วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เปลี่ยนความคิด..ชีวิตเปลี่ยน!

เปลี่ยนความคิด..ชีวิตเปลี่ยน!
ถ้าอยากมั่งคั่งร่ำรวย ให้รวมศูนย์ความคิดไปที่ความมั่งมีศรีสุข จินตนาการว่าคุณมีเงินเท่าที่ต้องการแล้ว และให้รู้สึกมีความสุขตั้งแต่ตอนนี้ เพราะนี่คือทางลัดที่สุดที่จะชักนำเงินทองเข้ามาในชีวิตคุณ!!!

ดิฉันแนะนำให้คุณไปซื้อหนังสือ “The Secret” มาอ่าน และลงมือปฏิบัติตามที่หนังสือแนะนำด้วยนะคะ! แล้วคุณจะได้พบกับความมหัศจรรย์ค่ะ!! ชีวิต ที่เปลี่ยน .. เกิดจากการกระทำที่เปลี่ยน .. การกระทำที่เปลี่ยน .. เกิดจากความคิดที่เปลี่ยน .. และความคิดที่เปลี่ยน .. ก็เกิดจากความเชื่อที่เปลี่ยน! .. ถ้าเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็จะเปลี่ยน .. คุณเห็นด้วยไหมคะ?

คุณรู้ไหมคะว่า 60%-80% ของความสุขและความสำเร็จมาจากการที่เรามีระบบความคิด (Mind Set) ที่ดี ส่วนความรู้หรือทักษะความชำนาญเกี่ยวกับงานที่ทำมีความสำคัญน้อยกว่า คนที่ยังไม่สำเร็จไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้วิธีการอธิบายว่าธุรกิจของเขาดีอย่างไร ให้ผลตอบแทนแบบไหน สินค้ามีจุดเด่นอะไรบ้าง ความจริงแล้ว เขาสามารถอธิบายได้ดีมากเลยแหละคะ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เขาไม่ออกไปทำงาน ไม่ไปติดต่อลูกค้า ไม่ไปแนะนำสินค้า ไม่ไปนำเสนอธุรกิจ ไม่ไปรีครูตคนเข้ามาร่วมงาน หรือทำก็น้อยมากเลย ใช่ไหมคะ? .. อันนี้รวมถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย?

คุณคิดว่าอะไรทำให้เขาไม่ออกไปทำงานล่ะคะ? มันมี “ความคิด” อะไรบางอย่างที่มาหยุดยั้งการลงมือทำใช่ไหมคะ?
ทำไมบางคนเจอคำปฏิเสธ เจอปัญหาอุปสรรคก็ยังเดินหน้าต่อ แต่บางคนล้มเลิก หยุด ไม่ทำแล้ว?!?
ทำไมบางคนสร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่บางคนผ่านไปเกือบหมดชีวิตก็ยังไม่มีอะไรเลย!?! ..
ทำไมบางคนมีความสุขกับชีวิต แต่บางคนเศร้าใจ หงุดหงิด เครียด และกังวลตลอดเวลา?
คนที่ประสบความสำเร็จ กับ คนที่ยังไม่สำเร็จ มี “ความคิด” อะไรที่แตกต่างกัน?
คนที่มีความสุข กับ คนที่มีความทุกข์ มี “ความคิด” อะไรที่ต่างกัน?
คนสำเร็จบอกว่า “ฉันนี่แหละ ที่กำหนดชะตาชีวิตของฉันเอง” ..
คนไม่สำเร็จบอกว่า “ดวงฉันไม่ดี ไม่มีคนให้ความช่วยเหลือ”
คนสำเร็จ “แสวงหาโอกาสให้ตัวเอง” ..
คนไม่สำเร็จ “รอคอยให้โอกาสเดินเข้ามาหา”
คนสำเร็จบอกว่า “ชีวิตของฉันผ่านปัญหาและอุปสรรคมาเยอะ มันหล่อหลอมให้ฉันเป็นคนเข้มแข็งอดทน ฉันถึงประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้”
คนไม่สำเร็จบอกว่า “เพราะชีวิตของฉันเต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรค ชีวิตฉันถึงได้ย่ำแย่แบบนี้”
คนสำเร็จบอกว่า “ฉันจะช่วยงานหัวหน้า ฉันจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกทีมเห็น ฉันจะหาจุดเด่นของสินค้ามานำเสนอ”
คนไม่สำเร็จบอกว่า “หัวหน้าไม่ช่วย ลูกทีมไม่ขยัน สินค้าสู้คนอื่นไม่ได้”
คนมีความสุขบอกว่า “ขอบคุณสิ่งต่างๆที่ฉันมีในชีวิต ฉันเป็นคนโชคดีจริงๆ”
คนมีความทุกข์บอกว่า “ทำไมฉันยังไม่มีเหมือนคนอื่นเขา ฉันมันคนไร้บุญวาสนา ฉันโชคร้ายจริงๆ”
คนมีความสุข “ตีความกับสิ่งต่างๆแบบให้พลังกับตัวเอง” ..
คนมีความทุกข์ “ตีความแบบลดพลังของตัวเอง” เห็นไหมคะว่า “ความคิด” ของคนสองประเภทนี้ต่างกันมาก!
ถ้าคุณอยากสำเร็จ ให้คิดแบบคนสำเร็จ .. ถ้าคุณอยากมีความสุข ให้คิดแบบคนมีความสุข! .. “เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน!”

คุณโปรแกรมตัวเองไว้แบบไหน?
คุณรู้หรือไม่คะว่า “คุณเป็นคนอย่างที่คุณคิดตลอดเวลา!” เช่น ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นคนไม่เก่ง คุณก็จะเป็นคนไม่เก่งในโลกของคุณเอง คุณจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง คุณจะกังวลว่าจะทำได้ไหม? สิ่งที่คุณทำไปมันดีพอหรือยัง? ..เวลาที่คุณทำอะไรได้ดี มันก็จะผ่านเลยไป แต่เวลาที่คุณทำได้ไม่ดี คุณก็จะตอกย้ำกับตัวเองว่า “ฉันเนี่ยมันไม่ได้เรื่องเลย ฉันไม่มีความสามารถ!” ใช่ไหมคะ? คุณมีประสบการณ์และข้อพิสูจน์หลายต่อหลายครั้งว่า คุณไม่เก่ง แล้วมันก็กลายเป็นความจริงในโลกของคุณ!?!

นับจากนี้ไป .. ระวังสิ่งที่คุณคิดให้ดีๆ เพราะสิ่งที่คุณคิดบ่อยๆ พูดบ่อยๆ เห็นบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันจะกลายเป็นการโปรแกรมตัวคุณเองแบบอัตโนมัติโดยที่คุณไม่รู้ตัว! หลักการทำงานของสมองและจิตใต้สำนึกมีอยู่ว่า “สิ่งที่ใส่เข้าไปเท่ากับสิ่งที่ออกมา” “Input=Output” คุณใส่อะไรเข้าไปในสมองหรือความคิดของคุณ ผลลัพธ์มันก็จะออกมาเป็นแบบนั้น

ในเมื่อเรารู้หลักการทำงานของสมองและจิตใต้สำนึกแบบนี้แล้ว ทำไมเราไม่โปรแกรมตัวเองให้ดีๆล่ะคะ?!? แทนที่เราจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือพูดง่ายๆก็คือ เราไม่เคยฝึกตัวเองที่จะ“มีสติ”กำกับความคิด คำพูด และการกระทำของเรา

สิ่งที่เราต้องใช้สติในการโปรแกรมตัวเอง หรือใส่ Input ดีๆได้แก่ 1. ความคิด 2. คำพูด 3. ภาพที่เราเห็นด้วยตาหรือเห็นจากการจินตนาการก็ได้ 4. การแสดงออกหรือการใช้ร่างกายของเรา

ดิฉันอยากเล่าทฤษฎีอื่นให้คุณฟังอีก เขาเรียกว่า “กฎของการดึงดูดชักนำพา” มีคนเขาทดลองเอาส้อมเสียง .. โด เร มี ฟา ซอล ลา ที .. ไปตั้งกระจายไว้ในห้องหลายๆอัน แล้วเขาก็เคาะส้อมเสียง “โด” ปรากฏว่า มีส้อมเสียง “โด” อีกอันที่อยู่หลังห้องมันสั่นรับขึ้นมา ในขณะที่ส้อมเสียงอื่นอยู่นิ่งๆแบบเดิม เขาเลยคิดค้นและได้บทสรุปว่า “คลื่นพลังงานอะไรก็แล้วแต่ที่ใกล้เคียงกันจะดึงดูดกัน”

ต่อมามีการทดลองเอาคนที่มีความสุข เบิกบานใจแบบเข้มข้น ไปวัดคลื่นพลังงานที่ออกจากสมอง ปรากฏว่าเป็นคลื่นพลังงานบวกที่สูงมาก คลื่นนี้มีพลังแรงมาก ขนาดเขาเอากล้องไปถ่าย ยังเห็นภาพคลื่นพลังงานผ่านทะลุกำแพงออกไปได้ด้วย เขาได้ติดตามดูชีวิตคนพวกนี้ ก็พบว่าคนที่มีความสุขเบิกบานใจเหล่านี้ จะได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ เช่น ได้ไปเจอคนดีๆ ได้พบกับเหตุการณ์ดีๆฯลฯ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาปล่อยคลื่นพลังงานบวกไปดึงดูดคลื่นประเภทเดียวกัน เข้ามาในชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีการทดลองเอาคนที่ซึมเศร้า ห่อเหี่ยว ท้อแท้ รันทดกับชีวิต ไปวัดคลื่นพลังงาน ปรากฏว่า ได้คลื่นพลังงานที่เป็นลบ คลื่นเหล่านี้ก็จะไปดึงดูดคลื่นประเภทเดียวกันเข้ามา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คนเหล่านี้ก็มักจะพบแต่เหตุการณ์ร้ายๆอยู่เป็นประจำ!

คุณจะเห็นได้ว่าทุกทฤษฎีนั้นสอดคล้องสัมพันธ์กันหมด เช่น ถ้าใครคิดหรือพูดไม่ดี Input ลบ ก็เท่ากับว่าเขากำลังปล่อยคลื่นพลังงานลบออกมาด้วย ซึ่งมันจะไปดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิต

สิ่งที่คุณคิด พูด เห็น หรือทำบ่อยๆ จะกลายเป็นนิสัย ยิ่งสภาวะอารมณ์ที่คุณมี เข้มข้นเท่าไร มันจะยิ่งลงสู่จิตใต้สำนึกได้เร็วและเป็นการโปรแกรมตัวเองแบบเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น!

จำได้ไหมคะ ก่อนหน้านี้ดิฉันอธิบายถึงเรื่องการแยกแยะ ระหว่าง 1. สิ่งที่เกิดขึ้น กับ 2. สิ่งที่เราตีความ/คิด/ปรุงแต่ง ดิฉันอยากบอกคุณอีกครั้งว่า สิ่งที่คุณคิดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการตีความและการให้ความหมายต่อสิ่งต่างๆด้วยตัวคุณเองทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงหรอกค่ะ!

ถ้าคุณบอกว่าโลกนี้สวยงาม ชีวิตของคุณโชคดี คุณก็จะรู้สึกมีความสุขและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตใช่ไหมคะ?
แต่ถ้าคุณบอกว่า โลกนี้โหดร้าย ชีวิตของคุณมีแต่ปัญหาและอุปสรรค คุณก็คงเต็มไปด้วยความทุกข์ใจและหมดแรงจริงไหมคะ? โลกก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นเอง มีแต่มนุษย์เราเท่านั้นที่ไปตีความหรือให้ความหมายกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้!

ก็ในเมื่อเราเป็นคนที่ให้ความหมายกับทุกสิ่งทุกอย่าง เอง แล้วทำไมเราไม่ตีความหรือให้ความหมายดีๆ ที่ให้พลังกับชีวิตของเราล่ะ จริงไหมคะ? ต่อจากนี้ไป ให้คุณเริ่มใส่ Input หรือโปรแกรมตัวเองให้ดี ด้วยความคิด คำพูด ภาพที่เห็น และการกระทำหรือการแสดงออกที่ดี

เริ่มบอกกับตัวเองทุกวันได้แล้วว่า “ฉันเป็นคนโชคดี!” เมื่อสิ่งดีๆเกิดขึ้น แม้จะเล็กน้อย ก็ให้บอกตัวเองว่า“โชคดีจัง!” แล้วคอยดูว่า คุณเริ่มดึงดูดความโชคดีเข้ามาในชีวิตมากขึ้นหรือเปล่า?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น