วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ

ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ



บ่อยครั้งที่ผู้เอาประกันซื้อกรมธรรม์ประกันภัยด้วยความเชื่อและเครดิต มากกว่าที่จะตั้งใจอ่านสัญญาในกรมธรรม์ซึ่งเต็มไปด้วยภาษากฏหมายเข้าใจยาก


ด้วยเหตุนี้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ที่หลายคนยังไม่ทราบจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป การเข้าใจกรมธรรม์แบบง่ายๆ จึงน่าจะสามารถช่วยให้คุณรักษาสิทธิประโยชน์ของคุณไว้ได้อย่างเต็มที่

10 เรื่อง "ต้อง" รู้เกี่ยวกับประกันภัย

1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัท (รวมไปถึงนายหน้าผู้เอาประกันด้วย) ดังนั้นแม้การซื้อผ่านนายหน้าถ้ามีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้


2. ในกรณีที่รถคุณเสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมกลับคืนได้ บริษัทต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันเต็มทุนประกัน และรถคันนั้นจะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย


3. ค่าแอกเซ็ปต์ หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรกนั้น ในกรณีไม่มีคู่กรณีจะจ่ายเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าคนอื่นขับไปทำให้เกิดความเสียหาย ต้องจ่าย 6,000 บาท


4. ค่าอะไหล่ที่เกิดจากการซ่อม ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมินเพื่อนำไปจัดหาเองได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไหล่แท้หรือไม่


5. หากภายในรถของคุณมีการติดตั้งอุปกดรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV หรือ LPG เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะหากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันอาจไม่สมบูรณ์


6. หากคุณขับรถชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยและรถของท่านเป็น "ฝ่ายถูก" คุณควรตรวจสอบไปที่บริษัทประกันภัยว่าตามรายงานอุบัติเหตุนั้น รถของคุณเป็นฝ่ายถูกจริงเหรอ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์


7. การดูแลขนย้ายรถที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุเพื่อไปซ่อมที่อู่เป็นหน้าที่ของบริษัท แม้ว่าจะต้องย้ายรถไปโรงพักหรือที่ใดก็ตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนกระทั่งซ่อมเสร็จ บริษัทประกันภัยจะต้องรับภาระส่วนนี้ แต่ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อม


8. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และคุณไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็นต้องเซ็นรับผิดในใบเครม เพราะไม่ใช่กติกาหรือข้อกฏหมายแต่เป็นหน้าที่ที่บริษัทซึ่งคุณทำประกันจะไปทำการตกลง


9. อย่าคิดหนีในกรณีที่ขับรถชนคน ให้ช่วยเหลือคนเจ็บให้เต็มที่ และถ่ายรูปหลักฐานที่เกิดเหตุไว้ต่อสู้คดี เพราะศาลจะพิจารณาจากความมีน้ำใจที่คุณช่วยเหลือผู้อื่น บางทีโทษทางอาญาอาจเหลือแค่การรอลงอาญา และตกลงค่าเสียหายกันตามสมควรแต่ถ้าคุณหนีจะติดคุกทันที


10. ประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายในขณะที่รถของคุณถูกลากจูง หรือขับรถขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150mg% หรือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เว้นแต่ในกรณีที่ทำประกันประเภทระบุชื่อคนขับ และความเสียหายนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คนระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

30 ข้อสำหรับความคิดดีๆ

วิธีคิด ดีมากๆ...

• เวลาเจองานหนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ


• เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ


• เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต


• เวลาเจอนายจอมละเมียด
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)


• เวลาเจอคำตำหนิ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ


• เวลาเจอคำนินทา
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
<>
• เวลาเจอความผิดหวัง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต


• เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี


• เวลาเจอความพลัดพราก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง


• เวลาเจอลูกหัวดื้อ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง


• เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชี วิตมีโอกาสพานพบ

• เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไ ม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง


• เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง


• เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม


• เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์


• เวลาเจออุบัติเหตุ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด


• เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า 'มารไม่มีบารมีไม่เกิด'

• เวลาเจอวิกฤต

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม 'ในวิกฤตย่อมมีโอกาส'


• เวลาเจอความจน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต


• เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์




30 ความคิดดีๆ วิธีเรียกความสุขแบบง๊าย ง่าย


1
.นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก
รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่

3.ล องปลูกต้นไม้เองสักต้น
การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4.หลับตานิ่งๆสักสามนาที
เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน

5.ระหว่างแปรงฟัน
ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า

6.เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง
จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7.ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน
ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด

8.การขึ้นลง บันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย
คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร

9.คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวย/หล่อมากๆทันที
ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"

10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอ ทาน
ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก


11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร"ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที
รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน

13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง
เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก
ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง
ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด
เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้

17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้ม
ได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม
ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19.ถึงเสื้อกางเกงในตู ้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ
ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4
คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง


21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้

22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้
ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23.แอบรักใครสักคน
ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ


25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง
ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26.ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้
ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม
มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่

28.วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้
ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29.แค่เอาข้าวที่กินไม่ห มดไปให้หมาที่เดินผ่าน
ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน
แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

อย่าท้อที่จะอ่านนะคะ 30 ข้อสำหรับความคิดดีๆ

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

การสร้างแรงจูงใจเสริมด้วยวิธี


+ อันดับข่าวอ่านมากที่สุดนี้
ไทยพับแผนสร้างแบรนด์...
พัฒนาสนามบินภูธรฉลุย...
โบรกฯชี้จับตาแรงซื้อต่างชาติ...
อสังหาฯกวาดยอดสวนกระแส...
นักธุรกิจห่วงมือที่3ป่วนเมือง...
นับถอยหลัง ยุบสภา!...
แรงงานภาคอุตฯเตรียมเฮ!...

+ ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์
...
อ่านทั้งหมด >>

(T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S)

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ตอนนี้ผมมีเทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S) มาฝากเพื่อเป็นตัวอย่างของการสร้างแรงจูงใจเสริมกันนะครับ สิ่งจูงใจโดยธรรมชาติแล้วจะมีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะตัว และร่วมปันจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งเพียงเมื่อความเคารพ สายสัมพันธ์ และความเชื่อมั่นมีอยู่ระหว่างทั้งสอง ฝ่ายนั้น พนักงานขายในบริษัทส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการหาลูกค้า ติดต่อลูกค้า และประสานงานกับพนักงานแผนกต่างๆ ในบริษัท

สิ่งที่นำมาพิจารณาข้อสุดท้ายในเวลาทำการจูงใจพนักงานขายแต่ละคนก็คือ การ มองในแง่ของความเป็นจริงเกี่ยวกับการจูงใจ ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายนั้น การจูงใจ ทั้งหมดก็คือ การจูงใจด้วยตัวเอง ฝ่ายบริหารการขายทำได้เพียงรับภาระงานได้ในระดับหนึ่ง แล้วจากนั้นพนักงานขายแต่ละคนก็ต้องรับช่วงต่อไป อีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมการจ้างงานบุคคลที่เหมาะสมจึงสำคัญมากต่อความสำเร็จของผู้จัดการฝ่ายขาย พนักงานขายจะประพฤติตนอย่างที่ทำด้วยเหตุผลตามผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขา ได้รับการจูงใจในพฤติกรรมเนื่องจากผลตอบแทนส่วนตัว ได้แก่ เงิน การเลื่อนตำแหน่ง ความท้าทาย การเจริญเติบโต และอื่นๆ ถ้าหากว่าบุคคลแต่ละคนรับรู้ว่า “สิ่งที่มีอยู่ ในตัวฉันมีมากอยู่แล้ว” บุคคลนั้นก็จะได้รับการจูงใจมากขึ้นในการปฏิบัติการเพื่อสร้างผลงาน การจูงใจเป็นอิทธิพลที่มุ่งศูนย์กลางที่ตัวเอง

ถึงแม้ว่ามีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการจูงใจบุคคล แต่เทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S ) การจูงใจสำหรับผู้จัดการฝ่ายขายจะช่วยให้งานสำเร็จได้

1.สอนทีมงาน (Teach Teamwork) ผู้จัดการฝ่ายขายควรพยายามสร้างทีม งานขายที่แข็งแกร่ง พนักงานขายเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว สามารถทำงานได้ดีกว่าถ้าพวก เขาทำงานแยกกัน สร้างโปรแกรมสิ่งจูงใจที่สนับสนุนทีมงานและที่ไม่บังคับให้พนักงานขายแข่งขันกันเองมากเกินไป

2.การมอบอำนาจ (Empower) ให้อำนาจที่จำเป็นแก่พนักงานขายทั้งหมดเพื่อ ปฏิบัติตามความรับผิดชอบ ฝึกอบรมพวกเขาให้ทำการตัดสินใจที่ดีต่อลูกค้า และบริษัท

3.การสื่อสาร (communicate) อธิบายความคิดของคุณและเป้าหมายของคุณ ต่อพนักงานขาย การร่วมกันในวัตถุประสงค์ทั่วไปกับเป้าหมายที่กำหนดไว้สามารถ เป็นแรงบันดาลใจพวกเขาได้อย่างมาก

4.การรับฟัง (hear) ฟังพนักงานขายอย่างตั้งใจ ถามเกี่ยวกับเป้าหมายระยะ สั้นและระยะยาวของพวกเขา ตอบด้วยความเคารพ เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังแล้ว จะเป็นการจูงใจพวกเขาสู่ความสำเร็จ

5.การสังเกต (Notice) ผู้บริหารจำเป็นต้องยอมรับและให้การตอบแทนสำหรับความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม พนักงานขายจะพยายามบรรลุงานมากขึ้นเมื่อพวกเขา ได้รับการมองเห็นคุณค่าในความพยายามของพวกเขา การยอมรับอย่างจริงใจเป็นเทคนิคการจูงใจที่ดีมาก

6.ริเริ่มและมั่นคง (Initiate Integrity) สร้างตัวอย่างที่ดี และอย่าเปลี่ยนแผนกลางคันนะครับเพราะจะทำให้เค้าสับสนและสร้างความเห็นชอบ ปฏิบัติตาม คำมั่นสัญญา

7.สอบถาม (Query) การจูงใจเป็นกระบวนการต่อเนื่อง จงตระหนักในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานขายของคุณ คุณอาจต้องการที่จะปรับปรุงเทคนิค การจูงใจเพื่อก้าวให้ทันกับการพัฒนาและการเจริญเติบโต

8.รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Unify) ผู้จัดการฝ่ายขายที่ดีจะรวมทีมงานขายให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คุณจะอธิบายว่าพนักงานในบรรดาทุกๆ คนจะนำไปสู่ความสำเร็จมากขึ้นสำหรับแต่ละคน การจูงใจประเภทนี้จะให้วัตถุประสงค์และสนับ สนุนความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายของบริษัท

9.ยกย่อง (Exalt) การให้แรงบันดาลใจแก่พนักงานขายเป็นวิธีการจูงใจที่สำคัญ การฝึกปฏิบัติทักษะการขายมืออาชีพจะนำมาซึ่งความสำเร็จและแรงบันดาลใจอย่าง แท้จริง การให้คำชมอย่างจริงใจจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา อย่าทำให้พนักงานขายรู้สึกตกต่ำหรืออย่าทำให้พนักงานขายเสียขวัญกำลังใจ ทำให้เขารู้สึกว่าตนสำคัญ โดยการเคารพความคิดเห็นของพวกเขา ต้องยุติธรรมและซื่อสัตย์

10.ตั้งมาตรฐาน (Set Standards) ตั้งมาตรฐานให้สูง ทำให้พนักงานขายเข้า ใจว่าพวกเขากำลังทำงานให้บริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่ พนักงานขายจะปฏิบัติงานระดับสูง ขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นตัวแทนแห่งจริยธรรมและหลักการชั้นสูง

จากหลัก 10 ประการของเทคนิค (T-E-C-H-N-I-Q-U-E-S) คงพอจะทำ ให้ผู้บริหารหาวิธีในการสร้างแรงจูงใจเสริมได้อย่างดีและตรงกับความต้องการของพนักงานขายนะครับ