วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ธุรกิจในฝันดอทคอม

ในวันนี้..อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จักธุรกิจเครือข่าย(MLM) แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจนี้ต่อสังคมและเศรษฐกิจของไทยในอนาคต นับวัน คำว่าธุรกิจเครือข่าย ได้เข้ามามีบทบาทต่อรายรับ - รายจ่ายของทุกครัวเรือนในสังคมไทย ตั้งแต่ชนชั้นรากหญ้าจนถึงผู้มีอันจะกิน ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างพากันหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะด้วยมุมมองในการประกอบอาชีพของคนไทยเปลี่ยนไป คือ อยากที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจเอง(ขนาดกลางและย่อมSMEs)จำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมในโอกาสทางธุรกิจนี้

เหตุผลประการสำคัญที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ก้าวเข้าไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่มันคือตัวระบบระบบที่สามารถสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด และสามารถทำงานแทนเราได้ แม้ในขณะที่เราไม่ได้ทำงาน ซึ่งเกิดจากการขยายงานของเครือข่ายใต้สายงานแต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น แม้แผนธุรกิจจะดีเลิศแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังต้องทำงานแบบถวายชีวิตเพื่อความสำเร็จ คำว่าอิสระทางการเงิน และเวลา มันก็คงเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆ เพราะระบบที่สามารถทำงานแทนเราได้ 100% นั้น มันยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง...แต่ ณ บัดนี้มันได้เกิดขึ้นแล้วคำตอบนี้อยู่ในบทความคลื่นลูกที่สาม


คลื่นลูกที่ 1 แนวคิดหลัก “สร้างเครือข่ายผู้บริโภค”

ธุรกิจเครือข่ายมีวิวัฒนาการมาจากธุรกิจขายตรง ดังนั้นในยุคแรกเริ่ม แผนธุรกิจเครือข่าย จึงยึดรูปแบบของการขายตรงโดยเน้นที่งานขายสินค้าสู่ผู้บริโภคเป็นหลัก เมื่อมีนโยบายมุ่งไปที่การขาย นักธุรกิจในกลุ่มนี้จึงต้องจดจำรายละเอียดสินค้าให้มาก เพื่อนำเสนอสินค้าแก่ผู้บริโภค ครั้นต่อมามีการพัฒนาวิธีการทำงานที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมการขายด้วยนโยบายการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค มีระบบสมาชิกเพิ่มขึ้นมา สมาชิกธุรกิจสามารถเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ผลประโยชน์ทั้งสองทาง กลายเป็นธุรกิจเครือข่ายที่มีผลดีต่อเศรษฐกิจระดับครัวเรือน ซึ่งหลักการทั้งหมดนี้ทำให้เกิดเครือข่ายผู้บริโภคขึ้นมากมายทุกอย่างในธุรกิจเครือข่ายแบบคลื่นลูกที่หนึ่งนี้ ดีหมดทุกประการแต่เสียอยู่อย่างเดียว คือ มันทำได้ยาก เพราะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ทั้งขาย ทั้งประชุม และกิจกรรมอื่นๆอีกมาก และยังมุ่งอยู่กับการใช้แรงงานคนเป็นหลักแต่เป็นเรื่องที่แปลก ที่คนขายเก่งที่สุด กลับไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ เพราะ คนที่มีรายได้ 6-7 หลักในธุรกิจนี้ เน้นสร้างนักธุรกิจเครือข่ายมากกว่าสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ซึ่งจุดนี้เองก่อให้เกิดกระแสของคลื่นลูกที่สอง

คลื่นลูกที่ 2 แนวคิดหลัก “ เครือข่ายของนักธุรกิจเครือข่าย ”

ธุรกิจเครือข่ายในคลื่นลูกที่ 2 นี้มีวิวัฒนาการมาจากคลื่นลูกเก่า ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็มาเข้ามีบทบาทสำคัญต่อการทำงานในธุรกิจ ระบบINTERNETได้เข้าเสริมการขยายงานขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ทั้งระบบและคนร่วมกันทำงาน ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำงานแทนกันได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์คนยังคงเป็นปัจจัยหลักของการทำธุรกิจเครือข่าย ซึ่งหมายความว่า นักธุรกิจก็ยังคงต้องทำกิจกรรมต่างๆเหมือนเดิม เช่น การประชุมนอกสถานที่ การนัดคุยที่ร้านกาแฟ แต่มีภาระในการดำเนินงานลดลงกว่าเดิมแผนการตลาดในยุคนี้ ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และขั้นตอนในการสำเร็จที่ง่ายกว่า จึงทำให้ธุรกิจเครือข่ายรุ่นแรกๆต้องพยายามปรับตัวแข่งขันให้ทัน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดของแผนธุรกิจเดิม(ที่เริ่มต้นใช้ มานับสิบปี) และการแก้แผนก็เป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากแม้ธุรกิจเครือข่ายจะพัฒนามาถึงระดับที่มีความสะดวก ความรวดเร็ว และมีแผนธุรกิจที่ง่ายต่อความสำเร็จ แต่การสร้างนักธุรกิจเครือข่าย ขึ้นมาสักหนึ่งคน มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก และหากว่าใต้สายงานของคุณไม่มีบุคคลเช่นนี้ ธุรกิจเครือข่ายที่คุณสร้างมา มันอาจจะเฉาลงในที่สุด ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายหลายท่านจึงวางมือไม่ได้เลยและแล้วในที่สุด ก็มีคนคิดค้นระบบธุรกิจที่สมบูรณ์แบบขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคดังที่กล่าวมา โดยใช้ระบบINTERNETทำงานแทนคน100% ซึ่งนวัตกรรมนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์คลื่นลูกที่ 3 ในธุรกิจเครือข่าย


คลื่นลูกที่ 3 แนวคิดหลัก “ นักธุรกิจเครือข่าย ที่มีระบบอัจฉริยะ ”

ธุรกิจเครือข่ายพันธุ์ใหม่ บนโลกไซเบอร์ ที่นักธุรกิจเครือข่ายสามารถทำงานเครือข่ายทุกขั้นตอน ได้บน INTERNET อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องก้าวเท้าออกนอกบ้าน ไปหาผู้มุ่งหวัง นำสินค้าไปขาย หรือแม้กระทั่งการนัดประชุมตามโรงแรม วิถีทางธุรกิจทั้งหมดนี้จะเหลือเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ และชักชวนผู้มุ่งหวังให้ศึกษาข้อมูลทางธุรกิจจากเว็บไซด์ส่วนตัวของท่าน ซึ่งทุกท่านจะได้รับจากบริษัททันทีที่เมื่อสมัครเป็นสมาชิกรูปแบบของธุรกิจเครือข่ายในแบบฉบับคลื่นลูกที่สามนี้ เหมาะสำหรับท่านที่ค่อยไม่มีเวลา ไม่ชอบไปประชุม ไม่ชอบพูดคุยนานๆ(ก็ต้องมีบ้าง) และที่สำคัญลงทุนไม่สูงนัก เมื่อเปรียบเทียบกับฐานรายได้ของคนไทย ณ ปัจจุบันเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายแบบคลื่นลูกที่สาม ใช้เงินลงทุนต่ำ เพราะ ทุกอย่างทำบน INTERNET จึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล

ธุรกิจในฝันของคุณควรมีหลักเกณฑ์ 5 ประการดังนี้

  1. มีรายได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ (คุณลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่มีรายได้ครั้งแล้วครั้งเล่าต่อเนื่อง)
  2. ไม่มีความเสี่ยง เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
  3. มีตลาดรอบโลก ไม่จำกัดขอบเขตของการทำตลาด
  4. ให้เป็นมรดกให้กับทายาทได้ และขายได้
  5. ลงทุนน้อยและบำรุงรักษาน้อย



ธุรกิจในฝันขนานแท้ต้องมีครบทั้ง 5 ข้อนี้ หากมีเพียง 4 ใน 5 ประการถือว่ายังไม่ดีพอ เพราะในที่สุดแล้วมันก็จะกลายเป็นธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่มีลักษณะบางประการของธุรกิจในฝันเท่านั้น ในปัจจุบันเป็นที่แน่ชัดว่า "ธุรกิจเครือข่าย+อีคอมเมิร์ซ" เป็นกุญแจสำคัญของการได้มาซึ่งธุรกิจในฝันอย่างแท้จริง

ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย

โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2 “Cashflow Quadrant” หรือ “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า คนในโลกแบ่งตามที่มา ของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ

ด้านที่ 1: ลูกจ้าง (Employee) คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง,เงินเดือนประจำ

ด้านที่ 2 : ธุรกิจส่วนตัว (Self –employed) เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะต้องเป็นผู้ลงมือทำหรือดูแลด้วยตนเอง

ด้านที่ 3 : เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ (Business owner) คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลาและแรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน

ด้านที่ 4 : นักลงทุน (Investor) คือผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเองเพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้นโดยไม่ต้องทำเอง

“เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรก” หากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

"คุณจะฉวยโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง...หรือคุณจะปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงฉวยโอกาสไปจากคุณ"

คุณโรเบิร์ต ผู้เขียนหนังสือพ่อรวยสอนลูก กล่าวว่า

การศึกษาเรียนรู้มี 3 แบบคือ
1. การเรียนรู้ทางวิชาการ 2. การเรียนรู้ทางวิชาชีพ 3 .การเรียนรู้ทางด้านการเงิน

การเรียนรู้ทางวิชาการและวิชาชีพ
ไม่ได้สร้างความร่ำรวยให้กับเรา แต่สามารถให้เรามีงานทำ ทำงานเพื่อเจ้าของกิจการ

การเรียนรู้ทางด้านการเงิน สามารถให้เราสร้างความร่ำรวยได้

ทัศนคติที่แตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

คนจน มักคิดว่า ฉันคงทำไม่ได้หรอก คนรวย จะคิดว่า ฉันจะทำมันได้อย่างไร

คนจนมองการลงทุนเป็นความเสี่ยง และยึดกับการมีรายได้ประจำว่ามั่นคง คนรวยมองหาวิธีการควบคุมความเสี่ยง และคิดว่าการมีรายได้ประจำไม่มั่นคง เพราะเงินเดือนของเราถูกควบคุมโดยนายจ้าง หรือหัวหน้างาน ไม่ใช่ ตัวเราเอง

ธุรกิจหนึ่งที่คุณโรเบิร์ตแนะนำสำหรับคนที่มีทัศนคติแบบคนรวย แต่อาจมีเงินทุนน้อย คือ
ลงทุนเวลา + กับความตั้งใจจริง ในธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเราเองรู้สึกดีมาก และคิดว่าตนเองตัดสินใจถูกที่เลือกที่จะลงทุนกับธุรกิจเครือข่ายที่ใช้ระบบการทำงานจากที่บ้านเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้ธุรกิจเครือข่าย บน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทำได้และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูง

ถ้าต้องการที่จะเปลี่ยน ต้องเริ่มเปลี่ยน ถ้ากลัวที่จะผิดพลาด คุณจะไม่ได้ทำอะไรเลย

ในโลกของธุรกิจคุณจะต้องเกิดข้อผิดพลาด เรียนรู้ประสบการณ์จากข้อผิดพลาด เหมือนเด็กที่หัดเดิน ล้มแล้วลุก แล้วเดินต่อ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง ก็จะลุกและเดินต่อ จนสามารถวิ่งได้ในที่สุด ทุก ๆ คนเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน

ธุรกิจเครือข่ายคือออะไร What is network business ?

ปัจจุบันมีรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ว่าแต่ว่าคุณจะปฏิเสธที่จะเรียนรู้มันด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบมาก่อน หรือไม่ ในอดีต..เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงว่าต้องใช้เงินทุนมาก, ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงจะทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้

วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝันของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า “ธุรกิจเครือข่าย”

ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมากเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตนเป็นการโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ ผู้บริโภค

มื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไร 60% ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบธุรกิจแบบเดิม

โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการ ตลาดแบบทั่วๆไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คนแนะนำให้กับคน 2 – 3 คนและแต่ละคนของ 2 – 3 คนบอกต่อกับคน 2 – 3 คนต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้น ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

การตลาดเครือข่ายคืออะไร? คือการทำให้สินค้ากระจายตัวสู่ผู้บริโภคได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางตามแบบวิธีเดิมๆ ซึ่งเรามองเห็นและเชื่อว่าการตลาดเครือข่ายเป็นการสร้างเครือข่ายที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่าและในราคายุติธรรมได้โดยตรงจากต้นทางคือโรงงาน การตลาดเครือข่ายเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีค่าหรือการเอาเปรียบจากมือของกลุ่มพ่อค้ายักษ์ใหญ่ในระบบเศรษฐกิจที่เราเรียกกันว่าระบบทุนนิยมไปสู่มือของผู้บริโภคเดินถนนธรรมดา และในระยะยาวเราก็เชื่ออีกว่าธุรกิจลักษณะนี้จะก่อให้เกิดสินทรัพย์ในระยะยาวที่สามารถสร้างรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้ได้อีกเป็นระยะเวลายาวนานเลยทีเดียว หรืออาจจะพูดอีกอย่างได้ว่า การตลาดเครือข่ายก็คือ ผู้ผลิตสินค้ากับผู้ผลิตสินค้าในสินค้าต่างชนิดกัน แต่นำสินค้าต่างชนิดกันมาขายในสถานที่เดียวกัน รวมถึงมีวิธีการถ่ายทอดหรือเผยแพร่ข้อมูลสินค้าตลอดจนผลตอบแทนต่างๆที่ตัวผู้ผลิตขึ้นมาด้วยความจริงใจและยุติธรรม

นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ด้วยเหตุผลว่า การเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายนั้นนับว่าง่ายแสนง่าย เมื่อเทียบกับผลประโยชน์และกับเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ทุกคนสามารถเข้าไปหยิบได้ แต่ก็เป็นคนส่วนน้อยที่พยายามจะทำความเข้าใจแต่ก็เป็นเรื่องยากจะเข้าใจได้ถูกต้องเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนลึกซึ้ง อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องของทัศนคติ และความเชื่อ เราเชื่อว่าธุรกิจเครือข่ายจะดำเนินไปในทิศทางใดนะหรือ ? ก็อย่างที่เคยพูด กับหลายๆคนว่า หากคุณไม่เป็นคนไปชักชวนพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา หลานชาย หลานสาว หรือ เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงานของคุณเข้าสู่ธุรกิจนี้ คนอื่นๆ ก็ต้องเข้าไปชักชวนพวกเขาแทน ธุรกิจนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่จะชี้ให้เห็นถึงความเติบโตและอนาคตที่ยั่งยืนมีปัจจัยอย่างน้อย 2 ประการที่เป็นกำลัง สำคัญผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากคนเดินดินหรือผู้บริโภคธรรมดาๆก็คือ

  • ปัจจัยแรก คืออิทธิพลของเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น
  • ปัจจัยที่สอง คือ การเปลี่ยนแปลงของประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายนี้

จากปัจจัยสองข้อนี้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญและชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นหากนักธุรกิจ มืออาชีพที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเครือข่ายไม่ยอมปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ธุรกิจของพวกเขาก็อาจต้องจบลงอย่างไนโดเสาร์ในอดีตก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่นักการตลาดเครือข่าย ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆและยกระดับการทำงาน พร้อมๆกับปรับปรุงเทคนิคและวิธีการเข้าหาผู้บริโภค และ หรือ ผู้มุ่งหวัง ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังก็เป็นได้ เพราะเหตุใด? เพราะว่า " อดีตไม่อาจเทียบกับอนาคต"

กระแสของธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย ด้วยปัจจัยการแข่งขัน ย่อมต้องมีการใช้กลยุทธ์ ในการหาโอกาสผลักดันสินค้าให้กับผู้ใช้ โดยจ่ายค่าโฆษณาน้อยที่สุดจึงไม่มีอะไรทำได้ไปกว่าการนำแผนการตลาดแบบเครือข่าย MLM มาใช้ จึงเป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิเสธความร่ำรวย ความยากจนไม่ได้เป็นพันธุกรรมหรือเป็นกรรมพันธุ์ หากเราเกิดมาต้องการใช้ชีวิตของตนเองให้เกิดมาอย่างมีคุณค่าหรือจะทำงานที่ยากและลำบากก็น่าจะทำงานที่ยากลำบากอย่างสร้างสรรค์ขอเชิญท่านหันหน้ามาอย่างร่าเริงกับธุรกิจเครือข่าย MLM เพื่ออิสรภาพทางการเงินและการใช้ชีวิตอย่างเสรี