วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อยากเป็นเถ้าแก่ทำอย่างไรดี

อยากเป็นเถ้าแก่ทำอย่างไรดี? (ฉบับที่ 137 )

คำถามฉบับนี้มาจากคุณนวพฤกษ์ อยู่ที่ทองหล่อนี่เอง เห็นว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

ถาม ทำ งานเป็นลูกจ้างมาหลายปี อยากเป็นเจ้าของกิจการบ้าง โดยเริ่มจากการรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ใช้การบอก ปากต่อปาก แต่ก็ยังช้า ๆ อยู่ จะทำอย่างไรดี และควรเริ่มต้นอย่างไร ให้ธุรกิจยั่งยืนและถาวร

ตอบ คำถามเช่นนี้จะมีเข้ามามาก โดยเฉพาะในช่วงของวิกฤติเศรษฐกิจเป็นพิษ งานประจำที่เคยทำก็จะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เพราะมีแรงกดดันต่าง ๆ นานาเข้ามามากมาย ที่เคยได้ ก็ไม่ได้ หรือได้ยากขึ้น มีขั้นตอน มีระบบเข้ามากระทบมากมาย ฟังแล้วก็รู้สึกเหนื่อย ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ท้อ หรือถอย เพียงต้องการให้รู้จักที่จะสู้ และสู้อย่างชาญฉลาด มีชั้นเชิง ให้คิดเชิงบวกเสียว่า “มีงานย่อมดีกว่าไม่มีงาน” และถ้าจะทำธุรกิจเอง ก็อยากให้ได้ผลกำไรมาก ๆ คุ้มค่าการลงทุน ก่อนที่จะเข้าถึงแนวทางการวางแผนการบุกนั้น อยากให้ผู้ถามกลับมาตั้งสติให้แม่น ๆ เกี่ยวกับหลักการทำธุรกิจเสียก่อน อย่าพึ่งรีบผลีผลาม ทุกธุรกิจต้องเริ่มต้นจากแนวคิด สู่ผลิตภัณฑ์ หมายความว่า มีแนวคิดอย่างไรที่จะทำธุรกิจ และแนวคิดนี้จะไปสอดคล้องกับสิ่งที่ตนเองนั้นถนัดหรือไม่ นำแนวคิดนี้มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องแค่นี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของผู้ที่จะทำธุรกิจ เพราะว่า คนส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเรียนแบบแนวคิดผู้อื่นมาทำ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ถ้าคิดไม่ออกว่าจะสร้างแนวคิดอย่างไรดี วิธีที่ดีที่สุดคือ การศึกษาจากผู้อื่นแล้วนำมาต่อยอด ทำให้สิ่งที่แตกต่างจากผู้อื่น วิธีนี้จะทำให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นการจัดเลี้ยง วิธีที่ดีที่สุดก็เริ่มต้นจากดูว่าธุรกิจจัดเลี้ยงนั้นมีความเป็นมาอย่างไร และเขาทำกันอย่างไร ตั้งแต่ยุคธุรกิจโต๊ะจีนเฟื่องฟู จนมาเป็นยุคจัดเลี้ยงที่เรียกว่า Catering ดังในยุคปัจจุบัน ที่ภัตรคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มให้ความสนใจและเข้ามาในธุรกิจนี้ และหลักการดำเนินการขอให้ผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ(ทุกท่าน) พิจารณาเป็นขั้น ๆ ดังนี้

1. ต้องเริ่มต้นที่ความชัดเจนทางธุรกิจ ว่าถนัดด้านใด ชอบอะไร มีความรู้แค่ไหนและที่สำคัญต้องคำนึงถึงความสอดคล้องทางภาพลักษณ์ของตนเอง ต่อธุรกิจที่จะทำด้วย จุดเริ่มต้นนี้มีความสำคัญต่อความยั่งยืนทางธุรกิจ ขอย้ำว่า (เรากำลังสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ) เพราะเรากำลังสร้างตัวเองกับธุรกิจให้เป็นสิ่งเดียวกัน ผสมผสานกลมกลืนกันทั้งแนวคิดและภาพลักษณ์

2.ระบบงาน มีผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เพิกเฉยต่อระบบของการทำงาน บางคนมุ่งไปที่งานขายเพียงอย่างเดียว เพราะมีความเข้าใจว่า งานขายนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกกิจกรรมหรือทุกงานในหน่วยงานนั้น ๆ ต้องขอบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เพราะมีหลายองค์กรที่ต้องสะดุดเมื่อดำเนินธุรกิจไปสักระยะเพราะขาดระบบ โดยเฉพาะระบบบัญชี ที่ทำไปทำมาพันกันยุ่ง เหมือนยุงตีกัน สุดท้ายต้องมาคอยแก้ไข แกะปมนั้น ปมนี้ กว่าจะเรียบร้อยก็เสียเวลาทำมาหากินไปมาก การสร้างระบบจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่อยากให้มองข้าม แนวทางการปฏิบัติ จึงต้องทำควบคู่กันไปทั้งขายและระบบงาน การวางขั้นตอนการทำงานเริ่มต้นตั้งแต่ระบบบัญชีที่ชัดเจน งานบุคคล ขั้นตอนการรับงาน ขั้นตอนการวางบิลเป็นต้น

3. สร้างมาตรฐานการทำงาน การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน ข้อเท็จจริงจึงต้องทำความเข้าใจถึงความคาดหวังของผู้บริโภค ส่วนหนึ่งคือความคาดหวังในด้านของความมีมาตรฐานของผู้ขาย มาตรฐานของสินค้า มาตรฐานของการดำเนินการ มาตรฐานเล่านี้เป็นมาตรฐานที่ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภค ต้องคำนึงถึงว่าผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วเราทำอะไรให้ได้บ้าง เช่นมาตรฐานด้านราคา มาซื้อกี่ครั้งก็ต้องราคาเช่นนี้ หรือมาตรฐานสินค้า มาซื้อเมื่อใด ก็จะได้สินค้าที่มีคุณภาพ

4. การตลาดเชิงรุก ยุคปัจจุบันเป็นยุดของการสื่อสารแบบบูรณาการคือครบวงจร ดังนั้นสินค้าใดก็ตามถึงแม้จะคุณภาพดีเพียงใด ถ้าขาดการรับรู้จากผู้ซื้อก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ในขั้นต้นนั้น ถ้าเงินทุนไม่เพียงพอ ขอให้ใช้ลักษณะปากต่อปากถือว่าดีที่สุด มีป้ายเล็ก ๆ ติดตัวไปในที่ต่างๆ ป้ายบอกเสมอ ๆ ว่า มาจากที่ไหน ก็จะเป็นการเพิ่มการรับรู้ อีกวิธีหนึ่งคือการเข้าไปมีส่วนในองค์กรต่างๆ ทำให้ตนเองเป็นที่รู้จัก ก็จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญยิ่ง

“กรุง โรมไม่ได้สร้างภายในวันเดียว!.” ท่องไว้ ท่องไว้! อย่าใจร้อน ค่อยเป็น ค่อยไป ธุรกิจเหมือนการพนันที่ตรง มีความเสี่ยว แต่ธุรกิจไม่เหมือนการพนัน ตรงที่ว่า คุณสามารถบริหารจัดการ วางแผนได้ด้วยตัว! ความสำเร็จอยู่ในมือคุณ!

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 6 ฉบับที่ 137 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 สิงหาคม 2551

« ย้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น