วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

นายกาย ไพรินทร์ แถลงข่าวตอบโต้การบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

นายกาย ไพรินทร์ ประธานกลุ่มพลังเครือข่ายผู้ขายตรงแห่งประเทศไทย
แถลงข่าวตอบโต้การบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่โรงแรมดิเอ็มเมอร์รัลว่า ขณะนี้บริษัทขายตรงซึ่งเป็นของคนไทยถูกคุกคามอย่างหนัก โดยสำนักงานคณะกรรมการคุมครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอสุมตรวจค้นบริษัทขายตรง และตั้งข้อหาระดมคน หรือแชร์ลูกโซ่ ส่งผลให้กิจการขายตรงจำต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นายกายตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะสคบ.จึงจ้องจับผิดแต่บริษัทขายตรงที่มีคนไทยเป็นเจ้าของกิจการ แต่กลับไปโอบอุ้มบริษัทยักษใหญ่ของต่างชาติ ทำให้เคลือบแคลงใจต่อท่าทีของสคบ.ที่มีสายสัมพันธ์กับบริษัทขายตรงข้ามชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากทราบมาว่านายนิโรจน์ เจริญประกอบ เลขาธิการ สคบ. ไปดูงานต่างประเทศกับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มอบรางวัลให้กับบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ตนไม่แน่ใจว่ามีความสัมพันธ์ใดลึกซึ่งเพียงใด เพราะเท่าที่ทราบว่าการไปต่างประเทศแต่ละครั้งบริษัทเหล่านี้จะเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี นอนโรงแรมหรูราคาแพง

“ปัจจุบันธุรกิจขายตรงของคนไทยสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ก็ต้องถูกสคบ.ฆ่าตัดตอน ด้วยการนำเอาข้อกฎหมายมากล่าวหา หรือบุกตรวจค้นเป็นการทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือของบริษัท แม้จะไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดใดก็ตาม นี่คือพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่จ้องแต่จะทำลายอุตสาหกรรมขายตรงของคนไทย ซึ่งหากสคบ.มีความจริงใจก็ควรจะชี้แนะหรือตักเตือน ไม่ใช่อาศัยแต่กฎหมายเป็นเครื่องมือเข่นฆ่าธุรกิจคนไทย ตรงข้ามกลับปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติดำเนินธุรกิจอย่างสบาย ทั้งที่มีพฤติกรรมและวิธีการไม่แตกจากจากบริษัทของคนไทย จึงทำให้เกิดคำถามวง่า สคบ.มีสองมาตรฐานในการดูแลคนไทยกับชาวต่างชาติ เรื่องนี้ คุณสาธต วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตลอดจนคุณพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม น่าจะลงมาดูในรายละเอียด เพื่อปกป้องธุรกิจของคนไทย โดยเฉพาะการขายตรงที่สามารถสร้างงานสร้างเงินให้กับคนยากคนจนได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ใช่ปล่อยให้กลไกของรัฐทำร้ายประชาติ โดยวิธีการสองมาตรการเช่นนี้”

นายกาย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทขายตรงของไทยสามารถแย่งส่วนแบ่งจากบริษัทข้ามชาติได้เป็นจำนวนมาก ตนไม่แน่ใจว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจากมีการลงขันเพื่อล้มบริษัทคนไทยหรือไม่ เพราะบริษัทขายตรงของไทยมีกลยุทธทางการตลาดที่ไม่สลับซับซ้อนเหมือนบริษัทต่างขาติ ไม่ว่าจะเป็นการาจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นที่สามารถจ่ายได้ภายใน 7-15 วัน ในขณะที่บริษัทข้ามชาติจะต้องรอรอบจ่ายเป็นรายเดือน อีกทั้งต้องทำยอดหรือรักษายอดการขายตามที่บริษัทแม่กำหนด ในขณะที่บริษัทคนไทยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดเหล่านี้ จึงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเสียหาย

นายพิศิน มีสุข ตัวแทนบริษัทปูแดงไคโตซาน เครือข่าย บริษัท เบสท์ 59 จำกัด เปิดแถลงข่าวกรณี พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ นำกำลังเข้าตรวจค้นที่ทำการบริษัทปูแดงไคโตซานย่านเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เป็นการดำเนินการไม่ชอบธรรม เลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด อยากให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบการทำงานของ สคบ. และดีเอสไอว่า มีส่วนได้เสียและผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทร่วมทุนขายตรงยักษ์ใหญ่ต่างชาติหรือไม่ เหตุใดจึงมาจับกุมแต่บริษัทของคนไทย คนไทยเปิดบริษัทเล็ก ๆ ทำอะไรก็ผิดกฎหมายไปหมด พอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง ก็ต้องพบกับจุดจบ อ้างว่าทำผิดทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน และไม่มีผู้เสียหายรายใดเข้าร้องเรียนร้องทุกข์แต่อย่างใด.

ปุ๋ยปูแดงพิจิตรยังขายปกติชาวบ้านยันมีคุณภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการโรงงานปุ๋ย ยี่ห้อปูแดงไคโตซาน ซึ่งมีการเปิดดำเนินการอยู่ที่บริเวณหน้าโรงแรมพิจิตรพลาซ่า ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร วันนี้ยังคงเปิดดำเนินการให้บริการประชาชนเหมือนเป็นปกติ ทั้งที่สาขาใหญ่มีการสั่งหยุดดำเนินกิจการแล้วก็ตาม โดยเจ้าหน้าที่ในร้านปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลต่าง โดยแจ้งว่าต้องรอผู้จัดการสาขาที่ในขณะนี้ออกพื้นที่พบเกษตรกร โดยจากการสังเกตพบว่าบรรยากาศในร้านเงียบเหงา ไม่มีเกษตรกรเดินทางมาติดต่อแต่อย่างใด โดยยังมีป้ายการบอกรับสมาชิกไว้ที่หน้าร้านเหมือนปกติ

ขณะที่เกษตกรที่ใช้ผลิตภัณท์ของปุ๋ยปูแดง อย่างนายย้อย จุลกลับ เกษตกรในตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ลูกสาวได้สมัครเป็นสมาชิกของปุ๋ยยี่ห้อดังกล่าว โดยต้องเสียเงินค่าสมัครสมาชิก เพื่อให้สามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาที่ถูกกว่าบุคคลทั่วไป โดยปุ๋ยยี่ห้อดังกล่าวตนซื้อมาใส่นาและสวนส้มโอ ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น