ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
แก่นแท้ MLM
แก่นแท้ MLM
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของดีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นมืออาชีพในธุรกิจเครือข่าย ไม่ต้องคุยกันมากเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะเรื่องราวมากมายครับ คุณลักษณะ 9 ประการของนักการตลาดเครือข่าย ซึ่งคุณอาจจะได้ปฏิบัติมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำ และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเป็นตัวอย่างสำหรับการเอาอย่างของดาวน์ไลน์ คุณควรที่จะปฏิบัติได้ทั้งหมด
แก่นที่ 1 ใช้สินค้าทั้งหมด
คุณจะต้องใช้แต่สินค้าของบริษัทของคุณเท่านั้น และจะต้องไม่ซื้อสินค้าของคู่แข่งมาใช้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะการที่ไปซื้อสินค้าอื่นเป็นการไปเพิ่มยอดขายให้ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็ลดยอดขายของบริษัทของคุณ ดังนั้นการจะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องใช้สินค้าทั้งหมดของบริษัทเท่าที่คุณจะสามารถใช้ได้ และจะต้องรู้ถึงคุณสมบัติสินค้า รวมทั้งจะต้องมีความกระตือลือล้นในการที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพของคุณเอง
แก่นที่ 2 พัฒนากลุ่มผู้บริโภค
ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนได้ด้วยยอดขายจากการใช้สินค้าของผู้บริโภคสินค้าของคุณ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากผู้แทนจำหน่ายที่ซื้อสินค้าจากรหัสของตัวเอง แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สินค้าหรือบริการจากบริษัทของคุณ แต่ยังไม่ได้สร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง ณขณะนี้ ผู้บริโภคเหล่านี้แหละคือกลุ่มผู้บริโภคของคุณ มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณจะพัฒนาผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อธุรกิจที่จะรุ่งโรจน์ต่อไปของคุณ เพราะว่าคุณ
1.คุณกำลังให้การบริการกับผู้บริโภคที่ไม่ใช่ผู้แทนจำหน่าย แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องการสินค้าหรือบริการของคุณ
2.คุณจะได้รายได้จากการขายปลีก
3.พัฒนารายได้ที่มั่นคงจากผู้บริโภคปกติ
4.สร้างยอดขายส่วนตัว ซึ่งเป็นยอดขายที่อาจจะช่วยให้คุณได้รับโบนัส มันจะเป็นการดีที่คุณจะสร้างผู้บริโภคปลีกอย่าง น้อย 10 รายเมื่อคุณเริ่มธุรกิจของคุณ
แก่นที่ 3 เสนอแผนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
ธุรกิจเครือข่ายก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะต้องมีการปฏิบัติอย่างมีขั้นตอน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญคือการนำเสนออย่างสม่ำเสมอ คุณควรที่จะต้องนำเสนอประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มธุรกิจ (ประมาณ 7-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)และเมื่อธุรกิจโตขึ้นจนคุณตัดสินใจที่จะทำธุรกิจนี้เต็มเวลา คุณก็ควรเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นประมาณ 5-8 ครั้งต่อสัปดาห์ (ประมาณ 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)ทั้งหมดอาจจะไม่ใช่การนำเสนอกับผู้มุ่งหวังใหม่ส่วนตัวของคุณทั้งหมด อาจจะเป็นการนำเสนอให้กับผู้มุ่งหวังของดาวน์ไลน์เพื่อเป็นการสอนการนำเสนอ หรืออาจจะเป็นการทำงานในแนวลึกให้กับดาวน์ไลน์ของคุณคุณจะต้องทำการนำเสนออย่างสม่ำเสมอถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต อย่าเข้าใจผิดว่าธุรกิจของคุณจะโตจากการทำงานอย่างยุ่งเหยิง ด้วยการอ่าน,การเข้าสัมมนา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น ธุรกิจที่แท้จริงจะเกิดจากการนำเสนอแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพกับผู้มุ่งหวังอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเท่านั้น
แก่นที่ 4 การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญ
การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญจะเป็นเหมือนกาวที่จะเชื่อมและสร้างให้ธุรกิจคุณเติบโต,ให้การเทรนนิ่ง และทำให้คุณมุ่งมั่น ถ้ามันเป็นงานที่จัดในพื้นที่ที่ไม่ไกลนักใช้เวลาไม่มากในการเดินทางก็ควรที่จะเข้าร่วม เพราะมันจะเป็นงานที่รวมเอาระดับผู้นำที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีการที่ประสบความสำเร็จ คุณควรที่จะต้องจัดเวลาเผื่อไว้สำหรับงานเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าในตารางเวลาการทำงานของคุณ
แก่นที่ 5 ให้เวลากับการพัฒนาตัวเองทุกวัน
การที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตได้เร็วเท่าไรนั้นก็ขึ้นกับว่าตัวของคุณพัฒนาได้มากเท่านั้น คุณจะต้องพัฒนาทักษะทางธุรกิจ,การสปอนเซอร์,การเทรนนิ่ง,การบริหารเวลา,การสร้างองค์กร,การเป็นผู้นำที่ดี และทักษะการสื่อสาร เพื่อที่จะพัฒนาผู้อื่น คุณจะต้องพัฒนาตัวเองก่อน คุณจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการพัฒนาตัวเองทุกวัน ส่วนมากจะกำหนดเวลาในช่วงเช้าก่อนการเริ่มงาน คุณควรจะออกกำลังกาย,ฟังเทปหรืออ่านบางสิ่งบางอย่างที่จะกระตุ้นร่างกาย,จิตใจของคุณ ลงทุนในเทป,หนังสือ,วีดีโอ หรือซีดี เพื่อการพัฒนาตัวเอง เก็บมันติดตัวหรือติดรถ เพื่อที่จะได้ใช้ได้ทันทีที่คุณพอมีเวลาว่าง อย่าใช้เวลาช่วงท้ายของวันในการดูสรุปข่าวของวันนั้น ควรที่จะเติมสิ่งที่มีค่าเข้าตัวของคุณ อย่างน้อยอ่านหนังสือที่สร้างกำลังใจให้คุณสักย่อหน้าก่อนนอนก็ยังดี
แก่นที่ 6 ต้องเป็นคนที่ถูกสอนได้
ถ้าคุณต้องที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว คุณจะต้องถูกสอนได้ คุณจะพบว่าธุรกิจเครือข่ายมีบางอย่างที่แตกต่างจากธุรกิจแบบเดิม บางอย่างขายดีในช่องทางแบบเก่า แต่ไมประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย อัพไลน์ของคุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงาน, กลยุทธ์และเทคนิคต่างๆที่จะทำงานให้ธุรกิจเติบโต พวกเขาจะทำงานกับคุณ และสอนทุกอย่างให้คุณโดยไม่คิดเงินสักสตางค์ เรียนกับพวกเขาเถอะครับ ปรจารย์อย่างดีสำหรับคุณ
แก่นที่ 7 การปฏิบัติที่ซื่อสัตย์
ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เกิดจากความไว้วางใจ การที่จะได้มาและรักษาความไว้วางใจคุณจะต้องซื่อสัตย์ คุณจะต้องไม่โกหกผู้แทนจำหน่ายหรือลูกค้าของคุณ ความซื่อสัตย์ยังหมายรวมถึงเมื่อคุณสัญญาว่าจะทำอะไรกับใคร คุณก็จะต้องทำตาม และเมื่อคุณรับปากว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมใด คุณก็จะต้องไปให้ทันเวลา
ความซื่อสัตย์รวมถึงการที่คุณจะต้องไม่ไปสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของผู้อื่น หรือพยายามที่จะขโมยผู้แทนจำหน่ายจากสายงานอื่น
แก่นที่ 8 การสร้างองค์กร
ผู้แทนจำหน่ายที่ฉลาดเรียนรู้ว่าเขาควรที่จะต้องสร้างองค์กร เมื่อคุณรู้ถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของอัพไลน์ ทำให้อัพไลน์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อพวกเขาทำงานกับผู้มุ่งหวังหรือผู้แทนจำหน่ายของคุณ บางครั้งเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวของคุณยังไม่พร้อมที่จะยอมรับเรื่องต่างๆจากคุณโดยตรง
ในการที่จะสร้างองค์กรอย่างมีระบบ เพียงคุณพาผู้มุ่งหวังของคุณเข้ามาในสายงาน คุณจะได้รับการส่งเสริมให้สูงและน่าเชื่อถือ จนกว่าคุณจะประสบความสำเร็จและน่าเชื่อถือในเบื้องต้น และจะช่วยเหลือคุณจนกว่าคุณจะทำงานกับผู้แทนจำหน่ายใหม่ของคุณได้
แก่นที่ 9 ทำตามระบบ
ผู้นำทราบดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว และมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นคง จะต้องทำตามอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และตัวคุณก็จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ผู้อื่นเลียนแบบได้ด้วย อันนี้หมายความว่าทุกคนในองค์กรของคุณใช้เครื่องมือทางการตลาด, การเข้ารับการเทรนนิ่ง และใช้วิธีการนำเสนอแบบเดียวกัน วิธีการที่จะได้มาซึ่งคนใหม่เป็นวิธีเดียวกันกับพวกเขาที่จะได้มาซึ่งคนใหม่ของพวกเขาเช่นเดียวกันสายการสปอนเซอร์ของคุณได้เรียนรู้ว่าอะไรที่ดีและอะไรที่ไม่ดี พวกเขาสร้างระบบจากประสบการณ์ทำงาน การทำตามระบบและคุณจะได้รับสิ่งต่างๆจากสายการสปอนเซอร์ที่ช่วยคุณ หากคุณเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากระบบเดิม แล้วดาวน์ไลน์ของคุณยอมรับ หลังจากนั้นดาวน์ไลน์ชั้นแรกของคุณก็เปลี่ยนบางอย่างเล็กน้อย ชั้นต่อๆไปก็มีการเปลี่ยนไปเล็กๆน้อยๆเรื่อยไป ระบบก็จะถูกทำลาย สุดท้ายก็จะไม่มีความมั่นคงและไม่มีแบบอย่างในการทำงานที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จ
ไปสู่แก่นของธุรกิจ
แก่นทั้ง 9 อย่างเป็นสิ่งที่แยกผู้นำของธุรกิจเครือข่ายจากผู้อื่นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ การปฏิบัติตามทั้ง 9 ข้อไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณจะต้องทำถ้าคุณต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับผู้นำที่ทำได้ การไปสู่แก่นของธุรกิจคือการที่จะต้องทำตามทั้ง 9 ข้อให้ได้ แล้วคุณจะค้นพบว่าคนที่ทำตามอย่างสม่ำเสมอและครบถ้วน จะมีผลงานที่แตกต่างจากคนที่ไม่ได้ทำตามอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณสามารถทำตามและเกิดผลงานที่ดีแล้ว คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเป็นวัฒนธรรมภายในกลุ่มเพื่อให้เกิดการทำตามอย่างเป็นระบบภายในองค์กรของคุณเช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้คุณก็จะถูกเรียกว่าระดับผู้นำในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของดีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นมืออาชีพในธุรกิจเครือข่าย ไม่ต้องคุยกันมากเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะเรื่องราวมากมายครับ คุณลักษณะ 9 ประการของนักการตลาดเครือข่าย ซึ่งคุณอาจจะได้ปฏิบัติมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำ และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเป็นตัวอย่างสำหรับการเอาอย่างของดาวน์ไลน์ คุณควรที่จะปฏิบัติได้ทั้งหมด
แก่นที่ 1 ใช้สินค้าทั้งหมด
คุณจะต้องใช้แต่สินค้าของบริษัทของคุณเท่านั้น และจะต้องไม่ซื้อสินค้าของคู่แข่งมาใช้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะการที่ไปซื้อสินค้าอื่นเป็นการไปเพิ่มยอดขายให้ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็ลดยอดขายของบริษัทของคุณ ดังนั้นการจะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องใช้สินค้าทั้งหมดของบริษัทเท่าที่คุณจะสามารถใช้ได้ และจะต้องรู้ถึงคุณสมบัติสินค้า รวมทั้งจะต้องมีความกระตือลือล้นในการที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพของคุณเอง
แก่นที่ 2 พัฒนากลุ่มผู้บริโภค
ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนได้ด้วยยอดขายจากการใช้สินค้าของผู้บริโภคสินค้าของคุณ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากผู้แทนจำหน่ายที่ซื้อสินค้าจากรหัสของตัวเอง แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สินค้าหรือบริการจากบริษัทของคุณ แต่ยังไม่ได้สร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง ณขณะนี้ ผู้บริโภคเหล่านี้แหละคือกลุ่มผู้บริโภคของคุณ มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณจะพัฒนาผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อธุรกิจที่จะรุ่งโรจน์ต่อไปของคุณ เพราะว่าคุณ
1.คุณกำลังให้การบริการกับผู้บริโภคที่ไม่ใช่ผู้แทนจำหน่าย แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องการสินค้าหรือบริการของคุณ
2.คุณจะได้รายได้จากการขายปลีก
3.พัฒนารายได้ที่มั่นคงจากผู้บริโภคปกติ
4.สร้างยอดขายส่วนตัว ซึ่งเป็นยอดขายที่อาจจะช่วยให้คุณได้รับโบนัส มันจะเป็นการดีที่คุณจะสร้างผู้บริโภคปลีกอย่าง น้อย 10 รายเมื่อคุณเริ่มธุรกิจของคุณ
แก่นที่ 3 เสนอแผนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
ธุรกิจเครือข่ายก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะต้องมีการปฏิบัติอย่างมีขั้นตอน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญคือการนำเสนออย่างสม่ำเสมอ คุณควรที่จะต้องนำเสนอประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มธุรกิจ (ประมาณ 7-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)และเมื่อธุรกิจโตขึ้นจนคุณตัดสินใจที่จะทำธุรกิจนี้เต็มเวลา คุณก็ควรเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นประมาณ 5-8 ครั้งต่อสัปดาห์ (ประมาณ 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)ทั้งหมดอาจจะไม่ใช่การนำเสนอกับผู้มุ่งหวังใหม่ส่วนตัวของคุณทั้งหมด อาจจะเป็นการนำเสนอให้กับผู้มุ่งหวังของดาวน์ไลน์เพื่อเป็นการสอนการนำเสนอ หรืออาจจะเป็นการทำงานในแนวลึกให้กับดาวน์ไลน์ของคุณคุณจะต้องทำการนำเสนออย่างสม่ำเสมอถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต อย่าเข้าใจผิดว่าธุรกิจของคุณจะโตจากการทำงานอย่างยุ่งเหยิง ด้วยการอ่าน,การเข้าสัมมนา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น ธุรกิจที่แท้จริงจะเกิดจากการนำเสนอแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพกับผู้มุ่งหวังอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเท่านั้น
แก่นที่ 4 การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญ
การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญจะเป็นเหมือนกาวที่จะเชื่อมและสร้างให้ธุรกิจคุณเติบโต,ให้การเทรนนิ่ง และทำให้คุณมุ่งมั่น ถ้ามันเป็นงานที่จัดในพื้นที่ที่ไม่ไกลนักใช้เวลาไม่มากในการเดินทางก็ควรที่จะเข้าร่วม เพราะมันจะเป็นงานที่รวมเอาระดับผู้นำที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีการที่ประสบความสำเร็จ คุณควรที่จะต้องจัดเวลาเผื่อไว้สำหรับงานเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าในตารางเวลาการทำงานของคุณ
แก่นที่ 5 ให้เวลากับการพัฒนาตัวเองทุกวัน
การที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตได้เร็วเท่าไรนั้นก็ขึ้นกับว่าตัวของคุณพัฒนาได้มากเท่านั้น คุณจะต้องพัฒนาทักษะทางธุรกิจ,การสปอนเซอร์,การเทรนนิ่ง,การบริหารเวลา,การสร้างองค์กร,การเป็นผู้นำที่ดี และทักษะการสื่อสาร เพื่อที่จะพัฒนาผู้อื่น คุณจะต้องพัฒนาตัวเองก่อน คุณจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการพัฒนาตัวเองทุกวัน ส่วนมากจะกำหนดเวลาในช่วงเช้าก่อนการเริ่มงาน คุณควรจะออกกำลังกาย,ฟังเทปหรืออ่านบางสิ่งบางอย่างที่จะกระตุ้นร่างกาย,จิตใจของคุณ ลงทุนในเทป,หนังสือ,วีดีโอ หรือซีดี เพื่อการพัฒนาตัวเอง เก็บมันติดตัวหรือติดรถ เพื่อที่จะได้ใช้ได้ทันทีที่คุณพอมีเวลาว่าง อย่าใช้เวลาช่วงท้ายของวันในการดูสรุปข่าวของวันนั้น ควรที่จะเติมสิ่งที่มีค่าเข้าตัวของคุณ อย่างน้อยอ่านหนังสือที่สร้างกำลังใจให้คุณสักย่อหน้าก่อนนอนก็ยังดี
แก่นที่ 6 ต้องเป็นคนที่ถูกสอนได้
ถ้าคุณต้องที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว คุณจะต้องถูกสอนได้ คุณจะพบว่าธุรกิจเครือข่ายมีบางอย่างที่แตกต่างจากธุรกิจแบบเดิม บางอย่างขายดีในช่องทางแบบเก่า แต่ไมประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย อัพไลน์ของคุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงาน, กลยุทธ์และเทคนิคต่างๆที่จะทำงานให้ธุรกิจเติบโต พวกเขาจะทำงานกับคุณ และสอนทุกอย่างให้คุณโดยไม่คิดเงินสักสตางค์ เรียนกับพวกเขาเถอะครับ ปรจารย์อย่างดีสำหรับคุณ
แก่นที่ 7 การปฏิบัติที่ซื่อสัตย์
ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เกิดจากความไว้วางใจ การที่จะได้มาและรักษาความไว้วางใจคุณจะต้องซื่อสัตย์ คุณจะต้องไม่โกหกผู้แทนจำหน่ายหรือลูกค้าของคุณ ความซื่อสัตย์ยังหมายรวมถึงเมื่อคุณสัญญาว่าจะทำอะไรกับใคร คุณก็จะต้องทำตาม และเมื่อคุณรับปากว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมใด คุณก็จะต้องไปให้ทันเวลา
ความซื่อสัตย์รวมถึงการที่คุณจะต้องไม่ไปสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของผู้อื่น หรือพยายามที่จะขโมยผู้แทนจำหน่ายจากสายงานอื่น
แก่นที่ 8 การสร้างองค์กร
ผู้แทนจำหน่ายที่ฉลาดเรียนรู้ว่าเขาควรที่จะต้องสร้างองค์กร เมื่อคุณรู้ถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของอัพไลน์ ทำให้อัพไลน์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อพวกเขาทำงานกับผู้มุ่งหวังหรือผู้แทนจำหน่ายของคุณ บางครั้งเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวของคุณยังไม่พร้อมที่จะยอมรับเรื่องต่างๆจากคุณโดยตรง
ในการที่จะสร้างองค์กรอย่างมีระบบ เพียงคุณพาผู้มุ่งหวังของคุณเข้ามาในสายงาน คุณจะได้รับการส่งเสริมให้สูงและน่าเชื่อถือ จนกว่าคุณจะประสบความสำเร็จและน่าเชื่อถือในเบื้องต้น และจะช่วยเหลือคุณจนกว่าคุณจะทำงานกับผู้แทนจำหน่ายใหม่ของคุณได้
แก่นที่ 9 ทำตามระบบ
ผู้นำทราบดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว และมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นคง จะต้องทำตามอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และตัวคุณก็จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ผู้อื่นเลียนแบบได้ด้วย อันนี้หมายความว่าทุกคนในองค์กรของคุณใช้เครื่องมือทางการตลาด, การเข้ารับการเทรนนิ่ง และใช้วิธีการนำเสนอแบบเดียวกัน วิธีการที่จะได้มาซึ่งคนใหม่เป็นวิธีเดียวกันกับพวกเขาที่จะได้มาซึ่งคนใหม่ของพวกเขาเช่นเดียวกันสายการสปอนเซอร์ของคุณได้เรียนรู้ว่าอะไรที่ดีและอะไรที่ไม่ดี พวกเขาสร้างระบบจากประสบการณ์ทำงาน การทำตามระบบและคุณจะได้รับสิ่งต่างๆจากสายการสปอนเซอร์ที่ช่วยคุณ หากคุณเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากระบบเดิม แล้วดาวน์ไลน์ของคุณยอมรับ หลังจากนั้นดาวน์ไลน์ชั้นแรกของคุณก็เปลี่ยนบางอย่างเล็กน้อย ชั้นต่อๆไปก็มีการเปลี่ยนไปเล็กๆน้อยๆเรื่อยไป ระบบก็จะถูกทำลาย สุดท้ายก็จะไม่มีความมั่นคงและไม่มีแบบอย่างในการทำงานที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จ
ไปสู่แก่นของธุรกิจ
แก่นทั้ง 9 อย่างเป็นสิ่งที่แยกผู้นำของธุรกิจเครือข่ายจากผู้อื่นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ การปฏิบัติตามทั้ง 9 ข้อไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณจะต้องทำถ้าคุณต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับผู้นำที่ทำได้ การไปสู่แก่นของธุรกิจคือการที่จะต้องทำตามทั้ง 9 ข้อให้ได้ แล้วคุณจะค้นพบว่าคนที่ทำตามอย่างสม่ำเสมอและครบถ้วน จะมีผลงานที่แตกต่างจากคนที่ไม่ได้ทำตามอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณสามารถทำตามและเกิดผลงานที่ดีแล้ว คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเป็นวัฒนธรรมภายในกลุ่มเพื่อให้เกิดการทำตามอย่างเป็นระบบภายในองค์กรของคุณเช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้คุณก็จะถูกเรียกว่าระดับผู้นำในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
วาจาพาขายเก่ง (Sale Talk Techniques)
วาจาพาขายเก่ง (Sale Talk Techniques) การพูดสำคัญที่ “คำ” ที่เราพูดออกมา
ปัญหาที่เราพบในการพูดเพื่อขายคือ
1.“พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้” หรือ
2. “พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้มากขึ้น”
อย่างแรกนั้นเป็นการพูดของ Order Taker มิใช่นักขาย คือ คอยรับออเดอร์อย่างเดียว เช่น พนักงานเซเว่นฯ อย่างที่สองคือการพูดของ Sale เป็นการพูดเพื่อ Create Sale ให้เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันมาก
การพูดแบบนักขายนั้น ยึดหลัก 3 ประการ1.ลูกค้าถูกเสมอ (Customer is always right)
-เขาถูกเขาก็ถูก เขาผิดเขาก็ถูก
2.พูดถึงประโยชน์ของลูกค้า อย่าพูดประโยชน์ของตัวเราเอง (Use “you” approach , Do not use “I” approach )
-มาเพื่อเขา ไม่ใช่เรา
3.คนดูคน คนดึงคน (Man Attracks man)
-เป็นหลักการตลาด คนมีผลต่อคน เช่น การประท้วง 1000 คน เริ่มต้นอาจเริ่มต้นจากคน 200-300 คนเท่านั้น อีก 700 อาจจะเป็นแค่ผู้ที่สนใจ มาดูหรือเดินผ่านเท่านั้น
“ ลูกค้า คือ บุคคลสำคัญที่สุด ที่มาเยือนเราในสถานที่นี่
เขาไม่ได้มาพึ่งเรา เราต่างหากที่พึ่งเขา
เขาไม่ได้มาขัดจังหวะการทำงานของเรา
หากแต่การรับใช้เขา คือวัตถุประสงค์ของงานของเรา
เขามิใช่บุคคลภายนอก เขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเรา
การรับใช้เขา เรามิได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย
เขาต่างหากเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรา โดยให้โอกาสแก่เราที่จะรับใช้เขา “
โดย คานธี
กระบวนการขายทั้ง 6 ขั้นตอนล้วนต้องพูด
1.แสวงหาลูกค้า (Prospecting)
2.เตรียมตัวก่อนเข้าพบ (Pre - approach)
3.เข้าพบ (Approach)
4.สาธิต (Demonstration)
5.การตอบข้อโต้แย้ง (Handling objection)
6.สรุปการขาย (Closing the sale)
ปล. ทั้ง 6 ทำเพื่อ Prospect เป็น Customerเป็น Friend
ปล.2 ทั้ง 6 ขั้น แบ่งได้ 2 ขั้นคือ 1,2 ขั้นเตรียม (Planning) ยิ่งนานยิ่งดีเพื่อให้ชัวร์ และ 3-6 ขั้นลุย (Action) รวดเร็วที่สุด - “ ถ้าไม่ใช้หัวให้มาก ก็ใช้เท้าให้มากขึ้นหน่อย”
ปล.3 สำคัญที่ 3 ขั้นหลัง คือ
1.การแสดงการขาย - ลำดับขั้นตอนต้องดี คล่อง ไม่สับสน
2.การตอบข้อโต้แย้ง - ต้องทำให้ลูกค้าหายข้องใจ และพอใจ
3.การสรุปการขาย - ต้องทำให้ลูกค้าเซ็นใบสั่งซื้อให้ได้
W – Word choice เลือกใช้ถ้อยคำภาษาให้เหมาะสม
E – Eye contact ประสานสายตา
P – Pronunciation ออกเสียงให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจตรงกับที่เราสื่อ
T – Tone จังหวะ
A – Attention สนใจผู้ฟัง ต้องสังเกต ผู้ฟัง หน้าตาหรือท่าทาง
สูตรการพูด จูงใจในการขาย AIDA
A – Attention ความเอาใจใส่ผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
I – Interest เพิ่มความสนใจให้มากขึ้น (การกระตุ้น เช่น .ใช่....แต่ “Yes…..But”)
D – Desire เพิ่มหรือก่อให้เกิดความปารถนาอยากได้
A – Action เร่งให้กระทำ ปิดการขาย
หลักบันได 5 ขั้นของ มอนโร
Attention – ดึงความสนใจผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
Need – ทำให้เกิดความต้องการ
Satisfaction – ก่อให้เกิดความพอใจ
Visualization – ทำให้เห็นภาพ (คล้อยตาม)
Action – เร่งให้กระทำ (ปิดการขาย)
เทคนิคการตอบข้อโต้แย้ง
I.วิธี “ใช่........แต่” หรือ “Yes…..but” การแย้งกลับแบบถนอมน้ำใจ
II.วิธี “บูมเมอแรง” หรือ “ศอกกลับ” เอาข้อโต้แย้งของเขามาเป็นโอกาสของเรา (อาศัยข้อคิดว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน)
III.วิธี “ยอมรับและชดเชย” หาประโยชน์อื่นมาทดแทน โดยยอมรับข้อเสียของเรา
IV.วิธี “ยกข้อโต้แย้งมากล่าวแต่เนิ่นๆ” (เสนอข้อโต้แย้งของเรา(ข้อเสีย)มากล่าวก่อน)
“กั้นเฝือกแล้วเอาสุ่มไล่ครอบ” คือหาทางหนีของลูกค้าไว้ก่อน กันไว้แล้วไล่บี้
V.วิธี “เลื่อนการตอบ” ถ้าตอบไม่ได้จริงๆเลื่อนการตอบไปก่อน หาข้อมูลมาตอบวันหลัง
เทคนิคการสรุปการขาย1.ทดลองสรุป – ค่อยๆแหย่ไปเรื่อยๆ
2.สะสมคำตอบรับ – สร้างคำตอบรับ(ยอมรับ) อย่าสร้างคำปฏิเสธ
3.ด้วยใบสั่ง – ได้แล้วกลับรวดเร็ว
4.ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง – อย่าให้เลือกใช่หรือไม่
5.ให้ทดลองใช้แล้วขายเลย
6.ขอมัดจำ หรือขอเก็บเงิน
7.S.R.O (Standing Room Only) – “ของดีมีน้อย”
คำแนะนำแบบ ลบ กลาง บวก ( จิตวิทยาง่ายๆ “คนส่วนใหญ่ชอบคล้อยตาม”)
ลบ – ลูกค้าปฏิเสธแน่ๆ (Negative Suggestion)
กลาง – ลูกค้าจะคิดก่อน (Neutral Suggestion)
บวก – ลูกค้าจะสนใจทันที (Positive Suggestion)
เทคนิคคือ พยายามพูดโดยชักนำให้ลูกค้าไปกับเรา “มัดมือชก”
ปัญหาที่เราพบในการพูดเพื่อขายคือ
1.“พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้” หรือ
2. “พูดอย่างไรเพื่อให้ขายได้มากขึ้น”
อย่างแรกนั้นเป็นการพูดของ Order Taker มิใช่นักขาย คือ คอยรับออเดอร์อย่างเดียว เช่น พนักงานเซเว่นฯ อย่างที่สองคือการพูดของ Sale เป็นการพูดเพื่อ Create Sale ให้เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันมาก
การพูดแบบนักขายนั้น ยึดหลัก 3 ประการ1.ลูกค้าถูกเสมอ (Customer is always right)
-เขาถูกเขาก็ถูก เขาผิดเขาก็ถูก
2.พูดถึงประโยชน์ของลูกค้า อย่าพูดประโยชน์ของตัวเราเอง (Use “you” approach , Do not use “I” approach )
-มาเพื่อเขา ไม่ใช่เรา
3.คนดูคน คนดึงคน (Man Attracks man)
-เป็นหลักการตลาด คนมีผลต่อคน เช่น การประท้วง 1000 คน เริ่มต้นอาจเริ่มต้นจากคน 200-300 คนเท่านั้น อีก 700 อาจจะเป็นแค่ผู้ที่สนใจ มาดูหรือเดินผ่านเท่านั้น
“ ลูกค้า คือ บุคคลสำคัญที่สุด ที่มาเยือนเราในสถานที่นี่
เขาไม่ได้มาพึ่งเรา เราต่างหากที่พึ่งเขา
เขาไม่ได้มาขัดจังหวะการทำงานของเรา
หากแต่การรับใช้เขา คือวัตถุประสงค์ของงานของเรา
เขามิใช่บุคคลภายนอก เขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเรา
การรับใช้เขา เรามิได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย
เขาต่างหากเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรา โดยให้โอกาสแก่เราที่จะรับใช้เขา “
โดย คานธี
กระบวนการขายทั้ง 6 ขั้นตอนล้วนต้องพูด
1.แสวงหาลูกค้า (Prospecting)
2.เตรียมตัวก่อนเข้าพบ (Pre - approach)
3.เข้าพบ (Approach)
4.สาธิต (Demonstration)
5.การตอบข้อโต้แย้ง (Handling objection)
6.สรุปการขาย (Closing the sale)
ปล. ทั้ง 6 ทำเพื่อ Prospect เป็น Customerเป็น Friend
ปล.2 ทั้ง 6 ขั้น แบ่งได้ 2 ขั้นคือ 1,2 ขั้นเตรียม (Planning) ยิ่งนานยิ่งดีเพื่อให้ชัวร์ และ 3-6 ขั้นลุย (Action) รวดเร็วที่สุด - “ ถ้าไม่ใช้หัวให้มาก ก็ใช้เท้าให้มากขึ้นหน่อย”
ปล.3 สำคัญที่ 3 ขั้นหลัง คือ
1.การแสดงการขาย - ลำดับขั้นตอนต้องดี คล่อง ไม่สับสน
2.การตอบข้อโต้แย้ง - ต้องทำให้ลูกค้าหายข้องใจ และพอใจ
3.การสรุปการขาย - ต้องทำให้ลูกค้าเซ็นใบสั่งซื้อให้ได้
W – Word choice เลือกใช้ถ้อยคำภาษาให้เหมาะสม
E – Eye contact ประสานสายตา
P – Pronunciation ออกเสียงให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจตรงกับที่เราสื่อ
T – Tone จังหวะ
A – Attention สนใจผู้ฟัง ต้องสังเกต ผู้ฟัง หน้าตาหรือท่าทาง
สูตรการพูด จูงใจในการขาย AIDA
A – Attention ความเอาใจใส่ผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
I – Interest เพิ่มความสนใจให้มากขึ้น (การกระตุ้น เช่น .ใช่....แต่ “Yes…..But”)
D – Desire เพิ่มหรือก่อให้เกิดความปารถนาอยากได้
A – Action เร่งให้กระทำ ปิดการขาย
หลักบันได 5 ขั้นของ มอนโร
Attention – ดึงความสนใจผู้ฟัง ตั้งแต่เริ่มต้น
Need – ทำให้เกิดความต้องการ
Satisfaction – ก่อให้เกิดความพอใจ
Visualization – ทำให้เห็นภาพ (คล้อยตาม)
Action – เร่งให้กระทำ (ปิดการขาย)
เทคนิคการตอบข้อโต้แย้ง
I.วิธี “ใช่........แต่” หรือ “Yes…..but” การแย้งกลับแบบถนอมน้ำใจ
II.วิธี “บูมเมอแรง” หรือ “ศอกกลับ” เอาข้อโต้แย้งของเขามาเป็นโอกาสของเรา (อาศัยข้อคิดว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน)
III.วิธี “ยอมรับและชดเชย” หาประโยชน์อื่นมาทดแทน โดยยอมรับข้อเสียของเรา
IV.วิธี “ยกข้อโต้แย้งมากล่าวแต่เนิ่นๆ” (เสนอข้อโต้แย้งของเรา(ข้อเสีย)มากล่าวก่อน)
“กั้นเฝือกแล้วเอาสุ่มไล่ครอบ” คือหาทางหนีของลูกค้าไว้ก่อน กันไว้แล้วไล่บี้
V.วิธี “เลื่อนการตอบ” ถ้าตอบไม่ได้จริงๆเลื่อนการตอบไปก่อน หาข้อมูลมาตอบวันหลัง
เทคนิคการสรุปการขาย1.ทดลองสรุป – ค่อยๆแหย่ไปเรื่อยๆ
2.สะสมคำตอบรับ – สร้างคำตอบรับ(ยอมรับ) อย่าสร้างคำปฏิเสธ
3.ด้วยใบสั่ง – ได้แล้วกลับรวดเร็ว
4.ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง – อย่าให้เลือกใช่หรือไม่
5.ให้ทดลองใช้แล้วขายเลย
6.ขอมัดจำ หรือขอเก็บเงิน
7.S.R.O (Standing Room Only) – “ของดีมีน้อย”
คำแนะนำแบบ ลบ กลาง บวก ( จิตวิทยาง่ายๆ “คนส่วนใหญ่ชอบคล้อยตาม”)
ลบ – ลูกค้าปฏิเสธแน่ๆ (Negative Suggestion)
กลาง – ลูกค้าจะคิดก่อน (Neutral Suggestion)
บวก – ลูกค้าจะสนใจทันที (Positive Suggestion)
เทคนิคคือ พยายามพูดโดยชักนำให้ลูกค้าไปกับเรา “มัดมือชก”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)