาความจำ(สำหรับผู้ที่กำลังเรียนหนังสือ)

1. ใส่ใจกับสิ่งที่เรียนมากกว่าสิ่งอื่นต้องมีสมาธิเพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ส่ง ผ่านความจำระยะสั้นเข้าส่ความจำระยะยาว จึงเลือกมุมการเรียนที่ปราศจากสิ่งรบกวนใดๆ

2. สร้างนิสัยรักการอ่านอย่างสม่ำเสมอ มีผลจากการวิจัยพบว่าการอ่านอย่างต่อเนื่องนั้นผลที่ออกมาดีกว่าคนที่รีบ เร่งอ่านหนงสือช่วงสอบ

3. สร้างโครงสร้างและจัดระบบของเนื่อหาที่ศึกษา เมื่อเนื้อหาถูกจัดเป็นกล่ม เช่น จัดเป็นภาพแผนภูมิ โมเดล หัวข้อ จัดกล่มส่วนที่เหมือนเข้าด้วยกัน หรือแยกส่วนที่ต่างออกจากกัน จะช่วยให้การจดบัญทึกมีระบบระเบียบ และเมื่อนำไปใช้ในการเรียนรู้ระดับสูง เช่น การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ก็จำทำได้ดีขึ้น

4. ใช้เครื่องมือช่วยจำ เช่น ตัวย่อ หรือบัญทึกเป็นเพลง หรือกลอน เช่น KUSA - Knowledge - Uderstanding - Skll - Appearance= สิ่งสำคัญในการเตรียมตัวสมัครงาน

5. ใช้ตัวอย่างอธิบายช่วยจำ เมื่อจดจำคำศัพท์เฉพาะ หรือนิยาม บางที่เราอาจจำคำจำกัดความทั้งหมดไม่ได้ แต่หากอ่านคำอธิบายหรือตัวอย่างที่ประกอบซ้ำก็จะช่วยให้เข้าใจความหมายหรือ คำจำกัดความของคำเฉพาะเหล่านั้นได้ดีขึ้น

6. สร้างความหมาย หรือสัมพันธ์กับบางสิ่งที่เรียนรู้แล้ว เมื่อเริ่มเรียนเรื่องใหม่ ใช้เวลาย้อนทบทวนเรื่องที่เคยรู้มาก่อน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องใหม่ความคิดใหม่ กับความรู้ที่มีแล้ว จะช่วยให้สามารถระลึกเนื้อหาออกมาได้อย่างจำนวนมาก

7. ใช้ภาพในการสื่อความหมาย มีคำพูดว่า "รูปภาพ 1 ภาพ สื่อความหมายได้มากกว่า 100 คำ" บางคนใช้ประโยชน์ได้ดีกับความจำแบบกล้องถ่ายรูป เมื่อศึกษาลองให้ความสนใจกบรูปภาพแผนภูมิ และภาพวาดประกอบในหนังสือ หรืออาจวาดภาพของตนเอง ใช้สีที่แตกต่างเพื่อแสดงถึงองค์ประกอบที่แตกต่าง ความจำแบบกล้องถ่ายรูปที่นักศึกษาเก็บไว้ เมื่อจะระลึกถึงเนื้อหาก็สามารถจะนำเป็นภาพออกมาทั้งโครงสร้างและนำมาขยาย ความ และเชื่อมโยงให้ชัดเจนเพิ่มขึ้น

8. แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน การวิจัยเสนอแนะว่า การอ่านหนังสือเสียงดังๆให้คนอื่น จะช่วยส่งเสริมความจำ นักจิตวิทยาพบว่าถ้าให้นักเรียน"สอน" เพื่อน ก็จะช่วยให้เขาเข้าใจบทเรียนได้ดี และพัฒนาความจำได้ด้วย

9. ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเนื้อหาส่วนที่ยาก

10. พยายามฝึกตัวเองให้เรียนที่ไหนก็ได้ อ่านเมื่อไหร่ก็ได้ พยายามปรับเปลี่ยนช่วงเวลาอ่านหนังสือบ้าง จะทำให้นักศึกษามีลักษณะยืดหยุ่น และมีความฉับไวมากขึ้นในการดึงความจำระยะยาวออกมาใช้งาน

หากเราสามารถรู้จักวิธีการเปลี่ยนระหัสข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ เป็นความจำ และมีการเก็บสะสมข้อมูลหรือความจำได้อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการเรียกความจำที่เป็นประโยชน์มาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราก็สามารถพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม


ที่มา : unigang

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตือนประชาชนระวัง 10โรคหน้าฝน : อาหารสมอง

เตือนประชาชนระวัง 10โรคหน้าฝน : อาหารสมอง

เปิดประตูรับโชค ด้วยการสวดมนต์ : ศาลาธรรม

เปิดประตูรับโชค ด้วยการสวดมนต์ : ศาลาธรรม

เทคนิคมองโลกในแง่ดี .... : ศาลาธรรม

เทคนิคมองโลกในแง่ดี .... : ศาลาธรรม

การทำบุญวันเกิด : วิธีปฏิบัติในการทำบุญวันเกิด

การทำบุญวันเกิด : อาหารสมอง

หลัก 6 ประการ สู่ความสำเร็จ ในการสร้างมนุษยสัมพันธ์

หลัก 6 ประการ สู่ความสำเร็จ ในการสร้างมนุษยสัมพันธ์


หลัก 6 ประการ สู่ความสำเร็จในการสร้างมนุษยสัมพันธ์


เขียนโดย หิรัญ พบลาภ



บทความต่อไปนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คิดว่าความสำเร็จของตนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น ไม่ต้องการที่จะคบหาใคร และต้องการที่จะอยู่เพียงลำพังผู้เดียวในโลกส่วนตัว แต่เพราะความสำเร็จของคนๆหนึ่ง ขึ้นกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ท่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแนวทางต่อไปนี้ก็ได้ นั่นเป็นกรอบความคิดของแต่ละบุคคลพึงมี ที่ไม่มีใครเหมือนกัน แต่เป็นสิ่งที่ไม่ยาก หากท่านจะท้าทาย เพื่อพิสูจน์กับความจริงบางอย่าง ขอเพียงท่านประพฤติตัวตรงข้ามจากแนวทางความจริงนั้น ผลลัพธ์ของมัน จะบอกได้เองว่า อะไรจริง อะไรเท็จ สัจธรรมต่าง ๆ พิสูจน์ได้ด้วยวิธีนี้


หลักการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นในฐานะที่ต้องพึ่งพากัน เพื่อจุดมุงหมายสู่ความสำเร็จในทุกๆ ด้าน
ของคนทุกระดับ จะหนีไม่พ้นไปจากหลักการพื้นฐานต่อไปนี้


1. ชื่อ คือเสียงที่ไพเราะสำหรับแต่ละคน


ทุกครั้งที่ใครถูกเรียกชื่อ จะรู้สึกเสมือนหัวใจพองโต รับรู้ถึงความรื่นไพเราะหูเสมอ การที่เราจำชื่อคนอื่นได้ และเรียกด้วยความถูกต้องคล่องปาก เสมือนเรากำลังกล่าวคำชมที่มีประสิทธิภาพ การลืมชื่อหรือเรียกชื่อผิด เท่ากับว่าเรากำลังเข้าสู่ความลำบาก และเพลี่ยงพล้ำเสียประโยชน์ที่พึงได้จากการติดต่อ

ความคิดแห่งการจำชื่อ และการให้เกียรติชื่อของผู้อื่น เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งของคุณสมบัติ ของผู้ประสบความสำเร็จ แม้แต่ระหว่างเจ้านาย กับลูกน้องการเรียกชื่อเขาได้ และถูกต้อง จะสร้างความอบอุ่นให้ผู้ถูกเรียกได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ประสบความสำเร็จในการติดต่อกับผู้คน เขามักตระหนักเสมอว่า ผู้คนล้วนแต่ภาคภูมิใจในชื่อของตนเสมอ ที่สำคัญมันเป็นหลักจิตวิทยา การสร้างความรู้สึกที่ดี และแสดงให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าเขาถูกให้เกียรติ และเติมเต็มความต้องการเป็นผู้มีความสำคัญ

2. แค่รอยยิ้มก็ได้มิตรภาพเกินครึ่ง


สีหน้าที่ปรากฏ มีความหมายกว่าภาษาที่พูดมากมาย มันแสดงอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจริงใจ รอยยิ้มเป็นไปได้มากกว่าคำพูดที่จะเอ่ยว่า “ ผมมีความสุขมากที่ได้พบคุณ ” ผู้ที่แสวงหาความสำเร็จ จะปฏิบัติต่อผู้อื่นที่มาบ่นเพ้อ หรือแสดงความไม่พอใจด้วยท่าทางที่สงบ แจ่มใส และยิ้มเสมอขณะที่พวกเขาฟังคำประณามใดๆ รอยยิ้มระงับความโกรธได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่านลองทำดู แต่จงรู้ไว้ก่อนว่ามันเป็นสิ่งยากยิ่งที่ต้องฝึกฝน ไม่ใช่เสแสร้ง มันเป็นสิ่งที่ยากในช่วงแรกๆ แต่ผลมันมีค่ายิ่ง รอยยิ้มที่จริงใจ คือเจตนาที่ดีของตัวท่านที่ผู้อื่นรับรู้ได้ ในสภาวะแวดล้อมรอบตัวท่าน สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นสุข หรือทุกข์หาใช่เงื่อนไขแวดล้อมเหล่านั้นไม่ หากแต่ขึ้นกับการเลือกตอบสนองของท่านเองต่างหาก ในสภาวะเงื่อนไขเดียวกัน ทำให้อีกคนชอบ หรือเป็นสุขได้ แต่สำหรับอีกคนกลับ เป็นทุกข์หรือรังเกียจ ก็เพราะมนุษย์ต่างมีทัศนคติในการมองโลกเป็นของตัวเอง ไม่มีอะไรที่ดี หรือเลว เหมือนกันหมดสำหรับทุกๆ คน ยิ้มไว้ ชัยชนะในมิตรภาพเป็นของท่าน

3. หากท่านหวังให้คนอื่นชอบ ก็จงตอบสนองความต้องการผู้อื่นก่อน



เราสามารถผูกมิตรได้มากขึ้น เพียงแค่การให้ความสนใจแก่ผู้อื่นอย่างแท้จริง จงสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น อย่ามุ่งหวังแต่ให้ผู้อื่นสนใจในตัวท่าน เพราะมิตรแท้มิได้เกิดด้วยวิธีการนี้ มีผู้กล่าวไว้ว่า “ คนใดไม่ให้ความสนใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันผู้นั้นจะประสบแต่ความยากลำบากในชีวิต และจะเป็นต้นเหตุในการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ” ทุกคนไม่ว่าจะอาชีพใด หรือชนชั้นไหน ล้วนแล้วแต่กระหายให้ผู้อื่นสนใจและชื่นชม ดังนั้นหากต้องการความสำเร็จในมิตรภาพ ขอจงสละความเห็นแก่ตัว และหันไปมองในมุมของผู้อื่นบ้าง ไม่เว้นแม้แต่เวลาที่ท่านคุยโทรศัพท์ ท่านจงเอ่ยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นว่า ท่านมีความกระตือรือร้นที่จะติดต่อกับคนๆ นั้น

4. จงเป็นนักฟัง มากกว่า นักพูด


ไม่มีอะไรที่จะแสดงความนับถือ และให้เกียรติคู่สนทนาไปได้มากกว่าการสนใจฟังคู่สนทนาของท่าน เพราะนั่นเป็นการแสดงความชื่นชมอย่างดีที่ท่านมีให้เขา คนส่วนมากล้มเหลวในการสนทนาเพราะเขาไม่รู้จักฟังผู้อื่น ไม่ฟังเพื่อจับประเด็น และทำความเข้าใจ ส่วนมากมักวุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองจะพูดโต้ตอบกลับไป จนไม่มีเวลาที่จะสนใจฟังคู่สนทนาอย่างจริงใจ ผู้มีความสำเร็จในชีวิต มักเป็นนักฟังผู้เยี่ยมยอด และมันเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในตัวบุคคล ไม่ยากอย่างที่กล่าวมาข้างต้น หากท่านจะพิสูจน์ความจริงข้อนี้ หากท่านอยากให้ใครสักคนหลีกให้ไกล และหันหลังหัวเราะเยาะท่าน ก็จงทำตัวเป็นผู้พูดมากเข้าไว้ จงอย่าฟังใครนานนัก พูดแต่เรื่องของตัวท่าน อย่าหยุด พูดออกไปให้มากๆ หากคนอื่นจะเอ่ยปากพูด จงสวนทะลุกลางปล้อง แม้แต่ตัวท่านเอง เจอแบบนี้จะรู้สึกเช่นไร.. คนปรารถนาที่จะได้มิตรภาพ จะเป็นผู้ฟังอย่างตั้งใจและสนใจในสิ่งที่ผู้อื่นกำลังพูด เขาถาม คำถามที่ผู้อื่นอยากจะตอบ เปิดโอกาสและสนับสนุนให้ผู้อื่นพูด จำไว้เสมอว่าทุกคนล้วนอยากเป็นคนสำคัญในสายตาผู้อื่น ปัญหาของเขา เขาย่อมสนใจมากกว่าปัญหาของท่านแน่ๆ แค่เปิดใจ ไม่ใช่แกล้งทำ ท่านไม่ต้องทำเป็นยอมแพ้เพื่อผู้อื่น แต่จงฝึกฝน และจะรู้ว่าผลที่ได้ คือชัยชนะทั้งคู่

5. คำขอโทษและคำชม คือภาษาสวรรค์



จงให้ความสำคัญ และปฏิบัติตัวให้เกียรติผู้อื่น ด้วยความกล้าที่จะเอ่ยคำชม และการขอโทษอย่างจริงใจ เพราะความปรารถนาที่จะเป็นผู้ที่มีความสำคัญ เป็นธรรมชาติอันลึกซึ้งของมนุษย์ ไม่น่าเชื่อว่าความกระหายอยากเป็นผู้มีคุณค่า และความสำคัญแห่งตน เป็นจุดกำเนิดแห่งอารยธรรมมนุษย์ ที่แตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่นๆ คำชมจากความจริงใจ มิใช่คำเยินยอ ปอปั้น คำชมของท่านแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเขายังมีคุณค่าพอที่จะมีคนชม มีคนบ้าจำนวนมากที่ทางการแพทย์สรุปออกมาว่า ภาวะเสียสติของพวกเขา เกิดจากการไม่ได้รับการตอบสนองในเรื่อง ความต้องการ การเป็นผู้ที่มีคุณค่า และความสำคัญ เช่นเดียวกันกับการกล่าวคำขอโทษ เป็นการให้เกียรติ และนับถือความเป็นผู้ที่มีความสำคัญ ในตัวผู้อื่น ไม่มีอะไรที่จะทำลายความรู้สึกทะเยอทะยาน หาญกล้าของคนๆ หนึ่งได้มากไปกว่าการตำหนิกล่าวโทษ คนส่วนมากอาย และเสียศักดิ์ศรีที่จะกล่าวขอโทษในความผิดที่ตัวเองมีต่อผู้อื่น ดังนั้นจงมอบมิตรภาพให้กับผู้อื่นด้วยการแสดงคำชื่นชม และกล่าวขอโทษ

6. วิธีสร้างศัตรู



ไม่ยากหากชีวิตท่านอยากจะมีแต่ศัตรู เพียงเมื่อท่านคุยอะไร กับใคร บอกเขาไปสิว่า เขาผิด การที่บอกว่าใครผิด ท่านคิดหรือว่าร้อยทั้งร้อยเขาจะเห็นด้วยกับท่าน ไม่มีทาง เพราะทุกคนต่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพในความเป็นตัวของตัวเองเสมอ แม้ว่าพวกเขาจะผิดจริง ยังไงก็ต้องหาเหตุผลมาแก้ต่างให้ตัวเองก่อนเสมอ เป็นเรื่องที่แย่มาก หากจะแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า “ฉันเก่งกว่าคุณ” มันเป็นการเหยียดหยามความเป็นตัวตนของคนอื่นอย่างมาก และท่านกำลังมุ่งสู่ความยุ่งยากในชีวิตเสียแล้ว เพราะท่านกำลังเอามาตรฐานของตัวเองไปตัดสินผู้อื่น มีคนกล่าวอย่างน่าฟังว่า “ หากจะสอนใคร จงสอนเสมือนว่าไม่ได้สอนเขา หากจะบอกอะไรใคร จงทำเสมือนว่าเขาลืมเลือนในสิ่งนั้น ” จงคิดเสมอว่า เราไม่สามารถสอนใครได้หรอก เราทำได้ดีแค่ทำให้เขาค้นพบว่า “ความจริง” มันมีอยู่อย่างนั้น การสร้างศัตรูได้อีกทางคือ การโต้เถียง เรามีสิทธิ์พอหรือยังที่จะโต้เถียงกับใครว่าเราถูกเสมอ มีวิธีเดียวในโลกที่จะหาประโยชน์ได้จากการโต้เถียงคือ หลีกเลี่ยงมันเสีย การโต้เถียงร้อยละ 90 จะจบด้วยการแยกทางเดิน ท่านอาจจะชนะจากการโต้แย้ง แต่ท่านไม่ได้มิตรภาพจากใคร...

TIP อาหารดีๆ ที่เหมาะกับคนวัยทอง

-ข้าวฟ่าง ข้าวไม่ขัดสี ถั่วเขียว งาดำ ฟักทอง แครอท ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ ซึ่งให้พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีสารไพโตรเอสโตรเจน ซึ่งช่วยลดอาการไม่สบายตัว หรือหงุดหงิดใจ ที่เกิดในคนวัยทองได้

-นมสด ปลาตัวเล็ก ๆ ปลาซาร์ดีน กุ้งแห้ง เนื่องจากมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส

-ผลไม้ (ควรรับประทานหลายชนิดสลับกันไป) เพราะมีวิตามินซี และวิตามินดี ซึ่งช่วยในการดูดซึม และลดการสลายตัวของแคลเซียมจากกระดูก ช่วยลดภาวะกระดูกพรุน แต่ควรงดผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน

-ปลามีโปรตีนที่ย่อยง่าย และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ถ้าเป็นปลาทะเลจะมีโอเมก้า 3 ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ (ไขมันชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระแสเลือด)ในเลือด ส่วนเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ควรเลือกที่ไม่ติดมัน

-ผักต่างๆ เนื่องจากใยอาหารในผักจะช่วยในการขับถ่าย ทำให้ท้องไม่ผูก ทั้งนี้ควรกินผักหลายๆ ชนิดเพื่อให้ได้รับคุณค่าของสารอาหารที่แตกต่างกัน เช่น ผักที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ซึ่งมีแคลเซียมสูง ได้แก่ ใบยอ ใบชะพลู ยอดแค ผักกระเฉด ตำลึง มะขามอ่อน ผักที่ช่วยลดความดันโลหิต ได้แก่ กระเทียม คึ่นฉ่าย ใบบัวบก กระเจี้ยบ ผักที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ได้แก่ มะระขี้นก กระเทียม ใบชะพลู เป็นต้น

-ใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน ประกอบอาหาร เพราะสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ที่สำคัญ นอกจากจะรับประทานอาหารที่เหมาะสม ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว ยังควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด วิตกกังวล ทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย จะได้ก้าวพ้นวัยทองอย่างมั่นใจ และมีสุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรงไปตลอดค่ะ

เจาะใจ - พลิกชีวิต มืดสู่สว่าง - พระภาสกร ภาวิไล - PaLungJit.com

เจาะใจ - พลิกชีวิต มืดสู่สว่าง - พระภาสกร ภาวิไล - PaLungJit.com

เหตุแห่งภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว 10 ประการ

เหตุแห่งภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว 10 ประการ

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

10 คำถามเรื่อง 4G

ADSL Cool ( High Speed Variety ) โปรโมชั่น ADSL Speed Test อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย

ฮวงจุ้ยที่ทำงาน



ที่ทำงานวุ่นวายมาก งานมีปัญหาบ่อย เจ้านายไม่ค่อยส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา ให้แก้เคล็ดตามวันเกิดดังต่อไปนี้

ท่านที่เกิดวันจันทร์
มีปัญหากับเจ้านายควรนำสิ่งของเคริ่องใช้บางอย่างที่ทำด้วยมุก หรือเปลือกหอยชิ้นขนาดเหมาะมือมาวางบนโต๊ะทำงาน จะเป็นที่ทับกระดาษหรือกล่องใส่นามบัตรก็ได้ จะช่วยขจัดปัญหายุ่งเหยิงออกไปได้บ้างมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานให้ ใช้หินอความารีนสักก้อนหนึ่งมาวางบนโต๊ะทำงาน หินจะช่วยส่งคลื่นพลังให้คนรอบข้างจิตใจเย็นลง และมองเราในแง่ดี ตัดความวุ่นวาย ยุ่งเหยิงในจิตใจของคุณที่ทำงานวุ่นวาย หากที่ทำงานมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียดไม่สบายใจ ให้ใช้แจกันปากกว้างหรือถ้วยแก้วใสใส่น้ำและลอยดอกไม้ที่มี สีฟ้า น้ำเงิน หรือม่วง ใช้เป็นดอกไม้ผ้าหรือพลาสติกก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆให้คนเกิดวันจันทร์สงบลง คลายความเคร่งเครียดวุ่นวายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

ท่านที่เกิดวันอังคาร
มีปัญหากับเจ้านายควรถือเคล็ดด้วยการสวมเสื้อผ้าโทนสีเขียวให้บ่อยครั้ง ให้กลัดเข็มกลัดรูปใบไม้ติดตัวทุกวัน โดยเฉพาะในยามที่ต้องเข้าพบเจ้านาย จะช่วยลดการประทะเจ้านาย เชื่อมั่นชื่อถือในความคิดของคุณมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานให้นำเทียนแท่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเน้นให้มีสีเขียวมาวางบนโต๊ะทำงานจะขจัดปัญหายุ่งเหยิงขัดแย้งได้มากที่ทำ งานวุ่นวายควรใช้หินสีเขียวสดใส เช่น กรีนอเวนเจอรีน มาวางบนโต๊ะทำงาน จะใช้หินก้อนหรือเป็นแท่ง ๆ ก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆ ที่วุ่นวายให้สงบลงได้

ท่านที่เกิดวันพุธ
มีปัญหากับเจ้านายควรถือเคล็ดด้วยการวางข้าวของเครื่องใช้ที่มีปลายแหลมและมีสีทองไว้บนโต๊ะทำงาน จะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหรือถ้วยรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะเสริมความเข้มแข็งมั่นคงให้กับสถานภาพการงานของคุณมี ปัญหากับเพื่อนร่วมงานควรจะใช้ถ้วยแก้วปากกว้าง 1 ใบ ใส่หินอเมทิสต์เอาไว้อย่างน้อย 3-4 ก้อน หรือมากกว่าจะช่วยขจัดปัญหาทั้งกับเพื่อนร่วมงานที่อิจฉาริ ษยาขัดแย้งกับคุณไปจนถึงการบำบัดสถานที่ จะช่วยให้ความระส่ำระสายยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในที่ทำงานคลายความยุ่งยากลง ผู้คนที่อยุ่ร่วมกันก็มีจิตใจสงบดีขึ้น

ท่านที่เกิดวันพฤหัสบดี
มีปัญหากับเจ้านายควรนำรูปปั้น เช่น รูปปั้นนางฟ้ามีปีก หรือเทวรูปบางอย่าง เช่น พระพิฆเนศ มาวางบนโต๊ะทำงาน จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มั่นคง กล้าแข็ง เจ้านายเกรงอกเกรงใจ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานควรใช้แจกันดอกไม้สีเหลืองหรือขวดแก้วทรงสูงปักดอกไม้สีเหลืองมาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องอิจฉาริษยาขัดแย้งกับคุณได้ที่ทำงานวุ่นวาย ถ้าต้องการการบำบัดสถานที่ทำงานให้คลายความยุ่งยากยุ่ง เหยิง ควรจะติดภาพวิวทิวทัศน์ที่มีต้นไม้เขียวสด และมีถนนทอดยาวสุดสายตาเอาไว้เบื้องหลังที่นั่งของคุณเพื่อเสริมดวงชะตาและแก้ปัญหาด้านนี้

ท่านที่เกิดวันศุกร์
มีปัญหากับเจ้านายควรพกหินลาพิสลาชูรีติดตัวหรือสวมใส่เป็นเครื่องประดับอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ให้บ่อยครั้งในช่วงนั้น จะเสริมอำนาจบารมีและความเมตตาจากเจ้านายได้มีปัญหากับ เพื่อนร่วมงานควรนำสิ่งของเครื่องใช้อะไรก็ได้ที่มีเสียงเพลงร่วมด้วย มาวางบนโต๊ะทำงาน เช่น วิทยุ กล่องดนตรี หรือการ์ดเสียงเพลง คลื่นพลังของเสียงจะช่วยขจัดความยุ่งเหยิงวุ่นวายต่างๆรวมทั้งทำให้เราจิตใจเย็นลงอยู่ในความสงบและมองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย วิธีนี้ยังช่วยขจัดปัญหาและความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ด้านสถานที่ทำงานด้วย

ท่านที่เกิดวันเสาร์

มีปัญหากับเจ้านายควรเสริมดวงชะตาด้วยการวางโคมไฟ 1 ดวง ไว้บนโต๊ะทำงาน และเปิดให้มีแสงสว่างอยุ่ตลอดเวลา จะแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาที่มีปัญหากับผู้ที่เหนือกว่าได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หากเพื่อนร่วมงานอิจฉาริษายาหรือไม่ลงรอยกันบ่อยครั้ง ควรวางหินคริสตัลควอตซ์ที่เป็นแท่ง ๆ ไว้บนโต๊ะทำงานจะเสริมให้จิตใจและอารมณ์เย็นลง เพื่อนร่วมงานเชื่อมั่นเชื่อถือ ที่ทำงานวุ่นวายหากต้องการขจัดปัญหายุ่งยากยุ่งเหยิง ในที่ทำงานก็ควรใช้น้ำรินน้ำไหลหรือน้ำผุดขนาดพอดี ๆ มาวางเสริมในห้องทำงานหรือข้างโต๊ะทำงานของคุณ จะช่วยให้ภายในสถานที่ทำงานเกิดการถ่ายเท เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่วุ่นวายเคร่งเครียดอย่างที่เป็นอยู่

ท่านที่เกิดวันอาทิตย์

มีปัญหากับเจ้านายควรจะเสริมดวงชะตาด้วยน้ำ 1 แก้วใหญ่หรือจะใส่ในแจกันแก้วใส วางไว้บนมุมขวามือ ของโต๊ะทำงาน ห้ามนำไปดื่ม และเทน้ำทิ้งทุกวัน น้ำจะเป็นตัวตกกระทบพลังด้านลบต่าง ๆและจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ค่อย ๆ เย็นลงได้ มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานควรจะแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการนำ ต้นไม้ต้นเล็กๆมาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะเป็นบอนไซ ตะโกดัด หรืออะไรก็ได้ และควรจะมีดินด้วย แต่อย่าใช้ดินวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวุ่นวายเมื่อมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียด ไม่สบายใจ ควรใช้หินโรสควอตซ์สีชมพูตกแต่งเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก็จะสามารถแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

* สำหรับคนเกิดวันพุธและวันศุกร์ ไม่ต้องแก้ไขเรื่องที่ทำงานวุ่นวายเพราะจะคลี่คลายไปในที่สุด

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน

โต๊ะทำงาน สำคัญมากกับความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน วันนี้เรามีเทคนิคการจัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานตามปีเกิดมาฝาก เป็นเคลช็ดลับง่ายๆใครๆก็ทำได้ ทำแล้วมีแต่เฮงกับเฮง
เกิดปีชวด (พ.ศ. 2527, 2515 และ 2503)
โต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางตุ๊กตาเซรามิครูเปียโน กีตาร์ หรือ ตัวโน้ต จะช่วยให้อารมณ์สุนทรีย์ มีวาทศิลป์ในการพูดจา มีจิตวิทยาในการแสดงออก ไม่เผลอทำอะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจผู้อื่น สุขภาพจิตดี มีความสุขและสนุกกับการทำงาน ด้านขวา ควรตั้งธงชาติขนาดเล็ก ๆ จะเป็นของประเทศใดก็ได้ ที่ชอบหรือสวยถูกใจ จะช่วยให้ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนรอบข้าง
เกิดปีชลู (พ.ศ. 2528, 2516 และ 2504)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้าย ควรวางตุ๊กตารูปวัวนมที่รูปร่างอ้วนท้วน แข็งแรง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความร่ำรวยมั่งคั่ง ด้านขวาควรมีนาฬิกาตั้งโต๊ะ รูปทรง 8 เหลี่ยม หันหน้าเข้าหาตัวเอง จะช่วยให้การก้าวเดินไปข้างหน้า มั่นคง และประสบความสำเร็จ และอาจจะเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันด้วยดอกไม้ประดับ กระถางเล็ก ๆ ที่สามารถเลี้ยงได้ในห้องแอร์ จะตั้งไว้มุมใดก็ได้ ไม่ว่ากัน
เกิดปีขาล (พ.ศ. 2529, 2517 และ 2505)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้าย ควรมีตุ๊กตารูปเสือ ไม่ว่าจะทำจากไม้ โลหะ เซรามิค คริสตัล หรือ ทองคำ จะช่วยเพิ่มความมุ่งมั่น ความเข้มแข็งทางอารมณ์ และสามารถควบคุมตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเป็นคนใจร้อน เจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ได้ดีทีเดียว
ด้านขวาควรมีรูปภาพพระอาทิตย์ จะช่วยเพิ่มพลัง อำนาจ และบารมี ให้มีมากขึ้นกว่าเดิม

เกิดปีเถาะ (พ.ศ. 2530, 2518 และ 2506)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปกระต่ายสีขาว จะช่วยให้การเจรจาต่อรองต่าง ๆ ราบรื่น สมหวังได้ดั่งใจ และยังช่วยให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง และมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ด้านขวาควรมีตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผารูปไก่ รูปเป็ด รูปหมู รูปเด็ก ฯลฯ จะช่วยให้ร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล ได้ปรับเงินเดือน ได้เลื่อนตำแหน่ง และควรเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณโต๊ะทำงาน ด้วยต้นไม้กระถางเล็กๆ สักต้น สองต้น
เกิดปีมะโรง (พ.ศ. 2531, 2519 และ 2507)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้าย ควรมีตุ๊กตารูปสิงโต สัญลักษณ์ของผู้นำ ช่วยเพิ่มความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ และอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้คุณพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และเป็นอ ยู่ จะได้หยุดไขว่คว้า หยุดปรารถนา และพบกับความสุขที่แท้จริงของการเป็นผู้นำเสียที ด้านขวาควรวางตำราวิชาการ หรือหนังสือที่มีคุณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเพิ่มเชาว์ไหวพริบและความรอบรู้
เกิดปีมะเส็ง (พ.ศ. 2532, 2520 และ 2508)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีแจกันหรือกระถางกระเบื้องเคลือบรูปข้าวโพด หรือองุ่น เพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้วางใจ ความสมัครสมานสามัคคี และความพร้อมเพียง ด้านขวาควรวางไม้กางเขน เพื่อช่วยให้โชคดี ปลอดภัย รอดพ้นอันตราย ชนะใจศัตรู และคู่แข่ง แล้วอาจจะใช้แสงสว่างเข้ามาเพิ่มพลังธาตุไฟในตัวคุณ ด้วยการตั้งโคมไฟสีสันสดใสหลากหลายดีไซน์สไตล์คุณ
เกิดปีมะเมีย (พ.ศ. 2533, 2521 และ 2509)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางเครื่องบินจำลองเล็ก ๆ เพียงลำเดียว (ห้ามวางหลายลำ) เพื่อเพิ่มความกระตือรื้อร้น ว่องไวในการทำงาน ด้านขวา ควรมีตุ๊กตารูปม้า ถือว่าเป็นตุ๊กตานำโชคของคุณ ที่จะช่วยแก้ไขข้อด้อยในเรื่องของความดื้อรั้น ถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่และใจร้อน ให้ลดน้อยถอยลง ขณะเดียวกันช่วยให้โชคดี มีชัยชนะในทุกสนามการต่อสู้แข่งขัน แล้วอาจจะเปิดเผยหรือเฉลยความจริงของการเป็นคนเสียสละและผดุงความยุติธรรม ด้วยการวางตุ๊กตาซูเปอร์ฮีโร่ อย่าง Superman ไว้บนโต๊ะทำงานด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป
เกิดปีมะแม (พ.ศ. 2534, 2522 และ 2510)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรจะมีภาพวิวทิวทัศน์ เช่น ภาพสวนดอกไม้ ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจี ภาพภูเขา ทะเล เพื่อให้คนปีมะแม มองโลกในแง่มุมที่สวยงาม ด้านขวาควรมีนาฬิการูปทรงกลมมน สีสันสดใส สไตล์ย้อนยุค เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาดี ๆ และนาทีที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และอาจจะเพิ่มเรื่องราวให้กับคุณเองด้วยภาพถ่ายครอบครัว หรือภาพแห่งความสำเร็จต่าง ๆ โดยนำมาแขวนหรือใส่กรอบไว้บนโต๊ะทำงานด้านใดก็ได้
เกิดปีวอก (พ.ศ. 2523, 2511 และ 2499)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้าย ควรมีรูปภาพของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพที่ตั วเองใฝ่ฝัน หรือต้องการก้าวไปให้ถึง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิ และความมุ่งมั่นให้กับคนปีวอก ด้านขวาควรวางตุ๊กตาเซรามิค รูปนกยูง หรือหงส์ หันหน้าเข้าหาตัวเอง เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นตัวของตัวเอง เพิ่มเสน่ห์และสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น
เกิดปีระกา (พ.ศ. 2524, 2512 และ 2500)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปไก่ หรือไข่ทองคำ จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา ด้านขวา ควรมีลูกโลก แผนที่ หรือเข็มทิศ เพื่อช่วยให้การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ รวดเร็ว ถูกต้อง ไม่หลงทาง และที่สำคัญไม่หลงตัวเองเพราะการย่อโลกทั้งใบมาอยู่ในแผนที่แผ่นเล็ก ๆ หรือ ลูกโลกจำลองจะช่วยให้คุณ รู้แจ้งเห็นจริงในชีวิต และสัจจธรรม
เกิดปีจอ (พ.ศ. 2525, 2513 และ 2501)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้าย ควรมี เรือใบ เรือสำเภา หรือ รถม้า จำลอง เพื่อช่วยเสริมให้คนปีจอ อารมณ์ดี มีสมาธิสูง ไร้เรื่องหงุดหงิด กวนใจ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิขวัญและกำลังใจในการก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จอันยิ่ง ใหญ่ ด้านขวาควรมีตุ๊กตาคริสตัลรูปสัตว์ต่าง ๆ จะช่วยให้โชคดี มีความสุข มีผู้คนและมิตรสหายคอยสนับสนุน จุนเจือ
เกิดปีกุน (พ.ศ. 2526, 2514 และ 2502)
บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางพัด ไม่ว่าจะเป็นพัดจริง หรือพัดเซรามิครูปพัด จะช่วยให้พานพบตนดี ๆ เรื่องดี ๆ และมีแต่ข่าวดีๆ ในชีวิต และยังช่วยให้การเลือกหรือการตัดสินใจอะไรสักอย่างชองคุณเป็นเรื่องที่ง่ายด ายมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาให้เลือก ด้านขวาควรวางตุ๊กตารูปหมู สีขาวหรือสีชมพู สัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้คนปีกุนสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ยด้วยต้นไม้

ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ยด้วยต้นไม้

การปลูกดอกไม้และไม้มงคลเชื่อว่าจะเสริมดวงชะตาได้ ประเทศจีนนั้นแวดล้อมไปด้วย ธรรมชาติของป่าเขาและพืชพรรณนานาชนิด มีไม้มงคลมากมายหลายประเภทที่ขึ้นในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และหาไม่ได้ในประเทศไทย เช่น ดอกโบตั๋น ดังนั้นก็จะมีต้นไม้ชนิดที่นิยมปลูกหรือถือเป็นไม้มงคลเพียงไม่กี่ชนิดที่มี อยู่ในประเทศไทย
ต้นไผ่
เป็นไม้ที่แตกหน่อแลกิ่ง ก้านสาขาได้เร็ว เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การขยายกิจการ แทนความยั่งยืน คงทน เชื่อว่าเวลาที่ต้นไผ่สีกันจะมีเสียงดังทำให้ปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายกลัว ไม่เข้าใกล้ บางแห่งหรือบางชนบทก็จะผูกต้นไผ่ด้วยริบบิ้นสีแดง
ต้นสน
มีความหมายใกล้ เคียงกับต้นไผ่ เป็นสัญลักษณ์แทนความอดทนในการฝ่ามรสุมจากความทุกข์ยาก
ต้นส้มหรือส้ม
ซึ่งมีการใช้ในทุกเทศกาล หมายถึงความโชคดีหรือความเจริญรุ่งเรือง และความสุข
ดอกบัว
สัญลักษณ์แห่งฤดูร้อน หมายถึงความบริสุทธิ์ ความมีสติ
ต้นทับทิม
ผลไม้ของผลทับทิมมีเม็ดสี แดงมากมาย หมายถึงการมีบุตรหลานที่กตัญญูไว้สืบตระกูลมากมาย เป็นต้นไม้ที่อยู่ในตำนานที่เจ้าแม่กวนอิมได้ใช้กิ่งทับทิมในการประทานพรแก่ ชาวโลก เวลากลับจากสุสาน งานศพ ก็จะใช้น้ำกิ่งทับทิมล้างหน้า ถือเป็นต้นที่ไม่ใหญ่นักซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งที่หน้าบ้านและข้างบ้าน
ลูกน้ำเต้า
ที่คนไทยมักจะนำเอาไปลง อักขระภาษาในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น คนจีนก็ถือว่าเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่มักจะออกลูกตลอด จนกว่าต้นจะแก่ตาย หมายถึงการมีดอกผลงอกเงย มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา
ต้นราชพฤกษ์
ในประเทศไทย มีคนนิยมปลูก ต้นราชพฤกษ์ เพราะมีดอกสีเหลืองเป็นพวงทอง ซึ่งให้ความหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ต้นเฟื่องฟ้า
แทนความหมายในแง่ของชื่อเสียงที่ขจรขจาย
ต้นเข็ม
ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ริมรั้ว หรือแทนประตูรั้ว ให้ความหมายในแง่ความแหลมคมของสติปัญญา ความรู้
ต้นโมก ต้นแก้ว
ที่มีกลิ่นหอมในตัวมันเอง ก็ใช้ส่งเสริมความสมดุลของชีวิต
ต้นขนุน
เพื่อให้คนเกื้อหนุนค้ำจุน
ต้นมะขามปลูก
เพื่อเสริมสร้างบารมีให้คนเกรงขาม
มีความเชื่อว่าในเวลาที่คนเรามี เคราะห์มาก ๆ อาจลดเคราะห์หรือความยุ่งยากลงด้วยการปลูก กุหลาบหรือต้นโป๊ยเซียน จะช่วยบรรเทาเคราะห์ลงได้ อาจเพราะหนามที่แหลมคมช่วยต่อต้านปัญหาเอาไว้
มาถึง ต้นชัยพฤกษ์ บ้าง มักนำมาปลูกไว้ข้างรั้วหน้าบ้าน ความหมายก็คือการนำชัยชนะ หรือการปรามมารร้ายทั้งหลายที่จะเข้ามาให้ถอยทัพกลับไป เป็นต้นไม้ที่เป็นศิริมงคลตามตำราโบราณ
ส่วน ต้น พุทธรักษา ก็มักจะปลูกไว้ริมรั้ว จะส่งผลให้เกิดความสุขในครอบครัวทำนองว่า พระพุทธจะรักษาให้เกิดความสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องเล่าตามพุทธตำนานว่า พระเทวทัตคิดทำร้ายพระพุทธเจ้า จึงได้ขึ้นไปภูเขากลิ้งหินบนภูเขาลงมาในจังหวะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จ ผ่านมา แต่ก้อนกินดังกล่าวกลับแตกกระจัดกระจายก่อน สะเก็ดก้อนหินได้กระเด็นไปถูกพระบาท มีพระโลหิตไหลหยดลงบนแผ่นดิน ต่อมาได้เกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นตรงรอยเลือดนั้น ต้นไม้ชนิดนั้นก็คือพุทธรักษานั่นเอง
นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อ เกี่ยวกับต้นไม้ในการเสริมสร้างให้เกิดความเป็นมงคลในชีวิตของคนจีนและคนไทย ที่คละเคล้ากันไป เป็นการเสริมทางด้านจิตใจ และความสมดุลของบ้าน แต่ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่าการปลูกต้นไม้อะไรน่าจะอยู่ที่เป้าหมาย มากกว่า เช่น หากต้องการต้นไม้มาช่วยบดบังแสงแดด ก็อาจปลูกต้นจำปี การะเวก หูกวาง หรือหากต้องการปลูกเพื่อกินผล เจ้าบ้านชอบทานผลไม้อะไรก็ปลูกพันธุ์ไม้นั้นลงไป ไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์อะไร สิ่งสำคัญหากเป็นไม้ยืนต้นก็ไม่ควรปลูกขวางประตูเข้า บ้านเป็นอันขาด

ฮวงจุ้ยของแต่งบ้านบันดาลโชค (ศิริมงคล)

ฮวงจุ้ย ของแต่งบ้านบันดาลโชค (ศิริมงคล)

ของแต่ง บ้าน 9 อย่างนี้ ถ้าคุณมีในบ้าน จะช่วยให้คุณมีความสุขสบายมากขึ้น ของแบบนี้ไม่ลอง ไม่รู้
ส้ม เป็นรูปภาพก็ได้ หรือผลไม้เหมือนจริงมาใส่ตะกร้าบนโต๊ะในห้องรับแขกจะให้โชคลาภ
ทับทิม ควรปลูกไว้หน้าบ้านจะได้ลูกหลานที่ดี และไม่มีภัย
โต๊ะต่าง ๆ ภายในบ้าน ควรจะเลือกเป็นทรงกลม หรือแปดเหลี่ยม ถ้าเป็นสี่เหลี่ยมมุมโต๊ะควรเป็นมน ๆ จะเสริมมงคลให้แก่บ้านสามารถ ขจัดพลังชั่วร้ายและดึงดูดเอาความเจริญเข้าสู่บ้าน
ของแต่ง บ้านรูปหมู เป็นสัญลักษณ์ของโชคและความอุดมสมบูรณ์
ช้าง เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาและโชค ควรตั้งช้างไว้ในห้องรับแขก ห้ามตั้งช้างให้หันหน้าออกสู่หน้าประตูเด็ดขาดจะทำให้ครอบครัววุ่นวายมีแต่ เรื่องขัดแย้ง
การนำพัดมา ตกแต่งบ้าน จะช่วยบันดาลให้คุณและคนในครอบครัว ประสบความร่มเย็นเป็นสุข และมักได้ข่าวดีอยู่เสมอ
เต่า ตุ๊กตาหรือรูปปั้นเต่า ไว้ในห้องนั่งเล่นหรือมุมใดในบ้านก็ได้ จะทำให้คนในบ้านสุขภาพดี อายุยืน ยกเว้นห้องทำงาน
ไก่ ตุ๊กตาหรือรูปปั้นวัสดุ ใดก็ได้ล้วนแต่เป็นสิริมงคลต่อบ้านในทางเรียกโชคลาภเงินทอง
การแต่งบ้าน ด้วยเครื่องปั้นดินเผา ไม่ว่าจะเป็นรูปใดจะทำให้คนในบ้าน มีฐานะการเงินมั่นคง

หิ้งพระ หลักการ ข้อห้าม ทางฮวงจุ้ย

หิ้งพระ หลักการ ข้อห้าม ทางฮวงจุ้ย

นอกเหนือจากการตั้งโดยกำหนดว่าควรตั้งตามลำดับสูงต่ำแล้ว เรื่องของทิศทางของหิ้งพระ ที่ฮวงจุ้ย ให้ถูกต้องถูกหลักหล่ะ เบื้องต้น...มันต้องตั้งกันเช่นไร ?
ตาม หลักฮวงจุ้ยเบื้อง ต้นนั้น
การตั้งหิ้งพระ ต้องดูทำเลไหม...ทำเลที่ว่านั้น หมายถึง สถานที่ว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยปกติ ต้องไม่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำห้องส้วม หรือตรงข้ามประจัญหน้ากับ ห้องน้ำห้องส้วม หรือพิงผนังห้องน้ำ (ยังไม่นับกรณีแก้ไขจุดพิงแล้ว) บริเวณใต้บันได ใต้คาน ในห้องครัว(ห้องประกอบอาหาร) เพราะนั้นคือการไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง
การตั้งหิ้งพระ ต้องดูฤกษ์ไหม...ฤกษ์ที่ว่านั้น หมายถึง ฤกษ์การตั้งพระลงนั้น ต้องดูไหม...ปกติใช้วันดีของไทยได้เลย (ยกเว้นในกรณี ที่ต้องการเจาะลงเฉพาะ ส่งเสริมบุคคลโดยตรง อาจมีการคำนวณเพื่อตั้งโดยฤกษ์ของจีน) บางท่านบอกตั้งแล้ว เวลาจะทำความสะอาดจะทำอย่างไร ยกได้ไหม ขยับได้ไหม ต้องดูเวลาไหม
" พระทางไทยเป็นองค์พระท่านนั้น อยู่เหนือกาลเวลา "
บางท่านอาจเพิ่งเคยได้ยิน เพราะคำนี้ ใช้เฉพาะกันในสำนักแชลั้ง ดังนั้น เวลาทำความสะอาดไม่จำเป็นต้องดูฤกษ์ยาม .... แต่ที่สำคัญคือเครื่อง ทำความสะอาด ควรมีแยกไว้เป็นเฉพาะสำหรับการทำความสะอาด
การตั้งหิ้งพระ ต้องดูทิศทางไหม...ทิศทางที่ว่านั้น หมายถึง ทิศทางที่องค์พระ ตั้งอิง หรือบ่ายหน้าไปสู่ ( หันหน้า )
ถ้าตั้งเฉพาะส่งเสริมเจาะจงแบบของจีน ต้องดู และ คำนวณ ทิศทางนั้นๆ
แต่ถ้าเป็นตาม ธรรมเนียมปกติ ไม่ต้องคำนวณ เพราะ ตามหลักการจริงๆแล้วนั้น การกราบไหว้พระไม่ว่าจะตั้งอยู่ทิศทางใด ไม่ได้ทำให้ผู้กราบไหวนัน้ ไม่ดี เพียงแต่ทางโหราศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้น ต้องการ จูนพลังให้ดี และตรง ที่สุด จึงมีการตั้งทิศแบบเฉพาะเจาะจง

การวางตำแหน่งนาฬิกาในบ้าน

การวางตำแหน่งนาฬิกาในบ้าน

นาฬิกาถือเป็นสัญลักษณ์ ของชีวิตที่ดำเนินไป และยังแฝงนัยแห่งความสำเร็จก้าวหน้าด้วย
ถ้าในห้องหนึ่งมีมากกว่า 2-3 เรือน ถือว่ามากเกินไปไม่สมดุลกับตัวห้อง
ตำแหน่ง ที่ดีควรอยู่ซ้ายมือของคุณ (หันหน้าออกนอกบ้าน)
นาฬิกาทรง 6 เหลี่ยม และ 8 เหลี่ยม ถือเป็นรูปทรงที่เสริมมงคลโชคลาภ