อันตรายของยา
อันตรายของยาอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ 1. การใช้ยาเกินขนาด (Overdosage toxicity) เช่น - กินแอสไพริน ขนาดมาก ๆ ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด (acidosis) ถึงตายได้ - กินพาราเซตามอลขนาดมาก ๆ อาจทำลายตับ เกิดภาวะตับวายเฉียบพลันถึงตายได้ - กินฟีโนบาร์บิทาล ขนาดมาก ๆ ทำให้กดศูนย์ควบคุมการหายใจ ผู้ป่วยหยุดหายใจถึงตายได้ - กินยารักษาเบาหวานมากเกิน อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปจนเป็นลม ถึงตายได้ 2. ผลข้างเคียงของยา (Side effect) ยาทุกตัวจะมีผลที่ไม่เป็นคุณหรือเป็นโทษ อยู่ควบคู่กับประโยชน์ของมัน เสมอ เช่น - ทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะ (กัดกระเพาะ) เป็นโรคกระเพาะ/แผลเพ็ปติกได้ เช่น ยาแอสไพริน , ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ , สเตอรอยด์ , รีเซอร์พีน - ทำให้หูหนวก เสียการทรงตัว หรือเป็นพิษต่อไต เช่น สเตรปโตไมชิน, คานาไมซิน (Kanamycin) ทำให้เกิด ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Agranulocytosis) เช่นไดไพโรน, ซัลฟา, เฟนิลบิวตาโซน, ยารักษาคอพอกเป็นพิษ - ทำให้เป็นโรคโลหิตจางอะพลาสติก เช่น คลอแรมเฟนิคอล , เฟนิลบิวตาโซน - ทำให้มีพิษต่อตับ เช่น เตตราไซคลีน , อีริโทรไมซิน , คีโตโคนาโซล , ไอเอ็นเอช , ไพราซินาไมด์ เป็นต้น - ทำให้มีพิษต่อประสาทตา เช่น อีแทมบูทอล , คลอโรควีน เป็นต้น - ทำให้ฟันเหลืองดำ เช่น เตตราไซคลีน ข้อที่ควรระวังอย่างยิ่งคือ ผลที่มีต่อเด็กเล็ก และทารกในครรภ์มารดา 3. การแพ้ยา (Drug allergy หรือ Drug hypersensitivity) ดูรายละเอียดในหัวข้อ "การแพ้ยา" 4. การดื้อยา (Drug resistance) มักจะเกิดกับยาปฏิชีวนะที่ใช้กันอย่างผิด ๆ ยาปฏิชีวนะ" 5. การใช้ยาในทางที่ผิดและการติดยา (Drug abuse และ Drug dependence) เช่น - การติดยามอร์ฟีน, เฮโรอีน, ยากระตุ้นประสาท-แอมฟีตามีน (ยาม้า, ยาขยัน) - การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นยาลดไข้ - การใช้สเตอรอยด์เป็นยาลดไข้ หรือยาอ้วน - การใช้เอฟีดรีน หรือแอมฟีตามีน เป็นยาขยัน - การใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) เป็นบำรุงร่างกาย 6. ปฏิกิริยาต่อกันของยา (Drug interaction) จะเกิดขึ้นเมื่อให้ยาเข้าไปในร่างกายมากกว่า 2 ตัวขึ้นไป พร้อมกัน ซึ่งอาจจะเสริมฤทธิ์กัน ทำให้มีผลในการรักษามากขึ้น หรือทำให้ฤทธิ์ยาแรงขึ้น หรือต้านฤทธิ์กัน ทำให้ผลการรักษาลดน้อยลงไป เช่น - แอลกอฮอล์ (เหล้า, เบียร์) ถ้ากินพร้อมกับยานอนหลับ, ยาแก้แพ้ จะช่วยเสริมฤทธิ์การนอนหลับมากขึ้น - แอลกอฮอล์ ถ้ากินพร้อมกับแอสไพริน จะเสริมฤทธิ์การระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร - อีริโทรไมซิน ถ้ากินพร้อมกับทีโอฟิลลีน จะทำให้ระดับของยาชนิดหลังในกระแสเลือดสูงขึ้น - อีริโทรไมซิน หรือยารักษาเชื้อรา (เช่น คีโตโคนาโซล) ถ้ากินร่วมกับยาแก้แพ้-เทอร์เฟนาดีน จะทำให้ระดับยา เทอร์เฟนาดีนในเลือดสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหยุดเต้นเป็นอันตรายได้ - เฟนิลบิวตาโซน ไอเอ็นเอช หรือซัลฟา ถ้ากินพร้อมกับยารักษาเบาหวาน จะเสริมฤทธิ์การลดน้ำตาล ทำให้เกิด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ - สเตอรอยด์ ไทอาไซด์ หรืออะดรีนาลิน จะต้านฤทธิ์การลดน้ำตาลของยารักษาเบาหวาน ถ้าใช้พร้อมกัน อาจทำ ให้การรักษาเบาหวานไม่ได้ผล - บาร์บิทูเรต, อะม็อกซีซิลลิน , เตตราไซคลีน หรือยารักษาโรคลมชัก (เช่น เฟนิโทอิน) ถ้ากินพร้อมกับยาเม็ด คุมกำเนิด จะต้านฤทธิ์ยาคุมกำเนิด ทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผลยาลดกรด ถ้ากินร่วมกับเตตราไซคลีน หรือยา บำรุงโลหิต จะทำให้การดูดซึมของเตตราไซคลีน หรือยาบำรุงโลหิตลดน้อยลงแอสไพริน จะต้านฤทธิ์การ ขับกรดยูริกของโพรเบเนชิด (Probenecid) จึงห้ามใช้แอสไพรินในอยู่ป่วยโรคเกาต์ที่กินโพรเบเนซิดอยู่ 7. การตอบสนองต่อยาในคนที่มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ เช่น คนที่มีภาวะพร่องเอนไชม์จี-6-พีดี ซึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ ถ้ากินแอสไพริน ซัลฟา คลอแรมเฟนิคอล ฟูราโซลิโดน พีเอเอส ควินิน ไพรมาควีน หรือไทอาเซตาโซน อาจทำให้เกิดโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ได้ คนที่เป็นโรคเก๊าท์ ถ้ากินไทอาไซด์ หรือแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์) ก็อาจทำให้โรคกำเริบได้ คนที่เป็นเบาหวาน ถ้ากินสเตอรอยด์ ไทอาไซด์ หรือยาเม็ดคุมกำเนิด ก็อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น