วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ผู้นำ...ใครบอกว่าสร้างกันไม่ได้

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบกับผม ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา กลับมาพบกันเหมือนเดิมน่ะครับในคอลัมน์คัมภีร์บริหารคนและงาน การสร้างภาวะผู้นำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำและเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาและประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน นอกจากนั้นจำเป็นต้องพัฒนาด้านจิต วิทยาที่เข้มแข็งควบคู่กันไปด้วย ซึ่งทักษะที่ดีของผู้นำนั้นต้องประกอบด้วยหลายๆ ด้าน อาทิเช่น

- ด้านธุรกิจ
- ด้านจริยธรรม
- ด้านทรัพยากรมนุษย์
- ด้านการสื่อสาร เป็นต้น

โดยหลักการสร้างภาวะผู้นำ ซึ่งผู้นำที่ดีนั้นต้องมีลักษณะที่ประกอบด้วย
- ผู้นำต้องสร้างคุณค่าของธุรกิจ (Business Value) และทำให้ทุกคนเข้าใจและศรัทธาในคุณค่านั้น
- ผู้นำต้องสร้างธุรกิจให้มีคุณค่ากับสังคม นอกจากนี้ยังต้องเน้นในด้านการให้ความสำคัญกับจริยธรรม คุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ
- ผู้นำไม่จำเป็นต้องสร้างธุรกิจให้ใหญ่โต ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พึงระลึกอยู่เสมอว่า Small but beautiful ธุรกิจขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพจะทำให้โลกสวยงามได้ และสร้างกำไรที่เพียงพอกับความต้องการได้
- ผู้นำต้องกล้าคิดและกล้าทำ ควรใช้หลักการที่ว่า “คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่” เนื่องด้วย เด็กมีจินตนาการ ผู้ใหญ่มีกระบวนการทำงาน
- ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยต้องสอดคล้องกับแนวคิด

4ร คือ
- ริเริ่ม การที่ผู้นำนั้นจำเป็นต้องเป็นคนที่มีความคิดหลายทิศทางที่นำไปสู่กระบวนการคิดในสิ่งที่แปลกใหม่อันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม องค์กร หรือสังคม
- รุก ผู้นำจำเป็นที่จะต้องเข้าใจในสถานการณ์ว่าเมื่อใดถึงจังหวะที่จะต้องรุกเพื่อชิงความได้เปรียบทางการแข่งขัน ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและเป็นหนึ่งขององค์กร
- รับ ในขณะเดียวกันผู้นำก็จำเป็นที่จะต้องเตรียมแผนสำหรับการตั้งรับและมองให้รอบทิศว่าเมื่อใดคู่แข่งจะทำการโจมตี ด้วยวิธีการใด เพื่อองค์กรจะสามารถวางแผนในการรับมือได้อย่างเหมาะสม
- รักษา มีคำกล่าวที่ว่าการได้มานั้นยังไม่ได้หมายถึงความสำเร็จ แต่การรักษาสิ่งที่ได้มานั้นเป็นตัวตอกย้ำถึงความสำเร็จ ดังนั้นการรักษาตำแหน่งทางการแข่งขัน ภาพลักษณ์ความเป็นเลิศ ให้คงอยู่กับองค์กรนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำต้องรับผิดชอบอย่างหนัก

- ผู้นำต้องเป็นคนที่สะท้อนตัวตนของธุรกิจ (ผู้นำ เป็นอย่างไร องค์กรเป็นอย่างนั้น)
- ผู้นำต้องวางตำแหน่งของธุรกิจ (Business Position) และต้องเข้าใจความเสี่ยงของธุรกิจ และทำให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจตรงกัน
- ผู้นำต้องทราบถึงขนาดของธุรกิจที่ควรจะเป็น (Economy of Scale) รู้จังหวะเวลาว่าเมื่อใดควรขยายตัว หรือปรับตัว
- ผู้นำต้องมีความเชื่อและศรัทธาต่อทีมงาน ซึ่งจะทำให้เล็งเห็นถึงทายาทรุ่นถัดไป นอกจากนี้หากขาดความศรัทธาต่อทีมงาน จะไม่มีเวลาไปสร้าง สรรค์เรื่องอื่น
- ผู้นำต้องแปรแรงกดดันที่องค์กรได้รับ ให้กลายเป็นการสร้างแรงกดดันที่ท้าทายขององค์กร (Good Pressure)

การสื่อสารขององค์กรต้องมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้ง 4 ด้าน
- สื่อสารถึงเจ้านาย
- สื่อสารถึงลูกน้อง
- สื่อสารถึงเพื่อนร่วมงานทั้งสองด้าน

ผู้นำต้องสร้างบันดาลใจให้เกิดขึ้น (Inspiration) และให้บุคลากรทุกคนสนุกกับงานและการ สร้างแรงบันดาลใจ
- ผู้นำต้องนำองค์กรอย่างมั่นคงรู้ถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ก้าวทีละเล็กๆ แต่ก้าวบ่อยๆ ปัจจัยที่สำคัญมากของผู้นำอีกประการหนึ่ง คือ Passion และคุณสมบัติของผู้นำประกอบด้วย
- หมั่นขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอๆ เพื่อทำให้ท่านชำนาญและเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนงและรู้เท่าทันเหตุการณ์ในรอบด้าน
- มีเทคนิคการสื่อสาร นอกจากทักษะในการสื่อสารที่ดีแล้วนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารยังจำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงเทคนิคต่างๆ เพื่อที่จะใช้ได้เหมาะสมในแต่ละเหตุการณ์ โดยแนวความคิดหลักๆ ของการใช้เทคนิคนั้นก็เพื่อก่อให้เกิดบรรยากาศของการสื่อสารที่ดีรวมทั้งให้มีบรรยากาศที่จูงใจให้คนอยากทำงาน เป็นสิ่งที่ ต้องให้ความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนานัปการ ตั้งแต่เรื่องที่มีความสำคัญในการจัดการกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่อาจจะมองข้ามความสำคัญไปได้ ฉะนั้นผู้บริหาร ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานต้องเป็นนักสื่อสารที่ดี
- สร้างศรัทธา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในฐานะของผู้บริหารที่เป็นหัวหน้า คือ นอก

จากคิดได้อย่างดี มองการณ์ไกลหรือมี visionary leadership แล้วยังจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากบุคคลภายนอกหน่วยงาน ส่วนลูกน้องคือคนที่เราต้องดูแลเขาเหมือนลูกเหมือนน้อง ซึ่งการทำงานให้ได้ผลดี ผู้บริหารต้องสร้างศรัทธาให้เกิดความยอมรับในตัวของเรา ให้ลูกน้องยอมรับเรา แสดงฝีมือให้เขาเห็นว่าเรามีฝีมือพอที่จะนำพาเขาและองค์การไปสู่สิ่งที่ดีได้ จะทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวไปกับเราโดยที่ไม่ต้องไปบังคับเพราะใจเขาไปกับเราแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น