ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ วิกฤตยุคข้าวยากหมากแพง ในขณะนี้ เป็นเหตุให้หลายคนจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอดและ หารายได้เสริม ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน การนำเงินออมไปลงทุนเป็นจำนวนมาก ย่อมมีความเสี่ยงมากเช่นกัน / เเนวคิดการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง
แต่ในปัจจุบันเรามี อินเตอร์เนต ซึงเปิดโอกาสให้เรา สามารถสร้างรายได้ด้วย เงินลงทุนจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับ การลงทุนในแบบดั้งเดิม ผู้คนจำนวนมาก เบื่อหน่ายกับสนามแข่งหนู เกิดความกังวล, การถูกลอยแพ เลิกจ้างงาน จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ตกต่ำ พวกเขาจำนวนมาก หันมา ให้ความสนใจ มาทำ ธุรกิจเครือข่าย หรือ work at home, หารายได้เสริม, อาชีพเสริม กัน เป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ในสหรัฐ มีนักธุรกิจอิสระ หน้าใหม่ เกิดขึ้นทุกๆ 11 วินาที ธุรกิจทำงานที่บ้านนี้ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นหนึ่งในโอกาสทางธุรกิจ อาชีพอิสระ ที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ ในส่วนตัวผมแล้วผมมีความมั่นใจว่า ธุรกิจออนไลน์ หรือ ธุรกิจเครือข่ายโดยเฉพาะ เป็นเหมือนคลื่นลูกใหม่ของโอกาสทางธุรกิจในอนาคต เมื่อผนวกกับการทำงานบนอินเตอร์เนต เมื่อรวมพลังขึ้นมาเเล้ว จะสามารถต่อกร กับทุน ค้าปลีกข้ามชาติได้อย่าง สบายๆ
ในนิตยสาร Fortune เรียก ธุรกิจขายตรง ว่า“the best kept secret in business world”และ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ธุรกิจเครือข่ายนี้ คือ การรับมือกับ สภาวะเศรษฐกิจถดถอย นั้นเองหมายความว่า ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่ จะสวนกระแสการเติบโต กับ ภาวะ เศรษฐกิจถดถอยเสมอ มีคนอีกเป็นล้านที่คอยหาวิธีการการที่สามารถให้เขา ทำเงินจากบ้าน และ อะไรที่นักตลาดที่ดีจะต้องทำ? ขณะที่พวกเขาต้องการหาทางออกในการแก้ไขปัญหา สิ่งที่คุณควรทำคืออะไรล่ะ?
สรุปรวมความสั้นๆ หมายความว่า “มีเม็ดเงินจำนวนมากกองอยู่ตรงหน้า รอผู้ที่เหมาะสมที่จะครอบครองเท่านั้น”……..เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเพื่อนๆรู้จะนิ่งเฉยอยู่ไหมล่ะ????ถ้ามีโจทย์ให้ผมคิด ให้บอกว่ามีช่องทางไหน หรือ มีโอกาสธุรกิจอันไหน ที่ยอดเยี่ยม และ เจ๋งกว่า โอกาสธุรกิจบนอินเทอร์เน็ท หรือ หาเงินผ่านเน็ต หรือ ธุรกิจเครือข่าย อีกไหม ?? ให้บอกตามตรง คิดไม่ออกจริงๆครับ ว่าจะมีธุรกิจอันไหนอีก ที่ลงทุนต่ำมากๆ ( บางคนบอกว่า แทบไม่ต้องลงทุนเลย ) แต่สามารถที่จะสามารถเข้าถึง ตลาดได้ทั่วทุกภูมิภาค แบบไม่มีวันหยุดราชการ !
ช่วงสิบกว่า ปีที่ผ่านมา มีเศรษฐีเกิดใหม่ในวงการ Internet มากมายจนนับจำนวนไม่ไหว เราคงไม่ต้องมายกตัวอย่าง แบบเจ้าของ Amazon , Ebay หรือ Google กันอีก ยกกันมาจนน่าเบื่อ ……… นอกจากนี้ในอดีตนั้นเศรษฐีต่างๆจะต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก และใช้เวลานานในการก่อร่างสร้างตัว ถึงแม้อัตรา การแข่งขันจะน้อยกว่าปัจจุบัน แต่ในทางกลับกัน กับภาวะปัจจุบันที่อัตราการแข่งขันสูง แต่ผู้ประสบความสำเร็จทางการเงิน แต่กลับใช้เวลา ในการก่อร่างสร้างตัว น้อยกว่า สมัยก่อนมาก
ดังนั้น ขอยืนยันได้ว่า ……. ไม่มี "โอกาสธุรกิจ "ไหนที่ยอดเยี่ยมและวิเศษไปกว่าโอกาสธุรกิจเครือข่ายโดยทำงานผ่านอินเตอร์เน็ทอีกแล้ว ……..
นอกจากนี้ อย่างที่เราทราบว่า อินเตอร์เนตคือเทคโนโลยีเครือข่าย เมื่อคุณสร้างธุรกิจของคุณ ร้านค้าออนไลน์ มาประยุกต์ ใช้กับ ธุรกิจเครือข่าย เพื่อหาเป็น รายได้เสริม ซึ่งใช้เงินทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับ เมื่อ อาชีพเสริม ของคุณมีรากฐานที่มั่นคงแล้ว เพื่อนๆ สามารถเก็บดอกผลได้ แม้ในขณะ ท่องเที่ยวอยู่กลางทะเล หรือ เจ็บป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล
ในการเลือกเข้าร่วม กับ บริษัทธุรกิจเครือข่าย ก็เช่นเดียวกัน คุณไม่ควรจะมองแต่ว่า เป็นบริษัทน้องใหม่มีโอกาสเป็นต้นสาย…. สิ่งที่เราควรคำนึง ถึงคือ กลุ่มเป้าหมายของสินค้าของบริษัท การสนับสนุนด้านการตลาดให้แก่สมาชิกอย่างสม่ำเสมอ เเละ ความเป็นธรรมทั้งด้านราคาเเละรายได้ เป็นต้น
สิ่งหนึ่งที่สำครัญ คุณจะต้องคำนึงถึงอัตราการเจริญเติบโตของบริษัท ….การได้รับการยอมรับของลูกค้า แผนตอบแทนรายได้ ที่อำนวยแก่การทำขยายธุรกิจของคุณ ราคาของสินค้า เพราะในเมื่อใดคุณมีความเข้าใจและกลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว คุณย่อมเลือกสมัครกับบริษัทที่มีความมั่นคงและความพร้อม ดีกว่า จริงไหมครับ ของมันง่ายกว่า สบายกว่าจะมาเป็นผู้บุกเบิกอยู่ทำไม เเละนอกจากนี้ยังเป็นการ ลดความเสี่ยงจาก ความไม่มั่นคงของบริษัทเกิดใหม่ หรือ เเม้กระทั้ง การถูกนำสินค้าลอกเลียนเเบบมาขายตัดราคา อย่างที่ต้องตามจับกันไม่รู้จักจบจากสิ้น และท้ายสุด
ในกรณีของคุณ คุณสามารถ สร้างระบบธุรกิจเครือข่ายของคุณเองได้ อย่างผสมผสานเพื่อเพิ่มช่องทางรายได้ ของคุณเอง
ดั่งที่….มีคำกล่าว คำหนึ่งของนักการตลาดผู้หนึ่งกล่าวว่า
" You don't want the merchant to screw anything up. Given the chance, they usually will. This is your business."
“อย่ายอมให้กลุ่มธุรกิจใดๆเป็นเจ้าของคุณ หาทางเปิดโอกาส ที่คุณจะไม่ถูกครอบงำในกรอบนั้นๆ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเป็นเจ้าของความมุ่งมั่นตั้งใจของความเป็นเจ้าของธุรกิจของคุณได้”
การที่คุณ ออกแบบรูปแบบธุรกิจของคุณ และ นำไปสอนต่อและช่วยเหลือผู้อื่นให้สามารถสร้างรายได้ นั้น ก็ไม่ต่างอะไรจาก การที่คุณขายระบบแฟรนไชส์ของคุณเอง การที่คุณสร้างอิสระภาพและ เสถียรภาพของธุรกิจคุณนั้น ด้วยการทำการตลาดนั้น……… สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บริษัทของคุณ ก็ต้องการเช่นเดียวกัน เเต่ เนื่องจาก พรบ กฏหมาย ขายตรง....การทำตลาดด้วยการโฆษณาของสมาชิก จึงถูกจำกัด ซึ่งเปรียบเสมือนการมัดเเขน นักธุรกิจอิสระ ให้ว่ายน้ำข้ามฝั่งด้วย เเขนข้างเดียว
ครับ!!
ดังนั้น สมาชิกบริษัทธุรกิจขายตรงต่างๆ ไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์ ของบริษัทไปโฆษณา ทำการตลาดได้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่สมาชิกธุรกิจทำได้อย่างเดียวคือ เดินขายสินค้า หรือ ถ่ายทอด การ สาธิตบรรยายสินค้า ให้เเก่ลูกค้าของคุณ
มันเป็นกฎที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้า จริงๆนะครับ แน่นอน คุณคงไม่ต้องการให้พวกเขามาทำให้คุณอึดอัดปวดหัวใช่ไหมครับ….
ดังนั้นเพื่อชัยชนะใน การทำธุรกิจ สิ่งที่จำเป็นของคุณคือ เรียนรู้ ที่จะ หาช่องว่างทางการตลาด ได้อย่างถูกต้อง เเละ ถูกทำนองครองธรรมในการเลือกเข้าร่วมบริษัทธุรกิจเครือข่าย จะมีปัญหาเรื่องการรักษายอดอยู่ ดังนั้น เพื่อนๆควร เลือกดูว่า บริษัทเพื่อนๆสนใจอยู่นั้น มีกลุ่มเป้าหมาย เดียวกันหรือไม่ มีการสนับสนุน ให้ คุณ ทำงานได้ง่ายขึ้นหรือไม่ สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจหรือไม่ จำไว้ว่า เมื่อเขาปิดทางคุณ ...คุณจะหาทางออกใหม่ๆเสมอ และนี่คือหน้าที่ ธุรกิจของคุณ และนี่คือที่มาของ การทำไมโครแฟรนไชส์ ธุรกิจเครือข่ายธุรกิจออนไลน์
ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สิ่งที่คุณควรจะได้รับจากที่ปรึกษาธุรกิจของคุณ
โรเบิตร์ คิโยซากิ นักธุรกิจ (ผู้เขียนหนังสือ พ่อรวยสอนลูก) กล่าวว่า “การเลือกผู้แนะนำธุรกิจ ได้ถูกต้องนั้น เป็นการตัดสินใจสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งที่คุณจะสามารถทำได้ ในธุรกิจเครือข่าย”
ผู้แนะนำธุรกิจของคุณนั้น เปรียบเสมือน กุนซือ ที่ปรึกษาของคุณ คุณจะเห็นได้ว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือแม้แต่ผู้ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์นั้น ล้วนแล้วแต่มี กุนซือที่ดีทั้งสิ้น ซึ่งหมายถึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ก่อนที่คุณจะเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัทใดๆ
คุณจะต้องแน่ใจว่า ผู้แนะนำของคุณนั้น เป็นใคร มีความสามารถ และ จะช่วย คุณสนับสนุนจัดเตรียม ทรัพยากร แหล่ง เครื่องมือความรู้ต่างๆ ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้หรือไม่
เมื่อใดคุณพิจารณาจะเข้าร่วมทีมใดๆนั้น มีคำอยู่สองคำที่ใช้กันประจำในธุรกิจนี้คือ
“ผู้แนะนำ” กับ “ที่ปรึกษา” ตามความหมายของศัพท์
ผู้แนะนำหมายถึง ผู้ที่แนะนำให้รู้เเค่ว่ามีโอกาสนี้อยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น....แต่ในขณะที่ “ที่ปรึกษา”นั้นสามารถแนะนำทางให้แก่คุณ พร้อมที่จะให้คำปรึกษาช่วยเหลือคุณตลอดเวลาที่คุณมีปัญหา ดังนั้น ทั้งสองคำนี้ ความหมายไม่เหมือนกัน
ดังนั้นคุณควรถามตัวเองว่า คุณจะยอมให้ใครสักคน ที่เพียงเเค่เเนะนำคุณเกี่ยวกับธุรกิจนี้ เเล้ว เเต่ไม่เคยหรือรับผิดชอบที่คอยจะช่วยเหลือคุณ โดยไม่มีความสนใจใยดีว่า คุณจะเหนื่อยยากอย่างไร ....พวกเขาขอเพียงรับ%จากการทำงานการบริโภคของคุณเท่านั้นหรือ?
ทุกๆคนมักคุ้นเคยกับ ธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจขายตรง แต่โดยมากมักจะเข้าใจว่า เป็นเพียงบุคคลผู้ซึ่งแสวงหาสมาชิกให้ได้จำนวนมาก มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และสามารถทำรายได้จากการเเนะนำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้แนะนำธุรกิจ จะมองหาคน ที่ พวกเขาคิดว่า “สามารถทำเองได้ โดยเขาไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือใดๆ” แต่ ที่ปรึษา ธุรกิจจะมองหา หุ้นส่วนธุรกิจที่คุ้มค่าแก่การฝึกฝนช่วยเหลือ และแนะนำช่วยเหลือเมื่อหุ้นส่วนเกิดปัญหา
“คุณว่าทั้งสองคำนี้แตกต่างกันมากไหมล่ะ?”
"จงเรียนรู้ที่จะ แยกแยะ สิ่งที่เกินความเป็นจริง จาก เรื่องที่เป็นแก่นสาร "
ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่คุณกำลังมองหา บริษัท,ที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ ทีม คุณควรเลือกสิ่งที่ควรค่าแก่คุณ คุณรู้สึกถูกใจไหมกับสิ่งที่คุณจะได้รับ ตั้งคำถามและสังเกตเพื่อที่จะคัดพลอยออกจากทราย จงมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการเริ่มต้น ทำเพื่อตัวของคุณเอง ตัดสินใจ เเละ ลงมือเดี่ยวนี้ รางวัลแห่งความสำเร็จจากธุรกิจเครือข่าย มากมายรอคุณอยู่
ผู้แนะนำธุรกิจของคุณนั้น เปรียบเสมือน กุนซือ ที่ปรึกษาของคุณ คุณจะเห็นได้ว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือแม้แต่ผู้ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์นั้น ล้วนแล้วแต่มี กุนซือที่ดีทั้งสิ้น ซึ่งหมายถึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ก่อนที่คุณจะเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัทใดๆ
คุณจะต้องแน่ใจว่า ผู้แนะนำของคุณนั้น เป็นใคร มีความสามารถ และ จะช่วย คุณสนับสนุนจัดเตรียม ทรัพยากร แหล่ง เครื่องมือความรู้ต่างๆ ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้หรือไม่
เมื่อใดคุณพิจารณาจะเข้าร่วมทีมใดๆนั้น มีคำอยู่สองคำที่ใช้กันประจำในธุรกิจนี้คือ
“ผู้แนะนำ” กับ “ที่ปรึกษา” ตามความหมายของศัพท์
ผู้แนะนำหมายถึง ผู้ที่แนะนำให้รู้เเค่ว่ามีโอกาสนี้อยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น....แต่ในขณะที่ “ที่ปรึกษา”นั้นสามารถแนะนำทางให้แก่คุณ พร้อมที่จะให้คำปรึกษาช่วยเหลือคุณตลอดเวลาที่คุณมีปัญหา ดังนั้น ทั้งสองคำนี้ ความหมายไม่เหมือนกัน
ดังนั้นคุณควรถามตัวเองว่า คุณจะยอมให้ใครสักคน ที่เพียงเเค่เเนะนำคุณเกี่ยวกับธุรกิจนี้ เเล้ว เเต่ไม่เคยหรือรับผิดชอบที่คอยจะช่วยเหลือคุณ โดยไม่มีความสนใจใยดีว่า คุณจะเหนื่อยยากอย่างไร ....พวกเขาขอเพียงรับ%จากการทำงานการบริโภคของคุณเท่านั้นหรือ?
ทุกๆคนมักคุ้นเคยกับ ธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจขายตรง แต่โดยมากมักจะเข้าใจว่า เป็นเพียงบุคคลผู้ซึ่งแสวงหาสมาชิกให้ได้จำนวนมาก มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และสามารถทำรายได้จากการเเนะนำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้แนะนำธุรกิจ จะมองหาคน ที่ พวกเขาคิดว่า “สามารถทำเองได้ โดยเขาไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือใดๆ” แต่ ที่ปรึษา ธุรกิจจะมองหา หุ้นส่วนธุรกิจที่คุ้มค่าแก่การฝึกฝนช่วยเหลือ และแนะนำช่วยเหลือเมื่อหุ้นส่วนเกิดปัญหา
“คุณว่าทั้งสองคำนี้แตกต่างกันมากไหมล่ะ?”
"จงเรียนรู้ที่จะ แยกแยะ สิ่งที่เกินความเป็นจริง จาก เรื่องที่เป็นแก่นสาร "
ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่คุณกำลังมองหา บริษัท,ที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ ทีม คุณควรเลือกสิ่งที่ควรค่าแก่คุณ คุณรู้สึกถูกใจไหมกับสิ่งที่คุณจะได้รับ ตั้งคำถามและสังเกตเพื่อที่จะคัดพลอยออกจากทราย จงมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการเริ่มต้น ทำเพื่อตัวของคุณเอง ตัดสินใจ เเละ ลงมือเดี่ยวนี้ รางวัลแห่งความสำเร็จจากธุรกิจเครือข่าย มากมายรอคุณอยู่
ประเภทของรายได้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินพยายามอธิบายเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจถึงการวัดปริมาณความร่ำรวย จากจำนวนวันที่เรามีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ โดยไม่ต้อ
ประเภทของรายได้
มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินพยายามอธิบายเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจถึงการวัดปริมาณความร่ำรวย จากจำนวนวันที่เรามีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ โดยไม่ต้องทำงาน ผู้ที่จะไปถึงจุดนั้นได้ หมายความถึง ผู้ที่สามารถบริหารกระแสเงินสดให้เป็นบวก (คือ มีรายได้อัตโนมัติมากกว่ารายจ่าย) นั่นเอง
เมื่อเราพินิจพิเคราะห์รายได้ของคนเราในแบบต่างๆ จะพบว่า รายได้มี 2 แบบ คือ
1. Active Income คือ รายได้ที่ได้มาจากการทำงาน ถ้าไม่ทำไม่ได้ เช่น รับเงินเดือน, เจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก, นักแสดง, ผู้ใช้แรงงาน, ผู้ขายบริการ, พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ฯลฯ
2. Passive Income หรือ Recurring income, Residual incomeคือ รายได้ที่มาจากทรัพย์สิน ไม่ได้เกิดจากการทำงานโดยตรง เช่น หุ้น, ตึกให้เช่า, สิทธิบัตร, ลิขสิทธิ์, ค่าการตลาด ฯลฯ รายได้นี้ถ้ามีมาอย่างต่อเนื่องและถ้ามีมากกว่ารายจ่าย จะทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินและชีวิตมีอิสระขึ้น
ตัวอย่าง รายได้เเบบ Passive, Recurring income
1. ลงทุนเป็นหุ้นส่วนบริษัท(หรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์) ถ้ามีบริษัทดีๆ สักแห่ง สนใจเงินลงทุนของคุณ การใช้ "เงินทำงาน" แบบนี้ก็น่าสนใจ วิธีการไม่ยุ่งยากคุณไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ผู้บริหารอาชีพทำงานให้และคุณรอรับเงินปันผลทุกปีหรือคุณสามารถนำเงินของทุนไปลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์หรือตราสารการเงินต่างๆ
2.ขายลิขสิทธิ์ หากคุณมีไอเดียดีๆ คุณสามารถ มีรายได้ จากเปอร์เซนต์ การจำหน่าย สินค้า บริการ จากไอเดียคุณ โดยไม่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเอง
3. สร้างอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าหากคุณเป็นเจ้าของที่ดินทำเลดี มีเงินในกระเป๋าสัก 5-20 ล้านบาท (หรือมีเครดิตกู้ธนาคารได้) ธุรกิจนี้น่าสนใจ อพาร์ทเม้นท์ที่สร้างเสร็จจะกลายเป็นทรัพย์สินที่ทำเงินสร้างรายได้ให้คุณ(โดยไม่ต้องทำงานประจำ) หน้าที่ของคุณเพียงบริหารจัดการตามปกติ (Routine) หรือจ้างผู้จัดการสักคน เท่านี้ก็เป็นอิสระ มีรายได้ยาวนานมั่นคงแถมเป็นมรดกให้ลูกหลานอีก
4. ซื้อแฟรนไชส์ มีแฟรนไชส์ดีๆมากมายทั้งขนาดใหญ่เเละเล็ก ใช้เงินที่ลงทุนประมาณ 300,000 ถึง 60 ล้านบาท ที่มีการบริหารจัดการ (Know How) ที่เป็นระบบแบบมืออาชีพ คุณเพียงแค่ลงทุน ศึกษาระบบให้เข้าใจและหาลูกจ้างมาทำงาน แค่นี้รายได้ก็จะหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยด้วยตัวเอง
5.ทำการตลาดแบบเครือข่าย เป็นการตลาดรูปแบบใหม่ถือกำเนิดมาได้ประมาณ20ปีก่อนเป็นการทำตลาดที่มีการผสมผสานรูปแบบแฟรนไชส์ และ BUZZ Marketing เข้ากับการตลาดแบบหลายชั้น (Multilevel Marketing) เป็นรูปเเบบธุรกิจที่ออกเเบบให้กับผู้ที่มีงบลงทุนน้อย เเละธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เรียกว่ามีความเสี่ยงต่ำเเต่มี ROI (Return of Investment)หรือผลตอบเเทนคุ้มค่าที่สุด อย่างหนึ่ง
วิธีการทำธุรกิจแบบนี้คือ ต้องมีการศึกษาจุดดีจุดเด่นของบริษัทธุรกิจและสินค้าก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงสร้างตลาดเครือข่ายผู้บริโภค.....โดยทั่วไปจะใช้การบอกต่อหรือการขายโดยตรงแล้วถ่ายทอดวิธีการ (Know how) ให้กับผู้ที่สนใจทำการตลาดในองค์กรเครือข่ายต่อเนื่องต่อไป เรียกว่าเป็นการใช้พลังของเครือข่ายแบบ
ไมโครแฟรนไชส์ ซึ่งมีข้อดีคือ เงินลงทุนต่ำและไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน หลังจากสมัครเป็นสมาชิกในองค์เครือข่ายสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือที่ปรึกษาธุรกิจที่มีความรู้ความสามารถจริงๆมาช่วยเหลือถ่ายทอดวิธีการทำธุรกิจ (Know how) ให้จนประสบความสำเร็จ
มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินพยายามอธิบายเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจถึงการวัดปริมาณความร่ำรวย จากจำนวนวันที่เรามีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ โดยไม่ต้องทำงาน ผู้ที่จะไปถึงจุดนั้นได้ หมายความถึง ผู้ที่สามารถบริหารกระแสเงินสดให้เป็นบวก (คือ มีรายได้อัตโนมัติมากกว่ารายจ่าย) นั่นเอง
เมื่อเราพินิจพิเคราะห์รายได้ของคนเราในแบบต่างๆ จะพบว่า รายได้มี 2 แบบ คือ
1. Active Income คือ รายได้ที่ได้มาจากการทำงาน ถ้าไม่ทำไม่ได้ เช่น รับเงินเดือน, เจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก, นักแสดง, ผู้ใช้แรงงาน, ผู้ขายบริการ, พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ฯลฯ
2. Passive Income หรือ Recurring income, Residual incomeคือ รายได้ที่มาจากทรัพย์สิน ไม่ได้เกิดจากการทำงานโดยตรง เช่น หุ้น, ตึกให้เช่า, สิทธิบัตร, ลิขสิทธิ์, ค่าการตลาด ฯลฯ รายได้นี้ถ้ามีมาอย่างต่อเนื่องและถ้ามีมากกว่ารายจ่าย จะทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินและชีวิตมีอิสระขึ้น
ตัวอย่าง รายได้เเบบ Passive, Recurring income
1. ลงทุนเป็นหุ้นส่วนบริษัท(หรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์) ถ้ามีบริษัทดีๆ สักแห่ง สนใจเงินลงทุนของคุณ การใช้ "เงินทำงาน" แบบนี้ก็น่าสนใจ วิธีการไม่ยุ่งยากคุณไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ผู้บริหารอาชีพทำงานให้และคุณรอรับเงินปันผลทุกปีหรือคุณสามารถนำเงินของทุนไปลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์หรือตราสารการเงินต่างๆ
2.ขายลิขสิทธิ์ หากคุณมีไอเดียดีๆ คุณสามารถ มีรายได้ จากเปอร์เซนต์ การจำหน่าย สินค้า บริการ จากไอเดียคุณ โดยไม่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเอง
3. สร้างอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าหากคุณเป็นเจ้าของที่ดินทำเลดี มีเงินในกระเป๋าสัก 5-20 ล้านบาท (หรือมีเครดิตกู้ธนาคารได้) ธุรกิจนี้น่าสนใจ อพาร์ทเม้นท์ที่สร้างเสร็จจะกลายเป็นทรัพย์สินที่ทำเงินสร้างรายได้ให้คุณ(โดยไม่ต้องทำงานประจำ) หน้าที่ของคุณเพียงบริหารจัดการตามปกติ (Routine) หรือจ้างผู้จัดการสักคน เท่านี้ก็เป็นอิสระ มีรายได้ยาวนานมั่นคงแถมเป็นมรดกให้ลูกหลานอีก
4. ซื้อแฟรนไชส์ มีแฟรนไชส์ดีๆมากมายทั้งขนาดใหญ่เเละเล็ก ใช้เงินที่ลงทุนประมาณ 300,000 ถึง 60 ล้านบาท ที่มีการบริหารจัดการ (Know How) ที่เป็นระบบแบบมืออาชีพ คุณเพียงแค่ลงทุน ศึกษาระบบให้เข้าใจและหาลูกจ้างมาทำงาน แค่นี้รายได้ก็จะหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยด้วยตัวเอง
5.ทำการตลาดแบบเครือข่าย เป็นการตลาดรูปแบบใหม่ถือกำเนิดมาได้ประมาณ20ปีก่อนเป็นการทำตลาดที่มีการผสมผสานรูปแบบแฟรนไชส์ และ BUZZ Marketing เข้ากับการตลาดแบบหลายชั้น (Multilevel Marketing) เป็นรูปเเบบธุรกิจที่ออกเเบบให้กับผู้ที่มีงบลงทุนน้อย เเละธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เรียกว่ามีความเสี่ยงต่ำเเต่มี ROI (Return of Investment)หรือผลตอบเเทนคุ้มค่าที่สุด อย่างหนึ่ง
วิธีการทำธุรกิจแบบนี้คือ ต้องมีการศึกษาจุดดีจุดเด่นของบริษัทธุรกิจและสินค้าก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงสร้างตลาดเครือข่ายผู้บริโภค.....โดยทั่วไปจะใช้การบอกต่อหรือการขายโดยตรงแล้วถ่ายทอดวิธีการ (Know how) ให้กับผู้ที่สนใจทำการตลาดในองค์กรเครือข่ายต่อเนื่องต่อไป เรียกว่าเป็นการใช้พลังของเครือข่ายแบบ
ไมโครแฟรนไชส์ ซึ่งมีข้อดีคือ เงินลงทุนต่ำและไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน หลังจากสมัครเป็นสมาชิกในองค์เครือข่ายสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือที่ปรึกษาธุรกิจที่มีความรู้ความสามารถจริงๆมาช่วยเหลือถ่ายทอดวิธีการทำธุรกิจ (Know how) ให้จนประสบความสำเร็จ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)