วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระบบ 3G คืออะไร / เทคโนโลยี 3G หมายถึง / ความเร็ว 3G

ระบบ 3G คืออะไร / เทคโนโลยี 3G หมายถึง / ความเร็ว 3G
เทคโนโลยี 3G พัฒนามาจากอะไร ระบบ 3G คืออะไร และมี ความเร็ว เท่าไร

ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่น

สำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+

HSDPAนั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps. ( ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น )
HSUPAจะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps

สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้

คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 900 จะถูกพัฒนาโดย AIS (ใช้ชั่วคราวที่เชียงใหม่ และ Central World)
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 กำลังรอ กทช. ทำการประมูลเพื่อจัดสรรคลื่นความถี่
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 จะถูกพัฒนาโดย TOT

ดังนั้นการเลือกซื้อ AirCard , Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น

บทความโดย AirCardShop.com 17 เมษายน 2552, 23:49 | ข้อมูล AirCard

สถิติของหนังสือพ่อรวยสอนลูก เมื่อเราอายุ 65 เราจะเป็นอย่างไร

ข้อแตกต่างระบบการตลาดทั่วไปกับการตลาดแบบเครือข่าย

แนวคิดของมหาเศรษฐีโลก

กลยุทธ์นำไปสู่ความสำเร็จ " หัวใจ K A S H " 3S 1M

กลยุทธ์นำไปสู่ความสำเร็จ

ก่อนอื่น ถามตนเองก่อนว่า "ต้องการประสบความสำเร็จ และร่ำรวยหรือไม่? " "ประมาณ 95% ของประชากรทั้งโลกที่ล้มเหลวและยากจน.....่มีเพียง 5% เท่านั้นที่ ระสบความสำเร็จและ ร่ำรวย" ◦ คุณอยู่ 95% หรือ 5% ? ถ้าเลือกได้คุณอยากอยู่ 95% หรือ 5% ?

ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่ 95% คุณไม่ต้องทำอะไร เพียงคุณอยู่เฉย ๆ คุณก็ประสบความสำเร็จอย่างที่คุณต้อง การ! แต่...ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่ 5% นั่นแสดงว่าคุณ "ต้องการประสบความสำเร็จ" คุณ "ต้องทำ" ดังนี้

1. สำรวจตัวเองว่าคุณมีสิ่งเหล่านี้หรือไม่? หากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ คุณต้องมี " หัวใจ K A S H "

1. K = Knowledge = ความรู้ โดยคุณต้องมีความรู้ในเรื่อง บริษัท สินค้า แผนการตลาด และวิธีการทำงาน
2. A = Attitude = ทัศนคติ โดยคุณต้องมีทัศนคติที่เป็นบวกต่อ บริษัท, ผู้บริหาร, ตัวเอง, Upline, Downline, เพื่อนร่วม องค์กร, ผลิตภัณฑ์, แผนการตลาด
3. S = Skill = ทักษะ โดยคุณต้องมีทักษะในการทำงาน ต้องชำนาญในกระบวนการทำธุรกิจ
4. H = Habit = นิสัย ความเคยชิน

โดยคุณต้องสร้างระเบียบวินัยในการทำงานของตนเองจนเป็นความเคยชินของคุณเอง
ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง มีแผนการทำงานที่ดี มีเป้าหมายในความสำเร็จ ยึดมั่นในเป้าหมาย กระทำอย่างต่อเนื่อง นี่คือ "หัวใจแห่งความสำเร็จ" ที่ถูกพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกกับทุก ๆ ธุรกิจ "จงตรวจสอบตนเองว่า มีอะไรในตัวคุณที่ขาด...จงเติมให้เต็ม แล้วคุณจะประสบความสำเร็จ"

....บางคนอาจยังไม่มีครบทั้ง 4 ข้อ ของ " หัวใจ K A S H "
2. ใช้ หรือบริโภคผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
3. ขายผลิตภัณฑ์ เพื่อ
-สร้างผลกำไรในการทำธุรกิจ
-เป็นช่องทางส่งเสริมให้ลูกค้าบริโภคซ้ำอย่างต่อเนื่อง
-เป็นช่องทางในการขยายสมาชิก
4. ศึกษาวิธีทำธุรกิจ โดยเข้าอบรมทุกหลักสูตรที่บริษัทจัด
-Silver Start เป็นหลักสูตรแรกที่จะนำพาท่านไปสู่ความสำเร็จ
-ศิลปะการพูด เป็นหลักสูตรที่จะพัฒนาท่านให้เข้าใจวิธีการพูด เพื่อนำไปสู่การบริหารงานสู่ความสำเร็จขององค์กร
-การรับฟังการแชร์ประสบการณ์ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในธุรกิจ
-การเข้าร่วมงานสัมมนาระบบค่าย ตลอดจนการพาลูกทีมเข้าร่วมกิจการดังกล่าว

1 แนวทางสู่ความสำเร็จ (3S 1M)
1.ต้องขายเอง (Sell) เป็นงานพื้นฐานที่ต้องทำ เพราะ
1.1 ขายเพื่อสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจของตนเอง
1.2 ขายเพื่อเป็นช่องทางส่งเสริมให้ลูกค้าบริโภคซ้ำอย่างต่อเนื่อง
1.3 ขายเพื่อเป็นบทนำก่อนการแนะนำค้นหาสมาชิกใหม่เข้าสู่เครืือข่าย
2.ต้องขยายสายงาน (Sponsor) เป็นภาระหลักที่ต้องทำ เพราะ
2.1 เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองให้เติบโต ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคง
2.2 เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและแบ่งปันสิ่งดีในเรื่องสุขภาพ รายได้ ได้พัฒนาคุณภาพชีวิต ความสำเร็จให้กับตนเอง และผู้อื่น
3.ต้องบริการ (Service) เป็นหัวใจของการทำธุรกิจ เพราะ
3.1 บริการที่ดีจำนำมาซึ่งความประทับใจ ความไว้วางใจ ความเชื่่อมั่นในตัวเราและธุรกิจ
3.2 เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี มีส่วนทำให้ธุรกิจเติบโตอย่่างมั่นคงและถาวร
4.ต้องประชุม/อบรม (Meeting) ถือเป็นเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ เพราะ
4.1 เป็นการพัฒนาความรู้่ ประสบการณ์ ทักษะการทำงาน ตลอดจนแนวทางในการทำธุรกิจ
4.2 เป็นการกระตุ้นให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ทำไมต้องเครือข่าย

ทำไมต้องเครือข่าย

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย

- ทำร่วมกับงานประจำได้โดยไม่รบกวนงานประจำ
- ได้เป็นเจ้าของกิจการที่ลงทุนน้อยและไม่ต้องเสียง
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือประสบการณ์ ทำได้แม้ไม่ถนัดงานขาย
- มีรายได้ทันที ต่อเนื่อง เป็นมรดก

เพื่อ ให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เราจะขอเปรียบเทียบการตลาดทั่วไป ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ระบบการตลาดแบบเดิมที่เราต้องกินต้องใช้กันทุกวันที่ผ่านมา ผู้ผลิตเอากำไร 40% ในส่วนของค้าส่งค้าปลีกกำไรรวมกัน 60% โดยที่เราซึ่งเป็นผู้บริโภคต้องจ่าย 100% เต็ม โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ด้วยการตลาดแบบนี้ทำให้คนบางกลุ่มร่ำรวยจากการตลาดแบบเดิม คงไม่ต้องพูดถึงนะครับว่าเป็นคนกลุ่มใด

การ ตลาดเครือข่าย เป็นการตัดวงจรการค้าส่งค้าปลีกออก เปิดโอกาสให้เราซึ่งเป็นลูกค้าหรือผู้บริโภค ซื้อตรงจากผู้ผลิตโดยไม่ต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง โดยเปิดโอกาสให้เป็นสมาชิกจะได้ส่วนลด 25% นอกจากนี้ยังสามารถทำการค้าส่งค้าปลีกได้ด้วยการใช้ดีแล้วบอกต่อเรียกว่า การสร้างเครือข่าย มูลค่าจากการสร้างเครือข่าย 35% รวมเป็น 60% เป็นตัวเลขเดียวกับที่เราเคยสูญเสียไปในช่องทางค้าส่งค้าปลีก โดยจะออกมาในรูปแบบของเงินปันผล

4Cs กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ ในยุคทองของอินเทอร์เน็ต

* ถ้าบอกว่าสูตรสำเร็จด้วยวิธีการทางการตลาดแบบ 4Ps ที่มี Product, price, Place, Promotion นั้นไม่
เพียงพออีกต่อไปแล้วก็ว่าได้ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะวิวัฒนาการของโลก ได้เปลี่ยนแปลงไปไกล กว่ายุคเดิมหลายช่วงตัว ว่าไปแล้วสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่เข้า มามีบทบาทสำคัญ นั่นคือ อินเทอร์เน็ต

* หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีใครคิดบ้างว่าอินเทอร์เน็ตจะมีบทบาทได้ถึงเพียงนี้ เพราะตอนนั้นมันถูกใช้อยู่ในวงจำกัด ถ้าเป็นเมืองไทยก็ใช้เฉพาะนักวิชาการ นักวิจัย และองค์กรข้ามชาติบางรายเท่านั้น แต่พอถึงยุคนี้ อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นอย่างหนึ่งในการประกอบธุรกิจไปแล้ว

* เมื่อสำคัญเช่นนี้ อินเทอร์เน็ตจึงจัดให้อยู่ในระดับสำคัญมากในภาคการตลาดและการสื่อสารการตลาด และแล้วก็เป็นที่มาของการเกิดกลยุทธ์ใหม่ที่นำมาใช้ร่วมควบคู่ไปกับ 4Ps นั่นคือ 4Cs หรือ บางสูตรว่า 4Cs เข้าไปแทนที่ 4Ps

* 4Cs ประกอบด้วย Consumer, Cost, Convenience, Communications ทั้ง 4 มีหัวใจรวมศูนย์ที่ให้ ความสำคัญต่อลูกค้า หรือ โฟกัสลูกค้าเป็นสำคัญ

Consumer เน้นความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก หรือหากบอกให้ตรงใจ คือเข้าถึงใจผู้บริโภค ให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า หรือที่เรียกว่า CRM Customer Relation Management)โดยต้องยึดหลักการสรรค์สร้างสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้าใน ทุกๆ กลุ่ม
Cost ทำให้ต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อให้จะได้กำหนดราคาขายถึงมือผู้บริโภคต่ำไปด้วย ซึ่งจะเป็นที่ได้เปรียบในการแข่งขัน ด้านราคากับคู่แข่ง
Convenience ช่องทางการจัดจำหน่ายต้องอำนวยให้ผู้บริโภคสะดวกซื้อมากที่สุด ยิ่งมีช่องทาง หรือหน้าร้าน มากเท่าไร โอกาสที่ผู้บริโภคจะซื้อมากเท่านั้น เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันมิได้ยึดติดกับสถานที่เดิม สักเท่าไร
Communications เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง และมีองค์ประกอบหลายด้าน จากความหมายตรงตัวที่แปลว่าการสื่อสาร จึงรวมตั้งแต่การติดต่อสื่อสารที่ต้องสะดวก ง่าย รวดเร็วการสื่อสารที่สร้างความรับรู้ให้ ผู้บริโภคและตลาด ซึ่งได้แก่การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย รวมถึงสื่อสารแบบกระตุ้นตลาด ได้แก่การจัดงานแสดงสินค้าการจัดนิทรรศการงานโชว์การตลาดเชิงรุกหรือการตลาดแบบตรงและเข้าถึงลูกค้ารายตัว

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ หากนำไปผนวกรวมกับกลยุทธ์ 4Ps เดิมก็จะยิ่งเสริมให้การตลาดแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแต่ที่ขาดไม่ได้ของกลยุทธ์โฉมใหม่ทั้ง 4 เรื่องหลัง (4Cs) จะต้องมีตัวช่วย ตัวช่วยนั้นคือสื่อยุคใหม่ หรืออินเทอร์เน็ต เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดอันจะแจกแจงได้ว่าอินเทอร์เน็ตช่วยในแต่ละ C อย่างไรบ้าง

o Consumer อินเทอร์เน็ตช่วยลดความห่างระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้น้อยลง
ตัวอย่าง เช่นผู้บริโภคสามารถส่ง Comment ถึงตรงผู้ประกอบการได้ึ่งตรงนี้จะเป็นข้อมูล
สำคัญเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไขในสิ่งที่ลูกค้าบอกว่าได้ส่่วนผู้ประกอบการเองก็สามารถ
เข้าถึงใจผู้บริโภคได้มากขึ้น
o Cost ต้นทุนดำเนินการลดลงได้หากใช้อินเทอร์เน็ต เช่นใช้อีเมลล์แทนการส่งแฟกซ์/ส่ง
รูปต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีส่วนลดค่าดำเนินการทั้งสิ้น
o Convenience อินเทอร์เน็ตช่วยให้สะดวกขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายผู้สั่งซื้อ หรือผู้เสนอ
ขาย หลายท่านคุ้นเคยการสั่งซื้อของผ่านช่องทางนี้
o Communications หัวข้อนี้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญ ทั้งการโฆษณาประชา
สัมพันธ์ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อได้เป็นอย่างดี การส่งเสริมการขายก็สามารถทำผ่าน
อินเทอร์เน็ตได้ ข้อดีของอินเทอร์เน็ตคือทำให้การโฆษณาประชาสัมพันธ์การส่งเสริม
การขายนั้นจะแผ่ขยายวงการออกไปไม่เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง สื่อใดสื่อหนึ่ง แต่หมายถึง
สร้างความรับรู้ได้ทั่วโลกเลยในคราเดียว

* สุดท้ายขอทิ้งท้ายว่าแท้จริงแล้วอินเทอร์เน็ตเป็นทั้งตัวทำให้เกิดกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมา และในเวลา
เดียวกัน อินเทอร์เน็ตอีกนั่นแหละ ที่เป็นเครื่องมือให้ผู้ประกอบการก้าวไปใช้กลยุทธ์ 4Cs ได้อย่าง
สำเร็จ