วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรื่องของทัศนะคติ

เจอร์รี่เป็นผู้จัดการของร้านอาหารแห่งหนึ่งในอเมริกา

เขามักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอและมักจะมีมุมมองต่อเหตุการณ์ต่างในแง่ดี
เวลาที่มีใครถามเขาว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร
เขามักจะตอบว่า
"ถ้าผมสามารถเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ได้ ผมอยากจะมีฝาแฝด!"

พนักงานเสริ์ฟในร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่หลายคนออกจากงาน
ไปพร้อมกับเจอร์รี่ เมื่อเขาย้ายงาน
เพื่อจะได้ติดตามเขาไปจากร้านหนึ่งไปยังอีกร้านหนึ่ง
สาเหตุทั้งหมดก็มาจากการเป็นคนมองโลกในแง่ดีและทัศนคติของเจอร์รี่
เขาเป็นผู้ผลักดัน เป็นคนที่ให้กำลังใจผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม
ถ้ามีลูกน้องคนไหนเจอกับเรื่องแย่ๆมา เจอร์รี่จะอยู่กับเขาเสมอ
พร้อมทั้งแนะนำลูกน้องคนนั้น ให้ได้มองเห็นด้านดีๆหรือสิ่งที่เรา
สามารถเรียนรู้ได้จากเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้น

วันหนึ่งฉันถามเจอร์รี่ว่า
"ฉันไม่เข้าใจ! คนเราจะมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง คุณทำได้ยังไงนะ"

เจอร์รี่ตอบว่า
" ทุกๆเช้า ผมตื่นขึ้นมา พร้อมกับบอกตัวเองว่า
ผมมีทางเลือกสองทางสำหรับวันนี้ ผมเลือกที่จะมีอารมณ์ดีตลอดทั้งวันก็ได้
หรือจะมีอารมณ์เสียๆ ตลอดทั้งวันก็ได้เหมือนกัน ซึ่งผมมักจะเลือกอารมณ์ดี
บางครั้งก็มีเหตุการณ์แย่ๆเกิดขึ้น เราก็สามารถเลือกได้นี่นาว่า
เราจะเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นั้น หรือว่าเลือกที่จะเรียนรู้มัน
ผมมักเลือกที่จะเรียนรู้ ทุกครั้งที่มีบางคนมาติมาบ่นอะไร
มีทางเลือกให้เราเลือกได้ว่าจะยอมรับเสียงเหล่านั้น
หรือว่าจะมองหาด้านดีของชีวิต ผมเลือกอย่างหลัง"

"แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ" ฉันแย้ง

"ใช่ ไม่ง่ายเลย"เจอร์รี่กล่าว

" ชีวิตล้วนเต็มไปด้วยทางเลือก
เมื่อคุณตัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกไปแล้ว
ทุกสถานการณ์ต่างก็มีทางเลือกของมัน
คุณเลือกได้ว่าจะตอบสนองกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร
คุณเลือกได้ว่าจะให้ผู้ครอบข้างมีผลกับความรู้สึกของคุณได้อย่างไร
คุณเลือกที่จะมีอารมณ์ดีหรือแย่ก็ได้
มันเป็นทางเลือกว่าคุณจะใช้ชีวิตของคุณอย่างไร"



หลายปีต่อมาฉันได้ข่าวมาว่า เจอร์รี่ได้ทำบางอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ว่ามันจะเกิดขึ้นในธุรกิจการทำร้านอาหาร
เขาลืมล็อคประตูด้านหลังของร้านในเช้าวันหนึ่ง
และถูกปล้นโดยโจรสามคนที่มีอาวุธ
ระหว่างที่เจอร์รี่กำลังพยายามเปิดเซฟ
มือของเขาสั่นเนื่องจากความตื่นเต้น ทำให้เกิดพลาด โจรพวกนั้นยิงเขา
โชคยังดีที่มีคนพบและนำเขาส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที
หลังจากการผ่าตัดที่ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงและการดูแลรักษา
ในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด เจอร์รี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
พร้อมทั้งเศษกระสุนในร่างกาย
ฉันพบเจอร์รี่ 6 เดือนหลังจากเหตุการณ์นั้น
เมื่อฉันถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง

เขายังคงตอบว่า
"ถ้าผมเป็นอะรที่ดีกว่านี้ได้ ผมจะเป็นฝาแฝด อยากดูแผลเป็นของผมมั้ย"

ฉันตอบปฏิเสธ
แต่กลับถามเขาถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึกเขาหลังจากที่โจรพวกนั้นออกไป

"อย่างแรกที่ผมคิด คือผมไม่ได้ล็อคประตูหลังของร้าน
และหลังจากที่โดนยิง และผมล้มลงบนพื้น
ผมก็ยังคงจำได้ว่าผมมีสองทางเลือกนี่นา
มีชีวิตต่อไปหรือว่าตายเสียในตอนนั้นผมเลือกที่จะอยู่ต่อไป"

"คุณไม่กลัวเหรอ" ฉันถาม

เจอร์รี่เล่าต่อ
เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่อย่างดีมาก
พวกเขาคอยบอกว่าผมจะปลอดภัย
แต่เมื่อพวกเขาเข็นผมเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
และผมได้เห็นความกดดันบนใบหน้าของหมอและพยาบาล
ตอนนั้นล่ะที่ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ในสายตาของพวกเขา
มันเต็มไปด้วยคำพูดที่ว่า "เขาตายแล้ว"
ผมรู้ทันทีว่าผมต้องทำอะไร
ผมต้องแสดงปฏิกิริยาอะไรซักอย่างให้พวกเขารู้ว่าผมยังอยู่

"คุณทำอย่างไร"

"อืม...มีนางพยาบาลคนนึงตะโกนถามผมว่าผมแพ้อะไรหรือเปล่า"
ผมตอบว่า มี...
นางพยาบาลและหมอต่างก็หยุดทำงานรอฟังคำตอบจากผม
ผมหายใจลึกๆและตอบว่า "กระสุน!" หลังจากที่พวกเขาหัวเราะ
ผมบอกพวกเขาว่า

"ผมเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ โปรดช่วยรักษาผมอย่างคนมีชีวิตไม่ใช่คนตาย"

เจอร์รี่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณความสามารถของหมอ
แต่มันก็เป็นเพราะทัศนคติต่อชีวิตอันแสนจะน่าทึ่งของเขาด้วย
ฉันได้เรียนรู้จากเขาว่า ทุกๆวันคุณมีทางเลือกของชีวิต
คุณเลือกที่จะรักหรือว่าเกลียดชีวิตของคุณเองก็ได้
สิ่งเดียวที่เป็นของคุณจริงๆ และไม่มีใครสามารถนำมันไปจากคุณได้
ก็คือความคิดและทัศนคติของคุณเอง
เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถใส่ใจกับมันได้
อย่างอื่นในชีวิตของคุณก็จะง่ายดายมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น