วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เราจะทราบได้อย่างไรว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้วได้บุญหรือไม่

คำถาม:กราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ถ้าเราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติพี่น้องของเราที่ล่วงลับไปแล้วนะเจ้าคะ เราจะทราบได้อย่างไรว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้วได้บุญหรือไม่เจ้าคะ

คำตอบ:ตรงนี้คงต้องตอบโดยหลักการก่อน คือ ต้องรู้ไว้ว่า บุญ คือ อะไร

บุญเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง และด้วยความเป็นธาตุกายสิทธิ์ของบุญ ทำให้บุญมีฤทธิ์ต่างๆนานากันไป พอที่จะอุทิศส่วนกุศลให้ถึงผู้ที่ตายแล้วได้รับ แล้วก็มีผลเป็นสุขด้วย

บุญมีลักษณะที่คล้ายๆน้ำอยู่ 2ประการ คือ

1.บุญนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สามารถรวมตัวกันได้ เหมือนอย่างกับหยดน้ำ หยดน้ำค้าง หยดน้ำฝน หยดลงมาแล้ว มันก็รวมตัวกันได้จนกระทั่งน้ำเต็มโอ่ง เต็มไห เต็มหม้อ เต็มขัน
2.บุญซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์นี้ สามารถจะไหล หรือสามารถที่จะไปจะมาได้ไกลๆ เหมือนอย่างกับน้ำ เช่น จากภูเขาสูงในภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อมารวมตัวกันแล้ว มันก็ไหลลงสู่ที่ต่ำ เช่น ไหลมาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ไหลลงอ่าวไทยไป

น้ำจากที่สูงไหลไปได้ไกลๆ จนกระทั่งถึงทะเลเป็นร้อยกิโลเมตร เป็นพันกิโลเมตร บุญก็สามารถอุทิศให้ไปไกลๆได้ แม้ผู้ที่ต้องการนั้น ผู้ที่เราจะให้เขานั้น อยู่กันคนละโลก

แต่ว่า ถึงแม้เราจะรู้ จะทราบโดยหลักการว่า บุญสามารถส่งไปได้ไกลๆถึงผู้ที่ละโลกไปแล้วก็จริง แต่ว่าก็ต้องรู้อีกว่า เอาจริงๆเข้าแล้ว บุญไหลไปอย่างไร แล้วเข้าไปถึงใจของผู้ที่เราอุทิศให้ด้วยอาการอย่างไร จะรู้จะเห็นได้อย่างนั้น มีทางเดียว คือ ต้องฝึกสมาธิ จนกระทั่งความสว่างภายในของเรามากพอ

อย่ามองว่า เรื่องของการฝึกสมาธิเป็นเรื่องยากก็แล้วกัน หลักสำคัญมีอยู่ว่า ใจของคนเรา เมื่อฝึกจนกระทั่งให้หยุดให้นิ่งได้แล้ว ใจของคนเรานั้นจะสว่าง เมื่อความสว่างภายในเกิดขึ้นมาแล้ว วันหนึ่ง เมื่อวางใจได้ถูกส่วน จะสามารถเห็นบุญได้ว่า “บุญนั้นเป็นสาย”

พุทธองค์ถึงกับทรงตรัสเอาไว้ว่า บุญนั้น มีท่อบุญเกิดขึ้นทีเดียว พุทธองค์ตรัสเองนะ ใครที่ตั้งใจทำบุญ ทำทาน แล้วก็ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ บุญไหลเป็นสายทีเดียว แล้วถ้าเราตั้งใจอธิษฐานไปให้ถึงแก่ผู้ใด ที่เขาละโลกไปแล้ว สายบุญไปจรดถึงกันเลย ก็เหมือนอย่างกับไฟฟ้า จากจุดหนึ่งก็ไปอีกจุดหนึ่งได้ ไหลไปตามสายไฟ แต่บุญไหลไปเอง ไม่ต้องมีสายอย่างกับสายไฟ เป็นสายบุญไปเอง

คุณฝึกไปเถอะ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะเห็น เห็นแล้วก็จะหมดความสงสัยว่า บุญมีจริง แล้วก็มีฤทธิ์จริง อุทิศไปให้ใครก็ได้จริง ไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่า ถ้าหลวงพ่อบอกให้ หลวงปู่บอกให้ ท่านผู้นั้นผู้นี้บอกให้ แล้วเรายังไม่เห็น จะให้เราเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์มันคงยาก เอาว่า “ตั้งใจฝึกสมาธิไป”

วันนี้ ตั้งใจฝึกสมาธิไป แล้วขณะที่ตั้งใจฝึกสมาธิ แม้ตอนนี้ใจยังไม่สว่างพอ ยังไม่นิ่งพอ ยังไม่เห็นบุญ ก็ช่างประไร เราก็ฝึกของเราไปเรื่อย อย่าเพิ่งปฏิเสธเรื่องบุญ อย่าเพิ่งไปปฏิเสธเรื่องความสว่างที่เกิดในสมาธิ เราไม่ปฏิเสธ เรารับฟังเอาไว้ แล้วเราตั้งใจฝึกของเราเรื่อยไป วันนี้ใจยังไม่สว่างพอ ยังไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร

เราก็จะได้อะไรเป็นเครื่องตอบแทน...อย่างน้อยก็ได้ความสงบใจมาระดับหนึ่ง พูดง่ายๆ ฝึกสมาธิเรื่อยไป ใจเราไม่ขุ่นมัว ถึงอย่างไรสวรรค์ก็เปิดท่ารอเราแล้ว นรกปิดเรียบร้อยแล้ว จะไปเห็นบุญในตอนวินาทีสุดท้ายที่เราจะลาโลก ก็ยังไม่สาย ตั้งใจฝึกกันไป วันหนึ่งเราก็เห็นบุญจนได้

ถ้าบุญไม่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเรื่อง บุญ แต่ว่าเมื่อเรายังมองไม่เห็น จะไปโทษใคร ก็ต้องโทษตัวเองว่า เรายังฝึกน้อยไป ก็ให้ฝึกกันไป ชาตินี้ไม่เห็น ชาติหน้าเห็น ก็ยังไม่สาย ตั้งใจฝึกกันไปเถอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น