วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร และจะสปอนเซอร์อย่างไรให้ไม่ถูกปฏิเสธ

ผู้มุ่งหวังของคุณคือใคร และจะสปอนเซอร์อย่างไรให้ไม่ถูกปฏิเสธ

ถ้าคุณ สามารถทำให้การสปอนเซอร์ของคุณทุกครั้งนั้นปิดสมัครได้เสมอ ผมคงไม่ต้องพูดถึงหัวข้อของเราในวันนี้ หรือไม่ต้องทำคอร์สนี้ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำแต่ความจริงแล้วก็คือ การสปอนเซอร์ของคุณโดยส่วนใหญ่ถูกผู้มุ่งหวังปฏิเสธ หรือ เบี้ยวนัดไปเลย


ถ้า คุณอยากทำให้การทำธุรกิจของคุณเจ็บปวดน้อยลง ไม่ต้องถูกเบี้ยวนัดหรือถูกปฏิเสธซ้ำซาก คุณก็ควรที่จะทำความเข้าใจในเรื่องนี้เสียก่อน..ความจริงแล้วมัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า คุณพรีเซนต์ได้ดีขนาดไหนหรอก แต่คุณควรจะเข้าใจก่อนว่าผู้มุ่งหวังของคุณคือใครก่อนที่คุณจะขายอะไรให้กับใคร


คุณเคยเห็นคนที่พยายามที่จะขายน้ำแข็งให้กับชาวเอสกิโมไหม?ไม่เคย
คุณเคยเห็นคนที่พยายามที่จะขายเนื้อย่างชั้นดีให้กับคนที่กินเจไหม?ไม่เคยเพราะถ้าหากมีคนที่ทำอย่างนั้นจริง เขาคงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายในการปิดการขายนี้ให้ได้

ถ้าหากคุณต้องการทดสอบเรื่องนี้นั้นผมอยากให้คุณลองเอาเนื้อไปขายให้กับคนที่กินเจดูผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะคุณรู้ว่าเขาไม่ใช่ตลาดเป้าหมายของคุณ และคุณไม่มีทางที่จะเปลืองพลังงานของคุณไปเพื่อทำอะไรแบบนั้น

และสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการตลาดเครือข่ายของเราอย่างไรได้บ้างคำตอบนั้นถูกซ้อนอยู่ในประโยคนี้ครับ

"อย่าพยายามโน้มน้าวใครให้เชื่อว่าเขากำลังต้องการในสิ่งที่คุณกำลังขายแต่ให้ขายในสิ่งที่เขากำลังต้องการมันอยู่แล้ว"

วิธีการที่ดีที่สุดนั่นก็คือ การเลือกขายให้กับคนที่ต้องการมันอยู่แล้ว

หากคุณต้องการจะเปลืองพลังงานให้น้อยที่สุดในการทำธุรกิจ MLM ของคุณ คุณก็ควรจะสปอนเซอร์เฉพาะคนที่ต้องการทำธุรกิจ MLM อยู่แล้วแล้วคนที่ต้องโอกาสทางธุรกิจอยู่แล้วคือใคร

ถ้า คุณตอบมาว่า คือ คนข้างบ้าน หรือ คือ ญาติมิตร เพื่อนสนิท เพื่อนที่เรียนตอนมัธยม หรือคนทุกคนที่ห่างตัวเราไป 1 ฟุตล่ะก้อ คุณเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้วแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่นั้นอาจเป็นเหมือนกับการขายเนื้อให้กับคนที่กิน เจตลอดชีวิต

สิ่งที่ Old MLM School สอนพวกเรามา ด้วยคำพูดที่ว่า
"คนทุกคนคือ ผู้มุ่งหวังของเรา"
"คนที่อยู่ห่าง 1 ฟุตคือผู้มุ่งหวังของเรา"
"อย่าไปคิดแทนเขา"
"ทุกๆคนต้องการโอกาสนี้"

นั่น ไม่ต่างจากการที่คุณนำเนื้อโกเบชั้นดีจากญี่ปุ่นไปขายให้กับคนที่กินเจแถว ศาลเจ้า โดยการบอกเขาว่าเนื้อนี้กินแล้วมีประโยชน์มาก ร่างกายได้โปรตีนครบถ้วน ดีกว่าการกินถั่วเป็นไหนๆเหตุผลที่คุณคิดนั้นฟังดูดีครับ แต่จะไม่มีคนที่กินเจแถวศาลเจ้าซื้อเนื้อโกเบชั้นดีจากคุณแน่นอน

ถ้า หากคุณต้องการที่จะขายเนื้อโกเบชั้นดีจานนี้ให้ได้ ทำไมคุณไม่ลองเดินต่อไปอีกสัก 100 เมตรซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตราคารอาหารญี่ปุ่นดูล่ะ พวกเขารักที่จะกินอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว พวกเขามาที่นี่ก็เพราะว่าต้องการจะกินอาหารญี่ปุ่นชั้นดี พวกเขาต้องการลิ้มรสเนื้อโกเบที่แสนนุ่มของคุณ

คุณเห็นไหมว่าคุณ แค่บอกคนที่เข้ามาในภัตราคารเพียงเล็กน้อย เขาก็ถือเงินอยู่ในมือเตรียมที่จะเนื้อจานนี้มาจากคุณแล้ว แต่ขณะที่คุณไม่สามารถทำให้คนแถวศาลเจ้าสนใจเนื้อโกเบชั้นดีจานนี้ได้เลยแม้ ว่าคุณจะพูดถึงมันได้น่าสนใจเพียงใดก็ตาม

วิธีการที่จะทำให้คุณไม่ถูกใครปฏิเสธนั่นก็คือ"อย่าพยายามโน้มน้าวใครให้เชื่อว่าเขากำลังต้องการในสิ่งที่คุณกำลังขายแต่ให้ขายในสิ่งที่เขากำลังต้องการมันอยู่แล้ว"

นี่ คือ วิธีการที่ตรงที่สุดที่คุณจะดึงความสนใจจากผู้มุ่งหวังมาได้ และผมเองก็ไม่ใช่นักการตลาดเพียงคนเดียวที่เข้าใจในคอนเซ็ปท์นี้ ความจริงแล้วคุณสามารถพบเห็นวิธีการนี้ได้ทั่วไปในหลากหลายธุรกิจยกเว้น ธุรกิจ MLMเพื่อให้คุณได้เห็นภาพและเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น ผมจึงขอยกตัวอย่างของวิธีการนี้ซึ่งได้ถูกใช้ในธุรกิจจริงๆเรื่องราวนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเอง

มี วันหนึ่งที่เพื่อนของผมชวนผมไปเที่ยว RCA ความจริงแล้วผมไม่ได้ต้องการที่จะไปเที่ยวมากนัก แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ วิธีการในการทำการตลาดจากต่างอุตสาหกรรมต่างหาก ดังนั้นผมจึงได้รับปากเพื่อนของผมไปในเรื่องนี้

ขณะที่ผมเดิน ผ่านการตรวจบัตรจากการ์ดเพื่อที่จะเข้าไปในผลับแห่งหนึ่งในย่าน RCA นั้น ทันทีที่ผมเดินต่อมาได้แค่ 2 ก้าว ผมก็พบสาวสวยพนักงานของบริษัทขายเหล้ายี่ห้อหนึ่ง ชวนให้ไปเล่นเกมและแจกเหล้าแบบใหม่ของบริษัทให้กับผู้ที่ร่วมเล่นเกมแบบฟรีๆ

บูธแห่งนี้สามารถทำให้คนทุกคนที่เดินผ่านมาหลังจากถูกตรวจบัตร แล้วร่วมเล่นเกมด้วยได้ทั้งหมด กติกาของการเล่นเกมนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่กรอกชื่อและที่อยู่พร้อมเบอร์ โทรศัพท์ติดต่อให้กับพนักงานสาว จากนั้นในใบรายละเอียดที่คุณส่งมาจะซ้อนสัญลักษณ์บางอย่างไว้ พนักงานจะใช้เหรียญบาทขูดออกและบอกว่าคุณจะได้เหล้าขวดนี้ไปฟรีๆหรือไม่

ความคิดที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนั้นก็คือ เขาฉลาดจริงๆ คนที่กำลังเดินเข้าไป RCA เขาเดินเข้าไปทำอะไรกันไปกินเหล้า

สิ่งที่พนักงานทำคืออะไร : เอาเหล้าไปให้คนที่จะกินเหล้าอยู่แล้วกินมัน คือ ความคิดของเขาที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะมากินเหล้า พนักงานพวกนี้เพียงแค่ทำให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการ ถึงพนักงานสาวไม่เอาเหล้าไปให้เขากิน เขาก็ต้องซื้อกินเองอยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่ได้รับคำปฏิเสธจากการให้เหล้าไปฟรีๆแบบนี้แน่นอน

ในขณะที่ผมเห็นเพื่อนของผมกำลังร่วมเล่นเกมกันอยู่นั้น ผมยังคิดต่อไปในเรื่องประเด็นการเก็บลิสต์รายชื่อพนักงาน ได้เก็บลิสต์รายชื่อของใครไว้กัน: คนที่กินเหล้า , คนเที่ยวกลางคืนนั่นเอง เก็บมาจากคนที่กำลังจะเดินเข้าไปใน RCA เลย คงไม่ผิดตัวแน่ๆเขาฉลาดขนาดนี้บริษัทขายอะไรกัน เหล้าไง ผมให้คำตอบนี้กับตัวเอง

ใน ขณะที่ผมมองเห็นเพื่อนกำลังหัวเราะสนุก เพราะว่าได้เหล้ามาฟรีๆอยู่นั้น สมองของผมเองยังคิดไอเดียของบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาได้อีกว่า บริษัทยังสามารถทำกำไรกับลิสต์รายชื่อที่ได้มาเหล่านี้อีกชั้นหนึ่ง โดยการให้ร้านเหล้าที่กำลังจะเปิดใหม่มาลงโฆษณาผ่านทางบริษัทแห่งนี้ซึ่ง เก็บรายชื่อนักท่องราตรีไว้ทั้งหมดแล้ว จากนั้นก็เก็บค่าโฆษณาด้วยราคาหลักหมื่นถึงแสนจากร้านเหล้าพวกนี้ได้


คุณ เห็นไหมว่าวิธีการที่บริษัทเหล่านี้ทำไม่ได้ต่างจากที่เราถูกสอนมาจากเครือ ข่ายมากนัก การออกไปชวนคน ลิสต์รายชื่อ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เขาเข้าใจว่าใครคือผู้มุ่งหวังที่แท้จริง ใครคือคนที่ควรออกไปชวน และไม่ขายเนื้อให้กับคนที่กินมังสวิรัติ อีกทั้งเก็บรายชื่อไว้เพื่อรอการติดตามได้อีก เพื่อที่ผู้มุ่งหวังเหล่านี้จะกลับมาเป็นลูกค้าในที่สุด

เป็นไง ครับ นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันในธุรกิจจริงแต่มันไม่เคยที่จะถูกสอน เลยในธุรกิจเครือข่าย คุณเห็นไหมว่าพวกเขาฉลาดกว่าที่คุณถูกสอนมาจาก Old MLM School มากแค่ไหน ตอนนี้คุณเข้าใจรึยังครับว่าผู้มุ่งหวังที่แท้จริงคือใคร และทำอย่างไรไม่ให้ถูกปฏิเสธ

การที่คุณไปชวนปู่บ็อบข้างบ้านหรือ ว่า คุณแฟร็งนักปั่นจักรยานทีมชาติหรืออะไรประมาณนั้นคือการที่คุณละเลยกฏเกณฑ์ ข้อนี้ ซึ่งคือสิ่งที่มืออาชีพและนักการตลาดในธุรกิจจริงๆทำ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากผลที่ได้รับนั้นจะไม่ดีอย่างที่คุณต้องการ

สำหรับ วิธีการทำให้คนเหล่านี้โทรมาหานั้นง่ายมากครับ แค่ส่ง E-mail ไปบอกว่ามีร้านเหล้าเปิดใหม่ มีคูปองเปิดเหล้าฟรี สามารถโทรมาขอได้ ด่วน มีจำนวนจำกัดรับรองครับว่าโทรมานับ 100 สาย ภายใน 1 วัน

เห็นไหมครับว่าไม่ใช่เรื่องยาก และคุณก็เห็นวิธีการนี้อยู่ทั่วไป แค่มันไม่เคยถูกสอนโดยบริษัทของคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น