ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ระบบ 3G คืออะไร / เทคโนโลยี 3G หมายถึง / ความเร็ว 3G
เทคโนโลยี 3G พัฒนามาจากอะไร ระบบ 3G คืออะไร และมี ความเร็ว เท่าไร
ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่น
สำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+
HSDPAนั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps. ( ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น )
HSUPAจะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps
สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้
คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 900 จะถูกพัฒนาโดย AIS (ใช้ชั่วคราวที่เชียงใหม่ และ Central World)
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 กำลังรอ กทช. ทำการประมูลเพื่อจัดสรรคลื่นความถี่
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 จะถูกพัฒนาโดย TOT
ดังนั้นการเลือกซื้อ AirCard , Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น
บทความโดย AirCardShop.com 17 เมษายน 2552, 23:49 | ข้อมูล AirCard
กลยุทธ์นำไปสู่ความสำเร็จ " หัวใจ K A S H " 3S 1M
กลยุทธ์นำไปสู่ความสำเร็จ | ||||
|
ทำไมต้องเครือข่าย
ทำไมต้องเครือข่าย | |||||||||||||||||
|
4Cs กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ ในยุคทองของอินเทอร์เน็ต
เพียงพออีกต่อไปแล้วก็ว่าได้ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะวิวัฒนาการของโลก ได้เปลี่ยนแปลงไปไกล กว่ายุคเดิมหลายช่วงตัว ว่าไปแล้วสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่เข้า มามีบทบาทสำคัญ นั่นคือ อินเทอร์เน็ต
* หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีใครคิดบ้างว่าอินเทอร์เน็ตจะมีบทบาทได้ถึงเพียงนี้ เพราะตอนนั้นมันถูกใช้อยู่ในวงจำกัด ถ้าเป็นเมืองไทยก็ใช้เฉพาะนักวิชาการ นักวิจัย และองค์กรข้ามชาติบางรายเท่านั้น แต่พอถึงยุคนี้ อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นอย่างหนึ่งในการประกอบธุรกิจไปแล้ว
* เมื่อสำคัญเช่นนี้ อินเทอร์เน็ตจึงจัดให้อยู่ในระดับสำคัญมากในภาคการตลาดและการสื่อสารการตลาด และแล้วก็เป็นที่มาของการเกิดกลยุทธ์ใหม่ที่นำมาใช้ร่วมควบคู่ไปกับ 4Ps นั่นคือ 4Cs หรือ บางสูตรว่า 4Cs เข้าไปแทนที่ 4Ps
* 4Cs ประกอบด้วย Consumer, Cost, Convenience, Communications ทั้ง 4 มีหัวใจรวมศูนย์ที่ให้ ความสำคัญต่อลูกค้า หรือ โฟกัสลูกค้าเป็นสำคัญ
Consumer เน้นความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก หรือหากบอกให้ตรงใจ คือเข้าถึงใจผู้บริโภค ให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า หรือที่เรียกว่า CRM Customer Relation Management)โดยต้องยึดหลักการสรรค์สร้างสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้าใน ทุกๆ กลุ่ม
Cost ทำให้ต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อให้จะได้กำหนดราคาขายถึงมือผู้บริโภคต่ำไปด้วย ซึ่งจะเป็นที่ได้เปรียบในการแข่งขัน ด้านราคากับคู่แข่ง
Convenience ช่องทางการจัดจำหน่ายต้องอำนวยให้ผู้บริโภคสะดวกซื้อมากที่สุด ยิ่งมีช่องทาง หรือหน้าร้าน มากเท่าไร โอกาสที่ผู้บริโภคจะซื้อมากเท่านั้น เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันมิได้ยึดติดกับสถานที่เดิม สักเท่าไร
Communications เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง และมีองค์ประกอบหลายด้าน จากความหมายตรงตัวที่แปลว่าการสื่อสาร จึงรวมตั้งแต่การติดต่อสื่อสารที่ต้องสะดวก ง่าย รวดเร็วการสื่อสารที่สร้างความรับรู้ให้ ผู้บริโภคและตลาด ซึ่งได้แก่การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย รวมถึงสื่อสารแบบกระตุ้นตลาด ได้แก่การจัดงานแสดงสินค้าการจัดนิทรรศการงานโชว์การตลาดเชิงรุกหรือการตลาดแบบตรงและเข้าถึงลูกค้ารายตัว
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ หากนำไปผนวกรวมกับกลยุทธ์ 4Ps เดิมก็จะยิ่งเสริมให้การตลาดแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแต่ที่ขาดไม่ได้ของกลยุทธ์โฉมใหม่ทั้ง 4 เรื่องหลัง (4Cs) จะต้องมีตัวช่วย ตัวช่วยนั้นคือสื่อยุคใหม่ หรืออินเทอร์เน็ต เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดอันจะแจกแจงได้ว่าอินเทอร์เน็ตช่วยในแต่ละ C อย่างไรบ้าง
o Consumer อินเทอร์เน็ตช่วยลดความห่างระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้น้อยลง
ตัวอย่าง เช่นผู้บริโภคสามารถส่ง Comment ถึงตรงผู้ประกอบการได้ึ่งตรงนี้จะเป็นข้อมูล
สำคัญเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไขในสิ่งที่ลูกค้าบอกว่าได้ส่่วนผู้ประกอบการเองก็สามารถ
เข้าถึงใจผู้บริโภคได้มากขึ้น
o Cost ต้นทุนดำเนินการลดลงได้หากใช้อินเทอร์เน็ต เช่นใช้อีเมลล์แทนการส่งแฟกซ์/ส่ง
รูปต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีส่วนลดค่าดำเนินการทั้งสิ้น
o Convenience อินเทอร์เน็ตช่วยให้สะดวกขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายผู้สั่งซื้อ หรือผู้เสนอ
ขาย หลายท่านคุ้นเคยการสั่งซื้อของผ่านช่องทางนี้
o Communications หัวข้อนี้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญ ทั้งการโฆษณาประชา
สัมพันธ์ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อได้เป็นอย่างดี การส่งเสริมการขายก็สามารถทำผ่าน
อินเทอร์เน็ตได้ ข้อดีของอินเทอร์เน็ตคือทำให้การโฆษณาประชาสัมพันธ์การส่งเสริม
การขายนั้นจะแผ่ขยายวงการออกไปไม่เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง สื่อใดสื่อหนึ่ง แต่หมายถึง
สร้างความรับรู้ได้ทั่วโลกเลยในคราเดียว
* สุดท้ายขอทิ้งท้ายว่าแท้จริงแล้วอินเทอร์เน็ตเป็นทั้งตัวทำให้เกิดกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมา และในเวลา
เดียวกัน อินเทอร์เน็ตอีกนั่นแหละ ที่เป็นเครื่องมือให้ผู้ประกอบการก้าวไปใช้กลยุทธ์ 4Cs ได้อย่าง
สำเร็จ