วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน

อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน
พระบรมราโชวาท
พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน



เมื่อวัน อาสาฬหบูชาที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ปกติเราไปทำบุญอยู่เสมอ ๆโดยเฉพาะถ้าเป็นวันพระใหญ่อย่างนี้จะไม่เคยขาดแต่ไม่ใช่วัดปากน้ำ จะบอกว่าเราไปทำบุญที่วัดปากน้ำเป็นครั้งแรกก็คงไม่ผิด เพราะเราไปวัดปากน้ำน่าจะประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว และน่าจะไม่เกินครั้งที่ 3 และที่ ผ่านมาก็เป็นเพียงเข้าไปกราบรูปเหมือน สมเด็จพระ มงคลเทพมุนี (หลวงปู่สด จันทสโร) หรือที่เรากันเรียกว่าหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ นั่นเอง



หลังจากที่ร่วมทำ บุญบรรจุพระในมหาเจดีย์ สวดมนต์ และร่วมบุญอื่น ๆ ในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน ระหว่างรอพิธี เราเหลือบไปเห็นเอกสารบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใสอยู่ 4-5 แผ่น วางอยู่บนเก้าอี้พลาสติก วางอยู่ 2 ชุดเหมือนกัน แผ่นบนสุดเขียนว่า “อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน” บรรทัดที่ 2 เขียนว่า “พระบรมราโชวาท” บรรทัดที่ 3 เขียนว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน” เท่านั้นแห ล่ะความอยากรู้อยากเห็นก็เกิดทันทีว่า พระบรม ราโชวาทของพระองค์ท่านมีว่าอย่างไร ก็มองหาเจ้าของอยู่พักหนึ่งแต่ไม่เห็นใคร เลยยอมเสียมารยาทถือวิสาสะหยิบขึ้นมาอ่านโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของ อ่านอยู่พักหนึ่งยังไม่ทันจบเจ้าของก็มาทวงคืนแต่ความที่อยากอ่านจนจบ ก็เลยก็ขอนุญาตอ่านต่อ เจ้า ของก็น่าร๊าก น่ารัก ออกปากยกให้เลย 1 ชุด บอกว่าไม่เป็นไรมีอยู่ 2 ชุด เราก็ได้แต่บอกขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณมาก ๆ



แล้วพระบรม ราโชวาทของพระองค์ท่านก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวังเลย เพราะต้องใจมาก ๆ “ทุกคนถือ ตัวว่าเป็นพุทธศาสนิกชน จะต้องศึกษาพระพุทธศาสนาตามภูมิปัญญาความสามารถและโอกาสของตน ๆ ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องกระจ่างชัดขึ้นในหลัก ธรรม เมื่อศึกษาเข้าใจและเห็นประโยชน์แล้วก็น้อมนำมาปฏิบัติทั้งในการดำเนินชีวิต ประจำวันและการงานของตน เพื่อให้เกิดความสุข ความสงบร่มเย็นและความเจริญงอกงานในชีวิตเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ ตามขีดความประพฤติปฏิบัติของแต่ละคนถ้าชาวพุทธ รู้ธรรม ปฏิบัติธรรมะอย่างถูกต้องทั่วถึงกันมากขึ้น ปฏิบัติการเบียดเบียนพระศาสนาให้เศร้าหมอง ก็ลดน้อยลง...”



ทรงพระราชทานแก่ ผู้เข้าร่วมสัมมนาเรื่อง “การทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๕ ณ ศาลาธรรมชินราชปัญจมบพิธ วัดเบญจมบพิตร



ไม่ทราบว่าคนอื่น เมื่ออ่านแล้ว จะประทับใจ เหมือนเรารึเปล่าแต่เราน่ะชอบมาก ๆ จนอดใจไม่ไหวต้องเอามากบอกต่อ



ในเอกสารฉบับนั้นยังมีข้อความเพิ่มเติมอีกว่า....

...เรา ปฏิเสธความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไม่ได้ แต่เราก็ไม่ควรเป็นเหยื่อของสังคม

ระบบสังคมไทยพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งความเจริญทางวัตถุดิบกับนานา ประเทศมานานจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่มีเวลาแม้แต่เวลาจะ ไตร่ตรองว่า ที่สุดของความเจริญที่ดิ้นรณหาคือความเสื่อม

และที่สุดของการมุ่งแสวงหาความสุข ก็คือความทุกข์


ความงมงายกับ ทฤษฎีหรือความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก ๆ ที่ลึกแล้วมันก็คือ ความคับแคบตื้นเขินเท่านั้นเอง “สังคมที่มองอะไรแคบๆ คิดอะไรตื้นๆ ทำอะไรก็มักง่าย นำมาซึ่งความใฝ่ต่ำ” หวังมากได้น้อย หวังน้อยได้มาก ไม่หวังสมความปรารถนา “ฉันทะ” คือความพอใจ ความยินดี

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)



ด้วยอนุภาพคุณ แห่งองค์ “พระพุทธ” ด้วยอนุภาพคุณแห่งองค์ “พระธรรม” ด้วยอนุภาพคุณแห่งองค์ “พระสงฆ์” ข้าพระพุทธเจ้า นาย/นาง..........................................................ขอน้อม ถวายกุศลธรรมทานนี้เป็นพุทธบูชา



“เพื่อความเจริญแห่งพระสัทธรรม” “เพื่อความมั่นคงแห่งพระธรรม วินัย”



อันประเสริฐในพระพุทธศาสนานี้ ให้เจริญ ให้ตั้งมั่น สืบไปตราบกาลนานเทอญ

หาก “ไสยศาสตร์” ดลบันดาลได้ สังคมไทยคงไร้ปัญหา เหต-ผล “เหนือ ชีวิต”


ข้าพระพุทธเจ้า นาย/นาง................................................................................................

ขออุทิศอนิสงค์ แห่งกุศลธรรมทานนี้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผู้มีจิตหยั่งรู้โดยทั่วกันเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น