ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย
มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้ว ทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปสุคติหรือลงสู่นรกภูมิ
1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ
2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว
3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง
เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท
- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)
- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ
- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก
เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?
ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่
วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี
โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ
1.ฆ่าพ่อ
2. ฆ่าแม่
3. ฆ่าพระอรหันต์
4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก
5. ทำร้ายพระพทุธเจ้าห้อเลือด
หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ
เรามาดูปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น
เจ็ดวันรอบแรก
วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง เมื่อวิญญาณบาปไปถึง ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สอง
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สาม
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด
เจ็ดวันรอบที่ สี่
เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์
เจ็ดวันรอบที่ ห้า
วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์
เจ็ดวันรอบที่ หก
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให??ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา
เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด
เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกิเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว.
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฏแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ...
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ส่งต่อ
1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ
2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว
3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง
เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท
- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)
- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ
- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก
เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?
ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่
วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี
โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ
1.ฆ่าพ่อ
2. ฆ่าแม่
3. ฆ่าพระอรหันต์
4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก
5. ทำร้ายพระพทุธเจ้าห้อเลือด
หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ
เรามาดูปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น
เจ็ดวันรอบแรก
วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง เมื่อวิญญาณบาปไปถึง ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สอง
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สาม
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด
เจ็ดวันรอบที่ สี่
เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์
เจ็ดวันรอบที่ ห้า
วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์
เจ็ดวันรอบที่ หก
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให??ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา
เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด
เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกิเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว.
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฏแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ...
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ส่งต่อ
อย่ารังเกียจ.การทาน..กระเทียม
อย่ารังเกียจ...กระเทียม
กระเทียมแม้จะก่อกลิ่นปาก แต่กระเทียมก็มีคุณมหันต์ทีเดียว "น.พ.มาศ ไม้ประเสริฐ" แห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชี้ให้เห็นคุณค่าของมัน กระเทียมจัดเป็น "ราชาแห่งสมุนไพร" ที่มีคุณประโยชน์มหาศาล ซึ่งเรารู้จักกันมาช้านานแล้ว
เพราะในกระเทียมประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ
มี "ไดซัลไฟด์" ช่วยลดระดับ "คอเลสเตอรอล" และ "LDL" (ไขมันชนิดไม่ดี) ในเส้นเลือด
มี "ซีลีเนียม" เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ที่ทำหน้าที่ต่อต้าน "อนุมูลอิสระ" ช่วยชะลอความแก่ และช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายมนุษย์ให้อยู่ในภาวะปกติและภาวะโรคข้ออักเสบ
มี "กำมะถัน" ช่วยป้องกันโรคผิวหนังหลายชนิด ช่วยบำรุงข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
มี "อัลลิอิน" คุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยออกฤทธิ์ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
มี "อัลลิซิน" ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ออกฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบอ่อน ๆ ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อเนื่องจากอาหารไม่ย่อย ออกฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ และลดอาการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
และยังมีสารออกฤทธิ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เยอร์มาเนียม (ยับยั้งเซลล์มะเร็ง) สกอร์คินิน (คล้ายโสม) อะโจอิน แกมมา-กลูตามิลเปปไทด์ กลูทาไทโอน แคลเซียม ทองแดง เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส เกลือ วิตามินเอ วิตามิน บี 1 และวิตามินซี
คุณประโยชน์ของกระเทียมมีมากมาย เช่น
ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิตสูง มีสารระงับการแข็งตัวของเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ลดอัตราเสี่ยงหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ป้องกันและรักษาโรคโลหิตจาง เพราะมีสารต้านเม็ดเลือดแดงแตก
ต่อระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ อาการน้ำมูกไหล เยื่อบุจมูกอักเสบ ไซนัส บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หอบหืด ป้องกันหวัด
ต่อระบบทางเดินอาหาร ปรับระดับน้ำตาลในเลือด (อัลลิซิน กระตุ้นการหลั่งของอินซูลินได้มากขึ้น) ทำให้มีการใช้น้ำตาลในกระแสเลือดได้มากขึ้น ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ กระตุ้นน้ำย่อยอาหาร เพิ่มความอยากอาหาร ส่งเสริม การย่อย บรรเทาท้องผูก แก้โรคท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ช่วยตับในการขับสารพิษ ยา สารเคมีต่าง ๆ
ต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ บำรุงข้อต่อและกล้ามเนื้อ (กำมะถันเป็นสารที่สำคัญเกี่ยวกับความเหนียว และแข็งแรงของเนื้อเยื่อ) มีสารต้านไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติสม์
ต่อระบบผิวหนัง (ผม-เล็บ) ป้องกันและรักษากลาก เกลื้อน รักษาผื่นแผลพุพอง เป็นตุ่มหนองง่าย แก้ปัญหาผมสีเทาบาง ยาวช้า
ต่อระบบประสาท แก้อาการวิงเวียนสมอง มึนงง หูอื้อ ปวดศีรษะ นี่แหละ แม้จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็มีคุณอนันต์จริง ๆ
กระเทียมแม้จะก่อกลิ่นปาก แต่กระเทียมก็มีคุณมหันต์ทีเดียว "น.พ.มาศ ไม้ประเสริฐ" แห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชี้ให้เห็นคุณค่าของมัน กระเทียมจัดเป็น "ราชาแห่งสมุนไพร" ที่มีคุณประโยชน์มหาศาล ซึ่งเรารู้จักกันมาช้านานแล้ว
เพราะในกระเทียมประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ
มี "ไดซัลไฟด์" ช่วยลดระดับ "คอเลสเตอรอล" และ "LDL" (ไขมันชนิดไม่ดี) ในเส้นเลือด
มี "ซีลีเนียม" เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ที่ทำหน้าที่ต่อต้าน "อนุมูลอิสระ" ช่วยชะลอความแก่ และช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายมนุษย์ให้อยู่ในภาวะปกติและภาวะโรคข้ออักเสบ
มี "กำมะถัน" ช่วยป้องกันโรคผิวหนังหลายชนิด ช่วยบำรุงข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
มี "อัลลิอิน" คุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยออกฤทธิ์ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
มี "อัลลิซิน" ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ออกฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบอ่อน ๆ ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อเนื่องจากอาหารไม่ย่อย ออกฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ และลดอาการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
และยังมีสารออกฤทธิ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เยอร์มาเนียม (ยับยั้งเซลล์มะเร็ง) สกอร์คินิน (คล้ายโสม) อะโจอิน แกมมา-กลูตามิลเปปไทด์ กลูทาไทโอน แคลเซียม ทองแดง เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส เกลือ วิตามินเอ วิตามิน บี 1 และวิตามินซี
คุณประโยชน์ของกระเทียมมีมากมาย เช่น
ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิตสูง มีสารระงับการแข็งตัวของเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ลดอัตราเสี่ยงหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ป้องกันและรักษาโรคโลหิตจาง เพราะมีสารต้านเม็ดเลือดแดงแตก
ต่อระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ อาการน้ำมูกไหล เยื่อบุจมูกอักเสบ ไซนัส บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หอบหืด ป้องกันหวัด
ต่อระบบทางเดินอาหาร ปรับระดับน้ำตาลในเลือด (อัลลิซิน กระตุ้นการหลั่งของอินซูลินได้มากขึ้น) ทำให้มีการใช้น้ำตาลในกระแสเลือดได้มากขึ้น ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ กระตุ้นน้ำย่อยอาหาร เพิ่มความอยากอาหาร ส่งเสริม การย่อย บรรเทาท้องผูก แก้โรคท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ช่วยตับในการขับสารพิษ ยา สารเคมีต่าง ๆ
ต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ บำรุงข้อต่อและกล้ามเนื้อ (กำมะถันเป็นสารที่สำคัญเกี่ยวกับความเหนียว และแข็งแรงของเนื้อเยื่อ) มีสารต้านไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติสม์
ต่อระบบผิวหนัง (ผม-เล็บ) ป้องกันและรักษากลาก เกลื้อน รักษาผื่นแผลพุพอง เป็นตุ่มหนองง่าย แก้ปัญหาผมสีเทาบาง ยาวช้า
ต่อระบบประสาท แก้อาการวิงเวียนสมอง มึนงง หูอื้อ ปวดศีรษะ นี่แหละ แม้จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็มีคุณอนันต์จริง ๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)