วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เป้าหมายอิสรภาพทางการเงินอย่างพอเพียง



ก่อนอื่นถ้าคุณไม่ทราบว่าจะต้องตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณเท่าไหร่?
ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณพอมีแนวทางคร่าวๆ ว่าจะต้องกำหนดเป้าหมายการออมเงินในบัญชีของตัวคุณเองไว้ที่ระดับใด?
มีผู้เชี่ยวชาญประมาณไว้ว่า สำหรับคนไทยในยุคปัจจุบันหากเกษียณอายุและมีชีวิตอยู่ได้อย่างพอสบาย ก็ควรมีเงินเก็บไม่ต่ำกว่า 3,000,000 บาท
เก็บเงินอย่างไรเพื่อให้ได้ มาซึ่งอิสระภาพทางการเงินอย่างพอเพียง ?
สมมุติว่าคุณจะเกษียณอายุ เมื่อตอน อายุ 60 ปี และต้องการมีเงินเก็บ สามล้านบาท โดยคุณขณะนี้มีอายุ 25 ปี มีรายได้ เดือนละ 15,000 บาท หรือ 180,000 ต่อปี มีเงินเก็บในบัญชี 50,000 บาท

เป้าหมายเงินเก็บสะสม
คิดเป็นเท่าของรายได้ต่อปี
อัตราการออม (คิดจาก%ของรายได้)
5% 10% 15% 20% 25% 30% 35% 40% 45% 50%
2 เท่า
23ปี
14ปี
11ปี
8ปี
7ปี
6ปี
5ปี
5ปี
4ปี
4ปี
5 เท่า
37
26
20
17
14
13
11
10
9
8
7.5 เท่า
44
32
26
22
19
17
15
14
13
12
10 เท่า
49
37
30
26
23
20
18
17
15
14
12.5 เท่า
53
41
34
29
26
23
21
19
18
17
15 เท่า
57
44
37
32
29
26
24
22
20
19
20 เท่า
62
49
42
37
33
30
28
26
24
23
25 เท่า
67
53
46
41
37
34
31
29
27
25

ที่มา: How to Grow Rich /Frank Newman&Muriel Newman (1990)
ดังนั้นคุณจะมีเวลา อีก35ปี จึงเกษียณ และคุณต้องการเงินอีก 2,950,000 บาท หรือคิดเป็น 16 เท่าของรายได้ต่อปี จากตาราง การหาจำนวนปีและเปอร์เซ็นต์การออมเงิน เพื่อบรรลุเป้าหมายระดับเงินออมที่ต้องการ คุณจะพบว่าคุณจะต้องตั้งเป้าการออมต่อเดือนของคุณ ให้ได้เท่ากับ 15% ของรายได้ต่อเดือนหรือ เท่ากับ 2,250 บาท ซึ่งจากตารางเป็นตารางเงินออมที่ได้รับผลตอบแทนที่ 5% ต่อปี แต่ในขณะที่ ดอกเบี้ยเงินฝาก อยู่ที่ 0.75-2.5% ต่อปี เท่านั้น
จากตารางคุณจะเห็นว่า ถ้าคุณเริ่มเก็บเงิน เดือนละ 2,000 บาท แต่คุณได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เฉลี่ย 5% ต่อ ปี เมื่อเกษียณอายุ ตอน อายุ60 คุณจะมี เงินออมกว่า 3 ล้านบาท แต่ถ้าคุณช้าไปเพียงหนึ่งปี เงินของคุณจะหายไปเกือบ สี่แสนบาท
จากที่คุณได้ทราบมาแล้วข้างต้นเกี่ยวกับ อำนาจของการซื้อ หรือ เงินทองของมายาข้าวปลาซิของจริง…..คุณจะเห็นว่า เงินทองที่คุณเก็บไว้นั้น 3 ล้านบาท เป็นเพียงภาพมายา เพราะอำนาจของการซื้อของคุณจะลดลง ตามสถิติ เมื่อเวลาผ่านไป 40 ปี มูลค่าของเงินของคุณจะลดลงจาก 100 เหลือ เพียง 20 บาท ดังนั้นหมายความว่า ถ้าคุณมีเงินเก็บ 3 ล้านบาท ก็มีค่าเท่ากับ 600,000 เท่านั้น ซึ่งจากการประเมิน เพื่อมีชีวิตอย่างพอสบายในวัยหลังเกษียณอายุ จะต้องมี เงินเก็บไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า ในอีก 35-40 ปีข้างหน้า คุณจะต้องมีเงินเก็บจริง ถึง 15 ล้านบาท
ตกใจหล่ะซิ!!!
คุณเห็น ความน่ากลัวของ เกมส์การเงินนี้แล้วหรือยัง?
หาย งง แล้ว หรือยัง ว่า เงินของคุณหายไปไหน?
ดังนั้นถ้าคุณคิดแต่จะทำงานประจำเก็บเงินออมเพียงอย่างเดียวแล้ว คุณแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้เลย จาก เงินเก็บที่คุณจะสามารถเก็บได้สูงถึงขนาดนี้ เพราะในขณะที่ธนาคารมีเงินฝากอยู่ล้นระบบ ดอกเบี๊ยเงินฝากนับวันมีแต่จะลดน้อยถอยลง ดังนั้น การจะอาศัยการออมเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องเรียนรู้วิธีการที่จำนำเงินออมไปลงทุนต่อเพื้อให้เกิดดอกผลเพิ่มขึ้นด้วย
สิ่งที่คุณต้องทำเดี๋ยวนี้คือ
1. ลงทุนเพื่อตัวคุณเอง ด้วยการลงทุนในการศึกษาหาความรู้ เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันที่เป็นผลให้ความมั่นคงในอาชีพของคุณนั้นลดน้อยลง
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับความรู้ในด้านต่างๆโดยเฉพาะทางด้านการเงินและธุรกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินไม่ให้ตกต่ำไปเพราะภาวะเงินเฟ้อ และเพื่อไม่ให้เงินที่คุณหามาอย่างยากลำบากนั้น สูญหายไปอย่างง่ายๆโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือเพียงเพราะความโง่ของตัวเราเอง
2. ลงทุนในตราสารการเงินต่างๆ เช่น ตราสารอนุพันธ์ หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ต่างๆ
3. ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว หรือ ศึกษาช่องทางสร้างรายได้อื่นๆ ซึ่งคุณอาจทำเป็นงานเสริมโดยเริ่มจากเล็กๆ ก่อนก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีช่องทางให้คุณเลือกมากมาย ด้วยความโชคดีที่มีเทคโนโลยีที่ให้ความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะ อินเตอร์เนต
ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ลงทุนเพื่อตัวคุณเอง ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุน มั่นคงถาวรที่สุด อย่างที่ฝาหรั่งเขามักพูดว่า
"Formal education will make you a living; self-education will make you a fortune."
การศึกษาในระบบนั้น ช่วยคุณเพียงแค่ดำรงชีพ แต่การศึกษาด้วยตัวเองนั้น นำมาซึ่งทรัพย์สมบัติให้แก่คุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น