วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วางแผนการเงิน 3 แบบ 3 สไตล์

วางแผนการเงิน 3 แบบ 3 สไตล์

วางแผนการเงิน 3 แบบ 3 สไตล์ " การวางแผนการเงิน" เหมือนภูมิต้านทานชั้นดีในการรับมือกับสึนามิทางเศรษฐกิจ แต่บางคนเหมือนมีเข็มทิศให้กับชีวิตคอยนำทางไปสู่อิสรภาพทางการเงิน



อย่ารอให้คำว่า "ดวง" "โชคลาภ" หรือ "วาสนา" มาเป็นตัวกำหนดชีวิตคุณเลย เพราะถ้าหากคุณวางแผนการเงิน อนาคตที่ดีและฐานะการเงินอันมั่นคงรอคุณอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชี่ยวชาญเรื่อง วางแผนการเงิน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าจะวางแผนการเงินถึงแม้คุณจะไม่ช่ำชองเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินมาช่วยเป็นที่ปรึกษา ให้ทุกคนวางแผนการเงินผ่านบริการที่เรียกว่า "K-We Plan" ที่แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย จะใช้บริการนี้ได้

Oนักบินวางแผนเพื่อการศึกษาให้ลูก

"อัชพล สุวรรณประสพ" นักบินที่สอง บริษัท การบินไทย เป็นคนหนึ่งที่ถูกปลูกฝังเรื่องวางแผนการออมมาตั้งแต่เด็ก เพราะความที่เป็นลูกทหาร ชีวิตจึงมีการวางแผนมาตลอด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักบินตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบชั้นมัธยมเขาจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายเรืออากาศ และสมัครเป็นนักบินที่การบินไทยทันทีหลังจบการศึกษา ผ่านประสบการณ์การบินพาณิชย์มาแล้วเกือบ 10 ปี และเตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่ตำแหน่งนักบินที่หนึ่ง หรือกัปตัน ในอนาคตอันใกล้นี้

"ผมถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเลยว่าให้จด รายการค่าใช้จ่ายทุกวัน ก็ทำเป็นนิสัยมาจนทุกวันนี้ จะมีกระดาษเล็กๆ พกติดกระเป๋าสตางค์ จดค่าใช้จ่ายทุกอย่างในแต่ละวัน ทำให้รู้ตัวตลอดว่าในแต่ละเดือนใช้เงินไปแค่ไหน"

ทุกวันนี้ ด้วยวัย 36 ปีอัชพลบรรลุเป้าหมายทั้งในด้านการงานและชีวิตส่วนตัวอย่างที่ตัวเองพอใจ เขาเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมีครอบครัว ไม่ค่อยได้วางแผนการเงินอย่างจริงจังมากนัก แค่ควบคุมรายจ่ายและออมเงิน แต่ปัจจุบันด้วยบทบาทของการเป็นคุณพ่อลูก 2 ทำให้ใส่ใจกับการวางแผนการเงินมากขึ้น

"ผมเป็นลูกค้าบัตรเครดิตกสิกร แพลตินั่ม อยู่แล้ว ทางธนาคารก็ได้เชิญชวนให้ไปใช้บริการ K-We Plan ซึ่งหลังจากได้คุยกับแพลนเนอร์ของ K-We Plan ก็รู้สึกชื่นชอบมาก เพราะมีการวางแผนการเงินที่ตรงกับความต้องการในใจอยู่แล้ว และเข้าใจง่าย ทั้งการวางแผนเพื่อวัยเกษียณ และเพื่อการศึกษาของลูก เนื่องจากโดยส่วนตัว ผมเป็นคนที่คอนเซอร์เวย์ทีฟในเรื่องเงินการออมเงิน ก็จะเลือกการฝากเงินในธนาคารเป็นหลัก แต่พอได้ใช้บริการ K-We Plan ก็ทำให้เกิดความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งผมจะเลือกวิธีที่มีความเสี่ยงน้อยเป็นหลัก"

อัชพล เล่าให้ฟังถึงการวางแผนเรื่องการศึกษาให้ลูกทั้ง 2 คนของเขาว่า คาดหวังให้ลูกๆ ได้เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะต้องเรียนจนจบในระดับไหน อันนั้นคงขึ้นอยู่กับตัวลูกเป็นหลัก แต่พร้อมที่จะสนับสนุน ส่งเสียอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาเขาบอกว่ายังไม่เคยวางแผนและมีตัวเลขในใจ มีแต่บันทึกค่าใช้จ่ายรายปีของลูกๆ ซึ่งหลังจากปรึกษากับ K-We Plan ก็ทำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับส่วนนี้เท่าไร

"ผมชอบบริการ K-We Plan เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มให้กับสิ่งที่ผมยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ทำให้ทุกอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมมากขึ้น มีโปรแกรมการคำนวณทางการเงินต่างๆ ที่ทำให้เราเห็นได้เลยว่า ใช้เงินเท่าไร จะเกิดผลงอกเงยขึ้นมาเท่าไร ผมรู้สึกประทับใจในตัวแพลนเนอร์มาก เพราะมีประสบการณ์สูง เป็นเหมือนคุณหมอ หรือนักจิตวิทยาเลย เพราะสามารถทำให้ผมซึ่งเป็นคนที่ระมัดระวังในเรื่องการเงินมาก่อน เกิดความเชื่อถือ เปิดใจได้มากขึ้น และสามารถเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

โดยส่วนตัวผมว่า K-We Plan เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เหมาะกับทุกๆ คน อยากให้ทุกคนเริ่มรู้จักวางแผนการเงินกันตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ ให้เห็นภาพสถานการณ์ต่างๆ ล่วงหน้า ก่อนที่จะต้องเจอกับตัวเอง เป็นการช่วยปลูกฝังคนให้มีวินัยทางการเงินมากขึ้น ซึ่งถ้าการเงินไม่มีมีปัญหา ชีวิตในด้านอื่นๆ ก็ย่อมดีขึ้น อันที่จริง ก่อนไปใช้บริการ ผมก็ได้ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ K-We Plan ทางเว็บไซต์ก่อนแล้วพอสมควร และรู้สึกถูกใจ เป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการ เหมือนเป็นการทำงบดุลส่วนตัว อีกสิ่งที่ประทับใจมากคือ ผลการคำนวณที่ออกมา มีตัวเลขตัวหนึ่งที่ตรงกับที่ผมเคยลองทำบัญชีไว้เลย"

หลังจากเข้าโปรแกรมของ K-We Plan อัชพลบอกว่าส่วนใหญ่เขาเลือกวิธีการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก ส่วนการลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีอย่าง LTF และ RMF นั้น ก็มองเป็นผลประโยชน์ในระยะยาวไปเลย ซึ่งเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็นอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงศึกษาเพื่อหาคำตอบสำหรับการอยู่รอดจากภาวะเงินเฟ้อได้โดย ไม่เสี่ยง

อัชพล บอกว่า เมื่อได้วางแผนการเงินอย่างจริงจัง เป้าหมายชีวิตต่อจากนี้ คือการเฝ้าดูการเติบโตของลูกๆ เป็นหลัก และตั้งเป้าเกษียณอายุที่ 60 ตามเกณฑ์ปกติ เพราะทุกวันนี้ เขามีความสุขกับการทำงาน จึงต้องการทำงานไปเรื่อยๆ โดยรวมๆ ตอนนี้ในด้านการงานก็ค่อนข้างพอใจแล้ว ซึ่งเขาถือว่า เมื่อพอใจในชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตที่มีความสุข

เขาบอกว่าอยากให้คนตั้งแต่ในวัยยัง ไม่เริ่มทำงาน ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน เพราะทุกวันนี้อัตราเงินเฟ้อก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แต่บางคนยังมีพฤติกรรมการใช้เงินที่น่าเป็นห่วงมาก เช่นการใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน บางคนนอกจากไม่วางแผนการเงินยังใช้ชีวิตอย่างประมาท

"หลักการที่ผมยึดติดตัวอยู่ตลอด เวลาคือ ไม่ประมาท ซึ่งก็อาจจะมาจากอาชีพการงานที่จำเป็นต้องมีความรอบคอบ ระมัดระวังอยู่เสมอ ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ การใช้จ่ายก็ต้องคิดให้รอบคอบ ดูความจำเป็นเป็นหลัก ว่าขาดไปแล้วชีวิตจะอยู่ได้ไหม แม้ผมจะเป็นคนที่มีวินัยในการการใช้เงินอย่างสูง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ระมัดระวังในการใช้จ่ายถึงขั้นกระเหม็ดกระแหม่ เรียกว่ารู้จักใช้เงิน หรือใช้เงินเป็นดีกว่า"

นี่เป็นการวางแผนทางการเงินฉบับนักบิน ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าคนในอาชีพอื่นๆ

Oอาจารย์วางแผนการเงินสไตล์สาวโสด

"ปิติพีร์ รวมเมฆ" อาจารย์ประจำ และผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกคนหนึ่งที่วางแผนการเงินฉบับสาวโสด

เธอเล่าให้ฟังว่าปกติเคยใช้บริการวาง แผนการลงทุนกับพวก Private Wealthทั้งของไทยและของฮ่องกงมาก่อน แต่ความที่มีอาชีพสอนหนังสือ จึงจำเป็นต้องอัพเดทข้อมูลบริการพวกนี้ จึงลองใช้บริการ K-We Plan ซึ่งนับว่าเป็นมิติใหม่ของการบริการที่เริ่มจากการเป็น ผู้ให้ ก่อน ทำให้คนใช้บริการรู้สึกดี และอยากตอบแทนกลับคืน อย่างบริการวางแผนลงทุน ปกติจะเน้นที่คำถามว่ามีเงินเท่าไร อยากฝากเท่าไร จะลงทุนอะไรยังไง แต่ K-We Plan ให้มากกว่านั้น คือวางแผนให้ทั้งชีวิตเลย ดูไปถึงว่ามีทรัพย์สิน ความมั่งคั่งเท่าไร มีเพชร มีทองหรือของใช้แบรนด์เนมที่สามารถแปลงเป็นเงินได้ไหม

"ทำให้รู้สึกเลยว่า ที่ผ่านมาเราเสียเงินไปกับสินค้าแบรนด์เนมไปไม่ใช้น้อย และของพวกนี้บางอย่างก็เหมือนการลงทุนเพราะนำไปขายต่อได้ แล้วก็ทำให้เห็นภาพว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิต มีไลฟ์สไตล์ยังไง รู้จักการวางแผนได้ดีขึ้น และทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า สมมุติถ้าเราตกงานขึ้นมา เงินที่มีอยู่สามารถทำให้เราอยู่รอดไปได้นานแค่ไหน หรือมองไปอนาคตว่าอยากเกษียณตอนอายุแค่ไหน มีชีวิตไปจนอายุเท่าไร จะต้องใช้เงินแค่ไหนเมื่อถึงตอนนั้น"

ปิติพีร์ ยังบอกว่า K-We Plan มีจุดเด่นตรงที่มีโปรแกรมการวางแผนที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้การเงิน ซึ่งเหมาะกับทุกๆ คน และไม่ทำให้รู้สึกเลยว่าเป็นการชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของธนาคาร ซึ่งต่างจากบริการวางแผนการเงินส่วนบุคคลอื่นๆ แพลนเนอร์ที่ให้คำแนะนำก็มีความรู้ความชำนาญจริง

ก่อนหน้านี้ เธอบอกว่าได้เรียนรู้การวางแผนการเงินมาจากพ่อแม่ซึ่งเป็นนักธุรกิจ และจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา เพราะเคยทำงานด้านที่ปรึกษาให้กับอินเวสเม้นท์ แบงกิ้ง จึงคุ้นเคยกับการลงทุนมาพอสมควร

"เมื่อก่อนก็เคยมีนิสัยเสียเรื่องเงิน เงินเดือนได้มาเท่าไหร่ ก็ใช้หมด ไม่เคยเก็บ เพราะมีพ่อแม่คอยซัพพอร์ตเรื่องเงินอยู่ แต่พอถึงวันหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่า เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต สิ่งสำคัญคือจะทำตัวให้มีคุณค่าและประโยชน์กับคนอื่นได้อย่างไร จึงหันมาสอนหนังสือ แม้รายได้จะน้อยกว่างานเดิมที่เคยทำ แต่รู้สึกเป็นงานที่ทำให้มีความสุข จากรายได้ที่เคยอยู่ในระดับ 6 หลัก ลดฮวบลงมาเหลือแค่ 5 หลักต้นๆ แต่ก็พอใจ ยิ่งรายได้ลดน้อยลงไป ยิ่งทำให้เห็นความสำคัญว่าจะทำให้เงินที่มีอยู่เกิดคุณค่าเพิ่มขึ้นได้อย่าง ไร"

หลักการที่ปิติพีร์ยึดไว้ตลอดคือ จะไม่ใช้เงินในอดีต ไม่ใช้เงินในอนาคต นั่นก็คือไม่ก่อหนี้สิน ใช้เงินปัจจุบันเท่านั้น เงินเดือนทุกเดือนต้องกันส่วนหนึ่งไปฝากกับสหกรณ์ของมหาวิทยาลัย

ในฐานะที่เป็นโสดคนหนึ่ง เธอมองว่าสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคนโสดคือ สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ต้องมีหลักประกันซึ่งเราสร้างได้ด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่เป็นภาระกับใคร หรือแม้แต่วันข้างหน้าจะมีครอบครัว ก็ต้องมีความพร้อม ไม่ต้องพึ่งพาใคร มองไปจนถึงวันที่เราเสียชีวิตไปแล้ว ก็ควรจะมีเงินก้อนหนึ่งไว้สำหรับจัดงานศพของเราด้วยซ้ำไป ทั้งหลายทั้งปวง คืออยากบอกว่า การวางแผนการเงินสำคัญมาก

"ที่ผ่านมาก็มีการลงทุนอยู่แล้ว เช่นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากคุยกับแพลนเนอร์ของ K-We Plan ก็จะมองไปไกลกว่านั้น คิดว่าแต่ละเดือนจะใช้เงินอย่างไร ไม่ว่าจะเงินเดือน หรือรายได้จากแหล่งอื่นๆ จะคิดเผื่อไปอีกต่างๆ นานา

เช่น ถ้ารายได้จากการให้เช่าอสังหาฯ หายไป จะทำอย่างไร ข้าวของเครื่องใช้แบรนด์เนมที่มีอยู่จะเอาไปขายต่อได้ไหม เวลาจะซื้อของก็คิดว่าต่อไปจะสามารถแปลงสภาพเป็นเงินได้ไหม หรือถ้าจะท่องเที่ยว ก็ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ว่าจะใช้เงินเท่าไร จะได้แบ่งเงินได้ถูก K-We Plan ยังจุดประกายให้เห็นว่า เสื้อผ้า เครื่องประดับที่ไม่ใช้แล้ว เอามาขายได้ไหม เคยคุยกับลูกศิษย์ เขาบอกว่า เครื่องสำอางใช้แล้วบางอย่าง ยังเอามาขายต่อได้ ทำให้เราเห็นว่า ของทุกอย่างมีคุณค่า"

เธอมีข้อแนะนำเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบง่ายๆ สำหรับคนทำงานและสาวโสดทั่วไป ว่าการเก็บเงินเริ่มได้ทันทีจากจำนวนเล็กๆ น้อยๆ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ออมแค่วันละ 10 - 20 บาท พอเป็นปีก็เยอะขึ้นมาเอง ใช้แต่เงินปัจจุบัน อย่าใช้เงินอนาคต อย่าเป็นหนี้ ต้องหาสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย รู้จักจดบันทึกการใช้จ่ายประจำวัน และรู้จักการลงทุน โดยเลือกช่องทางที่มีความเสี่ยงในระดับที่เรารับได้

เป็นแบบฉบับการวางแผนการเงินของสาวโสดที่น่าจะทำให้มีชีวิตบั้นปลายอย่างแสนสุข

Oวางแผนเพื่อชีวิตที่ใช่และวัยเกษียณที่ชอบ

"จิรวรา วีรยวรรธน" ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนทำงานที่หันมาวางแผนการเงิน เธอเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้วางแผนการเงิน แต่ก็เป็นคนที่ไม่ใช้เงินเกินตัว เพราะไม่ชอบเป็นหนี้ ที่ผ่านมาจึงมีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ตอนเรียนใช้เงินพ่อแม่ ก็จะใช้เงินแบบประหยัด เพราะเกรงใจรู้สึกว่าไม่ใช่เงินของตัวเอง จะไม่มีการขอเพิ่ม แต่พอเริ่มทำงานจึงเริ่มใช้เงินอย่างเต็มที่ เพราะรู้สึกว่าเป็นเงินของเราเอง

"ตอนทำงานใหม่ๆ มีบัตรเครดิต 6 ใบ ใช้จนปวดหัวจำไม่ได้ว่าใช้อะไรบ้าง เงินที่ใช้ไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นการชอปปิ้ง กิน ดื่ม เที่ยว แบบไร้ขีดจำกัด และเป็นคนชอบท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่ก่อนไม่เคยมีเป้าหมายทางการเงินจริงๆ จังๆ มีเงินเก็บบ้าง แต่ไม่เคยนำเงินไปลงทุนอะไร เลยเพราะไม่ชอบ เรื่องเงินๆ ทองๆ รู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่เงินที่ชอปปิ้ง ก็เป็นของที่สาวๆ ชอบอยู่แล้ว คือเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า"

แต่เหตุที่ทำให้เธอหันมาวางแผนทางการ เงินอย่างจริงจัง เพราะได้ยินจากเพื่อนๆ หลายคนที่ไปใช้บริการ K-WePlan มาแล้วก็มาพูดให้ฟังว่าคนเราเมื่ออายุมากขึ้น เหลือเวลาทำงานไม่เยอะ ถ้าไม่รีบวางแผนทางการเงิน ชีวิตหลังเกษียณ หรือชีวิตที่เราอยากจะเป็น ในอนาคตจะเป็นอย่างไร

"พอเพื่อนพูดก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมาว่า น่าจะจริงนะเพราะเราก็อยากจะเกษียณเร็วกว่ากำหนด และเราก็ชอบการท่องเที่ยว เป็นชีวิตจิตใจ ถ้าเราไม่วางแผนตอนนี้ แล้วเราจะได้ชีวิตอย่างที่เราต้องการหลังเกษียณมั้ย"

จิรวรา บอกว่าจากการไปทำ Financial Check up กับ K-WePlanner มา ทำให้พบว่า จากที่ไม่เคยมีเป้าหมายจริงจัง ก็ทำให้เราเริ่มอยากมีเป้าหมายขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาการไม่วางแผนการเงินทำให้เราไม่เคยลงทุนอะไรหลายอย่างที่มี ประโยชน์ อาทิกองทุน LTFและ RMF, ซื้อทอง เพชร มีแต่เงินเก็บในธนาคาร ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ จริงอยู่ที่เป็นการประกันความเสี่ยงให้กับชีวิต แต่หากมองในแง่ของการลงทุน ก็เพิ่งค้นพบว่ามีการลงทุนหลายอย่างที่ช่วยลดภาษีได้มาก

"จากการที่ไม่เคยลงทุนอะไร ทาง K-WePlanner จึงค่อยๆ แนะนำเราให้ทำอะไรใหม่ๆ กับชีวิตมากขึ้น อาทิ การจดรายรับ - รายจ่าย ในเวลา 1 เดือน เพื่อให้ทราบว่าค่าใช้จ่ายเราจริงๆ แล้วไปอยู่ที่ค่าอะไรบ้าง แล้วเราค่อยกลับไปปรึกษากับเขาใหม่ เพื่อให้เขาวางแผนทางการเงิน ที่เหมาะกับตัวของเราเองจริงๆ อีกครั้ง เท่ากับว่าเราจะมีงบดุลชีวิตของตัวเองแล้ว เขายังแนะนำให้เราเก็บเงินทุกๆ เดือน พอครบปีก็เอาไปลงทุนใน LTF หรือนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเงินจำนวนนี้พอครบปี เราก็ยังนำไปหักภาษีได้ ซึ่งหากเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินที่หักภาษีได้ก็กลับไปเป็นเงินสะสมให้เราได้อีก ซึ่งเราไม่เคยคิดเลย ว่าเงินพวกนี้จะกลับคืนมาให้เรามากกว่าที่เราคิด หรือแทบจะไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำไป"

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นหลังจากเริ่ม วางแผนการเงิน จิรวราบอกว่า ทำให้เธอเห็นเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนขึ้น เห็นเส้นทางชีวิตของตัวเองที่ต้องเริ่มทำ ซึ่งทำให้คิดได้ว่า จริงๆ แล้วเราน่าจะทำได้เร็วกว่านี้ เพราะถ้าตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 50 หรือ 55 ปี ก็เท่ากับเหลือเวลาอีกหลายสิบปี ที่อาจจะไม่มีรายได้เลย แถมเงินเฟ้อก็สูงขึ้นทุกปี

"ตอนแรกคิดว่ายากมาก ไม่อยากทำ ไม่อยากให้ใครมากำหนดเรา เพราะเราเป็นพวกอารมณ์ศิลปิน แต่พอได้เริ่มพูดคุยกับที่ปรึกษา ที่มีวิธีจุดประกายให้เห็นความสำคัญอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต จึงทำให้เราต้องเริ่มมีวินัย และพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยนแปลง คือ เริ่มวางแผน หรือถ้าทำไม่ได้ก็ให้คนมาช่วยเรา เพื่อให้เรามีเข็มทิศชีวิต ของตัวเอง เพราะเราจะได้ผู้ช่วย หรือตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตของเรามีเส้นทางไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น และไม่หลงทางด้วย และที่สำคัญที่สุด คือ ความสบายใจ ที่จะได้มีชีวิตที่ตัวเองต้องการหลังวัยเกษียณที่ชัดเจนขึ้น

ที่สำคัญ เขาไม่ได้บังคับให้เราต้องลงทุนกับธนาคาร หรือบริษัทในเครือกสิกรไทย ใดๆ ทั้งสิ้น เช่น เราสะดวกใช้แบงก์ที่เรามีอยู่เราก็ใช้แบงก์นั้น มันเป็นการบริการที่ดี และทำให้เราประทับใจ จนทำให้เราคิดว่ามีประโยชน์มากๆ ที่จะแนะนำเพื่อนๆ ชาวเอเยนซี ให้เริ่มคิดกันบ้างแล้ว กว่าจะรู้ตัวอาจจะสายเกินไปได้ ว่าการเก็บเงินเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก ต้องมีการลงทุนที่เหมาะกับเราถึงจะดีกว่า เป็นตัวช่วยให้เป้าหมายเป็นจริงมากขึ้น ไม่เช่นนั้น ชีวิตเริ่มการวางแผน ยิ่งช้า ก็ยิ่งเหนื่อย"

เธอทิ้งท้ายว่า หากคนเรามีการวางแผนทางการเงินที่ดี เศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน ก็ทำให้ชีวิตเสี่ยงน้อยลง บางคนอาจจะยุ่งกับหน้าที่การงาน จนไม่มีเวลาที่จะวางแผนเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ K-WePlan จะช่วยวางแผนการเงิน และทำให้เป็นชีวิตอย่างมีเป้าหมายในแบบที่เราต้องการ

นี่เป็นแผนการเงิน 3 แบบ 3 สไตล์ อาจจะต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือ เขาได้ลงมือวางแผนการเงินเพื่อชีวิตที่มีคุณภาพและอนาคตอันหอมหวาน

ที่มา : www.nationsJobs.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น