วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชัยชนะเริ่มจากภายใน

ชัยชนะเริ่มจากภายใน

ท่านคิดว่า“ต้นไม้”ที่ออกดอกออกผลดกๆนั้น ส่วนไหนของต้นไม้ที่ต้องแข็งแรงที่สุด? คำตอบก็คือ “ราก” ใช่ไหมคะ? รากของต้นไม้เป็นสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินมองไม่เห็น แต่มันสร้างสิ่งที่มองเห็นคือผลไม้ ชีวิตของคนเราก็เหมือนกัน “ผลลัพธ์”ในชีวิตที่มองเห็นไม่ว่าจะเป็น เงินทอง ความสุข ความสำเร็จ และสายสัมพันธ์ที่ดี ก็มาจากสิ่งที่มองไม่เห็นคือ “ความคิด”

การที่เราจะสร้างผลลัพธ์ในชีวิตนั้น เราต้องเรียนรู้ขั้นตอนของมันก่อนว่าอะไรที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา เริ่มอันดับแรกคือ“ความคิด” ซึ่งมันจะส่งผลไปสู่ “อารมณ์หรือความรู้สึก” และเมื่อเรามีอารมณ์หรือความรู้สึกบางอย่างมันก็จะส่งผลไปสู่ “การกระทำ” และเมื่อเราได้ลงมือทำอะไรบางอย่าง “ผลลัพธ์” จึงเกิดขึ้น สรุปเป็นขั้นตอนได้ดังนี้คือ 1.ความคิด (thought) 2. อารมณ์/ความรู้สึก (emotion/feeling) 3.การกระทำ (action) 4.ผลลัพธ์ (result) ดังนั้น ถ้าเราต้องการเปลี่ยนผลลัพธ์ในชีวิต เราต้องเปลี่ยนที่“ความคิด”

เวลาที่เรามีอารมณ์หรือความรู้สึกอะไรบางอย่าง มันสะท้อนถึง“ความคิด”ของเรา และการที่เราลงมือทำหรือไม่ทำอะไร ก็มีต้นเหตุมาจาก“วิธีคิด”ของเราอีกเช่นกัน สมมติว่า เจ้านายมอบหมายงานชิ้นใหม่มาให้เราทำ เราคิดอย่างไรกับเรื่องนี้? ถ้าเราคิดว่า “เจ้านายใช้แต่เราอยู่คนเดียว แกล้งเราหรือเปล่าเนี่ย!” ถ้าเราคิดแบบนี้ อารมณ์ความรู้สึกของเราก็จะหงุดหงิด โกรธ ไม่พอใจ ไม่ชอบเจ้านายคนนี้ การทำงานของเราก็จะเบื่อ เซ็ง ซังกะตายทำ เพราะใจเราไม่อยากทำ ผลลัพธ์ก็คือ ผลงานออกมาไม่ดี ไม่เป็นที่น่าพอใจ ชีวิตไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าเราคิดว่า “เจ้านายไว้วางใจเรา เห็นฝีมือเรา เราได้ฝึกฝนตัวเองมากขึ้น เรามีโอกาสได้สร้างผลงานเพิ่มขึ้น!” ว้าว! อารมณ์ความรู้สึกของเราก็จะแจ่มใส มีชีวิตชีวา เราก็จะกระตือรือร้นในการทำงาน ผลลัพธ์ก็จะออกมาดี ผลงานเป็นที่น่าพอใจของเจ้านาย ได้รับคำชม ชีวิตก้าวหน้า

ถ้าท่านสังเกตให้ดีจะพบว่า ชีวิตของเรา ผู้คนที่เราพบเจอ สถานการณ์ที่เราต้องเผชิญ จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับ “มุมมอง” และ “วิธีคิด” ของเรา! ถ้าเราเจอปัญหาและอุปสรรคแล้วเราคิดว่า “เราโชคดี ที่ได้เรียนรู้ เราจะได้เติบโต และแข็งแกร่งมากขึ้น” เราก็จะมีความสุขและกล้าที่จะเข้าไปเผชิญกับมัน แต่ถ้าเราคิดว่า “เราโชคร้าย ทำไมชีวิตฉันถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้” เราก็จะทุกข์ใจและอยากจะหนีไปให้ไกลๆจากปัญหาเหล่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว “สิ่งที่เกิดขึ้น“ ก็คือ “สิ่งที่เกิดขึ้น” มีแต่เราเท่านั้นที่เป็นคน “คิด” ว่า สิ่งนั้น“ดีหรือไม่ดี“ ทุกอย่างจึงอยู่ที่ “มุมมอง”และ”วิธีคิด” ของเราทั้งสิ้น! เราต้อง“ฝึกสติ”ที่จะดู“ความคิด”ของเรา และสอนตัวเราเองไปเรื่อยๆ เวลาที่เราเฝ้ามอง ให้ฝึกคิดต่อไปด้วยว่า ถ้าเราคิดแบบนี้ การกระทำ และผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร และถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เป็นอีกอย่างหนึ่ง การกระทำและผลลัพธ์ของจะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้ฝึกพิจารณาเรื่องของ “การสร้างเหตุ” และ “การได้รับผล” ไปด้วย ฝึกบ่อยๆ ปัญญาก็จะเกิด!

นอกจากเรื่อง“ความคิด”แล้ว “อารมณ์และความรู้สึก”ของเราก็มีอิทธิพลต่อการ “ลงมือทำ” ของเราเช่นกัน จำไว้ว่า “มนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์” ถ้าเรามีสภาวะอารมณ์ที่ดี มันจะส่งผลให้เรามีการกระทำที่น่าจะเป็นบวก แต่ถ้าเรามีอารมณ์ที่ไม่ดี มันจะส่งผลให้เรามีการกระทำที่อาจจะเป็นลบ .. “อารมณ์”คือกระจกที่สะท้อนถึง“ความคิด”ของเรา .. ดังนั้น เราต้องหมั่นสังเกตดู อารมณ์และความรู้สึกของเราอยู่เสมอ แล้วค้นหาถึงต้นตอ คือ“ความคิด”ว่า เราคิดอะไร เราถึงมีอารมณ์เช่นนี้

ถ้าเรามีอารมณ์ที่เป็นลบ เราจะต้องรีบ“ปล่อยวาง” และอย่าสับสนนะคะ “ปล่อยวาง ไม่ใช่ ปล่อยปละ .. ละวาง ไม่ใช่ ละเลย .. ยอมรับ ไม่ใช่ ยอมแพ้” กรุณาแยกแยะให้ดีๆ บางคนได้ยินคำว่า “ปล่อยวาง” ก็ทิ้งงานไปเลย ไม่สนใจแล้ว อันนี้ไม่ใช่ การปล่อยวางนะคะ! เวลาที่เราบอกว่า ให้ปล่อยวาง มันมีความหมายในวงเล็บต่อท้ายว่า “ปล่อยวาง (อารมณ์ลบ)” การปล่อยวาง เป็นศิลปะชั้นสูงที่จะต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นอย่างมาก และเราสามารถที่จะปล่อยวางได้ ถ้าเรารู้“วิธีคิด” คนส่วนใหญ่จะเป็น“โรคเครียด”กันเยอะ และมันก็จะพาลไปกระทบถึงสุขภาพทางร่างกายด้วย โดยเฉพาะผู้บริหารที่มีภาระความรับผิดชอบสูง “โรคเครียด” ก็จะสูงตามไปด้วย ถ้าใครสนใจจะเชิญดิฉันไปบรรยายในหัวข้อ “ศิลปะการปล่อยวาง” ก็ได้นะคะ!

ส่วนที่สำคัญมากๆๆๆอีกอย่างในการสร้างผลลัพธ์ก็คือ “การลงมือทำ” .. คนส่วนใหญ่อยากจะได้ผลลัพธ์ที่ดี อยากก้าวหน้า อยากประสบความสำเร็จ อยากมีความสุข แต่เรามักจะขาดในเรื่องของ “การลงมือทำ” .. บางคน“ทำ”น้อยเกินไป แต่หวัง”ผลลัพธ์”ซะเยอะเชียว บางคนก็ “ทำ”แบบเดิมๆ แต่คาดหวัง”ผลลัพธ์”แบบใหม่ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะ! .. จำไว้นะคะ “ถ้าเราต้องการผลลัพธ์แบบใหม่ เราต้องทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากเดิม!”

เมื่อเร็วๆนี้ดิฉันได้มีโอกาสไป “ปลุกยักษ์” ให้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทซีพี เซเว่น อีเลเว่น จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้บริหารเข้าร่วมสัมมนาเกือบ 200 ท่าน ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกัน เพราะทราบว่าผู้บริหารกลุ่มนี้เป็นระดับท็อปๆทั้งนั้น วัยวุฒิและคุณวุฒิสูงมาก คงผ่านการเรียนรู้ และมีประสบการณ์ทำงานมามากมาย ไม่รู้ว่าจะสนใจรับฟังสิ่งที่เราจะถ่ายทอดหรือเปล่า? น้ำจะเต็มแก้วไหม? แต่พอถึงเวลาที่ดิฉันได้บรรยายแล้ว ดิฉันรู้สึกผ่อนคลาย สนุก และมีความสุขมาก เพราะทุกท่านน่ารัก ให้ความเป็นกันเอง ตั้งใจฟัง ร่วมกิจกรรมทุกอย่าง แสดงออกถึงพลัง ความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มิน่าล่ะ บริษัทของเขาถึงยิ่งใหญ่ เพราะมีผู้บริหารที่สุดยอดนี่เอง! ดิฉันชื่นชมและประทับใจจริงๆเลยค่ะ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น