อย่าตกหลุมพราง!
คุณมีความฝันอะไรคะ? คุณอยากทำอะไร? คุณอยากมีอะไร? คุณอยากเป็นอะไร? แล้วตอนนี้คุณกำลังเดินหน้าทำความฝันของคุณให้เป็นความจริงอยู่หรือเปล่าคะ? คุณตั้งเป้าหมายที่จะทำอะไรให้สำเร็จ? มันมีกำหนดเส้นตาย(deadline)เมื่อไร? และคุณใช้วิธีการอะไรอยู่?
ก่อนอื่นดิฉันจะอธิบายและ”แยกแยะ”ให้คุณเห็นอย่างชัดเจนก่อน ระหว่าง 1.ความฝัน 2.เป้าหมาย และ 3.วิธีการ ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งอ้วนมากเลย “ความฝัน” ของเธอก็คือการมีหุ่นผอมเพรียวลม สวยเซ็กซี่! เธอ ”ตั้งเป้าหมาย” ไว้เลยว่า เธอจะต้องลดน้ำหนัก 10 กิโลให้ได้ภายใน 5 เดือน แล้ว “วิธีการ” ที่เธอเลือกก็คือ การวิ่งรอบหมู่บ้านตอนเย็นวันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน แต่ปรากฏว่า เหมือนสวรรค์แกล้ง! เธอวิ่งไปได้ 2 อาทิตย์ ฝนก็ตกลงมาทุกวัน ทำให้เธอวิ่งไม่ได้! ฮือ!..ฮือ!.. เธอบอกว่าเธอคงจะลดน้ำหนักไม่ได้แล้วหล่ะ! .. คุณเห็นด้วยกับเธอหรือเปล่าคะว่าเธอคงทำไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะฝนมันตกทุกวันเลยนี่นา จะวิ่งได้อย่างไร?
ถ้าคุณคิดแบบเดียวกับเธอ คุณก็ “ตกหลุมพราง” แล้วล่ะค่ะ! มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกหลุมพรางเช่นนี้! ลองคิดดูซิคะ มันยังมีอีกมากมายหลากหลาย “วิธีการ” ที่เธอสามารถลดความอ้วนได้ .. เข้าฟิตเนสไปวิ่งสายพานได้ไหมคะ? เต้นแอโรบิคได้ไหมคะ? ตีแบตได้ไหมคะ? ว่ายน้ำในร่มได้ไหมคะ? ยังมีอีกสารพัดวิธีใช่ไหมคะ?
ถ้าให้คนๆหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ เขาสามารถเดินทางด้วยวิธีไหนได้บ้างคะ? เดินเท้าได้ไหม? วิ่งไปได้ไหม? ขี่จักรยานหล่ะ? ขี่มอร์เตอร์ไซด์? ขับรถยนต์? พายเรือ? ขึ้นเครื่องบิน? คำตอบก็คือได้ทุกวิธีนั่นแหละค่ะ! .. ถ้าเขารู้ว่ามันมี “วิธีการ” มากมายที่สามารถทำให้เขาไปถึงเชียงใหม่ได้ เขาก็สามารถที่จะ”เลือก” เดินทางด้วยวิธีไหนก็ได้จริงไหมคะ?
คราวนี้เราลองมาดูวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกันนะคะ เวลาที่คนๆหนึ่งมี”ความฝัน”ว่าอยากจะมีเงินเยอะๆ ต้องถามเขาต่อว่า ถ้าเขามีเงินเยอะๆแล้วเขาจะเอาเงินไปทำอะไร? บางคนอาจจะตอบว่า ซื้อบ้านใหม่ให้ครอบครัว บางคนก็อยากมีรถ บางคนก็อยากไปเที่ยวต่างประเทศฯ (“เงิน”เป็นแค่ตัวแปรที่จะทำให้เรามีในสิ่งที่เราอยากมีเท่านั้น) ซึ่งแต่ละคนก็ “เลือก” อาชีพแตกต่างกันไป
สมมติว่า มีบางคน”เลือก”ที่จะทำ MLM พอกระโดดเข้าไปทำ MLM ก็”ตั้งเป้า”เลยว่า ฉันจะต้องเป็น”ตำแหน่ง”นี้ๆ ให้ได้ภายในกี่ปี แล้วก็เดินหน้าทำงานอย่างจริงจัง ปรากฏว่าทำไปตั้งหลายปีแล้วก็ยังไม่สำเร็จสักที แต่ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ไม่เคยมองทางเลือกอื่นๆเลย!
นี่เป็น “หลุมพราง” ที่ใหญ่โตมหึมามากๆเลยค่ะ! คนเราส่วนใหญ่มักจะ”ตกหลุมพราง”ในเรื่องของ “วิธีการ” ที่จะทำให้เราได้รับในสิ่งที่เราปรารถนา! ฟังให้ดีๆนะคะ.. “ความฝัน”ของเขาก็คือ การมีบ้านใหม่ให้ครอบครัว การมีรถใหม่ ฯ “เป้าหมาย”ก็คือจะมีบ้านและรถใหม่ภายในกี่ปี แล้วการที่ไปทำ MLM ก็เป็น “วิธีการ” ที่เขาคิดว่าจะหาเงินมาทำให้ความฝันของเขาเป็นความจริงได้ แต่พอเข้าไปทำ MLM ก็ไป”ตั้งเป้าหมาย”ว่าจะเป็น”ตำแหน่ง”อย่างนั้นๆ อันนี้แหละ “หลุมพรางขนาดใหญ่”! .. “ตำแหน่ง” ที่ตั้งเป้าอยากจะเป็นนั้น มันก็เป็นแค่ ”เป้าหมายย่อย” ที่อยู่ใน ”วิธีการ” ที่เราเลือกเท่านั้น! ถ้ามี”ตำแหน่ง”ที่ตั้งเป้าแล้ว แต่ว่าไม่มี”เงิน” ตำแหน่งเหล่านั้นยังสำคัญอยู่หรือไม่คะ? มันไม่ใช่ “ตำแหน่ง” ที่จะทำให้ฝันเราเป็นจริง แต่ “เงิน” ต่างหากที่จะเปลี่ยนความฝันของเราให้เป็นจริงได้! “อย่าตกหลุมพราง”นะคะ!
ความจริงเรามี “วิธีการ” มากมายที่จะทำให้เรามี “เงิน” และทำ ”ความฝัน” ให้เป็นความจริงได้! เราทำธุรกิจส่วนตัวที่เราชอบก็ได้ ทำประกันบริษัทไหนก็ได้ ทำMLMบริษัทไหนก็ได้ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ เราทำอะไรก็ได้จริงไหมคะ? เพียงแต่เราต้องพิจารณาว่า”วิธีการไหน” หรือ “ทางเลือกไหน” เหมาะสำหรับเรา แต่ถ้าเรา “ไม่เห็นทางเลือก” เราก็จะติดอยู่กับ “ข้อจำกัด” ในการใช้ชีวิตของเราเอง!
ถ้าคุณทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ ขอให้คุณสำรวจอย่างตรงไปตรงมา พิจารณาตามข้อเท็จจริงที่มี สิ่งสำคัญอย่างแรกที่คุณต้องสำรวจคือ “ตัวคุณเอง”! ดูว่าคุณได้ทำอย่างเต็มที่สุดกำลังหรือยัง? ถ้าคุณยังทำไม่เต็มที่ นั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องไปโทษสิ่งอื่น! แต่ถ้าคุณทำเต็มที่แล้ว ก็ให้ดูปัจจัยต่างๆเหล่านี้อย่างละเอียด งานที่คุณเลือกนั้น คุณเลือกได้ดีพอหรือยัง? บริษัทที่คุณเลือกเป็นอย่างไร? ตลาดและโอกาสยังเปิดกว้างอยู่ไหม? สินค้าของคุณเป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมในวงกว้างหรือเปล่า? ราคาสูงไปทำให้กลุ่มลูกค้ามีจำกัดหรือเปล่า? ระบบสนับสนุนดีหรือไม่? การได้ผลตอบแทน”คุ้มค่า”กับ”กำลังและเวลาที่ทุ่มเท”ไปหรือเปล่า? ข้อดีข้อด้อยเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นแล้วเป็นอย่างไร? คุณมีความสุขและสนุกกับงานที่คุณทำหรือเปล่า?
ลอง”เปิดโอกาส”ให้ตัวเองได้พิจารณา”ทางเลือกอื่นๆ”ด้วย อย่าปิดกั้นทางเลือกใหม่ๆ เมื่อคุณพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว คุณค่อยทำการ”เลือก”อีกครั้ง มันอาจจะเป็นคำตอบเดิม หรือทางเลือกเดิมก็ได้ ซึ่งคุณก็จะมีพลังในการเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าทางเลือกเดิมมันไม่เวิร์ค คุณก็แค่เปลี่ยนมันใหม่เท่านั้น! ให้คุณ”มีอิสระ”และ”มีพลัง”ในการเลือกของคุณ!
ดิฉันมักจะให้กำลังใจให้คน ”ยืนหยัด” ที่จะทำ ”ความฝัน” ของเขาให้เป็นความจริงด้วยประโยคที่ว่า “ผู้ชนะไม่เคยล้มเลิก ผู้ที่ล้มเลิกไปก่อนไม่เคยชนะ!” แต่ขอให้ ”แยกแยะ” ว่า เราจะ “ไม่ล้มเลิก” กับ “ความฝัน” ของเรา แต่เราจะ ”ยืดหยุ่น” และ “ปรับเปลี่ยนวิธีการ” จนกว่ามันจะสำเร็จ! โอเคไหมคะ?
คุณผู้อ่านที่รักคะ .. ฝันในสิ่งที่คุณอยากจะฝัน .. ไปในที่ที่คุณอยากจะไป .. เป็นคนที่คุณอยากจะเป็น .. เพราะว่า .. คุณมีแค่เพียงชีวิตเดียว ที่จะทำในสิ่งที่คุณอยากทำ!
ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
กินยาก่อนอาหารและหลังอาหาร? กินยังไงให้ถูกวิธี
กินยาก่อนอาหารและหลังอาหาร? กินยังไงให้ถูกวิธี
1.ยาก่อนอาหาร : ให้รับประทานยาก่อนอาหาร (รวมทั้งนม ขนม ฯลฯ) ประมาณ 30-60 นาที
2.ยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที : ให้รับประทานอาหารครึ่งหนึ่งแล้วรับประทานยา แล้วรับประทานอาหารต่อจนอิ่ม หรือหลังจากรับประทานอาหารคำสุดท้าย แล้วตามด้วยการรับประทานยาทันที
3.ยาหลังอาหาร : ให้รับประทานยาหลังอาหาร ประมาณ 15-30 นาที
4.ยาระหว่างมื้ออาหาร : ให้รับประทานยาก่อนหรือหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง โดยถ้าเลือกรับประทานเป็นยาก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) แล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องรับประทานก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) ทุกครั้งของการรักษาคราวนั้นๆ
5.ยาก่อนนอน : รับประทานยาก่อนเข้านอน ประมาณ 15-30 นาที
6.ยาตามอาการต่างๆ : เช่น รับประทานยา ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมงเวลาปวด หมายความว่า รับประทานครั้งละ 2 เม็ดเมื่อมีอาการปวด ถ้าต่อมามีอาการปวดอีก แต่ยังไม่ถึง 4-6 ชั่วโมง ก็ยังไม่ควรรับประทานยานั้นซ้ำอีก เพราะอาจเกิดพิษเนื่องจากรับประทานยาเกินขนาดได้ ต้องรอให้ครบอย่างน้อย 4 ชั่วโมง จึงจะรับประทานยาครั้งต่อไป
หมายเหตุ : การลืมรับประทานยาครั้งหนึ่ง ให้รีบรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าใกล้ถึงเวลามื้อต่อไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไปเสีย อย่าเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า ในมื้อต่อไปเป็นเด็ดขาด
และเพื่อให้อาการป่วยนั้นหายแบบฉับพลัน คุณควรรับประทานยาตามกำหนดเวลาที่แพทย์หรือเภสัชกรณ์สั่งอย่างเคร่งครัด...
1.ยาก่อนอาหาร : ให้รับประทานยาก่อนอาหาร (รวมทั้งนม ขนม ฯลฯ) ประมาณ 30-60 นาที
2.ยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที : ให้รับประทานอาหารครึ่งหนึ่งแล้วรับประทานยา แล้วรับประทานอาหารต่อจนอิ่ม หรือหลังจากรับประทานอาหารคำสุดท้าย แล้วตามด้วยการรับประทานยาทันที
3.ยาหลังอาหาร : ให้รับประทานยาหลังอาหาร ประมาณ 15-30 นาที
4.ยาระหว่างมื้ออาหาร : ให้รับประทานยาก่อนหรือหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง โดยถ้าเลือกรับประทานเป็นยาก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) แล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องรับประทานก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) ทุกครั้งของการรักษาคราวนั้นๆ
5.ยาก่อนนอน : รับประทานยาก่อนเข้านอน ประมาณ 15-30 นาที
6.ยาตามอาการต่างๆ : เช่น รับประทานยา ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมงเวลาปวด หมายความว่า รับประทานครั้งละ 2 เม็ดเมื่อมีอาการปวด ถ้าต่อมามีอาการปวดอีก แต่ยังไม่ถึง 4-6 ชั่วโมง ก็ยังไม่ควรรับประทานยานั้นซ้ำอีก เพราะอาจเกิดพิษเนื่องจากรับประทานยาเกินขนาดได้ ต้องรอให้ครบอย่างน้อย 4 ชั่วโมง จึงจะรับประทานยาครั้งต่อไป
หมายเหตุ : การลืมรับประทานยาครั้งหนึ่ง ให้รีบรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าใกล้ถึงเวลามื้อต่อไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไปเสีย อย่าเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า ในมื้อต่อไปเป็นเด็ดขาด
และเพื่อให้อาการป่วยนั้นหายแบบฉับพลัน คุณควรรับประทานยาตามกำหนดเวลาที่แพทย์หรือเภสัชกรณ์สั่งอย่างเคร่งครัด...
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ข้อคิดดี ๆสำหรับเพื่อน ๆ อยากให้อ่านแล้วบอกต่อ ๆกันด้วยนะครับ เพราะอะไร...
วัยเยาว์
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉัน เพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉัน โตขึ้น ฉันจะเก็บเงิน
วัยรุ่น
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยัง เรียน หนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ
ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉัน หาเงินได้ เอง ฉันจึงจะเก็บ
วัย 20
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่ง เรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด
ถึงตอนนั้นเมื่อฉัน พร้อม ฉันก็จะเก็บ
วัย 30
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ฉันเพิ่ง มีครอบครัว และต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้ มากกว่านี้ และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ
วัย 40
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีกฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายสูง จริงๆ
และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีก สักระยะ เมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ
วัย 50
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ ลูกๆ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วย ญาติ บางคน
ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลัง ต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ ฉันคงจะเก็บเงินได้
วัย 60
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่า สถานการณ์ น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้า ภาระฉันหมด เมื่อไร
ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้
วัย 70
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉัน แก่เกินไป ที่จะเก็บ
เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้
ตอนนี้
มันสายเกินไป......
ฉัน ไม่สามารถ เก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....
ขอให้เพื่อนโชคดี......มีเงินออมมาก ๆ ทุกคนนะครับ
ข้อคิดดี ๆสำหรับเพื่อน ๆ อยากให้อ่านแล้วบอกต่อ ๆกันด้วยนะครับ เพราะอะไร...
วัยเยาว์
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉัน เพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉัน โตขึ้น ฉันจะเก็บเงิน
วัยรุ่น
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยัง เรียน หนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ
ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉัน หาเงินได้ เอง ฉันจึงจะเก็บ
วัย 20
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่ง เรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด
ถึงตอนนั้นเมื่อฉัน พร้อม ฉันก็จะเก็บ
วัย 30
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ฉันเพิ่ง มีครอบครัว และต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้ มากกว่านี้ และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ
วัย 40
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีกฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายสูง จริงๆ
และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีก สักระยะ เมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ
วัย 50
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ ลูกๆ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วย ญาติ บางคน
ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลัง ต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ ฉันคงจะเก็บเงินได้
วัย 60
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่า สถานการณ์ น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้า ภาระฉันหมด เมื่อไร
ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้
วัย 70
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉัน แก่เกินไป ที่จะเก็บ
เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้
ตอนนี้
มันสายเกินไป......
ฉัน ไม่สามารถ เก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....
ขอให้เพื่อนโชคดี......มีเงินออมมาก ๆ ทุกคนนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)