วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วาจาพาขายเก่ง (Sale Talk Techniques)

วาจาพาขายเก่ง (Sale Talk Techniques) การพูดสำคัญที่ “คำ” ที่เราพูดออกมา

ปัญหาที่เราพบในการพูดเพื่อขายคือ
1.“พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้” หรือ
2. “พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้มากขึ้น”
อย่างแรกนั้นเป็นการพูดของ Order Taker มิใช่นักขาย คือ คอยรับออเดอร์อย่างเดียว เช่น พนักงานเซเว่นฯ อย่างที่สองคือการพูดของ Sale เป็นการพูดเพื่อ Create Sale ให้เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันมาก

การพูดแบบนักขายนั้น ยึดหลัก 3 ประการ1.ลูกค้าถูกเสมอ (Customer is always right)
-เขาถูกเขาก็ถูก เขาผิดเขาก็ถูก

2.พูดถึงประโยชน์ของลูกค้า อย่าพูดประโยชน์ของตัวเราเอง (Use “you” approach , Do not use “I” approach )
-มาเพื่อเขา ไม่ใช่เรา

3.คนดูคน คนดึงคน (Man Attracks man)
-เป็นหลักการตลาด คนมีผลต่อคน เช่น การประท้วง 1000 คน เริ่มต้นอาจเริ่มต้นจากคน 200-300 คนเท่านั้น อีก 700 อาจจะเป็นแค่ผู้ที่สนใจ มาดูหรือเดินผ่านเท่านั้น

“ ลูกค้า คือ บุคคลสำคัญที่สุด ที่มาเยือนเราในสถานที่นี่
เขาไม่ได้มาพึ่งเรา เราต่างหากที่พึ่งเขา
เขาไม่ได้มาขัดจังหวะการทำงานของเรา
หากแต่การรับใช้เขา คือวัตถุประสงค์ของงานของเรา
เขามิใช่บุคคลภายนอก เขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเรา
การรับใช้เขา เรามิได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย
เขาต่างหากเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรา โดยให้โอกาสแก่เราที่จะรับใช้เขา “
โดย คานธี

กระบวนการขายทั้ง 6 ขั้นตอนล้วนต้องพูด
1.แสวงหาลูกค้า (Prospecting)
2.เตรียมตัวก่อนเข้าพบ (Pre - approach)
3.เข้าพบ (Approach)
4.สาธิต (Demonstration)
5.การตอบข้อโต้แย้ง (Handling objection)
6.สรุปการขาย (Closing the sale)

ปล. ทั้ง 6 ทำเพื่อ Prospect เป็น Customerเป็น Friend

ปล.2 ทั้ง 6 ขั้น แบ่งได้ 2 ขั้นคือ 1,2 ขั้นเตรียม (Planning) ยิ่งนานยิ่งดีเพื่อให้ชัวร์ และ 3-6 ขั้นลุย (Action) รวดเร็วที่สุด - “ ถ้าไม่ใช้หัวให้มาก ก็ใช้เท้าให้มากขึ้นหน่อย”

ปล.3 สำคัญที่ 3 ขั้นหลัง คือ
1.การแสดงการขาย - ลำดับขั้นตอนต้องดี คล่อง ไม่สับสน
2.การตอบข้อโต้แย้ง - ต้องทำให้ลูกค้าหายข้องใจ และพอใจ
3.การสรุปการขาย - ต้องทำให้ลูกค้าเซ็นใบสั่งซื้อให้ได้


W – Word choice เลือกใช้ถ้อยคำภาษาให้เหมาะสม
E – Eye contact ประสานสายตา
P – Pronunciation ออกเสียงให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจตรงกับที่เราสื่อ
T – Tone จังหวะ
A – Attention สนใจผู้ฟัง ต้องสังเกต ผู้ฟัง หน้าตาหรือท่าทาง

สูตรการพูด จูงใจในการขาย AIDA
A – Attention ความเอาใจใส่ผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
I – Interest เพิ่มความสนใจให้มากขึ้น (การกระตุ้น เช่น .ใช่....แต่ “Yes…..But”)
D – Desire เพิ่มหรือก่อให้เกิดความปารถนาอยากได้
A – Action เร่งให้กระทำ ปิดการขาย

หลักบันได 5 ขั้นของ มอนโร
Attention – ดึงความสนใจผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
Need – ทำให้เกิดความต้องการ
Satisfaction – ก่อให้เกิดความพอใจ
Visualization – ทำให้เห็นภาพ (คล้อยตาม)
Action – เร่งให้กระทำ (ปิดการขาย)

เทคนิคการตอบข้อโต้แย้ง
I.วิธี “ใช่........แต่” หรือ “Yes…..but” การแย้งกลับแบบถนอมน้ำใจ
II.วิธี “บูมเมอแรง” หรือ “ศอกกลับ” เอาข้อโต้แย้งของเขามาเป็นโอกาสของเรา (อาศัยข้อคิดว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน)
III.วิธี “ยอมรับและชดเชย” หาประโยชน์อื่นมาทดแทน โดยยอมรับข้อเสียของเรา
IV.วิธี “ยกข้อโต้แย้งมากล่าวแต่เนิ่นๆ” (เสนอข้อโต้แย้งของเรา(ข้อเสีย)มากล่าวก่อน)
“กั้นเฝือกแล้วเอาสุ่มไล่ครอบ” คือหาทางหนีของลูกค้าไว้ก่อน กันไว้แล้วไล่บี้
V.วิธี “เลื่อนการตอบ” ถ้าตอบไม่ได้จริงๆเลื่อนการตอบไปก่อน หาข้อมูลมาตอบวันหลัง

เทคนิคการสรุปการขาย1.ทดลองสรุป – ค่อยๆแหย่ไปเรื่อยๆ
2.สะสมคำตอบรับ – สร้างคำตอบรับ(ยอมรับ) อย่าสร้างคำปฏิเสธ
3.ด้วยใบสั่ง – ได้แล้วกลับรวดเร็ว
4.ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง – อย่าให้เลือกใช่หรือไม่
5.ให้ทดลองใช้แล้วขายเลย
6.ขอมัดจำ หรือขอเก็บเงิน
7.S.R.O (Standing Room Only) – “ของดีมีน้อย”

คำแนะนำแบบ ลบ กลาง บวก ( จิตวิทยาง่ายๆ “คนส่วนใหญ่ชอบคล้อยตาม”)
ลบ – ลูกค้าปฏิเสธแน่ๆ (Negative Suggestion)
กลาง – ลูกค้าจะคิดก่อน (Neutral Suggestion)
บวก – ลูกค้าจะสนใจทันที (Positive Suggestion)
เทคนิคคือ พยายามพูดโดยชักนำให้ลูกค้าไปกับเรา “มัดมือชก”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น