วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นักขายตรง Twitter ทำเครือข่ายยุคใหม่ต้องไฮเทค

นักขายตรง Twitter ทำเครือข่ายยุคใหม่ต้องไฮเทค

ขายตรงหมดยุคแจกแผ่นปลิว สู่โลกยุคไอที เปลี่ยนวิถีนักขายตรงไทย ชี้ผู้นำหรือแม่ทีมยุคใหม่ต้องไฮเทค พลิกตำราสร้างเครือข่ายผ่านอินเตอร์เน็ต ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำง่าย และกระจายเครือข่าย-สินค้าได้เร็ว กว่า แค่ "คลิก" เดียวก็ขยายเครือข่ายได้แล้ว กว่าหลายร้อยหลายพันเท่า ยุคนี้!ใครไม่อินเทรนด์ ถือว่า "หลงยุค" ยันนักขายตรงรุ่นเก่าต้องเร่งปรับตัว หากมัวทำธุรกิจแบบเดิมๆ มีสิทธิ์นักขายตรงเลือดใหม่หัวใจ "Twitter" ไล่บี้ตกกระป๋องแน่

โลกไอที ทุกธุรกิจยุคนี้ต้องก้าวเดินให้ทัน เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจเครือข่ายขายตรงที่ต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการ ทำธุรกิจ จากวิธีดั้งเดิมสู่การทำธุรกิจขายตรงแนวใหม่ ที่ต้องใช้ไอทีหรืออินเตอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการทำ ตลาด หรือการขยายเครือข่าย...ทำให้ธุรกิจเครือข่ายขายตรง ณ วันนี้ ต้องหมดยุคของการทำธุรกิจด้วยวิธี การเดินแจกใบปลิว ชักชวนคน เข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย แล้วหันมาใช้ไอที หรือ อินเตอร์เน็ต เพื่อการชักชวน คนเข้าร่วมธุรกิจขายตรงแทน...เพียงแค่ "คลิก" เดียว ก็ขยายเครือข่ายได้เร็วกว่าและมีจำนวนมากกว่า หลายร้อยหลายพันเท่า แบบว่า ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องเสียเวลา และไม่ต้องเดินทาง ก็ขยายเครือข่ายได้แล้ว

คนรุ่นใหม่ อย่างนักขายตรงคนหนุ่มไฟแรงหลายคนบอกตรงกันว่า ระบบไอที โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต มีผลต่อการทำตลาด หรือการขยายธุรกิจเครือข่ายได้เป็นอย่างดี ด้วยเพราะอินเตอร์เน็ตเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักขายตรงสามารถสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงเป้าหมาย ถือเป็นเวทีแห่งการโฆษณา แนะนำตัว แนะนำแผน และแนะนำสินค้า ก่อนต่อ ยอดเพื่อการชักชวนให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจเพียง "คลิก" เดียวก็ได้ผล

"โลกวันนี้ เป็นโลกไอที ที่นักขายตรงทุกคนต้องปรับตัวให้ทัน ถึงแม้ว่าการใช้สื่อโฆษณาผ่านทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การใช้การสื่อสารแบบปากต่อปาก หรือการบอกต่อกันไป จะยังคงใช้ได้ผลดี ในการทำธุรกิจเครือข่าย แต่ช่องทางไอที หรืออินเตอร์เน็ต ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้นักขายตรงสามารถสร้างเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น มีจำนวนมากขึ้น และประหยัดเวลามากขึ้น ทำให้ช่องทางการใช้อิน เตอร์เน็ต กลายเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีความได้เปรียบในการทำโฆษณา ซึ่งนักการตลาด นักธุรกิจหรือนักขายตรงต้องให้ความสำคัญ ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ และต้องก้าวตามให้ทัน ด้วยเพราะปัจจุบันคนทั้งโลกใช้อินเตอร์เน็ตสื่อสารระหว่างกัน และซื้อขายระหว่างกันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งนักขายตรงที่มีความรู้ความชำนาญด้านไอที ก็จะมีความได้เปรียบในการขยายเครือข่าย สื่อสารข้อมูล หรือให้ข้อมูลลูกค้า และการรีครูท คนเข้าสู่ธุรกิจ หรือการสปอนเซอร์คนได้ง่ายขึ้น และมีความสะดวกรวดเร็วมากอาจจะเรียกว่า นักขายตรงหรือผู้นำคนใดปรับตัวเข้ากับไอทีก่อน ก็จะได้เปรียบในโลกธุรกิจเครือข่าย และช่องทางการสื่อสาร ก็ถือว่า สำคัญมากในทุกโลกธุรกิจ เพราะว่าสามารถสื่อสารได้เร็วกว่า และตลาดก็รับรู้เร็วกว่า ผิดกับเมื่อก่อนที่ต้องนั่งส่ง SMS กัน แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะเทรนด์ใหม่ที่มาแรง อย่างทวิตเตอร์ (Twitter) ซึ่งไปได้เร็วมาก และกำลังได้รับความนิยม

ถามว่า การใช้ไอที จะทำให้โอกาสการตัดสินใจของคน ในการเข้ามาทำธุรกิจขายตรงได้มากน้อยแค่ไหน...จริงอยู่!กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าอาจจะไม่ตัดสินใจทันทีทันใด แต่การสื่อสารด้วยไอที ก็ถือเป็นการจุดประกายหรือจุดประเด็นไปก่อน ถือเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า ส่วนการปิดการขายหรือการชักชวน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องประสาน หรือพูดคุยกันกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะมาทีหลัง หากนักขายตรงรู้เรื่องไอที การสื่อสารก็จะเป็นประโยชน์กับนักขายตรงอย่างมาก ซึ่งนักขายตรงสามารถใช้ไอทีช่วยในการประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณา หรือส่งข้อมูลให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าหรือกลุ่มคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ในเมือง หรือต่างจังหวัด ส่วนมากก็ใช้ไอทีเป็นด้วยแล้วทั้งนั้น

เมื่อก่อนนักขายตรงใช้แผ่นปลิวในการสื่อสาร หรือพูดคุย เพื่อการรีครูทคน ซึ่งใบปลิวต้องลงทุนมาก และเสียเวลาในการเดินแจก กว่ากลุ่มเป้าหมายจะรับรู้ได้ ก็มีจำนวนไม่กี่ราย แต่หากใช้อินเตอร์เน็ต การรับรู้มีจำนวนมากขึ้น คลิกเดียว หรือใช้เพียงข้อความเดียว ก็สามารถสร้างกา รับรู้ให้กับคนอีกจำนวนมาก ทั้งประหยัดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย และไม่ต้องเสียเวลา

ที่สำคัญ...นักขายตรงยังไม่จำเป็นต้องมีสต็อกสินค้า เมื่อลูกค้าหรือสมาชิกมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้ว ก็ค่อยเบิกสินค้าไปให้เขา เหมือนกับเด็กสาว 2 คน ซึ่งปัจจุบันพวกเขามีรายได้รวมต่อเดือนกว่า 7 ล้านบาทเพียงแค่ขายเสื้อผ้าหลากหลาย ซึ่งตลาดเสื้อผ้าถือว่า เป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยการทำโฆษณาผ่านไอทีหรืออินเตอร์เน็ต และมีสินค้าให้เลือกหลายหมื่นชุด โดยไม่ต้องมีสต็อกสินค้า ไม่ต้องมีหน้าร้าน เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเข้ามา ก็ค่อยไปสั่งย่านประตูน้ำ แล้วก็จัดส่งให้กับลูกค้า คิดราคาขายตรงหรือขายปลีกก็ว่ากันไป ถึงวันนี้ พวกเขาก็สามารถสร้างรายได้ แบบรวยได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย

ซึ่งการทำธุรกิจขายตรงก็ไม่แตกต่างกัน สามารถขยายธุรกิจได้ด้วยไอทีนอกจากนี้ การใช้ไอทีเป็นเครื่องมือ ยังไม่ต้องมีทำเลหรือที่ตั้ง เพราะทำเลอยู่หน้าเว็บ แถมไม่ต้องลงทุนสูงพนักงานไม่ต้องจ้าง การเบิกจ่ายก็สามารถทำผ่านอินเตอร์เน็ตได้ เรียกว่า ขั้นตอนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องไอทีหมดแล้ว และคนจำนวนมากก็ตัดสินใจซื้อ เพราะคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่กับอินเตอร์เน็ต ด้วยเพราะหลายคนว่างงาน ตกงาน อินเตอร์เน็ตจึงมีบทบาท เพราะไม่รู้จะไปพึ่งพาใคร ทำให้ต้องไปอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สั่งซื้อสินค้าทางหน้าจอ สั่งของจากอินเตอร์เน็ต รวดเร็วกว่า และถูกใจกว่า ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินเลือก ฉะนั้นไอทีจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการเปิดตลาด ซึ่งกำลังขยายความนิยมอย่างกว้างขวาง

การธุรกิจเครือข่ายขายตรง...นักขายตรงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อการเปิดตัว ไม่จำเป็นว่า จะรู้จักใครหรือไม่แต่ทำอย่างไรให้เขารู้จักเรา อย่างอินเตอร์เน็ต ก็อาจทำได้ ด้วยการเปิดใน Google เพื่อให้คนคลิกเข้ามาแล้วเจอบริษัท หรือเจอเว็บนักขายตรง หรือหากลูกค้าคิดชื่อบริษัทไม่ออก ก็คลิกไปที่คำที่ต้องการค้นหาก็สามารถค้นพบบริษัทเรา หรือเว็บของเราได้ ซึ่งเขาก็จะเข้ามาดู พอเขาเจอสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็อยากศึกษา และจะติดต่อเรากลับมา...ขอให้เชื่อเถอะว่า คน ป่วยบ้างครั้ง เขาไม่อยากบอกใคร หรือไปหาหมอ บางคนค้นหาคำ ตอบในการรักษาโรคโดยอินเตอร์เน็ต เมื่อเข้าอินเตอร์เน็ตแล้ว เขาพบ เขาเห็น เขาสนใจ
การตัดสินใจซื้อสินค้าก็จะตามมา

ไอทีกับธุรกิจขายตรง จึงเป็นของคู่กัน เรียกว่า นักขายตรงเลือดใหม่ หรือคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เขาใช้ไอทีกันทั้งนั้น เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ในการเข้าถึง ในการทำโฆษณา ในการทำ ตลาด และในการขยายเครือข่าย ซึ่งหากผู้นำหรือแม่ทีม หรือนักขายตรงคนใดยังใช้วิธีดั้งเดิมอยู่ บางทีอยากจะถูกคนรุ่นใหม่แซงหน้าไปไกลแล้วก็ได้ ฉะนั้น ต้องปรับตัวและต้องก้าวให้ทันอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) ปัจจุบันกระแสความนิยมเพิ่มและแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประ เทศ และต่างประเทศ ซึ่งกำลังถูกนำมาใช้ในการตลาดออนไลน์ online marketing กันอย่างมากมาย และนั่นเอง ก็เป็นช่องทางที่จะสร้างรายได้ให้กับคนที่เล่นTwitter.com เรียกว่า Twitter ทำให้เกิดสังคมของการตลาดออนไลน์ที่ใหญ่มาก และเปิดโอกาสให้นัก Twitter ทั้งหลายได้นำโฆษณา ไปโพสต์ใน Twitter ของตัวเอง หรืออาจจะเรียกว่า ไม่เคยมีสื่อใดที่ช่วยให้การส่งข้อความตรงถึงคนนับหมื่น นับแสน หรือแม้แต่นับล้านคนพร้อมกันในคลิกเดียว ไม่มีสื่อใดทำได้ง่ายเท่ากับบน Twitter เพียงพิมพ์ข้อความแล้วกดส่ง โดยไม่ต้องลงรูปสร้างอัลบั้ม ไม่ต้องสร้างระบบฐานข้อมูล และไม่ต้องออกแบบเว็บไซต์มารองรับ และที่สำคัญ คือ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

จากผลสำรวจ พบว่าอัตราการคลิกลิงค์บน Twitter นั้น อยู่ที่ราว 4% สูงกว่า การคลิกลิงค์ของแบนเนอร์โฆษณาทั่วไป ซึ่งเท่ากับ 0.4% ถึงสิบเท่า และสูงที่สุดในบรรดาเว็บ Social Network ทั้งหมด ทำให้นักการตลาด และภาคธุรกิจทั่วโลกต่างจับตามองและรีบลงมาเล่น เพราะดูเหมือนว่า Twitter เกิดมาเป็นเครื่องมือทางการตลาด ยิ่งกว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารส่วนบุคคลเสียอีก รวมถึงหลายแบรนด์ในไทยที่ลงมาใช้งาน Twitter กันอย่างจริงจัง ถึงแม้ประมาณการผู้ใช้ Twitter ในไทยจะยังอยู่ที่ราวๆ ไม่กี่แสนคนแต่ก็มีอัตราการเติบโตสูงเด่นถึงเดือนละหลายเท่า และนั่นหมายถึงยอดผู้ใช้ Twitter ในไทย จะถึงหลัก
ล้านได้ไม่ยากภายในปีนี้

ที่สำคัญ ทุกแบรนด์ ทุกธุรกิจ ต้องพูดคุยแบบคนกับคน เพราะหากแบรนด์ไหน บน Twitter ที่พูดแต่เรื่องขายของเป็นประจำ ทำตัวไม่ต่างจากพื้นที่โฆษณา ต่อไปข้อความจากแบรนด์นั้น ก็จะถูกมองข้าม หรือที่สุดคือ ถูกผู้บริโภคเลิกคลิกดู ไม่ต่างกับการกดปิดโฆษณาบน เว็บทั่วไป Twitter จึงเหมาะที่จะใช้เป็นเครื่องมือการตลาดที่เจาะเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากผู้บริโภคเลือกได้ว่า เขาจะติดตามแบรนด์นั้นๆ หรือไม่ หากผู้บริโภคสนใจ ก็จะตอบรับกลับมาเอง ไม่ใช่เป็นการหว่าน Marketing Message ออกไปกว้างๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่ไม่สนใจ และไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายด้วย

อย่างไรก็ตาม กระบวนการสร้างแฟนๆ ผู้ติดตามหรือที่เรียกว่า "Follower" นั้น ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง...การตลาดบน Twitter จึงเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวหรือตลอดไปแบบ "Foreve rism" และต้องใกล้ชิด tweetข้อความอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองทางแบบ Interactive เป้าหมายต่างๆ ของการใช้ Twitter เพื่อการตลาดนั้นมีหลากหลาย แต่สามารถจัดแบ่งกว้างๆ ได้ 5 ข้อ ดังนี้
1. ใช้บอกว่า กำลังทำอะไรอยู่ เช่น ปล่อยข่าวสินค้ารุ่นใหม่ๆ ก่อนจะออก หรือข่าวเตรียมงานกิจกรรมต่างๆ, 2. ประกาศข่าวต่างๆ โดยอาจจะส่งหัวข้อข่าวพร้อมลิงค์ให้กดไปอ่านได้เต็มๆ อีกทีหนึ่ง,
3. เล่าบรรยา กาศกิจกรรมทางการตลาด หรือการประชุมสัมมนา โดยtweet ประเด็นหรือเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมงานได้รู้ด้วยว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างแบบ Real Time
4. แสดงความคิดเห็น เพื่อให้ดูเป็นมนุษย์ และใกล้ชิดผู้อ่านมากขึ้น ดูเป็นตัวจริงจากแบรนด์จากองค์กรนั้นจริงๆ ไม่ดูเป็นแหล่งรวมข่าวประชาสัม พันธ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นความเห็นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และไม่ก่อความขัดแย้งเกินไป และ 5. สื่อสารและสร้างสัมพันธ์โดยตรงกับคนอื่นๆ ด้วย เช่นไป Follow และ Reply คนอื่นๆ ด้วย เพราะแค่เขียนหรือ tweet อย่างเดียว ย่อมดูไม่น่าสนใจ เป็น Feedข่าวทั่วๆ ไป และจะมีเพื่อนมา Follow น้อย หาเพื่อนใหม่ได้ยาก

หลายๆ แบรนด์ในไทย ลองใช้ Twitter มาระยะหนึ่งแล้ว และบุกอย่างจริงจังเต็มที่เมื่อมีกระแสการเมืองช่วยพาคนไทยให้เข้ามาเล่นหลักไม่กี่พันสู่หลายหมื่นคน และยังโตกว่านี้ได้อีกหลายเท่าอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละองค์กรก็มีจุดประสงค์หลากหลาย ไม่ว่าการสร้างแบรนด์แบบบริษัท อสังหาริมทรัพย์อย่าง แสนสิริ,การสร้างแบรนด์ผ่านคอนเทนต์บันเทิงอย่าง อคาเดมี่ แฟนเทเชีย ให้มี Engagement ผูกพันบน twitter กับผู้ใช้ได้นานๆ และได้ทุกวันของ Pepsi ใน PepsiAF, การโปรโมทภาพ ยนตร์อย่างมีเทคนิคของบริษัทหนัง GTH ฯลฯ

แต่ละรายใช้เทคนิคเสริมที่หลากหลาย เช่น เกมตอบคำถามชิงรางวัลเพื่อดึงคนเข้าเว็บ การใช้ร่วมกับสื่ออื่นๆ ทั้งเฟซบุ๊ก, ยูทูบ, เว็บไซต์ และกิจกรรมอีเวนท์ภายนอก การกระ ตุ้นให้ผู้อ่านส่งข้อความมาเป็น Content ให้แบรนด์ กับอีกหลากหลายกลยุทธ์อื่นๆ เป็นฐานสำคัญให้ต่อยอดไปสู่กลยุทธ์การตลาดบนTwitter แบบอื่นๆ ได้อีกต่อไปไม่หยุดนิ่ง

ทั้งหมดนี้อาจยังไม่ใช่สูตรสำเร็จแน่นอน เพราะทุกรายยอมรับว่า อยู่ระหว่างทดลอง แต่ก็มีแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจ และเป็นกรณีศึกษาชั้นดีของการตลาดบน Twitter ในไทยได้ ซึ่งนักขายตรงไทยไม่ควรมองข้าม แต่ควรต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ เพื่อประโยชน์ในการขยายธุรกิจเครือข่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น