ปูแดง,ปูแดง168,ปูแดงไคโตซาน,ปุ๋ยปูแดง,ไคโตซาน,ไคโตซานพืช,ไคโตซานสัตว์,อินทรีย์ปูแดง,สมุนไพรปูแดง,ผงชูรสปูแดง,Poodang,Kitozan,สารไคโตซาน,ตัวแทนจำหน่ายปูแดง,เกษตรปลอดสารพิษ,เกษตรชีวภาพ,ธุรกิจเกษตร,พืชโตไว,เพิ่มผลผลิต,ป้องกันโรค,ป้องกันแมลง,สารปรังปรุงดิน,ชาวสวนไร่นา,ลดปุ๋ย,โอกาสทางธุรกิจ,mlm,ขายตรง,รายได้เสริม,รายได้พิเศษ,ธุรกิจเครือข่าย โทรปรึกษาฟรี 083-0340025
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร
เมล็ดพันธ์แห่งกัลยาณมิตร
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันเสาร์ที่ ๑๓ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
--------------------------------------------
ในการสร้างบารมี เราต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทะลุเป้า เราก็ต้องทำให้ได้ ถ้าตามลำพังเรามีกำลังไม่พอ เราก็ใช้ดวงปัญญาและกำลังใจไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ไปเชิญชวนผู้มีบุญ ซึ่งเป็นเจ้าของบุญ กำลังรอคอยเราอยู่เยอะแยะในทุกสถาน พอเจอหน้า ถ้าเป็นคน แล้วก็ให้ชวนทำบุญเลย ซึ่งก็จะมีบางคนชวนปุ๊บก็ทำปั๊บ บางคนขอคิดดูก่อน บางคนก็มีปฏิกิริยา ให้เราเพิ่มขันติบารมี อย่างนี้มี แต่สิ่งที่เราได้หว่านเมล็ดพืชแห่งกัลยาณมิตรก็จะไปเจริญเติบโตในดวงใจเขา รอวันที่งอกเงยมาเป็นต้น สักวันหนึ่งก็จะต้องมีใบ มีดอก มีผล แล้วเขาจะกลับมาระลึกนึกถึงเรา ที่ไปทำหน้าที่เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรจ้ะ
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร
หลักสำคัญที่สุดของการทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือการปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมบุญกุศลไว้ในตัวมาก ๆ แล้วตัวเราจะมีพลังใจที่เข้มแข็ง เบิกบาน มีความสุข กระแสแห่งความสุขใจของเราจากการประพฤติปฏิบัติธรรม จะแผ่ขยายออกไปรอบตัว เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ
บุคคลใดก็ตามที่เข้าใกล้เรา เขาจะมีความรู้สึกเย็นใจ สุขใจ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคนเดินฝ่าเปลวแดดร้อนแรงมา แล้วเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่ ได้นั่งพักใต้ร่มไม้นั้น ย่อมมีความเย็นกาย เย็นใจฉะนั้น
และการที่พวกเราออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น ไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพก็ดี อย่าคิดว่าเราทำหน้าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในการพบปะหมู่ญาติเพื่อนร่วมโลกของเรา ที่จะเชิญชวนให้เขามาสร้างบุญร่วมกับเรา อย่าลืมว่าหลวงพ่อไปกับลูก ๆ ด้วย ให้ระลึกเสมอว่า เราทุก ๆ คนอยู่ในศูนย์กลางธรรมกายของหลวงพ่อ และคุณยายท่านเสมอ ให้ตรึกใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทุกครั้งที่ออกไปทำหน้าที่ ณ ตำแหน่งตรงนี้เราจะเปิดใจพบกับหลวงพ่อ ถ้าเราทำได้อย่างนี้การทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเราก็จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์
(พระราชภาวนาวิสุทธิ์)
3 สิงหาคม 2528
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันเสาร์ที่ ๑๓ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
--------------------------------------------
ในการสร้างบารมี เราต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทะลุเป้า เราก็ต้องทำให้ได้ ถ้าตามลำพังเรามีกำลังไม่พอ เราก็ใช้ดวงปัญญาและกำลังใจไปทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ไปเชิญชวนผู้มีบุญ ซึ่งเป็นเจ้าของบุญ กำลังรอคอยเราอยู่เยอะแยะในทุกสถาน พอเจอหน้า ถ้าเป็นคน แล้วก็ให้ชวนทำบุญเลย ซึ่งก็จะมีบางคนชวนปุ๊บก็ทำปั๊บ บางคนขอคิดดูก่อน บางคนก็มีปฏิกิริยา ให้เราเพิ่มขันติบารมี อย่างนี้มี แต่สิ่งที่เราได้หว่านเมล็ดพืชแห่งกัลยาณมิตรก็จะไปเจริญเติบโตในดวงใจเขา รอวันที่งอกเงยมาเป็นต้น สักวันหนึ่งก็จะต้องมีใบ มีดอก มีผล แล้วเขาจะกลับมาระลึกนึกถึงเรา ที่ไปทำหน้าที่เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรจ้ะ
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร
หลักสำคัญที่สุดของการทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือการปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมบุญกุศลไว้ในตัวมาก ๆ แล้วตัวเราจะมีพลังใจที่เข้มแข็ง เบิกบาน มีความสุข กระแสแห่งความสุขใจของเราจากการประพฤติปฏิบัติธรรม จะแผ่ขยายออกไปรอบตัว เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ
บุคคลใดก็ตามที่เข้าใกล้เรา เขาจะมีความรู้สึกเย็นใจ สุขใจ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคนเดินฝ่าเปลวแดดร้อนแรงมา แล้วเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่ ได้นั่งพักใต้ร่มไม้นั้น ย่อมมีความเย็นกาย เย็นใจฉะนั้น
และการที่พวกเราออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น ไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพก็ดี อย่าคิดว่าเราทำหน้าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในการพบปะหมู่ญาติเพื่อนร่วมโลกของเรา ที่จะเชิญชวนให้เขามาสร้างบุญร่วมกับเรา อย่าลืมว่าหลวงพ่อไปกับลูก ๆ ด้วย ให้ระลึกเสมอว่า เราทุก ๆ คนอยู่ในศูนย์กลางธรรมกายของหลวงพ่อ และคุณยายท่านเสมอ ให้ตรึกใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทุกครั้งที่ออกไปทำหน้าที่ ณ ตำแหน่งตรงนี้เราจะเปิดใจพบกับหลวงพ่อ ถ้าเราทำได้อย่างนี้การทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเราก็จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์
(พระราชภาวนาวิสุทธิ์)
3 สิงหาคม 2528
ใช้ ยาอะไรอยู่? ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ " Ya & You " ได้แล้ว !
ใช้ ยาอะไรอยู่? ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ " Ya & You " ได้แล้ว !
www.yaandyou.net
ใช้ ยาอะไรกันอยู่ ตรวจสอบข้อมูลยา และวิธีใช้ที่ถูกต้องผ่านเว็บไซต์ Ya & You ได้แล้ว
เปิดใช้งานแล้วเว็บไซต์ "Ya&You" ให้ผู้ป่วยตรวจสอบ
ยาในมือ เพื่อการใช้ยาที่ถูกต้อง-ลดผลข้างเคียงจากยา
โดยสามารถสืบค้นได้ทั้งชื่อยาสามัญ และการค้า รวมถึงวิธีใช้
ผลข้างเคียง ระบุมีข้อมูลยาในไทยแล้ว 17,000 เลขทะเบียนยา
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา
(มูลนิธิ วพย.) แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ " ยา กับ คุณ"
( Ya & You ) www.yaandyou.net ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 51 หลังจากได้ลงนามความร่วมมือไปก่อนหน้านี้ โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีเป็นประธานในงาน
ผศ.ภญ.ดร.ภูรี อนันตโชติ กรรมการมูลนิธิเพื่อการวิจัย และพัฒนาระบบยา กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ภายในงานแถลงข่าวว่า พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้นมา เนื่องจากไม่มีเว็บไซต์ข้อมูลยาที่เป็นภาษาไทย หรือมีก็เป็นข้อมูลที่น้อยมาก ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับยาเป็นภาษาอังกฤษมีค่อนข้างมาก ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่การกินยาต้องอยู่กับเราอีกนาน จึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเ กี่ยวกับยา
" หลักๆ คือได้ยามาแล้วต้องรู้อะไรบ้าง ต้องกินอย่างไร ถ้ามียาอยู่ในมือแล้วจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม และข้อมูลจากเว็บไซต์จะช่วยเตรียมพร้อมก่อนไปพบแพทย์ว่าต้องถามอะไรกับแพทย์ บ้าง เพราะเรามีช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้คุยกับแพทย์จึงต้องใช้ช่วงเวลานั้นให้เต็มที่ ทั้งนี้มีงานวิจัยของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ในสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้งานถึง 30% จากค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคทั้งหมด" ผศ.ภญ.ดร.ภูรีกล่าว
ทั้งนี้ในความร่วมมือทางมูลนิธิ วพย.เป็นฝ่ายเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยา ส่วนทางเนคเทคเป็นฝ่ายพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที โดยข้อมูลภายในเว็บไซต์ระบุเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา ชื่อยาสามัญ ชื่อยาทางการค้า วิธีการใช้ โดยเป็นยาที่มีใช้เฉพาะในเมืองไทย และส่วนใหญ่เป็นยาเม็ด ส่วนยาสามัญประจำบ้าน อย่างยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดงนั้นไม่ได้ระบุไว้
ผศ.ภญ.ดร.ภูรี ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีข้อมูลชื่อสามัญของยาเดี่ยว 600 รายชื่อแล้ว นับเป็น 60-70% ของยาทั้งหมด และหากรวมรูปแบบยาประเภทยาน้ำ ยาเม็ดนั้นมีทั้งหมด 900 รายชื่อ ทั้งนี้เป็นข้อมูลยาทั้งหมด 17,000 เลขทะเบียนยา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อมูลยาทั้งหมด 30,000 เลขทะเบียนยา
" อนาคตจะเพิ่มเติมในส่วนของรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สืบค้นกรณีไม่ทราบชื่อยาแต่มีตัวอย่างยาด้วย รวมถึงการเพิ่มข้อมูลในส่วนของยาหยอด ทายาและยาน้ำ ส่วนยาฉีดมองว่า เป็นเรื่องของโรงพยาบาลจึงไม่ใส่ข้อมูลในส่วนนี้ ยกเว้น ข้อมูลเกี่ยวกับอินซูลิน ยาฉีดรักษาไตและยาฉีดรักษามะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยทราบว่าใช้ยาแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร " ผศ.ภญ.ดร.ภูรี กล่าวและย้ำว่าวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ก็เพื่อให้ผู้ใช้ยาสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับยาที่ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยสืบค้นวิธีรักษาด้วยตัวเอง
ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยคลังอนุพันธุ์ความรู้ เนคเทค กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากปัญหาที่ ผู้ป่วยได้ยามาแล้วใช้ไม่ถูกต้อง และเห็นว่าเป็นประโยชน์ตรงๆ และเป็นเรื่องพื้นๆ ซึ่งโดยปกติข้อมูลยาภาษาอังกฤษมีเยอะมากแต่ไม่มีข้อมูลที่เป็นภาษาไทย ทางเนคเทคก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีสำหรับสืบค้นข้อมูลได้ตามต้องการ โดยใช้โอเพ่นซอร์ส ( Open Source) สำหรับสร้างเว็บไซต์
ทั้งนี้เนคเทคและมูลนิธิ วพย.มีความร่วมมือกันตั้งแต่ต้นปีก่อนที่จะลงนามความร่วมมือในการพัฒนา เว็บไซต์นี้ขึ้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงพัฒนามาถึงขั้นใช้งานได้จริง และ ดร.จุฬารัตน์ยังระบุด้วยว่า เนคเทคยังมีความร่วมมือในการพัฒนาเว็บไซต์ฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ e-museum ที่ร่วมมือกับสภากาชาดไทยพัฒนาพิพิธภัณฑ์เสมือน e-Health ที่รวมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีนำข้อมูลจากโครงการไซส์-ไทยแลนด์ ( Size-Thailand) ซึ่งรวบรวมข้อมูลรูปร่างกับข้อมูลทางด้านการแพทย์ เป็นต้น
www.yaandyou.net
ใช้ ยาอะไรกันอยู่ ตรวจสอบข้อมูลยา และวิธีใช้ที่ถูกต้องผ่านเว็บไซต์ Ya & You ได้แล้ว
เปิดใช้งานแล้วเว็บไซต์ "Ya&You" ให้ผู้ป่วยตรวจสอบ
ยาในมือ เพื่อการใช้ยาที่ถูกต้อง-ลดผลข้างเคียงจากยา
โดยสามารถสืบค้นได้ทั้งชื่อยาสามัญ และการค้า รวมถึงวิธีใช้
ผลข้างเคียง ระบุมีข้อมูลยาในไทยแล้ว 17,000 เลขทะเบียนยา
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา
(มูลนิธิ วพย.) แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ " ยา กับ คุณ"
( Ya & You ) www.yaandyou.net ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 51 หลังจากได้ลงนามความร่วมมือไปก่อนหน้านี้ โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีเป็นประธานในงาน
ผศ.ภญ.ดร.ภูรี อนันตโชติ กรรมการมูลนิธิเพื่อการวิจัย และพัฒนาระบบยา กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ภายในงานแถลงข่าวว่า พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้นมา เนื่องจากไม่มีเว็บไซต์ข้อมูลยาที่เป็นภาษาไทย หรือมีก็เป็นข้อมูลที่น้อยมาก ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับยาเป็นภาษาอังกฤษมีค่อนข้างมาก ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่การกินยาต้องอยู่กับเราอีกนาน จึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเ กี่ยวกับยา
" หลักๆ คือได้ยามาแล้วต้องรู้อะไรบ้าง ต้องกินอย่างไร ถ้ามียาอยู่ในมือแล้วจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม และข้อมูลจากเว็บไซต์จะช่วยเตรียมพร้อมก่อนไปพบแพทย์ว่าต้องถามอะไรกับแพทย์ บ้าง เพราะเรามีช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะได้คุยกับแพทย์จึงต้องใช้ช่วงเวลานั้นให้เต็มที่ ทั้งนี้มีงานวิจัยของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ในสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้งานถึง 30% จากค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคทั้งหมด" ผศ.ภญ.ดร.ภูรีกล่าว
ทั้งนี้ในความร่วมมือทางมูลนิธิ วพย.เป็นฝ่ายเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยา ส่วนทางเนคเทคเป็นฝ่ายพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที โดยข้อมูลภายในเว็บไซต์ระบุเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา ชื่อยาสามัญ ชื่อยาทางการค้า วิธีการใช้ โดยเป็นยาที่มีใช้เฉพาะในเมืองไทย และส่วนใหญ่เป็นยาเม็ด ส่วนยาสามัญประจำบ้าน อย่างยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดงนั้นไม่ได้ระบุไว้
ผศ.ภญ.ดร.ภูรี ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีข้อมูลชื่อสามัญของยาเดี่ยว 600 รายชื่อแล้ว นับเป็น 60-70% ของยาทั้งหมด และหากรวมรูปแบบยาประเภทยาน้ำ ยาเม็ดนั้นมีทั้งหมด 900 รายชื่อ ทั้งนี้เป็นข้อมูลยาทั้งหมด 17,000 เลขทะเบียนยา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อมูลยาทั้งหมด 30,000 เลขทะเบียนยา
" อนาคตจะเพิ่มเติมในส่วนของรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สืบค้นกรณีไม่ทราบชื่อยาแต่มีตัวอย่างยาด้วย รวมถึงการเพิ่มข้อมูลในส่วนของยาหยอด ทายาและยาน้ำ ส่วนยาฉีดมองว่า เป็นเรื่องของโรงพยาบาลจึงไม่ใส่ข้อมูลในส่วนนี้ ยกเว้น ข้อมูลเกี่ยวกับอินซูลิน ยาฉีดรักษาไตและยาฉีดรักษามะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยทราบว่าใช้ยาแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร " ผศ.ภญ.ดร.ภูรี กล่าวและย้ำว่าวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ก็เพื่อให้ผู้ใช้ยาสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับยาที่ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยสืบค้นวิธีรักษาด้วยตัวเอง
ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยคลังอนุพันธุ์ความรู้ เนคเทค กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากปัญหาที่ ผู้ป่วยได้ยามาแล้วใช้ไม่ถูกต้อง และเห็นว่าเป็นประโยชน์ตรงๆ และเป็นเรื่องพื้นๆ ซึ่งโดยปกติข้อมูลยาภาษาอังกฤษมีเยอะมากแต่ไม่มีข้อมูลที่เป็นภาษาไทย ทางเนคเทคก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีสำหรับสืบค้นข้อมูลได้ตามต้องการ โดยใช้โอเพ่นซอร์ส ( Open Source) สำหรับสร้างเว็บไซต์
ทั้งนี้เนคเทคและมูลนิธิ วพย.มีความร่วมมือกันตั้งแต่ต้นปีก่อนที่จะลงนามความร่วมมือในการพัฒนา เว็บไซต์นี้ขึ้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงพัฒนามาถึงขั้นใช้งานได้จริง และ ดร.จุฬารัตน์ยังระบุด้วยว่า เนคเทคยังมีความร่วมมือในการพัฒนาเว็บไซต์ฐานข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ e-museum ที่ร่วมมือกับสภากาชาดไทยพัฒนาพิพิธภัณฑ์เสมือน e-Health ที่รวมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีนำข้อมูลจากโครงการไซส์-ไทยแลนด์ ( Size-Thailand) ซึ่งรวบรวมข้อมูลรูปร่างกับข้อมูลทางด้านการแพทย์ เป็นต้น
ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)
มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์
(เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่ สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
: วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)
มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์
(เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่ สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)