วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ถวายสังฆทาน จริงๆแล้วมีหลักอย่างไร

คำถาม:อยากเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า การถวายสังฆทาน จริงๆแล้วมีหลักอย่างไรครับ และการถวายกับพระภิกษุรูปเดียว ถือเป็นสังฆทานหรือไม่ครับ และการถวายสังฆทาน กับถวายแบบเจาะจง แบบไหนได้บุญมากกว่ากันครับ

ตอบ:เจริญพร การทำบุญที่เรียกว่า สังฆทาน ถ้าว่าไปแล้ว...เอาง่ายๆภาษาชาวบ้าน นี่ก็ทำความเข้าใจคำว่า สังฆะ เสียก่อน

สังฆะ ถ้าว่าไปแล้ว คือ ความเป็นทีม...ชัดดีไหม การทำบุญที่เรียกว่า สังฆทาน คือ การทำบุญกับพระที่เป็นคณะหรือว่าที่เป็นทีม พระที่เป็นคณะหรือว่าเป็นทีม ที่เรียกว่าสังฆะ โดยพระวินัยแล้วล่ะก็อย่างน้อยประกอบด้วยพระตั้งแต่ 4รูปขึ้นไป

เมื่อการทำทานที่จะให้เรียกว่า สังฆทานจริงๆก็คือ การทำทานกับพระซึ่งเป็นหมู่เป็นคณะตั้งแต่ 4รูปขึ้นไป เราเรียกว่า สังฆทาน

ทีนี้ก็ต้องถามว่า ถ้าเราทำทานกับพระรูปใดรูปหนึ่ง จะเป็นสังฆทานขึ้นมาได้ไหม ก็ตอบว่า มีทั้งได้และไม่ได้...ทำไม ถ้าจำเพาะเจาะจงว่าจะไปทำกับรูปใดรูปหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จัดว่าเป็นสังฆทาน

แต่ตรงกันข้าม ตั้งใจไว้ว่าจะไปทำทานกับพระทีมใดทีมหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่งตั้งแต่ 4รูปขึ้นไป แต่ว่าตอนนั้นท่านอยู่องค์เดียวรูปเดียว อีก 3รูป 5รูป 10รูปก็แล้วแต่ล่ะ ท่านไม่อยู่ด้วย เราก็ต้องบอกกับท่านว่า เราจะถวายท่านนี้แล้วท่านช่วยจัดการด้วยเถอะ เอาไปแบ่งเอาไปปันกันให้ได้ เป็นสังฆทานให้กับเราก็แล้วกัน อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นสังฆทานอยู่ดี เพราะใจที่เราตั้งไว้นั้น ตั้งใจว่าเราจะทำทานกับพระที่เป็นทีม อย่างนี้ชัดเจนไหม

ตกลงคำว่า สังฆะ ก็คือคำว่า ทีม หรือคำว่า คณะ ในปัจจุบันนั่นแหละ มองภาพนี้ให้ชัด

ทีนี้ถามว่า การทำทานที่เป็นสังฆทานนี้ ทำไมจึงได้บุญมากนักมากหนา ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญนักทีเดียว เราก็ต้องมองอย่างนี้ว่า เอาทางโลกก่อน ในทางโลกไม่ว่าเราจะทำงานอะไร ถ้าทำเพียงเดี่ยวๆมันก็ได้น้อย ถ้าทำเป็นทีมมันก็ได้เยอะ ทำความดีเป็นทีมก็ได้เยอะ ทำความชั่วเป็นทีมมันก็ได้เยอะเหมือนกัน แต่ทำความชั่วเป็นทีมไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่อยากลงนรก เพราะฉะนั้นทำความชั่วเป็นทีม เลิกไม่เอา มีแต่ว่าจะทำความดีหรือจะทำบุญกันเป็นทีม ก็คือเป็นสังฆทานนั่นเอง

ทีนี้ก็ถามว่า ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงสรรเสริญ การทำทานที่เป็นสังฆทาน หรือทำทานที่มุ่งให้กับพระที่ท่านเป็นทีม การทำอย่างนี้ก็ดีทั้งฝ่ายพระ ดีทั้งฝ่ายคนนั่นแหล่ะ

ดีทั้งฝ่ายพระเป็นอย่างไร พระ...ท่านมีจิตเมตตากับคนอยู่แล้ว อยากจะให้คนได้บุญเยอะๆ เมื่อเห็นเราตั้งใจจะทำทานเป็นสังฆทาน ถ้ามีพระอยู่เพียงน้อยรูป แค่รูปสองรูป ท่านก็ต้องขวนขวาย...ขวนขวายอะไร ขวนขวายการสร้างทีม ถ้าพระยังน้อยอยู่ท่านก็หาให้พระที่อื่นมาร่วม...มาอยู่ร่วม นี่ก็เป็นทีมขึ้นมา หรือว่าถ้าไม่รู้ว่าจะไปหาพระที่ไหน ก็ลูกบ้านนั้น ตำบลนั้น ใครที่มีจิตศรัทธาจับมาบวช หรือทั้งยังไม่มีจิตศรัทธา ก็เทศน์อบรมกล่อมเกลากันไป จนกระทั่งเขามีจิตศรัทธา มาบวชกับท่านจนได้นั่นแหล่ะ

ในที่สุด การถวายสังฆทานก็บังคับไปในตัว ให้พระ...ท่านสร้างทีมให้ได้ ยังไม่พอ พอพระ...ท่านได้สร้างทีมโตๆเข้า เรามันก็ฟู เราก็เลยทำบุญไปใจก็ฟูไป ไม่ฟูแต่เรา พวกก็ฟูด้วย เดี๋ยวทีมเราก็โต ทีมเราโตเอง พอทีมเรายิ่งโตทำทานได้เต็มที่เข้า ทำจนพระกลุ่มนั้น คณะนั้น ทีมนั้น ท่านรับไม่ไหว เดี๋ยวท่านก็ต้องขยายทีมต่อไปอีก

เมื่อท่านขยายทีมต่อ หรือว่าไปตามพระกลุ่มอื่น คณะอื่นมาร่วมทีมกับท่านอีก ก็เลยทำให้ความเป็นปึกแผ่นของคณะสงฆ์เกิด เมื่อความเป็นปึกแผ่นของคณะสงฆ์เกิดขึ้น คราวนี้อะไรเกิดขึ้น ก็คือเมื่อท่านได้รับการทำนุบำรุงจากสังฆทานของเรา คณะสงฆ์ก็เกิดความเข้มแข็งขึ้น เป็นทีมโตขึ้น

ไม่โตแต่ทีมหรอก...ลูกเอ๊ย เดี๋ยวการให้ธรรมทานก็เกิดโตขึ้นมาอีก มากขึ้นมาอีก เพราะว่าพระภิกษุแต่ละรูป ท่านก็ฝึกตัวเองของท่านมา ท่านก็มีความรู้ มีความดี หลายแง่หลายมุม มากรูป มากทีมเข้า ก็มากธรรมทานขึ้นมา

เมื่อธรรมทานมากยิ่งขึ้น ลูกเอ๊ย...ตัวของเราซึ่งนำทีมไปทำสังฆทาน ก็จะได้ภูมิปัญญา ซึมซับเอาภูมิปัญญาธรรมมาจากท่าน เราก็เลยได้แก้ไขตัวเองมากขึ้น แล้ว คราวนี้เราก็เลยได้ธรรมทานเป็นความรู้กำจัดกิเลส ได้บุญอันเกิดจากการทำทานนี้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ทำให้เป็นหลักประกันว่า เกิดกี่ภพกี่ชาติ เราก็ไม่รู้จักจน อดอยากยากจนนั้นไม่รู้จัก มีแต่อิ่มอร่อย ข้ามชาติกันทีเดียว แล้วก็ได้ธรรมะจากพระมาอีกมากมาย เอามาฝึกตัว ปัญญาก็เพิ่มพูน เสบียงอันเกิดจากการทำทานของเรา ก็เพิ่มพูนติดตัวข้ามภพข้ามชาติ แล้วก็แน่นอน ศีลที่เราซึมซับมาจากพระ ได้กำลังใจจากพระที่ท่านจะแก้ไขอบรมให้เรา มันก็มั่นคงยิ่งขึ้น จากศีลห้า กลายเป็นศีลแปด จากศีลแปด วันดีคืนดีเดี๋ยวก็กลายเป็นศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ออกบวชตามท่านไปด้วย

เพราะอะไร...เพราะเห็นแล้วว่า พระที่อยู่เป็นหมู่คณะนี้ มีความน่าเข้าใกล้ มีความน่าเลื่อมใส มีความน่าเข้าไปเป็นสมาชิกกันด้วย เดี๋ยวได้บวชกันอีกล่ะน่า

นี่...ฤทธิ์ของสังฆทานดีอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญสังฆทาน เพราะฉะนั้นพรรษานี้ ตั้งใจไปถวายสังฆทานกันให้เต็มที่ พระกำลังมีเยอะทุกวัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น