วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

“ปูแดง” บุกดีเอสไอขนพวงหรีดประท้วงร้อง ยกเลิกอายัดสินค้า เรียกร้องความเป็นธรรม

“ปูแดง” บุกดีเอสไอขนพวงหรีดประท้วงร้องยกเลิกอายัดสินค้า





นายกาย ไพรินทร์ ประธานชมรมกลุ่มพลังเครือข่ายขายตรง นำสมาชิก บริษัท เบสท์ 59 จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพ ตราปูแดง ไซโคซาน ประมาณ 300 คน เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและวางพวงหรีด

สมาชิกปูแดงนำป้ายผ้ามาเรียกร้องให้ยกเลิกอายัดสินค้า



สมาชิก “ปูแดง ไซโคซาน” กว่า 300 คน บุกดีเอสไอยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม พร้อมวางพวงหรีดประท้วงกรณีโดนดีเอสไอค้นสำนักงานใหญ่ เรียกร้องตั้งข้อหาร้ายแรงเกินจริง ให้ยกเลิกคำสั่งอายัดสินค้า ขู่จะพาสมาชิกเดินขบวนไปทำเนียบหากไม่มีคำตอบที่น่าพอใจ ด้านดีเอสไอยันทำตามหลักฐานที่ได้จาก สคบ.

วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายกาย ไพรินทร์ ประธานชมรมกลุ่มพลังเครือข่ายขายตรง นำสมาชิกบริษัท เบสท์ 59 จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพ ตราปูแดง ไซโคซาน ประมาณ 300 คน เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและวางพวงหรีด กรณี พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ และตัวแทน สคบ. นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิต 4 จุด เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับมอบหนังสือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกที่เดินทางมาประท้วงที่ดีเอสไอต่างถือป้ายเขียนข้อความเรียกร้องขอความเป็นธรรม พร้อมร้องตะโกนสโลแกนของบริษัทฯ ว่า “ปูแดง ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร” นอกจากนี้มีตำรวจปราบจลาจล บก.น.2 จำนวน 50 นายมารักษาความปลอดภัยโดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

นายกาย ไพรินทร์ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องทุกข์จากสมาชิกจำนวนมาก จึงมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ที่ดีเอสไอ และสคบ.ได้ตั้งข้อหาร้ายแรงอันเกินกว่าเหตุ ด้วยการสั่งปิดบริษัทฯ และอายัดทรัพย์พร้อมสินค้าทุกรายการ โดยไม่มีการแยกแยะ ส่งผลให้บริษัทต้องหยุดกิจการทั้งระบบ ทั้งๆ ที่ สคบ.เพียงสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการขายตรงของบริษัทฯ เท่านั้น แต่สามารถขายปลีกได้ การเข้าตรวจค้นและสั่งปิดบริษัทดังกล่าวทำให้สมาชิกขาดรายได้ครอบครัวอดอยากและไม่มีอาชีพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สมาชิกเคยมีรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท

ดังนั้น สมาชิกเบสท์ 59 จำกัด รับไม่ได้กับข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งๆ ที่ดีเอสไอและสคบ.สามารถลงโทษจากเบาไปหาหนักได้ การกระทำดังกล่าวพวกเราขอประณาม สคบ.และดีเอสไอ เพราะหวั่นจะกลายเป็นเครื่องมือของบริษัทข้ามชาติทำลายขายตรงของไทย

เบื้องต้นจึงขอเรียกร้อง จำนวน 5 ข้อ คือ 1.ดีเอสไอและสคบ.จะต้องพิจารณายกเลิกคำสั่งอายัดทรัพย์และสินค้าของบริษัท เบสท์ 59 จำกัด เพื่อให้สมาชิกสามารถซื้อขายปลีกได้ตามที่ เลขาฯ สคบ.ให้สัมภาษณ์ ว่าไม่ได้ปิดบริษัทฯ เพียงแค่เพิกถอนใบอนุญาตขายตรงเท่านั้น แต่ให้ขายปลีกได้ 2.ดีเอสไอ และสคบ.จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับสมาชิกที่เกิดจากการสั่งปิดบริษัทฯ โดยใช้มาตรการรุนแรงเกินกว่าเหตุ 3.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทขายตรงข้ามชาติทุกบริษัทว่ามีการบังคับซื้อสินค้าในทุกๆ เดือนเพื่อรักษาผลตอบแทนหรือไม่ 4.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1, 2 และ 3 แจ้งรายการสินค้ากับ สคบ.ครบทุกรายการหรือไม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สคบ.ไม่ได้มีสองมาตรฐาน 5.การที่ดีเอสไอสั่งจับตัวนายเนตินันท์ ประดิษฐ์ชัย นั้นดีเอสไอจะต้องปล่อยตัวในรูปแบบใดแบบหนึ่งเพื่อให้สามารถต่อสู้คดีได้อย่างยุติธรรม โดยจะรอคำตอบภายในวันที่ 21 ม.ค.2553 เวลา 10.00 น.ไม่เช่นนั้นจะเคลื่อนขบวนประชาชนผู้เดือดนับหมื่นคนไปที่ทำเนียบรัฐบาล

ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอเป็นหน่วยงานรัฐมีอำนาจสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย ยืนยันตรวจสอบตามพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่มีการกลั่นแกล้งผู้ใด สำหรับการเข้าตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว เนื่องจากดีเอสไอได้รับการประสานจาก สคบ.และตรวจสอบแล้วพบว่า การดำเนินธุรกิจอาจเข้าข่ายการระดมทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงเข้าตรวจสอบ

ดังนั้น หากตัวแทนหรือสมาชิกบริษัทฯ มีข้อมูลหรือพยานหลักฐานต่างๆ ก็สามารถประสานมายังดีเอสไอได้ ส่วนกรณีข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายเนตินันท์นั้น หากดีเอสไอสอบสวนแล้วพบว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนีก็คงปล่อยตัวชั่วคราวได้ตามกฎหมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น