ชีวิตของคุณจะเปลี่ยน .. นับจากวินาทีที่คุณตัดสินใจ!
ทำไมดิฉันจึงกล่าวเช่นนี้? .. ดิฉันอยากให้คุณลองนึกถึงภาพเรือเดินสมุทรลำใหญ่มากๆสักลำหนึ่ง ปกติแล้วเรือก็จะแล่นไปในทิศทางที่กัปตันกำหนดไว้ใช่ไหมคะ? ถ้ากัปตันตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางการเดินเรือใหม่ สมมติว่าต่างจากเดิมแค่ 3 องศา แน่นอนว่าในระยะแรกๆ เราจะยังไม่เห็นความแตกต่างอะไรที่ชัดเจน แต่ถ้าเวลาผ่านไป 1เดือน..1ปี..หรือ10ปี คุณคิดว่าทิศทางของเรือจะต่างจากเดิมมากไหมคะ? มากใช่ไหมคะ? .. ดังนั้น ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยน .. นับจากวินาทีที่คุณตัดสินใจเช่นกัน!
ในอดีตที่ผ่านมา .. คุณเคยตัดสินใจทำอะไรที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญบ้างไหมคะ? เช่น ตัดสินใจเปลี่ยนงาน ตัดสินใจแต่งงาน ตัดสินใจมีลูก ตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนิสัยบางอย่างของตัวเอง ฯลฯ ก่อนที่คุณจะทำการตัดสินใจ คุณคงจะดูว่าชีวิตปัจจุบันของคุณเป็นอย่างไร? มันมีอะไรบางอย่างที่คุณอยากได้ในอนาคต ซึ่งคุณยอมที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการใช่ไหมคะ?
ก่อนอื่น เราลองมาดูซิว่า .. คุณต้องการอะไรในชีวิต?..อะไรคือความฝันของคุณ? มันสำคัญกับคุณจริงหรือเปล่า? คุณอยากได้มันอย่างแรงกล้าหรือไม่? ทำไมคุณจึงอยากได้มันนัก? คุณต้องการทำเพื่อใครและเพื่ออะไร? ขอให้คุณเขียนทุกคำตอบลงไปในกระดาษเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!
แล้วตอนนี้คุณได้ทุกอย่างที่คุณปรารถนาหรือยังคะ? มีอะไรที่คุณอยากทำ แล้วยังทำไม่ได้?..มีอะไรที่คุณอยากมี แล้วยังมีไม่ได้?.. มีอะไรที่คุณอยากเป็น แล้วยังเป็นไม่ได้?..ทำไมล่ะค่ะ?
ลองสำรวจดูซิคะว่า ทำไมคุณจึงทำไม่สำเร็จ? อะไรปิดกั้นหรือฉุดรั้งคุณอยู่? คุณกลัวอะไรคะ? .. เอ้า! .. เขียนคำตอบลงไปอีกค่ะ! .. ถ้าคุณไม่คิดหรือไม่สำรวจอย่างจริงจังคุณก็จะไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไรที่มันหยุดคุณอยู่! . . ได้คำตอบหรือยังคะ? ..
อย่าเพิ่งอ่านต่อ .. เขียนก่อนค่ะ! .. ตอบทุกคำถามเลยนะคะ! .. Yes! เยี่ยมมากเลยค่ะ!
อย่าลืมนะคะว่าดิฉันเป็นโค้ชที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ในสิ่งที่คุณปรารถนา ดิฉันขอให้คุณทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากเดิมดูบ้าง .. ถ้าคุณยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิม คุณก็จะได้ทุกอย่างเหมือนเดิมจริงไหมคะ?
ดิฉันจะแบ่งปัน จุ ด ที่ พ ลิ ก ชี วิ ต ข อ ง ดิ ฉั น จ า ก “ซุ ป เ ป อ ร์ ซิ้ ม” เป็น “ซุ ป เ ป อ ร์ วู แ ม น” หน่อยนะคะ ..
อย่างที่ได้เล่าให้ฟังแล้วตั้งแต่บทความแรกที่ดิฉันเริ่มเขียนลงคอลัมน์นี้ว่า อดีตดิฉันเคยทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี ที่วันๆอยู่กับตัวเลข พูดน้อย โลกแคบ เฉิ่มเชยสุดๆ เรียกได้ว่าเป็น “ซุปเปอร์ซิ้ม” แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิตที่ดิฉันได้ลองทำธุรกิจ MLM ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดิฉันทำงานอย่างอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากงานประจำ ดิฉันได้อยู่ในกลุ่มคนที่มีไฟแรงและบางคนก็ประสบความสำเร็จด้วยความรวดเร็ว ดิฉันก็อยากสำเร็จบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรที่เป็นความรู้ ดิฉันจะเรียนหมดทุกอย่าง แต่ก็แปลกใจอยู่ว่า ทำไมยังไม่สำเร็จอย่างที่ใจเราคิดสักที!?! ..
ดิฉันเห็นบางคนเป็นแม่ค้าขายไส้กรอก ทำไมมียอดขายเยอะแยะ? .. บางคนทำงานร้านทำผม ดูศักยภาพน้อยกว่าดิฉันอีก แต่ทำไมมีทีมงานใหญ่โต? .. ดิฉันก็บอกตัวเองว่า “ก็เธอทำงานประจำนี่นา เธอมีเวลานิดเดียวเองในการทำธุรกิจเครือข่าย .. อ้าว .. เธออยู่ในโลกแคบมาก่อน เธอรู้จักคนน้อย .. เธอทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะ” แต่พอดิฉันได้เรียนรู้ว่า .. การที่คนเราจะประสบความสำเร็จนั้น เราต้องยกระดับมาตรฐานตัวเองให้สูงขึ้นตลอดเวลา เราจะต้องเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน โดยการสำรวจความเป็นจริงว่า ตัวเราเองเป็นคนอย่างไรกันแน่? ทำไมเราถึงยังทำในสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้? ถ้าคำตอบมันจะน่าเกลียดก็ต้องยอมรับ เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ!
คุณรู้ไหมคะ..พอดิฉันสำรวจตัวเองจริงๆจังๆแล้วดิฉันก็ได้พบความจริงที่น่าสะเทือนใจว่า .. ดิฉันเป็นคนที่อ่อนแอ เหลาะแหละ เหยาะแหยะ จับจด ไม่มุ่งมั่น ไม่เคยทำอะไรจริงจังในชีวิตสักทีหนึ่ง กลัวเสียงปฏิเสธ กลัวความผิดหวัง กลัวความล้มเหลว .. พอดิฉันเห็นตัวเองแบบนี้ ดิฉันเสียใจมากๆ ร้องไห้เป็นชั่วโมงเลย .. มิน่าล่ะ ชีวิตของฉันมันถึงไม่ไปไหนสักทีหนึ่ง .. ดิฉันตัดสินใจอย่างจริงจัง เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นในวินาทีนั้นเลยว่า .. “นับจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนที่เก่งสุดยอด! ฉันจะเป็นคนที่ อยากทำอะไร ต้องทำให้ได้! ไม่ว่าฉันต้องใช้ความพยายามหนักขนาดไหน ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้!”.. ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนโฉมไปเลยตั้งแต่วินาทีที่ดิฉันตัดสินใจนั่นเอง!!!
แล้วคุณล่ะคะ .. เหตุผลที่คุณเขียนมามันใช่หรือเปล่า จริงๆแล้วคุณติดขัดกับสิ่งภายนอกตัว หรือคุณติดขัดอยู่กับตัวเองกันแน่!?! ถ้าคุณยังคงเป็นแบบเดิม คุณคิดว่าชีวิตของคุณในอนาคตจะเป็นอย่างไรคะ? ผู้คนรอบข้างในชีวิตของคุณจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง? คุณยอมที่จะเป็นแบบนี้ต่อไปหรือคะ? ขอให้คุณตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลยว่า คุณจะเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตัวคุณและชีวิตของคุณ? คุณจะเป็นคนใหม่แบบไหน? .. ลงมือเขียนเลยค่ะ!
เยี่ยมมาก!!! .. ให้คุณอ่านสิ่งที่คุณเขียนออกมาดังๆ อย่างหนักแน่น เข้มแข็ง และจริงจัง! ต่อจากนั้นให้พูดดังๆหรือตะโกนเลยก็ได้ว่า .. “ ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้! .. ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้! .. ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้! .. Yes I Can! .. Yes I Can! .. Yes I Can!” .. ว้าว! สุดยอดเลยค่ะ!
ขอให้คุณรู้ว่า คุณมียักษ์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งรอรับใช้คุณอยู่ เพียงแต่คุณต้องปลุกมันขึ้นมาก่อนเท่านั้น และตอนนี้คุณก็ได้ปลุกยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ในตัวคุณขึ้นมาแล้ว .. ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ!
ถ้าคุณยังไม่สามารถ“ปลุกยักษ์”ได้ด้วยตัวเอง ดิฉันก็ขอให้คุณตัดสินใจที่จะไป”ปลุกยักษ์” กับดิฉันในเดือนมีนาคมนี้นะคะ .. แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณเอง!!!
การตัดสินใจ เป็นต้นกำเนิดของการกระทำ!
ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
อนาคตที่เต็มไปด้วยอดีต !?!
อนาคตที่เต็มไปด้วยอดีต !?!
ดิฉันมีคำถามที่อยากให้คุณพิจารณาว่า การที่คุณเป็นคนในแบบที่คุณเป็นตอนนี้ หรือสิ่งที่ส่งผลกระทบมาสู่ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของคุณในปัจจุบันนั้น มันมีผลมาจากอดีต หรือว่าอนาคต? คุณคิดว่าอย่างไรคะ?
คนส่วนใหญ่มักจะตอบว่า.. “มาจากอดีต!” เช่น การศึกษา การเลี้ยงดู ครอบครัว สังคม สภาพแวดล้อมฯลฯ คุณเห็นด้วยหรือเปล่าคะ? แล้วถ้าดิฉันจะขอให้ลองพิจารณาดูใหม่ว่า มันเป็นไปได้ไหมคะที่คำตอบคือ “มาจากอนาคต!?! ”
ลองพิจารณาตัวอย่างนี้ดูนะคะ .. ถ้าพรุ่งนี้คุณกำลังจะไปเที่ยวชายทะเลอันแสนสวยกับคนรู้ใจ 1 อาทิตย์เต็มๆ.. ว้าว! .. ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรคะ? .. อารมณ์ดีใช่ไหมคะ? ทำงานไปอาจจะยิ้มไป ใครมาพูดจาไม่เข้าหูก็ไม่โกรธ ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันพรุ่งนี้สักที! .. แต่ถ้าวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง..ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรคะ? .. อาจจะรู้สึกเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ? .. ถ้าคุณรู้สึกเช่นนั้น แสดงว่า “อนาคต มีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของคุณในปัจจุบัน!?!”
ความจริงแล้วการที่บางคนตอบว่าอดีตก็ไม่ผิดหรอกคะ เพราะเราเป็นคนเอาอดีตไปรออยู่ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว ลองดูซิคะว่า คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหม? ตัวอย่างเช่น คุณชวนแฟนของคุณไปเที่ยว แต่แฟนคุณไม่ไป วันหลังลองชวนใหม่เป็นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 แฟนคุณก็ยังไม่ไปอีก คราวหน้าเวลาที่คุณอยากจะไปเที่ยว คุณก็อาจจะไม่ชวนแล้ว เพราะคิดว่า เดี๋ยวเขาก็คงปฏิเสธเหมือนเดิม ใช่ไหมคะ? (คำว่า “เหมือนเดิม” ก็แปลว่า “เหมือนอดีตที่ผ่านมา”)
บางคนไปหาลูกค้ารายที่ 1 แล้วถูกปฏิเสธมา พอไปหารายที่ 2 ก็ถูกปฏิเสธอีก ไปหารายที่ 3 ก็ถูกปฏิเสธอีก คราวนี้พอจะไปหารายที่ 4 ทำให้ไม่อยากไปแล้ว เพราะคิดว่า เดี๋ยวก็คงถูกปฏิเสธมาเหมือนเดิมอีกแน่ๆเลย .. เอาล่ะคะ พิจารณาความคิดอันนี้ดูดีๆนะคะว่า “ฉันกำลังจะไปหาลูกค้ารายที่ 4 ในอนาคต แต่ฉันคิดว่า เดี๋ยวรายที่ 4 ก็คงจะปฏิเสธเหมือน 3 รายในอดีตที่ผ่านมา” .. เราจะเอาเสียงปฏิเสธของลูกค้าในอดีตไปรออยู่ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว
บางคนผิดหวังจากอดีต ทำให้ไม่กล้าตั้งเป้าหมายอีกต่อไป หรือ ตั้งเป้าเล็กลงเยอะ เพราะขาดความมั่นใจ .. บางคนไม่กล้าฝันด้วยซ้ำไปว่าจะรวยได้ เพราะเกิดมาพ่อแม่ก็ยากจน กว่าตัวเองจะทำงานแล้วเก็บเงินได้หลักแสนก็ยังยากเย็นแสนสาหัส แล้วจะเป็นเศรษฐีได้อย่างไร? .. บางคนเคยอกหักมาก่อน ทำให้ไม่กล้ารักใครเต็มร้อยอีก หรือปิดกั้นตัวเองไปเลย เพราะไม่อยากจะเจ็บปวดเหมือนในอดีต
เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเรามีชีวิตที่ยึดติดกับ”อดีต”มากแค่ไหน!?! มันได้สร้างข้อจำกัดและส่งผลกระทบมหาศาลเพียงใดในการดำเนินชีวิตของเรา? เราไม่สามารถจะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆได้ เพราะพื้นที่ในอนาคตของเรามันเต็มไปด้วยอดีตที่เราเอาไปใส่ไว้เองโดยที่เราไม่รู้ตัว
ลองคิดดูซิว่า ถ้าเราสามารถเอาอดีตออกจากพื้นที่ในอนาคต แล้วให้มันอยู่ในอดีตได้อย่างแท้จริง แล้วพื้นที่ในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไรคะ? มันก็จะว่างเปล่าจากอดีตใช่ไหมคะ? แล้วถ้าอนาคตของเรามันว่างเปล่า อะไรจะเกิดขึ้นได้บ้างคะในความว่างเปล่า? อะไรก็ได้ใช่ไหมคะ? .. ขอเน้นว่า “อะไรก็ได้!” Anything and Everything!
ดิฉันจะยกตัวอย่างเรื่อง “ความมหัศจรรย์ของความว่างเปล่า” ให้ฟัง .. นึกภาพกระดานไวท์บอร์ดออกไหมคะ? ถ้ากระดานนี้ถูกเขียนจนลายเลอะเทอะไปหมดแล้ว มันก็จะมีที่ว่างน้อยมากๆเลยให้เราเติมตัวอักษรลงไป แต่ถ้าดิฉันลบกระดานนี้ให้สะอาดเลย กระดานนี้ก็จะว่างเปล่า ดิฉันสามารถที่จะเขียน “อะไรก็ได้” ลงไปบนกระดานแผ่นนี้ .. กขค ก็ได้, ABC ก็ได้, วาดรูปก็ได้ฯ
คนที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้ เพราะพวกเขาไม่ยึดติดอยู่กับอดีต เขาไม่สนใจว่าอดีตจะเคยมีมาก่อนหรือไม่ เคยทำได้หรือไม่ได้ เขารู้แต่ว่าเขาอยากจะสร้างสรรค์อะไรลงไปในอนาคต .. “อนาคตที่ว่างเปล่าจากอดีตและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้!!!”
มันน่ามหัศจรรย์ไหมคะที่ “เครื่องบิน” ซึ่งทำจากเหล็กที่หนาและหนักหลายพันตันจะลอยอยู่บนฟ้าได้! หรือ “ยานอวกาศ” สามารถลอยออกไปนอกโลกและไปร่อนลงดวงจันทร์ได้! “อินเตอร์เน็ท” สามารถติดต่อกับคนได้ทั่วโลกภายในเสี้ยววินาที! .. และยังมีสิ่งที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปได้อีกมากมาย!
ครั้งแรกที่คนพวกนี้บอกเพื่อนของเขาถึงสิ่งที่เขาคิดจะประดิษฐ์ขึ้นมานั้น พวกเพื่อนๆของเขาคงหัวเราะเยาะและไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะในอดีตเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยมีมาก่อน เขาจึงคิดว่าสิ่งประดิษฐ์แบบนี้ เป็นไปไม่ได้!
ในงานสัมมนา“ปลุกยักษ์” ดิฉันจะให้ “คาถามหัศจรรย์” ซึ่งคุณสามารถจะใช้ทะลุทะลวงทะลายกำแพงที่ขวางกั้นหรือหยุดคุณ .. คาถามหัศจรรย์นี้คือคำว่า “มันเป็นไปได้” Anything is Possible! เวลาที่คุณเจอลูกค้าผู้มุ่งหวัง บางทีคุณอาจจะคิดว่า “เขาคงไม่สนใจที่จะซื้อสินค้าหรือมาทำธุรกิจกับเราหรอก” แล้วคุณก็จะผ่านคนนั้นไป ต่อไปนี้ให้เรียกคาถามาใช้บอกว่า “มันเป็นไปได้” แล้วให้เอ่ยปากขายหรือรีครูททันทีเลย โอเคไหมคะ? บางทีคุณอาจจะเคยไปขายหรือรีครูทไว้แล้ว แต่เขาบอกว่าขอคิดดูก่อน พอคุณกลับมา คุณก็จะไม่ติดตามแล้ว เพราะคิดว่าเขาคงไม่สนใจ ในกรณีนี้ก็ให้เรียกคาถามาใช้บอกว่า “มันเป็นไปได้” แล้วให้โทรติดตามผลทันทีเลย โอเคไหมคะ?
เรื่องของการทำเป้าซึ่งมีเส้นตายมากำหนดก็เหมือนกัน บางทีเวลาเหลือน้อยลง คุณอาจจะคิดว่า คงทำเป้าไม่ได้แล้ว ดิฉันขอให้คุณเรียกคาถา “มันเป็นไปได้” มาใช้ ให้คุณก็เดินหน้าต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา โอเคไหมคะ? แล้วคุณจะพบความมหัศจรรย์จากคาถานี้จริงๆนะคะ!
ANYTHING IS POSSIBLE!
ดิฉันมีคำถามที่อยากให้คุณพิจารณาว่า การที่คุณเป็นคนในแบบที่คุณเป็นตอนนี้ หรือสิ่งที่ส่งผลกระทบมาสู่ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของคุณในปัจจุบันนั้น มันมีผลมาจากอดีต หรือว่าอนาคต? คุณคิดว่าอย่างไรคะ?
คนส่วนใหญ่มักจะตอบว่า.. “มาจากอดีต!” เช่น การศึกษา การเลี้ยงดู ครอบครัว สังคม สภาพแวดล้อมฯลฯ คุณเห็นด้วยหรือเปล่าคะ? แล้วถ้าดิฉันจะขอให้ลองพิจารณาดูใหม่ว่า มันเป็นไปได้ไหมคะที่คำตอบคือ “มาจากอนาคต!?! ”
ลองพิจารณาตัวอย่างนี้ดูนะคะ .. ถ้าพรุ่งนี้คุณกำลังจะไปเที่ยวชายทะเลอันแสนสวยกับคนรู้ใจ 1 อาทิตย์เต็มๆ.. ว้าว! .. ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรคะ? .. อารมณ์ดีใช่ไหมคะ? ทำงานไปอาจจะยิ้มไป ใครมาพูดจาไม่เข้าหูก็ไม่โกรธ ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันพรุ่งนี้สักที! .. แต่ถ้าวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง..ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรคะ? .. อาจจะรู้สึกเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ? .. ถ้าคุณรู้สึกเช่นนั้น แสดงว่า “อนาคต มีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของคุณในปัจจุบัน!?!”
ความจริงแล้วการที่บางคนตอบว่าอดีตก็ไม่ผิดหรอกคะ เพราะเราเป็นคนเอาอดีตไปรออยู่ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว ลองดูซิคะว่า คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหม? ตัวอย่างเช่น คุณชวนแฟนของคุณไปเที่ยว แต่แฟนคุณไม่ไป วันหลังลองชวนใหม่เป็นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 แฟนคุณก็ยังไม่ไปอีก คราวหน้าเวลาที่คุณอยากจะไปเที่ยว คุณก็อาจจะไม่ชวนแล้ว เพราะคิดว่า เดี๋ยวเขาก็คงปฏิเสธเหมือนเดิม ใช่ไหมคะ? (คำว่า “เหมือนเดิม” ก็แปลว่า “เหมือนอดีตที่ผ่านมา”)
บางคนไปหาลูกค้ารายที่ 1 แล้วถูกปฏิเสธมา พอไปหารายที่ 2 ก็ถูกปฏิเสธอีก ไปหารายที่ 3 ก็ถูกปฏิเสธอีก คราวนี้พอจะไปหารายที่ 4 ทำให้ไม่อยากไปแล้ว เพราะคิดว่า เดี๋ยวก็คงถูกปฏิเสธมาเหมือนเดิมอีกแน่ๆเลย .. เอาล่ะคะ พิจารณาความคิดอันนี้ดูดีๆนะคะว่า “ฉันกำลังจะไปหาลูกค้ารายที่ 4 ในอนาคต แต่ฉันคิดว่า เดี๋ยวรายที่ 4 ก็คงจะปฏิเสธเหมือน 3 รายในอดีตที่ผ่านมา” .. เราจะเอาเสียงปฏิเสธของลูกค้าในอดีตไปรออยู่ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว
บางคนผิดหวังจากอดีต ทำให้ไม่กล้าตั้งเป้าหมายอีกต่อไป หรือ ตั้งเป้าเล็กลงเยอะ เพราะขาดความมั่นใจ .. บางคนไม่กล้าฝันด้วยซ้ำไปว่าจะรวยได้ เพราะเกิดมาพ่อแม่ก็ยากจน กว่าตัวเองจะทำงานแล้วเก็บเงินได้หลักแสนก็ยังยากเย็นแสนสาหัส แล้วจะเป็นเศรษฐีได้อย่างไร? .. บางคนเคยอกหักมาก่อน ทำให้ไม่กล้ารักใครเต็มร้อยอีก หรือปิดกั้นตัวเองไปเลย เพราะไม่อยากจะเจ็บปวดเหมือนในอดีต
เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเรามีชีวิตที่ยึดติดกับ”อดีต”มากแค่ไหน!?! มันได้สร้างข้อจำกัดและส่งผลกระทบมหาศาลเพียงใดในการดำเนินชีวิตของเรา? เราไม่สามารถจะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆได้ เพราะพื้นที่ในอนาคตของเรามันเต็มไปด้วยอดีตที่เราเอาไปใส่ไว้เองโดยที่เราไม่รู้ตัว
ลองคิดดูซิว่า ถ้าเราสามารถเอาอดีตออกจากพื้นที่ในอนาคต แล้วให้มันอยู่ในอดีตได้อย่างแท้จริง แล้วพื้นที่ในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไรคะ? มันก็จะว่างเปล่าจากอดีตใช่ไหมคะ? แล้วถ้าอนาคตของเรามันว่างเปล่า อะไรจะเกิดขึ้นได้บ้างคะในความว่างเปล่า? อะไรก็ได้ใช่ไหมคะ? .. ขอเน้นว่า “อะไรก็ได้!” Anything and Everything!
ดิฉันจะยกตัวอย่างเรื่อง “ความมหัศจรรย์ของความว่างเปล่า” ให้ฟัง .. นึกภาพกระดานไวท์บอร์ดออกไหมคะ? ถ้ากระดานนี้ถูกเขียนจนลายเลอะเทอะไปหมดแล้ว มันก็จะมีที่ว่างน้อยมากๆเลยให้เราเติมตัวอักษรลงไป แต่ถ้าดิฉันลบกระดานนี้ให้สะอาดเลย กระดานนี้ก็จะว่างเปล่า ดิฉันสามารถที่จะเขียน “อะไรก็ได้” ลงไปบนกระดานแผ่นนี้ .. กขค ก็ได้, ABC ก็ได้, วาดรูปก็ได้ฯ
คนที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้ เพราะพวกเขาไม่ยึดติดอยู่กับอดีต เขาไม่สนใจว่าอดีตจะเคยมีมาก่อนหรือไม่ เคยทำได้หรือไม่ได้ เขารู้แต่ว่าเขาอยากจะสร้างสรรค์อะไรลงไปในอนาคต .. “อนาคตที่ว่างเปล่าจากอดีตและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้!!!”
มันน่ามหัศจรรย์ไหมคะที่ “เครื่องบิน” ซึ่งทำจากเหล็กที่หนาและหนักหลายพันตันจะลอยอยู่บนฟ้าได้! หรือ “ยานอวกาศ” สามารถลอยออกไปนอกโลกและไปร่อนลงดวงจันทร์ได้! “อินเตอร์เน็ท” สามารถติดต่อกับคนได้ทั่วโลกภายในเสี้ยววินาที! .. และยังมีสิ่งที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปได้อีกมากมาย!
ครั้งแรกที่คนพวกนี้บอกเพื่อนของเขาถึงสิ่งที่เขาคิดจะประดิษฐ์ขึ้นมานั้น พวกเพื่อนๆของเขาคงหัวเราะเยาะและไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะในอดีตเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยมีมาก่อน เขาจึงคิดว่าสิ่งประดิษฐ์แบบนี้ เป็นไปไม่ได้!
ในงานสัมมนา“ปลุกยักษ์” ดิฉันจะให้ “คาถามหัศจรรย์” ซึ่งคุณสามารถจะใช้ทะลุทะลวงทะลายกำแพงที่ขวางกั้นหรือหยุดคุณ .. คาถามหัศจรรย์นี้คือคำว่า “มันเป็นไปได้” Anything is Possible! เวลาที่คุณเจอลูกค้าผู้มุ่งหวัง บางทีคุณอาจจะคิดว่า “เขาคงไม่สนใจที่จะซื้อสินค้าหรือมาทำธุรกิจกับเราหรอก” แล้วคุณก็จะผ่านคนนั้นไป ต่อไปนี้ให้เรียกคาถามาใช้บอกว่า “มันเป็นไปได้” แล้วให้เอ่ยปากขายหรือรีครูททันทีเลย โอเคไหมคะ? บางทีคุณอาจจะเคยไปขายหรือรีครูทไว้แล้ว แต่เขาบอกว่าขอคิดดูก่อน พอคุณกลับมา คุณก็จะไม่ติดตามแล้ว เพราะคิดว่าเขาคงไม่สนใจ ในกรณีนี้ก็ให้เรียกคาถามาใช้บอกว่า “มันเป็นไปได้” แล้วให้โทรติดตามผลทันทีเลย โอเคไหมคะ?
เรื่องของการทำเป้าซึ่งมีเส้นตายมากำหนดก็เหมือนกัน บางทีเวลาเหลือน้อยลง คุณอาจจะคิดว่า คงทำเป้าไม่ได้แล้ว ดิฉันขอให้คุณเรียกคาถา “มันเป็นไปได้” มาใช้ ให้คุณก็เดินหน้าต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา โอเคไหมคะ? แล้วคุณจะพบความมหัศจรรย์จากคาถานี้จริงๆนะคะ!
ANYTHING IS POSSIBLE!
ระวังความคิดของคุณให้ดี!!!
ระวังความคิดของคุณให้ดี!!!
ดิฉันอยากให้คุณลองทบทวนดูว่า เวลาที่คุณคุยกับใครบางคน หรือ ได้พบเหตุการณ์อะไรบางอย่าง คุณมีความคิดเกี่ยวกับคนหรือเหตุการณ์นั้นๆอย่างไรบ้าง? คุณเคยสังเกตตัวเองไหมคะ?
ถ้าคุณโทรศัพท์ไปหาลูกค้า แล้ว ลูกค้าไม่ได้รับสาย คุณคิดว่าอย่างไรคะ? .. “ลูกค้าไม่อยากรับสายเรา” “ลูกค้าหลบหน้าเราแน่ๆเลย” “ทำไมเขาไม่รับสายเรา เขาไม่ชอบเราหรือเปล่า?” “สงสัยลูกค้าติดธุระอยู่” .. คำตอบอาจมีมากมายหลายอย่างแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนใช่ไหมคะ?
ถ้าคุณไปขายของ แล้ว ลูกค้าเขายังไม่ซื้อ คุณคิดว่าอย่างไรคะ? .. “ทำไมเขาไม่ซื้อ(วะ)?” “ฉันนำเสนอไม่ดีหรือเปล่า?” “เขาไม่ชอบเรามั้ง?” “ฉันจะทำงานนี้ได้ไหมเนี่ย?” “ทำไมฉันขายไม่เก่งเหมือนคนอื่น?” “ดวงฉันไม่ดีเลยช่วงนี้” ฯลฯ .. โอ๊ย! มีสารพัดความคิดใช่ไหมะ?
มันเป็นการยากที่จะ “แยกแยะ” ระหว่าง 1.“สิ่งที่เกิดขึ้น” กับ 2.“สิ่งที่คุณคิดหรือตีความหรือปรุงแต่ง”!
เวลาที่เราเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม เราจะคิดหรือตีความแบบอัตโนมัติเลยโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำไป! เพราะว่า .. “มนุษย์เป็นเครื่องจักรของการตีความ!”
เอาล่ะคะ เราลองมาแยกแยะบางตัวอย่างดูนะคะ ..
1.สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โทรศัพท์ไปหาลูกค้า แล้วลูกค้าไม่ได้รับสาย
2. สิ่งที่เราคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง คือ ลูกค้าไม่อยากรับสายเรา ลูกค้าหลบหน้าเราแน่ๆเลยฯ
คุณรู้ไหมคะว่า สิ่งที่ “คุณคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง” มันจะเป็น “ความจริง” อย่างมากเลยในโลกของคุณ .. ทำไมดิฉันพูดอย่างนี้หรือคะ? ลองดูนะคะ .. ถ้าคุณเป็นคนคิดลบและคำตอบของคุณเหมือนตัวอย่างข้างต้นนี้ คุณก็จะห่อเหี่ยวหมดแรงใช่ไหมคะ? .. และถ้ามันไม่ใช่ความจริงสำหรับคุณ ทำไมคุณถึงห่อเหี่ยวล่ะคะ?!? .. คุณ “หลงเชื่อ” ความคิดของคุณว่ามันเป็นความจริง “โดยที่คุณไม่รู้ตัว” เพราะฉะนั้น “ระวังความคิดของคุณให้ดี!”
ถ้าอย่างนั้น “ลูกค้าไม่ได้รับสายแปลว่าอะไร?” .. ก็แปลว่า “ลูกค้าไม่ได้รับสายหน่ะซิคะ!”
ดิฉันได้คุยกับพี่ท่านหนึ่ง เขาทำงานขายประกันชีวิต เขาบ่นให้ดิฉันฟังว่า “ช่วงนี้ผมเครียดมาก เป็นอะไรไม่รู้ขายไม่ค่อยได้เลย ตัวเลขตก สงสัยว่า ผมคงไม่เก่ง โชคทำไมไม่เข้าข้างผมเลย มันเป็นช่วงชีวิตที่ดิ่งเหวจริงๆหรือนี่!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลมาก
ดิฉันก็บอกวิธีการแยกแยะข้างต้นให้เขาฟัง ..
1.สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ขายไม่ได้ ตัวเลขตก
2. สิ่งที่คิด/ตีความ/ปรุงแต่ง คือ ไม่เก่ง โชคไม่เข้าข้าง เป็นช่วงชีวิตที่ดิ่งเหว
พอเขาได้วิธีการแยกแยะที่ชัดเจนแบบนี้ เขาก็ถึงบางอ้อเลย! เขาบอกว่า เขาหลงปรุงแต่งเรื่องราวแย่ๆแบบนี้มาตั้งนาน อยากจะหา “ไวรัส” มาเขมือบไอ้ความคิดปรุงแต่งพวกนี้จริงๆ . . ดิฉันก็บอกเขาว่า พี่อยากได้ไวรัสหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นฟังคำตอบให้ดีๆนะคะ .. ไวรัสที่จะเขมือบความคิดปรุงแต่งพวกนี้ก็คือ “สติ”
เขาบอกว่า “เอ้อ! จริงๆด้วย ผมต้องมีสติ! ดูซิเรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ออก ผมนี่มันไม่เอาไหนเลย!” .. โอ๊ย! ดิฉันอยากจะบ้าตาย! พูดแค่นี้พี่เขายังตีความอีกว่า เขาไม่เอาไหนเลย.. เฮ้อ! .. มนุษย์นี่เป็นเครื่องจักรของการตีความจริงจริ๊ง!!!
ต่อจากนี้ไป เราต้องเริ่มฝึกที่จะมีสติ คอยจับความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของเราให้ทันท่วงที เวลาที่เราเศร้า หงุดหงิด กังวล โกรธฯ แสดงว่าเรากำลังปรุงแต่งตีความอะไรบางอย่างอยู่ ให้เรามี “สติ” แล้วเรียกเอา “ปัญญา” มาพิจารณา “แยกแยะ” ระหว่าง 1. สิ่งที่เกิดขึ้น กับ 2. สิ่งที่เราปรุงแต่งตีความ หลังจากนั้นให้เราอยู่กับ “สิ่งที่เกิดขึ้น” เท่านั้น .. สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งสิ้น
ถ้าคุณมีเงินเก็บ 200,000 บาท ก็คือคุณมีเงินเก็บ 200,000 บาท หรือคุณมีหนี้ 500,000 บาท ก็คือคุณมีหนี้ 500,000 บาท มันไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนจน คุณไม่มีความสามารถ คุณเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จฯลฯ
ในด้านของสายสัมพันธ์ก็ต้องระวังเรื่องการตีความเหมือนกัน เช่น พ่อกำลังตื่นเต้นลุ้นฟุตบอลนัดสำคัญอยู่หน้าจอ TV สักครู่ลูกชายเดินมาหาเพื่อชวนพ่อไปเล่นด้วย พ่อก็บอกว่า “รอพ่อดูฟุตบอลจบก่อนนะ” ลูกชายเดินคอตกออกไปจากห้องพร้อมกับความเสียใจว่า “พ่อเห็นฟุตบอลดีกว่าเรา พ่อไม่รักเราแล้ว ฯลฯ” เห็นไหมคะว่า พ่อพูดแค่นี้ แต่ลูกไปตีความว่าอะไรบ้าง
เวลาที่คุณทำงานร่วมกันเป็นทีมก็ต้องระวัง ถ้าคุณชวนทีมงานของคุณไปร่วมงานประชุมที่สำคัญมาก แต่เขาไปไม่ได้ เพราะมีนัดกับแม่ คุณก็อาจจะคิดว่า “ดูซิ งานสำคัญขนาดนี้ยังไม่ยอมไป แล้วจะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ได้อย่างไร ไม่สนใจงานของตัวเองเลยฯ” ถ้าคุณมีความคิดแบบนี้ วันหลังเวลามีงานประชุมอีก คุณอยากจะชวนเขาไหมคะ? ภาพพจน์ของเขาในสายตาของคุณเป็นอย่างไร?
ขอให้คุณฝึกการแยกแยะและอยู่กับ “สิ่งที่เกิดขึ้น” เท่านั้น พยายามจับตัวเองให้ทันหรือมีสติเตือนตัวเองให้ได้เวลาที่ “คุณคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง” และนี่คือ “สุดยอดเคล็ดวิชา” ที่จะทำให้คุณคลายจากความเครียด ความเศร้า และความทุกข์ทั้งหลาย
ดิฉันอยากให้คุณลองทบทวนดูว่า เวลาที่คุณคุยกับใครบางคน หรือ ได้พบเหตุการณ์อะไรบางอย่าง คุณมีความคิดเกี่ยวกับคนหรือเหตุการณ์นั้นๆอย่างไรบ้าง? คุณเคยสังเกตตัวเองไหมคะ?
ถ้าคุณโทรศัพท์ไปหาลูกค้า แล้ว ลูกค้าไม่ได้รับสาย คุณคิดว่าอย่างไรคะ? .. “ลูกค้าไม่อยากรับสายเรา” “ลูกค้าหลบหน้าเราแน่ๆเลย” “ทำไมเขาไม่รับสายเรา เขาไม่ชอบเราหรือเปล่า?” “สงสัยลูกค้าติดธุระอยู่” .. คำตอบอาจมีมากมายหลายอย่างแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนใช่ไหมคะ?
ถ้าคุณไปขายของ แล้ว ลูกค้าเขายังไม่ซื้อ คุณคิดว่าอย่างไรคะ? .. “ทำไมเขาไม่ซื้อ(วะ)?” “ฉันนำเสนอไม่ดีหรือเปล่า?” “เขาไม่ชอบเรามั้ง?” “ฉันจะทำงานนี้ได้ไหมเนี่ย?” “ทำไมฉันขายไม่เก่งเหมือนคนอื่น?” “ดวงฉันไม่ดีเลยช่วงนี้” ฯลฯ .. โอ๊ย! มีสารพัดความคิดใช่ไหมะ?
มันเป็นการยากที่จะ “แยกแยะ” ระหว่าง 1.“สิ่งที่เกิดขึ้น” กับ 2.“สิ่งที่คุณคิดหรือตีความหรือปรุงแต่ง”!
เวลาที่เราเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม เราจะคิดหรือตีความแบบอัตโนมัติเลยโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำไป! เพราะว่า .. “มนุษย์เป็นเครื่องจักรของการตีความ!”
เอาล่ะคะ เราลองมาแยกแยะบางตัวอย่างดูนะคะ ..
1.สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โทรศัพท์ไปหาลูกค้า แล้วลูกค้าไม่ได้รับสาย
2. สิ่งที่เราคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง คือ ลูกค้าไม่อยากรับสายเรา ลูกค้าหลบหน้าเราแน่ๆเลยฯ
คุณรู้ไหมคะว่า สิ่งที่ “คุณคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง” มันจะเป็น “ความจริง” อย่างมากเลยในโลกของคุณ .. ทำไมดิฉันพูดอย่างนี้หรือคะ? ลองดูนะคะ .. ถ้าคุณเป็นคนคิดลบและคำตอบของคุณเหมือนตัวอย่างข้างต้นนี้ คุณก็จะห่อเหี่ยวหมดแรงใช่ไหมคะ? .. และถ้ามันไม่ใช่ความจริงสำหรับคุณ ทำไมคุณถึงห่อเหี่ยวล่ะคะ?!? .. คุณ “หลงเชื่อ” ความคิดของคุณว่ามันเป็นความจริง “โดยที่คุณไม่รู้ตัว” เพราะฉะนั้น “ระวังความคิดของคุณให้ดี!”
ถ้าอย่างนั้น “ลูกค้าไม่ได้รับสายแปลว่าอะไร?” .. ก็แปลว่า “ลูกค้าไม่ได้รับสายหน่ะซิคะ!”
ดิฉันได้คุยกับพี่ท่านหนึ่ง เขาทำงานขายประกันชีวิต เขาบ่นให้ดิฉันฟังว่า “ช่วงนี้ผมเครียดมาก เป็นอะไรไม่รู้ขายไม่ค่อยได้เลย ตัวเลขตก สงสัยว่า ผมคงไม่เก่ง โชคทำไมไม่เข้าข้างผมเลย มันเป็นช่วงชีวิตที่ดิ่งเหวจริงๆหรือนี่!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลมาก
ดิฉันก็บอกวิธีการแยกแยะข้างต้นให้เขาฟัง ..
1.สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ขายไม่ได้ ตัวเลขตก
2. สิ่งที่คิด/ตีความ/ปรุงแต่ง คือ ไม่เก่ง โชคไม่เข้าข้าง เป็นช่วงชีวิตที่ดิ่งเหว
พอเขาได้วิธีการแยกแยะที่ชัดเจนแบบนี้ เขาก็ถึงบางอ้อเลย! เขาบอกว่า เขาหลงปรุงแต่งเรื่องราวแย่ๆแบบนี้มาตั้งนาน อยากจะหา “ไวรัส” มาเขมือบไอ้ความคิดปรุงแต่งพวกนี้จริงๆ . . ดิฉันก็บอกเขาว่า พี่อยากได้ไวรัสหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นฟังคำตอบให้ดีๆนะคะ .. ไวรัสที่จะเขมือบความคิดปรุงแต่งพวกนี้ก็คือ “สติ”
เขาบอกว่า “เอ้อ! จริงๆด้วย ผมต้องมีสติ! ดูซิเรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ออก ผมนี่มันไม่เอาไหนเลย!” .. โอ๊ย! ดิฉันอยากจะบ้าตาย! พูดแค่นี้พี่เขายังตีความอีกว่า เขาไม่เอาไหนเลย.. เฮ้อ! .. มนุษย์นี่เป็นเครื่องจักรของการตีความจริงจริ๊ง!!!
ต่อจากนี้ไป เราต้องเริ่มฝึกที่จะมีสติ คอยจับความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของเราให้ทันท่วงที เวลาที่เราเศร้า หงุดหงิด กังวล โกรธฯ แสดงว่าเรากำลังปรุงแต่งตีความอะไรบางอย่างอยู่ ให้เรามี “สติ” แล้วเรียกเอา “ปัญญา” มาพิจารณา “แยกแยะ” ระหว่าง 1. สิ่งที่เกิดขึ้น กับ 2. สิ่งที่เราปรุงแต่งตีความ หลังจากนั้นให้เราอยู่กับ “สิ่งที่เกิดขึ้น” เท่านั้น .. สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งสิ้น
ถ้าคุณมีเงินเก็บ 200,000 บาท ก็คือคุณมีเงินเก็บ 200,000 บาท หรือคุณมีหนี้ 500,000 บาท ก็คือคุณมีหนี้ 500,000 บาท มันไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนจน คุณไม่มีความสามารถ คุณเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จฯลฯ
ในด้านของสายสัมพันธ์ก็ต้องระวังเรื่องการตีความเหมือนกัน เช่น พ่อกำลังตื่นเต้นลุ้นฟุตบอลนัดสำคัญอยู่หน้าจอ TV สักครู่ลูกชายเดินมาหาเพื่อชวนพ่อไปเล่นด้วย พ่อก็บอกว่า “รอพ่อดูฟุตบอลจบก่อนนะ” ลูกชายเดินคอตกออกไปจากห้องพร้อมกับความเสียใจว่า “พ่อเห็นฟุตบอลดีกว่าเรา พ่อไม่รักเราแล้ว ฯลฯ” เห็นไหมคะว่า พ่อพูดแค่นี้ แต่ลูกไปตีความว่าอะไรบ้าง
เวลาที่คุณทำงานร่วมกันเป็นทีมก็ต้องระวัง ถ้าคุณชวนทีมงานของคุณไปร่วมงานประชุมที่สำคัญมาก แต่เขาไปไม่ได้ เพราะมีนัดกับแม่ คุณก็อาจจะคิดว่า “ดูซิ งานสำคัญขนาดนี้ยังไม่ยอมไป แล้วจะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ได้อย่างไร ไม่สนใจงานของตัวเองเลยฯ” ถ้าคุณมีความคิดแบบนี้ วันหลังเวลามีงานประชุมอีก คุณอยากจะชวนเขาไหมคะ? ภาพพจน์ของเขาในสายตาของคุณเป็นอย่างไร?
ขอให้คุณฝึกการแยกแยะและอยู่กับ “สิ่งที่เกิดขึ้น” เท่านั้น พยายามจับตัวเองให้ทันหรือมีสติเตือนตัวเองให้ได้เวลาที่ “คุณคิด/ตีความ/ปรุงแต่ง” และนี่คือ “สุดยอดเคล็ดวิชา” ที่จะทำให้คุณคลายจากความเครียด ความเศร้า และความทุกข์ทั้งหลาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)