วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กฎแห่งเข็มทิศ

กฎแห่งเข็มทิศ เราได้ในสิ่งที่เราเป็น
ความรัก ต้องการความสามารถที่จะรัก
ความสำเร็จ ต้องการความสามารถที่จะเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง
ความสุข ต้องการความสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความทุกข์ มีความสุขด้วยตนเองได้ในทุกสถานการณ์

เมื่อพี่อ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง ว่างเว้นจากเข็มทิศชีวิตไปถึง 4 ปีเต็มๆ จนวันนี้ที่มีหนังสือเล่มล่าสุดชื่อ “เข็มทิศชีวิต : กฏแห่งเข็มทิศ” ออกมา ช่างเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะรายรอบตัวเราเต็มไปด้วยวิกฤติและเรื่องราวเลวร้ายมากมาย

ในวันที่วิกฤติมากมายประเดประดังเข้ามาในชีวิต นอกจากเราจะมองไม่เห็นหนทางแล้ว เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร ในวันนั้นเราต้องการแสงสว่างส่องทาง ต้องการเข็มทิศเพื่อให้ชีวิตเดินไปอย่างมีความหวังและความมุ่งหมาย

ชีวิตของพี่อ้อยเจอะเจอเรื่องราวมากมายอย่างที่เราต่างรู้ เป็นนิยายชีวิตที่เข้มข้น เหนือกว่านั้นคือเป็นบทเรียนทั้งกับตัวเธอ ทำให้เธอได้เรียนรู้ “อะไรบางอย่าง” และแบ่งปันกลั่นมาเป็น “เข็มทิศชีวิต” และ นี่คือบางบทสรุปจากเธียเตอร์ ทอล์ค ที่เธอมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมด้วยภาคต่อของเข็มทิศชีวิตที่คนไทยนับล้านได้อ่านเพื่อเยียวยาหัวใจตัว เองกันมาแล้ว...ไม่แน่ว่า คงมีบางคำ บางประโยค ที่โดนใจคุณผู้อ่านอยู่ก็เป็นได้ เราขอท้า !!

กฎ แห่งเข็มทิศ : เราได้ในสิ่งที่เราเป็น ทุกอย่างปรากฎ เปลี่ยนแปลง ตรงตามการเปลี่ยนภายในจิตของเรา ทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อให้เรามี ชีวิตที่ดีที่สุด ทุกขณะมีทางเลือก ที่เป็นความสุขในทุกสถานะการณ์

ไม่มีใครไม่เคยล้ม แต่ทำไมคนบางคน ล้มแล้วลุกขึ้นยืนใหม่ได้รวดเร็ว มีกฎอะไรในโลกที่คนบางคนรู้ แล้วทำให้ทั้งเหตุการณ์ ดีและร้ายกลายเป็นของขวัญที่ทำให้ ชีวิตเขาเติบโต มีความสุขอย่างแท้จริงสิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าเขา แต่เราไปตีความให้ความหมายว่าสิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าของเรา เราเข้าใจผิดเอง

เรากระทบกระเทือนจากเสียงข้างนอกตราบเท่าที่เราไม่มั่นใจในความดีงามของตัว เอง เมื่อรู้ชัดถึงสิ่งที่เราเป็น เราจะเป็นอิสระจากสถานการณ์ภายนอกทั้งปวง

เวลาที่ชีวิตต้องเตือนเราแรงๆ จนเหมือนเอาเท้าถีบเราจนกระเด็น ก็เพราะถ้าส่งสัญญาณเบากว่านั้น เราจะไม่รู้สึก ชีวิตจึงต้องเลือกประสบการณ์ที่หนักพอที่จะทำให้เราตื่นขึ้นมาเรียนรู้ บางอย่างและ มีชีวิตที่ดีขึ้นเสมอ

วันนี้ ที่เด็กของเรามากมายมีปัญหา เพราะเราเลี้ยงเขาโดยไม่ให้เขารับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง เรากะเกณฑ์ชีวิตเขา เขาไม่เห็นประโยชน์ในสิ่งที่เขาต้องทำ แล้วเราจะคาดหวังให้เขาทำได้ดี มีความสุข รักที่จะเรียนรู้ได้อย่างไร

...เราไม่ได้ในสิ่งที่เราขอ เราได้ในสิ่งที่เราเป็น สร้างสิ่งที่เป็นเราภายในให้คู่ควรกับสิ่งที่เราต้องการ
เมื่อไรที่คุณวิ่งวุ่นกับชีวิต คุณกำลังวิ่งหนีปัญหาที่ไม่ต้องการสะสางของตัวเอง

เราไม่ชอบมัน กลัวมันจะเกิด แต่ทุกอย่างที่เราทำ เราคิด เราตอบสนองเรากำลังส่งบัตรเชิญ มันเข้ามาในชีวิตเรา
เราอยากเปลี่ยนคนอื่น อยากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม แต่เราไม่อยากเปลี่ยนตัวเอง

มนุษย์ไม่ได้เป็นทาสเพราะถูกคนอื่นกดให้เป็นทาส แต่เราเป็นทาสวัตถุ สิ่งของ เป็นทาสคน เพราะเราหวังจะให้สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น