วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ปูแดง แผลงฤทธิ์ (2)

ฉบับนี้ยังมีเบื้องลึก เบื้องหลังการถ่ายทำ กรณี “เช็กบิล” บริษัท เบสท์ 59 จำกัด ค่ายขายตรงดาวรุ่งพุ่งแรง โลโก้ “ปู แดงไคโตซาน” มาบอกเล่าเก้า สิบกันต่อ....เพราะหลังปฏิบัติการของหน่วยงานภาครัฐ ดีเอสไอ สคบ. และกรมวิชาการเกษตร เป็นอาทิ รวมกันเฉพาะกิจเข้าตรวจสอบฐานบัญชาการและโรงงานผลิตของเบสท์ 59 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐจะ “คว้าน้ำเหลว” ไม่พบหลักฐานหรือข้อมูลสำคัญ เพื่อเพิ่มน้ำหนัก ความน่าเชื่อถือกับข้อหาฉกรรจ์ “แชร์ลูกโซ่” แล้วนั้น ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด กับการถอนกำลังออกจากฐาน ที่มั่นย่านเมืองทองธานี เนื่องเพราะ “เจ้าถิ่น” ผู้ซึ่งรู้ทางหนีทีไล่ ได้เตรียมการรับมือต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ไว้เป็นอย่างดี

สะท้อนจากการจัดเก็บเอกสาร หลักฐาน หรือผลิตภัณฑ์ สุ่มเสี่ยงไว้อย่างมิดชิด ควบคู่ไปกับการระดมพลเครือข่ายสมาชิกนับพันคนไว้เป็น “ผนังทองแดง กำแพงมนุษย์” ไว้อีกหลายด่าน

ภาพที่ปรากฏออกสู่สาธารณะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ที่ เกิดเหตุ จึงชุลมุน วุ่นวาย ปะทะ คะคาน แถมด่าทอระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปมาอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่ฝ่ายบู๊อาละวาด ออกลีลา งิ้ว โขน ตะโกนคำ “ผรุสวาท” กันอย่างเผ็ดร้อนอยู่นั้น....

ฝ่ายบุ๋น ก็จัดแจงตั้งโต๊ะแถลงข่าว ต่อหน้าสื่อมวลชนทุกแขนง ถึงที่มาที่ไป ความโปร่งใส ไร้มลทิน พร้อมทีมสนับสนุนยืนชูภาพถ่ายขนาดมหึมา “ค่ายขายตรงดีเด่นประจำปี” ที่มีนายกฯอภิสิทธิ์ มอบโล่การันตี เป็นแบ็กกราวด์ประกอบฉาก คู่ขนานกันไป ปฏิกิริยา “คนละหมัด” แบบฉับพลันทันควัน ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้....

คล้อยหลังเจ้าหน้าที่รัฐ ถอนกำลังออกจากฐานที่มั่นดังว่าในช่วงเช้า ราวช่วงบ่ายแก่ๆ เบสท์ 59ฯ ก็ดึงพันธมิตรแนวร่วม “กลุ่มพลังเครือข่ายผู้ขายตรงแห่งประเทศไทย” กลุ่มก้อนที่เพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นได้ไม่นาน เปิดปฏิบัติการ “แถลงข่าวตอบโต้” อีกหนึ่งเวที ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ย่านรัชดาฯ

และที่น่าสนใจ คือ “เนื้อหา-สาระ” ที่นำมาแจกแจงแถลงไขต่อหน้าสื่อมวลชนนั้น ค่อนข้างมีความ “แหลมคม” มากทีเดียว แน่นอนว่าข้อมูลส่วนหนึ่งย่อมเป็นไปในทิศทาง “เอาดีใส่ตัว” ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของขั้วพันธมิตร แต่สำหรับข้อสังเกตที่พุ่งเป้าไปยัง “ระบบ” และ “ตัวบุคคล” ที่ข้องเกี่ยวในธุรกิจขายตรง ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อยเช่นกัน

โดยจำแนกแยกส่วนเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ มุ่งโจมตีไปที่ “สคบ.” และ “ค่ายขายตรงข้ามชาติ”

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เป็นหน่วยงานที่สามารถ “ชี้เป็น-ชี้ตาย” ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในธุรกิจนี้, เคลือบแคลงในพฤติกรรมของ นิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสคบ.เอนเอียงเข้าข้างค่ายต่างชาติ ทำลายบริษัทขายตรงไทยแท้ ผ่านการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

และขายตรงต่างชาติ มักชอบเตะตัดขาค่ายขายตรงไทยดาวรุ่ง โทษฐานแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ทั้งเม็ดเงินและฐานสมาชิกในสารบบ ทั้งยัง ทิ้งท้าย “วรรคทอง” ฮอตฮิตไว้อย่างน่าคิดว่า ปฏิบัติการ “รุมกินโต๊ะ” จากหน่วยงานรัฐเที่ยวนี้ ดำเนินการภายใต้ระบบ “2 มาตรฐาน”?!

ถัดจากนั้น ในวันต่อมา พลพรรค ปูแดง ไคโตซาน กว่า 500 คน ก็ยกขบวนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถือป้ายด่าทอสาดเสียเทเสีย เพื่อประท้วงและขับไล่ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชา การสำนักคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการ สคบ. ให้ออกจากตำแหน่ง โทษฐานกลั่นแกล้งและไร้ซึ่งความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่

เรียกได้ว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ถนนสายแจ้งวัฒนะ จากปกติที่การ จราจรก็หนาแน่นอยู่แล้ว แทบจะกลายเป็นอัมพาต ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก “ม็อบปูแดงไคโตซาน” เท่าที่ประมวลภาพ ก็น่าจะสัมผัสได้ในระดับหนึ่ง ถึง “กลเกม” ที่วางไว้อย่างหลักแหลมและแยบยลเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะแกนนำในระดับ “มันสมอง” จากฝั่งเบสท์ 59 และกลุ่มพลังเครือข่ายฯ ค่อนข้างเป็นหนึ่งในผู้สันทัดกรณีในวงการ ชนิด “รู้ลึก รู้จริง” ในทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของทุกองคาพยพในแวดวง หรือแม้แต่ การเปิดแนวรบและการยึดชิงพื้นที่ในเชิง “ข่าว”!!

ในขณะที่ “เจ้าสำนัก” ตัวจริงเสียงจริงของค่ายเบสท์ 59ฯ ก็อาศัยช่วงฝุ่นตลบ หลบลี้หนีหน้า ไปพำนักพักกาย อยู่ต่างแดนอย่างสบายใจเฉิบ ? (ขณะนี้ได้เข้าต่อสู้ในระบบแล้ว โดยฝ่ายกฏหมายของบริษัท เนื่องจากไม่ได้รับควาเป็นธรรม)

ตื้นลึก หนาบาง ของเรื่องทั้งหมดนี้ จะอยู่ในข่าย “ลับ-ลวง-พราง” หรือไม่ ยังคงต้องเกาะติด ประชิดสถานการณ์กันต่อ... แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ สังคม “พิพากษา” ปูแดงฯไปเรียบร้อยแล้วครับ (รอวันพิพากษากระบวนการของรัฐบางองค์กร?)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น