วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คำสอนขงจื๊อ คำคมขงขื้อ

ผู้เมตตา
- ยามที่ได้พานพบผู้กล้า ทรงคุณธรรม ใจข้ามันคิดอยากจะเป็นเสมอด้วยเขา ยามที่ได้พบผู้ไม่กล้าไร้คุณธรรม ข้ามาได้คิดข้ามีอะไรเหมือนกับเขาหรือไม่
- เมื่อบิดามารดายังอยู่ ไม่สมควรท่องแดนไกล แม้นจำเป็นต้องไป สมควรบอกกล่าวอย่างยิ่ง จะช่วยลดความห่วงใยของท่านลงได้บ้าง
- พูดจาไพเราะรื่นหู กิริยาอ่อนน้อมประจบประแจง ถ่อมตนเกินไป เป็นเรื่องน่าละอาย น่าอดสู ชิงชังรังเกียจเขาทั้งที่คบกันผิวเผิน ก็เป็นเรื่องน่าละอาย น่าอดสูเช่นกัน

การส่งผ่านความรู้
- ข้าไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้ในทุกเรื่อง เป็นแค่ข้ารักเรียน ศึกษาจากตำราโบราณ ทุ่มเทกับตำราโบราณ ขบคิดทำความเข้าใจมัน

ผู้ริเริ่ม
- การยิงเลยเป้า หรือการยิงไม่ถึงเป้า ไม่มีใครเหนือกว่ากัน เพราะไม่เข้าเป้าทั้งคู่
ย่อหน้า 21 - ยามออกไปกับเพื่อน ข้าเรียนรู้อะไรบางอย่างจากพวกเขาเสมอ ข้อดีข้ารับมา ข้อด้อยข้าเอามาปรับปรุงตน


- สุภาพชนพึงใคร่ครวญ ในเก้าสิ่งนี้

1.ยามที่มอง ให้ที่ถึงการเห็นได้ชัด
2.ยามที่ฟัง ให้นึกถึงสิ่งที่ได้ยินให้ชัด
3.ยามแสดงอารมณ์ ต้องให้ดูฉันท์มิตร
4.ยามแสดงตัว ให้นึกถึงการมีมารยาทอันงาม
5.ยามที่พูด ให้นึกถึงความสัตย์
6.ยามทำงาน ให้นึกถึงการทำดีที่สุด
7.ยามสงสัย ให้นึกถึงการถาม
8.ยามโกรธ ให้นึกถึงผลที่จะตามมา
9.ยามได้ผลประโยชน์ ให้นึกถึงความสมควร

[แก้ไข] บทที่ 17
รักจะมีเมตตา แต่ไม่รักเรียน โง่ได้
รักฉลาด แต่ไม่รักเรียน ประพฤติผิดได้
รักซื่อสัตย์ แต่ไม่รักเรียน อาจมีภัย
รักจะเป็นคนตรง แต่ไม่รักเรียน อาจหุนหันพลันแล่น
รักจะเป็นคนกล้า แต่ไม่รักเรียน โชคอาจไม่เข้าข้าง
รักจะมีอำนาจ แต่ไม่รักเรียน อาจดูวางโต

[แก้ไข] คำจากแหล่งอื่น
สัญญาที่ทำไปเพราะโดนข่มขู่ สวรรค์หารับรองไม่
กล่าวเมื่อโดนข่มขู่ห้ามเดินทางไปช่วยเมืองเว่ย หลังจากโดนจับที่ด่านเมืองปู้
หากสบวิญญูชนจงเปิดเผย หากสบทรราชจงอำพราง

จงจื้อ กับ ขงเบ้ง และ ซุนวู มีคำสอนต่างกันตรงไหนรู็้ไหม?

…ขงจื้อ สอนให้เรา รู้จักที่จะเข้าสังคม รู้จักการเอาตัวรอด รู้จักเรียนรู้ความผิดพลาดของคนอื่น แล้วมาเป็นบทเรียนให้กับตัวเอง ประกอบด้วยความมีเมตตา

…ขงเบ้ง สอนให้เรา รู้ทันคนอื่น หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำำงานด้วยความรอบคอบ แล้วงานจะออกมาดี สอนให้รู้จักคนอื่นด้วยปัญญา เลยมี คำคม ที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

…ซุนวู สอนให้เรา มีเมตตาต่อคนอื่น ซื่อสัตย์จริงใจ และคำคมที่ได้จาก ซุนวู คือ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง มีโอกาส ชนะมากกว่าแพ้…

….นักปราชอีกหลายท่าน ที่เรา่น่าจะเรียนรู้ บางครั้ง สามก๊ก เราอ่านเกิน สามรอบก็ไม่ได้หมายว่าคบไม่ได้เสมอไป จาก ซุนวู ก็สอนให้เราได้เสียสละ รักทุกคนเท่ากัน นอบน้อม จาก ขงจื้อ ก็สอนให้เราเห็นว่า ทุกอย่างรอบตัวเรา อาจเปรียบเสมือนครูที่ดี เพียงแต่เรารู้จักที่จะเรียนรู้ บางครั้ง เราก็ต้องโง่ ให้เป็นซะบ้าง ไม่ใช่ทำตัวอวดเก่งตลอดเวลา ทำเป็นหูหนวกซะบ้าง เมื่อได้ยินอะไรที่มันไม่มีประโยชน์ ทำเป็นตาบอดซะบ้าง จะได้ไม่เห็นอะไรมากเกินไป ..

....ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา เพียงแต่เปิดโอกาส ให้ัตัวเอง เพราะหากว่าเรา ยังคิดอยู่อีกว่า…ทุกอย่างในชีวิตเรา จะต้องเป็นไปตามคำพูดของคนอื่น เราก็จะไม่มีวันที่จะได้ตัดสินใจอะไรเองเลย เราจงลองทำตามที่ใจต้องการ ทำอะไรก็ได้ ในสิ่งที่ตัวเอง อยากทำ แต่ขอให้มัน ยังอยู่ในกด ที่พอควร…แล้วเราจะีมีความสุขกับสิ่งที่เราได้เลือกกระทำมัน….

หัวใจเศรษฐี

“ความร่ำรวย” คือ สิ่งที่คนขายตรงปรารถนาที่สุด เราทุ่มเททำงานหนักมาทั้งปีก็เพื่อความสำเร็จและความรวยแต่บางคนก็ไปถึงฝั่ง แต่หลายคนก็ยังอยู่ที่เดิม คือ ข้ามไปไม่ได้ คือ ไปไม่ถึงดวงดาว เราก็กลับมาทบทวนใหม่และถามตัวเองว่า “ทำไมเราไม่รวย”

ในทางพุทธศาสนามีบทสอนเกี่ยวกับความร่ำรวยไว้ชัดเจน คือ “หัวใจเศรษฐี” ไว้ 4 ข้อ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นผังชีวิตทางการเงินและเป็นเข็มทิศนำพาชีวิตเราไปสู่ความร่ำรวยได้อย่างแน่นอน

ข้อ 1 คือ “ขยัน” เราสร้างเครือข่ายเราต้องขยันเชิญคน ขยันขาย และขยันติดตามอย่างสม่ำเสมอองค์กรเราเติบโตอย่างแน่นอน

ข้อ 2 คือ “เก็บเงินที่ได้” เราต้องวางแผนการเงินอย่างเข้มงวด มีสติในการให้ การใช้ การเก็บ และการลงทุนอย่างมีหลักการและฉลาดใช้จ่ายเงินอย่างมีสติและปัญญา เราก็จะมีเงินเหลือเก็บอย่างแน่นอน

ข้อ 3 คือ “เลือกคบคนดี” หมายถึงเพื่อนที่จะไม่พาเราไปสู่ที่ไม่ดี คนดี คือ คนที่คิดดี พูดดี และทำดีต่อเรา แนะนำสิ่งดีๆ นำความเจริญมาให้เรา การเลือกคบคนจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่ำรวยของเรา

ข้อ 4 คือ “ใช้ชีวิตเรียบง่าย” หมายถึง ความพอดี พอประมาณ กินพอดี อยู่พอดี ใช้จ่ายพอดี ไม่เกินฐานะและรายได้ที่เรารับมาการใช้จ่ายเกินตัว คือ ปัญหาอันแท้จริงของคนขายตรง อย่าลืมเวลาธุรกิจขาขึ้น รายได้เยอะ รายจ่ายก็เยอะ แต่เวลายอดขายลูกทีมย้ายค่าย รายได้ตก แต่ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ก็จะเกิดความเครียดตามมา เหตุผล คือ ความไม่พอเพียงนั้นเอง

ความร่ำรวยต้องเริ่มจากบริหารตัวเองให้ได้ก่อนควบคุมตัวเองได้ ควบคุมอารมณ์ได้ มีสติเตือนไม่ควรนำเงินอนาคตมาใช้กับปัจจุบัน คนรวยกับคนจนต่างกันตรง “ความคิด” และ “นิสัย” คนรวยเห็นคุณค่าของเงิน ใช้จ่ายประหยัดวางแผนการเงินและควบคุมการเงิน ไม่ใช้จ่ายตามกระแส ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นตัวของตัวเอง ไม่เคลิบคลิ้มไปตามอารมณ์และการชักจูงจากคนอื่น หยุดตัวเองได้ ไม่ตามใจตัวเองเกินไป

ความจริงเราเป็นคนรวยได้ เพียงแค่เราเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองและนำหลักการของคนรวยมาเป็นเข็มทิศ เราก็ทำได้อย่างแน่นอนครับ
ปีใหม่นี้ผมขออวยพรให้แฟนคลับที่ติดตามผลงานการเขียนตลอดทั้งปี มีความสุข ความเจริญ ร่ำรวย รุ่งโรจน์กันทุกคน พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ