การพูดให้ทะลุใจ โดยอ.จอมพล
ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
นิทานสร้างท่อส่งเงิน
เรื่องราวต่อไปนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการมีรายได้ สำหรับลูกจ้างและคนทำธุรกิจส่วนตัว ที่ต้องการก้าวไปเป็นเจ้าของกิจการหรือนักลงทุน และสำหรับทุกคนที่ต้องการมากกว่า "ความมั่นคงของงาน" นั่นคือ "ความมั่นคงทางการเงิน" นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ แต่มั่นใจได้ว่าจุดหมายปลายทางนั้น คุ้มค่าแก่ความพยายามยิ่งนัก เพราะสุดทางเส้นนี้คือ "อิสรภาพทางการเงิน"
"เรากำลังลากถังน้ำหรือสร้างท่อน้ำ"
"เรากำลังทำงานอย่างหนักหรืออย่างฉลาด"
หวังว่าคุณคงได้คำตอบจากนิทานเรื่องนี้แล้ว จำไว้ว่าคำตอบนี้สามารถช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลง และนำชีวิตของคุณไปสู่การมีอิสรภาพทางการเงินได้จริง ๆ ขอเพียงแต่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและแนวคิดของตนเอง
เนื้อหาจากนิทานเรื่องนี้เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังเบื่อกับการ "ลากถัง" และพร้อมที่จะ "สร้างท่อ" เพื่อส่งเงินเข้ากระเป๋า ไม่ใช่ออกจากกระเป๋า และนั่นก็คือเนื้อหาอีกด้านหนึ่งของเรื่องราวในบริบทเดียวกันของ พลังของผู้ซื้อกึ่งผู้ขาย ซึ่งเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการ และการมีรายได้ที่มั่นคงกว่าการเป็นลูกจ้างและคนทำธุรกิจส่วนตัว โดยการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับ
สร้างโบสถ์เป็นมหากุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่
บูรณะโบสถ์หลวงพ่อใหญ่
วัดบางระโหง ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
**************************
วัดบางระโหง เป็นวัดราษฎร์สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 44 หมู่9 ต.บางกร่าง
อ.เมือง จ.นนทบุรี บนเนื้อที่ 26 ไร่เศษ หลวงพ่อใหญ่เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ประจำอุโบสถหลังเก่า ทำด้วยศิลาแลงลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว สูง 89 นิ้ว เป็นพระพุทธปางมารวิชัย
หลวงปู่เหรียญอดีตเจ้าอาวาสวัดบางระโหง ที่มีความโด่งดังเรื่องพระปิดตา พญาไก่ เถื่อนและตะกรุดต่างๆ (มีร้านทองแห่งหนึ่งที่เยาวราชนำพญาไก่เถื่อนไปบูชา แล้วคืนหนึ่งมีโจร 3คนเข้ามางัดเพื่อหวังขโมยทองในร้าน ปรากฏว่าไม่สามารถออกจากร้านได้ จนเจ้าของร้านมาเจอใน สภาพนอนหมดสติอยู่หน้าพญาไก่เถื่อน
อีกเรื่องคือเด็กที่ใส่ตะกรุดพิศมรเกิดจมน้ำแถววัดบางระโหง หลวงปู่เหรียญก็ไปดึงเด็กขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย) หลวงปู่เหรียญให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อใหญ่เป็น อย่างมาก ท่านเคยบอกว่า มีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจก็ให้ไปขอบุญบารมีหลวงพ่อใหญ่ช่วยเหลือ เคยมีชาย ท่านหนึ่งมาบนบานศาลกล่าวขอให้ขายที่ได้ในราคาที่ต้องการก็ขายได้ สมัยก่อนคนเก่าแก่เล่าว่า พ่อค้า พายเรือขายของเมื่อมาถึงหน้าอุโบสถหลวงพ่อใหญ่ก็จะยกมือไหว้แล้วกวักน้ำพรมสิ่งของ ของก็จะขายดี
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของหาย โรคภัยไข้เจ็บ การเกณฑ์ทหาร โชคลาภ หรือเรื่องต่างๆ ก็มีผู้คน จำนวนไม่น้อยที่มาบนบานศาลกล่าว แล้วได้รับบุญบารมีกันไป (แล้วแต่ความเชื่อ)
ปัจจุบันสภาพโบสถ์หลวงพ่อใหญ่มีความชำรุดทรุดโทรมมาก ลวดลายภาพและอักษรบนผนังโบสถ์เริ่มหลุด กร่อน โครงสร้างของโบสถ์อยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคง สามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ ทางพระครูกิตติสิทธิวัฒน์หรือหลวงพ่อเที่ยงเจ้าอาวาส ณ ปัจจุบัน จึงมีความต้องการที่จะบูรณะโบสถ์หลวงพ่อใหญ่ให้มีสภาพที่ มั่นคงถาวร โดยมีช่างผู้ชำนาญมาเสนองบการบูรณะไว้ประมาณ 9ล้านบาท (ยกโบสถ์ ซ่อมแซมโครง
สร้างและลวดลายที่ผนังทั้งหลัง)
จึงขอความอนุเคราะห์จากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสมทบทุนการปฏิสังขรณ์วิหารหลวงพ่อใหญ่วัดบางระโหง (สร้างโบสถ์เป็นมหากุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด)
ชื่อบัญชี พระครูกิตติสิทธิวัฒน์ สาขาบางใหญ่
เลขที่บัญชี 268-1-27521-8 ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี
พระครูกิตติสิทธิวัฒน์ (หลวงพ่อเที่ยง)
วัดบางระโหง 44 หมู่9 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี
โทร. 02-4474151, 02-4463636
กรุณาโทรแจ้งทางวัดหากมีการโอนเงินร่วมทำบุญ หรือท่านใดที่สามารถไปยังวัดบางระโหงได้ด้วยตนเอง จะเป็นการดีอย่างยิ่ง
ขอให้กุศลผลบุญนี้ส่งไปถึงตัวและครอบครัวของท่านที่ช่วยกันส่งข้อความนี้หรือช่วยทำบุญสมทบทุน ให้ท่านทั้ง หลายจงมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด.. สาธุ ผู้จัดทำ : ครอบครัวนาตนัฐนาคร
วัดบางระโหง ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
**************************
วัดบางระโหง เป็นวัดราษฎร์สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 44 หมู่9 ต.บางกร่าง
อ.เมือง จ.นนทบุรี บนเนื้อที่ 26 ไร่เศษ หลวงพ่อใหญ่เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ประจำอุโบสถหลังเก่า ทำด้วยศิลาแลงลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว สูง 89 นิ้ว เป็นพระพุทธปางมารวิชัย
หลวงปู่เหรียญอดีตเจ้าอาวาสวัดบางระโหง ที่มีความโด่งดังเรื่องพระปิดตา พญาไก่ เถื่อนและตะกรุดต่างๆ (มีร้านทองแห่งหนึ่งที่เยาวราชนำพญาไก่เถื่อนไปบูชา แล้วคืนหนึ่งมีโจร 3คนเข้ามางัดเพื่อหวังขโมยทองในร้าน ปรากฏว่าไม่สามารถออกจากร้านได้ จนเจ้าของร้านมาเจอใน สภาพนอนหมดสติอยู่หน้าพญาไก่เถื่อน
อีกเรื่องคือเด็กที่ใส่ตะกรุดพิศมรเกิดจมน้ำแถววัดบางระโหง หลวงปู่เหรียญก็ไปดึงเด็กขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย) หลวงปู่เหรียญให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อใหญ่เป็น อย่างมาก ท่านเคยบอกว่า มีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจก็ให้ไปขอบุญบารมีหลวงพ่อใหญ่ช่วยเหลือ เคยมีชาย ท่านหนึ่งมาบนบานศาลกล่าวขอให้ขายที่ได้ในราคาที่ต้องการก็ขายได้ สมัยก่อนคนเก่าแก่เล่าว่า พ่อค้า พายเรือขายของเมื่อมาถึงหน้าอุโบสถหลวงพ่อใหญ่ก็จะยกมือไหว้แล้วกวักน้ำพรมสิ่งของ ของก็จะขายดี
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของหาย โรคภัยไข้เจ็บ การเกณฑ์ทหาร โชคลาภ หรือเรื่องต่างๆ ก็มีผู้คน จำนวนไม่น้อยที่มาบนบานศาลกล่าว แล้วได้รับบุญบารมีกันไป (แล้วแต่ความเชื่อ)
ปัจจุบันสภาพโบสถ์หลวงพ่อใหญ่มีความชำรุดทรุดโทรมมาก ลวดลายภาพและอักษรบนผนังโบสถ์เริ่มหลุด กร่อน โครงสร้างของโบสถ์อยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคง สามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ ทางพระครูกิตติสิทธิวัฒน์หรือหลวงพ่อเที่ยงเจ้าอาวาส ณ ปัจจุบัน จึงมีความต้องการที่จะบูรณะโบสถ์หลวงพ่อใหญ่ให้มีสภาพที่ มั่นคงถาวร โดยมีช่างผู้ชำนาญมาเสนองบการบูรณะไว้ประมาณ 9ล้านบาท (ยกโบสถ์ ซ่อมแซมโครง
สร้างและลวดลายที่ผนังทั้งหลัง)
จึงขอความอนุเคราะห์จากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสมทบทุนการปฏิสังขรณ์วิหารหลวงพ่อใหญ่วัดบางระโหง (สร้างโบสถ์เป็นมหากุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด)
โบสถ์หลวงพ่อใหญ่ |
ชื่อบัญชี พระครูกิตติสิทธิวัฒน์ สาขาบางใหญ่
เลขที่บัญชี 268-1-27521-8 ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี
พระครูกิตติสิทธิวัฒน์ (หลวงพ่อเที่ยง)
วัดบางระโหง 44 หมู่9 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี
โทร. 02-4474151, 02-4463636
กรุณาโทรแจ้งทางวัดหากมีการโอนเงินร่วมทำบุญ หรือท่านใดที่สามารถไปยังวัดบางระโหงได้ด้วยตนเอง จะเป็นการดีอย่างยิ่ง
ขอให้กุศลผลบุญนี้ส่งไปถึงตัวและครอบครัวของท่านที่ช่วยกันส่งข้อความนี้หรือช่วยทำบุญสมทบทุน ให้ท่านทั้ง หลายจงมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด.. สาธุ ผู้จัดทำ : ครอบครัวนาตนัฐนาคร
Amway ใครว่าของดี ?
Amway ใครว่าของดี
1 . แอมเวย์มีสมาชิก...ที่ยังคงอยู่ ประมาณ 7-8 แสนคน (แต่ไม่ต่อสมาชิกแล้วประมาณ 1 เท่าตัว) ซึ่งดูจากหมายเลขสมาชิกปัจจุบัน น่าจะประมาณ 2 ล้านกว่า ๆ โดยแอมเวย์ เก็บเงินค่าสมาชิกปีละ 900 บาท เมื่อคูณด้วยจำนวนสมาชิกราว ๆ 7 แสนคน ก็หมายความว่า แอมเวย์ได้เงิน "ค่าสมาชิก"ไปแล้วประมาณ 600 ล้านบาท การที่แอมเวย์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลแค่ 1 ล้าน กับจ่ายเงินให้กองทุนต่าง ๆ เพื่อเอารูปมาลงเป็นการโฆษณา "ความดีงาม" ของตนเองสัก 80 ล้าน (จริง ๆ แล้วไม่ถึง 50 ล้าน) จึงถือว่าจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับ "เงินกินเปล่า" ที่เก็บไป
2. แอมเวย์ใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำเป็นบรรจุห่อ เช่น ขวดต่าง ๆ หรือหลอดยาสีฟันก็ไม่ได้หมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะหรือลดขยะ เนื่องจากพัสดุบห่อนั้น ๆ "มาจากอเมริกา" หรือหมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะ "จากอเมริกา" ไปไว้ที่ต่าง ๆ ในโลก แอมเวย์ไม่มีโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ หรือสั่งซื้อบห่อในประเทศอื่นครับ
3. แอมเวย์มักบอกว่าตัวเอง "ไม่มีโฆษณา" เพื่อลดต้นทุนส่วนที่ไม่จำเป็นให้ผู้ซื้อ แล้ว รูปสาวหน้าหมวย ๆ บีบยาสีฟันครึ่งหน้าของหนังสือพิมพ์หลายฉบับหลายวัน...แปลว่าอะไร โฆษณาใน TV...แปลว่าอะไรล่ะครับ
4. การโฆษณาของแอมเวย์เป็นซอฟท์เซลล์ สร้างความรู้สึกว่าคนใช้แอมเวย์เป็นคนประหยัด...เช่นซื้อรองเท้าเผื่อให้ลูก 1 เบอร์ เลือกเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ ฯลฯ ...อยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็น"เฉพาะ"ผู้ใช้แอมเวย์หรือครับ อันที่จริงคนไทยเราก็ทำอย่างนี้มานานตั้งแต่ก่อนแอมเวย์เข้ามาเมืองไทยเสีย อีก เช่น เราใช้ยาสีฟันจนหยดสุดท้าย (แม้แต่แปรงสีฟันยี่ห้อนึงยังออกแบบมาให้ใช้ "รีด" ยาสีฟันได้เสียด้วยซ้ำ...ซึ่งแปรงสีฟันยี่ห้อนั้นก็ไม่ใช่ของแอมเวย์)...อันนี้อยากถามว่าแอมเวย์ "ฉกฉวย" วัฒนธรรมที่มีอยู่ก่อนเก่าไปเป็นของตัวเองรึเปล่า...ไม่มีปัญญาสร้างสรรความ คิดใหม่ ๆ จาก"แอมเวย์" เองบ้างรึไง ?
5. จำนวน "ผู้ประสบความสำเร็จ" คือตั้งแต่ระดับ DD ขึ้นไปในเมืองไทยมีกี่คน เอ้า...ผมให้ว่ามี 5 หมื่น (ซึ่งจริงแล้วผมรู้ว่ามีไม่ถึงหรอก) 5 หมื่นคน ใน 2 ล้านคน เป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ คุณลองเทียบร้อยละหรือปัญญัติไตรยางศ์ดูได้เลยว่า ธุรกิจที่มีคนประสบความสำเร็จแค่ 2-3 เปอร์เซนต์น่ะ...ช่างน่าช่วยกันพัฒนาให้ "สวยงาม" ในประเทศชาตินักนี่ครับ
6. การจะเป็น DD ได้คุณต้องขายของได้เป้า 150,000 PV ใน 6 เดือน เป็นการขายให้ได้เป้าติดกัน 3 เดือน (performanced) ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องขายของให้แอมเวย์ประมาณ 2แสนบาท (รวมทั้งให้สายงานของคุณขายด้วยนั่นล่ะ) ต่อเดือน แปลว่าคุณต้องขายของได้อย่างต่ำ 1 ล้าน 2 แสนบาท ใน 1 ปี (ซึ่งปกติแล้ว...มากกว่านั้น) ...ถ้าคุณมีเซลล์ขายของให้ได้ 1 ล้านกว่าบาทแบบไม่เอาเงินเดือน 1 ปี.. เขาควรจะได้คอมมิสชั่นกว่าแสนบาท โดยในปีต่อ ๆ ไปเขาก็ขายให้ได้บ้าง...ไม่ได้บ้างเนื่องจากเขามี "ลูกค้าเก่า ๆ" สำหรับกิจการของคุณ ทำไมคุณไม่ควรตอบแทนอะไรให้เขาบ้างล่ะ ซึ่งแอมเวย์ก็ให้...ผมรู้ เขาให้เงินเดือน เดือนละประมาณ 18,000 บาทกับคุณ โดยที่คุณต้องเอาเงินนั้นจ่ายค่าน้ำมันรถของคุณเอง จ่ายค่าอบรมสัมมนาเอง (และยังต้องจ่าย "พิเศษ" มากกว่าคนที่ยังไม่เป็น DD) ด้วยเพื่อเลี้ยง "สายงาน" ฯลฯ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้...คุณยอมจ่ายง่ายจังเลยนะ ถ้าคนที่มีปัญญาขายของได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท เอาเงินโบนัสหรือคอมมิสชั่นที่ได้เก็บไว้ทำเป็นทุน (ไม่ใช่หนี้) แล้วทำกิจการเอง...เขาอาจจะมี "ตัวตน" มากกว่าต้องไปหลบอยู่หลังเงาทะมึนของแอมเวย์...ทั้งตระกูล...ก็ได้
7. เจลอาบน้ำ ซึ่งมักเอามาเปรียบเทียบกับ "ครีมอาบน้ำ" ของ LUX แล้วพบความแตกต่างว่า...ครีมอาบน้ำของ LUX เกิดชั้นไขมัน หรือแตกตัวให้กลิ่นแอมโมเนีย เมื่อผสมกับสบู่ ความเป็นจริงแล้วก็คือ...เจลอาบน้ำ ไม่ใช้สบู่อาบน้ำหรือครีมอาบน้ำ สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตต่างกันและวัตถุประสงค์ก็ต่างกันถ้าเอา "เจลอาบน้ำ" ยี่ห้ออื่นมาทดลอง...ก็เหมือนกับแอมเวย์นั่นล่ะ (แต่ราคาถูกกว่า) ในขณะเดียวกันถ้าเอา "สบู่" ของแอมเวย์มาละลายน้ำผสมกับ "เกลือ" (แอมเวย์ใช้แทนเหงื่อ...แต่ใช้ในอัตราเข้มข้นกว่าความเค็มของเหงื่อ จริง ๆ หลายเท่า) ครับ แล้วทดลอง...ก็ให้ผลแบบเดียวกับ LUX ...เรื่องนี้มีข้อขัดแย้งในตัวด้วยครับ เพราะเหงื่อที่คนเราขับออกมาจากร่างกายไม่ได้มีแต่เพียงเหงื่ออย่างเดียว โดยเฉพาะ คุณผู้หญิงด้วยแล้ว เหงื่อที่ขับออกมามี "ไขมัน"มากกว่าซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นตัว "เปรี้ยวๆ" อันเกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับอากาศและการย่อยของแบคทีเรียบริเวณ ผิวหนัง กับ "กรดไขมัน" ที่ร่างกายขับออกมาพร้อมเหงื่อ คนไทยมีเหงื่อมากครับ...ซึ่งก็เป็นปกติ ส่วนการใช้เจลอาบน้ำเหมาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำเช่น ในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรืออากาศหนาว (และอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน) เพราะเค้าต้องรักษาความชื้นที่ผิวหนังและปกติเค้าก็ไม่ค่อยมีเหงื่อครับ
8. ยาสีฟันกลิสเตอร์ "ข้นกว่า" และไม่มีสารขัดฟันหยาบ ๆ เมื่อเทียบกับ "พาโรดอนแท็กส์" เพราะ ว่ายาสีฟัน กลิสเตอร์เป็น "ครีมทำความสะอาด" ไม่ใช่ยา "สี(ขัดสี)ฟัน"ความข้นในตัวมันเองเกิดจากมวลสารที่มีขนาดเล็ก ๆ ซึ่งไม่แยกตัวง่าย ๆ เมื่อมีการให้พลังงานเข้าไปเฉกเช่นยาสีฟันที่ใช้ "สารขัดฟัน" เป็นหลักแล้วใช้โมเลกุลอื่น ๆ ที่เล็กกว่าเป็นตัวยึดเหนี่ยวหรือผสมผสานยาสีฟันกลิสเตอร์มักพูดถึงความเข้มข้น (ซึ่งความจริงแล้วคือ "การไม่แยกตัว") โดยทำเป็นลืม ๆ เรื่องคุณภาพการ "ขัดฟัน" โดยโยนให้เป็นเรื่องของแปรงกับวิธีการสีฟันของผู้ใช้แทน
9. น้ำยาล้างจาน LOC ยาสระผม ...ฯลฯ ของแอมเวย์ใช้สารตั้งต้นในหมู่อนุพันธ์ "Loreth sulfate"(คนไทยเรียก "หัวแชมพู") ซึ่งเป็นสารเคมีราคาถูก ๆ และกำลังอยู่ในขั้นวิจัยว่าเป็นส่วนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งแชมพูสระผมในเมืองไทยหลายยี่ห้อเลิกใช้ไปแล้ว
10. เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ แพงกว่าเครื่องกรองน้ำที่มีขายในเมืองไทย 2 เท่า โดยค่าอะหลั่ยก็แพงกว่า 3-4 เท่า แอมเวย์มักเอาเครื่องกรองน้ำของตนเปรียบเทียบกับสินค้าคุณภาพต่ำกว่า หรือ "ไม่ตรงจุดประสงค์" ของผู้ออกแบบ เช่นเอาสารกรองซึ่งก็คือ activated carbon ไปเปรียบเทียบกับ resin ทั้ง ๆ ที่ resin มีไว้เพื่อกำจัดความกระด้างของน้ำ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่คุณภาพสูงกว่า (และราคาถูกกว่า) เช่น เครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็อ้างว่าน้ำจากระบบ RO" กรองทุกอย่างออกไปหมด" แม้แต่ "สารที่มีประโยชน์" โดยแอมเวย์ไม่ได้บอกว่า "สารที่มีประโยชน์" ที่เครื่องกรองน้ำแอมเวย์กรองไว้ไม่ได้มีอะไรบ้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว...เครื่องกรองน้ำแอมเวย์มีเพียงการกรอง 3 ขั้น ขั้นแรกเป็นการกรองแบบเลวมาก ๆ ด้วยชั้นกรอง PP บางจ๋อย จนเทียบกับไส้กรอง PP หรือไส้กรองเซรามิก ในท้องตลาดไม่ได้ ขั้นที่สองเป็นความภูมิใจของแอมเวย์และมักพูดกับผู้ซื้อราวกับแอมเวย์เท่า นั้นที่ ทำสิ่งนี้ (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมีการคิดค้น-ใช้งานก่อนแอมเวย์ทำเครื่องกรองน้ำเอง หลายปี) คือ Activated carbon แต่เมื่อเทียบกับไส้กรอง AC ในท้องตลาดแบบมาตรฐาน...ซึ่งใช้กันทั่วไปแม้ในอเมริกา (ของกันนั่นล่ะ) จะพบว่าราคาของแอมเวย์แพงกว่า 3 เท่าตัวจนท่านสามารถซึ้อของยี่ห้ออื่นมาต่อ แบบอนุกรมได้ 2 เท่า...ซึ่งให้คุณภาพการกรองดีกว่า...ในราคาที่ต่ำกว่า ขั้นที่ 3 การกำจัดเชื้อ หรือระบบ Ultra violet สินค้าของแอมเวย์เป็นหลอดรังสีที่ให้ค่า Lux ต่ำกว่าของที่ขายยี่ห้ออื่น ๆ ...แต่อ้างว่าออกแบบให้มีการหมุนวนภายในระบบเพื่อเพิ่มระยะเวลา retaintion time ) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วค่าเวลาดังกล่าว วัดจาก"อัตราการไหล" ที่ Input -Output เนื่องจากทางวิศวกรรมถือว่าเป็น " ระบบปิด" แล้วจึงวัดที่ขนาดของระบบ V= Q / A แม้ว่าภายในระบบจะจัดให้น้ำหมุนวนเป็น "กระแส" อย่างไรก็ตามถ้าลำของกระแสนั้นเล็กมาก ( A ต่ำ ) V หรือความเร็วในการไหล ก็จะสูงขึ้น เพราะ Q หรืออัตรา น้ำก็เท่า ๆ กัน ดังนั้นทำไมไม่เลือกตัวจ่ายรังสีที่เฉียบขาดกว่าในการฆ่าเชื้อล่ะ ? ...ถ้าแอมเวย์จะอ้างว่ารังสีมากก็อันตรายมาก...ก็พาไปหา "สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค"ได้เลย เพราะขนาดของรังสีที่ใช้ในสินค้ายี่ห้ออื่นก็ผ่านมาตรฐานทั้งนั้น (มักเป็นสินค้ากัน...เช่นเดียวกัน) นอกจาก นั้นแล้ว...เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ก็ใช้กรองน้ำบาดาลหรือน้ำกร่อยไม่ได้ ครับ...ใช้ได้แต่การกรองน้ำประปาที่ปกติก็ดื่มได้อยู่แล้ว...เท่านั้น
11. เครื่องฟอกอากาศของแอมเวย์ "แพงมาก ๆ" ราคาเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 1 คันหรือแพงกว่า เครื่องปรับ อากาศขนาด 1 ตัน 2 เท่า ทั้งที่ระบบการกรองเป็นแบบ 3 ขั้นตอนที่ไม่มีเทคโนโลยี่อะไรมากมาย คือกรองหยาบด้วยตะแกรง กำจัดกลิ่นด้วย Activated carbon และดัก mist ด้วยไส้กรอง เฮพปา ตัวนี้ในเมืองไทยยังผลิตเองไม่ได้ แต่นำเข้ามาตัด พับได้ เช่น ของ 3M) ในท้องตลาดมีสินค้าที่ มีระบบ เช่นเดียวกันนี้ 2-3 ยี่ห้อ โดยราคาถูกกว่า 8-10 เท่า แม้ว่ามีอัตราการไหลผ่าน (ขนาด) เล็กกว่า ก็เล็กกว่าไม่ถึง 3 เท่า ดังนั้น...ซื้อตัวเล็ก ๆ สัก 3 ตัวก็ยังถูกตังค์กว่าเยอะปกติแล้วระบบฟอกอากาศที่ใช้กันทั่วไป มักเป็นระบบที่ใช้ไฟฟ้าสถิตย์ (ความเป็นจริงคือการใช้สนามไฟฟ้าในการดีด แล้วจับฝุ่นละออง) ซึ่งเราสามารถ "ถอดล้างทำความสะอาด" ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่กันตะบี้ตะบัน คุณภาพการกำจัดฝุ่นของระบบ "EP" อยู่ที่ประมาณ 90 % ( ส่วนแฮพปา อยู่ที่ 95 % ) โดยวัดที่ "ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในเมืองไทย" และระบบแฮพปานั้นจะมีปัญหาทันทีถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงๆ ...ซึ่งก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศของ แอมเวย์ใช้ได้เฉพาะในห้องแอร์ (เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพตามคำบรรยาย) ...เท่านั้นครับ
12. เรื่องผงซักฟอก SA8 ของแอมเวย์ที่อ้างถึง "การรักษาสภาพแวดล้อม" เนื่องจากย่อยสลายได้... ผงซักฟอกทุกชนิด - ทุกยี่ห้อที่ขายในเมืองไทยต้องไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดฟอสเฟตในอัตราที่เป็น อันตรายครับ เนื่องจากผงซักฟอกเป็น "มาตรฐานบังคับ" ของสำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การกล่าวอ้างว่าผงซักฟอกอื่น "ทำลาย" สิ่งแวดล้อมจึงเป็นการสบประมาทเจ้าหน้าที่ (หรือกฎหมายของบ้านเมือง)ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรฐาน "บังคับ"เป็นมาตรฐานที่ "ต้อง" ทำให้ได้ ถ้าจะขายสินค้านั้น ๆ)...ถ้าพบใครพูดเช่นนั้นหรือทำนองนั้น...ก็บอกเค้าด้วยว่า...อาจเข้าข่าย หมิ่นประมาทครับ (จำคุก 1- 3 ปี...ถ้าผมจำไม่ผิด)
วิทยากรของทางแอมเวย์ส่วนใหญ่ล้วน สร้างประวัติของตนเท็จเพื่อสร้างความเชื่อมั่นไม่ว่าทั้งเรื่องการงาน การศึกษา และแรงจูงใจแก่ผู้ร่วมงานด้วยกัน (ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้)
ส่วนคนที่รักแอมเวย์ ก็คล้ายๆ คนโดนซื้อสิทธิ์ละครับ ได้ผลประโยชน์ได้จากเขามา แล้วก็ทำเป็นรักเขาโดยไม่มองภาพรวม อีกอย่างแอมเวย์เป็นจิตวิทยาที่ซับซ้อน คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสังคมปกติ+ มีปัญหาอะไรบางอย่างทางด้านพื้นฐาน จะเป็นเหยื่อได้ง่ายมาก ตอนนี้แอมเวย์รุกกลุ่มใหม่แล้วคือนักศึกษา เหล่าคนที่อยากรวยแต่ไม่อยากทำอะไร+ไร้ประสบการณ์ เป็นขุมวัตถุดิบชั้นยอดของมันเลย แอมเวย์บางคนเกลี้ยกล่อม คนที่กำลังเขวว่า อย่าไปสนกระแสสังคม มันหมายความว่าไง คือ คนที่ข้ามจุดๆนึง ไป (เราเคยยืนจุดนั่นมาแล้วแต่ไม่ได้ข้าม) จะมีทัศนะคติที่ต่างไป ดังนี้
ในขั้นแรกที่สมัคร เขาจะบอกว่า ไม่ต้องเดินขาย ไม่ต้องง้อใคร อยู่ๆก็ได้เงินเองแค่สร้างเครือข่าย
หลังจากนั้น ก็จะพาเราไปอบรม จากวิทยากร + พบสังคมของเขา วันๆก็มีแต่ แอมเวย์ๆ โดยคนพาไป จะกระตุ้นตลอด พออบรมไประยะ ก็จะเกิดอารมณ์อยากทำ เห็นทางสว่าง เริ่มฝัน ทั้งๆที่ลืมตัวไป ว่าเราไปขาย+ชักจูงเสียแล้ว พอทำไประยะนึง ก็จะถึงจุดสำคัญ คือ ความคิดที่ว่า จะเอาต่อเป็นมนุษย์แอมเวย์ที่รวยแต่คนทั่วไปเจอแล้วรังเกียจ(เจ้าตัวไม่แคร์) หรือจะกลับไปเป็น มนุษย์ในสังคมปกติ
ในระยะนี้ จะมีการเสริมแรง ยุยงสารพัด ทั้ง CD เทป หนังสือ อบรมต่างๆ นานา สื่อเหล่านี้ล้วนนำนักจิตวิทยา มาพูดเพื่อให้เข้าถึงส่วนลึกของสมองหรือที่เรียกได้ว่าสะกดจิตนั่นเอง
คนที่เลือกข้ามไปเป็นมนุษย์แอมเวย์ ก็จะเริ่มเกิดอาการเข้ากระแสเลือด อยากอบรม อยากหาคน อยากขาย พอมีคนไปเตือนไปพูดก็จะยกคำคมมา ปัดป้องได้หมด ขนาดที่ว่า เป็นนายกยังสู้ขายแอมเวย์ไม่ได้ ผลที่ตามมาคือ แตกต่าง + ออกห่างจากสังคมปกติอย่างชัดเจน บุคลิก + ลักษณะ อารมณ์จิตใจเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วยังจ่ายเงิน อบรมทีละ 1-3 พันบาทอย่างหน้าตาเฉย ขอชิ้นเป็นหมื่นๆก็ซื้อหน้าตาเฉย
บทสรุปของคนที่ข้ามไป ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อให้คนบนๆ กิน กิน กิน + เสียความเป็นมนุษย์ แล้วก็จบลงด้วยการไม่เหลืออะไร แต่ก็ยังดันทุรังทำไม่หยุด ส่วนน้อย ผันตัวเอง เป็นวิทยากร + นักชักจูงตัวยง หรือแมลงสาบที่พวกเราๆรังเกียจนั่นเอง ส่วนที่แทบไม่ถึงส่วนน้อยมาก ประสบความสำเร็จ แต่ผมบอกตรงๆ คุณรวยคุณมี แต่ไม่มีใครยอมรับคุณ ก็แค่กลุ่มของคุณเท่านั้น
******ไม่ได้โจมตีครับ แต่อยากบอกความจริงให้รู้.......
ข้อมูลจาก Forword Mail
1 . แอมเวย์มีสมาชิก...ที่ยังคงอยู่ ประมาณ 7-8 แสนคน (แต่ไม่ต่อสมาชิกแล้วประมาณ 1 เท่าตัว) ซึ่งดูจากหมายเลขสมาชิกปัจจุบัน น่าจะประมาณ 2 ล้านกว่า ๆ โดยแอมเวย์ เก็บเงินค่าสมาชิกปีละ 900 บาท เมื่อคูณด้วยจำนวนสมาชิกราว ๆ 7 แสนคน ก็หมายความว่า แอมเวย์ได้เงิน "ค่าสมาชิก"ไปแล้วประมาณ 600 ล้านบาท การที่แอมเวย์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลแค่ 1 ล้าน กับจ่ายเงินให้กองทุนต่าง ๆ เพื่อเอารูปมาลงเป็นการโฆษณา "ความดีงาม" ของตนเองสัก 80 ล้าน (จริง ๆ แล้วไม่ถึง 50 ล้าน) จึงถือว่าจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับ "เงินกินเปล่า" ที่เก็บไป
2. แอมเวย์ใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำเป็นบรรจุห่อ เช่น ขวดต่าง ๆ หรือหลอดยาสีฟันก็ไม่ได้หมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะหรือลดขยะ เนื่องจากพัสดุบห่อนั้น ๆ "มาจากอเมริกา" หรือหมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะ "จากอเมริกา" ไปไว้ที่ต่าง ๆ ในโลก แอมเวย์ไม่มีโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ หรือสั่งซื้อบห่อในประเทศอื่นครับ
3. แอมเวย์มักบอกว่าตัวเอง "ไม่มีโฆษณา" เพื่อลดต้นทุนส่วนที่ไม่จำเป็นให้ผู้ซื้อ แล้ว รูปสาวหน้าหมวย ๆ บีบยาสีฟันครึ่งหน้าของหนังสือพิมพ์หลายฉบับหลายวัน...แปลว่าอะไร โฆษณาใน TV...แปลว่าอะไรล่ะครับ
4. การโฆษณาของแอมเวย์เป็นซอฟท์เซลล์ สร้างความรู้สึกว่าคนใช้แอมเวย์เป็นคนประหยัด...เช่นซื้อรองเท้าเผื่อให้ลูก 1 เบอร์ เลือกเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ ฯลฯ ...อยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็น"เฉพาะ"ผู้ใช้แอมเวย์หรือครับ อันที่จริงคนไทยเราก็ทำอย่างนี้มานานตั้งแต่ก่อนแอมเวย์เข้ามาเมืองไทยเสีย อีก เช่น เราใช้ยาสีฟันจนหยดสุดท้าย (แม้แต่แปรงสีฟันยี่ห้อนึงยังออกแบบมาให้ใช้ "รีด" ยาสีฟันได้เสียด้วยซ้ำ...ซึ่งแปรงสีฟันยี่ห้อนั้นก็ไม่ใช่ของแอมเวย์)...อันนี้อยากถามว่าแอมเวย์ "ฉกฉวย" วัฒนธรรมที่มีอยู่ก่อนเก่าไปเป็นของตัวเองรึเปล่า...ไม่มีปัญญาสร้างสรรความ คิดใหม่ ๆ จาก"แอมเวย์" เองบ้างรึไง ?
5. จำนวน "ผู้ประสบความสำเร็จ" คือตั้งแต่ระดับ DD ขึ้นไปในเมืองไทยมีกี่คน เอ้า...ผมให้ว่ามี 5 หมื่น (ซึ่งจริงแล้วผมรู้ว่ามีไม่ถึงหรอก) 5 หมื่นคน ใน 2 ล้านคน เป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ คุณลองเทียบร้อยละหรือปัญญัติไตรยางศ์ดูได้เลยว่า ธุรกิจที่มีคนประสบความสำเร็จแค่ 2-3 เปอร์เซนต์น่ะ...ช่างน่าช่วยกันพัฒนาให้ "สวยงาม" ในประเทศชาตินักนี่ครับ
6. การจะเป็น DD ได้คุณต้องขายของได้เป้า 150,000 PV ใน 6 เดือน เป็นการขายให้ได้เป้าติดกัน 3 เดือน (performanced) ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องขายของให้แอมเวย์ประมาณ 2แสนบาท (รวมทั้งให้สายงานของคุณขายด้วยนั่นล่ะ) ต่อเดือน แปลว่าคุณต้องขายของได้อย่างต่ำ 1 ล้าน 2 แสนบาท ใน 1 ปี (ซึ่งปกติแล้ว...มากกว่านั้น) ...ถ้าคุณมีเซลล์ขายของให้ได้ 1 ล้านกว่าบาทแบบไม่เอาเงินเดือน 1 ปี.. เขาควรจะได้คอมมิสชั่นกว่าแสนบาท โดยในปีต่อ ๆ ไปเขาก็ขายให้ได้บ้าง...ไม่ได้บ้างเนื่องจากเขามี "ลูกค้าเก่า ๆ" สำหรับกิจการของคุณ ทำไมคุณไม่ควรตอบแทนอะไรให้เขาบ้างล่ะ ซึ่งแอมเวย์ก็ให้...ผมรู้ เขาให้เงินเดือน เดือนละประมาณ 18,000 บาทกับคุณ โดยที่คุณต้องเอาเงินนั้นจ่ายค่าน้ำมันรถของคุณเอง จ่ายค่าอบรมสัมมนาเอง (และยังต้องจ่าย "พิเศษ" มากกว่าคนที่ยังไม่เป็น DD) ด้วยเพื่อเลี้ยง "สายงาน" ฯลฯ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้...คุณยอมจ่ายง่ายจังเลยนะ ถ้าคนที่มีปัญญาขายของได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท เอาเงินโบนัสหรือคอมมิสชั่นที่ได้เก็บไว้ทำเป็นทุน (ไม่ใช่หนี้) แล้วทำกิจการเอง...เขาอาจจะมี "ตัวตน" มากกว่าต้องไปหลบอยู่หลังเงาทะมึนของแอมเวย์...ทั้งตระกูล...ก็ได้
7. เจลอาบน้ำ ซึ่งมักเอามาเปรียบเทียบกับ "ครีมอาบน้ำ" ของ LUX แล้วพบความแตกต่างว่า...ครีมอาบน้ำของ LUX เกิดชั้นไขมัน หรือแตกตัวให้กลิ่นแอมโมเนีย เมื่อผสมกับสบู่ ความเป็นจริงแล้วก็คือ...เจลอาบน้ำ ไม่ใช้สบู่อาบน้ำหรือครีมอาบน้ำ สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตต่างกันและวัตถุประสงค์ก็ต่างกันถ้าเอา "เจลอาบน้ำ" ยี่ห้ออื่นมาทดลอง...ก็เหมือนกับแอมเวย์นั่นล่ะ (แต่ราคาถูกกว่า) ในขณะเดียวกันถ้าเอา "สบู่" ของแอมเวย์มาละลายน้ำผสมกับ "เกลือ" (แอมเวย์ใช้แทนเหงื่อ...แต่ใช้ในอัตราเข้มข้นกว่าความเค็มของเหงื่อ จริง ๆ หลายเท่า) ครับ แล้วทดลอง...ก็ให้ผลแบบเดียวกับ LUX ...เรื่องนี้มีข้อขัดแย้งในตัวด้วยครับ เพราะเหงื่อที่คนเราขับออกมาจากร่างกายไม่ได้มีแต่เพียงเหงื่ออย่างเดียว โดยเฉพาะ คุณผู้หญิงด้วยแล้ว เหงื่อที่ขับออกมามี "ไขมัน"มากกว่าซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นตัว "เปรี้ยวๆ" อันเกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับอากาศและการย่อยของแบคทีเรียบริเวณ ผิวหนัง กับ "กรดไขมัน" ที่ร่างกายขับออกมาพร้อมเหงื่อ คนไทยมีเหงื่อมากครับ...ซึ่งก็เป็นปกติ ส่วนการใช้เจลอาบน้ำเหมาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำเช่น ในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรืออากาศหนาว (และอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน) เพราะเค้าต้องรักษาความชื้นที่ผิวหนังและปกติเค้าก็ไม่ค่อยมีเหงื่อครับ
8. ยาสีฟันกลิสเตอร์ "ข้นกว่า" และไม่มีสารขัดฟันหยาบ ๆ เมื่อเทียบกับ "พาโรดอนแท็กส์" เพราะ ว่ายาสีฟัน กลิสเตอร์เป็น "ครีมทำความสะอาด" ไม่ใช่ยา "สี(ขัดสี)ฟัน"ความข้นในตัวมันเองเกิดจากมวลสารที่มีขนาดเล็ก ๆ ซึ่งไม่แยกตัวง่าย ๆ เมื่อมีการให้พลังงานเข้าไปเฉกเช่นยาสีฟันที่ใช้ "สารขัดฟัน" เป็นหลักแล้วใช้โมเลกุลอื่น ๆ ที่เล็กกว่าเป็นตัวยึดเหนี่ยวหรือผสมผสานยาสีฟันกลิสเตอร์มักพูดถึงความเข้มข้น (ซึ่งความจริงแล้วคือ "การไม่แยกตัว") โดยทำเป็นลืม ๆ เรื่องคุณภาพการ "ขัดฟัน" โดยโยนให้เป็นเรื่องของแปรงกับวิธีการสีฟันของผู้ใช้แทน
9. น้ำยาล้างจาน LOC ยาสระผม ...ฯลฯ ของแอมเวย์ใช้สารตั้งต้นในหมู่อนุพันธ์ "Loreth sulfate"(คนไทยเรียก "หัวแชมพู") ซึ่งเป็นสารเคมีราคาถูก ๆ และกำลังอยู่ในขั้นวิจัยว่าเป็นส่วนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งแชมพูสระผมในเมืองไทยหลายยี่ห้อเลิกใช้ไปแล้ว
10. เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ แพงกว่าเครื่องกรองน้ำที่มีขายในเมืองไทย 2 เท่า โดยค่าอะหลั่ยก็แพงกว่า 3-4 เท่า แอมเวย์มักเอาเครื่องกรองน้ำของตนเปรียบเทียบกับสินค้าคุณภาพต่ำกว่า หรือ "ไม่ตรงจุดประสงค์" ของผู้ออกแบบ เช่นเอาสารกรองซึ่งก็คือ activated carbon ไปเปรียบเทียบกับ resin ทั้ง ๆ ที่ resin มีไว้เพื่อกำจัดความกระด้างของน้ำ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่คุณภาพสูงกว่า (และราคาถูกกว่า) เช่น เครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็อ้างว่าน้ำจากระบบ RO" กรองทุกอย่างออกไปหมด" แม้แต่ "สารที่มีประโยชน์" โดยแอมเวย์ไม่ได้บอกว่า "สารที่มีประโยชน์" ที่เครื่องกรองน้ำแอมเวย์กรองไว้ไม่ได้มีอะไรบ้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว...เครื่องกรองน้ำแอมเวย์มีเพียงการกรอง 3 ขั้น ขั้นแรกเป็นการกรองแบบเลวมาก ๆ ด้วยชั้นกรอง PP บางจ๋อย จนเทียบกับไส้กรอง PP หรือไส้กรองเซรามิก ในท้องตลาดไม่ได้ ขั้นที่สองเป็นความภูมิใจของแอมเวย์และมักพูดกับผู้ซื้อราวกับแอมเวย์เท่า นั้นที่ ทำสิ่งนี้ (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมีการคิดค้น-ใช้งานก่อนแอมเวย์ทำเครื่องกรองน้ำเอง หลายปี) คือ Activated carbon แต่เมื่อเทียบกับไส้กรอง AC ในท้องตลาดแบบมาตรฐาน...ซึ่งใช้กันทั่วไปแม้ในอเมริกา (ของกันนั่นล่ะ) จะพบว่าราคาของแอมเวย์แพงกว่า 3 เท่าตัวจนท่านสามารถซึ้อของยี่ห้ออื่นมาต่อ แบบอนุกรมได้ 2 เท่า...ซึ่งให้คุณภาพการกรองดีกว่า...ในราคาที่ต่ำกว่า ขั้นที่ 3 การกำจัดเชื้อ หรือระบบ Ultra violet สินค้าของแอมเวย์เป็นหลอดรังสีที่ให้ค่า Lux ต่ำกว่าของที่ขายยี่ห้ออื่น ๆ ...แต่อ้างว่าออกแบบให้มีการหมุนวนภายในระบบเพื่อเพิ่มระยะเวลา retaintion time ) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วค่าเวลาดังกล่าว วัดจาก"อัตราการไหล" ที่ Input -Output เนื่องจากทางวิศวกรรมถือว่าเป็น " ระบบปิด" แล้วจึงวัดที่ขนาดของระบบ V= Q / A แม้ว่าภายในระบบจะจัดให้น้ำหมุนวนเป็น "กระแส" อย่างไรก็ตามถ้าลำของกระแสนั้นเล็กมาก ( A ต่ำ ) V หรือความเร็วในการไหล ก็จะสูงขึ้น เพราะ Q หรืออัตรา น้ำก็เท่า ๆ กัน ดังนั้นทำไมไม่เลือกตัวจ่ายรังสีที่เฉียบขาดกว่าในการฆ่าเชื้อล่ะ ? ...ถ้าแอมเวย์จะอ้างว่ารังสีมากก็อันตรายมาก...ก็พาไปหา "สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค"ได้เลย เพราะขนาดของรังสีที่ใช้ในสินค้ายี่ห้ออื่นก็ผ่านมาตรฐานทั้งนั้น (มักเป็นสินค้ากัน...เช่นเดียวกัน) นอกจาก นั้นแล้ว...เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ก็ใช้กรองน้ำบาดาลหรือน้ำกร่อยไม่ได้ ครับ...ใช้ได้แต่การกรองน้ำประปาที่ปกติก็ดื่มได้อยู่แล้ว...เท่านั้น
11. เครื่องฟอกอากาศของแอมเวย์ "แพงมาก ๆ" ราคาเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 1 คันหรือแพงกว่า เครื่องปรับ อากาศขนาด 1 ตัน 2 เท่า ทั้งที่ระบบการกรองเป็นแบบ 3 ขั้นตอนที่ไม่มีเทคโนโลยี่อะไรมากมาย คือกรองหยาบด้วยตะแกรง กำจัดกลิ่นด้วย Activated carbon และดัก mist ด้วยไส้กรอง เฮพปา ตัวนี้ในเมืองไทยยังผลิตเองไม่ได้ แต่นำเข้ามาตัด พับได้ เช่น ของ 3M) ในท้องตลาดมีสินค้าที่ มีระบบ เช่นเดียวกันนี้ 2-3 ยี่ห้อ โดยราคาถูกกว่า 8-10 เท่า แม้ว่ามีอัตราการไหลผ่าน (ขนาด) เล็กกว่า ก็เล็กกว่าไม่ถึง 3 เท่า ดังนั้น...ซื้อตัวเล็ก ๆ สัก 3 ตัวก็ยังถูกตังค์กว่าเยอะปกติแล้วระบบฟอกอากาศที่ใช้กันทั่วไป มักเป็นระบบที่ใช้ไฟฟ้าสถิตย์ (ความเป็นจริงคือการใช้สนามไฟฟ้าในการดีด แล้วจับฝุ่นละออง) ซึ่งเราสามารถ "ถอดล้างทำความสะอาด" ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่กันตะบี้ตะบัน คุณภาพการกำจัดฝุ่นของระบบ "EP" อยู่ที่ประมาณ 90 % ( ส่วนแฮพปา อยู่ที่ 95 % ) โดยวัดที่ "ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในเมืองไทย" และระบบแฮพปานั้นจะมีปัญหาทันทีถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงๆ ...ซึ่งก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศของ แอมเวย์ใช้ได้เฉพาะในห้องแอร์ (เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพตามคำบรรยาย) ...เท่านั้นครับ
12. เรื่องผงซักฟอก SA8 ของแอมเวย์ที่อ้างถึง "การรักษาสภาพแวดล้อม" เนื่องจากย่อยสลายได้... ผงซักฟอกทุกชนิด - ทุกยี่ห้อที่ขายในเมืองไทยต้องไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดฟอสเฟตในอัตราที่เป็น อันตรายครับ เนื่องจากผงซักฟอกเป็น "มาตรฐานบังคับ" ของสำนักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การกล่าวอ้างว่าผงซักฟอกอื่น "ทำลาย" สิ่งแวดล้อมจึงเป็นการสบประมาทเจ้าหน้าที่ (หรือกฎหมายของบ้านเมือง)ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรฐาน "บังคับ"เป็นมาตรฐานที่ "ต้อง" ทำให้ได้ ถ้าจะขายสินค้านั้น ๆ)...ถ้าพบใครพูดเช่นนั้นหรือทำนองนั้น...ก็บอกเค้าด้วยว่า...อาจเข้าข่าย หมิ่นประมาทครับ (จำคุก 1- 3 ปี...ถ้าผมจำไม่ผิด)
วิทยากรของทางแอมเวย์ส่วนใหญ่ล้วน สร้างประวัติของตนเท็จเพื่อสร้างความเชื่อมั่นไม่ว่าทั้งเรื่องการงาน การศึกษา และแรงจูงใจแก่ผู้ร่วมงานด้วยกัน (ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้)
ส่วนคนที่รักแอมเวย์ ก็คล้ายๆ คนโดนซื้อสิทธิ์ละครับ ได้ผลประโยชน์ได้จากเขามา แล้วก็ทำเป็นรักเขาโดยไม่มองภาพรวม อีกอย่างแอมเวย์เป็นจิตวิทยาที่ซับซ้อน คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสังคมปกติ+ มีปัญหาอะไรบางอย่างทางด้านพื้นฐาน จะเป็นเหยื่อได้ง่ายมาก ตอนนี้แอมเวย์รุกกลุ่มใหม่แล้วคือนักศึกษา เหล่าคนที่อยากรวยแต่ไม่อยากทำอะไร+ไร้ประสบการณ์ เป็นขุมวัตถุดิบชั้นยอดของมันเลย แอมเวย์บางคนเกลี้ยกล่อม คนที่กำลังเขวว่า อย่าไปสนกระแสสังคม มันหมายความว่าไง คือ คนที่ข้ามจุดๆนึง ไป (เราเคยยืนจุดนั่นมาแล้วแต่ไม่ได้ข้าม) จะมีทัศนะคติที่ต่างไป ดังนี้
ในขั้นแรกที่สมัคร เขาจะบอกว่า ไม่ต้องเดินขาย ไม่ต้องง้อใคร อยู่ๆก็ได้เงินเองแค่สร้างเครือข่าย
หลังจากนั้น ก็จะพาเราไปอบรม จากวิทยากร + พบสังคมของเขา วันๆก็มีแต่ แอมเวย์ๆ โดยคนพาไป จะกระตุ้นตลอด พออบรมไประยะ ก็จะเกิดอารมณ์อยากทำ เห็นทางสว่าง เริ่มฝัน ทั้งๆที่ลืมตัวไป ว่าเราไปขาย+ชักจูงเสียแล้ว พอทำไประยะนึง ก็จะถึงจุดสำคัญ คือ ความคิดที่ว่า จะเอาต่อเป็นมนุษย์แอมเวย์ที่รวยแต่คนทั่วไปเจอแล้วรังเกียจ(เจ้าตัวไม่แคร์) หรือจะกลับไปเป็น มนุษย์ในสังคมปกติ
ในระยะนี้ จะมีการเสริมแรง ยุยงสารพัด ทั้ง CD เทป หนังสือ อบรมต่างๆ นานา สื่อเหล่านี้ล้วนนำนักจิตวิทยา มาพูดเพื่อให้เข้าถึงส่วนลึกของสมองหรือที่เรียกได้ว่าสะกดจิตนั่นเอง
คนที่เลือกข้ามไปเป็นมนุษย์แอมเวย์ ก็จะเริ่มเกิดอาการเข้ากระแสเลือด อยากอบรม อยากหาคน อยากขาย พอมีคนไปเตือนไปพูดก็จะยกคำคมมา ปัดป้องได้หมด ขนาดที่ว่า เป็นนายกยังสู้ขายแอมเวย์ไม่ได้ ผลที่ตามมาคือ แตกต่าง + ออกห่างจากสังคมปกติอย่างชัดเจน บุคลิก + ลักษณะ อารมณ์จิตใจเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วยังจ่ายเงิน อบรมทีละ 1-3 พันบาทอย่างหน้าตาเฉย ขอชิ้นเป็นหมื่นๆก็ซื้อหน้าตาเฉย
บทสรุปของคนที่ข้ามไป ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อให้คนบนๆ กิน กิน กิน + เสียความเป็นมนุษย์ แล้วก็จบลงด้วยการไม่เหลืออะไร แต่ก็ยังดันทุรังทำไม่หยุด ส่วนน้อย ผันตัวเอง เป็นวิทยากร + นักชักจูงตัวยง หรือแมลงสาบที่พวกเราๆรังเกียจนั่นเอง ส่วนที่แทบไม่ถึงส่วนน้อยมาก ประสบความสำเร็จ แต่ผมบอกตรงๆ คุณรวยคุณมี แต่ไม่มีใครยอมรับคุณ ก็แค่กลุ่มของคุณเท่านั้น
******ไม่ได้โจมตีครับ แต่อยากบอกความจริงให้รู้.......
ข้อมูลจาก Forword Mail
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)